Chapter 2
…ณ ดวงดาวอันไกลโพ้น
ข้าฝัน เมื่อก่อนข้าก็เคยฝันเช่นนี้ แต่นั่นมันนานมาแล้ว แต่ตอนนี้ข้ากลับฝันเช่นนี้อีกครา และพักนี้ ข้าเห็นฝันนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ฝันที่ว่า ข้าได้รับสิ่งของวิเศษจากเทพเจ้า มันเปล่งสีทองจ้าตลอดเวลา จนข้าไม่รู้เลยว่าสิ่งนั่นคืออะไรกันแน่ แต่ข้ากลับรู้สึกดีมาก เวลาที่ข้าได้โอบอุ้มเจ้าสิ่งนั้นเอาไว้ ทั้งอบอุ่น และอ่อนโยน มันทำให้ข้ารู้สึกสบายใจทุกครา
แต่ทว่าความสุขมักอยู่ได้ไม่นานนัก อยู่ๆ เจ้าสิ่งนั้นกลับถูกสายลมพัดไป แม้ว่าข้าอยากวิ่งตาม แต่สองขาของข้ากลับอยู่ที่เดิม แม้ว่าข้าจะอยากได้มันกลับคืนมา แต่ข้ากลับไม่คิดจะไขว่คว้าไว้ เหตุใด ข้าจึงทำเช่นนั้น ทั้งๆที่ในฝันนั้น ข้าก็ร่ำไห้อยู่แท้ๆ มันเพราะ…อะไรกันนะ?? ข้าไม่เข้าใจตัวข้าในความฝันเลย
และพอมาถึงตรงนี้ทีไร ข้าก็จะสะดุ้งตื่นตลอด ทั้งๆที่ข้า อยากรู้เรื่องราวในฝันนั้น ให้มากกว่านี้แท้ๆ
“ซินเซีย เจ้าอยู่รึเปล่า เรียกโหรหลวงให้เราที” ข้าพูดพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นนั่ง
“มีอะไรหรือ ท่านพี่ รีบร้อนหรือเปล่า นี่มันยังเช้าอยู่เลย” น้องชายข้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกลับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กในมือ
“ข้าแค่ฝันน่ะ” ข้าตอบ และรับผ้าตัวมาซับเหงื่อบนใบหน้า ทั้งๆที่ห้องนี้เย็นมากแท้ๆ
“ท่านพี่ฝันว่าอะไรหรือ??”
“ ข้าฝันว่า ข้าได้รับของวิเศษ แล้วจู่ๆมันก็โดนลมพัดไป ทั้งๆที่ข้าอยากได้มันกลับมา แต่ข้ากลับปล่อยให้มันลอยไป มันคืออะไรกันนะ”
“ ท่านพี่ คือ…”
“มีอะไรหรือ ซินเซีย” ข้าลูบหัวน้องชายเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าไม่ดีนัก
“ข้า คือข้าเองก็ฝันเช่นเดียวกันกับท่านพี่ แต่ข้านั้น วิ่งตามไป แต่ไม่ว่าจะวิ่งเท่าไหร่ ข้าก็ตามไปไม่ถึงเสียที”
ข้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ ระคนแปลกใจนิดๆ ที่ซินเซียก็ฝันเช่นนั้น แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าข้าล่ะนะ…
“เจ้ายังดีที่ได้วิ่งตาม ข้านี่สิ… แต่ก็เอาเถอะ ให้ข้าเดานะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เจ้าตื่นเช้าล่ะสิ”
“แหม ท่านก็…”
“เห้ๆๆๆ สองพี่น้องคุยกันไม่ปรึกษาข้าเลยเหรอ” ร่างสูงกำยำสมส่วนของน้องชายอีกคนของข้ากำลังยืนเต๊ะท่าทำเท่ห์อยู่ที่ประตู
“ฮะๆๆ พี่เปล่านะ ว่าแต่เจ้าเถอะ แอบย่องเข้ามาในห้องผู้อื่นแบบนี้คิดอะไรกับข้ารึเปล่าเนี่ย”
“พอเถอะท่านพี่ ข้าจะอ้วก ยิ่งฝันประหลาดอยู่”
“ท่านพี่ อย่าบอกนะว่าท่านฝันว่า ท่านได้ของวิเศษมาแล้วมันโดนลมพัดไป!” ซินเซียวิ่งเข้าไปกระโดดตะปบคอเสื้อของพี่ชายตน พลางเขย่าๆจนอีกฝ่ายหัวคลอน
“โอ้ยๆๆๆๆ พอแล้ว หัวจะหลุด ข้าจะ… อุบ!” คนที่แก่กว่าเริ่มหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบเอามือปิดปาก ซึ่งการกระทำแบบนั้น ทำให้น้องคนเล็กสุดท้องถึงขั้นถอยครูดเลยทีเดียว
“ แหม ทีแบบนี้ทำมารังเกียจข้า เออๆ ข้าก็ฝันเช่นนั้นแหละ เจ้ารู้ได้อย่างไรเนี่ย” ร่างสูงของซินเนียใช้หลังมือเช็ดปากเบาๆ ส่วนอีกข้างก็เกาะขอบประตูไว้กันล้ม สงสัยเขาจะเวียนหัวจริงๆ แรงของซินเซียก็ไม่ใช่น้อยๆด้วยนี่นา
“ ก็นะ อันที่จริงทั้งข้าทั้งซินเซียก็ฝันเช่นนั้นเหมือนกัน” ข้าตอบพร้อมกับยิ้มบางๆ
“เพราะอย่างวันนี้ท่านพี่บอกว่าจะไปตามโหรหลวงมาน่ะ” ข้าหันไปมองซินเซียที่เริ่มเอาตะไบมาขัดเล็บอย่างเมามัน ดะ…เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาตะไปเล็บกันแล้วหรือ??
“อ่า ก็ เช่นนั้นแหละ เจ้าจะรอดูผลทำนายด้วยกันไหม?” ข้าแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นซินเซียที่ตะไปเล็บอยู่แล้วหันไปถามซินเนียร์แทน
“ดูท่าจะไม่ได้นะ เพราะว่าข้าต้องไปตรวจนอกเมือง กลับมาคงเย็นๆมั้ง”
“ระวังตัวด้วยนะ หากมีผู้บุกรุก เจ้าเรียกพวกเราได้”
“ ไม่ดีกว่า ซินเซียก็ยังเล็ก ท่านพี่ก็ยังไม่ฟื้นตัว ถ้าเอาไปมีหวังเละแน่ๆ”
“อย่าพูดเช่นนั้นสิ เจ้าลืมฉายาข้าแล้วหรือไร?? แล้วนี่เจ้าไม่ทานข้าวเช้าก่อนหรือ”
“อืม คงไม่ทัน ค่อยไปกินที่ทัพก็ได้ ข้าไปก่อนนะ”
“ระวังตัวด้วยซินเนีย” ข้าอวยพรเขาก่อนที่เข้าจะหันมาโบกมือให้ข้านิดหน่อย แต่ทว่า ไม่ทนที่เขาจะได้ก้าวออกจากห้อง ก็มีอันให้เขาต้องถอดรองเท้าแล้วเขวี้ยงมันมาในห้องข้า เพราะเหตุใดน่ะหรือ
“ อย่าตายน้า พี่ชายหนอนชาเขียว ดึกดึ๋ยๆๆๆๆๆ กร๊ากกก แอ๊ฟฟฟฟฟ!!”
“เดี๋ยวเหอะ!!! ข้าไม่ใช่หนอนนะเฟ้ยยยยย”
ก็ อ่า ตามนั้นแหละ ครอบครัวข้า ช่างสุขสันต์ยิ่ง
“เจ็บไหมนั่น ข้าว่ามันโดนเต็มๆเลยนะ”
“ไม่เจ็บมั้งท่าน” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็เงยหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดแล้วยิ้มหลอนๆมาให้ข้า เดี๋ยวนะ แค่โดนรองเท้าปะใส่เองไม่ใช่เหรอ! ว่าแล้วข้าก็ถอยครูดชิดเตียงทันที หลอนมากจริงๆ!
“โอ้ยข้าล้อเล่นน่าท่านพี่” เจ้าตัวโวยวายและพยายามขึ้นมาบนเตียงข้า แต่ข้ากลับไล่เขาลงไปเพราะเห็นว่าเจ้าเลือดปลอมที่ข้าไม่มั่นใจว่าเป็นน้ำหวานหรือสีกันแน่กำลังหยดย้อยลงไปบนพื้นห้องข้า
“ไปล้างหัวเลยนะ เลอะหมดแล้ว” ซินเซียทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปล้างแต่โดยดี ขณะที่ข้าก็เริ่มผลัดอาภรณ์ออก เพื่อที่จะอาบน้ำ ค่อยเรียกโหรหลวงหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้ พอคิดแบบนั้นข้าก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการลงไปทานอาหารเช้าทันที เพราะท้องข้าก็เริ่มทำการประท้วงนิดๆแล้วด้วยสิ
หลังจาก’ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ข้าเรียกโหรหลวงมาทำนายความฝันของพวกเราทั้งสาม ส่วนตัวข้าจะไปรอที่ห้องนอน แต่นี่ก็เลยเวลานัดมาเป็นชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังไม่มาเสียที ให้ทายนะ เมื่อคืนนี้เขาคงดื่มไปเยอะแน่ๆ
ปัง!!
เสียงเปิดประตูดังลั่น พร้อมๆกับการปรากฏตัวของโหรหลวงคนเก่ง ที่บัดนี้สภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย ทำไมน่ะหรือก็ตอนนี้เขาน่ะ หัวฟูเป็นรังนกนางแอ่น หน้ามันแผล็บ ตาดำลึกโบ๋ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย(ตอนนี้เขาใส่แค่ เสื้อคอย้วยๆธรรมดาๆกับกางเกงขาสั้น) ที่สำคัญเลยคือ มีคราบน้ำลายอยู่ที่ปาก แถมยังทำให้บึ้งแบบคนนอนไม่พออีกต่างหาก นั่นๆ มีการเคี้ยวน้ำลายด้วยนะ
“ เรียกมาทำไมเนี่ย เมื่อคืนยิ่งนอนไม่พออยู่ ปวดหัวจะตายแล้ว” เขาพูดพลางเดินเซๆมานั่งบนเตียงข้า
“ล้างจานมั้ง ไปอาบน้ำเลยเจ้าน่ะ” น้องชายข้าให้เท้าเขี่ยๆเจ้าคนที่นอนอยู่บนเตียงข้า แต่ดิเซียหาได้สะเทือนไม่
“ถ้าเจ้าไม่ลุกไปอาบน้ำนะ ดิเซีย ข้าจะเอาน้ำมาสาดเจ้าถึงที่เลย”
ข้าพูดยิ้มๆ ดิเซียเปิดตามองข้านิดหน่อยก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วคลานไปอาบน้ำในที่สุดเห้อ นี่หรือโหรหลวงคนเก่งน่ะ ข้ารอเขาอาบน้ำไม่นานนักเพราะเขาไม่ชอบการอาบน้ำเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงพยายามอาบให้เสร็จเร็วที่สุด เรื่องนั้นข้ารู้ดี ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน
“มีอะไรรึเปล่า เรียกมาแต่เช้า”
“จะเที่ยงแล้วเถอะ” ซินเซียกระโดดจู่โจมใส่เจ้าคนที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็กอดคอเขาเอาไว้อย่างนั้น
“เรื่องความฝันน่ะ ข้าฝันว่าพระเจ้าให้ของวิเศษกับข้า…”
“แล้วลมก็พัดมันไป…” ดิเซียพูดแทรกขึ้นในระหว่างที่ข้ายังไม่ทันพูดจบ ทำเอาซินเซียถามพลางทำตาวาวใส่
“เจ้ารู้ได้อย่างไรน่ะ”
“เพราะข้าก็ฝันไง แถมพักหลังยังบ่อยขึ้นด้วย พวกเจ้าก็ฝันใช่มะ ให้ข้าทายนะ เจ้าซินเนียร์ก็ด้วยใช่ป้ะ”
“อืม ทำไมเจ้าถึงได้รู้ล่ะ”
“เจ้าไม่สังเกตหรือ ทั้งเจ้า ทั้งข้า ทั้งซินเซีย หรือกระทั่งซินเนียร์ พวกเราคือคนที่ได้รับคำทำนายนั่นเมื่อหลายปีก่อน….”
ดิเซียหยุดพูดแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแล้วทำหน้าครุ่นคิด เป็นสีหน้าที่เห็นได้ไม่บ่อยนักจากเขา พวกเราเงียบไม่มีใครปริปากพูดออกมาเลย เพราะรู้ดีว่ามันคืออะไร
มันคือคำทำนายที่ว่า พวกเรานั้น คือเหล่าราชาผู้ไร้คู่
“แล้ว มันเกี่ยวอะไรกันหรือ ดิเซีย” ข้าถามอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนว่าข้ามีซินเซียพยักหน้าเป็นลูกคู่ให้ด้วย เพราะเจ้าตัวเองก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ก็นี่ไง ไอ้ของวิเศษกวนส้นที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอ่ะ หมายถึงเนื้อคู่เรา เมื่อใดที่เรามีเขาเราก็สุขใจ แต่อยู่ๆเขาก็หายไปไง”
เขาอธิบายช้าๆชัดๆ และใช้ภาษาที่ง่ายมาก แม้ว่าคนที่เขาคุยด้วยจะเป็นพวกเราก็ตาม นี่ล่ะ เขาล่ะ
“หายไป ตายเหรอ??” ซินเซียถามน้ำเสียงนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่า พูดว่า กลับไปดีกว่านะ สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือเปล่า แต่ก็ เอากลับไปคิดดูหน่อยก็ดีนะ
การที่พระเจ้าพระทานให้ หมายถึงว่า สิ่งนั้นไม่ต่างอะไรจากปาฏิหาริย์ไง การที่เราได้เจอคนๆนั้นคือสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นแบบธรรมดาแน่ๆ ส่วนที่เป็นของวิเศษก็ตามนั้นเลย หมายความว่าเขาคือสิ่งที่วิเศษที่สุด ส่วนการที่โดนลมพัด คงเป็นชะตาลิขิตที่ทำให้เขาต้องกลับไปที่เดิม นี่คือการตีความ แต่ถ้าจะให้บอกว่ามันคืออะไรแบบชัดๆอ่ะ ฟังให้ดีนะ
อันนี้ข้าแค่คิดเอง ไมรู้ว่าจะถูกรึเปล่า แต่ข้าคิดว่า เขามาจากต่างดวงดาว เขามาจากดาวอันโพ้น พบพวกเรา แล้วเขาก็ต้องกลับไป ไม่รู้ว่าจะเป็นด้วยความเต็มใจหรืออะไร แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็จะจากไป เตรียมใจไว้ให้ดี อีกไม่นาน พวกเขาก็คงจะมากันแล้วล่ะ ยิ่งเราฝันถี่แบบนี้แปลว่าคงไม่ช้านี้แน่ ไม่แน่นะ อาจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้เลยก็ได้ เจ้าจะเชื่อข้าไหมล่ะ”
เขาพูดจบก็ยิ้มเศร้าๆ ทำไมถึงต้องยิ้มเช่นนั้นนะ
“แล้วมันทำไมอ่ะ ก็แค่ เขามาแล้วก็ไป เราก็หาใหม่ได้ไม่ใช่หรือ??” ซินเซียถามด้วยความงุนงง นั่นสิ
“เพราะนั่น คือคู่แท้ของพวกเราไง อาจจะ ไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้นะ…” แต่ยิ่งข้าได้คำตอบของเขามายิ่งทำให้ข้ามึนงง
“ทำไมล่ะ เนื้อคู่น่ะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่คลาดแคล้วกันมิใช่หรือ”
“ก็บอกแล้วไง เราคือ เหล่าราชาผู้ไร้คู่น่ะ อ๊า เจ็บปวดชะมัดเลยแฮะ ทั้งๆที่ข้าหวังกับการมีเนื้อคู่มากขนาดนั้นแท้ๆ เจ็บใจเป็นบ้า ทำไม ต้องเป็นเรานะ…” แม้เขาจะพูดเหมือนไม่แยแส แต่ในน้ำเสียงนั่นกลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวดจริงๆ
นั่นสิ ทำไมต้องเป็นเรานะ??
“ท่านซินธิอาร์ ท่าน ซินซิอาร์ เกิดเรื่องแล้วขอรับ เราพบผู้บุกรุกจากต่างดาว ตอนนี้ท่าน ซินิอาร์กำลังลอบสังเกตการณ์อยู่ขอรับ เห็นว่าฐานทัพค่อนข้างใหญ่ด้วยขอรับ!!” ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ตะโกนบอกข่าวให้พวกเราอย่างร้อนรน ท่าทางเขาจะตื่นเต้นนะ แต่ มาจากต่างดาวหรือ??
“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่า ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้” ดิเซียส่ายหัวปลงๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องข้าทั้งๆที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
“เข้านี่มัน แม่นจนข้าไม่อยากได้รับคำทำนายเลยแฮะ แล้วเอาไงดีท่าพี่”
“ข้าจะไป พวกเจ้าล่ะ” ข้าถามความเห็นของคนอื่นๆ ดีเหมือนกัน ข้าอยากเห็นนัก ใครคือเนื้อคู่ของข้า
“เหอะ ข้าก็จะไปแต่งตัวอยู่นี่ไงเล่า”
“ข้าไปด้วย ข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“เจอกันที่ประตูวัง ไม่ต้องเตรียมทหารนะ เตรียมม้าให้พวกเราก็พอ ” เมื่อเห็นว่าทุกคนตกลงข้าจึงสั่งทัพทันที
“รับทราบ” เสียงยานคางของดิเซียดังขึ้น เขาโบกมือลาข้าและลงไปเปลี่ยนชุดเช่นเดียวกับซินเซีย
ข้าเองก็เช่นกัน ช้าเปลี่ยนจากชุดธรรมดาเป็นชุดนักรบ เพียงแต่ข้าไม่ติดเกราะ เพราะบางที เขาอาจะมาอย่างเป็นมิตรก็ได้ ข้าจึงเอาเกราะใส่ในหีบสำภาระเล็กๆไปแทน เมื่อข้าเปลี่ยนชุดเสร็จก็ตรงไปที่หน้าประตูวังทันที
ตั้งแต่ข้าออกมาจากห้องจนถึงหน้าประตุวัง ทหารทุกคนก้มองข้าเหลียวหลัง อาจจะเพราะไม่ค่อยได้เห็นข้าในรูปลักษณ์เช่นนี้ก็เป็นได้ เมื่อข้ามาถึงก็ว่าทั้งสองมาครบแล้ว อีกทั้งม้าเองก็ยังมาพร้อมด้วย
“ช้า” ดิเซียในชุดนักรบเอ่ยเหย้าถามข้า แล้วเดินนำม้าคู่กายมาให้ข้า มันเป็นม้าสีขาวออกเขียวนิดๆ แต่ข้าว่ามันเป็นม้าสีเขียวอ่อนจนเกือบขาวมากกว่า แน่นอนว่า มันเป็นสีเดียวกับผมข้าจึงทำให้ข้าสนใจมันตั้งแต่แรกเห็น
“ไม่เจอกันนานนะ ทีเรียส” ข้าลูบม้าของข้าเบาๆ และข้าก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า ม้าของทุกคนล้วนมีสีเดียวกับสีผมของเจ้าของทั้งนั้น ของซินเซียเป็นบลอนด์ ของดิเซียเป็นดำ และของซินเนียร์เป็นแดงเพลิง
“ไปกันเถอะ”
ข้าเอ่ยหลังจากทีทุกคนประจำตำแหน่งแล้ว เมื่อสิ้นคำสั่งข้า ทุกคนต่างควบม้าห้อตะบึงตรงไปข้างหน้าทันที
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าไปทางไหน!” ข้าเอ่ยถามดิเซียที่ดูจะรู้เรื่องที่สุด
“ในป่าทางตะวันออกใกล้ๆกับทะเลสาบแทนเซลล่า!!” เขาตะโกนฝ่าลมตอบข้า
“ไกลเหมือนกันนะเนี่ย ” ซินเนียตะโกน ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีก
“ ระวังด้วยนะ” ข้าเอ่ยเตือน เพราะเราพึ่งเข้ามาทางลัดซึ่งเป็นป่ามา
“ ข้าซะอย่าง”
นั่นสินะ ซินเซียน่ะคือผู้ถูกขนานนามว่าราชาแห่งอาชานี่นา ข้าลืมไปได้เช่นไรเนี่ย หรือข้าจะหวงน้องมากไปนะ
ผ่านมาเกือบครึ่งวัน ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และระยะทางเองก็สั้นลงแล้วเช่นกัน ถึงจะดูเหมือนว่าเราขี่ม้าเร็ว แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้พักนะ เราแวะพักหลายทีเหมือนกัน เพื่อให้ม้าได้พักเหนื่อยบ้าง วิ่งเร็วๆตั้งนานคงเหนื่อยแย่ แต่ก็นะแบบนี้อีกไม่ถึงสิบนาทีคงถึงล่ะนะ แต่ทว่าระหว่างที่ข้ากำลังคิดอยู่นั้น เสียงของซินเซียก็ทำข้าตื่นจากภวังค์
“ทะ…ท่านพี่ ดูนั่นสิ”
“ใหญ่มากนะนั่น ขนาดอยู่ไกลยังเห็นเลยว่ามันใหญ่อ่ะ” ดิเซียฝืนยิ้ม แต่ยังความเร็วกลับไม่ลดลงเลย
“อืม หวังว่า ซินเนียร์ยังไม่ได้ทำอะไรนะ”
“นั่นสิ พี่หนอนยิ่งเลือดร้อนอยู่” ซินเซียเอ่ยนินทาคนเป็นพี่เล็กน้อยให้อีกคนพอได้จาม
“ใกล้แล้ว ลดความเร็วลงหน่อย แล้วหาทัพเราก่อน” ดิเซียเอ่ยบอกก่อนที่จะมีเสียงของทหารนายหนึ่งดังขึ้น
“ท่านแม่ทัพ ทางนี้ขอรับ” เขาขี่ม้ามาจากทางขวาของพวกเราเพื่อดักเราไว้ ก่อนจะเลี้ยวหัวหมุนกลับไปยังทิศเดิม พวกเราพยักหน้าให้กันและตามไป จนได้เห็นทัพของเราตั้งอยู่ อันที่จริงเรียกทัพคงจะอลังการไป เรียกว่ากลุ่มสำรวจดีกว่า
“มาเร็วนะเนี่ย” ซินเนียร์ออกมาต้อนรับพวกเราก่อนที่จะพาเราไปซุ่มดู
“ฐานทัพใหญ่มากเลยนะ มีกี่คนกัน”
“มีสี่คน” ซินเนียร์ตอบ
“หา เจ้าจะบอกว่าทัพใหญ่ขนาดนี้แต่มีคนมาแค่ สี่คนเนี่ยนะ”
“ก็เออน่ะสิเจ้าเปี้ยก เบียงกี้อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตบินไปดูมาเลยนะเว้ย แล้วก็ยังมี เอลเร่ที่หาช่องเข้าไปสอดแนมให้ด้วย”
เบียงกี้ที่ว่าคือนกสีขาวซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดว่ามันคือพันธุ์อะไร ส่วนเอลเร่ คือมด อันที่จริงพวกเราสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชิวิตได้แทบทุกชนิด ยกเว้นต้นไม้ ดังนั้นการขอช่วยจึงเป็นอะไรที่ง่ายดายมากๆ
“สี่คน บังเอิญดีจังนะ” ทั้งๆที่พวกเราตกใจกับการมาของแขกผู้มาเยือน แต่ดิเซียกลับดูไม่สะทกสะท้านเสียอย่างนั้น จะว่าไปแล้วมันก็จริง สี่คนก็ พอดีเลยนี่นา
“ แล้วเป็นมิตรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ จอดมาตั้งแต่เช้าละ…เห้ยย ออกมาแล้ว” ซินเซียพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าประตูเปิดและมีผู้มาเยือนกำลังเดินออกมา มีสี่คนจริงๆ พวกเราซุ่มดูพวกนั้นสำรวจอยู่ไม่ห่างนัก แต่เพราะพวกเรามีโหมดพรางตัว ซึ่งดูเหมือนว่าจะใช้ได้ผลเสียด้วย เพราะเมื่อครู่ข้ายื่นมืออกไป ก็ไม่มีใครเห็น แต่ทว่า
“เดี๋ยวนะทุกคน ผมรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่าง พวกเขาอยู่แถวนี้”
เสียงทุ้มแต่หวานมากกว่าของคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆซินเนียร์อย่างระมัดระวัง พลางทำคิ้วขมวด ยิ่งพวกเขามาใกล้ยิ่งทำให้ได้เห็นว่าพวกเราคล้ายกันมาก แต่ก็มีบางส่วนที่ต่างออกไป ผมเห็นแค่นั้น เพราะพวกเขาใส่ชุดที่ปิดบังแทบทุกส่วนของร่างกายอยู่ ยิ่งคนอื่นที่อยู่ไกลออกไป ผมยิ่งมองไม่เห็นใหญ่
แต่ผมเริ่มหันมาห่วงซินเนียร์มากกว่าแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เขากลั้นหายใจ แถมเดินถอยหลังชิดต้นไม้จนแทบจะสิงมันอยู่แล้ว เอาไงดีนะ ตอนนี้เด็กคนนั้นเริ่มเดินเช้ามาใกล้และใช้มือแตะลงบนอกของซินเซียแล้ว
“อะไรน่ะ อะไร ที่อยู่ตรงนี้กันนะ” เด็กคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ซินเนียร์มากๆจนแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ซินเนียร์ทำหน้าแบบคนไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วหันมาขอความช่วยเหลือจากผม ผมสั่งให้ทหารทุกนายปลดอาวุธลง ก่อนที่ผมจะใช้คลื่นเสียงแบบพิเศษที่สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้กับพวกเขาว่า
‘หากท่านไม่คิดโจมตีเรา เราจะไม่โจมตีท่าน เราจะปรากฏกายให้ท่านเห็น หากท่านปรากฏกายให้เราเห็น’
เอาล่ะ จะได้เห็นกันสักที โฉมหน้าเนื้อคู่ของข้าตอนที่2มาแบ้วววววว อิๆ คราวนี้เป็นเรื่องของคุณมะนาวต่างดุษนะเออ
ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วอาจจะไม่มีเวลาแต่งนะครับ ต้องขอโทษด้วยถ้าบางตอนช้ามากๆ
แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ยัง
ร๊ากกกกกกทุกโคนนนนนน
ปล แก้คำผิดแล้วน่อ ขอบคุณที่เตือนนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ