(ต่อ)
ผมตื่นมาอีกทีในอ้อมกอดของเพื่อนสนิทที่หลับอยู่ เพ่งดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงข้ามเตียงแล้วก็พบว่าเพิ่งจะตีห้า ร่างกายมันตื่นเองอัตโนมัติแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเสาร์ ผมค่อย ๆ ขยับร่างกายพยายามให้หลุดพ้นจากแขนยาวที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ แม้ว่ากล้ามจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่มองดูดี ๆ ก็ใหญ่กว่าแขนผมสองแขนรวมกันเสียอีก
เพราะแบบนี้เชนเลยอุ้มผมขึ้นมาบนห้องนอนได้สินะ
จำได้ว่าหลังจากลักหลับ(คิดแล้วเขิน) เพื่อนสนิท ผมก็นั่งสงบจิตสงบใจจนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้แหละ อยู่ดี ๆ ก็มาอยู่ในอ้อมกอดคนที่ผมหลงรักเฉยเลย
ใช่…ผมยอมรับแล้วก็ได้ว่าผมหลงรักเชน
การที่ผมลักหลับเพื่อนขนาดนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากแล้วแหละ ถึงแม้จะสับสนอยู่นิดหน่อยเพราะผมไม่เคยมีแฟน พูดง่าย ๆ ว่าผมไม่เคยชอบใครเลยดีกว่า ถ้าจะให้นึกดูดี ๆ ผมอาจจะชอบเชนมานานแล้วก็ได้
มันอาจจะเริ่มตั้งแต่เรารู้จักกันแรก ๆ
มีครั้งนึงตอนม.ต้นที่ผมกับเชนไม่คุยกันเลยประมาณสองเดือน มันเป็นความงี่เง่าของผมเองที่ไปเห็นเขาตอนกำลังกระหนุงกระหนิงกับรุ่นพี่ผู้หญิง ตอนนั้นผมโคตรไม่พอใจและไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ด้วยว่าเพราะอะไรถึงต้องโกรธเชนขนาดนั้น แต่ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นหน้าเชน ผมเลยตัดปัญหาด้วยการย้ายกลุ่มและเลิกพูดกับมันไปเลย
เพื่อนก็แค่จะมีแฟน แค่นั้นเอง…ตอนนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงโกรธมัน
ประจวบเหมาะกับตอนนั้นมีรุ่นพี่มาจีบผมพอดี ด้วยความที่คิดว่าตัวเองอิจฉาที่เพื่อนมีแฟน ผมเลยตกลงลองคุยกับพี่ผู้หญิงคนนั้นไป แต่ก็แค่คุย ไม่ได้เป็นแฟน เราแค่กินข้าวกลางวันด้วยกัน ตกเย็นก็ขึ้นรถรับส่งคันเดียวกัน ผมไม่เคยโทรหาพี่เขาด้วยซ้ำ จนสุดท้ายผมก็จำไม่ได้ว่าเลิกคุยกับรุ่นพี่คนนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่…
ผมไม่ได้สนใจที่รุ่นพี่ผู้หญิงนั้นหายไปจากชีวิต ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมใช้ชีวิตในห้องเรียนไปเรื่อย ๆ โดยที่พยายามไม่สนใจสายตาของเชนที่ผมรู้ดีว่ามันมองมาที่ผมเสมอ และสุดท้ายก็เป็นมันที่เข้ามาคุยกับผมก่อน
‘ขอโทษ’ …คำแรกที่เชนพูดกับผม
‘อย่าเงียบใส่กูแบบนี้เลยนะ’
‘อย่าทำเหมือนว่ากูไม่มีตัวตนอีกเลย…ขอร้องนะบิว’
ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เชนจะเป็นคนยอมมาขอโทษผมก่อนเสมอ หลายครั้งที่รู้ว่าตัวเองเริ่มเอาแต่ใจ นิสัยไม่ดี เชนก็ไม่เคยว่าอะไรผมเลย
แต่ถ้าผมบอกว่ารักเขา…
เขาจะว่าผมไหมนะ
ตอนนี้ผมเลิกพยายามที่จะออกจากอ้อมกอดของเชนแล้วแหละ ในเมื่อโอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ จริงไหม? ใครจะโชคดีเท่าผมที่มีคนที่ตัวเองแอบรักมานอนกอดไว้แบบนี้
ผมเงยหน้ามองใบหน้าเพื่อนสนิท อ่า…คิดแล้วเกลียดคำว่าเพื่อนขึ้นมาเลย ขวางคอมาก ผมว่าคนแอบรักเพื่อนตัวเองคงจะรู้สึกไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก
สับสน..
กลัว..
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เชนปฏิบัติกับผมต่างจากเพื่อนคนอื่นมันสามารถตีความได้แบบไหน เอาแบบเข้าข้างตัวเองก็คือเชนชอบผม แต่คิดในแง่ร้ายหน่อยเชนก็อาจจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่มันอยู่โรงเรียนเก่าแล้วก็ได้
ที่สำคัญ
เชนชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ผมยังไม่รู้เลย
ว่าแต่…นี่ผมเป็นเกย์เหรอเนี่ย?!
ผมเคยอ่านนิยายรักมาหลายเรื่อง เวลาเราเป็นคนอ่านเรามักจะอ่านตัวละครบางตัวออกเสมอว่าตัวละครนั้นคิดอะไร อย่างเช่นมองออกว่านางเอกรักพระเอกมาก แต่ก็ต้องมาขัดใจทุกครั้งที่พระเอกไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยจนเนื้อเรื่องออกทะเลกันไปไกล ทั้ง ๆ ที่แค่สองคนนั้นพูดความในใจที่มีต่อกันเรื่องก็จบแล้ว
ใช่…พอเราเป็นคนอ่านเราก็บอกว่า ‘แค่นั้นเอง’
แต่พอเจอสถานการณ์นั้นกับตัวเอง ผมคงจะมองว่าเป็นเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ยิ่งผมกับเชนมีคำว่าเพื่อนค้ำคออยู่ทุกอย่างยิ่งยากไปหมด ถ้าหากผมพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป….แล้วถ้าเชนไม่ได้คิดเหมือนกัน
คำว่าเพื่อนที่เคยมีนั้น…มันจะเป็นยังไง?
เหมือนว่าผมจะเผลอหลับไปอีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลมหายใจของเพื่อนสนิทรินรดอยู่แถวพวงแก้ม ผมยังคงหลับตาทำเหมือนว่ายังไม่ตื่นและปล่อยให้เชนเล่นสนุกไปกับการไล่หอมแก้มผม เขากดจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก ไล่ลงมายังแก้มและซอกคอ
แม้ว่าสถานะระหว่างเรามันไม่ชัดเจน
แต่ผมจะทิ้งเรื่องนั้นไปก่อน เพราะ…ผมรู้สึกดีจังเลยที่เชนทำแบบนี้
รู้สึกวูบวาบที่หน้าท้องตอนที่มือสากของเชนล้วงสาบเสื้อเข้ามาลูบแผ่นหลัง มันรู้สึกดีจนผมต้องแกล้งขยับตัวเข้าหาร่างกายของเพื่อนที่ยังสาละวนกับต้นคอผมไม่เลิก
ผมแอบกังวลนิดหน่อยว่าถ้าหากเชนล้วงมือเข้ามาในกางเกง ผมจะทำยังไง? จะแกล้งหลับต่อไป หรือจะตื่นมาเผชิญหน้า? สาบานว่าไม่ได้อยากจะวกเข้าเรื่องทะลึ่งตึงตัง แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี
เชนเลิกวนเวียนอยู่แถวซอกคอผมแล้ว
และผมรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่เขาไม่ได้ทำเรื่องทะลึ่งอย่างที่ผมคิดไว้ มือหนายังคงลูบวนอยู่ที่แผ่นหลังพร้อมเสียงหายใจหอบของเจ้าตัว ให้ตายเถอะ ผมอยากจะลืมตาดูจริง ๆ ว่าตอนนี้เชนกำลังทำหน้าแบบไหนกัน
แต่ผมก็ยังทำได้แค่หลับตาเหมือนคนกำลังหลับฝันตอนที่ลมหายใจอุ่นร้อนของเชนรินรดอยู่ที่ปลายจมูก ผมสัมผัสได้ว่าริมฝีปากของเรามีระยะห่างไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรด้วยซ้ำ
ถ้าผมจะแกล้งเบียดตัวเข้าไปหาเพื่อให้ริมฝีปากเราชนกัน…
เชนจะว่าอะไรผมมั้ยนะ
ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมขนาดเล็กแบบนี้ ผมกลัวว่าเชนจะได้ยินเสียงหัวใจของผมจังเลย เพราะในตอนนี้รู้สึกหัวใจผมเต้นรัวแรงเหลือเกินตอนที่สมองดันคิดเรื่องอกุศล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน อาจจะราว ๆ ครึ่งนาทีหรือหนึ่งนาทีได้ที่อยู่กับสถานการณ์วัดใจแบบนี้
ผมห้ามความรู้สึกที่อยากเข้าไปจูบเชนไม่ได้เลย
จุ๊บ!
ไม่ใช่ผมนะ ผมไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย สาบาน!
แต่เมื่อสักครู่ผมรู้สึกว่าเชนทาบริมฝีปากลงมาเบา ๆ ที่กลีบปากผม
อาจจะแค่แป๊บเดียว หนึ่งวินาทีหรือสองวินาทีไม่เกินนั้น แต่มันทำเอาผมแทบบ้าตายอยู่ในอ้อมกอด!
ในนิยายที่บรรยายตอนที่นางเอกโดนพระเอกจูบแล้วสมองขาวโพลนไปหมด ผมเข้าใจความรู้สึกจริง ๆ ก็วันนี้!
และเหมือนเชนจะอยากให้ผมเบลอยิ่งว่าเดิม เขาทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากหนาของเพื่อนสนิทขยับเล็กน้อยเพื่อดูดดึงริมฝีปีปากล่างของผมจนรู้สึกได้ว่ามันอาจจะบวมเจ่อหลังจากเสร็จสิ้นการจูบนี้
ผมไม่อาจแกล้งหลับได้อีกต่อไปในตอนที่มือของเชนเลื่อนขึ้นมาที่หน้าอก นิ้วยาวของเพื่อนลูบไล้หัวนมผมจนร่างกายสั่นสะท้าน ผมลืมตาขึ้นมาเพื่อที่จะประท้วงให้เขาหยุด แต่เชนกลับมองผมแล้วยกยิ้มมุมปากก่อนจะกดจูบหนัก ๆ ลงมาอีกครั้งไม่ให้ผมมีโอกาสเอ่ยอะไรออกไปสักคำ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เราจูบกันอยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่แค่จูบที่ผมเคยลักหลับเขาเมื่อคืน แต่มันเป็นดีพคิสที่เร่าร้อนจนอยากรู้เหลือเกินว่าเชนไปฝึกทำแบบนี้กับใครมาก่อนที่จะมาทำกับผม
แค่คิดว่าเชนเคยไปจูบกับคนอื่นผมก็หงุดหงิด
ผมยกมือทั้งสองข้างโอบรอบคอเพื่อนตัวสูงไว้ตอนที่เขาย้ายร่างขึ้นมาคร่อมตัวผม ลิ้นร้อนของเรายังตวัดแลกเปลี่ยนกันอยู่อย่างนั้นจนผมหายใจไม่ทัน และเชนก็ใจดีมากพอที่จะละใบหน้าออกไปก่อนเพื่อให้ผมได้สูดเอาออกซิเจนเข้าปอด
แต่เหมือนผมจะต้องหอบหายใจหนักกว่าเดิมเพราะเขาดันเลื่อนใบหน้าไปตรงหน้าอกของผมที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเปลือยเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เชนตวัดปลายลิ้นลงบนหัวนมจนผมสะดุ้งโหยง เขายังคงไล่ปลายลิ้นวนอยู่รอบบริเวณนั้นทั้ง ๆ ที่สายตายังจับจ้องมาที่ผมจนเป็นผมเองที่ต้องเบือนหน้าหนี
“มองหน้าเชนสิครับ”
เสียงกระเส่าของคนบนร่างบอกแบบนั้น ผมส่ายหน้าโดยที่ไม่ยอมหันไปสบตาตามคำขอ แถมยังต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพราะเกือบจะครางออกไปตอนที่รู้สึกได้ว่ามือของเชนเลื่อนต่ำไปสัมผัสที่กลางลำตัว
มันน่าอายมาก ๆ เลย
กางเกงนอนของผมถูกเพื่อนตัวดีดึงร่นไปกองที่ปลายเท้า อยากจะขอบคุณเหลือเกินที่ยังเหลือกางเกงชั้นในไว้ให้ผมไม่ต้องอายจนระเบิดตัวเองหนีไปซะเดี๋ยวนี้
เชนเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับและจับใบหน้าผมให้หันมารับจูบ ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับต้นขาของผมแยกออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขาจนส่วนกลางลำตัวเราสัมผัสกันผ่านเนื้อผ้า
ผมไม่ทันสังเกตว่าเขาถอดเสื้อผ้าตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีตอนนี้เราทั้งสองคนก็มีเพียงกางเกงชั้นในที่ไม่สามารถปิดบังความตื่นตัวของอวัยวะภายในนั้นได้เลย
ร่างสูงยันตัวขึ้นและจับผมที่ตัวอ่อนปวกเปียกให้ลุกขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียง เอาจริง ๆ ตอนนี้ผมอายมาก การโดนเชนจับให้นั่งกางแข้งกางขาและโดนสายตามันแทะโลมแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด
“นายเปียกแล้ว”
และคำพูดคำจาลามกนั่นอีก บางทีก็ไม่ต้องบรรยายจะดีกว่ามั้ย ผมเบือนหน้าหนีอีกครั้งตอนที่เชนใช้ปลายนิ้วกดลงบนส่วนหัวของแก่นกายผมผ่านเนื้อผ้า ผมรู้ว่าตอนนี้มันเปียกชื้นเป็นดวง ๆ แต่เชนก็ไม่เห็นต้องพูดออกมาเลยนี่ ทีของเชนเปียกเหมือนกันผมยังไม่พูดเลย
“ขอจับนะครับ”
เชื่อสิว่าเชนไม่ได้กำลังขออนุญาตผมหรอก มันแค่อยากเห็นผมอายจนระเบิดตัวเองตายมากกว่า ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างหนักอีกครั้งตอนที่รู้สึกว่าปราการด่านสุดท้ายถูกมือของเพื่อนค่อย ๆ ดึงลงไปทีละนิด
สิ่งที่ควรทำคือการยกมือห้าม แต่ผมกลับยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าแทนเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป อยากจะพูดเหลือเกินว่าจะถอดก็ถอด อยากทำอะไรก็รีบทำ แต่กลัวว่าจะดูแรดในสายตาเชน ตอนนี้ผมเลยต้องนอนนิ่งปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามเวรตามกรรมที่ทำมา
กางเกงชั้นในของผมไม่ได้ถูกถอดออกไปอย่างที่คิด เชนแค่ดึงมันลงไปนิดหน่อยจนเผยให้เห็นแค่ส่วนหัวที่มีน้ำเยิ้มสีใสโผล่ออกมาจนผมต้องหุบขาหนี
“อย่าปิดหน้าสิครับ เชนอยากเห็นหน้าบิวจังเลย..”
เกลียดวาจาไพเราะของมันเสียจริง!
เชนจัดการดึงหมอนที่ผมใช้ปิดบังใบหน้าออกโยนออกไป กายสูงขยับเข้าใกล้พยายามจะแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขาที่ผมพยายามหนีบไว้สุดฤทธิ์
“อ้าขาออกด้วยครับคนดี”
อีกฝ่ายไม่ต้องใช้พละกำลังในการบังคับผม เพียงแค่เชนกระซิบที่หูอย่างแผ่วเบาผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี
แรดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
มือทั้งสองข้างของเชนลูบไล้อยู่ที่หน้าอกและแผ่นหลังของผมในขณะที่ส่วนกลางลำตัวทำหน้าที่เสียดสีจนผมเสียวไปหมด ผมละมือขวาที่เคยโอบรอบลำคอเพื่อนสนิทลงไปรูดรั้งแกนกายที่ปวดหนึบจนทนไม่ไหว
“ห้ามจับสิครับ” เชนเอ่ยห้ามและรวบมือผมทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว “ถ้าจับของตัวเองอีกจะโดนลงโทษนะครับ” มืออีก
ข้างของเชนเลื่อนต่ำจากแผ่นหลังลงไปที่ก้นนิ่ม ก่อนที่ผมจะโดนนิ้วเรียวของเพื่อนกดเข้าไปในช่องแคบและรู้ทันทีว่าบทลงโทษคืออะไร
“แต่เราไม่ไหวแล้ว” ผมพยายามใช้สายตาและน้ำเสียงออดอ้อน ตรงนั้นของผมมันปวดหนึบและผมรู้ว่าเชนที่เป็นผู้ชายเหมือนกันจะเข้าใจดีว่ามันทรมานขนาดไหน
แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือที่กอบกุมมือผมไว้ทั้งสองข้างอยู่ดี
เชนเปลี่ยนท่าให้ผมขึ้นคร่อม ตอนแรกผมก็ไม่กล้านั่งทับส่วนนั้นของเชนอยู่ดีเพราะเกิดกระดากอายขึ้นมาตอนเห็นอวัยวะตรงนั้นของเชนกระตุกหงึก ๆ อยู่ใต้ร่มผ้า
“ถอดกางเกงในออก แล้วนั่งลง”
เชนปล่อยมือผมและสั่งให้ถอดกางเกงใน ผมเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้กางเกงในของผมมันหมิ่นเหม่และเปิดเผยเพียงช่วงหัวของแก่นกายก็ตอนที่เห็นสายตาของเชนจ้องมากลางลำตัวผมอย่างหื่นกระหาย
“ระ…เรา” ผมดึงกางเกงในขึ้นปิดบังร่างกายให้เรียบร้อยและพยายามคิดข้ออ้าง อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องให้ผมแก้ผ้าต่อหน้าเชน
“นับหนึ่ง…”
แต่เสียงทุ้มที่เริ่มนับเลขกับสายตาดุ ๆ ของเพื่อนตัวโตทำให้ผมต้องจำใจร่นกางเกงในของตัวเองออกจากลำตัวไปแต่โดยดี
มือหนากดเอวของผมให้นั่งคร่อมหน้าขาโดยที่ส่วนกลางลำตัวของผมเสียดสีเข้ากับอวัยวะเดียวกันของเชนอย่างพอดิบพอดี เชนครางออกมาอย่างพึงพอใจในขณะที่ผมแทบอยากจะหายตัวไปซะเดี๋ยวนี้ เชนเป็นคนขี้โกงมาก ๆ ทำไมมีผมที่ต้องแก้ผ้าอยู่คนเดียวล่ะ
“ขยับสิครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง ผมใช้แขนโอบรอบคอเพื่อนสนิทไว้โดยที่บั้นท้ายถูกมือของเชนดันให้เข้าไปบดเบียดกับเป้าตุง ๆ ของมัน และเมื่อผมเริ่มบดเบียดลำตัว เชนก็ละมือไปลูบไล้หน้าอกและแผ่นหลังของผมจนผมเสียววูบวาบ
เป็นเรื่องน่าอายที่สุดชีวิตที่ผมต้องมาบดเบียดตัวเองอยู่บนร่างกายเชนที่เอาแต่ยิ้มมุมปากมองผมอย่างล้อเลียน เขาไม่ยอมให้ผมจูบด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่ก็เห็นว่าผมแทบขาดใจอยู่บนร่างกายของเขา
“เชน เราไม่ไหวแล้ว อะ เราขอจับตรงนั้นนะ”
“ตรงไหนครับ พูดชัด ๆ สิ”
“เชน…อย่าแกล้งสิ”
“เชื่อเชนสิครับ บิวเสร็จได้โดยที่ไม่ต้องจับมัน”
เขารวบมือผมไว้อีกครั้งตอนที่ผมพยายามจะรูดรั้งส่วนกลางลำตัวของตัวเอง ผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองพลางหลับตาแน่น ขยับแท่งร้อนให้เสียดสีกับลำกายใหญ่โตของเชนที่ยังอยู่ใต้เนื้อผ้า
“อะ อ๊ะ อ่าห์”
แล้วก็เป็นอย่างที่เชนบอกจริง ๆ
ผมเสร็จได้โดยไม่ได้ใช้มือแตะต้องส่วนนั้นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ผมฟุบตัวลงไปที่แผงอกกว้างของเชนอย่างเหนื่อยหอบ โดนเชนกดจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอ ผมไม่มีแรงแม้แต่จะต่อปากว่าตอนที่เชนกระซิบข้างหูว่า น้ำเยอะจังเลยครับ หรือตอนที่เขาจับผมนอนตะแคงและพูดเบา ๆ กับแผ่นหลังผมว่า น่าเอาจังเลย
“เซ็กซี่จัง” เชนนอนซ้อนด้านหลังผม เขาพูดพลางใช้มือรูดรั้งแกนกายผมที่เพิ่งจะปลดปล่อยไปเมื่อสักครู่ให้ชูชันขึ้นอีกครั้ง สักพักก็รู้สึกได้ถึงอวัยวะร้อนที่แทรกมาระหว่างขาและเสียดสีไปมา แท่งร้อนของเชนนั้นยาวจนผมเห็นมันผลุบโผล่ตอนที่ก้มหน้าไปมองที่หว่างขาตัวเอง
“บิวครับ….เชนอยากเข้าไปในตัวบิวจังเลย”
“ตะ แต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ” ผมตอบเสียงสั่น ไม่เคยคิดว่าอะไร ๆ จะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้
“ใครบอกว่าเชนอยากเป็นเพื่อนกับบิว” เชนกระซิบและขบที่ติ่งหูก่อนจะเอ่ยต่อด้วยประโยคที่ทำให้ผมแทบอยากจะระเบิดตัวเองตาย “เชนอยากเป็นผัว ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้ว”
“ร เรายังไม่พร้อม..อื้อ”
“อะ อ่าห์บิว ถ้าไม่อยากโดนเชนเอาวันนี้ บิวต้องหนีบขาแน่น ๆ นะครับ อ่าห์ อย่างนั้น” เชนกระแทกแกนกายเข้าออกที่หว่างขาผมอย่างแรงและถี่ยิบ เขาหอบกระเส่าและครางเรียกชื่อผมจนผมเกือบเสร็จไปอีกรอบถ้าเชนไม่เอานิ้วมือมาอุดส่วนปลายของผมไว้เสียก่อน
“เสร็จพร้อม ๆ กันนะบิว”
เชนจับผมนอนหงายและทาบทับลำตัวลงมา มือหนาของเขารวบแกนกายของตัวเองและของผมไว้ด้วยกัน รูดรั้งอย่างเร็วจนผมกลั้นไว้ไม่อยู่และแตกกระเด็นใส่หน้าอกของเชนที่กำลังจะพ่นน้ำตามผมมาติด ๆ
“อ่าห์…รักนะครับ คนดีของเชน”
"อื้อ รักเหมือนกัน"
-END-
เป็นครั้งแรกกับการใช้เล้าเป็ด ถ้าผิดพลาดตรงไหนเตือนได้เลยนะคะ
