คำโปรย
รักเจ็ดปี แปดเดือนที่ทั้งสุข เศร้า เหงา และฮา มาช่วยกันลุ้นค่ะว่าทั้งคู่จะจับมือกันต่อไปจนถึงปีที่แปดได้รึเปล่า?
คำเตือน
เนื้อเรื่องมีคำหยาบค่อนข้างเยอะ โปรดพิจารณาก่อนอ่านนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แฟนวิศวกร
บทนำ
คำกล่าวที่ว่า
เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงค์ ดูท่าว่าจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะอะไรน่ะหรอครับ? ก็ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เมียวิศกรอย่างผมต้องมานั่งเก็บขวดเหล้า ขวดเบียร์ที่ไอ้ผัวกับพวกแก๊งค์เพื่อนตัวดี ขนกันมากินแล้วก็พากันนอนตายอยู่รอบๆวงเหล้าอย่างนี้หรอ?? เปลี่ยนเป็นเมียวิศกร(ก็)นับขวด เหมือนกัน ดูจะเข้าท่ากว่า
"เมียยยยจ๋าาาา" ผมตวัดหางตาไปมองที่ต้นเสียง ไอ้ผัวตัวดีป่ายมือเปะปะหวังจะคว้าตัวเมียสุดที่รักมากอด
ไอ้เหี้ยยย กูนั่งเช็ดอ้วกให้มึงอยู่นี่เมื่อใช้เวลาในการควานหาตัวผมนานเกินไป ไอ้ผัวเฮงซวยก็เลยค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก็เพ่งสายตามาที่ผมอย่างบากลำบาก
แดกเข้าไปดีนักนิ่ เหล้าน่ะ"เมียยยย มานี่ กอดกันๆๆๆๆ" มันยกแขนทั้งสองข้างขึ้น (ด้วยความยากเย็น) พลางกวักมือเรียกผมยิกๆๆ
"กูเก็บอ้วกให้มึงอยู่ นอนไปเลย" ผมเดินเอาเท้าไปเขี่ยๆมันให้พ้นทาง เพราะตอนนี้มันนอนขวางทางเข้าห้องน้ำอยู่ แต่มันก็ไม่วายมากอดแข้งกอดขา กว่าจะสลัดมันหลุดได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
ขณะที่กองทิชชู่ม้วนใหญ่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยอาเจียนของผัวสุดที่รักกำลังสวิงสวายอยู่ในโถส้วม ไอ้ผัวตัวดีก็ทุบสถิติกินน์เนสเวิลด์เรคคอร์ดอีกครั้งด้วยอาเจียนรอบที่ล้านแปด
เอาชีวิตโสดดดดดดกูคืนนนนนมาาาาาา!!!!!+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 1
ผมชื่อดิม มีอาชีพเป็นหมอฟัน ส่วนไอ้ควายเขื่องที่นอนอยู่ข้างๆชื่อเปอร์ อาชีพหลักคือวิศวกร แต่ผมชอบเรียกมันว่ากรรมกร เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ไปไซต์งาน มันจะชอบไปแย่งงานแบกอิฐ แบกปูน ของพี่ๆแรงงาน ประหนึ่งมันถูกว่าจ้างด้วยค่าแรงวันละ 350 เหี้ยย นี่ถ้าผมเป็นคนจ่ายตังนี่อย่าหวังว่าผมจะจ้างมันนะ
ส่วนอาชีพรองของผัวผมน่ะหรอ? แดกเหล้าครับ ไซต์ไหนไซต์นั้น ที่เห็นว่าอยู่ทำโอเวอร์ไทม์นี่ไม่ใช่ขยันหรือว่าอะไรนะ อยู่รอก๊งเหล้ากับพี่ๆคนงาน เรื่องแดกเหล้านี่ไว้ใจไอ้เปอร์ แรงดีไม่มีตก
"เมียยยยยย หิวน้ำ" ผมถอนหายใจรอบที่เก้าล้านเก้าสิบเก้า ก่อนจะเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาประเคนให้ไอ้ผัวเทวดาที่นอนแผ่หรา หมดแรง อยู่บนเตียง
"เอาไป" มันค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน สภาพมันตอนนี้คือสุนัขยังดูดีกว่า
"ขอบคุณคร้าบบบเมียย" มันคว้าแก้วน้ำจากในมือผมไปกระดกรวดเดียวหมด ผมมองสภาพของมันแล้วรู้สึกทุเรศลูกกะตาเป็นที่สุด
ไล่ลงมาตั้งแต่ผมทรงรังนก จะยาวก็ไม่ยาว จะสั้นก็ไม่สั้น ดูกระเซอะกระเซิง ไม่รู้มีใครไปบอกมันว่าพอมันมัดผมแล้วดูเท่ห์ มันก็เลยไว้ผมทรงนี้มาตลอด แล้วไหนจะไอ้หนวดเฟิ้มๆอย่างกับโจรสลัดนั่นอีก มีครั้งนึงมันเอารูปดาราฮอลลีวูดที่มีคนบอกว่าหน้าเหมือนมันมาให้ผมดู ผมมองรูปกับหน้ามันสลับกันขึ้นลงไปมา
ถ้าหน้ามึงเหมือน คีอานู รีฟ กูก็ ซง จุงกิ ล่ะวะ+
+
+
+
+
+
+
"ใกล้จบยัง ไหนบอกจะออกไปซื้อของเป็นเพื่อนกู" ผมพูดกับไอ้ควายเผือกหนวดเฟิ้มที่นอนกระติกตีน ดิ๊กๆๆ อยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องอยู่ที่จอทีวีความกว้างขนาดสามสิบแปดนิ้วไม่วางตา
ทีวีเป็นอีกเรื่องนึงที่ผมแสนจะเหนื่อยหน่าย เมื่อไหร่ก็ตามที่มันได้นั่งแหมะอยู่หน้าจอ อย่านึกว่ามันจะขยับตูดไปไหนซะให้ยาก นอนดูซีรีย์เกาหลีสิบหกตอนรวดมันก็เคยทำมาแล้ว
"แป๊บ ใกล้จบละ" มันพูดพลางยัดเอ็มแอนด์เอ็มเข้าปาก ผมเบะปาก มองบน คำว่าแป๊บของมันคือสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
หลังจากสองชั่วโมงแห่งความอดทนผ่านพ้นไป เราก็ได้ฤกษ์ออกมาซื้อของเข้าบ้านกันซะที วันนี้กะว่าจะไปแถวๆเซนลาด เพราะนอกจากจะมีท็อปส์ให้ซื้อของกินแล้ว ก็ว่าจะไปสอยน้ำหอมลดราคาที่เซโฟร่าด้วย
"เมีย มึงขับชิดขวาเกินไปละ จะปีนฟุตบาทไปชนแม่ค้ารึไง?" ผมหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดนึงพร้อมกับตวัดหางตาไปมองไอ้ควายเขื่องที่นั่งเป็นผู้โดยสารอย่างเคืองๆ
"ถ้ามึงขับดีกว่ากู ทำไมไม่มาขับเองล่ะ?" ผมว่านิ่งๆแล้วหันกลับไปมองถนน
"เอ๊า ก็มึงยังขับรถไม่ค่อยแข็ง ต้องขับบ่อยๆมันจะได้ชิน อีกอย่างพ่อมึงก็ให้มิชชั่นกูมา ถ้าเค้ามาเห็นบีเอ็มสุดที่รักล้อถลอก ก็ได้มาแหกอกกูน่ะซิ่" ผมทำเสียงเหอะในลำคอ ขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืด เพราะถึงยังไงก็ไม่มีทางเถียงชนะมัน
เรามาถึงเซนกันตอนบ่ายแก่ๆ และด้วยความที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ผู้คนก็เลยแห่แหนหนีร้อนกันมาเดินห้างอย่างกับมีเทศกาลโปรยกระจาด ก็อย่างที่รู้ๆกัน คนเยอะรถก็เยอะ กว่าที่ผมจะวนหาที่จอดรถได้ก็เกือบครึ่งชั่วโมง มิหนำซ้ำพอหาที่จอดได้แล้ว การถอยเข้าซองยังเป็นอะไรที่ผมเกลียดเอามากๆอีกด้วย เรื่องมันก็เลยต้องจบด้วยการที่ไอ้เปอร์เป็นคนหมุนพวงมาลัย ปากก็จิก ด่า ประหนึ่งผมเอากรรไกรไปเล็มหนวดสุดที่รักของมันยังไงยังงั้น
เกลียดมันจริงๆ"หา'ไรกินก่อนนะเมีย หิวแล้วอ่ะ" มันว่าหลังจากได้บริภาษผมอย่างสาสมใจ และน้องบีเอ็มจอดอยู่ในซองที่ระยะห่างระหว่างฝั่งซ้าย-ขวาและด้านหน้า ตรงตามทฤษฎีการจอดรถแบบเป๊ะๆ
พอคิดถึงเรื่องที่มันด่าแล้วก็แค้น ก็ไม่ใช่เพราะมันรึไงที่ทำให้ผมขับรถห่วยแตกแบบทุกวันนี้ จำได้ว่าพ่อสอนผมขับรถตั้งแต่ผมอยู่ม.5 พอผมขับใกล้จะขับเป็นแล้วพ่อก็ให้ไอ้เปอร์มารับช่วงสอนผมต่อ งงซิ่นะครับว่าไอ้เปอร์มาจากไหน
ก็คือบ้านผมกับบ้านมันอยู่ติดกัน พ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันก็เป็นเพื่อนกัน เราโตมาด้วยกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน ส่วนที่เรามาคบกันได้ยังไง ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังละกัน
เกริ่นมาซะยาวเลย เรื่องของเรื่องคือมันไม่ยอมสอนผม จากที่กำลังจะขับเป็นก็กลายเป็นมาเป็นนั่งง่อยหน้าพวงมาลัย นานๆเข้าผมก็เบื่อก็เลยบอกพ่อว่าไม่อยากเรียนกับไอ้เปอร์แล้ว มันได้ทีก็เลยใส่ร้ายว่าผมไม่ตั้งใจเรียน ผมขี้เกียจเถียงก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วก็ไม่ได้ขับรถอีกเลยตั้งแต่นั้นมา อ้อ แต่ก็ดีอย่างคือมันจะคอยไปรับ ไปส่งตลอด ผมก็เลยชิลๆไป
พอเข้ามาในห้างได้ ไอ้ควายเขื่องก็เดินดุ่มๆ ไปที่โซนร้านอาหาร
ฟายยย เดินไวอย่างกับจะไปตีหม้อที่ไหน และช่วงต้นเดือนแบบนี้แต่ละร้านก็งัดโปรโมชั่นมาสูบเงินในกระเป๋าของเรากันยกใหญ่ เล่นเอาเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเสียเงินให้ร้านไหนดี ในขณะที่ผมกำลังลังเลระหว่างร้านซูชิเจ้าดังกับชาบูเจ้าเด็ดอยู่นั้น ไอ้เปอร์ก็ผลักประตูเข้าไปที่ร้านปิ้งย่างข้างๆ
ถามกูซักคำมั๊ยว่ากูอยากกินรึเปล่า?? ผัวเหี้ยยยย"ร้านนี้คนน้อย คิวไม่เยอะ เดี๋ยวคราวหน้ากูโทรจองร้านซูชิละพาไปกิน" มันพูดเมื่อเห็นผมทำหน้าบอกบุญไม่รับ
"เออ!" ผมกระแทกก้นนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พลางคิดย้อนไปถึงวันวานอันแสนหวานชื่นของเราสองเมื่อหลายร้อยปีก่อน ตอนที่จีบกันใหม่ๆ มันเอาอกเอาใจผมดีมาก ผมถึงขนาดเชื่อว่าถ้าขอให้มันสอยดาว สอยเดือน มาให้ มันคงทำให้ผมได้จริงๆ
แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ซิ่
เฮ้ออออ"วันเสาร์หน้าพ่อมึงกับป๊ากูชวนไปตกปลา กูว่าจะเตรียมเตนท์ไปกางดูดาวกันซักคืน มึงชอบไม่ใช่หรอ ดูดาวอ่ะ?" มันว่าพลางคีบเนื้อฝั่งที่ผมปิ้งใส่ปาก
สัส!!"กูเข้าเวร"
"อย่ามา กูเช็คกับไอ้แนทแล้ว มึงไม่มีเวรวันเสาร์หน้า"
ไอ้เพื่อนเลว! ผมสบถในใจ ไม่แปลกหรอกครับที่มันจะรู้จักเพื่อนของผมทุกคน เพราะว่าพวกนั้นก็เป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมากับมัน เอาง่ายๆว่าคนรอบตัวผมกับมันก็คือคนกลุ่มๆเดียวกันนี่แหละ จะว่าดีมันก็ดี แต่บางทีก็ดูเหมือนผมไม่มีสังคมอื่น รู้สึกเหมือนถูกผูกติดอยู่กับอะไรซักอย่าง
เสร็จจากการรมควันศรีษะด้วยปิ้งย่างแล้ว เราก็เดินเตร็ดเตร่เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ แต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมามากนัก ช่วงวัยรุ่นสร้างตัวก็อย่างงี้ล่ะครับ กว่าจะใช้เงินแต่ละบาท ต้องคิดแล้วคิดอีก
"คุณลูกค้ามีแบรนด์ประจำมั๊ยคะ?" พนักงานสาวประจำเคาน์เตอร์เดินเตร่มาถาม คงเห็นผมยืนเลือกน้ำหอมอยู่ซักพักแล้ว และคิดว่าน่าจะหลอกขายของให้ผมได้
"ก็มีครับ แต่อยากลองเปลี่ยนแบรนด์ดูบ้าง" ผมบอกยิ้มๆ แต่ในใจคืออยากให้พี่คนสวยช่วยไปไกลๆทีเถอะ อยากให้ทำเหมือนญี่ปุ่นที่เค้าจะมีสติกเกอร์ที่เป็นสีๆให้ลูกค้า ถ้าอยากให้มีพนักงานดูแลก็ติดสีฟ้า ถ้าอยากเดินดูชิลๆคนเดียว (แบบผมในตอนนี้) ก็ติดสติกเกอร์สีเขียว หรืออะไรก็ว่าไป ไม่ใช่อะไรหรอก มันอึดอึดน่ะ
"เมีย กลิ่่นนี้ดีป่ะ?" จู่ๆไอ้เปอร์ก็พุ่งมาจาก nowhere มาแทรกตรงกลางระหว่างผมกับพี่พนักงานคนสวยที่อีกนิดผมก็จะเคลิ้มเสียเงินให้น้ำหอมขวดที่สามอยู่รอมร่อแล้ว
ผมหันไปส่งสายตาดุๆใส่มัน พี่พนักงานเองก็คงจะตกใจที่อยู่ดีๆก็ได้ยินคำว่า
เมีย จากปากผู้ชายที่หลายคนบอกว่าหน้าเหมือน คีอานู รีฟ
แหวะแต่ประเด็นคือมันพูดกับผมไง แล้วผมก็... ผู้ชายเหมือนมันไงเกิดอาการเดดแอร์อยู่ประมาณยี่สิบวิ ผมสงสารพี่คนสวยที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดเพราะไอ้ห่านี่แท้ๆ
"ขอบคุณมากนะครับ ผมเอาขวดนี้ด้วยเลยละกัน" ผมบอกกับพี่คนสวย อีกฝ่ายยิ้มอายๆ กล่าวขอบคุณแล้วก็เดินจากไป
"ลองดมๆ" มันจ่อแผ่นเทสต์น้ำหอมเข้าที่ปลายจมูกผม
นี่คือไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำกูอับอายขายขี้หน้าขนาดนี้ ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ พร้อมกับค่อยๆสูดกลิ่นน้ำหอมจากแผ่นเทสต์ที่มันถือจ่อจมูกอยู่
"เออ ก็หอมดี" ผมว่า เพราะปกติน้ำหอมผู้ชายกลิ่นจะออกฉุน แต่อันนี้ดูซอฟท์กว่าและยังคงได้กลิ่นสัมผัสแบบผู้ชาย แต่ไม่แน่ใจว่าจะซอฟท์เข้ากับไอ้ยักษ์เถื่อนแบบมันรึเปล่า
"ใช่มะ กลิ่นที่มึงซื้อให้คราวก่อนพอออกไซต์ละเหม็นเขียว ไม่มีใครกล้าเดินเฉียดกูอยู่เป็นอาทิตย์" มันบ่น นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็ขำ มันโทรมาโวยวายทันที่ที่พี่คนงานคนนึงเดินมาบอกมันแบบเกรงใจว่าสงสัยว่ามันจะใช้น้ำหอมผิดกลิ่น เพราะพอเดินมาใกล้ๆมันแล้วรู้สึกเวียนหัว มันก็เลยฟึดฟัดหาว่าผมซื้อน้ำหอมปลอมมาให้มันใช้
"ก็กูบอกว่าให้ใช้อีกขวดถ้ามึงต้องออกแดด" ด้วยความที่บ้านเรามันเป็นเมืองร้อน น้ำหอมบางตัวพอมันทำปฏิกิริยากับแดดเมืองไทยก็เลยกลายพันธ์ จากน้ำหอมกลายเป็นน้ำเหม็นไปซะงั้น
"เออๆ" มันโบกไม้โบกมือตัดรำคาญ ก่อนจะคว้าน้ำหอมสองขวดในมือผมไปถือไว้
"จะจ่ายให้?" ผมเลิกคิ้วถามมัน มันยักไหล่แล้วก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ที่จริงก็เป็นเรื่องปกติแหละที่มันชอบแย่งจ่ายนู่น จ่ายนี่ เพราะเราแบ่งรายจ่ายกันค่อนข้างชัดเจน ก็นะ อยู่กันมาห้า หก ปีละ รายจ่ายหลักๆเช่นค่าผ่อนบ้าน ก็จะคนละครึ่ง ค่าผ่อนรถ มีแค่ของมัน ที่เสือกหัวสูงถอยสี่ห่วงมือหนึ่งรุ่นล่าสุดออกมาแบบไม่ปรึกษาเงินเดือน ค่าซื้อของเข้าบ้าน ส่วนมากมันจ่าย แล้วก็ค่าใช้จ่ายจิปาถะ เช่นเวลาไปร้านอาหารหรือไปเที่ยว มันก็จ่ายอีก - -
แหม ก็เงินเดือนหมอที่เพิ่งจบมาไม่กี่ปีมันก็ไม่ได้มากอะไรนี่ครับ มันที่ทำงานมาก่อนหน้าผมตั้งสองปีควรจะเป็นคนเปย์มากกว่าก็ถูกแล้ว
ชะรอยว่ามันจะได้โบนัส เพราะนอกจากน้ำหอมสองขวดที่ได้มาแบบฟรีๆ ผมก็ยังได้เสื้อเชิ้ตแบรนด์โปรดเป็นของชำร่วยอีกหนึ่งตัวถ้วนอีกด้วย
ผมช่วยมันขนของเข้าบ้าน ปากก็ฮึมฮัมเพลงไปเบาๆ ต้องถ่ายรูปเสื้อไปขิงไอ้แนทซะหน่อย เพราะมันรู้ว่าผมชอบเสื้อแบรนด์นี้มันก็เลยชอบไปซื้อแล้วก็ถ่ายรูปมาอวดผมบ่อยๆ
ระหว่างที่ผมกำลังลองเสื้อตัวใหม่ พลางหมุนซ้ายหมุนขวาหามุมถ่ายรูปไปขิงไอ้แนทอยู่นั้น ไอ้เปอร์ก็เดินมากระซิบประโยคที่ทำเอาขนที่คอผมลุกเกรียว
"กูซื้อของให้มึงตั้งเยอะ เพราะฉนั้นหวังว่าคืนนี้ผัวคงจะได้รับบริการสุดประทับใจจากเมียสุดที่รักนะครับ ... จุ๊บ"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบแล้วค่ะตอนแรกของ
แฟนวิศวกร เป็นยังไงกันบ้างคะ ชอบหรือไม่ชอบยังไง คอมเมนท์ไว้ได้นะคะ คนเขียนจะได้พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นของซีรีย์
แฟน.... เรื่องสั้นในซีรีย์ที่ลงไปก่อนหน้าคือ แฟนดารา ไปช่วยให้กำลังใจกันได้นะคะ
คนเขียนจะอัพทุกวันเสาร์ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ
Love... ChipieCaline