ตอนที่ดูดอกไม้ไฟกันวินาทีนั้นสุดจะโรแมนติก รู้สึกว่าตัวเองเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขสุดๆ
วันรุ่งขึ้น...ฉันตัดสินใจเปลี่ยนโปรแกรมการเดินเที่ยว แต่ยังคงการโดดบันจี้ไว้ ตอนที่ฉัน
ตัดสินใจ เขามองหน้าฉันแล้วพูดว่า "อืม..ไหนๆก็เสียเงินแล้วจะเสียเพิ่มอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร"
ฉัน "ถ้าจะเล่นก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด จะได้ไม่มีอะไรให้ค้างคาใจ ครั้งหน้าพวกเราไปเที่ยวที่อื่นกัน
ไม่ต้องมาต้าไห่แล้ว" พวกเรามองดูของเล่น ของที่ระลึกชิ้นใหญ่น้อยตรงหน้า ฉันอยากจะให้ของ
สักชิ้นแก่เขาเพื่อเป็นสิ่งเตือนความจำ แต่เงินในกระเป๋าเหลือไม่มากแล้ว พวกเราก็เลยได้แต่จับต้อง
ลูบคลําอยู่ไปมาเท่านั้น
บันจี้....ก่อนจะขึ้นไปโดดบันจี้พวกเราไม่รู้ว่าจะถ่ายรูป อัดคลิป หรือรับรู้ความรู้สึกของการโดด
บันจี้อย่างไร วินาทีที่ยืนอยู่บนที่โดดบันจี้ฉันสึกว่าแค่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วยก็ไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ฉันคิดห่วงว่า
เขาจะเป็นลมหรือเปล่า ไม่ทันได้สังเกตแววตาของเขา พวกเราก็โดนคนผลักลงมาอย่างไร้นํ้าใจ ฉันไม่ได้
หลับตา เพราะฉันอยากจะบันทึกภาพเหล่านี้ไว้ พวกเราต่างกอดกระชับกันอย่างแนบแน่น ตอนนั้นฉันไม่
รู้สึกกลัวสักนิด อาจเป็นเพราะพื้นทะเลกว้างใหญ่ รอบด้านไม่มีสิ่งอื่นใดมาทำให้รู้สึกว่ามีสิ่งใดมากีดขวาง
มีแต่ความรู้สึกว่าเลือดในตัวมันพลุ่งพล่าน วินาทีนั้นเราต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..ฮ่า..ฮ่า.. โรแมนติกสุดๆ
พอพวกเขาแก้เชือกลงมาแล้วหวนกลับไปทบทวนถึงความรู้สึกตอนโดดบันจี้ ก็จำได้แต่ความรู้สึกที่ถูกคน
ผลักลงมาฮ่า..ฮ่า..
แค่นี้ก่อนนะแล้วบันทึกของฉวนจะตามมาคราวหน้า เครื่องที่ทำงานมันไม่ยอมให้โพสเยอะบอกเมมโมรี่
ไม่พอแถมแฮงค์เป็นระยะอีก