Chapter 37.
.
“ว่าไงว่ะไอ้กบ! นั่งหน้าเป็นตูดเลยนะมึง” ไมกี้เอ่ยทักเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งใจลอยอยู่ใต้ตึกเรียน
เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน หลังจากเกิดเรื่องข่าวฉาวที่ยังคงเป็นTalk of the townมาจนทุกวันนี้ น้ำเชี่ยวได้โทรไปขอร้องให้ไมค์ช่วยสืบหาข่าวภายในของบริษัทที่เกี่ยวกับพีมทั้งหมดจากบรรดาโปรดิวเซอร์และพวกเพื่อนๆนักร้องด้วยกัน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นน้ำเชี่ยวก็ถูกสั่งห้ามเข้าไปที่บริษัทเป็นการชั่วคราว อีกทั้งยังไม่สามารถไปที่บ้านของพีมได้เพราะมักจะมีนักข่าววนเวียนอยู่ที่หน้าบ้านของพีมประจำ เขาทำได้แค่โทรคุยกัน และพีมเองก็ไม่ได้บอกอะไรมากเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น น้ำเชี่ยวเข้าใจดีว่าพีมก็ไม่อยากให้เขาต้องคิดมากกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดเพราะเป็นช่วงที่น้ำเชี่ยวกำลังจะสอบปลายภาคแล้ว
“เออ ไงว่ะไมค์? ได้เรื่องมั้ยว่ะ”
“เฮ้อออ.. แย่ว่ะ กูได้ยินมาว่าตอนนี้งานอัลบั้มใหม่ของพี่พีมถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด น่าจะเป็นผลกระทบจากสปอนเซอร์ที่ยังไม่เซ็นสัญญาตามที่ตกลงไว้ เห็นเค้าว่ากันว่าไอ้พวกคอสตูมช่างแต่งหน้าแม่งมันไปเม้าท์กันว่าพี่พีมน่ะชอบใช้เส้นสายและความเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการหลอกเด็กรุ่นน้องในค่ายให้ไปนอนด้วยแลกกับการที่พวกนั้นจะได้เป็นนักร้องในวงการอ่ะดิ แล้วเรื่องนี้ก็ไปถึงหูพวกบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ แม่งเชรี้ยชิบหายอีพวกปากหมาไม่มีหูรูดเนี่ย เฮ้อออ”
ด้วยเพราะไมกี้เองก็รู้เห็นเรื่องราวทั้งหมดระหว่างน้ำเชี่ยวและพีมมาตลอด พอได้ฟังข่าวที่คนอื่นๆเอาไปเม้าท์กันปากต่อปากก็อดรู้สึกโมโหจนต้องระบายออกมาไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีก็ทำให้เพื่อนสนิทที่ได้ฟังถึงกับอึ้งไปกับเรื่องราวที่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเลยเถิดไปได้ขนาดนี้
“ทำไมเรื่องมันถึงบานปลายไปได้ถึงขนาดนั้นว่ะไอ้ไมค์ แล้วพี่พีมก็ไม่คิดจะบอกอะไรกูซักอย่าง มึงเชื่อมั้ย ก่อนมาเนี่ยกูเพิ่งคุยกับเค้า แต่เค้าบอกกูว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น ทีมงานกำลังนัดวันไปอัดเพลงที่เหลือ..” เด็กหนุ่มตัดพ้อออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ฝ่ามือหนาได้แต่ขยำขยี้ทึ้งเส้นผมตัวเองอย่างเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำอะไรให้คนรักของตนได้เลย
“กูไม่เข้าใจ เค้าเห็นกูเป็นอะไรว่ะ นี่กูไม่มีปัญญาไม่มีค่าพอที่จะช่วยเหลืออะไรเค้าได้เลยหรือว่ะ แม้แต่กำลังใจปลอบใจเค้ายังไม่ให้โอกาสนั้นกับกูเลย” น้ำเชี่ยวก้มหน้าระบายทุกอย่างออกมาทั้งน้อยและใจเสียใจ เขาไม่ได้โกรธพีมที่ปิดบังเรื่องทุกอย่าง หากแต่มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนพวกหน้าตัวเมียที่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่างได้แต่หดหัวอยู่แต่ในกระดองทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเขาเองแท้ๆ
“ถ้ากูจะบอกให้มึงอย่าคิดมากก็คงยาก เอาเป็นว่ากูขอให้มึงใจเย็นๆไว้แล้วกัน จะทำอะไรก็คิดถึงตัวเองแล้วก็พี่พีมไว้เยอะๆ กูว่าเค้าก็คงไม่อยากให้มึงเป็นอย่างนี้หรอก แล้วถ้ามึงมีอะไรจะให้กูช่วยหรืออยากจะระบายก็โทรหากูได้ทุกเมื่อนะเว้ย” มือหนาตบลงบ่าของน้ำเชี่ยวสองสามครั้งย้ำว่าเขายังอยู่ข้างๆเพื่อนเสมอ
“ไมค์กูอยากให้มึงช่วยอะไรกูหน่อย..”
.
.
.
“
พี่นุ่น! ขวัญเหนื่อยจะกลับแล้ว มัวคุยอะไรอยู่นั่นแหละ” ดาราสาวโผล่งขึ้นกลางวงที่รายล้อมไปด้วยบรรดาช่างแต่งและหน้าคอสตูมที่กำลังสุมหัวกันเม้าท์ดารานักร้องในวงการโดยมีน้ำนุ่นนั่งเป็นประธาน กำลังฝอยกันจนน้ำลายแตกฟอง จะว่าไปเธอก็ไม่เห็นว่าน้ำนุ่นจะช่วยอะไรเธอในกองถ่ายได้เลย มาถึงก็ช่วยซับหน้าเธอพอเป็นพิธีเสร็จแล้วก็ตั้งวงคอยแต่เม้าท์ดาราคนอื่นๆ เวลาพักไม่ว่าจะน้ำหรืออาหารจอมขวัญก็ต้องช่วยตัวเองทั้งนั้น
“เอ๊ะ อิ.. อุ้ย! โธ่ ขวัญก็ ทุกทีพี่ไม่เห็นขวัญจะรีบอะไร นู้นไปคุยเล่นกับผู้กำกับก่อนสิ เดี๋ยวสักพักค่อยกลับล่ะกันนะ”
“พอเถอะพี่นุ่น วันนี้ขวัญเหนื่อยอยากจะกลับไปพักแล้ว รถขวัญก็ต้องขับ ไม่ได้นั่งเฉยๆแบบพี่นี่ พรุ่งนี้มีคิวถ่ายแต่เช้าขวัญต้องพักนะพี่”
“
อะ! อินี่ บอกว่าแป๊บเดียวๆ ฟังไม่รู้เรื่องรึไง ชั้นเป็นพี่แกนะหัดฟังกันหน่อย ถ้าแกไม่มีคนคอยช่วยงานรับงานให้อย่างชั้นแกจะดังได้ถึงขนาดนี้มั้ย อยากจะพักก็พักสิ นั่งอยู่ตรงนี้แกพักไม่ได้รึไง จะรีบกลับไปทำไม บ้านมันไม่วิ่งหนีแกไปไหนหรอก” สาวอ้วนสวนกลับน้องสาวอย่างลืมตัวเพราะถูกน้องพูดหักหน้าท่ามกลางวงสนทนา ทำเอาทั้งวงนั่งอึ้งกันไปหมด
“ขวัญไม่เห็นพี่จะทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์กับขวัญสักเท่าไหร่เลย ช่วยรับงานตรงไหน พี่น่ะมีแต่จะทำให้ขวัญงานเข้าตลอดล่ะไม่ว่า แล้ววันนี้พี่ทำอะไรบ้างล่ะ ก็ได้แต่นั่งเม้าท์คนอื่นๆเค้าลับหลัง เรื่องมั่วๆข่าวลอยๆพี่ก็เอามาปั้นแต่งซะคนอื่นเค้าเสียๆหายๆหมด พวกพี่ๆก็เหมือนกันอย่าไปเชื่อพี่นุ่นให้มากนะคะ ขวัญอยากจะเตือนไว้ ถ้าไม่อยากถูกจดหมายฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทเหมือนพี่นุ่นล่ะก้อ” ดาราสาวตอกกลับอย่างเหลืออด
“
ห๊า! อะไร จดหมายฟ้องอะไรห๊ะ อีขวัญ อย่ามาใส่ร้ายชั้นนะ ที่ชั้นพูดมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นทำไมชั้นจะพูดไม่ได้ย๊ะ”
“นี่พี่ยังไม่รู้อะไรอีกเหรอ ว่าพี่กำลังจะโดนฟ้องน่ะ ก็จดหมายที่ขวัญเอาไปไว้ที่ห้องพี่เมื่อวันก่อนไง นี่พี่ยังไม่ได้เปิดดูเลยสินะ วันๆก็ได้แต่กินแล้วก็นอน มากองถ่ายก็เม้าท์ชาวบ้านเค้า จำได้หรือเปล่าว่านักข่าวคนไหนที่มันเอาคำที่พี่พูดไปลงบ้าง เค้าอ้างว่าได้แหล่งข่าวมาจากพี่น่ะ ขวัญบอกไว้ก่อนเลยนะพี่ คราวนี้ขวัญจะไม่ช่วยพี่แล้ว เงินที่จะไปซื้อหน้าลงขอโทษเค้าน่ะพี่หาเองแล้วกัน.. ขวัญจะกลับแล้วล่ะ ถ้าพี่จะนั่งแท๊กซี่กลับเองก็ตามใจ"
“
ต๊าย! อะไรเนี่ยยัยน้ำนุ่น นี่เธอเอาเรื่องแต่งมาเล่าให้พวกชั้นฟังเหรอเนี่ย แล้วที่โดนฟ้องอย่าลากพวกชั้นไปเกี่ยวด้วยนะ ชั้นก็ฟังมาจากเธอโม้มาทั้งนั้น อ๊ายรมณ์เสียหลงนั่งฟังมันไปตั้งนานเสียเวลาทำมาหากินหมด” พอทุกคนได้ยินที่ดาราสาวเล่ามาก็พากันวงแตกไปคนล่ะทิศล่ะทาง ด้วยกลัวว่าตัวเองจะถูกดึงเข้าไปเอี่ยวด้วยในเรื่องฟ้องร้อง
จริงๆแล้วเรื่องที่น้ำนุ่นชอบทำตัวเป็นผู้หยั่งรู้ในวงการบันเทิงโดยใช้ดรีกรีที่ว่าตัวเองเป็นคนวงในเพราะเป็นถึงพี่สาวนางเอกดาวรุ่ง แล้วชอบพูดไปทั่วเรื่องข่าวคาวของดารานักร้องเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นจุดสนใจของคอื่นๆบ้างนั้น จอมขวัญเองก็รู้สึกเอือมระอามานาน กระทั่งล่าสุดข่าวที่ถูกปูดออกมาเรื่องเกี่ยวกับพีม พีราณุ ที่ว่าพีมชอบหลอกเด็กรุ่นน้องทำตัวมั่วบ้าผู้ชาย จอมขวัญก็รู้ดีว่าพี่สาวเธอที่ตั้งใจปั้นข่าวและไปพูดให้ฝ่ายเสื้อจัดเสื้อผ้าบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งฟัง เพื่อที่อยากจะเห็นพีมย่ำแย่ในวงการ เธอตั้งใจว่าจะหาโอกาสพูดกับน้ำนุ่นจริงจังเสียทีเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง อีกทั้งเธอเองก็ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่กับการปั้นข่าวเล่าเพื่อความสนุกปากของคนไม่กี่คนแต่อาจจะทำให้ชีวิตของคนๆนึงย่ำแย่ได้ทั้งๆที่เขาก็ตั้งใจทำงานผลิตผลงานที่ออกดีมา เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนพวกนั้น หลายครั้งที่เธอโดนข่าวๆเสียๆหายจากคนอื่นเธอเข้าใจดีว่ามันรู้สึกเช่นไร
กระทั่งเมื่อวานก่อนไมกี้โทรมาหาเธอ บอกว่าน้ำเชี่ยวให้เขาช่วยสืบว่าใครที่ปล่อยข่าวเรื่องของพีม เพราะน้ำเชี่ยวคิดว่าเอ็มน่าจะมีแค่ภาพแอบถ่าย แต่ไม่น่าจะมีพาวเว่อร์พอที่จะนำเรื่องราวให้ไปถึงหูคนในบริษัทโฆษณาหรือนักข่าวได้ ..และตอนนี้ไมกี้ก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของน้ำนุ่นจึงโทรมาขอร้องให้เธอช่วยคุยกับพี่สาวให้หยุดพฤติกรรมอย่างนั้นซะ ไม่เช่นนั้นเขาจะบอกเรื่องทั้งหมดให้น้ำเชี่ยวรู้ และอาจจะรวบรวมพยานทั้งหมดรวมถึงบรรดาดาราคนอื่นๆที่น้ำนุ่นเคยเอาข่าวของพวกเขาไปใส่สีตีไข่แล้วเอาไปพูดในทางเสียหายให้ทุกคนร่วมมือกันฟ้องร้องค่าเสียหายจากพี่สาวเธอ และเมื่อถึงวันนั้นนอกจากจอมขวัญจะถูกน้ำเชี่ยวเกลียด ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว อาจจะต้องตามไปชดใช้ค่าเสียหายให้บรรดาดาราเหล่านั้นแทนพี่สาวของเธอด้วย
.
.
.
“น้ำเชี่ยว..เองแน่ใจนะเว้ย ว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้อ่ะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเพื่อน” ท่ามกลางความชุนลมุนและงุนงงของบรรดานักข่าวที่เริ่มทยอยกันมาจนเกือบเต็มห้องประชุมของโรงแรมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบริษัทนัก ไมกี้เดินเข้ามานั่งข้างเพื่อนซี้ที่โซฟาในห้องรับรองด้านหลัง
“ใช่น้ำเชี่ยว ลองคิดดูอีกทีมั้ย ทำอย่างนี้แล้วน้ำอาจจะต้องเสียเวลาเกือบ2ปีที่ทำมาในวงการไปเลยนะ” โจย้ำอีกครั้ง เขาอยู่ที่บริษัทนี้มานานเขารู้ดีสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังจะทำมันเหมือนเป็นการแหกกฎของบริษัทชัดๆ
“ขอบใจไมค์ ขอบคุณครับพี่โจ ที่หวังดีกับน้ำเชี่ยว น้ำคิดดีแล้วครับ คิดมานานแล้วด้วย ถ้าน้ำรู้ตั้งแต่แรกว่าเรื่องมันจะบานปลายมาขนาดนี้ น้ำคงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่รอมาจนถึงวันนี้หรอก.. 2ปีในวงการของน้ำเทียบไม่ได้กับ6ปีของพี่พีมหรอกครับ จะว่าไปน้ำเชี่ยวเป็นนักร้องได้เพราะฟลุ้คด้วยซ้ำ แต่พี่พีมต้องทิ้งเกือบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นครอบครัว บริษัทพี่พ่อกับแม่สร้างขึ้นมา เพื่อให้ได้ทำงานในวงการ เพื่อสิ่งเดียวที่พี่เขาฝันมาตั้งแต่เด็ก น้ำเชี่ยวยอมให้ตัวเองเป็นต้นเหตุทำลายทุกอย่างของพี่พีมไม่ได้หรอกครับ.. อีกอย่าง น้ำเชี่ยวคิดถึงพี่พีม อยากกอดอยากปลอบ ไม่อยากฟังคำพูดปลอมๆที่พี่พีมพยามหลอกน้ำเชี่ยวอยู่ทุกวันว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้นอีกแล้ว” เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างหนักแน่นและพร้อมจะเผชิญกับทุกอย่างที่จะเกิด
ในเมื่อตอนนี้ทั้งภาพและข่าวที่ออกมาก็กลายเป็นผูกมัดพีมให้ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งแล้วว่าพีมเป็นพวกชายรักชาย แล้วการที่พีมไม่ยอมออกมาเปิดเผยตัวคนในรูปนั้นก็ยิ่งทำให้นักข่าวและผู้คนต่างคิดกันไปว่าพีมชอบมั่วและเปลี่ยนคู่ขาไปเรื่อย ทำให้บรรดาสำนักข่าวต่างๆพากันขุดภาพดารานายแบบคนนั้นคนนี้ขึ้นมาลากมาโยงจนเละเทะไปหมด รวมถึงข่าวที่ว่าชอบหลอกเด็กหนุ่มๆในสังกัดอีก ที่ทำให้มันมีประเด็นให้นักข่าวเขียนได้ทุกวัน ให้ประชาชนคิดกันไปไม่รู้จักจบสิ้น
และทางเดียวที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบไปซะได้ ก็เพียงแค่เขาออกมาบอกความจริง บอกในสิ่งที่นักข่าวพวกนั้นจะอยากรู้และสนใจมากกว่า ว่าคนในรูปที่เป็นข่าวเป็นน้ำเชี่ยวเอง และก็เป็นเขาที่จะสามารถยืนยันได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปไหนในสถานที่ไหน คนในรูปล้วนเป็นเขาคนเดียว มันไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้แน่นอน เพราะตลอดมาเกือบ 2 ปีตั้งแต่วันแรกที่เขาได้รู้จักและร่วมงานกับพีม ก็มีเขานี่แหละที่ตามติดพีมตลอดมันจะเป็นใครไปได้ และถ้านักข่าวยังไม่เชื่ออีกเขาก็จะเอาเสื้อผ้าที่เขาใส่เหมือนในรูปมาพิสูจน์ให้ดูว่ามันเป็นเขาจริงๆ เขานี่แหละที่เป็นผู้ชายในรูป เป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ข้างกายพีมมาตลอด เป็นคนที่พยามบีบบังคับให้พีมยอมมาเป็นแฟน ถ้าจะมากล่าวหาว่าพี่พีมมั่วก็มั่วแต่กับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
.
.
.
ในคอฟฟี่ช็อบหรูชั้นล่างตึกGS เอนท์ฯ ในเวลาบ่ายแก่ๆเช่นนี้ ผู้คนไม่ค่อยมาก เหมาะแก่การถ่ายภาพนิ่งในอิริยาบถสบายๆและสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ได้ พื้นที่3-4โต๊ะตรงโซนติดขอบกระจกใสด้านข้างถูกARคนเก่งกันไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทีมงานและศิลปินให้ทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ผู้จัดการสาวเลือกนั่งโต๊ะถัดจากพีมและนักข่าวไม่ไกลนัก ช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอต้องคอยสกรีนสื่อที่จะเข้ามาอย่างหนัก เพราะการมีข่าวฉาวไม่ได้ทำให้จำนวนสื่อที่เข้ามาลด ลงกลับมีมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะเป็นนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เล่มไหนก็อยากจะจ่อไมค์สัมภาษณ์พีมในเรื่องแฟนหนุ่มที่เป็นข่าวด้วยทั้งนั้น แถมยังมีประเด็นร้อนเรื่องหลอกเด็กหนุ่มๆในสังกัดให้พวกสื่อปากเสียพวกนี้ค่อนแคะกันด้วยอีก แต่จะมีสักกี่สื่อกันเชียวที่เข้ามาเพื่อนำเสนอข่าวในแง่ของความเป็นจริงแบบไม่เติมแต่ง ยังดีหน่อยที่พีมฉลาดในการตอบคำถามไม่จนมุมนักข่าวได้ง่ายๆ
“เรียบร้อยแล้วหรือคะ อยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็โทรหาฝนได้นะคะ” ผู้จัดการสาวเดินมาทักเมื่อเห็นทีมงานและนักข่าวเริ่มเก็บอุปกรณ์
“อ๋อได้คะ แต่น่าจะเรียบร้อยน่ะคะ คุณพีมคุยเก่งและฉลาดตอบคำถามเหมือนเดิมเลยคะ ทำงานง่ายก็สบายทีมงานไปด้วยคะ คิดว่าน่าจะปิดอาร์เวริค์ได้ซักกลางเดือนหน้า เดี๋ยวหนังสือออกแล้วจะให้ทีมงานส่งมาให้นะคะ..
เอ๋! ว่าแต่นี่ก็จะเย็นแล้ว คุณฝนไม่ไปช่วยที่งานแถลงข่าวอีกงานเหรอคะ”
“
คะ? งานแถลงข่าวอะไรหรือคะ” ออกจะงงๆกับคำถาม เพราะเธอก็มั่นใจว่าดูตรางงานมาชัวร์แล้ว วันนี้เธอมีแค่งานตามพีมเพียงคนเดียวเท่านั้น ว่าแต่งานแถลงข่าวที่นักข่าวถามมานี่ มันงานอะไรของเด็กคนไหนในค่ายอีกล่ะ
“อ้าว ก็เห็นว่าวันนี้น้องน้ำเชี่ยวมีแถลงข่าวอะไรก็ไม่รู้นะคะไม่ได้บอกประเด็นมา แต่เชิญทุกสื่อ เลยคิดว่านักข่าวน่าจะเยอะ พี่ยังแปลกใจเลยเพราะไม่ได้จัดที่บริษัทแต่ดันไปจัดที่โรงแรม.. เห็นปกติคุณฝนก็ดูแลน้องอยู่”
“
โอ๊ะ!! ขอโทษครับๆ พีมซุ่มซ่ามเอง
ขอโทษนะครับ” ศิลปินหนุ่มที่ฟังอยู่ถึงกับมือไม้อ่อนทำน้ำหกใส่หกใส่เอกสารของทีมงานเมื่อจับใจความในประโยคของนักข่าวได้ว่าน้ำเชี่ยวกำลังทำอะไรบางอย่างโดยไม่ผ่านบริษัท และแน่นอนไม่ได้บอกเขาด้วยเช่นกัน
“อ๋อเหรอคะ อ่า..พอดีช่วงนี้ฝนยุ่งๆน่ะคะ น่าจะเป็นยีนส์ที่คอยดูแลน้องคะ แหะๆ” ฝนกลบเกลื่อนเอาตัวรอดไป แต่หันไปสบตาพีมก็รู้กันว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ เพราะก่อนออกมาจากบริษัททั้งคู่ยังได้คุยกับยีนส์อยู่เลย ว่ายีนส์ต้องไปดูแลนิกที่งานโชว์ตัวต่างจังหวัดแทนARอีกคนที่ลาพักร้อน แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่น้ำเชี่ยวต้องเตรียมตัวสอบจึงไม่รับงาน แล้วจะมีแถลงข่าวได้อย่างไร
“พี่ฝน!” พอทีมงานคล้อยหลังไปพีมก็โผล่งหาผู้จัดการสาวคนสนิทพร้อมกับควานหาโทรศัพท์ โทรหาเจ้าตัวปัญหาทันที
“โอเคพีม โอเค..พี่รู้แล้ว พี่ก็งงไม่ต่างกับพีมนี่ล่ะ..
อียีนส์รับโทรศัพท์หน่อยสิโว้ย” มองตาศิลปินก็รู้ใจ ว่าตอนนี้ใจมันหายไปแล้ว ไม่ว่าจะใจของเธอหรือใจของพีมก็หายไปพร้อมๆกันนี่แหละ หญิงสาวกดโทรศัพท์ทันทีที่นักข่าวเดินออกไป
“พี่ฝน น้ำเชี่ยวไม่รับโทรศัพท์พีมเลยอ่ะ พีมจะไปดูที่โรงแรมนะพี่” พีมยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้น้ำเชี่ยวตัดสายเขาทิ้งและปิดเครื่องทันทีแบบนี้
“
เฮ้ยยย ไม่ได้นะพีมจะไปได้ยังไงเกิดนักข่าวรู้เข้าละ
พีม! เดี๋ยวก่อน รอพี่ด้วย พีม!.. ฮัลโหลๆ
ยีนส์! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อีลูกกบของแกทำเรื่องแล้วงานนี้ กรี๊ดดดด กูจะบ้า..”
.
.
.
ในเวลาเดียยวกัน ที่โรงแรมระดับ4ดาวไม่ไกลจากบริษัทGS เอนท์ฯ บรรดากระจอกข่าวน้อยใหญ่ต่างพากันรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้ง พร้อมเสียงฮือฮากันอย่างอื้ออึงหู ที่ได้ยินว่านักร้องดาวรุ่งอนาคตไกลตรงหน้าสารภาพอย่างหนักแน่นว่า เขาคือคนในข่าวหน้าหนึ่งเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
“สรุปแล้วคนในรูปคือ น้ำเชี่ยวใช่มั้ยครับ?!! แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงครับน้ำเชี่ยว?”
“ครับ ผมเอง ผมเป็นคนบังคับให้พี่เขามาคบกับผม ผมใช้ข้ออ้างเรื่องงานล่วงเกินเขาก่อน จนในที่สุดพอเราต้องทำงานด้วยกันนานๆเข้า ผมก็ใช้ความสัมพันธ์พวกนั้นมาต่อรองจนเขาใจอ่อน ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง ผมรักพี่เขา ผมทั้งรักทั้งหลงจนเหมือนคนบ้า พี่เขารู้ถ้าเขาปล่อยผมไว้คนเดียว ถ้าเขาทิ้งผมไปผมคงเป็นบ้าและอาจทำอะไรโง่ๆ และนี่เลยเป็นสาเหตุให้ผมใช้ความใจอ่อนของเขาให้เขายอมอยู่กับผม ยอมคบกับผมในที่สุด จนกระทั่งมาเกิดเรื่องนี้”
“หมายความว่าน้องน้ำเชี่ยวคือคนรักของคุณพีมใช่มั้ยคะ” นักข่าวสาวนางหนึ่งยิงคำถามทันทีที่สบโอกาส
“เอ่อ.. ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นที่สุดครับ..”
“หรือว่าจริงๆแล้ว พีมก็ไม่ได้รักน้ำเชี่ยว แต่ต้องจำใจคบเพราะถูกบังคับใช่หรือเปล่าคะ?” แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเจ็บปวดจากคำถามที่นักข่าวสาวถาม แต่เขาก็จำต้องเดินเกมส์นี้ต่อให้จบ เพราะในเมื่อเขาวางหมากไว้ให้เป็นแบบนี้แล้ว ก็ต้องพยามทนรับให้ได้กับสิ่งที่จะสะท้อนกลับมา
“ผมไม่สน ผมสนแค่ว่า ให้ได้พี่พีมมาอยู่กับผมแค่นั้นพอ!”
“แล้วเรื่องรูปถ่ายล่ะ? น้ำเชี่ยวคิดว่าเป็นฝีมือใคร”
“รูปปาปารัสซี่ทุกรูปถูกถ่ายโดยแฟนคลับของผมเอง เค้าไม่เห็นด้วยที่ผมคบกับพี่พีม และผมก็ไม่คิดว่าเค้าจะตามถ่ายภาพพวกนี้ส่งไปให้หนังสือพิมพ์”
“แน่ใจนะครับว่าไม่ได้แต่งเรื่องโกหกพวกเรา เพื่อที่จะปกป้องคุณพีม”
“ก็เพราะผมอยากปกป้องพี่พีมไงครับ เลยต้องออกมาพูดความจริงทั้งหมด ผมบอกแล้วว่าผมรักพี่เขา รักมาก มากซะจนทนเห็นข่าวมั่วๆที่พวกพี่เขียนกันอีกต่อไปไม่ไหว” จบคำตอบนักข่าวก็พากันฮือฮาพร้อมแสงแฟลตวูบวาบอีกครั้ง
“แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่การสร้างข่าวเพื่อให้ตัวเองดัง?” ช่างภาพหนุ่มปล่อยคำถามกลางปล้อง
“ผมเซ็นสัญญากับGSเมื่อ 3 ปีก่อน ปีถัดมาออกเทปชุดแรกและได้รางวัลศิลปินดาวรุ่ง อันนี้ GS เป็นคนสนับสนุนครับ และเพิ่งได้เจอและรู้จักกับพี่พีมครั้งแรกเมื่อ 1ปีกับอีก 9เดือนที่แล้ว เมื่อตอนที่เราต้องทำงานร่วมกัน ตอนนั้นผมเองก็มีแฟนคลับ มีผลงานเยอะแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเลยครับ”
“หมายความว่าน้องน้ำเชี่ยว เอ่อ.. เป็นเกย์ มาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้วอย่างนั้นหรือฮ๊ะ” นักข่าวสาวเทียมฝีปากกล้าส่งคำถามฮุคเข้าตรงๆ จนเด็กหนุ่มถึงกับอึ้ง
“คือ.. ผมเองก็ไม่รู้ครับ รู้แต่ตอนที่เจอพี่พีมก็รู้สึกถูกใจ และอยากจะสนิทด้วยมากๆ จนลืมว่าจะคบกันต้องเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย.. แต่พี่พีมก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมอยากจะคบแบบแฟน แบบที่คนรักคู่อื่นๆเค้าเป็นกัน.. จะว่าไปแล้วผมก็เพิ่งคิดได้ว่า ตัวผมเป็นเกย์ก็ตอนที่พี่ๆถามมานี่แหละครับ” เด็กหนุ่มตอบออกมาตรงๆแบบซื่อๆซะจนนักข่าวพากันช๊อค บางคนก็พากันขำที่ได้ยินคำตอบ และยิงแฟลตรัวชัตเตอร์กันต่อไป
“น้ำเชี่ยวแน่ใจใช่มั้ยครับ ว่านี่ไม่ใช่แผนกลบข่าวฉาวให้กับศิลปินอันดับหนึ่งของGSเอนท์”
“GSเอนท์ฯ คงไม่เสียเวลา 3 ปีที่ปั้นผมมาให้เป็นนักร้องเพื่อมากลบข่าวอย่างนี้หรอกครับ ผมรับรองและยืนยันด้วยอนาคตในวงการของผมที่อาจจะเสียไปในวันนี้ ว่าทุกอย่างที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงครับ”
เมื่อฝนมาถึง ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ยีนส์เดาไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าน้ำเชี่ยวเคยเปรยไว้ตั้งแต่แรก ว่าอยากจะเปิดเผยเรื่องจริงทั้งหมดและมันจะแย่ก็ตรงที่น้ำเชี่ยวทำทุกอย่างโดยพละการซึ่งทั้งหมดอาจส่งผลเสียต่อแผนงานของบริษัท
“
ขอโทษคะ! ขอโทษนะคะทุกท่าน! คงต้องพอเท่านี้ก่อนนะคะ น้องน่าจะตอบคำถามให้ครบแล้ว ยังไงฝนต้องขอตัวน้องล่ะนะคะ ขอโทษอีกครั้งคะ” เมื่อผู้จัดการสาวฝ่าวงล้อมของสื่อมวลชนเข้ามาได้ก็ตรงเข้าหาศิลปินพร้อมกับขอโทษขอโพยสื่อต่างๆและพาน้ำเชี่ยวออกจากห้องมาทันที
“
อ๊ะ! เดี๋ยวสิคะ น้องน้ำเชี่ยวคะ อยากทราบว่าตกลงคบกันเป็นแฟนมาได้นานเท่าไหร่แล้วคะ?”
“
แล้วอย่างนี้ต้นสังกัดทราบเรื่องมั้ยคะ?” ....
“หรือว่าแอบคบกันฮ่ะ เดี๋ยวสิฮ่ะน้องน้ำเชี่ยว”
“
แล้วข่าวที่ว่ากุ๊กกิ๊กกับจอมขวัญว่ายังไงคะ?”
“
ฮ่ะ?? ฮัลโหล! ห๊า ว่าไงนะ.. โอเคๆจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ.. นี่พวกเธอ! สายชั้นรายงานมาว่าเจอรถของพีมเพิ่งเลี้ยวเข้ามาที่โรงแรมเมื่อกี้นี้ล่ะ” ระหว่างที่นักข่าวกำลังมะรุมมะตุ้มยื้อคำถามคำตอบกับศิลปินอยู่นั้น นักข่าวปากไวนางนึงก็โผล่งอาการตกใจเมื่อรู้ว่าบุคคลสำคัญในข่าวมาอยู่ในรัศมีไม่ไกล นั่นทำให้นักข่าวส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป้าหมายไปที่อีกคนทันที
.
.
((ต่อข้างล่างครับ)) บอร์ดโพสต์ติดยากมากกกกกกกกกก ![:z6:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/A5728720-13.gif)