U & I (ตอนพิเศษ 2019.02.09)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: U & I (ตอนพิเศษ 2019.02.09)  (อ่าน 5017 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนพิเศษ 2019.02.09)
« เมื่อ22-10-2017 23:21:52 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************

   ไอโตะน้องชายที่นิสัยเหมือนเด็กต้องคอยให้ยูโตะพี่ชายคอยดูแลตลอดแม้จะขึ้นมัยธมปลายแล้ว เขาทั้งติดและหวงยูโตะมากจนกระทั่งคอยกีดกันบรรดาหญิงสาวทั้งหลายออกไปจากพี่ชายโดยใช้สิทธิความเป็นน้องชาย เพื่อนของเขาตักเตือนว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่ยูโตะกลับชอบให้ไอโตะทำแบบนี้นั่นเพราะที่จริงแล้วเขาแอบชอบไอโตะอยู่ ทว่าวันหนึ่งไอโตะก็รู้ว่าตนไม่ใช่น้องชายของยูโตะจริง ๆ นั่นทำให้พฤติกรรมของไอโตะเปลี่ยนไป และมันก็ทำให้ยูโตะไม่ชอบใจอย่างมาก

ตอนที่ 1.1

   'ไอจัง อรุณสวัสดิ์ เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว' นาฬิกาปลุกส่งเสียงเรียกเจ้าของของมันมาได้ชั่วขณะหนึ่งแล้ว แต่เด็กหนุ่มที่อยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะยอมลืมตาขึ้นเลย นอกจากนี้ยังซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอีก
   "อุตส่าห์ใช้เสียงของฉันปลุกแล้วยังไม่ยอมตื่นแบบนี้ พี่ชายก็เสียใจแย่สิ" ผู้มอบนาฬิกาปลุกแบบอัดเสียงให้เป็นของขวัญสำหรับขึ้นมัธยมปลายของน้องชายปิดนาฬิกาปลุกที่เป็นหัวหมีสีน้ำตาลแล้วนั่งลงบนเตียง
   "ยังไม่อยากตื่นนี่ ไปสายซักวันก็ไม่เป็นไรหรอก" เด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ผ้าห่มงึมงำจนฟังแทบไม่เป็นคำ
   "ไม่ได้ เดี๋ยวแม่ก็โมโหอีกหรอก รีบลุกได้แล้ว" ชายหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทดึงผ้าห่มออกจากร่างบางที่พูดจาเอาแต่ใจ แต่น้องชายก็ยื้อดึงมันไว้
   "แต่ฉันยังง่วงอยู่เลย ขอนอนอีกนิดได้มั้ย" เจ้าของเตียงทำการต่อรอง
   "ถ้าอย่างงั้น ฉันจะร่ายเวทมนตร์ให้หายง่วงนะ" ว่าแล้วชายร่างสูงก็โน้มตัวลงไปแล้วกดริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มของเด็กหนุ่ม
   "หวา พี่ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ" ในที่สุดร่างบางที่นอนขดตัวอยู่เมื่อครู่ก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางจับแก้มของตนไว้
   "งั้นก็ลุกขึ้นจัดการตัวเองอย่างที่คนโตแล้วเขาทำกันได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก"
   ชายร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงแล้วดึงต้นแขนของน้องชายให้ลุกขึ้นตาม เด็กหนุ่มยอมทำตามที่พี่ชายพูด แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก ระหว่างที่รอน้องชายไปจัดการธุระของตัวเอง เขาก็ลงมือเก็บที่หลับที่นอนให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาที่โต๊ะอาหารชั้นล่าง
   อาหารเช้าวันนี้เป็นไข่คน ไส้กรอก และขนมปัง ถึงผู้เป็นแม่จะจัดเตรียมส่วนของทุกคนไว้ให้หมดแล้ว แต่ลูกชายคนโตก็ยังหยิบขนมปังส่วนของน้องชายมาทาแยมและเนยถั่วที่เจ้าตัวชอบเตรียมไว้ให้
   "ยู แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำให้น้อง" มารดาที่เห็นอดรนทนไม่ได้ ไม่ว่าจะตักเตือนกี่ครั้งแต่ลูกชายคนโตก็ยังทำแบบนี้อยู่เสมอ
   "แต่ถ้าไม่ช่วยไอเดี๋ยวจะสายเอานะครับ"
   "ให้สายแล้วถูกครูว่าเอาก็ดี จะได้ปรับปรุงตัวซะบ้าง เอาใจแบบนี้เมื่อไหร่จะโตล่ะ"
   ลูกชายคนโตทำหน้าแหย ๆ แต่มือที่ถือมีดทาเนยก็ยังไม่หยุดขยับ
   ผู้เป็นหัวข้อสนทนาเดินหาวอ้าปากกว้างเข้ามา เขาวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะซึ่งว่างอยู่ก่อนจะนั่งลงยังที่ของตัวเอง
   "ไอจะกินนมด้วยมั้ย" พี่ชายที่ทำตัวประหนึ่งเป็นบริกรถามขึ้น
   "อือ" น้องชายตอบพลางกัดขนมปังคำโต
   "ไอทำไมไม่รู้จักทำอะไรเอง ยูด้วยเลิกทำนู่นทำนี่ให้น้องได้แล้ว" มารดาที่ยืนหันหลังให้ส่งเสียงต่อว่ามาจากในครัวซึ่งอยู่ด้านหลัง แม้จะฟังแค่บนสนทนาเธอก็นึกภาพออกว่าลูกชายทั้ง 2 คนกำลังทำอะไรอยู่ เนื่องจากเป็นภาพที่เห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
   "ครับ ครับ" ชายหนุ่มตอบราวกับเป็นเครื่องตอบรับอัตโนมัติ เขาเทนมใส่แก้วจากนั้นจึงใช้ส้อมเสียบไส้กรอกไปจ่อที่ปากน้องชาย
   "ยูโตะ" มารดาพูดเสียงเข้มพลางส่งสายตาพิฆาตไปจนยูโตะยอมวางส้อมลง เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ลูกคนโตของเธอเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ว่ามีนิสัยชอบบริการหรือชอบดูแลคนอื่นมีแต่กับน้องชายเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยสอนหรือสั่งให้ทำ แต่ยูโตะก็จะเตรียมอาหารทุกอย่างให้พร้อมเข้าปาก ถ้าเป็นปลาก็จะแกะก้างให้ ถ้าเป็นผลไม้ก็จะแกะเมล็ดออก แค่นี้เธอยังพอทนได้แต่การป้อนถึงปากนี่แหละที่เธอคิดว่ามันมากเกินไป และนั่นก็ส่งผลให้ลูกคนเล็กของเธอไม่รู้จักโตเสียที
   พอมารดาหันหลังให้ยูโตะที่ยุ่มย่ามกับของในจานน้องชายไม่ได้ก็บิดตัวเด็กหนุ่มให้หันหน้าเข้าหาตัวแล้วลงมือผูกเนทไทของเครื่องแบบนักเรียนที่น้องชายวางพาดคอไว้ให้เรียบร้อย
   "แล้วพี่ไม่กินเหรอ" หลังจากเอ่ยถามเด็กหนุ่มหันหน้าเข้าหาโต๊ะดังเดิม
   "ฉันกินแล้วล่ะ" ยูโตะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดแยมสีแดงซึ่งติดอยู่ที่มุมปากของน้องชายออกแล้วใช้ลิ้นทำความสะอาดนิ้วมือของตัวเอง
   "อ๊ะ นั่นมันแยมสตอเบอรี่นะพี่" น้องชายท้วงด้วยรู้ว่าพี่ของตนไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่
   "ไม่เป็นไรกินแบบนี้ก็อร่อยดีเหมือนกัน" ชายใบหน้าคมคายยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเดินไปด้านหลังของเด็กหนุ่มเพื่อช่วยจัดแจงผมที่ชี้โด่ชี้เด่ให้เข้าที่
   "รีบมากระวังจะติดคอล่ะ" ยูโตะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูผู้ที่กำลังรีบเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยความเอ็นดู แม้โรงเรียนจะอยู่ห่างจากบ้านด้วยรถประจำทางเพียง 15 นาที แต่กว่าน้องชายของเขาจะตื่นแล้วเตรียมตัวเสร็จก็ปาเข้าไป 7 โมง 50 นาทีแล้ว
   "พี่ยู วันนี้ไปส่งหน่อยสิ"
   "ไอโตะ" มารดาส่งเสียงเข้มเรียกด้วยชื่อเต็มมาจากในครัวอีกครั้ง
   "ก็ไปคนเดียวมันเหงานี่นา" ไอโตะลากเสียงยาวเรียกร้องขอความเห็นใจ
   จนกระทั่งเมื่อเทอมที่แล้วพี่ชายที่แก่กว่าเขา 3 ปียังไปโรงเรียนกับเขาทุกเช้า ทว่าตั้งแต่เทอมนี้เป็นต้นไปเขาที่ขึ้นมัธยมปลายปี 1 และพี่ชายที่เข้ามหาวิทยาลัยก็มีกิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนไป และมันก็ทำให้เขาไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก แต่ยังดีที่มหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ไกลจนต้องอยู่หอพี่ชายจึงยังสามารถไปส่งเขาแบบนี้ได้
   "เปิดเรียนมาจะ 3 อาทิตย์แล้วยังไม่ชินอีกหรือไง" เสียงพูดของมารดามีเสียงกระทบกันของจานชามที่ล้างประกอบไปด้วย
   "ช่างเถอะครับ ยังไงวันนี้ผมก็ไม่มีเรียนตอนเช้าอยู่แล้ว"
   "ยูโตะลูกก็ให้ท้ายน้องตลอดนั่นแหละ ที่ไอเป็นแบบนี้ก็เพราะลูกไม่ใช่เหรอ"
   เมื่อมารดาเริ่มบ่นไอโตะที่รู้ว่าเป้าหมายต่อไปต้องเป็นตนก็อาศัยจังหวะที่พี่ชายกำลังตกเป็นเป้าหมายกระดกนมในแก้วที่เหลือจนหมดแล้วคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากบ้านไปทันที
   "ไปแล้วนะครับ"
   "อ๊ะ ไอรอด้วยสิ แม่ผมไปก่อนนะครับ" ยูโตะไม่รอช้ารีบวิ่งตามน้องชายไปด้วยเช่นกัน
   "หน่อย เจ้าลูกพวกนี้นี่ เฮ้อ" มารดาหันมามองโต๊ะอาหารที่ไม่เหลือใครแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพราะเห็นว่าไอโตะขึ้นมัธยมปลายแล้วจึงอยากให้ปรับปรุงตัวบ้างแต่ลูกของเธอก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเด็กเรื่อยมา
   "เฮ้อ แม่บ่นเก่งกว่าเหมือนก่อนอีกหรือเปล่าเนี่ย" ผู้หนีรอดออกมาจากบ้านได้บ่นอุบอิบ
   "ก็แล้วเพราะใครล่ะ" ยูโตะเหลือบมองผู้เป็นต้นเหตุที่เดินอยู่ข้าง ๆ
   "แหม...มันช่วยไม่ได้นี่ ไปกลับโรงเรียนกับพี่มาตลอดตั้งแต่ประถมอยู่ดี ๆ ต้องมาถูกทิ้งไว้คนเดียวแบบนี้นี่" ไอโตะทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ
   "ฮ่า ฮ่า อย่าพูดอย่างกับฉันทิ้งให้ไอตกระกำลำบากแบบนั้นสิ ไม่เป็นไรฉันจะไปส่งจนกว่าไอจะชินเอง" รอยยิ้มและคำพูดของพี่ชายทำให้ไอโตะยิ้มหน้าบาน ไม่ว่าจะถูกมารดาต่อว่าอย่างไรแต่เขาก็สบายใจได้เพราะมีพี่ชายอยู่ข้างเขาเสมอ
   หลังจากนั่งรถประจำทางที่คนแน่นขนัดตามแบบฉบับของกรุงโตเกียวในตอนเช้าแล้วลงจากรถได้ไม่นาน เด็กหนุ่มก็อ้าปากกว้าง
   "นี่อย่าหาวปากกว้างแบบนั้นสิ" ยูโตะรีบยกมือปิดปากของไอโตะไว้
   "ก็มันง่วงนี่ อยู่มหาลัยนี่ดีจังเลยนะ ไม่ต้องตื่นเช้าแบบนี้"
   "ก็ไม่ใช่ทุกวันซักหน่อย วันที่มีเรียนตอนเช้าก็มี แล้ววันนี้ฉันก็ตื่นเร็วกว่าไออีกไม่ใช่เหรอ" สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะมีเรียนเวลาไหนก็จะตื่นเวลาเดิมทุกวันด้วยจำเป็นต้องปลุกน้องชายในตอนเช้า
   "ง่ะ" ไอโตะผงะไปเมื่อเจอกับความจริงที่เถียงไม่ออก
   "แบบนี้นาฬิกาปลุกที่ฉันให้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ"
   แต่ไหนแต่ไรมาเขามีหน้าที่ปลุกน้องชายจากห้วงนิทราแต่มารดาที่บอกว่าเมื่อขึ้นมัธยมปลายแล้วก็ควรจะรู้จักรับผิดชอบตัวเองและสั่งให้เขาเลิกยุ่มย่าม ยูโตะจึงซื้อนาฬิกาปลุกแบบอัดเสียงเพื่อให้เป็นตัวแทนของเขา ทว่ามันก็มีแต่ส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้เขากับมารดาเท่านั้น
   "ยังไงตัวจริงก็ดีกว่านี่" เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพูดอย่างอาย ๆ
   "หึ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะหลงกลเหรอ" ชายร่างสูงใช้ปลายนิ้วช้อนใต้คางของผู้ที่สูงแค่ไหล่ของเขาให้เงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามอง
   "นี่ คู่พี่น้องตรงนั้นน่ะ อย่ามายืนจู๋จี๋กันกลางทางสิ มันเกะกะนะ" จู่ ๆ ก็มีเสียงแทรกดังมาจากด้านหลัง
   "ไค" บุคคลทั้งสองที่ยืนขวางอยู่บนทางเท้าหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
   "ยูโตะซังอรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็มาส่งเจ้าไอโตะอีกแล้วเหรอ" เด็กหนุ่มที่ผมยาวกว่ากฎของโรงเรียนกำหนดไว้และนำชายเสื้อเชิ้ตออกมานอกกางเกงกล่าวทักทายทั้งสองคนด้วยท่าทางสนิทสนม
   "อา นาฬิกาปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น ฉันเลยต้องปลุกอยู่ตั้งนาน"
   "แย่จังนะครับมีน้องชายไม่ยอมโตแบบนี้ ในฐานะเพื่อนแล้วรู้สึกอายแทนจริง ๆ" ไคยกมือสองข้างขึ้นข้างลำตัวพลางยักไหล่
   "แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับนายด้วยไม่ทราบ" ไอโตะถลึงตาใส่วิธีพูดจาเสียดสีแบบนั้น
   "ฉันก็แค่เห็นใจยูโตะซังที่ไม่มีแฟนซักทีเพราะต้องมาคอยดูแลนายไงล่ะ ทั้งที่มีสาว ๆ หมายตาเยอะแยะมาตั้งแต่มอต้นแท้ ๆ"
   "เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย" เด็กหนุ่มร่างเล็กกว่าโต้กลับเสียงดัง
   "ไม่เกี่ยวเหรอ ก็เพราะนายนั่นแหละที่คอยขัดขวางตลอด ยังจะมาเถียงอีก"
   พวกเขารู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้นดังนั้นไคจึงรู้เรื่องของไอโตะดี
   "เอาน่า อย่าเถียงกันเลยเดี๋ยวก็ไปสายหรอก" ยูโตะรีบห้ามทั้งสองคนที่เหมือนจะลืมไปแล้วว่าจวนจะแปดโมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว
   "ปีนี้ไคก็อยู่ห้องเดียวกับไอสินะ" ในที่สุดชายหนุ่มก็ทำให้เด็กมัธยมสองคนเดินต่อไปได้
   "อือ ถึงปีที่แล้วจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ" ไคเรียนห้องเดียวกับไอโตะตอนอยู่มัธยมต้นปี 1 และ 2 แต่เมื่อปีที่แล้วต้องแยกห้องกัน ตอนแรกจึงไม่คิดว่าจะบังเอิญได้มาอยู่ห้องเดียวกันอีก
   "คุ้นกับชีวิตมอปลายขึ้นมาบ้างหรือยังล่ะ"
   "ก็แค่มาเรียนแล้วก็กลับบ้านเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ที่ไม่เหมือนก็คือฉันจะต้องหาแฟนให้ได้ภายในเทอมแรกนี่แหละคอยดูนะ" ไคกำมือแล้วยกขึ้นระดับอกพลางประกาศเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่
   "ไร้สาระจริง ๆ" ไอโตะค่อนขอดเพื่อนทั้งที่ยังมองตรงไปข้างหน้า
   "ฉันไม่เหมือนนายที่เอาแต่ติดพี่ชายตลอดหรอก เจ้าบราคอน"
   "ว่าไงนะ" เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดเท้าลงแล้วหันหน้าเข้าเขม่นใส่กันอีกครั้ง
   "นี่เดี๋ยวก็ได้สายจริง ๆ หรอก" ยูโตะรีบห้ามก่อนพวกเขาจะไปสายจริง ๆ
   ยิ่งเข้าใกล้ประตูโรงเรียนไอโตะก็รู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองมาทางพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะพวกผู้หญิง เขารู้ดีว่าสายตาของพวกเธอมองไปยังจุด ๆ เดียวกัน ซึ่งก็คือชายร่างสูงที่มี ผมสีดำสนิท ดวงตาเรียวยาว ริมฝีปากหนาและหล่อเหลาจนเป็นที่สะดุดตานั่นเอง เคยมีคนมาทาบทามให้ชายหนุ่มเป็นทั้งนายแบบและนักแสดงหลายครั้งแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ
   "พี่ยูส่งแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ" ไอโตะดึงเสื้อพี่ชายที่เดินนำหน้าไว้
   "ทำไมล่ะ" ยูโตะถามด้วยความแปลกใจเนื่องจากเมื่อหลายวันก่อนเขายังไปส่งจนถึงหน้าประตูโรงเรียนอยู่เลย
   "อย่างแรกก็คืออายที่โตป่านนี้แล้วยังต้องมีคนมาส่ง อย่างที่สองก็คือกลัวว่าพวกผู้หญิงจะวิ่งเข้ามาหายูโตะซังสิน่ะ" ไควิเคราะห์สถานการณ์แล้วตอบแทนได้ไม่ยาก
   ยูโตะมองไปรอบตัวซึ่งมีแต่นักเรียนชายสวมเสื้อเชิ้ตทับด้วยสูทสีเทาตัวนอกกับกางเกงลายสก็อต และนักเรียนหญิงที่สวมกระโปรงเหนือเข่าในลวดลายเดียวกันแล้วก็ตระหนักได้ว่าตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนนั้นดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก ดังนั้นไอโตะจะรู้สึกอายก็ไม่แปลก ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ
   "ก็ได้เข้าใจแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะไอ ไค" ชายหนุ่มขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มของน้องชายที่ก้มหน้าอยู่ไปมาพลางบอกลา
   "ครับยูโตะซัง บ๊าย บาย" ไคกับไอโตะยิ้มส่งคนที่ค่อย ๆ เดินจากไป
   "เฮ้อ ยูโตะซังนี่น่าสงสารจริง ๆ ที่มีน้องชายอย่างนาย"
   "นี่จะหาเรื่องกันให้ได้ใช่มั้ย" ไอโตะเหล่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์
   "นายก็รู้อยู่แก่ใจนี่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มองมาทางนี้ก็เพราะยูโตะซัง ถ้าไม่มีนายซักคนป่านนี้ยูโตะซังคงมีแฟนเป็นโหล่แล้ว"
   "แฟนมันต้องมีคนเดียวสิ ทำไมต้องมีเป็นโหล่ด้วย"
   "แต่ก็นะคราวนี้ยูโตะซังก็อยู่มหาลัยแล้วนายคงตามไปรังควานไม่ได้อีกแล้วล่ะ" ไคเพิกเฉยต่อคำทักท้วงของไอโตะแล้วพูดต่อ
   "อย่าพูดเหมือนฉันเป็นผีร้ายสิ"
   "สาวมหาลัยต้องดีกว่าเด็กมอปลายอยู่แล้ว ท่าทางยูโตะซังก็เหมาะกับผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่ซะด้วย" ไคยังคงพูดจายั่วยุไอโตะไม่เลิก
   "ไม่ได้ พี่จะคบกับใครฉันจะเป็นคนเลือกให้เอง"
   "หา แล้วสิทธิส่วนบุคคลของยูโตะซังอยู่ที่ไหนกัน" แม้ปากของเขาจะทำงานหนักแต่เท้าของเขาก็ยังก้าวเดินไปด้วย
   "อยู่กับฉันที่เป็นน้องไงล่ะ พี่ไม่เห็นเคยบ่นอะไรเลย ทำไมนายจะต้องพูดมากด้วย"
   "อาจจะอดทนไว้เพราะไม่อยากพูดก็ได้"
   "ไม่มีทาง พี่เป็นคนอนุญาตฉันเองนะ" เสียงของทั้งสองคนที่ตะเบ็งใส่กันเรียกให้ผู้คนหันมามอง แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมหยุดจนกระทั่งก้าวเท้าเข้ามาในรั้วโรงเรียน
   "นี่ โยเนะมูระ คุซาซากิ คนเมื่อกี้ใครเหรอ เท่จัง" ในที่สุดก็มีเด็กสาวใจกล้าวิ่งเข้ามาถามพวกเขาโดยไม่สนใจสถานการณ์
   "เห็นมั้ยล่ะ ว่าแล้วว่าต้องมีแบบนี้" ไคชี้มือไปทางเพื่อนร่วมชั้นหญิง เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่มัธยมต้น
   "อะ...อะไรเหรอ" เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยเมื่อไม่เข้าใจว่าเพื่อนร่วมชั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
   "เปล่าไม่มีอะไร นั่นเป็นพี่ชายของหมอนี่น่ะ"
   "เอ๋ ถ้าอย่างนั้นช่วยแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ" เธอขอร้องไอโตะด้วยแววตาเป็นประกาย
   "ไม่ได้" เสียงของไอโตะเปล่งออกมาก่อนที่มองจะสั่งการเสียอีก
   "หา!?" เด็กสาวอ้าปากค้างด้วยความงุนงงเมื่อเจอการปฏิเสธแบบสายฟ้าแลบ
   "เธอไม่เหมาะกับพี่ฉันหรอก" ไอโตะให้เหตุผลอย่างไม่รักษาน้ำใจกระทั่งกับเพื่อนร่วมชั้นที่ยังจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ
   "ว่าไงนะ" เธอโมโหทันทีด้วยรู้สึกเหมือนโดนดูถูกซึ่ง ๆ หน้า
   "เอาน่า ๆ หมอนี่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว อย่าไปถือสาเลย ถ้ายังไงเธอมาคบกับฉันดูมั้ยล่ะ" ไครีบพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด
   "ขอผ่านย่ะ" เธอสะบัดหน้าหนีจนปลายผมที่ปล่อยสยายเกือบจะเหวี่ยงโดนหน้าไค
   นี่คือการขัดขวางที่ไคพูดถึง ไอโตะจะคอยกีดกั้นหญิงสาวทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้พี่ชายด้วยการปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทั้งหมด
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2019 21:09:00 โดย Lemaness »

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I
«ตอบ #1 เมื่อ22-10-2017 23:25:58 »

ตอนที่ 1.2

   ตกดึกเสียงดนตรีประกอบและเสียงเอฟเฟคของเกมส์ดังลอดออกมาจากทีวีในห้องนอนชั้น 2 บนหน้าจอมีรถแข่ง 2 คันกำลังขับเคียวกันอย่างดุเดือด ผู้เล่นทั้ง 2 ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นจ้องมองหน้าจอเขม็งพลางกดและโยกที่บังคับในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย และแล้วเมื่อรถคันสีแดงเข้าเส้นชัยได้ก่อน เด็กหนุ่มก็ปล่อยจอยสติ๊กในมือออกทั้งที่รถของตนยังไม่ถึงจุดหมาย
   "อ๋า แพ้อีกแล้วเหรอ"
   "หึ หึ ยังอ่อนหัดอยู่นะไอจัง" ผู้ชนะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
   "งั้นเอาใหม่อีกตาหนึ่ง" ไอโตะหยิบคันบังคับขึ้นมาใหม่
   "ไม่ได้ตกลงกันแล้วไงว่านี่เกมส์สุดท้ายแล้ว" ยูโตะพูดเสียงเฉียบแล้วดึงจอยสติ๊กออกจากมือน้องชาย
   "ชิ" ไอโตะทำหน้าบูดแล้วลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงที่อยู่ด้านหลัง
   "แพ้ติดต่อกันตลอดแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า"
   ไอโตะไม่ตอบคำถาม สิ่งที่ไคพูดเมื่อเช้ายังคงกวนใจเขาไม่หยุดจนทำให้ไม่มีสมาธิกับเกมส์เลย ไอโตะมองดูพี่ชายเก็บเครื่องเกมส์และของที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นอยู่สักพักจากนั้นจึงตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
   "พี่ยูที่มหาลัยสนุกหรือเปล่า"
   "ก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ" ยูโตะตอบพลางเก็บของที่ตนไม่ได้ทำรกไว้ไปด้วย
   "ที่นั่นมีสาวสวยเยอะแยะเลยจริงเหรอ"
   "หึ ไปได้ยินมาจากไหนน่ะ" คราวนี้เขาหันไปทางน้องชายก่อนจะเก็บของชิ้นสุดท้ายเข้าที่
   "เจ้าไค"
   "ทำไม? กลัวว่าฉันจะไปคบกับใครโดยที่ไอไม่รู้เหรอ"
   "เปล่าซักหน่อย" พอพี่ชายมองมาไอโตะที่ถูกพูดแทงใจดำก็สะบัดหน้าหนีแล้วล้มตัวลงไปบนเตียง
   "ไม่ต้องห่วงฉันไม่ไปคบกับใครโดยไม่บอกไอก่อนหรอก เคยบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ" ชายหนุ่มนั่งลงที่ขอบเตียงแล้วใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าไอโตะออกอย่างเบามือ
   "พี่รำคาญฉันหรือเปล่า" ไอโตะสบตากับชายที่มองลงมาจากด้านบน
   "ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกน่า นี่หรือว่าโดนไคพูดอะไรมาล่ะสิเนี่ย" ชายหนุ่มวางมือทั้งสองข้างลงคร่อมร่างบางเอาไว้ ไอโตะหวงเขามาตั้งแต่เด็ก กระทั่งมีเด็กคนอื่นมาขอเล่นด้วยก็ไม่ยอม แต่เขาไม่เคยคิดว่าน่ารำคาญเลยสักครั้ง กลับกันเขารู้สึกว่าไอโตะที่ทำแบบนั้นทั้งน่ารักและน่าเอ็นดู
   ไอโตะนิ่งเงียบเหมือนกับเป็นการยอมรับ ยูโตะหัวเราะท่าทางที่มองออกง่ายนั้นเบา ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นน้องชายจ้องมองตนไม่วางตา
   "มีอะไรเหรอ"
   "ผมพี่ยาวกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ" ไอโตะยกมือขึ้นจับปลายผมซึ่งละอยู่ที่ต้นคอของพี่ชาย
   "แปลกเหรอ" เพราะอยู่มหาวิทยาลัยแล้วเลยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกฎระเบียบอีกต่อไปเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก
   "เปล่า เหมาะกับพี่ดี" ไอโตะส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง ๆ
   "งั้นเหรอ แต่ถ้าไอไม่ชอบฉันจะตัดก็ได้นะ"
   "ฮิ ฮิ ไม่หรอก แบบนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนอีก" ผมแบบนี้ทำให้พี่ชายมีเสน่ห์กว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัวถึงจะดูเหมือนเพลย์บอยไปบ้าง และแม้มันอาจจะทำให้ยูโตะเป็นที่หมายตาของหญิงสาวมากขึ้นแต่ไอโตะก็ยังอยากให้พี่ชายดูดีในสายตาคนอื่น
   "ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว แล้วไอล่ะถ้าเรียนจบแล้วลองไว้ผมยาวดูมั้ยล่ะต้องน่ารักแน่ ๆ" ชายหนุ่มพูดพลางใช้นิ้วชี้เกี่ยวพันเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของไอโตะ
   "ไม่เอาหรอก ไม่ได้อยากน่ารักซักหน่อยแล้วเดี๋ยวก็ได้ถูกล้อกันพอดี" ไอโตะทำปากยื่นแสดงความไม่พอใจ
   "ล้อ? ว่าเหมือนเด็กผู้หญิงน่ะเหรอ ไม่หรอกน่า ถึงตอนนั้นไอก็โตแล้วล่ะ"
   สมัยเด็กมีบ่อยครั้งที่ไอโตะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ด้วยมีตาโต จมูกเล็ก และริมฝีปากบาง ถึงโตขึ้นแล้วใบหน้าจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังถูกพูดว่าน่ารักอยู่ร่ำไป
   "อะไรกันไม่ตามใจพี่ชายหน่อยหรือไง" ยูโตะพูดอย่างน้อยใจแต่นั่นก็ไม่ทำให้ไอโตะคล้อยตามแม้แต่น้อย
   "ไม่เอาเด็ดขาด แล้วฉันก็จะนอนแล้วพี่ออกไปเลย" ไอโตะดันตัวพี่ชายที่อยู่ด้านบนออกไป
   "ก็ได้ ว่าแต่นายจะนอนแล้วจริง ๆ เหรอ" ยูโตะล้มเลิกการชักจูงแล้วจ้องมองดวงตาคู่ที่อยู่ด้านล่างราวกับต้องการจับผิด
   "ก็...ก็ใช่น่ะสิ" พอไอโตะตอบด้วยจังหวะที่ติดขัดยูโตะก็เคลื่อนใบหน้าลงมาใกล้
   "อะไรเหรอพี่" ขณะที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบไอโตะที่งุนงงกับท่าทางที่ผิดแผกไปของพี่ชายก็ถามขึ้น ทว่ายูโตะกลับไม่ตอบแล้วล้วงมือเข้าไปใต้หมอน
   "หึ นี่มันคืออะไรเหรอ ไอจัง" ชายหนุ่มชูหนังสือที่หยิบออกมาได้แล้วยิ้มโดยที่สายตาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย
   "อ๋า ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ" ไอโตะรีบลุกขึ้นคว้าหนังสือการ์ตูนที่ซ่อนไว้คืน แต่พี่ชายก็ไวกว่า เขาอุตส่าห์คิดว่าที่ที่อันตรายน่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วแท้ ๆ
   "ที่ไล่ฉันเพราะคิดจะแอบอ่านหลังจากฉันออกไปแล้วใช่มั้ย ยึด" ยูโตะตีหน้าเคร่งประหนึ่งเป็นครูประจำชั้นที่จับนักเรียนที่กระทำผิดได้
   "เอ๋ แต่ฉันยืมไคมานะ ต้องรีบอ่านแล้วเอาไปคืนด้วย" ไอโตะเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง แต่พี่ชายก็กดไหล่ของเขาให้นอนลงด้วยมือข้างเดียว
   "ช้าไปวันหนึ่งไม่เป็นไรหรอกมั้ง เอาล่ะรีบนอนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเช้าก็บ่นง่วงอีกนั่นแหละ" ยูโตะออกคำสั่งแล้วห่มผ้าให้น้องชาย
   ไอโตะถอนหายใจแล้วจำใจต้องทำตามด้วยรู้ว่าสู้ไม่ได้ พี่มักจะรู้ทันเขาไปหมดทุกอย่าง
   เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ขัดขืนยูโตะก็ยิ้มแล้วแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากว้างของเด็กหนุ่ม แม้รู้ว่าจะต้องมีเสียงประท้วงตามมา
   "อ๊ะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
   ก่อนนอนพี่ชายมักบอกราตรีสวัสดิ์กับเขาด้วยวิธีนี้เสมอ แต่ช่วงนี้เป็นเพราะโตขึ้นหรืออย่างไรเขาถึงเริ่มรู้สึกขัดเขินกับการกระทำแบบนี้
   "ไม่มีกฎว่าโตแล้วทำไม่ได้สักหน่อย" ยูโตะไม่รับฟังคำคัดค้านและยืนกรานจะทำแบบนี้ต่อไป
   "งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะ ไอ" ยูโตะยิ้มกริ่มพลางปิดไฟให้ห้องของน้องชายมืดสนิทก่อนจะกลับไปยังห้องนอนของตน

   ณ ห้องเรียนร่วมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม้ชั่วโมงบรรยายจะสิ้นสุดลงมาได้พักหนึ่งแล้วแต่นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังคงนั่งอยู่ในห้อง พวกเขาจับกลุ่มคุยกันบ้าง แลกเปลี่ยนเอกสารกันบ้าง ทว่ายังมีชายคนหนึ่งที่รีบออกไปจากห้องทันทีที่อาจารย์พูดจบแล้วมายืนจดจ่ออยู่กับหน้าจอมือถือ
   "คุยกับใครอยู่น่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวมาตั้งนานแล้วนะ"
   ชายซึ่งเสยผมหน้าตั้งขึ้นไปที่เพิ่งคุยกับกลุ่มหญิงสาวเสร็จมองดูชายที่สูงพอ ๆ กับตนแล้วคล้องแขนลงบนไหล่ของเขา
   "คุริกูจิเหรอ? น้องชายน่ะ" ยูโตะตอบสั้น ๆ แล้วกดปุ่มส่งข้อความตอบกลับ
   "เอ๋!!"
   "อะไรของนาย ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้นด้วย" ยูโตะขมวดคิ้วถามเมื่อเพื่อนร่วมคณะแสดงท่าทีแปลกใจอย่างไร้เหตุผล
   "ที่เห็นนายคุยด้วยบ่อย ๆ แล้วทำท่าทางอารมณ์ดีนั่นก็น้องชายเหรอ" ตั้งแต่รู้จักกันมาได้ 1 เดือน เขาเห็นยูโตะมีท่าทางแบบนี้เป็นประจำ แต่บรรยากาศที่เหมือนกับคนกำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักทำให้เขาคิดว่าต้องเป็นแฟนสาวอย่างแน่นอน
   "ใช่ทำไมเหรอ"
   "เปล่า ก็แค่คิดว่าต้องเป็นแฟนแน่ ๆ น่ะสิ"
   "ฉันไม่มีคนที่คบด้วยหรอก" ยูโตะตอบโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอ
   "หรือที่เขาลือกันว่านายเป็นบราคอนจะเป็นเรื่องจริง" คุริกูจิลดเสียงลงถาม
   "อา ก็คงใช่" ยูโตะยอมรับหน้าตาเฉยโดยไม่ถามที่มาของข่าว ด้วยรู้ดีว่าคงจะมาจากบรรดาคนที่เคยเรียนมัธยมที่เดียวกับเขามาก่อน
   เขาเพิ่งรู้จักกับคุริกูจิตอนเข้าเรียนที่นี่แต่กลับคุยกันถูกคอและเข้ากันได้ดีจนสามารถพูดคุยกันได้เหมือนกับรู้จักกันมานาน
   "ไม่อยากจะเชื่อ ทั้งที่นายเป็นหัวข้อที่สาว ๆ พูดถึงกันมากแท้ ๆ" คุริกูจิรู้สึกเสียดายแทนอย่างบอกไม่ถูก หากตนดังในหมู่สาว ๆ เหมือนกับยูโตะ เขาคงเลือกหญิงสาวที่ตัวเองชอบแล้วคบกับเธอแทนที่จะมามัวสนใจน้องชายไปแล้ว
   ยูโตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับรู้ว่าเพื่อนของตนกำลังคิดอะไรอยู่
   "น้องชายนายอายุเท่าไหร่เหรอ"
   "มอปลายปี 1"
   "เห งั้นเหรอ ที่จริงฉันก็มีน้องชายเหมือนกันนะอายุห่างกัน 5 ปี แต่หมอนั่นยิ่งโตยิ่งไม่น่ารักทั้งที่ตอนเด็กน่ารักจะตาย แต่ปกติเด็กผู้ชายก็แบบนี้ทั้งนั้นแหละนะ" คุริกูจิเบ้หน้าประกอบการพูด
   "แต่ไอเป็นข้อยกเว้น ไอน่ารักมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วจนถึงตอนนี้ก็ด้วย" ยูโตะวางมือจากโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
   "หา อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างล่ะน่า" จากประสบการณ์ของคุริกูจิแล้วความน่ารักของเด็กผู้ชายนั้นอย่างมากที่สุดก็แค่ช่วงมัธยมต้น
   "เปลี่ยนเหรอ อืม ก็จริงนะเพราะเดี๋ยวนี้เวลาไปรับที่โรงเรียนแล้วไม่เห็นวิ่งเข้ามากอดเหมือนเมื่อก่อนเลย" ยูโตะทำหน้าเครียดเหมือนเป็นเรื่องใหญ่
   "จะบ้าเหรอ นั่นมันมีแต่เด็กอนุบาลเท่านั้นแหละ เด็กประถมยังไม่กล้าทำเลย" คุริกูจิทำหน้าเหวอด้วยความตกใจ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เขาพูดถึงกับสิ่งที่ยูโตะพูดนั้นห่างไกลกันอย่างมาก
   "เหรอ งั้นคงเป็นเรื่องที่เมื่อก่อนพูดว่ารักพี่ที่สุดเลยแต่เดี๋ยวนี่ไม่พูดล่ะมั้ง"
   "...นั่นน้องชายฉันก็ไม่เคยพูดนะ" คุริกูจิยกฝ่ามือตั้งขึ้นระดับอกราวกับจะขอร้องให้ยูโตะหยุดพูด
   "ถ้าอย่างนั้น..."
   "พอเลย ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันหมายถึงเรื่องที่พอโตแล้วก็เริ่มอยากมีความเป็นส่วนตัวบ้าง ไม่ฟังที่พูดบ้าง เริ่มออกห่างไปกับเพื่อนบ้างต่างหาก ให้ตายนายนี่มันบราคอนของแท้เลย" คุริกูจิวางมือลงบนไหล่ของเพื่อนตนแล้วส่ายหน้าไปมา
   "เออจริงสิ งั้นวันนี้ไปสังสรรค์กันหน่อยมั้ย ถ้านายไปพวกผู้หญิงต้องดีใจแน่ นายก็จะได้หัดมองผู้หญิงไว้บ้างไง" คุริกูจิใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ข้ามไหล่ตัวเองไปยังกลุ่มหญิงสาวต่างคณะ 2-3 คนที่อยู่ด้านหลัง บางทีพวกเธอคงเป็นส่วนหนึ่งในงานนี้
   "โทษที แต่เมื่อกี้ฉันบอกไอไว้แล้วว่าจะไปรับน่ะ" ยูโตะตอบโดยไม่หันไปทางที่เพื่อนชี้แม้แต่น้อย
   "นี่น้องนายเป็นเด็กอนุบาลหรือไง" ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นพี่ชายที่พูดถึงน้องชายแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนกับจะได้ออกเดทครั้งแรกนี่แหละ

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 2)
«ตอบ #2 เมื่อ12-11-2017 08:10:28 »

ตอนที่ 2

   ยูโตะรอรับไอโตะที่สุดเขตกำแพงรั้วของโรงเรียนเพราะกลัวว่าไอโตะจะอายเพื่อนอีก แต่แล้วชายหนุ่มที่คิดว่าจะได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของน้องชายก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อไอโตะทำหน้ายุ่งราวกับไปทะเลาะกับใครมา
   "เป็นอะไรไปน่ะ เมื่อเช้ายังดี ๆ อยู่เลย"
   "หมอนี่บ่นปวดฟันทั้งวันเลยน่ะสิ" ไคช่วยไขข้อข้องใจให้ผู้ถาม
   "เอ๋ ฉันคิดว่าพูดเล่นซะอีก" ก่อนหน้านี้ไอโตะก็บอกกับเขาทางไลน์แล้วว่าปวดฟันจะตายอยู่แล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นวิธีอ้อนให้เขามารับเท่านั้น
   "ไม่ได้พูดเล่นซักหน่อย" ไอโตะกระแทกเสียงเล็กน้อย
   "ไหนปวดมากหรือเปล่า" พอไอโตะพยักหน้าชายหนุ่มก็ย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วใช้มือลูบสำรวจแก้มของน้องชายแต่ก็ไม่พบอาการบวมผิดปกติแต่อย่างใด คงไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก
   "ดีที่ไม่บวม แต่ไว้กลับบ้านแล้วจะดูให้อีกทีนะ มาฉันถือกระเป๋าให้"
   ยูโตะแบมือออก ไอโตะส่งกระเป๋าให้พี่ชายแล้วบอกลากับไคด้วยสีหน้าที่ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
   พอถึงบ้านยูโตะก็ให้น้องชายนั่งลงบนโซฟายาวสีเทาในห้องนั่งเล่น เขายกคางของไอโตะให้สูงขึ้นและใช้นิ้วหัวแม่มือบังคับให้อ้าปาก
   "ฟันผุจริง ๆ ด้วยสิ เพราะแบบนี้ถึงได้บอกว่าอย่ากินขนมมากไงล่ะ" ยูโตะบอกผลวินิจฉัยเมื่อเห็นว่ามีฟันบางจุดกลายเป็นสีดำแล้วตำหนิน้องชาย
   "คนที่ซื้อขนมให้ไอกินตลอดก็ลูกไม่ใช่เหรอ งั้นก็จัดการดูแลให้เรียบร้อยด้วยล่ะ" ดูเหมือนคราวนี้มารดาจะเข้าข้างลูกคนเล็ก ถ้าเป็นเรื่องของไอโตะล่ะก็เธอแทบจะไม่ต้องทำอะไรเพราะมียูโตะคอยดูแลแทนทุกอย่าง
   ขณะที่ยูโตะนิ่งเงียบไปเพราะปฏิเสธความจริงไม่ได้ก็ได้ยินเสียงเพลงเรียกสายจากโทรศัพท์มือถือสีเงินที่วางอยู่บนชั้นวางของซึ่งกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวดังขึ้น มารดาของเขารีบไปรับในทันที
   "พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี เราไปหาหมอกันนะฉันจะโทรไปนัดให้" ยูโตะพูดด้วยเสียงที่เบากว่าปกติเพื่อไม่ให้รบกวนมารดาที่กำลังโทรศัพท์อยู่
   "ไม่ไปไม่ได้เหรอ ไม่มีวิธีอื่นหรือไง" ไอโตะเกาะแขนพี่ชายแล้วงอแงเหมือนเด็ก ๆ
   "ไม่ได้หรอก ผุแบบนี้ยังไงก็ต้องอุด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกินขนมอีกเลย เลือกเอา" ชายหนุ่มเข้มงวดขึ้นมาเมื่อเป็นเรื่องจริงจัง หากเขาตามใจผลเสียก็จะตกอยู่กับไอโตะ
   "แต่มันน่ากลัวนี่ฉันเกลียดหมอฟันที่สุดเลย"
   "ฉันไปด้วยไม่ต้องกลัวหรอกน่า" ชายหนุ่มลูบศีรษะปลอบใจน้องชาย
   "อะไรนะคะ!! แล้วคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
   จู่ ๆ มารดาก็ส่งเสียงร้องอย่างตกอกตกใจลูกชายทั้ง 2 คนจึงหันขวับไปมอง สีหน้าของเธอซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนคู่สนทนาจะเป็นบิดาของพวกเขา
   "เกิดอะไรขึ้นครับแม่" ยูโตะถามทันทีที่มารดาวางสาย
   "พ่อน่ะสิ ลื่นล้มในห้องน้ำที่ทำงาน"
   "แล้วเป็นอะไรมากมั้ยครับ" ไอโตะเองก็ตกใจไม่แพ้กับมารดา
   "โชคดีที่แค่ข้อเท้าแพลงน่ะ"
   "ค่อยยังชั่ว" สองพี่น้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก
   บิดาของพวกเขาเป็นพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแผนกได้ไม่กี่เดือนก็ถูกย้ายให้ไปช่วยที่บริษัทสาขาใหม่ในประเทศอเมริกา
   "ได้พักงานก็จริงแต่อยู่คนเดียวคงจะลำบากแน่ ๆ เลย ขาก็เป็นแบบนั้นด้วย" มารดาทำหน้าคิดหนักด้วยความกังวล
   "แม่จะไปดูพ่อหรือเปล่าครับ" ยูโตะถามอย่างรู้ใจ ตั้งแต่พ่อไปที่นั่นแม่เคยไปหาแค่ 2 ครั้งเท่านั้นและก็ไปแค่ไม่กี่วัน
   "ก็อยากอยู่หรอกแต่ว่าทางนี้ล่ะ" ท่าทางของเธอดูวิตกอย่างมาก สำหรับเธอแล้วไม่ว่าทางไหนก็สำคัญกับเธอทั้งคู่
   "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็อยากให้มีใครดูแลพ่อเหมือนกัน อยู่คนเดียวแล้วยังบาดเจ็บอีกคงต้องใจไม่ดีแน่ ๆ เลย"
   "แล้วพวกลูกจะไม่เป็นไรเหรอ" เธอถามย้ำอีกครั้งเพราะไม่เคยทิ้งให้ลูกอยู่กันตามลำพังเกิน 3 วันเลย
   "พวกเราโตแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะดูแลทางนี้เอง พ่อน่าเป็นห่วงกว่าเยอะนะครับ"
   ไอโตะพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย มารดามองไปทางยูโตะที่โตเป็นหนุ่มและดูพึ่งพาได้แล้วเอียงคอครุ่นคิดเล็กน้อย
   ยูโตะมีความคิดความอ่านเกินวัยและไว้ใจได้เธอจึงไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทางไอโตะนี่สิจะไม่เป็นไรจริงหรือ ทว่าหากมียูโตะอยู่ด้วยก็ไม่น่าจะต้องกังวล และบางทีนี่อาจจะช่วยให้ไอโตะได้เรียนรู้อะไรบ้าง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
   "ถ้าพวกลูกพูดแบบนั้นล่ะก็นะ"

   วันรุ่งขึ้น ใกล้เที่ยงไอโตะก็เสร็จสิ้นจากภารกิจอันน่าสะพรึง เจ้าตัวหน้าซีดลุกขึ้นจากเตียงแล้วโผเข้าหาพี่ชายที่นั่งรออยู่มุมห้อง ผลก็คือเขาถูกอุดฟันไป 3 จุด
   "คิดว่าจะตายซะแล้ว" เด็กหนุ่มซุกหน้าลงบนแผ่นอกของพี่ชายโดยลืมไปแล้วว่าตนกำลังอยู่ในที่สาธารณะ หมอและผู้ช่วยที่เห็นภาพนั้นอมยิ้มเล็กน้อย
   "อดทนได้ดีมาก" ยูโตะโอบกอดน้องชายอย่างไม่แคร์สายตาใคร ไอโตะเป็นพวกเกลียดกลัวความเจ็บปวดมาก แค่ตัดเล็บเข้าเนื้อนิดหน่อยก็แทบจะร้องไห้แล้ว
   "เอาล่ะ ทีนี้ก็ดูแลฟันดี ๆ ล่ะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้อีก"
   พอไอโตะพยักหน้ารับยูโตะก็จูงมือพามาที่แผนกชำระเงินแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงใสของเด็กสาวดังขึ้น
   "อ้าว ไอโตะนี่ ยูโตะซังก็ด้วย สวัสดีค่ะ" เด็กสาวผมบ๊อบสั้นเกือบแตะบ่าเดินตรงเข้ามาทักทายพวกเขา
   "มากิโฮะ เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ" ไอโตะเอี้ยวตัวกลับไปทักตอบ
   "ก็มาหาหมอฟันน่ะสิ ถามได้" เด็กสาวเท้าเอวตอบเสียงแข็งซึ่งไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาน่ารักภายนอกที่เห็น เธอมีใบหน้ากลมเล็ก ตาโต และผิวขาวเนียน
   "หรือว่าเธอก็ฟันผุเหมือนกัน"
   "เปล่าฉันแค่มาขูดหินปูนเฉย ๆ แต่พูดว่าเหมือนกันก็แสดงว่านายฟันผุเหรอ ฮ่า ฮ่า อย่างกับเด็กประถมแน่ะแล้วยังต้องให้ยูโตะซังพามาอีก"
   แม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ มากิโฮะและไอโตะที่อายุเท่ากันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังเรียนที่เดียวกันมาตลอดตั้งแต่ประถมจึงรู้จักนิสัยใจคอกันดี เมื่อปีที่แล้วก็ยังได้อยู่ห้องเดียวกันด้วย ถึงปีนี้จะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ตาม
   "อย่ามาหัวเราะนะ" เด็กหนุ่มขึ้นเสียงอย่างลืมตัว
   "นี่อย่าเสียงดังกันนักสิ เดี๋ยวก็โดนว่าเอาหรอก" ยูโตะรีบห้ามทัพเมื่อเห็นว่ามีคนเริ่มมองมาทางนี้
   หลังจากชำระเงินเรียบร้อยพวกเขาก็ออกมาด้านนอกคลินิก ยูโตะดึงเสื้อแจ็คเก็ตสีครีมที่ไอโตะนำแขนทั้งสองข้างของมันมัดไว้ที่เอวออกเพื่อให้เจ้าตัวสวมด้วยกลัวว่าอากาศเย็นจะทำให้ไม่สบายได้
   "ได้ยินจากแม่ว่า คุณน้าจะไปอเมริกาเหรอ" เด็กสาวที่สวมเสื้อแขนยาวสีโอรสและกางเกงขา 5 ส่วนถามถึงแม่ของไอโตะ
   "อือ ไปดูแลพ่อน่ะ ต้องขึ้นเครื่องเย็นนี้แล้ว"
   "แล้วจะอยู่กันได้เหรอ ยูโตะซังคงต้องลำบากแย่" มากิโฮะมองไอโตะอย่างไม่ไว้ใจ
   "อย่าพูดเหมือนฉันเป็นภาระสิ"
   "ก็จริงนี่ ถ้าไม่ใช่แล้วนายทำอะไรได้บ้างล่ะ"
   "อะไรฉันก็ทำได้ทั้งนั้นแหละถ้าคิดจะทำล่ะก็" ไอโตะขึ้นเสียงอีกครั้งเมื่อโดนดูถูก
   "อ๋อเหรอ" มากิโฮะยักไหล่อย่างไม่เชื่อในคำพูดนั่น ไอโตะตั้งท่าจะตอบโต้แต่ก็ต้องเก็บเสียงไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าด้านหน้ามีกลุ่มหญิงสาว 3 คนเดินสวนมา
   "หือ คุซาซากิไม่ใช่เหรอ" จู่ ๆ กลุ่มหญิงสาวที่กำลังจะเดินผ่านไปก็หันกลับมาทางยูโตะ
   "อ้าว พวกรุ่นพี่นี่เอง สวัสดีครับ" ยูโตะหยุดเท้าลงเพื่อทักทายรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย
   "นายมาทำอะไรแถวนี้น่ะ" หญิงสาวผมหยักศกยาวถึงกลางหลังและย้อมเป็นสีทองถามขึ้น
   "พาน้องมาหาหมอน่ะครับ"
   "หือ นี่น่ะเหรอ" หญิงสาวทั้ง 3 คนหันไปมองทางไอโตะอย่างรวดเร็ว พวกเธอเคยได้ยินข่าวลือเรื่องอาการติดน้องชายของยูโตะจนไม่ยอมคบหากับหญิงสาวคนไหนมามาก แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอตัวต้นเหตุแบบนี้
   "สวัสดีครับ" ไอโตะกล่าวทักทายตามมารยาทอย่างเสียไม่ได้ การแต่งตัวโชว์เนื้อหนัง แต่งหน้าเข้มจัด และใส่น้ำหอมจนส่งกลิ่นฉุนนั้นทำให้ไอโตะรู้สึกไม่ชอบพวกเธอเท่าไหร่
   "เห หน้าตาน่ารักจังน่ะ ไม่แปลกเลยที่พี่ชายจะหลง พวกเรากำลังจะไปกินข้าวพอดีเลยไปด้วยกันมั้ยล่ะ" หลังจากจ้องมองไอโตะอย่างพินิจพิจารณาแล้ว หญิงผมทองก็หันไปชวนยูโตะ
   "อย่าดีกว่าครับ ท่าทางพวกรุ่นพี่กำลังสนุกกัน พวกเราจะเกะกะเปล่า ๆ" ยูโตะปฏิเสธอย่างสุภาพ
   "ไม่หรอกน่า ไปด้วยกันเถอะ" หญิงสาวอีกคนซึ่งเกล้ามวยผมไว้กลางศีรษะช่วยคะยั้นคะยอ ท่าทางและวิธีการพูดการจาที่มีจริตจะก้านทำให้ไอโตะคิดหาทางหลีกเลี่ยงจากพวกเธอ
   "แค่ก แค่ก" ไอโตะไอค่อกแค่กเสียงดังออกมาทั้งที่ตนไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรมาก่อน
   "เออ ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ น้องชายผมไม่ค่อยสบาย ฉะนั้นพวกเราขอตัวก่อนดีกว่า" ยูโตะรีบรับมุขของไอโตะ โชคดีที่เมื่อกี้เขาไม่ได้บอกว่าหมอที่ว่าคือหมอฟัน
   "หว้า น่าเสียดายจังแต่ก็ช่วยไม่ได้นะ งั้นเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน"
   พวกเธอถอนหายใจด้วยความเสียดายแล้วบอกลากับพวกเขา ทว่าในตอนที่พวกเธอกำลังเดินจากไปสายตาของไอโตะก็สบเข้ากับหญิงสาวที่มีผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลแดง แม้จะเป็นแค่การเหลือบมองแต่สายตาที่มองมานั้นทั้งดุดันและแข็งกร้าว ไอโตะเอียงคอด้วยความฉงนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
   "ยูโตะซังยังเนื้อหอมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ แค่เข้าเรียนได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นที่หมายปองของรุ่นพี่ซะแล้ว"
   "มากิโฮะ อย่าพูดแบบนั้นสิ" ยูโตะปรามเด็กสาวที่ใช้คำแปลก ๆ
   "ถ้าไม่ติดก้างชิ้นใหญ่อย่างนายล่ะก็นะ" มากิโฮะเหล่มองผู้ที่เพิ่งตัดโอกาสของพี่ชายตน
   "พูดอะไรของเธอ พี่ไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นหรอก แล้วเมื้อกี้พี่ก็ลำบากใจ ฉันก็เลยต้องช่วยดูไม่ออกหรือไง" ไอโตะพูดอย่างหัวเสีย ทั้งไคและมากิโฮะต่างต่อว่าเขาทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
   "ไม่ต้องมาพูดดีเลย เรื่องที่นายปฏิเสธผู้หญิงคนอื่นแทนยูโตะซังลือกันมาถึงห้องฉันเลยรู้มั้ย แบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมาเลยน่ะสิ" เด็กสาวยกมือชี้หน้าคู่สนทนา
   "ฉันก็แค่พูดความจริงนี่" ไอโตะตอบอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
   "เหอะ คอยดูเถอะอีกหน่อยถ้ายูโตะซังมีคนที่ชอบขึ้นมา เขาก็ต้องให้ความสำคัญกับคนรักมากกว่าน้องชายอย่างนาย แล้วคราวนี้แหละกรรมจะตามสนอง"
   "ไม่มีทาง ถึงพี่จะมีคนที่ชอบแต่พี่ก็ต้องให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมากกว่าแน่ ๆ"
   "คนรักต่างหากย่ะ คนรักอีกหน่อยก็คือครอบครัวนะ"
   "แต่ยังไงครอบครัวเดิมก็ต้องมาก่อน" ไอโตะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
   "หน่อย เจ้าคนหัวดื้อนี่ ยูโตะซังก็พูดอะไรบ้างสิค่ะ" เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้เด็กสาวจึงขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่เดินตามอยู่ด้านหลัง ยูโตะที่ต้องเป็นกรรมการวางมือไว้ใต้คางพลางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะให้คำตัดสินออกมา
   "อืม ที่จริงที่พูดมาก็ไม่ถูกทั้งคู่นั่นแหละ"
   "เอ๋ หมายความว่ายังไงค่ะ" มากิโฮะทวนถามเมื่อนึกไม่ออกว่ายังมีคำตอบอื่นอยู่อีก
   "ก็เพราะสำหรับฉันไอต้องมาก่อนยังไงล่ะ"
   "ห้ะ" เด็กสาวชะงักงันไปชั่วขณะแล้วทำหน้าบอกบุญไม่รับ เธออุตส่าห์จะเตือนสติการกระทำที่ไม่เหมาะสมของไอโตะ แต่พอได้ยินคำพูดของยูโตะเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรอีกแล้ว หากมีแค่น้องชายที่ผิดปกติคนเดียวยังพอว่า แต่ฝ่ายพี่ชายเองก็ผิดปกติไปด้วยแบบนี้คงเกินจะเยียวยา
   "เฮ้อ ฉันอุตส่าห์พูดเพื่อทั้งสองคนแต่พอทีไม่อยากยุ่งกับพวกบราคอนแล้ว ง่ะ แล้วทำไมนายจะต้องหน้าแดงด้วยเนี่ย" มากิโฮะตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อหันไปเห็นปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายของเพื่อนสมัยเด็กจริงอยู่ที่คำพูดของยูโตะเหมือนกับคำสารภาพรักแต่กับคนที่เป็นน้องชายทำไมถึงทำอย่างกับเป็นหญิงสาวไปได้
   ไอโตะยกมือขึ้นจับใบหน้าของด้วยเองโดยอัตโนมัติ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าของตนเปลี่ยนสีไป แต่ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะชอบใจอย่างมากถึงได้หัวเราะออกมา

   ภายในมหาวิทยาลัยซึ่งมีเนื้อที่กว้างขวางและใหญ่โตกว่าโรงเรียนของเขาถึง 4 เท่า เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายเดินมองซ้ายมองขวาเพื่อตามหาพี่ชายของตน นี่เป็นครั้งแรกที่ไอโตะเข้ามาที่นี่เลยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง แม้จะถามทางจากนักศึกษาคนหนึ่งมาแล้ว แต่เขาก็ยังไปไม่ถึงตึกที่พี่ชายน่าจะอยู่เสียที
   ไอโตะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วลงมือใช้นิ้วสัมผัสที่หน้าจอพลางเดินไปด้วย แต่การกระทำเช่นนั้นทำให้มองด้านหน้าไม่ถนัดเขาจึงชนบางอย่างเข้าอย่างจังจนกระเด็นถอยหลังไป
   "อ๊ะ ขอโทษครับผมไม่ทันระวัง ขอโทษจริง ๆ ครับ" ไอโตะรีบก้มศีรษะลงเมื่อรู้ตัวว่าเดินชนคนอื่นเข้า
   "หือ เด็กมอปลายเหรอทำไมมาอยู่แถวนี้ได้" ชายซึ่งย้อมผมเป็นสีทองสว่างและสวมต่างหูซึ่งเป็นห่วงที่หูข้างซ้ายเรียงกัน 3 อันมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเหมือนการปะทะเมื่อครู่จะมีผลกับไอโตะที่ตัวเล็กกว่าเพียงฝ่ายเดียว
   "ผมกำลังตามหาคนอยู่น่ะ" ไอโตะบอกจุดประสงค์ของตนในขณะที่อีกฝ่ายยังคงจ้องมองเขาไม่วางตาไม่รู้ว่าโกรธที่เขาเดินชนหรืออย่างไร
   "นายนี่หน้าตาน่ารักดีนะ แล้วคนที่หาอยู่คณะไหนล่ะ บางทีฉันอาจจะช่วยได้"
   "อยู่คณะวิทยาการสารสนเทศ ชื่อคุซาซากิ ยูโตะครับ" ถึงจะไม่ชอบใจคำชมนั่น แต่ไอโตะก็เก็บอารมณ์เอาไว้แล้วบอกเบาะแสของพี่ชาย
   "คุซาซากิงั้นเหรอ"
   "รู้จักเหรอครับ" ไอโตะตาโตด้วยความดีใจ
   "อา อยู่คณะเดียวกันน่ะ ถ้าคุซาซากิล่ะก็ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ตึกเรียนรวมนะ ตามมาสิฉันจะพาไป"
   "ขอบคุณครับ" ไอโตะเดินตามชายที่น่าจะเตี้ยกว่าพี่ชายเขาเล็กน้อยไป แม้ภายนอกจะดูเหมือนพวกกุ๊ยแต่เขาก็มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น
   "นายเป็นน้องชายของคุซาซากิเหรอ" ชายผมทองจ้องมองไอโตะที่อยู่ข้าง ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะถามขึ้น
   "ทำไมถึงรู้ล่ะครับ"
   "เรื่องที่คุซาซากิเป็นบราคอนรู้กันไปทั่วนั่นแหละ"
   ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับตอนมัธยมเลย ไอโตะแอบดีใจนิดหน่อยเพราะหากเป็นอย่างนั้นผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะพี่ชายก็น่าจะน้อยลงบ้าง
   "แต่พอได้เห็นนายแล้วก็พอจะเข้าใจอยู่นะ"
   "หมายความว่ายังไงครับ" ไอโตะรู้สึกเหมือนกำลังถูกว่าร้ายทางอ้อม
   "โทษที ๆ ไม่ได้หมายความในทางไม่ดีหรอก แค่รู้สึกว่านายเป็นประเภทที่น่าปกป้องน่ะ"
   "ผมดูอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ" ถึงอีกฝ่ายจะแก้ตัวแล้วแต่ไอโตะก็ยังไม่ค่อยชอบใจอยู่ดี
   "เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นแค่นายดูน่าให้ความสำคัญ แล้วก็น่าทะนุถนอมน่ะ"
   ในตอนที่ชายผมทองพูดอย่างนั้นไอโตะรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนลวนลามด้วยสายตา
   "ขอโทษด้วยครับ แต่ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดหรอก" ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีแท้ ๆ ทำไมคน ๆ นี้ถึงพูดแบบนั้น นี่เขากำลังถูกล้อเล่นอยู่หรือเปล่า จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาเหมือนเด็กผู้หญิงแต่ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายเขาก็มั่นใจว่าตัวเองสมชายขึ้นมาบ้างแล้ว
   "อ๊ะนั่นไงพี่ชายนายน่ะ" ชายผมทองหยุดอยู่กลางบันไดแล้วชี้มือไปด้านหน้า
   แม้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกจะบังอยู่จนเห็นได้ไม่ทั้งตัวแต่ไอโตะก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของเขา เขาจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไป
   "พี่ยู" พอวิ่งเข้าไปใกล้ไอโตะก็เห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งหนีไป แม้จะแค่แวบเดียวแต่เขาก็จำได้ว่าเธอคือ 1 ใน 3 ของกลุ่มหญิงสาวที่ได้เจอในวันที่ไปหาหมอฟันและเป็นคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ บางทีเมื่อกี้เธอคงจะกำลังพูดคุยกับพี่ชายอยู่ แต่เพราะจากจุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ร่างของเธอถูกต้นไม้ใหญ่บังเอาไว้ไอโตะจึงไม่ทันสังเกตเห็น
   "ไอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้" ยูโตะหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่
   "ก็แค่อยากมาหาน่ะ"
   "แล้วทำไมไม่บอกก่อนล่ะ ดีนะที่ไม่สวนกัน" ยูโตะเดินเข้าไปหาไอโตะที่หยุดเท้าไปดื้อ ๆ
   "เอาล่ะ ถ้าเจอแล้วงั้นฉันไปก่อนนะ" ชายผมทองที่เพิ่งเดินตามมาถึงพูดขึ้น
   "นาย...คิจิมะ" ยูโตะหรี่ตาลงเมื่อมองเห็นชายผมทอง
   "ฉันหลงทางแล้วคน ๆ นี้ช่วยพามาหาพี่น่ะ ขอบคุณมากนะครับ" ไอโตะชี้แจงให้พี่ชายฟังก่อนจะหันไปทางผู้มีพระคุณ
   คิจิมะเพียงแต่ยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
   "พี่เป็นอะไรน่ะ ทำหน้าเครียดเชียว"
   "ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ว่าทีหลังนายอย่าไปยุ่งกับหมอนั่นจะดีกว่า" ยูโตะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   "เอ๋ ทำไมล่ะ" ไอโตะไม่ชอบใจคำพูดของคิจิมะนิดหน่อยแต่ไม่คิดว่าเขาจะเลวร้ายถึงขนาดต้องหลีกเลี่ยง
   "ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องดี ๆ ของหมอนั่นเลย เห็นว่ายุ่งกับทั้งผู้หญิงผู้ชายแล้วยังเปลี่ยนคนไม่ซ้ำหน้าด้วย"
   "หา ผู้ชายเนี่ยนะ แต่ว่ายังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกหรอกมั้ง" ถึงจะเจอกันอีกไอโตะก็ไม่คิดว่าคน ๆ นั้นจะมายุ่งกับเด็กอย่างเขา
   "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี" ขณะพูดรอยยับย่นระหว่างคิ้วของยูโตะก็ยังไม่หายไป ดูท่าทางเขาจะเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก

   จวนจะเที่ยงคืน ขณะที่ยูโตะกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ประตูห้องของเขาก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากนั้นไอโตะที่น่าจะหลับไปแล้วก็โผล่หน้าเข้ามา
   "พี่ให้ฉันนอนด้วยได้มั้ย" ผู้ที่ถือหมอนอยู่ในมือเปิดประตูออกให้กว้างขึ้น พวกเขาไม่เคยให้สัญญาณก่อนเข้าห้องของกันและกัน
   "ไอ ยังไม่นอนอีกเหรอ หรือว่าอยู่ดี ๆ เกิดกลัวอะไรขึ้นมาหรือไง" เวลาไอกลัวผีหรือดูหนังสยองขวัญทีไรจะมีอาการแบบนี้เป็นประจำแต่วันนี้เขายังไม่เห็นว่ามีอะไรเป็นสาเหตุเลย นอกจากบ้านที่เงียบกว่าปกติเนื่องจากแม่ไม่อยู่แต่นั่นก็ไม่น่าจะทำให้ไอโตะกลัวถึงขนาดนอนคนเดียวไม่ได้
   "เปล่า ก็เจ้าไคน่ะสิ ดันเล่าเรื่องผีให้ฟังหลังเลิกเรียน ฉันพยายามแล้วนะแต่ก็นอนไม่หลับ" ไอโตะหน้าจ๋อยพูด เขาข่มตาหลับไม่รู้กี่ครั้งแต่เสียงของไคก็ยังก้องอยู่ในหัว
   "อย่างงี้นี่เองที่วันนี้ไปหาฉันที่มหาลัยก็เพราะแบบนี้สินะ" ยูโตะกวักมือเรียกผู้ที่กอดหมอนแน่นให้เข้ามาในห้อง
   "งั้นโทษฐานที่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก ไอต้องหอมฉันก่อนถึงจะยอมให้นอนด้วย" ยูโตะยื่นเงื่อนไขทันทีที่ไอโตะนั่งลงบนเตียง
   "เอ๋ ไม่เอาหรอก น่าอายจะตาย" เสียงของไอโตะอู้อี้เพราะก้มหน้าลงไปในหมอน
   "งั้นก็คงต้องให้กลับห้องไปล่ะ แล้ว...ถ้ามีอะไร...โผล่ออกมาฉัน...ไม่รู้ด้วยนะ" ยูโตะจงใจลากเสียงยานพูดในตอนท้าย
   "ฉันกลัวนะ อย่าพูดแบบนั้นสิ" ไอโตะพูดพลางกระเถิบตัวเข้าไปหาพี่ชาย
   "งั้นก็" ยูโตะเอียงแก้มให้
   ไอโตะค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ ต่อให้น่าอายแค่ไหนก็ยังดีกว่าต้องนอนคนเดียว เขาตัดสินใจกดริมฝีปากลงไปแล้วรีบผละออกอย่างรวดเร็ว
   "หือ ทำอย่างกับรังเกียจอย่างนั้นแหละ" ยูโตะนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ
   "เปล่านะ แค่อายต่างหากเล่า"
   "ทีเมื่อก่อนบอกให้ทำอะไรก็ทำแท้ ๆ" ชายหนุ่มดึงตัวน้องชายเข้ามาที่เตียงด้านใน
   "นั่นมันเมื่อก่อนนี่" ไอโตะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วล้มตัวลงนอน
   "จะบอกว่าโตแล้วอีกแล้วเหรอ ก็ได้ครั้งนี้จะยอมให้ก่อนแล้วกัน"
   ยูโตะวางหนังสือในมือลงบนตู้ข้างหัวเตียงแล้วพลิกตะแคงตัวหันไปทางไอโตะ เขาตั้งศอกขึ้นแล้วใช้มือข้างซ้ายค้ำยันศีรษะของตนไว้
   "จริงสิ วันนี้ตอนที่ฉันไปหาพี่กำลังคุยกับใครอยู่ใช่มั้ย ฉันเข้าไปขัดจังหวะหรือเปล่า" ไอโตะกังวลเพราะเห็นว่าเธอวิ่งหนีไปทันทีที่ตนเข้าไปแทรก
   "อ๋อ เปล่าหรอก คุยกันเสร็จพอดีแล้วล่ะ"
   "ค่อยยังชั่ว" เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
   "ทำไม? คิดว่าเธอมาสารภาพรักหรือไง"
   "ไม่ใช่อย่างนั้น เอ๋! นี่หรือว่า..." ถ้าเป็นตามนั้นจริงเขาก็ทำเรื่องเสียมารยาทที่สุดลงไป ถึงเขาจะชอบขัดขวางคนอื่นกับพี่ชายแต่วิธีการแบบนั้นเขาไม่ทำอย่างเด็ดขาด
   "เปล่าไม่ใช่หรอก ว่าแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะไม่ผ่านอีกใช่มั้ยล่ะ"
   "เออ...ก็นะ" ผู้ทำการคัดกรองยิ้มแหย ๆ
   "แล้วคุณน้องชายช่างเลือกอยากให้ฉันคบกับผู้หญิงแบบไหนล่ะ" ยูโตะใช้แขนทั้งสองข้างวางคร่อมไว้ข้างศีรษะของไอโตะก่อนจะตั้งคำถามต่อ
   "แบบไหน? ไม่รู้สิ แล้วพี่ชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ" ไอโตะถามกลับเนื่องจากไม่เคยคิดเรื่องนี้อยู่ในหัว เขาบอกกับหญิงสาวหลายคนว่า 'เธอไม่เหมาะกับพี่' แต่ก็ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงแบบไหนถึงจะเหมาะสม
   "อืม ก็คงจะแบบที่หน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก เอาแต่ใจ ขี้อ้อน แล้วก็ขี้กลัวล่ะมั้ง" ขณะพูดยูโตะก็ใช้หลังมือลูบไล้บนแก้มของน้องชายไปด้วย นัยน์ตาของเขามองตรงไปที่ไอโตะราวกับต้องการสื่ออะไรบางอย่าง
   "...เดี๋ยว นี่พี่ล้อฉันอยู่ใช่มั้ย" เด็กหนุ่มอุตส่าห์ค่อย ๆ จิตนาการภาพหญิงสาวในอุดมคติตามคำบอกแต่แล้วก็ต้องโวยวายเมื่อรู้ตัวว่าพี่ชายกำลังพูดถึงตัวเองอยู่
   "ฮ่า ฮ่า รู้ตัวด้วยเหรอ แต่ก็ไม่ได้โกหกหรอกน่า ฉันชอบแบบนั้นจริง ๆ นี่"
   "ผู้หญิงที่เหมือนฉันยิ่งไม่เอาใหญ่" ไอโตะสะบัดหน้าหนีแล้วพลิกตัวเข้าหากำแพง
   "ทำไมล่ะน่ารักดีออก" ยูโตะเปลี่ยนมานอนลงข้าง ๆ แล้วโอบร่างบางเข้ามา
   "พอเลยฉันจะนอนแล้ว" ผู้ที่งอนพูดตัดบท แต่ยูโตะก็สังเกตเห็นว่าหูของน้องชายที่หันหลังให้นั้นกลายเป็นสีแดงจาง ๆ เขาจึงยกยิ้มที่มุมปาก
   "งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะ" ชายหนุ่มชันตัวขึ้นจูบที่ขมับของไอโตะแล้วล้มตัวลงนอนตามเดิมโดยที่ไม่คลายวงแขนออก
   เขานอนมองน้องชายจากด้านหลังอยู่เป็นเวลานาน แม้จะโตขึ้นมากแต่โครงสร้างร่างกายที่บอบบางก็ยังไม่เปลี่ยน
   "ไอหลับแล้วเหรอ" เขาเอ่ยถามผู้ที่ไหล่พะเยิบจากลมหายใจลึกซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหลับสนิทแล้ว
   ยูโตะไล่ตามองลำคอเรียวยาว แขนเรียวเล็ก และเอวคอดบาง จากนั้นจึงลุกขึ้นมองดูใบหน้ายามหลับสนิทของน้องชายอย่างหลงใหล ยูโตะดึงคอเสื้อขุดนอนสีน้ำเงินของไอโตะออกเล็กน้อย ผิวขาวเนียนที่เผยให้เห็นนั้นชวนให้อยากสัมผัส ยูโตะค่อย ๆ ประกบริมฝีปากลงไปที่ต้นคอขาวอย่างแผ่วเบาแล้วเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ไอโตะรู้สึกตัวและหลงเหลือร่องรอยไว้
   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ ยูโตะรู้สึกตัวว่าตัวเองมีความรู้สึกพิเศษต่อไอโตะตอนมัธยมต้นและเริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมปลาย แม้จะรู้ว่าไม่ควรเพราะไอโตะเป็นน้องชายแต่นับวันความรู้สึกที่มีต่อไอโตะก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพียงแค่ความสับสนเพราะความใกล้ชิดกัน แต่ความต้องการทางกายก็ทำให้ปฏิเสธไม่ได้
   บ่อยครั้งเวลาที่มีผู้หญิงมาสารภาพรักเขาเคยอยากลองตอบรับความรู้สึกของพวกเธอเพื่อทำความเข้าใจตัวเองเสียใหม่ ทว่าภาพของไอโตะก็ปรากฏขึ้นมาในหัวทุกครั้งไป
   การที่ไอโตะกีดกันบรรดาหญิงสาวที่เข้ามาหาเขานั้น สำหรับคนอื่นอาจมองว่าไม่สมควรแต่เขากลับชอบมันและรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน บางทีอาจเป็นเพราะมันทำให้เขามีความหวังว่าไอโตะจะมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับเขาบ้าง แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม
   ยูโตะค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกจากผิวกายที่หอมหวาน ในขณะที่ในใจยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอเขาต้องการมากกว่านี้ ยูโตะสอดปลายนิ้วเข้าไปใต้เสื้อของไอโตะแต่แล้วเขาก็สะบัดศีรษะอย่างแรง หากทำมากไปกว่านี้แล้วไอโตะรู้สึกตัวขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องถูกเกลียดอย่างแน่นอน ยูโตะทิ้งตัวลงนอนตามเดิมพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก บางทีการได้อยู่กับน้องชายสองคนแบบนี้อาจจะแย่สำหรับเขาก็เป็นได้

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 3.1)
«ตอบ #3 เมื่อ26-11-2017 09:08:43 »

ตอนที่ 3.1

   "อ้าว ไอตื่นแล้วเหรอ กำลังจะไปปลุกเลย" ยูโตะที่เตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวหันมาทักเมื่อเห็นน้องชายจากหางตา
   "ไม่ต้องหรอกพี่ยุ่งอยู่นี่"
   "ถ้างั้นก็ไปแต่งตัวก่อนเถอะ อาหารเช้าจะเสร็จแล้วล่ะ"
   "อือ" ไอโตะมองพี่ชายชั่วขณะเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจแล้วเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
   พอไอโตะจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยด้วยตัวเองแล้วก็มานั่งลงที่โต๊ะอาหาร
   "โทษทีที่เป็น ขนมปังกับไข่ดาวอีกแล้ว ถ้าเบื่อฉันจะสั่งจากร้านมาดีมั้ย" ยูโตะวางอาหารเช้าส่วนของน้องชายลงตรงหน้าไอโตะ
   "ไม่ต้องหรอก ที่จริงซื้อจากร้านสะดวกซื้อก็ได้ พี่ไม่เห็นต้องลำบากเลย"
   ยูโตะทำงานบ้านแทนแม่ได้ทุกอย่างอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีแต่เรื่องอาหารนี่แหละที่ไม่เอาไหนจึงทำได้แค่ปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาวเท่านั้น เมื่อก่อนเวลาที่แม่ไม่อยู่พวกเขามักจะใช้บริการร้านสะดวกซื้อเป็นประจำ แต่ยูโตะรู้สึกว่าช่วงนี้เป็นวัยกำลังโตของน้องชายจึงอยากให้กินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า
   "ไม่ได้หรอกอาหารเช้าสำคัญนะ"
   ไอโตะส่งไส้กรอกเข้าปากพลางนึกในใจว่าตนไม่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์เลย ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วตั้งแต่แม่ไปหาพ่อที่อเมริกา เขาพยายามช่วยงานบ้านแต่ก็มีแต่สร้างปัญหาให้มากขึ้น ทั้งทำสีตกใส่เสื้อสีขาวของพี่เพราะซักผ้าไม่แยกสี ทำถุงเท้าปลิวหายเพราะไม่ได้ใช้ไม้หนีบผ้า ต้นไม้ในสวนก็ตายเพราะรดน้ำมากเกินไป จานชามที่ช่วยล้างก็แตกไปหลายใบ
   พอนึกได้ว่ามีแต่เรื่องอาหารนี่แหละที่เขาถนัดมากกว่าพี่ชายเพราะเคยช่วยแม่บ่อย ๆ พี่ก็ไม่ให้เขาทำเสียอย่างนั้นด้วยกลัวว่าเขาจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ กระทั่งอาหารเย็นพี่ก็ซื้อกลับมาด้วยทุกวัน แบบนี้ก็เหมือนกับเขาไม่ได้ช่วยอะไรพี่ชายเลยไม่ต่างจากที่มากิโฮะพูดไว้

   ไอโตะไปโรงเรียนทั้งที่ความคิดพวกนี้ยังวนเวียนอยู่ในหัว พอถึงช่วงพักกลางวันเขาก็ถอนหายใจยาวออกมาระหว่างกินข้าวกล่อง ข้าวกล่องนี้แม่ของเขาขอให้บ้านของมากิโฮะซึ่งเป็นร้านอาหารช่วยทำให้ทุกวันโดยให้มากิโฮะเป็นคนนำติดมาให้ที่โรงเรียน ดูเหมือนบ้านที่ไม่มีใครทำครัวได้จะเป็นปัญหาใหญ่อยู่เหมือนกัน
   "เป็นอะไรไป อาหารจากร้านอาซามิไม่อร่อยหรือไง" ไคถามอย่างแปลกใจเพราะนาน ๆ ทีจะได้เห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเพื่อนคนนี้
   "ไม่ใช่หรอก แต่ฉันกำลังคิดว่าถ้าฉันทำอาหารเองได้ก็ดีสิ"
   "อ้อ คุณน้าไม่อยู่ นายก็เลยลำบากสินะ"
   "ก็นี่เป็นครั้งแรกที่แม่จะไม่อยู่นานขนาดนี้นี่"
   เมื่อคืนแม่เพิ่งติดต่อมาว่าจะยังไม่กลับจนกว่าพ่อจะหายดี เป็นธรรมดาที่คนมีอายุต้องไปอยู่ลำพังต่างประเทศแล้วยังบาดเจ็บจนเดินเหินได้ไม่สะดวกต้องน่าเป็นห่วง เขาเองก็อยากให้แม่อยู่กับพ่อก่อนสักระยะเพราะที่ผ่านมาพ่อคงทนเหงามาตลอดด้วย
   "แล้วเรื่องงานบ้านล่ะ"
   "......" ตะเกียบที่กำลังคีบอาหารในมือของไอโตะสะดุดลงทันที
   "ท่าทางแบบนี้ แสดงว่ายูโตะซังจัดการให้หมดเลยสินะ" เพียงแค่เห็นปฏิกิริยาของไอโตะ ไคก็เดาเรื่องราวออกได้อย่างง่ายดาย
   "ฉันพยายามแล้วนะ" ไอโตะก้มหน้าลงอย่างละอายใจ
   "ฮ่า ฮ่า เอาน่า แค่นายตื่นเองได้ก็ลดภาระให้ยูโตะซังมากแล้วล่ะ"
   "อย่ามาหัวเราะนะ" ไอโตะตวาดใส่คนที่เห็นเรื่องกลุ้มใจของคนอื่นเป็นเรื่องตลก
   "งั้นนายลองไปดูที่ชมรมอาหารมั้ยล่ะ ยังไงเรื่องอาหารก็เป็นข้อเสียอย่างเดียวของยูโตะซังนี่" เขาไม่เคยกินอาหารที่ยูโตะทำแต่เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องนี้มาจากมากิโฮะ
   "ฉันไม่อยากเข้าชมรมนะ" โรงเรียนของเขาไม่ได้บังคับให้เข้าชมรม ดังนั้นไอโตะจึงไม่ได้อยู่ชมรมไหนเลย
   "แค่ไปดูไม่ต้องเข้าชมรมก็ได้"
   "หา แล้วจะไม่เป็นไรเหรอ"
   "ไม่หรอก จริงสิ ฉันรู้จักกับคนที่ชมรมนั่นด้วยไว้เลิกเรียนแล้วลองไปดูกันมั้ยล่ะ"
   "ผู้หญิงอีกล่ะสิ" ไอโตะมองไคที่ถึงจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ก็เที่ยวทำความรู้จักกับผู้หญิงไปทั่วโรงเรียนโดยเน้นที่หน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอก ไคยิ้มแหะ แหะ แทนคำตอบ ถึงจะหมั่นไส้แต่นี่อาจจะเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ก็เป็นได้

   "กลับมาแล้วครับ"
   "ไอ กลับมาแล้วเหรอ วันนี้มาช้าจัง" พอได้ยินเสียงน้องชายยูโตะที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็เดินมารับที่หน้าบ้าน
   "ก็บอกแล้วนี่ว่าต้องช่วยงานอาจารย์นิดหน่อยน่ะ"
   "ก็ไม่คิดว่าจะนานขนาด...หือ กลิ่นอะไรน่ะ" ยูโตะเอียงคอเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติจากคนตรงหน้า
   "กะ...กลิ่นเหรอ ไม่มีนี่" ไอโตะยกแขนตัวเองขึ้นดมพลางเบี่ยงตัวหลบพี่ชายที่ดมฟุดฟิดตามตัวของเขาตั้งแต่ผมลงมาจนถึงกลางลำตัวด้วยกลัวว่าอาจจะถูกจับพิรุธได้ เขายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องที่ไปชมรมอาหารเพราะหากพี่ชายรู้จะต้องห้ามเขาอย่างแน่นอน
   "ตัวนายกลิ่นเหมือนอาหารเลย ช่วยงานอาจารย์ที่ว่านี่ทำอะไรน่ะ" ชายหนุ่มมองมาอย่างจับผิดไอโตะจึงเผลอหลบตาโดยไม่รู้ตัว
   "หึ โกหกไม่เก่งเลยนะ ไปทำอะไรมาบอกมาซะดี ๆ" ยูโตะใช้สองมือประกบข้างใบหน้าของไอโตะไว้เพื่อไม่ให้หลบเลี่ยงได้
   "ก็แค่จัดเก็บเอกสารธรรมดา" ทั้งที่รู้ว่าจะผิดสังเกตแต่ไอโตะยังไม่วายเคลื่อนสายตาหนีจนได้
   "แล้วทำไมต้องหลบตาด้วย ถ้าไม่บอกมาดี ๆ พรุ่งนี้ฉันจะจูบลานายมันหน้าประตูโรงเรียนเลยนะ" ยูโตะขู่ด้วยสายตาเอาจริง
   "อย่านะ แบบนั้นฉันได้ถูกล้อทั้งโรงเรียนกันพอดี" ไอโตะโบกไม้โบกมือพัลวันแต่ในตอนนั้นเองมือของเขาก็ถูกยูโตะคว้าเอาไว้
   "นิ้วนายไปโดนอะไรมา" ยูโตะมองดูนิ้วชี้ข้างซ้ายของไอโตะที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้
   "แค่...โดนกระดาษบาด ไม่เป็นอะไรมากหรอก" เด็กหนุ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ เมื่อพี่ชายเจอหลักฐานเพิ่มขึ้น
   "คุซาซากิ ไอโตะ ไปทำอะไรมาบอกมาเดี๋ยวนี้นะ" ดูอย่างไรท่าทางของไอก็ต้องมีอะไรปิดบังยูโตะจึงสั่งเสียงเข้ม
   "ปะ...ไปชมรม...อาหารมาน่ะ" ไอโตะยอมคายความจริงออกมา เวลาพี่ชายเรียกชื่อเต็มยศเมื่อไหร่นั่นแปลว่าโกรธมากแล้ว
   "ชมรมอาหาร? ทำไมล่ะ หรือว่าไอคิดจะหัดทำอาหารเหรอ"
   "ก็ถ้าทำได้ก็ดีไม่ใช่เหรอ" ไอโตะพูดเสียงแผ่วราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
   "ไม่เห็นจำเป็นเลย"
   "แต่ฉันอยากช่วยอะไรได้บ้างนี่ ฉันมีแต่สร้างปัญหาแล้วก็เป็นภาระให้พี่ตลอดเลย"
   "ฉันไม่ได้คิดว่าไอเป็นภาระซักหน่อย แค่ไอคนเดียวฉันดูแลได้อยู่แล้ว" ชายหนุ่มจับมือของน้องชายไว้แล้วพูดอย่างใจเย็น
   "แต่ทำเป็นก็ไม่เสียหายนี่ ฉันเองก็ว่ามันน่าสนุกดีด้วย"
   "ไอคิดมากไปหรือเปล่า แม่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาสักหน่อย"
   "...ที่พี่ห้ามที่จริงแล้วเป็นเพราะยังไงฉันก็ต้องทำไม่ได้แน่ ๆ ใช่มั้ย" ไอโตะก้มมองพื้นแล้วกำมือข้างที่ถูกปล่อยเป็นอิสระแน่น การคัดค้านสุดกำลังของพี่ชายทำให้อดคิดแบบนั้นไม่ได้
   "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้น" ยูโตะรีบแก้ต่างเมื่อน้องชายตีความในแง่ร้าย
   "แล้วทำไมจะต้องห้ามด้วยล่ะ" เด็กหนุ่มเผลอตะโกนอย่างลืมตัว เขาก็แค่อยากช่วยทำงานบ้าน แต่พี่ชายกลับทำเหมือนกับเขาไปเล่นการพนันหรือดื่มเหล้าเมามายอย่างไรอย่างนั้น
   "ฉันก็แค่กลัวว่าไอจะเหนื่อยเท่านั้นเอง"
   "ฉันไม่เหนื่อยซักหน่อยเทียบกับพี่แล้วพี่ยังทำอะไรมากกว่าฉันตั้งเยอะ" ไอโตะยังไม่ลดเสียงลง เขาชอบที่พี่มักตามใจแต่ไม่ชอบให้เอาใจมากเกินไปแบบนี้ เขาเองก็อยากทำอะไรให้พี่บ้าง แต่พี่กลับไม่ยอมเข้าใจเลย
   "บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ลำบากอะไร"
   "พี่ก็พูดแบบนี้ทุกที ที่จริง...พี่ก็แค่กลัวที่จะต้องกินอาหารที่ฉันทำใช่มั้ยล่ะ บอกกันตรง ๆ ก็ได้นี่" เสียงของไอโตะสั่นเครือเล็กน้อย
   "เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก" ยูโตะรีบปฏิเสธไม่นึกว่าจะถูกเข้าใจผิดไปแบบนั้น
   "ฉัน...ก็แค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระให้พี่ อยาก...ทำอาหารให้พี่กินเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะทำให้ลำบากใจ ฉันขอโทษ" บางทีสิ่งที่คนไม่เอาไหนอย่างเขาจะช่วยได้คงจะเป็นการอยู่เฉย ๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่เขาก็ไม่อยากนั่งรอรับการดูแลจากพี่อยู่ฝ่ายเดียว ช่างเป็นความคิดที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเสียจริง ไอโตะค่อย ๆ เดินเข้าไปในบ้านช้า ๆ
   ยูโตะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนกำลังทำร้ายความรู้สึกของไอโตะ ทั้งที่ไอโตะต้องการทำเพื่อเขา แต่เขากลับเอาแต่คัดค้านหัวชนฝา
   "ไอ เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่อย่างที่ไอคิดนะ ฉันไม่คิดว่านายจะคิดถึงฉันขนาดนี้ ขอโทษนะ" ยูโตะรีบคว้าข้อมือของผู้ที่เดินผ่านตัวเขาไปแต่ไอโตะก็สะบัดมันออก
   "พี่ไม่ต้องฝืนก็ได้ ฉันรู้ตัวดี พี่ไม่ผิดหรอก" ใบหน้าของไอโตะบิดเบี้ยวเล็กน้อยขณะพูด ยูโตะที่เห็นดังนั้นรีบดึงร่างบางมากอดไว้
   "เจ้าบ้าอย่าคิดไปเองสิ ฉันดีใจต่างหากที่ไอจะทำเพื่อฉัน"
   "โกหก" ไอโตะผลักพี่ชายออก แต่ท่อนแขนแกร่งก็ไม่ยอมปล่อยตัวเขา
   "ฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ดีเองที่ไปคิดแทนไอ ฉันสำนึกผิดแล้ว เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะ"
   ด้วยปกติน้องชายคนนี้ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ตลอดเขาจึงคาดไม่ถึงว่าจะมีความคิดแบบนี้แล้วมองข้ามความรู้สึกของไอโตะไปจนทำให้ไอโตะคิดตำหนิตัวเองช่างเป็นพี่ชายที่แย่จริง ๆ ยูโตะกดศีรษะของไอโตะลงมาบนไหล่ของตน
   "ฉันไม่ได้ร้อง" ไอโตะเถียงทั้งที่ยังซบหน้าอยู่กับไหล่กว้าง ที่จริงก็รู้สึกเหมือนว่าน้ำตาจะไหลแต่คำขอโทษของพี่ชายก็ช่วยหยุดมันไว้
   "แค่คิดว่าจะได้กินอาหารที่ไอทำให้ฉันก็ดีใจมากแล้วรู้มั้ย แต่ต้องสัญญานะว่าจะไม่ฝืนจนได้แผลแบบวันนี้อีก"
   "ไม่ได้ฝืนซักหน่อย ก็แค่ไม่ทันระวังเท่านั้นเอง"
   "เข้าใจแล้ว งั้นยกโทษให้ฉันนะ" ยูโตะจูบลงบนหน้าผากโดยไม่สนใจผมหน้าของไอโตะที่ปรกอยู่
   "ฉะ...ฉันไม่ได้โกรธซักหน่อย แล้วก็ปล่อยได้แล้ว" ยังไม่ถึงเวลาเข้านอนแต่พี่กลับจูบเขาไอโตะจึงแปลกใจนิดหน่อย นอกจากนี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่มือของพี่ชายที่อยู่บริเวณเอวของเขานั้นอยู่ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย
   "งั้นฉันจะทำแผลให้นะ" ยังไม่ทันทีไอโตะจะตอบรับยูโตะก็จูงมือเขาเข้าบ้านไป
   "ไม่ต้องหรอก แผลนิดเดียวเองแค่เลีย ๆ ก็หายแล้ว" ไอโตะส่งแรงไปที่ฝ่ามือเพื่อหยุดพี่ชายไว้
   "งั้นฉันจะเลียให้เองนะ" ยูโตะหันกลับมายิ้มจนตาหยี
   "บอกว่าไม่ต้องไง" ไอโตะปฏิเสธทันควันแต่เขาก็ยังถูกลากตัวเขาไปโดยไม่ฟังเสียง เป็นเพราะกลัวเขาจะโกรธหรืออย่างไร พี่ชายถึงเอาใจเขาเกินเหตุอย่างนี้

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 3.2)
«ตอบ #4 เมื่อ26-11-2017 09:11:05 »

ตอนที่ 3.2

   "ไม่เอา ไม่ไป" เสียงโวยวายของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มดังลั่นอยู่หน้าประตูโรงเรียน
   "เถอะน่า แค่แป๊บเดียวเอง" ไคใช้แขนล็อกคอไอโตะไว้แล้วฝืนลากไปกับตน
   "ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าวันนี้ฉันจะรีบกลับไปเตรียมอาหารเย็น" ไอโตะโวยวายพลางออกแรงดึงแขนของเพื่อนออก
   "ไม่นานหรอกน่า แล้วมันก็ทางผ่านบ้านนายอยู่แล้วนี่" ไคฉุดดึงไอโตะไปทั้งที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ
   "แล้วทำไมคนอย่างนายถึงเกิดคิดจะไปร้านหนังสือขึ้นมาเล่า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ" อยู่ดี ๆ ไคที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าร้านหนังสือก็มาบอกว่าให้ไปเป็นเพื่อนไม่ว่าคิดอย่างไรก็น่าสงสัย
   "เป้าหมายไม่ใช่หนังสือแต่เป็นพนักงานสาวสวยต่างหาก"
   "อย่างงี้นี่เอง นึกแล้วเชียวว่ามันแปลก ๆ แล้วทำไมนายไม่ไปคนเดียวล่ะ" ไอโตะสะบัดตัวจนหลุดแต่ไคก็คว้าคอเขาไว้อีกครั้ง
   "แหม ไปคนเดียวมันดูน่าสงสัยนี่"
   "แค่การแต่งตัวของนายเข้าไปในร้านหนังสือมันก็ผิดปกติแล้ว" การแต่งตัวของไคนั้นเหมาะกับสถานที่อย่างเกมส์เซ็นเตอร์เสียมากกว่า
   "อ๊ะ จริงด้วยแฮะ คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ชวนนาย" ไคจัดแจงเอาชายเสื้อเข้ากางเกงให้เรียบร้อยแล้วนำยางมามัดผมที่ยาวจนผิดกฎของตนไว้
   "คราวนี้เด็กโรงเรียนไหนอีกล่ะ งานพิเศษสินะ"
   "สาวมหาลัยต่างหาก น่ารักสุด ๆ เลยด้วย"
   "เฮ้อ ก็ได้แต่ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ" ไอโตะเท้าเอวแล้วถอนหายใจอย่างระอา
   "หา กว่าจะไปถึงที่นั้นก็ 10 นาทีแล้วนะ จะบ้าเหรอ"
   "ไม่พอใจก็ไปหาคนอื่นแทนเถอะ" ไอโตะเดินนำไปอย่างรวดเร็ว
   "ก็ได้ ๆ ครึ่งชั่วโมงก็ครึ่งชั่วโมง" ไคเลิกบ่นแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
   เมื่อมาถึงที่หมายพวกเขาก็เข้าไปในร้านซึ่งมีชั้นหนังสือตั้งเรียงรายอยู่ ไคเลือกชั้นหนังสือที่อยู่ห่างจากเคาน์เตอร์ออกไป 3 หลังเป็นที่กำบังแล้วแสร้งทำเป็นยืนอ่านหนังสือเหมือนกับลูกค้าทั่วไป ทว่าสายตาของเขานั้นเหลือบมองไปทางพนักงานสาวรวบผมหางม้าที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ตลอดเวลา
   "จ้องขนาดนั้นเดี๋ยวเธอก็รู้ตัวเอาหรอก"
   "เอ๋ เหรอดูผิดปกติงั้นเหรอ" พอถูกเตือนไคก็รีบถอนสายตาออกจากเป้าหมาย
   "ก็ใช่น่ะสิ แล้วยืนมองอย่างเดียวแบบนี้มันช่วยอะไรได้ไม่ทราบ เธอไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของนายเลยซักนิด"
   "ก็กำลังคิดอยู่นี่ไง แล้วนายว่าไง สวยใช้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ"
   ไอโตะเหลือบมองพนักงานสาวอีกครั้งเมื่อถูกถาม ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กและท่าทางที่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ทำให้เธอดูดีไม่น้อย
   "อือ ก็ดี แต่ว่าเธอดูไม่เข้ากับนายเลยซักนิด" ไอโตะพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่เกรงใจ
   "ชิ บราคอนอย่างนายคงไม่เข้าใจหรอก" ไคประชดด้วยไม่ชอบใจคำวิจารณ์เท่าไหร่นัก
   "อ้อ ใช่สิไม่เข้าใจ งั้นฉันกลับล่ะ" ไอโตะกระฉับกระเป๋านักเรียนบนไหล่ตั้งท่าจะกลับจริง ๆ
   "อ๊ะ เดี๋ยวสิ ช่วยกันคิดก่อนสิว่าจะเข้าใกล้เธอยังไงดี" ไครีบดึงเสื้อด้านหลังของเพื่อนไว้
   "เรื่องแบบนี้ นายน่าจะถนัดกว่าฉันไม่ใช่เหรอ" ไอโตะหันกลับมาพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
   "ชิ เจ้าใจดำเอ๊ย"
   ระหว่างที่ไคกำลังใช้ความคิดไอโตะก็ดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือว่าครบครึ่งชั่วโมงตามที่ตกลงกันไว้หรือยัง ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องอาหารเย็น ตั้งแต่เขาเริ่มไปที่ชมรมอาหารก็ผ่านมาได้ 3 อาทิตย์แล้ว ถึงจะยังไม่เก่งแต่ก็ทำอาหารได้หลายอย่างแล้ว โชคดีที่เขาเคยช่วยแม่มาบ้างจึงเรียนรู้ได้เร็ว คนที่ชมรมก็ยังชมว่าเขาอาจจะมีพรสวรรค์เรื่องนี้ก็เป็นได้ ทางพี่ชายก็กินอาหารที่เขาทำด้วยท่าทางมีความสุขและช่วยบอกว่าอร่อยให้ทุกครั้ง
   ขณะที่ไอโตะคิดพลางอมยิ้มอยู่คนเดียว เขาก็สังเกตเห็นชายสวมแว่นตาที่ยืนอยู่หลังชั้นหนังสือซึ่งอยู่เยี่ยงไปทางด้านหน้าของเขามีท่าทางแปลก ๆ ในมือของชายคนนั้นถือหนังสืออยู่แต่กลับไม่ได้จ้องมองไปที่มัน ตอนแรกไอโตะจึงคิดว่าเขาอาจจะมีจุดประสงค์เดียวกับเพื่อนของตน ทว่าสิ่งที่ทำให้ไอโตะเปลี่ยนความคิดก็คือสายตาของชายคนนั้นไม่ได้มองไปที่พนักงานสาวแต่เหลือบมองไปรอบ ๆ เหมือนกับจะสำรวจบางอย่าง
   จากนั้นไอโตะก็ต้องตกใจเมื่อชายสวมแว่นหย่อนหนังสือเล่มบางที่ซ้อนอยู่ด้านหลังหนังสือเล่มใหญ่ในมือลงกระเป๋าสะพายแล้วค่อย ๆ เดินมุ่งหน้าไปทางประตูร้านอย่างใจเย็น ไอโตะที่ทนอยู่เฉยไม่ได้รีบเดินตามไปจนกระทั่งถึงทางออกแล้ววางมือลงบนไหล่ของชายคนนั้น
   "นี่เมื่อกี้นายทำอะไรน่ะ ฉันเห็นนะ" สิ้นเสียงของไอโตะชายคนนั้นก็วิ่งหนีออกไปนอกร้านอย่างรวดเร็ว
   "หยุดนะ เจ้าหัวขโมย" ไอโตะรีบวิ่งตามไปพลางร้องตะโกน
   สถิติการวิ่งระยะ 50 เมตรที่ดีที่สุดของเขาตอนมัธยมต้นคือ 7.36 ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองพอควร และแล้วก็เป็นไปตามที่คาด ไอโตะคว้ากระเป๋าซึ่งสะพายอยู่ที่ไหล่ของคนร้ายได้ในเวลาไม่นาน ชายคนนั้นเสียหลักล้มลงตามแรงดึง พอกระเป๋าที่ไม่ได้รูดซิปตกลงพื้นหนังสือเล่มบางจากร้านก็ไหลออกมาพร้อมกับสิ่งของมากมายภายในกระเป๋า
   เมื่อเห็นท่าไม่ดีชายสวมแว่นก็หยิบแท่งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีชมพูขึ้นมา ไอโตะพอจะเดาได้ว่ามันคืออะไรแต่ก็ยังภาวนาไม่ให้เป็นอย่างที่คิด แต่แล้วเจ้าของของมันก็ดึงแผ่นโลหะสีเงินที่พับเก็บไว้ออกมาแล้วส่งปลายแหลมของมันพุ่งเข้าใส่ไอโตะทันที ทว่าขณะที่เด็กหนุ่มกำลังตกใจจนหยุดนิ่งไปก็มีมือมาจับแขนข้างนั้นไว้แล้วบิดมันไปด้านหลัง ชายสวมแว่นถูกผลักให้ล้มลงไปกับพื้นแล้วถูกเข่ากดร่างเอาไว้
   มีดพกในมือกระเด็นออกไปไกลพร้อมกับมีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่ไม่รู้ว่ามารายล้อมอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ รวมทั้งพนักงานร้านและไคก็ด้วย
   "ไอโตะไม่เป็นไรนะ" ไครีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแตกตื่น เสียงของเขาช่วยให้ไอโตะหลุดจากความมึนงงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
   "อือ ไม่เป็นไร"
   "ไม่เป็นไร ก็ดีแล้วน้องชายของคุซาซากิ" ชายที่มาช่วยเขาไว้พูดทั้งที่ยังนั่งทับอยู่บนหลังของหัวขโมยที่หมดแรงต่อต้าน
   "อ๊ะ คุณคือคนที่เจอเมื่อตอนนั้น" เขาก็คือคนที่พาไอโตะที่หลงทางอยู่ในมหาวิทยาลัยไปหายูโตะให้นั่นเอง
   "ดีใจนะ ที่จำฉันได้" ขายผมทองเหยียดริมฝีปากออกแต่แล้วบทสนทนาของพวกเขาต้องสิ้นสุดลงแค่นั้นเมื่อตำรวจมาถึง
   พวกเขาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตำรวจฟัง คนร้ายยอมรับสารภาพแต่โดยดี เขาเคยทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้วไม่ใช่แค่ที่ร้านนี้เพียงแห่งเดียว แต่ที่ถึงกับต้องชักอาวุธออกมานั้นนี่เป็นครั้งแรก ดูเหมือนเขาจะเครียดจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งที่ผ่านมาไม่ได้จึงมาระบายในทางที่ผิดแบบนี้
   "ขอบคุณนะคิจิมะ แล้วก็พ่อหนุ่มน้อยด้วย" พอคนร้ายถูกตำรวจพาตัวไปพนักงานสาวที่ไคหลงใหลก็กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ไคได้แต่มองตาค้างตอนนี้เขาคงคิดว่าทำไมตัวเองไม่ใช่คนที่จับคนร้ายได้เป็นแน่
   "ไม่ใช่ หนุ่มน้อยครับ แล้วนี่พวกคุณรู้จักกันเหรอ" ไอโตะมองพนักงานสาวกับชายผมทองสลับกันไปมา
   "อา วันนี้ก็มาหาพอดีน่ะ" คิจิมะตอบสั้น ๆ
   "เอ๋ หรือว่านี่..."
   ไอโตะรีบปิดปากเพื่อนของตนที่กำลังจะพูดเรื่องไร้สาระไว้ พี่ชายของเขาบอกว่าคน ๆ นี้เปลี่ยนคนคบด้วยไม่ซ้ำหน้า บางทีตอนนี้คงจะเป็นพนักงานหญิงที่ไคกำลังหมายตาคนนี้ เขารู้สึกเสียใจแทนไคจริง ๆ
   "ใจกล้าจังนะทั้งที่ตัวแค่นี้" คิจิมะเอ่ยชมไอโตะ
   "เปล่าหรอกครับก็แค่ทำอะไรไม่ทันคิดน่ะ ขอบคุณนะครับที่ช่วยไว้" ไอโตะค้อมตัวลงเล็กน้อย หากชายคนนี้ไม่มาช่วยไว้ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
   "ไม่หรอกไม่ได้มากมายอะไร"
   "งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ เลยเวลามามากแล้ว" จากที่ตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไคแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลายมาเป็นหนึ่งชั่วโมง ไอโตะกลัวว่าพี่ชายจะรอนาน
   "ถ้างั้นให้ฉันไปส่งมั้ย เจอเรื่องเมื่อกี้มาคงตกใจแย่"
   "ขอบคุณมากแต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น" แม้จะตัวเล็กและไม่ได้บึกบึนสมชายแต่เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตกใจถึงขนาดทำอะไรไม่ถูก
   "โอ๊ะแย่จัง เหมือนจะทำให้โกรธซะแล้ว โทษทีฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกก็แค่เป็นห่วงน่ะ"
   "งั้นก็ขอบคุณครับ ไปน่ะครับ ไคไปได้แล้ว" ไอโตะก้มศีรษะขอบคุณจากใจอีกครั้งแล้วเรียกเพื่อนที่กำลังอยู่ในอาการช็อกให้รีบกลับบ้าน

   เมื่อมาถึงบ้านไอโตะก็รีบบิดกลอนประตูอย่างร้อนใจ หากเขาลงมือทำอาหารช้าพี่ชายก็ต้องหิ้วท้องรอไปด้วย แต่แล้วพอเปิดประตูออกเขาก็ต้องตกใจเมื่อมีบางอย่างกระโจนเข้าใส่
   "ไอจางงง กลับมาแล้วเหรอ" จู่ ๆ ร่างของชายคนหนึ่งก็โถมเข้าใส่แล้วกอดเขาไว้
   "น้าโทยะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ กลับมาญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย" ไอโตะมองชายผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนซึ่งยาวถึงกลางหลังตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อดูให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่เขาไม่ได้เจอมานานแล้วหรือเปล่า
   "พอถึงสนามบินก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ไม่ได้เจอตั้งนานคิดถึงจัง เจ้ายูโตะก็เย็นชาเหมือนเดิม" เจ้าของใบหน้าอ่อนกว่าวัย 34 ของตนยิ้มสดใสราวกับเด็กหนุ่ม
   "พอเลยปล่อยได้แล้ว คิดจะเกาะหนึบไปถึงเมื่อไหร่" ยูโตะดึงบุคคลที่รูปร่างเล็กกว่าตัวเองออกจากน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์
   "...แล้วนี่มาเพราะเรื่องงานเหรอครับ" ไอโตะทำเป็นมองข้ามพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพี่ชายไป
   "อือ ใช่แล้ว"
   "คราวนี้จะอยู่นานแค่ไหนครับ" ไอโตะถามพลางเก็บรองเท้าผ้าใบสีขาวสลับดำเข้าตู้ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
   น้าของเขาเป็นดีไซน์เนอร์อิสระจึงมักต้องเดินทางไปที่ต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ฝรั่งเศสเสียมากกว่า เวลาที่น้ากลับมาญี่ปุ่นมักจะมาพักอยู่ที่บ้านด้วย เนื่องจากคอนโดของตัวเองที่นาน ๆ ทีจะกลับมาก็ไม่ได้พร้อมจะอยู่อาศัย นอกจากนี้น้ายังอยากมาอยู่กับหลานและพี่สาวที่ไม่ได้เจอกันนานมากกว่า
   "ยังไม่รู้หรอก งานเสร็จเมื่อไหร่ก็คงกลับ คงจะราว ๆ 2 อาทิตย์ล่ะมั้ง"
   "หือ กลิ่นนี้ น้าทำอาหารเย็นเหรอครับ" พอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นไอโตะก็ได้กลิ่นหอมมาจากในครัวที่อยู่ติดกัน
   "ใช่แล้ว วันนี้มีข้าวผัดที่ไอชอบ พี่ไม่อยู่ใช่มั้ยล่ะ ส่วนเจ้ายูโตะก็พึ่งพาเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันก็เลยจัดการให้ซะเลย"
   "ยอดเลยไม่ได้กินข้าวผัดฝีมือน้ามาตั้งนานแล้ว" ข้าวผัดของน้าอร่อยที่สุด อร่อยกว่าแม่ของเขาทำเสียอีก
   "งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวเถอะ"
   เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหน้าของยูโตะตอนนี้หงิกงอแค่ไหน เขาอุตส่าห์ได้อยู่กับไอโตะสองต่อสองแล้วยังได้กินอาหารที่ไอโตะทำทุกวัน แต่จู่ ๆ ก็มีตัวเกะกะมาขัดขวาง
   "ช่วงนี้ไอหัดทำอาหารอยู่เหรอ ได้ยินจากยูโตะน่ะ" โทยะถามขึ้นหลังจากเริ่มทานอาหารไปได้ไม่นาน
   "อือ ก็อยากช่วยพี่บ้างนี่"
   "หึ หึ ฝึกเป็นเจ้าสาวสินะ" โทยะส่งสายตาหยอกล้อไปทางหลานชาย
   "ก็แค่ทำอาหารเย็น แล้วทำไมผมจะต้องเป็นเจ้าสาวด้วยล่ะ" ไอโตะกระแทกเสียง
   "ถ้าเป็นก็เป็นเจ้าสาวของฉัน" ยูโตะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
   "พี่ก็อย่ารับมุขหน้าตายแบบนี้สิ" อย่างน้อยช่วยแก้ว่าฝึกเป็นพ่อบ้านให้ก็ยังดี ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายแท้ ๆ
   โทยะหัวเราะคิกคักแล้วหลังจากนั้นมาเขาก็เอาแต่จ้องมองหน้าไอโตะพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเจ้าตัวรู้สึกได้
   "มีอะไรเหรอครับ เห็นจ้องผมมาตั้งนานแล้ว"
   "เปล่าแค่ดีใจที่เห็นนายโตขนาดนี้แล้วน่ะ โทษทีนะที่ไม่ได้มาตอนพิธีจบการศึกษา" โทยะมองด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดประหนึ่งเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงดูไอโตะมา
   "ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็น้ายุ่งอยู่นี่" ไอโตะยิ้มบาง ๆ ตอบ
   แต่แล้วขณะที่ทั้งสองคนเหมือนกับกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวยูโตะก็คีบผักสลัดที่อยู่ในถ้วยของโทยะเข้าปากตัวเอง
   "ยูโตะ นายทำอะไรน่ะ"
   "ก็เห็นว่าไม่กินแล้วฉันก็เลยช่วยกินให้ไง" ผู้ทำลายบรรยากาศตอบหน้าตายเหมือนเคย
   "ฉันยังกินอยู่ แต่แค่กำลังชื่นชมพัฒนาการของไอเท่านั้นเอง"
   "แค่ปีหนึ่งเองน่าแล้วก็ไม่ใช่ว่าขาดการติดต่อไปเลยซะเมื่อไหร่ อีกอย่างถ้าจ้องมากไปไอจะกินข้าวไม่ลงนะ" ถึงจะอยู่ไกลกันแต่โทยะก็ยังติดต่อกับไอโตะผ่านทางไลน์อยู่เป็นประจำ
   "นี่คิดจะกวนประสาทกันใช่มั้ย 1 ปีสำหรับฉันที่ไม่ได้เจอไอมันนานมากนะ" โทยะตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืน
   "นี่พอได้แล้ว เป็นอะไรกันไปเนี่ย" ไอโตะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงชอบขัดน้าตลอด
   "เหอะ เห็นแก่ไอหรอกนะ"
   ผู้อาวุโสกว่ายอมสงบศึกลงก่อนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม ไอโตะพยายามชวนคุยในเรื่องที่จะไม่ทำให้ทั้งสองคนขัดใจกันอีกเพื่อให้กิจกรรมบนโต๊ะอาหารดำเนินไปได้อย่างราบลื่น เมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยพวกเขายังนั่งคุยกันต่อจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน โดยผู้ที่หยุดการสนทนาคนแรกก็คือยูโตะ
   "ไอ ได้เวลานอนแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่ตื่นหรอก"
   "นั่นสินะ งั้นคืนนี้ฉันจะนอนกับไอนะ" โทยะลุกขึ้นจากโซฟาสำหรับนั่งคนเดียวแล้วตั้งท่าจะเดินตรงไปทางไอโตะที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว
   "ไม่ได้ ไอต้องนอนกับฉัน" หลานชายคนโตก็ปฏิเสธทันควันแล้วดึงไอโตะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เข้ามาหาตัว
   "หา พวกนายอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ฉันนาน ๆ จะมาซักทีนะ แล้วอีกอย่างเรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนตอบสิ นายมีสิทธิอะไรมาตัดสินใจแทน" คราวนี้โทยะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
   "นี่เดี๋ยวก่อน ลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้แม่ไม่อยู่นะ มีห้อง 3 ห้องก็ครบคนพอดีไม่ใช่เหรอ" ไอโตะรีบไกล่เกลี่ย เขาอุตส่าห์เลี่ยงไม่ให้ทั้งสองคนทะเลาะกันมาตลอด แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมจนได้
   "แบบนั้นพอตอนเช้าน้าก็จะไปโผล่อยู่บนเตียงไอจำไม่ได้หรือไง"
   ครั้งสุดท้ายที่น้ามาก็มีเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้ว่าน้าแอบเข้ามาในห้องนอนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นก็ทะเลาะกับพี่ชายจนแม่ต้องมาห้าม
   "นั่นก็ใช่อยู่หรอก แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่" แค่น้ามานอนด้วยไอโตะไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร
   "ไม่ได้คือไม่ได้ เอาล่ะราตรีสวัสดิ์" ยูโตะตัดบทแล้วจูงมือพาน้องชายขึ้นบันไดไป
   "ยูโตะเจ้าขี้งก ไอไม่ใช่ของนายคนเดียวนะ" โทยะตะโกนต่อว่าไล่หลัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
   พอพาไอโตะเข้ามาในห้องนอนของตนยูโตะก็นั่งลงบนเตียงด้วยใบหน้าหงิกงอ
   "พี่ไม่พอใจอะไรน่ะ โกรธอะไรหรือเปล่า" เขายังไม่เห็นพี่ชายยิ้มเลยตั้งแต่กลับมา
   "เปล่านี่"
   "พี่ไม่ชอบน้าเหรอ" เนื่องจากพี่ชายมักหงุดหงิดกับการมาของน้าทุกครั้ง ไอโตะจึงถามแบบนั้น
   "ก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก" ยูโตะตอบสั้น ๆ เหมือนกับไม่อยากพูดถึง
   "งั้นทำไมต้องอารมณ์เสียทุกทีเลยด้วยล่ะ" ไอโตะอยากรู้สาเหตุที่แท้จริงบางทีเขาอาจจะช่วยอะไรได้
   "ก็เพราะน้าชอบมาเกาะแกะไอน่ะสิ"
   "เกาะแกะ? พูดอะไรของพี่เนี่ย" ไอโตะงุนงงกับคำที่ยูโตะใช้ พูดอย่างกับน้าเป็นพวกผู้ชายที่ตามตื้อผู้หญิงไม่ยอมเลิกราอย่างไรอย่างนั้น
   "ก็ฉันไม่ชอบนี่" ยูโตะดึงตัวน้องชายเข้ามาแล้วจับให้นั่งคร่อมลงบนตักโดยหันหน้าเข้าหาตน
   "ระหว่างฉันกับน้าไอชอบใครมากกว่ากัน"
   "เอ๋ เรื่องแบบนั้นมันเปรียบเทียบกันยากนะ" คำถามที่เหมือนกับให้เลือกระหว่างพ่อกับแม่แบบนี้เขาไม่รู้ควรจะตอบอย่างไร
   "งั้นถ้าให้เลือกระหว่างไปกินข้าวกับฉันหรือน้าล่ะ"
   "ก็กินด้วยกัน 3 คนไม่ได้หรือไง" ไอโตะตอบโดยหาทางเลี่ยงอีกเช่นเคย
   "งั้นถ้านอนกับฉันหรือน้าไอจะเลือกใคร" ยูโตะมองเข้าไปในดวงตาของน้องชายเพื่อไม่ให้หลีกเลี่ยงคำถามอีก
   "อือ กับพี่ล่ะมั้ง" ไอโตะเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะตอบราวกับไม่แน่ใจ แต่นั้นก็ทำให้ยูโตะยิ้มออกมาแล้วโอบแขนทั้งสองข้างรอบตัวไอโตะ
   "อะ...อะไรน่ะพี่เป็นอะไรไป" ยูโตะมักมีท่าทางแปลกไปทุกครั้งที่น้ามา หากถามว่าเป็นความรู้สึกแบบไหนก็คงเหมือนกับความอิจฉาของพี่ชายที่กลัวจะถูกน้องเพิ่งเกิดแย่งความรักจากพ่อแม่ไป พี่ชายที่ดูดีในสายตาคนภายนอกกลับมีท่าทางเหมือนเด็กขี้อ้อนแบบนี้คนอื่นคงนึกภาพไม่ออก
   "เปล่า แต่ว่าคืนนี้ไอนอนที่ห้องฉันนะ" ยูโตะพูดพลางซุกหน้าลงบนตัวของไอโตะ
   "อือ ก็ได้" แม้จะไม่ค่อยเข้าใจกับพฤติกรรมของยูโตะ แต่ลึก ๆ แล้วการถูกหวงแบบนี้ก็ทำให้เขาก็รู้สึกดีใจนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 4)
«ตอบ #5 เมื่อ10-12-2017 20:08:59 »

ตอนที่ 4

   ที่ร้านขายผลไม้ในย่านการค้าใกล้บ้านไอโตะกำลังเลือกซื้อวัตถุดิบซึ่งเป็นอย่างสุดท้ายที่ขาดไปในเมนูวันนี้ เขาตั้งใจจะทำแกงกระหรี่จึงถามวิธีทำมาจากคนในชมรมอาหาร วัตถุดิบอย่างอื่นก็มีครบหมดแล้วขาดแค่แอบเปิ้ลเท่านั้น ถึงน้าบอกว่าจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้แต่ไอโตะก็อยากทำเองมากกว่า ดังนั้นผู้มาอาศัยชั่วคราวจึงขอดูแลมื้อเช้าแทน
   พอซื้อของได้ตามที่ต้องการเรียบร้อยไอโตะก็รีบตรงกลับบ้าน ทว่าระหว่างทางเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งย่อง ๆ อยู่กับพื้นพลางสอดส่ายสายตาค้นหาอะไรบางอย่าง ท่าทางเธอดูลำบากไม่น้อย
   "เออ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ" ไอโตะก้มตัวลงไปถาม
   "คอนแทคเลนส์ฉันหล่นน่ะ" หญิงสาวผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลแดงเงยหน้าขึ้นมาทำให้ไอโตะเห็นหน้าของเธอได้ชัดขึ้น
   "เอ๋ คุณคือรุ่นพี่ของพี่ยูใช่มั้ยครับ" เธอคือหญิงสาวที่วิ่งหนีไปตอนที่เขาไปหาพี่ที่มหาวิทยาลัย
   "อ๊ะ นี่เธอน้องชายของคุซาซากิสินะ" หญิงสาวก็จำไอโตะได้เช่นกัน
   "ใช่ครับ" ไอโตะทำหน้าแหย ๆ บางทีเขาไม่ควรยุ่งจะดีกว่าหรือเปล่า สายตาที่เธอมองเขาในครั้งแรกที่เจอกันนั้นเหมือนจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ ทว่าหากคิดในแง่ดีการที่เธอจ้องมองเขาแปลก ๆ อาจเป็นเพราะสายตาไม่ดีก็เป็นได้
   "ตกไปทั้งสองข้างเลยเหรอครับ"
   "แค่ข้างเดียวน่ะ มาช่วยแบบนี้จะดีเหรอ" เธอถามผู้ที่ก้มตัวลงนั่งแล้วมองสำรวจไปบนพื้น
   "ครับ สองคนน่าจะเร็วกว่า"
   ว่าแล้วไอโตะก็ลงมือช่วยค้นหาอย่างจริงจังโดยโยนความคิดจุกจิกออกไป เขากวาดสายตาไล่ไปบนพื้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกตารางนิ้ว แต่แล้วไม่นานเธอก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
   "เจอแล้วล่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นมาโดยมือข้างหนึ่งประคองคอนแทคเลนส์ไว้อย่างระมัดระวัง กระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหล่ของเธอตกลงมาอยู่ที่ข้อศอก เธอล้วงมือเข้าไปในนั้นเหมือนกับจะหยิบอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นตลับใส่คอนแทกเลนส์ แต่เพราะเหลือมือว่างเพียงข้างเดียวจึงทำอะไรได้ไม่ถนัดหรืออย่างไรเธอจึงขอให้ไอโตะช่วย
   "นี่ช่วยถือนี่ไว้หน่อยได้มั้ย"
   ไอโตะรับของที่เธอยื่นให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือก็พบว่ามันเป็นด้ามจับของอะไรบางอย่างซึ่งมีสีชมพูสดใส ส่วนปลายอีกด้านของมันถูกผ้าห่อหุ้มเอาไว้ ไอโตะขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อนึกบางอย่างได้
   "เอ๊ะ! นี่มัน..."

   ภายในห้องนั่งเล่นที่มีเพียงเสียงทีวีและชายสองคนซึ่งนั่งรอผู้เตรียมอาหารเย็นอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
   "ไอหรือเปล่านะ"
   "อือ" เจ้าของโทรศัพท์ที่นั่งอยู่บนโซฟามองหน้าจอมือถือแล้วตอบรับห้วน ๆ พอพูดคุยกับน้องชายได้ไม่กี่คำเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
   "ว่าไงนะ!"
   เสียงนั่นเรียกให้โทยะที่ใช้โต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะทำงานหันมามอง
   "อือ เข้าใจแล้วฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
   "มีอะไรเหรอ" โทยะเดินเข้ามาหา เรื่องของไอโตะที่ทำให้ยูโตะทำหน้าเคร่งเครียดขนาดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย
   "ไออยู่ที่โรงพักน่ะ"
   โทยะและยูโตะรีบตรงดิ่งไปยังโรงพักด้วยรถยนต์ส่วนตัวของโทยะ พอไปถึงไอโตะก็วิ่งมาหาพวกเขาทันที
   "ไอเกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นไรใช่มั้ย" ยูโตะก้มหน้าลงสำรวจน้องชายว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า
   "คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้เหรอครับ" นายตำรวจคนหนึ่งถามโทยะที่ตามมาด้านหลังติด ๆ
   "เป็นน้าครับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ"
   "เชิญ ทางนั้นก่อนเถอะครับ"
   พอพวกเขาเดินตามชายในเครื่องแบบเข้าไปในห้องด้านใน ยูโตะก็เห็นว่ามีหญิงสาวอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย
   "รุ่นพี่โคมิทำไมถึง..."
   "ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้เสียหายครับ" ตำรวจช่วยตอบคำถามแทนหญิงสาว
   "ผู้เสียหาย? ไอก็ด้วยเหรอ" ยูโตะมองไปที่น้องชายแต่ไอโตะก็เกาะแขนของเขาโดยไม่พูดอะไร
   "เออ ไม่ใช่หรอกครับ เด็กคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนใช้มีดขู่จะทำร้ายเธอต่างหากครับ"
   "หา!?" ทั้งโทยะและยูโตะอุทานอย่างพร้อมเพรียงกัน
   "เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอะไร ผู้หญิงคนนี้เอามีดมาใส่มือฉันต่างหาก" ไอโตะส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง
   "ยังจะโกหกอีกเหรอ แค่ยอมรับแล้วขอโทษฉันก็จะไม่เอาเรื่องแท้ ๆ" หญิงสาวพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง
   "ทำไมฉันต้องยอมรับในเมื่อฉันไม่ได้ทำ" ไอโตะตวาดใส่หญิงสาวที่นั่งอยู่
   "เอาล่ะ ช่วยนั่งลงแล้วใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับ"
   พอถูกเตือนเช่นนั้นโทยะก็เดินเข้าไปนั่งลงยังเก้าอี้ด้านตรงข้ามกับโคมิ ยูโตะกับไอโตะก็นั่งลงตามด้วย
   "นี่มันเกิดอะไรขึ้นช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ"
   "คือเมื่อกี้นี้ที่ย่านการค้าผู้หญิงคนนี้กำลังหาคอนแทคเลนส์ที่ทำตกอยู่ จากนั้นเด็กคนนี้ก็เข้าไปช่วย แต่หลังจากที่เธอหาเจอแล้ว เด็กคนนี้ก็นำมีดออกมาหวังจะทำร้าย แต่เธอส่งเสียงร้องและหนีไปยังบริเวณที่มีคนอยู่ได้ทัน" ตำรวจวัยกลางคนสรุปเรื่องราวที่ฟังมาจากคู่กรณีทั้งสองให้ผู้มาใหม่ฟัง
   "ไม่ใช่ซักหน่อย บอกแล้วไงว่ามีดนั่นเธอเป็นคนส่งมาให้ผมแล้วบอกว่าให้ผมช่วยถือ พอรับมันมาโดยไม่ได้ตั้งใจเธอก็ส่งเสียงร้องบอกว่าผมจะทำร้ายต่างหากล่ะ" ไอโตะชี้แจงเรื่องราวที่ถูกต้องให้ตำรวจฟังอีกครั้ง
   "ก็เพราะทั้งสองคนเถียงกันอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ แถวนั้นก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย เลยไม่รู้ว่าฝ่ายไหนพูดความจริงกันแน่" ตำรวจพูดพลางทำหน้าลำบากใจ
   "นั่นคือมีดที่พูดถึงเหรอครับ" โทยะมองไปยังมีดพกสีชมพูดที่อยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ใบมีดของมันถูกพับเก็บเข้าไปแล้ว จากนั้นก็มองไปทางยูโตะเป็นเชิงถาม
   "ไอไม่เคยมีของแบบนั้น" ยูโตะตอบอย่างมั่นใจ
   "แต่นั่นมันไม่ใช่มีดของฉันนะ เธอเป็นคนเก็บมาเมื่ออาทิตย์ก่อนใช่มั้ยล่ะ เธอบอกเองนี่ว่าจำมันได้"    โคมิกล่าวอ้างตามคำบอกเล่าของไอโตะ
   "อาทิตย์ก่อนพูดถึงเรื่องอะไร" ยูโตะมุ่นคิ้วเข้าหากัน
   "หือ นี่ไม่ได้บอกทางบ้านด้วยเหรอ แบบนี้เหมือนน้องชายของเธอตั้งใจจะปิดบังเลยนะ" โคมิเคลื่อนสายตาไปทางยูโตะที่บนใบหน้ามีแต่คำถาม
   "คือ เมื่ออาทิตย์ก่อนร้านหนังสือที่อยู่ซอยข้าง ๆ มีคนขโมยหนังสือแล้วเด็กคนนี้ช่วยจับไว้ แต่ในตอนนั้นอาวุธที่คนร้ายใช้หล่นหายไป แล้วเด็กคนนี้ก็บอกว่ามีดที่วางอยู่ตรงนี้คืออาวุธที่คนร้ายใช้ในตอนนั้น" ตำรวจเคาะนิ้วลงใกล้กับมีดพก เพราะสีที่สะดุดตาของมันนี่แหละจึงทำให้ไอโตะจำมันได้ดี นอกจากนี้ยังมีสติกเกอร์รูปดอกไม้สีขาวติดไว้อีกด้วย
   "มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ ทำไมถึงไม่บอกอะไรเลยล่ะ" ยูโตะถามน้องชาย ทั้งที่เกิดเรื่องใหญ่แบบนั้นแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย
   "ก็วันนั้นกลับไปก็เจอน้าพอดีก็เลยมัวแต่คุยกันจนลืมไปเลยนี่ อีกอย่างมันจะทำให้พี่เป็นห่วงเปล่า ๆ ด้วย ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังนะ" เขาไม่ได้โกหกเพราะสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แค่ใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้พี่ชายกับน้าทะเลาะกันเขาก็ลืมเรื่องอื่นไปหมดแล้ว
   "แต่เธอก็เก็บมีดเล่มนั้นมาใช่มั้ยล่ะ" โคมิถามย้ำอีกครั้ง
   "ไม่ใช่เธอต่างหากที่เก็บไป" ไอโตะเถียงกลับทันควัน คู่กรณีเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของพี่ชาย เธอท่าทางสุขุมและดูเป็นผู้ใหญ่ คำพูดก็ฟังดูมีเหตุมีผลแม้จะเป็นเรื่องโกหกแต่หากพี่ชายเชื่อเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร
   "งั้นจะตรวจสอบลายนิ้วมือดูก็ได้ว่ามีลายนิ้วมือของฉันหรือเปล่า" โคมิพูดท้าทาย
   "ถึงมีเธอก็ต้องเช็ดมันออกก่อนหมดแล้ว ตอนที่ส่งด้ามของมันมาให้ฉันเธอก็ใช้ผ้าหุ้มปลายมันไว้ทำให้ไม่มีลายนิ้วมือติดอยู่ และเพราะอย่างนั้นฉันถึงไม่ทันรู้ตัวว่าของที่เธอส่งมาให้คืออะไรไงล่ะ"
   "ผ้างั้นเหรอ งั้นมันก็น่าจะยังอยู่ในกระเป๋าของเธอ จำได้หรือเปล่าว่าเป็นผ้าแบบไหน" โทยะถามหาสิ่งที่จะช่วยให้หลานชายหลุดพ้นจากข้อสงสัยได้
   "รู้แค่เป็นผ้าเช็ดหน้า แต่จำลักษณะอย่างอื่นของมันไม่ได้เลย" ไอโตะก้มหน้าลงด้วยความเจ็บใจ หากเขาจำลักษณะเด่นของมันได้คงจับผิดเธอได้แล้ว ในตอนนั้นสมองของเขามัวแต่ตีความด้ามมีดสีชมพูที่คุ้นตาอยู่
   "ผู้หญิงแทบทุกคนก็มีผ้าเช็ดหน้ากันทั้งนั้นแหละ" โคมิพูดราวกับจะซ้ำเติมในความไม่ช่างสังเกตของไอโตะ
   "ผู้หญิงคนนี้บอกว่าจะไม่เอาเรื่อง หากคนผิดยอมรับผิดครับ"
   "ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมรับเรื่องที่ไม่ได้ทำหรอก" ขณะที่พูดไอโตะก็ยังไม่ปล่อยมือจากแขนของพี่ชายราวกับจะขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนิ่งฟังคำโต้เถียงของพวกเขาเท่านั้น ท่าทางนั้นทำให้ไอโตะกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
   "ยังดื้ออยู่อีกเหรอ นี่เห็นว่าเป็นน้องชายของคุซาซากิ แล้วก็ยังเด็กอยู่เลยกลัวว่าจะเสียประวัติหรอกนะ แค่ยอมขอโทษดี ๆ ก็จบเรื่องแล้ว"
   สายตาที่มองมาอย่างเป็นต่อทำให้ไอโตะโมโหจนต้องกำมือแน่น เขาไม่มีอะไรจะใช้โต้แย้งเธอได้เลย ไม่รู้ว่าเธอทำแบบนี้เพราะอะไรแต่คิดผิดจริง ๆ ที่ไปช่วยผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ ต่อจากนี้เขาจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนร้ายที่คิดจะทำร้ายผู้หญิงไปตลอดอย่างนั้นหรือ ต้องทำอย่างไรถึงจะพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ได้
   "ไอได้ทำหรือเปล่า" จู่ ๆ ยูโตะที่เงียบไปก็จับต้นแขนทั้งสองข้างของไอโตะไว้แล้วถามขึ้น
   "เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำ พี่เชื่อฉันนะ" ไอโตะกุมเสื้อบริเวณอกของพี่ชายไว้แล้วสบตากับพี่ชายตรง ๆ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สายตาของพี่ชายตอนนี้ทำให้เขากลัวอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ช่างอย่างน้อยขอให้พี่เชื่อใจเขาก็พอ
   "งั้นก็ไม่ต้องยอมรับ" ยูโตะจับมือที่สั่นเทาของไอโตะไว้แล้วพูดออกมา
   "พี่" ไอโตะยิ้มด้วยความดีใจ เขาคิดว่าพี่จะไม่เชื่อเขาเสียแล้ว
   "อะ...อะไรกัน แบบนี้ก็แค่เข้าข้างน้องชายนี่ หลักฐานก็มีอยู่เห็น ๆ" คำพูดสั้น ๆ ที่เหมือนเป็นคำตัดสินของยูโตะทำให้โคมิยอมรับไม่ได้
   "ไม่จำเป็นต้องดูรูปการณ์หรือหลักฐานอะไรทั้งนั้นแหละครับ ถ้าไอบอกว่าไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ ไอไม่โกหกฉันหรอก" ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรเขาก็เชื่อมั่นในตัวน้องชายและคำพูดของไอโตะเท่านั้น
   โทยะที่ได้ยินอย่างนั้นเก็บอาการที่อยากจะหัวเราะออกมาในสถานการณ์เคร่งเครียดเอาไว้
   "งั้นจะบอกว่าฉันโกหกเหรอ ถ้าฉันเป็นคนส่งมีดให้เด็กคนนี้จริงทำไมมีดถึงบังเอิญไปเหมือนกับของคนร้ายเมื่อหลายวันก่อนได้ล่ะ ถ้าจะบอกว่าฉันเป็นคนเก็บมาก็เป็นไปไม่ได้เพราะวันนั้นฉันไม่ได้ไปที่นั่น"
   "รุ่นพี่มีพยานยืนยันที่อยู่ในวันนั้นหรือเปล่าครับ" ยูโตะถามกลับไปบ้าง
   "ไม่มีหรอก วันนั้นฉันอยู่บ้านคนเดียว แต่ฉันไม่ได้ออกไปไหนแน่ ๆ" หญิงสาวยืนกรานอย่างหนักแน่น
   "การที่จะบังเอิญเหมือนก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ" โทยะมองหาความเป็นไปได้อื่น
   "แบบนั้นก็เหมือนกับบอกว่าฉันเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเลยนี่ ฉันเป็นผู้เสียหายนะ แล้วถ้าปล่อยไว้บางทีเด็กคนนี้อาจจะมาทำร้ายฉันอีกก็ได้" เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิดท่าทีสงบนิ่งของเธอก็หายไป โคมิโวยวายจนหน้าตาที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางยู่ยี่ไปหมด
   "ไอไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก อีกอย่างไอไม่รู้จักรุ่นพี่ซักหน่อยแค่เคยเห็นครั้งสองครั้งเท่านั้น ไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะต้องไปทำร้ายรุ่นพี่นี่ครับ" ยูโตะยังคงพูดปกป้องน้องชายตน
   "ไม่รู้จักเหรอ ผิดแล้วล่ะ เราเคยเจอกันตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่มอปลายแล้ว ที่น้องชายนายทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้นายไงล่ะ"
   "เอ๋!?" แม้แต่ไอโตะก็ยังอุทานด้วยความประหลาดใจ เขาจำไม่ได้เลยว่ารู้จักกับเธอมาก่อนและมั่นใจว่าครั้งแรกที่เห็นเธอก็คือวันที่ไปหาหมอฟัน
   "หึ นี่คงจำฉันไม่ได้สินะ ไม่แปลกหรอกก็เมื่อก่อนฉันเป็นแค่ผู้หญิงหน้าตาเชย ๆ สวมแว่นตาหนาเตอะ เดินก้มหน้าก้มตาไม่มีความมั่นใจ พอมีคนที่ชอบก็ไม่กล้าเข้าไปพูดคุยด้วย ตอนมอห้าฉันก็เลยไปขอให้เธอที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับน้องชายฉันแนะนำฉันให้กับคุซาซากิแต่เธอก็บอกว่าคนอย่างฉันไม่เหมาะสมกับพี่ชายเธอ"
   โทยะที่ฟังอยู่กุมขมับทันทีด้วยรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เรื่องของเธอไม่ใช่เรื่องโกหก เธอคงจะรู้สึกว่าโดนดูถูกเพราะรูปลักษณ์ภายนอก แต่ที่จริงแล้วไอโตะก็พูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้พี่ชายไม่ว่าจะเป็นสาวสวยแค่ไหนก็ตาม
   "ฉันเสียใจมากแต่ใจหนึ่งก็คิดว่าเธอพูดถูกจนคิดจะตัดใจ แต่พอใกล้เรียนจบฉันก็ตัดสินใจลองดูอีกครั้ง ฉันเขียนจดหมายถึงคุซาซากิแล้วขอให้เธอนำไปส่งต่อให้ แต่เธอก็พูดไม่ต่างกันกับครั้งก่อน"
   แม้เธอจะพูดมาขนาดนี้แล้วแต่ไอโตะก็ยังนึกเรื่องของเธอไม่ออก นั่นเพราะหญิงสาวที่เขาทำแบบนี้ด้วยมีมากจนเกินไป
   "แบบนั้นฟังเหมือนเธอเป็นฝ่ายแค้นไอซะมากกว่านะ" โทยะมองหญิงสาวด้วยความกังขา
   "ไม่เลย ฉันได้แต่ตำหนิตัวเองที่ไม่เอาไหนมาตลอดต่างหาก ถึงได้ปรับปรุงตัวเองทั้งใส่คอนแทคเลนส์ เรียนรู้เรื่องการแต่งหน้าแต่งตัวจนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ไงล่ะ" เธอวางมือลงแนบอกเรียกความสุขุมกลับมาให้ตัวเองอีกครั้ง
   การที่เธอแต่งหน้าแต่งตัวฉูดฉาดมีเรื่องนี้เป็นแรงผลักดันนี่เอง ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เงียบไปชั่วขณะจากนั้นนายตำรวจก็พูดขึ้น
   "ถ้าอย่างนั้นคุณจะเอายังไงครับ ทางนี้เองก็ไม่ยอมรับ"
   "ฉันจะให้โอกาสเขาได้คิดค่ะ ถ้าภายใน 1 อาทิตย์แล้วยังไม่มาขอโทษ ฉันจะดำเนินคดีค่ะ" เธอตีหน้านิ่งแล้วพูดด้วยจังหวะราบเรียบราวกับเป็นแม่พระ
   "เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน วันนี้ต่อให้เถียงกันไปก็คงไม่จบ แล้วก็คุณตำรวจช่วยตรวจสอบได้หรือเปล่าครับว่ามีดเล่มนี้เป็นของคนร้ายที่ขโมยหนังสือนั่นจริงหรือเปล่า" โทยะยอมรับข้อเสนอแล้วขอร้องให้ตำรวจช่วยยืนยันหลักฐานเพียงชิ้นเดียวให้
   "อา ได้สิครับ"
   พวกเขามองไปทางหญิงสาวแต่สีหน้าของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

   จากแผนที่จะทำแกงกะหรี่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นกินข้าวนอกบ้านแทน ท่าทางของโทยะเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เขาก็เก็บมันไว้จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน โทยะให้หลานทั้ง 2 คนนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วเริ่มทำการอบรม
   "ถ้าจากที่ไอและผู้หญิงคนนั้นพูดมาก็แปลว่าเธอโกรธแค้นไอจนหาทางใส่ความ" เนื่องจากเขาเองก็มั่นใจในตัวหลานชาย ดังนั้นสิ่งที่หญิงสาวพูดมาก็ต้องเป็นเรื่องโกหก
   "ไอ ไอ้การเที่ยวกีดกันผู้หญิงที่จะเข้าใกล้ยูโตะน่ะเลิกทำได้แล้ว นอกจากจะทำร้ายจิตใจคนอื่นแล้ว ยังเป็นอันตรายกับตัวเองแบบวันนี้ด้วย" โทยะพูดโดยใช้เหตุผลอย่างเย็นใจ
   "ไอไม่มีผิด รุ่นพี่ต่างหากที่..." ยูโตะรีบปกป้องน้องชายแต่ก็ถูกโทยะขัดขึ้น
   "ยูโตะ นายนั่นแหละตัวดี เพราะนายพูดแบบนี้ไอถึงทำต่อมาเรื่อย ๆ หรือว่านายจะรอให้เกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้ขึ้นกับไอ"
   ยูโตะนิ่งเงียบไปด้วยตระหนักได้ว่าไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ ที่ผ่านมาเขามัวแต่ปลาบปลื้มที่ได้ยินหรือเห็นการกีดกันของไอโตะจนลืมนึกไปว่าอาจจะมีคนเก็บความโกรธแค้นไว้แล้วมาแก้แค้นในภายหลัง
   โทยะย่อตัวลงนั่งตรงหน้าไอโตะแล้ววางมือลงบนศีรษะ
   "การจะไปตัดสินคนอื่นแทนเจ้าตัวน่ะ ไม่ว่าใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น ถ้ามีคนมาพูดว่าอย่างนายไม่สมควรจะเป็นน้องชายของยูโตะหรอก ไอก็ต้องโกรธใช่หรือเปล่า"
   "อือ" ไอโตะพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่เคยคิดในทางกลับกันเลยสักครั้ง
   "ดีมากเก็บเรื่องนี้ไปคิดให้ดีล่ะ เอาล่ะ วันนี้เจอเรื่องไม่ดีมารีบไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายก่อนเถอะ แล้วเรื่องนี้ฉันจะให้นักสืบที่รู้จักช่วยจัดการให้
   "ขอบคุณครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้เดือดร้อน น้าก็มีงานต้องทำแท้ ๆ" ไอโตะพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด ทั้งที่ไคกับมากิโฮะก็เคยเตือนเรื่องนี้แต่เขากลับไม่เคยสนใจเลย
   "ไม่เป็นไรหรอก" โทยะยิ้มเพื่อไม่ให้ไอโตะกังวล
   "เดี๋ยวก่อนยูโตะฉันยังมีเรื่องจะพูดกับนายอยู่" พอไอโตะลุกขึ้นยูโตะก็ทำท่าจะลุกตามโทยะจึงเรียกไว้
   "อะไรอีกล่ะ" ชายหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิดเพราะอยากจะรีบไปปลอบน้องชาย
   "นายเป็นพี่ถ้าไอทำอะไรไม่เหมาะก็ต้องรู้จักตักเตือนไม่ใช่สนับสนุน"
   "รู้แล้วน่า" ยูโตะเบนหน้าหนี เขาเองก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน
   "เฮ้อ โตแล้วคิดว่าจะเปลี่ยนไปบ้างไม่เปลี่ยนเลยซักนิด"
   ตอนไอโตะยังอยู่ประถมเขาคิดว่าพอโตขึ้นอาการหวงพี่ชายคงจะหายไปเอง ไม่คิดว่าจะเยิ่นเย้อมาจนถึงป่านนี้ หากเป็นเด็กคงจบแค่การทะเลาะกันธรรมดา แต่กับคนที่โตแล้วไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง
   "หึ ไอน่ารักใช่มั้ยล่ะ" ยูโตะเหยียดริมฝีปากออกแล้วมองผู้ที่ยืนกอดอกอยู่
   "อือใช่ อ๊ะ นี่อย่าเปลี่ยนประเด็นสิ ยังไงนี่ก็เรื่องสำคัญนะ นายต้องดูแลไอให้ดีกว่านี้ ไม่งั้น..."
   "ไม่งั้นอะไร จะเอาไอคืนไปหรือไง ไอเป็นน้องของฉัน ฉันไม่ยกให้หรอกนะ" แววตาของยูโตะพลันแข็งกร้าวขึ้นมา
   "ทำไม กังวลหรือไง" โทยะเผชิญหน้ากับยูโตะอย่างไม่เกรงกลัว
   "เปล่าเลย ยังไงระหว่างฉันกับน้าไอก็ต้องเลือกฉันอยู่แล้ว"
   "หึ พูดเองแบบนี้มั่นใจจังนะ" โทยะยกยิ้มราวกับจะดูถูกนั่นจึงเป็นชนวนให้ทั้งคู่เปิดศึกกันยกใหญ่
   พวกเขาถกเถียงกันอยู่พักหนึ่งแต่แล้วยูโตะที่เป็นฝ่ายหมดแรงก่อนก็เดินหนีขึ้นไปชั้นบน พอไม่เห็นร่างของน้องชายอยู่ในห้อง เขาก็ไปยังห้องของไอโตะที่อยู่ข้าง ๆ พอเปิดประตูเข้าไปก็มองเห็นไอโตะกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
   "ไอทำอยู่อะไรน่ะ"
   "หาพวงกุญแจที่ใฃ้ห้อยกระเป๋าน่ะ" ไอโตะเดินวนมองหาตามพื้นโดยไม่เงยหน้ามามองยูโตะ
   "ที่ห้อยกระเป๋า?" ยูโตะเดินเข้าไปใกล้น้องชาย
   "อือ ตอนไปซื้อของเมื่อกี้ยังมีอยู่เลยนี่นา หายไปตอนไหนกันนะ" เด็กหนุ่มรื้อดูบนโต๊ะเขียนหนังสือ เขาโยกย้ายสิ่งของบนโต๊ะจนรกไปหมด
   "แค่พวงกุญแจเองไม่เห็นเป็นไรเลย" ยูโตะพูดอย่างไม่ใส่ใจและไม่คิดจะช่วยไอโตะหาเลยสักนิด
   "ได้ยังไงล่ะ นั่นมันที่พี่ให้เมื่อตอนคริสต์มาสที่ผ่านมานะ" ไอโตะก้มลงหากระทั่งใต้เตียง
   "หือ เจ้าอันที่เป็นต้นคริสต์มาสแล้วมีซานตาคลอสหน้าเหมือนพ่ออยู่น่ะเหรอ"
   "อือ อ๊ะหรือว่าจะตกไปตอนเกิดเรื่อง ต้องใช่แน่เลย ฉันจะไปหานะ"
   เนื่องจากตอนที่หญิงสาวกรีดร้องและมีคนเห็นมีดอยู่ในมือไอโตะชาย 3-4 คนก็รีบเข้ามาตะครุบตัวเขาไว้ เขาจึงดิ้นรนขัดขืนมันคงจะตกไปในช่วงชุลมุนนั่น ไอโตะรีบมุ่งหน้าไปที่ประตูแต่ยูโตะก็ดึงมือเขาเอาไว้
   "มันดึกแล้วนะ ช่างมันเถอะน่า"
   "แต่ว่า..." ตอนนี้เขาร้อนใจเหลือเกิน แถวนั้นช่วงเย็นจะมีคนผ่านไปผ่านมามาก หนึ่งในคนเหล่านั้นอาจจะเก็บมันไปก็ได้
   "เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ก็ได้"
   "ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย ฉันไปดูแค่แป๊บเดียวเอง" ไอโตะพยายามดึงมือออกยูโตะจึงจูงมือน้องชายมาที่เตียงแล้วดึงให้นั่งลงที่ระหว่างขาของเขาก่อนจะใช้สองแขนกักตัวเอาไว้
   "ฉันดีใจที่ไอให้ความสำคัญกับมันแต่ว่านี่มันดึกแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาเถอะแล้วฉันจะไปช่วยด้วย"
   "รอถึงพรุ่งนี้มันก็หายไปก่อนน่ะสิ" ไอโตะเอี้ยวตัวไปด้านหลังแล้วผลักพี่ชายออก
   "งั้นไปก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องไปด้วยนะ แต่พรุ่งนี้ฉันมีเรียนตอนเช้าซะด้วยสิ ถ้าหานานจนดึกดื่นแล้วฉันไปเรียนสายคงไม่ดีแน่"
   "เอ๋ แบบนั้นมัน..." แม้จะเป็นคำขู่ที่ฟังดูไร้สาระ แต่มันก็ใช้ได้ผลกับไอโตะที่ไม่อยากทำให้พี่ชายเดือดร้อน
   "พี่ขอโทษนะ ทั้งที่อุตส่าห์ซื้อมาให้แต่ฉันทำหายไปซะแล้ว" ไอโตะพลิกตัวซบหน้าลงบนไหล่ของคนด้านหลัง
   เขาทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ ของทุกชิ้นที่พี่ให้เขาจะรักษาเป็นอย่างดี กระทั่งอันที่เสียหายใช้การไม่ได้ก็จะเก็บรวบรวมไว้ในกล่อง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาทำของที่พี่ชายให้หาย เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นแท้ ๆ
   "ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าร้องไห้เลยนะ" ยูโตะตบหลังน้องชายเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
   "ยังไม่ได้ร้องซักหน่อย"
   "หึ หึ" ยูโตะรู้สึกสนุกเล็กน้อยเมื่อหยอกน้องชายได้
   "แต่ยังไงวันนี้ฉันก็ขอโทษจริง ๆ นะ เลยทำให้พี่ยุ่งยากไปด้วย อีกฝ่ายก็เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยไม่รู้จะมีข่าวลือให้พี่เสียหายหรือเปล่า" ไอโตะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
   "คิดมากไปแล้ว นายต่างหากที่น่าเป็นห่วงน่ะ" ยูโตะลูบไล้ใบหน้าน้องชายอย่างเบามือ
   "พี่โกรธฉันหรือเปล่า"
   "ทำไมฉันต้องโกรธไอด้วย ที่ต้องโกรธคือคนที่ใส่ร้ายไอต่างหาก"
   "ทำไมพี่ถึงเชื่อฉันล่ะ" ระหว่างที่รอพี่ชายอยู่ที่โรงพักเขาคิดอย่างหนักว่าจะอธิบายให้พี่ชายเข้าใจได้อย่างไร ทว่ายูโตะกลับเชื่อเขาเพียงแค่คำพูดประโยคเดียว
   "ก็เพราะไอจะไม่โกหกฉันไงล่ะ จริงมั้ย" ยูโตะมองลึกเข้าไปในดวงตาของน้องชาย จนไอโตะที่รู้สึกเขินต้องหลุบตาลง
   "อ๊ะ แต่ที่ไม่ยอมบอกเรื่องขโมยนั่นฉันโกรธนะรู้มั้ย เรื่องร้ายแรงแบบนั้นทำไมไม่บอก" พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยูโตะก็ทำเสียงเข้ม นอกจากนี้ยังใช้แขนเกี่ยวรัดเอวของไอโตะเข้ามามากขึ้นด้วย
   "ไม่ได้ร้ายแรงอะไรซักหน่อย แล้วก็บอกแล้วไงว่าเพราะมัวแต่ดีใจที่น้ามาน่ะ" ไอโตะขยับตัวเล็กน้อยด้วยรู้สึกอึดอัด
   "งั้นคงต้องลงโทษกันหน่อยจะได้ไม่ลืมอีก"
   ว่าแล้วยูโตะก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ท่อนแขนแกร่งของพี่ชายทำให้ไอโตะลุกหนีไปไหนไม่ได้เขาจึงรีบใช้มือปิดแก้มและหน้าผากของตนไว้ วิธีการลงโทษของพี่ชายแต่ละอย่างน่าอายทั้งนั้น ทั้งหอมแก้มและจูบที่หน้าผากจนกว่าจะพอใจ ทั้งกอดไม่ยอมปล่อย ตั้งแต่แม่ไม่อยู่เขาก็ถูกทำโทษทุกครั้งที่ทำงานบ้านผิดพลาด หลายวันก่อนที่ทำแก้วใบโปรดของพี่แตกพี่ชายก็ยังใช้ตักของเขาเป็นหมอนอยู่ทั้งคืน คราวนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก
   "เล่นป้องกันซะขนาดนี้ งั้นวันนี้เปลี่ยนวิธีหน่อยดีกว่า ยังมีที่ว่างอยู่อีกไม่ใช่เหรอ" ยูโตะลูบริมฝีปากของผู้กระทำผิดด้วยนิ้วหัวแม่มือ
   ตอนแรกไอโตะคิดว่าแค่พูดเล่นแต่ใบหน้าของพี่ชายก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ และดูเหมือนเป้าหมายครั้งนี้จะเป็นริมฝีปากที่ไร้การป้องกันจริง ๆ
   "ไม่จริงน่า อย่านะพี่" ไอโตะเอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับใช้สองมือดันร่างของพี่ชายออก แต่ใบหน้าของยูโตะกลับเข้ามาใกล้มากขึ้นจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
   "ยูโตะ!! จะทำอะไรน่ะ" เสียงที่ดังขึ้นมาจากทางประตูช่วยหยุดการกระทำของยูโตะไว้ โทยะที่เห็นภาพนั้นแทบจะหยุดหายใจ เขาไม่อยากตีความในแง่ร้ายจึงตั้งคำถามขึ้น
   "ก็น้าเป็นคนบอกเองนี่ว่าให้รู้จักตักเตือนไอบ้าง ฉันก็กำลังทำอยู่นี่ไง" ยูโตะตอบทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากไอโตะ
   "เตือนภาษาอะไรของแกห้ะ ปล่อยไอเดี๋ยวนี้นะ" โทยะดึงแขนของยูโตะออกแต่ยูโตะกลับยิ่งกอดน้องชายแน่นยิ่งกว่าเดิม
   "ไม่ น้านั่นแหละขึ้นมาข้างบนทำไม น้าต้องนอนห้องแม่ที่อยู่ข้างล่างนู่น นี่คิดจะขึ้นมาหาไอล่ะสิท่า"
   "ฉันก็จะมาดูว่าไอเป็นยังไงบ้างน่ะสิ"
   "ไอฉันจะเป็นคนดูแลเอง น้าไม่จำเป็นต้องห่วงหรอก" ยูโตะปัดมือของน้าที่เปลี่ยนไปจับแขนของไอโตะ
   "หา!" โทยะขึ้นเสียงสูงอย่างเหลืออด ทั้งสองคนต่างจ้องหน้ากันเขม็งราวกับแมวหวงถิ่น
   "นี่ เดี๋ยวสิ ทำไมถึงทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
   การร้องตะโกนที่สูญเปล่าของไอโตะไม่เพียงไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ น้ายังยื้อยุดเขาออกจากยูโตะอีก ทั้งสองคนโต้เถียงกันประหนึ่งลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปแล้ว ไอโตะอยากให้แม่กลับมาตอนนี้เสียจริง ๆ

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: U & I (ตอนที่ 4 2017.12.10)
«ตอบ #6 เมื่อ21-12-2017 11:02:48 »

เข้ามาติดตามและให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
รีบมาอัพต่อไวๆนะครับ :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 5)
«ตอบ #7 เมื่อ23-12-2017 21:44:58 »

ตอนที่ 5

   "เอาล่ะ ทีนี้ก็ได้ของที่ต้องการครบแล้วใช่มั้ย" หลายวันต่อมายูโตะและไอโตะก็แวะซื้อของที่ย่านการค้าก่อนกลับบ้าน
   "อ๊ะ น้าอยากได้ถั่วเป็นกับแก้มด้วยนี่"
   "ให้ตายเถอะคิดจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่กัน วันนี้แม่ก็จะกลับแล้วด้วย" เขาอุตส่าห์ดีใจที่ได้อยู่กับไอโตะสองคนนาน ๆ เพราะอยากจะหาโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่กลับมีคนมาขัดขวางเสียได้
   "ก็เพราะเห็นว่าแม่ไม่อยู่เลยช่วยอยู่ให้ไม่ใช่เหรอ" ปกติถึงน้าจะมาอยู่ด้วยแต่ส่วนใหญ่ก็แค่กลับมานอนเท่านั้นไม่ได้คอยช่วยเป็นธุระให้ขนาดนี้
   "ไม่จำเป็นซักหน่อย" ยูโตะทำหน้าหงิกอีกตามเคย แม้โทยะจะอยู่บ้านแค่ในช่วงเช้ากับตอนกลางคืนแต่นั่นก็เป็นเวลาที่เขาจะได้อยู่ตามลำพังกับไอโตะ
   "เอาน่า ดูเหมือนงานของน้าจะเสร็จแล้วด้วย บางทีถ้าแม่มาน้าก็คงจะกลับแล้วล่ะ"
   ที่จริงไอโตะตั้งใจจะมาคนเดียวแต่ยูโตะก็อาสามาเป็นเพื่อนเพราะเป็นห่วงน้องชายที่ต้องไปอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งที่เรื่องยังไม่คลี่คลาย และเมื่อมาถึงบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุไอโตะก็เริ่มสอดส่ายสายตาไปมาจนผิดสังเกต
   "ทำอะไรน่ะ นี่อย่าบอกนะว่ากำลังหาพวกกุญแจอยู่ เรามาหากันตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่ตัดใจอีกเหรอ"
   หลังจากวันเกิดเหตุไอโตะก็มาหาพวงกุญแจพร้อมกับยูโตะแต่ไม่ว่าหาอย่างไรก็ไม่เจอ คงจะมีใครเก็บไปหรือไม่คนทำความสะอาดก็คงทิ้งไปแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะหาแต่สายตามันมองไปเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
   "นี่ นี่ นั่นมันเด็กที่ถือมีดจี้ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ" คนในร้ายขายผลไม้ 2 คนซุบซิบกัน แต่เสียงนั้นก็ยังลอยมาถึงหูพวกเขา
   ยูโตะหันกลับไปมองพวกเขาพลางทำท่าจะเดินไปหาไอโตะจึงรีบดึงข้อมือพี่ชายไว้แล้วลากให้เดินต่อเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง
   "หน่อยคนพวกนั้นเห็นแค่นั้นก็สรุปกันไปเองแล้ว" ยูโตะกรนเสียงต่ำ
   "ช่วยไม่ได้นี่นา อย่าอารมณ์เสียไปเลยน่า อ๊ะ นี่ไงถึงร้านแล้วพี่เข้าไปซื้อเถอะเร็วเข้า" ไอโตะรีบดันพี่ชายเข้าไปในร้านขายเมล็ดพืชก่อนจะไปหาเรื่องกับใครเข้า
   เขาเข้าใจพี่ชายดีและรู้สึกโมโหเหมือนกันแต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรมาแก้ต่างต่อให้พูดให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ ทว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ข่าวลือคงแพร่ออกไปเรื่อย ๆ จนเขาอาจจะมาเดินแถวนี้ไม่ได้อีกเลย
   ขณะที่ไอโตะกำลังยืนรออยู่นอกร้านพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาก็เหลือบไปเห็นว่าที่ด้านข้างของร้านถัดไปมีตรอกแคบที่ใช้เป็นที่ทิ้งขยะระหว่างร้านอยู่ หลายวันก่อนที่มาหาพวกกุญแจเขาไม่ได้เข้าไปในนั้น บางทีมันอาจจะโดนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแตะเข้าไปด้านในก็ได้ ไอโตะชะโงกมองพี่ชายก่อนแวบหนึ่งเมื่อ   เห็นว่ายังไม่เสร็จธุระ เขาก็รีบแวบไปยังตรอกนั้นทันที อย่างน้อยขอแค่มองดูผ่าน ๆ ก็ยังดี
   ไอโตะวิ่งเข้าไปในตรอกแล้วรีบกวาดสายตามองหาตามพื้นอย่างรวดเร็วแต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง
   "โห นี่ยังมีหน้ามาเดินแถวนี้ได้อยู่อีกเหรอ ใจกล้าจังนะ" น้ำเสียงของเธอจัดจ้านต่างจากตอนที่มียูโตะอยู่ด้วยลิบลับ
   "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเธอก็รู้นี่" ไอโตะหันไปทางต้นเสียงและเมื่อรู้ว่าเป็นใครเขาก็ก้มหน้ามองหาต้นคริสต์มาสต่อ
   "พรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดที่ตกลงกันไว้แล้ว ถ้ายังดื้อต่อไปแบบนี้แล้วเรื่องของเธอแพร่ไปทั่วพี่ชายสุดที่รักอาจจะเดือดร้อนไปด้วยก็ได้นะ ที่มีน้องเป็นอาชญากร" เธอพูดเรื่องเกินจริงแล้วเดินเข้าไปใกล้ไอโตะ
   "จะขู่กันเหรอ"
   "เปล่าหรอกก็แค่เตือนด้วยความหวังดี ถ้าคุซาซากิถูกมองด้วยสายตาไม่ดีเพราะเธอ เขาอาจจะเกลียดเธอขึ้นมาก็ได้" นี่คงเป็นจุดประสงค์ที่เธอต้องการ อยากให้พี่ชายเกลียดไอโตะเพื่อแก้แค้น
   "พี่ไม่เกลียดฉันหรอก แล้วพี่ก็จะอยู่ข้างเดียวกับฉันเสมอด้วย" ไอโตะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเพราะไม่อยากไหลไปตามเกมส์ของฝ่ายตรงข้าม แต่ใจความที่เขาพูดก็ทำให้เธอโมโหขึ้นมา
   "หน่อย อย่ามาทำเป็นได้ใจไปหน่อยเลย ฉันจะสั่งสอนเด็กอย่างเธอเอง" โคมิตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของไอโตะจนเขารู้สึกอึดอัด ไอโตะผลักเธอออกไปอย่างแรง แต่ในจังหวะที่เธอล้มลงกระแทกพื้นชายร่างสูงก็มายืนอยู่หน้าตรอกพอดี
   "ไอ ทำอะไรน่ะ"
   "พี่ ไม่ใช่นะ...ฉัน..." ไอโตะรีบแก้ตัวแต่โคมิก็ชิงพูดขึ้นก่อน
   "คุซาซากิน้องชายของเธอจะทำร้ายฉัน ฉันถึงได้บอกแล้วไงล่ะว่าเด็กคนนี้โกหกเธอเพราะเขาเกลียดฉัน" โคมิลุกขึ้นตรงเข้าไปฟ้องร้องต่อยูโตะ
   ยูโตะมองเธอแวบหนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปหาไอโตะด้วยท่าทางขึงขัง
   "ไอ ทำไมถึงทำแบบนี้ ที่นายพูดทั้งหมดบนโรงพักเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นเหรอ"
   สมองของไอโตะชาไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั่น แม้จะอยากรีบแก้ตัวแต่เขาก็ทำได้เพียงส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด โคมิก้มหน้าลงยิ้มด้วยความสะใจ นี่คือสิ่งที่เธอต้องการให้เป็น
   "คิดว่าฉันจะพูดอย่างนั้นเหรอ"
   โคมิเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วมื่อได้ยินคำพูดที่มีเนื้อหาสวนทางกับเมื่อครู่ ส่วนไอโตะก็ได้แต่ยืนนิ่งเพราะตามอารมณ์ของพี่ชายไม่ทัน
   "ไอ ไม่เป็นอะไรนะ" ยูโตะสัมผัสใบหน้าของน้องชายเบา ๆ เพื่อให้หลุดจากอาการมึนงง
   คำพูดที่บ่งบอกว่าพี่ชายยังเชื่อมั่นในตัวเขาทั้งที่เห็นเหตุการณ์แบบนั้นทำให้ไอโตะดีใจเป็นที่สุด
   "อะไรกัน ทำไมล่ะ ฉันเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ"
   "พูดอะไรของรุ่นพี่ ไอไม่มีทางทำร้ายใครและถึงจะทำคนที่เป็นต้นเหตุก็ต้องเป็นรุ่นพี่" ยูโตะใช้หางตา มองเธออย่างดูถูก คำสุภาพก็หายไปจากปากของเขา
   "อะไรน่ะ ท่าทางแบบนั้น ถึงจะติดน้องแค่ไหนแต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ ตำรวจก็บอกแล้วนี่ว่ามีดนั่นเป็นของคนที่ขโมยหนังสือ"
   "อา แล้วยังไงล่ะ" ในวันถัดมาจากวันเกิดเหตุตำรวจก็นำมีดไปให้เจ้าของของมันยืนยันและผลก็คือมันเป็นมีดในตอนนั้นจริง ๆ
   "นั่นก็แปลว่าเด็กคนนี้เก็บมีดมาจากที่เกิดเหตุแล้วนำมาใช้ข่มขู่ฉันเพื่อไม่ให้เข้าใกล้นายอีก ให้น้องชายนายยอมรับมาเถอะ แล้วฉันจะไม่เอาเรื่อง" เธอยังคงแสดงเป็นคนดีต่อหน้ายูโตะ
   "ผิดแล้ว นั่นแปลว่ารุ่นพี่ก็อยู่แถวนั้นและเป็นคนเก็บมันไปต่างหาก"
   "จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้มาแถวนี้ด้วยซ้ำ" เธอตวาดเสียงใส่อย่างลืมตัว
   "เรื่องนั้นจะจริงหรือเปล่า ถ้าสืบดูก็น่าจะรู้"
   ตอนนี้น้าของเขากำลังให้นักสืบที่รู้จักช่วยหาเบาะแสให้ เนื่องจากไม่มีกล้องวงจรปิด คนที่เห็นเหตุการณ์ก็มีแต่บอกว่าพอได้ยินเสียงร้องแล้วมองมาอีกทีในมือของเด็กผู้ชายก็ถือมีดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีแต่ต้องหาตัวคนที่เห็นว่าเธออยู่แถวนี้ในวันเกิดเหตุเท่านั้น
   "มั่นใจถึงขนาดตามหาพยานเองเลยเหรอ แต่ไม่มีทางหรอกเพราะฉันไม่ได้มาที่นี่ เชื่อฉันเถอะ น้องของนายกำลังโกหกเพราะความหวงอยู่นะ"
   ที่เธอกล้าพูดขนาดนี้เพราะในวันนั้นเธอไม่ได้แต่งหน้าแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยเพราะเป็นหวัดอีก ต่อให้มีคนรู้จักก็ไม่มีใครจำเธอได้
   "ไม่ใช่ไม่เชื่อเพราะคิดว่ารุ่นพี่โกหก แต่เพราะสิ่งที่รุ่นพี่พูดมันขัดแย้งกับไอ ดังนั้นฉันถึงเชื่อไม่ได้" ยูโตะยังคงใช้น้องชายเป็นศูนย์กลางในการตัดสิน
   "อะไรกัน วิธียึดน้องชายเป็นหลักแบบนั้น น้องนายเกลียดฉัน คอยขัดขวางฉันจากนายตลอด กระทั่งในวันนั้นที่ฉันอุตส่าห์รวบรวมความกล้าเข้าไปบอกความรู้สึกกับนาย เด็กคนนี้ก็ยังมาขัดขวางอีก เขาอยากไล่ฉันไปจากนายก็เลยข่มขู่ฉันแบบนี้ แรงจูงใจก็เห็น ๆ กันอยู่นี่ ที่ฉันไม่บอกเรื่องนี้กับตำรวจก็เพราะไม่อยากให้มีสาเหตุมัดตัวน้องชายนายมากขึ้นนะ" โคมิพูดราวกับทวงบุญคุณ
   "ผิดแล้ว วันนั้นไอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ่นพี่กำลังทำอะไร ไอไม่ได้คิดจะขัดขวาง แล้วก็จำรุ่นพี่ไม่ได้ด้วย ฉะนั้นไอไม่จำเป็นต้องข่มขู่รุ่นพี่เลยซักนิด"
   "เอ๋"
   ไม่ใช่แค่โคมิที่ตกใจ แม้แต่ไอโตะก็ยังตกใจไปด้วย เขาไม่รู้เลยว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พี่เองก็บอกว่าแค่พูดคุยกันธรรมดา นี่คงจะเป็นชนวนให้ความโกรธแค้นที่สั่งสมมาของเธอระเบิดออกจนคิดวางแผนใส่ร้ายเพื่อให้พี่ชายเกลียดเขา
   "ไอคิดว่ารุ่นพี่แค่มาคุยกับฉันเท่านั้น เขามองไม่เห็นว่ารุ่นพี่อยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ ตลอดมาถึงไอจะขัดขวางคนอื่นยังไงแต่ก็ไม่ถึงขนาดเสียมารยาทในช่วงจังหวะแบบนั้นหรอก"
   "ไม่จริง เด็กคนนี้อาจจะโกหกก็ได้" โคมิยังไม่ยอมแพ้ หากเป็นอย่างที่ยูโตะพูดมาเธอก็ไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของไอโตะมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เธอพูดก็มีแต่จะเป็นสิ่งผูกมัดตัวเอง
   "ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ ถึงไอจะเคยขัดขวางรุ่นพี่ แต่การที่รุ่นพี่มัวแต่ไปโกรธแค้นแล้วโยนความผิดให้คนอื่นว่าทำให้เข้าใกล้ฉันไม่ได้ นั่นก็แปลว่ารุ่นพี่ถอดใจเองไม่ใช่เหรอ"
   "ฉัน...ฉันไม่ได้ถอดใจ เพราะฉะนั้นในตอนที่ได้เจอนายที่มหาลัยอีกครั้งฉันถึงดีใจมากจนตัดสินใจบอกความรู้สึกกับนายด้วยตัวเองไงล่ะ"
   "แต่พอถูกฉันปฏิเสธ รุ่นพี่ก็โยนความผิดให้ไอแล้วมาทำเรื่องแบบนี้น่ะเหรอ"
   "เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ ถ้ายังยืนยันอย่างนั้นก็คงต้องให้เรื่องถึงโรงถึงศาลล่ะ" เธอร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกจึงเลือกจะใช้วิธีข่มขู่ ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะไม่มีผลอะไรกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้เลย
   "จะเอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วฉันจะหาพยานมาให้ได้"
   โคมิกำมือแน่น แววตาของเธอแข็งกร้าวต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ยูโตะจ้องมองเธอไม่กะพริบตาแล้วใช้ตัวเองบังร่างของไอโตะไว้ เพราะไม่รู้ว่าคนที่กำลังถูกโทสะครอบงำจะทำอะไรบ้าง แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงแทรกทำลายบรรยากาศตึงเครียดภายในตรอกแคบลง
   "ถ้าอยากได้พยานล่ะก็ฉันช่วยเป็นให้มั้ยล่ะ"
   "คิจิมะ!!"
   พอหันกลับไปที่ทางเข้าโคมิก็หน้าถอดสี ชายคนนี้เป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยจับขโมยบางทีเขาอาจจะเห็นเธอในวันนั้น ไม่สิ พวกเขาไม่ได้สนิทกันเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งการพูดคุยก็แค่แนะนำตัวและทักทายเท่านั้น ถึงเห็นก็ไม่น่าจะจำเธอได้
   "อ๊ะ จริงสิวันนั้นคน ๆ นี้ เป็นคนช่วยฉันไว้น่ะ ตอนที่คนร้ายชักมีดออกมาเขาก็ช่วยจับคนร้ายให้" ไอโตะบอกพี่ชายด้วยความดีใจบางทีเขาอาจจะมีความหวังแล้วก็ได้
   "หา แล้วทำไมไม่เห็นบอกฉันเลย" ยูโตะตำหนิน้องชายทันที
   "ฉันลืมนี่"
   "ลืม? เรื่องสำคัญแบบนี้เนี่ยนะ" ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้จิ้มกลางหน้าผากของน้องชายแล้วหมุนไปมาจนไอโตะร้องโอ๊ย
   "อ้าว ทะเลาะกันซะแล้วเหรอ"
   ยูโตะหยุดนิ้วมือลงแล้วหันไปถามผู้มาใหม่
   "ที่ว่าเป็นพยานหมายความว่ายังไง"
   "ก็ตามที่พูดนั่นแหละ พวกนายต้องการคนยืนยันว่าเห็นรุ่นพี่มาที่นี่ใช่มั้ยล่ะ"
   คิจิมะแอบฟังพวกเขาคุยกันอยู่พักใหญ่แล้วจึงพอจะเข้าใจเรื่องราวได้
   "นายเห็นงั้นเหรอ" ยูโตะหรี่ตาลงเล็กน้อย
   "ใช่ ถึงวันนั้นรุ่นพี่จะไม่ได้แต่งหน้าแล้วสวมหน้ากากอนามัยก็เถอะแต่ฉันก็จำไม่ผิดแน่"
   โคมิใจหายวาบคน ๆ นี้จำเธอได้จริง ๆ แล้วยังบอกลักษณะของเธอได้ถูกต้องอีกด้วย
   "จำ...จำผิดคนแล้ว เวลาฉันออกไปไหนฉันจะแต่งหน้าทุกครั้ง" เธอปฏิเสธทั้งที่มือเริ่มสั่น
   "ชุดล่ะ วันนั้นรุ่นพี่แต่งตัวแบบไหน จำได้หรือเปล่า" ยูโตะเร่งถามหากพยานคนเดียวต้องเสียเปล่าไปเพราะจำผิดคนคงไม่ดีแน่
   "อือจำได้สิ เสื้อยืดสีดำลายทางกับกระโปรงยีนยาวถึงข้อเท้า ถ้าหากที่บ้านเธอมีเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่ฉันว่าล่ะก็..." คิจิมะเหลือบมองโคมิขณะพูด
   "แน่ใจเหรอ" ยูโตะถามย้ำอีกครั้ง
   "อา มั่นใจเลยล่ะ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้รุ่นพี่แต่งตัวเชยชะมัด"
   "หน่อย พวกนาย..." จู่ ๆ โคมิก็เค้นเสียงพูดแล้ววิ่งไปด้านข้างของยูโตะ เธอส่งของปลายแหลมในมือที่ไม่รู้ว่าถืออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
   ยูโตะดึงตัวน้องชายไปด้านข้างจากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบใบมีดไปอีกทางแต่ก็ยังถูกเฉี่ยวเป็นทางยาวจนเห็นของเหลวสีแดงซึมออกมาจากแขน
   "พี่ยู!!"
   พร้อมกันกับเสียงร้องตะโกนของไอโตะคิจิมะก็รวบตัวหญิงสาวไว้แล้วสะบัดอาวุธให้หลุดออกจากมือ
   "อะไรกัน ทำไมล่ะ ทั้งที่เด็กคนนั้นเป็นคนผิดแท้ ๆ ทำไม ๆ" สิ้นเสียงตะโกนเธอก็ร้องไห้ออกมาแทน ไม่รู้ว่านั้นเป็นน้ำตาของความเจ็บใจหรือเสียใจกันแน่
   ไอโตะตัดสินใจไม่ส่งเรื่องของเธอให้ตำรวจด้วยรู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน แต่ยูโตะก็ยื่นเงื่อนไขกับเธอว่าจะต้องอธิบายเรื่องราวแก้ต่างกับคนแถวนี้ให้ไอโตะ
   โทยะดีใจที่เรื่องจบลงได้โดยไม่มีใครเป็นอะไรมาก บาดแผลของยูโตะก็แค่รอยถากตื้น ๆ เท่านั้น เขาเห็นด้วยกับวิธีการของไอโตะและตักเตือนให้จำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน

   "เลยไม่ได้ไปรับแม่เลยน่ะ" ไอโตะที่อยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินนั่งลงข้างเตียงเพื่อเตรียมเข้านอน
   "ดีแล้วล่ะ กว่าเครื่องจะลงตั้งเที่ยงคืน พรุ่งนี้ไอยังต้องไปเรียนอีกให้น้าไปรับน่ะดีแล้ว" เจ้าของเตียงวางหนังสือในมือลงบนตู้ข้างหัวเตียงแล้วเขยิบตัวเข้าไปด้านในเพื่อแบ่งพื้นที่ให้น้องชาย
   "ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า" ไอโตะมองแผลที่แขนของพี่ชายที่ตนทำแผลให้แล้วลูบบริเวณใกล้ปากแผลเบา ๆ
   "ไม่หรอกแค่นี้เอง ไอปลอดภัยก็ดีแล้ว" ยูโตะขยับนิ้วหัวแม่มือไปมาบนใบหน้าของน้องชาย
   "ทั้งหมดเป็นเพราะฉันแท้ ๆ" ผู้พูดก้มหน้าลงต่ำ
   "อย่าโทษตัวเองเลย ไอไม่ได้ตั้งใจนี่" ถ้าไอโตะผิด เขาที่อยากให้ไอโตะแสดงอาการหึงหวงเขาไปตลอดก็ต้องผิดเหมือนกัน
   "เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ ฉันยังโกรธที่ไอไม่บอกเรื่องคิจิมะอยู่นะ ทั้งที่บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น"
   "แต่มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ แล้วเขาก็ช่วยฉันไว้ด้วย" เขาไม่ได้ตั้งใจจะไปข้องเกี่ยวกับคิจิมะเพราะต้องการเสียหน่อย
   "โห เมื่อกี้ก็ช่วยเราไว้อีกใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นไอคงเห็นว่าหมอนั่นดีกว่าฉันงั้นสิ" ยูโตะวางฝ่ามือทั้งสองข้างคร่อมไว้ข้างสะโพกของน้องชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
   "จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า เพิ่งได้เจอกันแค่สองสามครั้งเองนะ แล้วก็แค่แป๊บเดียวด้วย"
   "แต่ก็ช่วยไอไว้ถึงสองครั้ง คงจะประทับใจสินะ" ยูโตะยื่นหน้าเข้าไปประชิดราวกับจะกดดัน
   "เปล่านะ พี่ก็ช่วยฉันไว้จนเจ็บตัวไม่ใช่เหรอ" ไอโตะเอนตัวหลบไปด้านหลังจนติดกับหมอนแต่พี่ชายก็ใช้ท่อนแขนโอบตัวเขากลับเข้ามา
   "งั้นฉันดีกว่าหมอนั่นใช่มั้ย"
   ดูเหมือนยูโตะจะไม่ชอบใจที่ถูกแย่งบทบาทในการจับคนร้าย และกลัวว่าตัวเองจะด้อยกว่าคิจิมะในสายตาของไอโตะ
   "พี่ยูต้องดีกว่าอยู่แล้วล่ะน่า" ไอโตะที่เข้าใจความคิดของพี่ชายดีตอบอย่างชัดเจน
   "จริงเหรอ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาพลางส่งหน้าที่ใกล้กันอยู่แล้วเข้ามายิ่งขึ้นไปอีก ระยะกระชั้นชิดจนสามารถสัมผัสถึงลมหายใจได้ทำให้ไอโตะรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้แท้ ๆ
   "อ๋า พี่น่ารำคาญจังเลย ฉันจะนอนแล้ว" ไอโตะผลักพี่ชายออกด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการกับระยะห่างที่ใกล้เกินไปนี้อย่างไร เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาทั้งที่ตัวของพี่ชายยังทับมันไว้บางส่วน
   "รำคาญ! นี่ไอรำคาญฉันเหรอ" ยูโตะอ้าปากค้างไปชั่วขณะเมื่อได้ยินถ้อยคำที่โหดร้าย หรือว่านี่จะเป็นการอยากอยู่ตัวคนเดียวที่คุริกูจิพูดถึง
   "พี่ก็นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็ตื่นสายหรอก"
   ยูโตะคอตกแล้วจำใจนอนลง ก็รู้ว่าไอโตะไม่ได้จริงจังอะไรแต่ก็ไม่นึกว่าจะถูกพูดไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ อีกหน่อยไอโตะจะเปลี่ยนไปอย่างที่คุริกูจิพูดไว้อย่างนั้นหรือ แต่ที่แน่ ๆ จากนี้ไปไอโตะคงไม่คอยกีดกันหรือขัดขวางผู้หญิงที่คิดจะเข้าใกล้เขาอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวตัวเองจะเป็นอันตราย แต่เพราะกลัวว่าเขาและคนในครอบครัวจะเดือดร้อน ไอโตะมักจะคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
   ถ้าไอโตะค่อย ๆ ห่างออกไปเขาควรจะทำอย่างไรดี ยูโตะเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของผู้ที่หลับใหลออก ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยจากเหตุการณ์วันนี้หรือเพราะเลยเวลานอนมามากแล้วน้องชายของเขาถึงได้หลับเร็วกว่าปกติ บางทีการรีบบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปจะดีกว่าหรือเปล่า แต่พอคิดว่าอาจจะถูกเกลียดเขาก็กลัวขึ้นมา อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากเสียสถานภาพในตอนนี้ไป ดังนั้นการค่อย ๆ รุกคืบเพื่อดูปฏิกิริยาของไอโตะที่มีต่อการกระทำที่ผิดแผกไปของเขาทีละน้อยน่าจะปลอดภัยกว่า
   ยูโตะมองริมฝีปากสีอมชมพูแล้วโน้มตัวลงช้า ๆ เขาแนบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่มแล้วค่อย ๆ แทะเล็มอย่างแผ่วเบา เพียงแค่นี้ก็ทำให้หัวใจของเขาเปลี่ยนจังหวะไปแล้ว ยูโตะส่งลิ้นออกมาแต่แล้วเขาก็ต้องหยุดการกระทำชั่วร้ายไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงครางเบา ๆ จากผู้ที่หลับใหลอยู่ เขาสะดุ้งเล็กน้อยด้วยคิดว่าไอโตะจะลืมตาขึ้นแต่เด็กหนุ่มก็เพียงแค่พลิกตัวไปอีกด้านเท่านั้น ยูโตะถอนใจอย่างโล่งอกแล้วล้มตัวลงนอน เขาไล่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายออกไปแล้วหลับตาลง
   กลางดึกไอโตะตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกคอแห้ง เขายกท่อนแขนของพี่ชายที่พาดทับอยู่บนตัวของเขาออกจากนั้นจึงค่อย ๆ เดินลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อไปที่ห้องครัว แต่แล้วเขาก็เห็นแสงไฟสว่างออกมาจากห้องนั่งเล่นและได้ยินเสียงคนคุยกัน
   แม่กลับมาแล้วสินะแต่ทำไมถึงยังไม่ไปนอนอีก น้าคงจะเล่าเรื่องราวระหว่างที่แม่ไม่อยู่ให้ฟังรวมทั้งเรื่องของโคมิด้วย ทว่าแค่ระหว่างทางที่อยู่บนรถยังคุยกันไม่พอหรืออย่างไร หรือเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้น้าก็จะไม่อยู่แล้ว
    ไอโตะขยี้ตาพลางก้าวลงมาตั้งใจจะไปหาแม่ ทว่าคำพูดในประโยคต่อมาก็ทำให้เขาต้องชักเท้ากลับ
   "นี่พี่คิดจะบอกความจริงกับไอตอนจบมอปลายอยู่อีกเหรอ"
   "อือ ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น ตอนยูโตะก็บอกตอนเรียนจบเหมือนกันแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรด้วยนี่"
   'ความจริง? ความจริงอะไร' ไอโตะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้แล้วพิงหลังกับผนังห้องนั่งเล่นเพื่อฟังบทสนทนาให้ถนัดขึ้น
   "แต่เรื่องนี้มันหนักหนาสำหรับไอมากกว่ายูโตะนะ แล้วไอก็ยังดูไม่พร้อมเลยด้วย ไอติดเจ้ายูโตะขนาดนั้นถ้าเกิดรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ขึ้นมาไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง"
   'ไม่ใช่พี่น้อง หมายความว่ายังไง แม่กับน้ากำลังพูดอะไรกันอยู่' ไอโตะเบิกตาโพลง ตอนนี้เขาไม่หลงเหลือความสะลึมสะลืออยู่แล้ว ทว่าสมองกลับยังเหมือนจะไม่สามารถตีความคำพูดเหล่านั้นได้
   "เฮ้อ ที่จริงท่าทางของไอก็ทำให้ฉันคิดจะเปลี่ยนใจหลายครั้งอยู่เหมือนกัน"
   "ฉันว่าพี่ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกเลยนี่"
   "แต่แบบนั้นมันรู้สึกไม่ดีกับทั้งไอแล้วก็พ่อแม่ของไอนะ เหมือนกับโกหกยังไงไม่รู้"
   'พ่อแม่ของเรางั้นเหรอ!' ราวกับว่าชิ้นส่วนของความจริงที่เพิ่มขึ้นมากำลังรัดคอเขาเอาไว้ ไอโตะจึงรู้สึกหายใจได้ไม่สะดวก
   "แต่ยังไงฉันก็ว่าไอยังเด็กเกินไปอยู่ดี"
   "เรื่องนั้นฉันรู้ แต่เรายังมีเวลาอีกตั้ง 2 ปีนี่ ไว้ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะคิดดูอีกทีแล้วกัน ยังไงก็ต้องคิดถึงจิตใจของไอก่อนล่ะนะ"
   "เฮ้อ ก็หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้ไอโตขึ้นมาบ้างนะ"
   'ไม่จริง เป็นไปไม่ได้' ขณะที่สมองยังคงสับสนไอโตะก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนด้านใน
   เขารีบก้าวขากลับขึ้นไปด้านบนก่อนที่แม่หรือน้าจะมาเห็น ทว่าขาของเขากลับหนักอึ้งจนยกแทบไม่ขึ้น ตัวก็ชาไปหมด ดวงตาเริ่มร้อนและมีของเหลวเอ่อออกมา บทสนทนาเมื่อครู่ย้อนวนกลับไปกลับมาอยู่ภายในหัวราวกับกรอเทปกลับ
   ไอโตะขึ้นมาถึงห้องได้อย่างยากลำบาก เขาปิดประตูแล้วทรุดตัวลงทันทีที่หลังพิงกับบานประตู น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายแต่เขาก็พยายามกลั้นเสียงสะอึกสะอื้นไว้สุดกำลังเพื่อไม่ให้พี่ชายที่หลับใหลอยู่บนเตียงรู้สึกตัว
   นี่เขากำลังฝันร้ายอยู่หรืออย่างไร หรือเพราะความงัวเงียทำให้เขาฟังผิด จู่ ๆ จะบอกว่าพ่อแม่ที่อยู่ด้วยกันมาถึง 15 ปีไม่ใช่พ่อแม่ของเขา พี่ชายที่เขารักก็ไม่ใช่พี่ของเขาอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นใครมาจากไหนทำไมถึงมาอยู่ในบ้านหลังนี้ หัวของเขาหนักอึ้งไปหมด ไอโตะทำใจให้สงบแล้วทบทวนสิ่งที่ได้ยินใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงเหล่านั้นได้ ไอโตะก็ชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงบนแขนที่วางพาดไว้ เขาอยากให้มีคนมาบอกว่านี่เป็นเพียงเรื่องโกหก

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 6
«ตอบ #8 เมื่อ06-01-2018 22:10:32 »

ตอนที่ 6

   "ไอ อยู่นี่เอง ทำไมตื่นเร็วจังล่ะ แม่กลับมาแล้วนี่" ยูโตะที่ตื่นมาแล้วมองไม่เห็นน้องชายโผล่หน้าเข้าไปในห้องน้ำของชั้น 2 ด้วยความแปลกใจ เขาคิดว่าเช้านี้จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในการปลุกไอโตะอีกครั้ง
   "ก็...อยากรีบไปคุยกับแม่น่ะ" พอเห็นหน้าคนที่ไม่ใช่พี่ชายแต่กลับมีท่าทางกระตืนรือร้นที่จะดูแลเขาไอโตะก็รู้สึกแน่นในอกขึ้นมา ทว่าเขาก็สามารถควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะตอบออกไปได้
   "งั้นเหรอ หือ ไอทำไมตาแดง ๆ ล่ะ ไหนให้ฉันดูสิ" ยูโตะประคองใบหน้าน้องชายให้เงยขึ้นแต่ไอโตะก็สะบัดหน้าหนี
   "ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ฉันกำลังจะแปรงฟันนะ"
   "อ๊ะ หรือว่าเห็นฉันบาดเจ็บก็เลยร้องไห้จนตาแดงสินะ" ยูโตะพูดล้อแล้วหัวเราะชอบใจ
   "ไม่ได้ร้อง มันเกะกะนะออกไปเดี๋ยวนี้เลย" ไอโตะพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วผลักผู้ที่รบกวนการทำกิจวัตรประจำวันออกไป การกระทำที่อ่อนโยนและความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชายทำให้เขาอยากร้องไห้ขึ้นมา ไอโตะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่อจากนี้ จะต้องไม่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง ไอโตะพูดให้ตัวเองฟังในใจ
   ระหว่างอาหารเช้าไอโตะพูดคุยกับแม่อย่างปกติที่สุด โชคดีที่น้าออกไปตั้งแต่เช้าแล้วบุคคลที่เขาต้องเผชิญหน้าจึงลดลง แต่ถึงอย่างนั้นยูโตะก็ยังคิดว่าน้องชายของตนผิดปกติไปอย่างมาก ทั้งตื่นนอนเอง แต่งตัวเอง นมทีกินทุกเช้าก็ไม่ต้องให้เขาจัดแจงให้
   "งั้นผมไปก่อนนะครับ"
   "เดี๋ยวไอ ฉันจะไปส่งด้วย" ยูโตะตั้งท่าจะลุกขึ้นตาม
   "ไม่ต้องหรอก พี่อยู่คุยกับแม่เถอะ"
   "หา ทำไมล่ะ นายไม่เคยปฏิเสธนี่"
   "ก็...ก็มันน่าอายนี่ แล้วฉันก็ชินกับการไปคนเดียวแล้วด้วย" ไอโตะหลบตาตอบแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
   "อะไรกันวันนี้ไอแปลก ๆ ชอบกล" ทั้งที่ควรจะดีใจกับการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่ยูโตะกลับรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
   "คงเพราะได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เหรอ" มารดาที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาจากโทยะพูดขึ้น
   "ไม่ปุบปับไปหน่อยเหรอครับ เมื่อคืนยังปกติอยู่เลย" เขาไม่ชอบไอโตะที่ไม่พึ่งพาเขาเลย
   "น้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็น่าจะดีใจสิ เฮ้อ ดูท่าปัญหาจะอยู่ทางนี้ซะมากกว่าล่ะมั้ง" ผู้เป็นแม่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

   วันนี้ทั้งวันบทเรียนไม่ได้ซึมซับเข้าไปในหัวของไอโตะเลย เรื่องที่ได้ยินเมื่อคืนยังคงอัดแน่นอยู่ในหัว ทำไมพ่อกับแม่ถึงเลี้ยงเขามา เขาเป็นเด็กกำพร้าอย่างนั้นหรือ แต่ฟังจากคำพูดของแม่แล้วเหมือนว่าแม่จะรู้จักกับพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นลูกของญาติหรือคนรู้จักหรืออย่างไร หรือว่าถูกทิ้ง แต่แบบนั้นก็แปลว่าเขาเป็นแค่คนอื่น ทั้งอย่างนั้นเขาก็ยังเอาแต่ใจโดยไม่รู้สถานภาพของตัวเองเลย
   ทว่าเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญไม่ใช่หรือ เพราะที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็ทั้งรักและเอาใจใส่เขาเหมือนกับลูกของตัวเอง ทำไมจะต้องคิดมากด้วย แม้ไอโตะจะบอกตัวเองอย่างนั้นไม่รู้กี่ครั้งแต่เขาก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี
   "อ๊ะ ไอ" เสียงเรียกของชายหนุ่มฉุดให้ไอโตะออกมาจากห้วงแห่งความคิด
   "พี่ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมารับน่ะ" ถึงจะบอกไปแล้วแต่พี่ชายก็ยังมารับแม้เขาจะออกจากโรงเรียนมาได้ครึ่งทางแล้ว
   "ก็เมื่อเช้าไอดูแปลกไป ฉันก็เลยเป็นห่วงนี่" ยูโตะรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วก้มมองหน้าของน้องชายว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
   "ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย"
   "แต่ไอไม่ให้ฉันช่วยทำอะไรเลยนี่"
   เขาเองก็อยากจะทำตัวเหมือนที่ผ่านมาแต่พอนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อคืนแล้วเขาก็รู้สึกละอายจนไม่กล้ารับการดูแลจากพี่ชายอีก ในสายตาของพี่ชายเขาในตอนนี้คงจะแปลกไปอย่างมาก
   "ก็ต้องรู้จักโตได้แล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องเมื่อวานทำให้ฉันคิดได้น่ะ"
   "หา ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ถ้าเรื่องของรุ่นพี่ล่ะก็ไอแค่เลิกยุ่งกับผู้หญิงที่จะเข้าใกล้ฉันก็พอไม่เห็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้เลยนี่" ยูโตะยอมรับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่ไม่สมเหตุสมผลไม่ได้
   "ไม่ได้นะ วันนี้พี่ชินจะไปเล่นที่บ้านฉัน" เสียงใสของเด็กหญิงวัยประถมมัดผมแกะดังข้ามฝั่งถนนมา เธอโวยวายพลางดึงแขนข้างหนึ่งของเด็กชายที่สูงกว่ามากไว้
   ยูโตะและไอโตะต่างหยุดมองกลุ่มเด็ก 4 คนซึ่งประกอบด้วยเด็กหญิงวัยประถม 2 คน เด็กชายวัยประถม 1 คน และเด็กชายมัธยมต้นอีก 1 คน
   "ไม่ใช่ พี่ชินจะไปบ้านฉันต่างหากเมื่อวันก่อนก็ไปบ้านรูริแล้วนี่ วันนี้ก็ต้องไปบ้านฉันบ้างสิ" เด็กหญิงผมบ๊อบสั้นดึงแขนอีกข้างของเด็กชายที่อยู่มัธยมต้นไว้แล้วยื้อยุดกันไปมา
   "หยุดนะเดี๋ยวพี่ชินก็เจ็บหรอก ปล่อยทั้งคู่เลย" เด็กชายวัยเดียวกับเด็กหญิงอีกสองคนแกะมือของเพื่อนหญิงออกจากเด็กชายที่โตที่สุดในกลุ่ม
   "ไม่" เด็กหญิงทั้งสองคนพูดแทบจะพร้อมกัน
   "พี่ชินเป็นพี่ชายของฉันน่ะ พี่จะเล่นกับฉันคนเดียวแล้วเราก็จะกลับบ้านแล้วด้วย ปล่อยเดี๋ยวนี้" เด็กชายตัวเล็กแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเพื่อไล่เพื่อนอีกสองคนไป
   "ฮ่า ฮ่า เห็นแบบนั้นแล้วนึกถึงนายสมัยก่อนเลยแฮะ" ยูโตะอ้าปากหัวเราะลั่น
   "ฉัน...ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นซักหน่อย" ไอโตะลนลานปฏิเสธ พอได้เห็นจากมุมมองของคนนอกแล้วก็รู้สึกว่าการกระทำแบบนั้นช่างน่าอายนัก
   "เหมือนแป๊ะเลยต่างหาก แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินไอพูดว่า พี่เป็นของฉันเลยนะ"
   "จะพูดได้ยังไงล่ะ ไม่ใช่เด็ก ๆ นะ" ใช่แล้ว ตอนนี้เขาพูดแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วแม้จะอยากพูดแค่ไหนก็ตาม พี่ชายที่เขาเคยคิดมาตลอดว่าเป็นของตนนั้นไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
   "คุณพี่ชายตรงนั้นท่าจะแย่แฮะ ทำไมไม่ปฏิเสธให้ชัดเจนแล้วพาน้องกลับบ้านซะล่ะ" ยูโตะมองไปทางพี่ชายในชุดกักคุรันที่กำลังทำหน้าลำบากใจอยู่
   "ถ้าเป็นพี่จะทำอย่างนั้นเหรอ"
   "อือ ยังไงไอก็ต้องมาก่อนสิ" ยูโตะตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
   หากไม่ได้ยินเรื่องเมื่อคืนไอโตะคงดีใจเป็นที่สุด แต่ตอนนี้คำพูดนั้นกลับทำให้เขาเจ็บแปล๊บในใจขึ้นมา
   "ทำไมพี่ถึงดีกับฉันจังล่ะ" ไอโตะไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนที่เขาเรียกว่าพี่ชายมาตลอด 15 ปี
   "ทำไม? ก็ไอเป็นน้องชายคนเดียวของฉันนี่"
   'โกหก' เขาไม่ใช่น้องของพี่ แม่บอกว่าบอกความจริงกับพี่หลังจากจบมัธยมปลายแล้ว แต่ทำไมท่าทีของพี่ถึงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขาไม่เคยสัมผัสความผิดปกติจากพี่หลังจากเรียนจบได้เลย
   ในตอนที่รู้ความจริงพี่จะทำหน้ายังไง จะรู้สึกยังไง เวลาที่เห็นเขาเรียกร้องเอาแต่ใจทั้งที่เขาเป็นแค่คนอื่น พี่จะคิดยังไง น่าตลกหรือ หรือว่าน่าสมเพช เขาที่เที่ยวบอกคนอื่นว่าตัวเองมีสิทธิในตัวพี่ทุกอย่างทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่มีสิทธิอะไรเลย กระทั่งขัดขวางตั้งตัวจะเลือกคู่ครองให้นั่นน่าอับอายเป็นที่สุด
   "ไอ เป็นอะไรไป" ยูโตะถามเมื่อเห็นว่าไอโตะนิ่งเงียบไป สีหน้าก็ไม่สู้ดีด้วย เขาเอื้อมมือไปยังศีรษะของน้องชาย ทว่าไอโตะกลับถอยตัวหนี
   "อ๊ะ ขอโทษ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" แย่แล้ว เขาอุตส่าห์ตั้งใจจะทำตัวให้เป็นปกติแต่เมื่อครู่กลับเผลอหลบโดยไม่รู้ตัว แบบนี้อาจจะยิ่งทำให้พี่สงสัยก็เป็นได้ ไอโตะรีบเดินนำออกไปก่อนที่พี่จะสังเกตเห็นพิรุธมากไปกว่านี้
   ยูโตะมองตามน้องชายด้วยความฉงนวันนี้ไอโตะดูแปลกไปจริง ๆ เป็นเพราะเรื่องของโคมิแค่นั้นจริง ๆ หรือ หรือว่าเขาทำอะไรผิดไป

   ชายร่างสูงบนเตียงพิงหลังเข้ากับกำแพงด้วยท่าทางเบื่อหน่ายระยะนี้น้องชายของเขาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ไม่ยอมให้ไปรับไปส่ง ไม่ยอมให้นอนด้วย แล้วยังพยายามช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ถึงแม่จะบอกว่าเป็นเรื่องดีแต่เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด
   ขณะที่กำลังผ่อนลมหายใจออกทางปากเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากหน้าห้อง ยูโตะรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกทันที
   "ไอ กลับมาแล้วเหรอ"
   "พี่...อือ" ไอโตะตกใจเล็กน้อยเมื่อพี่ชายโผล่พรวดพราดออกมากะทันหัน
   "หมู่นี้กลับบ้านช้าทุกวันเลยนะ"
   "ก็ติวหนังสือกับมากิโฮะแล้วก็ไคนี่ ฉันบอกแล้วนี่นา" ไอโตะพูดพลางเดินเข้าไปในห้องแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ
   อีก 2 อาทิตย์ก็จะสอบกลางภาคแล้ว แม้จะดูเร็วไปหน่อยสำหรับไอโตะที่มักอ่านหนังสืออย่างเคร่งเครียดแค่อาทิตย์เดียวก่อนสอบ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะไคที่ทำตัวไร้สาระตั้งแต่เปิดเรียนมาถูกพ่อแม่คาดโทษเรื่องผลการเรียนไว้ ไอโตะกับมากิโฮะจึงต้องให้ความช่วยเหลือ
   "หิวมั้ย" ยูโตะเดินตามเข้าไปในห้อง
   "กินมาจากที่บ้านของมากิโฮะแล้วล่ะ"
   "ช่วงนี้ไอไม่กินข้าวด้วยเลยฉันเหงาจัง แค่ติวหนังสือให้ฉันติวให้เหมือนทุกทีก็ได้นี่ จะแถมเจ้าไคมาด้วยก็ไม่เป็นไรหรอก"
   "ไม่ไหวหรอก เจ้าไคโง่จะตาย เสียเวลาพี่เปล่า ๆ" นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง ที่เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงก็เพราะไม่อยากพึ่งพาและรบกวนพี่ชายไปมากกว่านี้
   "เฮ้อ งั้น..." ยูโตะกางแขนออกกว้างแล้วโอบรัดตัวน้องชายจากด้านหลัง
   "อะ...ไร ทำอะไรน่ะ พี่" ไอโตะเอี้ยวตัวกลับไปด้านหลังแล้วดันตัวพี่ชายไว้ด้วยความตกใจจากการถูกจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
   "เฮ้อ แบบนี้สิดี รู้สึกเหมือนไม่ได้สัมผัสไอมาตั้งนานแล้วแน่ะ" ยูโตะเอียงศีรษะถูกไถแก้มของน้องชายราวกับเป็นสุนัข
   "พูดอะไร...อ๊ะ" ไอโตะยังพูดไม่ทันจบก็มีต้นคริสต์มาสขนาดเล็กพร้อมกับซานตาคลอสห้อยลงมาตรงหน้า
   "ฉันตามหาตั้งหลายร้านเลยนะกว่าจะได้มา โชคดีที่มีร้านหนึ่งขายไม่หมดตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วยังเก็บเอาไว้"
   "พี่ ไม่เห็นต้องลำบากเลยนี่" นัยน์ตาของไอโตะสั่นไหวเล็กน้อย เขาแบมือรับสิ่งที่ตนทำหายไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนไว้
   "ก็ไอทำหน้าจ๋อยขนาดนั้นนี่นา"
   "ขอบคุณนะ พี่ยู" ไอโตะกำมันไว้แน่น ทั้งที่เขาเป็นคนอื่นแต่ทำไมพี่ถึงยังดีกับเขาขนาดนี้ เขาไม่เคยทำตัวให้เป็นประโยชน์มีแต่จะรบกวนและสร้างปัญหาให้ด้วยซ้ำ
   "งั้นขอรางวัลหน่อยสิ" ยูโตะก้มตัวลงแล้วเอียงแก้มให้น้องชายที่มีปฏิกิริยาต่างไปจากที่คิด หากเป็นทุกทีไอโตะคงดีใจจนกระโดดกอดคอเขาไปแล้ว
   "...ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่เอาหรอก" ไอโตะบิดตัวหันหลังให้
   "พูดแบบนี้อีกแล้วเหรอ ทำไมไอของฉันถึงได้เย็นชาขึ้นทุกวัน ๆ เลยนะ งั้นคืนนี้ให้ฉันนอนที่นี่แทนก็ได้" ยูโตะตัดพ้ออย่างน้อยใจแล้วเปลี่ยนของรางวัลเสียใหม่
   "ไม่ได้" เจ้าของห้องปฏิเสธเสียงแข็ง
   "ทำไมล่ะ"
   "ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เอาล่ะพี่ออกไปได้แล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ"
   ไอโตะดันแผ่นหลังกว้างของพี่ชายเพื่อให้ออกไปจากห้อง จากนี้ไปเขาจะต้องเข้มแข็งและไม่เอาแต่พึ่งพาพี่ชายอยู่ตลอด และเมื่อถึงวันที่แม่บอกความจริงกับเขา เขาจะได้ยิ้มรับมันได้เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเป็นห่วงและลำบากใจ จะร้องไห้งอแงเป็นเด็กไม่ได้อีกแล้ว
   พออาบน้ำเสร็จไอโตะก็กลับเข้ามาในห้องแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพี่ชายนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของตน
   "พี่ทำไมมานอนอยู่นี่ล่ะ"
   "ก็รางวัลของฉันไง" ยูโตะทึกทักเอาเองทั้งที่เจ้าของห้องไม่ได้รับปาก
   ไม่ว่าเขาจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างไรคน ๆ นี้ก็จะฉุดให้มันแย่ลงไปทุกครั้ง หากพี่ชายยังทำแบบนี้ต่อไป ความพยายามของเขามีแต่จะสูญเปล่า
   "ไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะอ่านหนังสือต่อ" ไอโตะตรงเข้าไปฉุดลากชายที่อยู่บนเตียงออก
   "หา ยังจะอ่านต่ออีกเหรอ" ยูโตะพูดอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ปกติน้องชายของเขาไม่ได้ขยันถึงขนาดนี้
   "แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ"
   "งั้นฉันจะนอนเงียบ ๆ ก็ได้ไม่รบกวนหรอก"
   "พี่จะมานอนโชว์ให้ฉันดูทั้งที่ฉันอ่านหนังสืออยู่เนี่ยนะ" ไอโตะออกแรงดึงอีกครั้งแต่ด้วยขนาดตัวที่ผิดกันจึงทำได้แค่ทำให้ชายร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นนั่ง
   "ถ้าไม่ยอมไป เวลาฉันสอบตกขึ้นมาฉันจะบอกแม่ว่าเป็นความผิดของพี่ด้วย" ไอโตะทำหน้าจริงจังเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
   "เอ๋ นี่ขู่กันเลยเหรอ"
   "ก็ฉันต้องใช้สมาธินี่"
   "ก็ได้ ๆ เข้าใจแล้ว งั้นก็อย่าหักโหมนักล่ะ" ยูโตะยอมลุกไปที่ประตูแต่โดยดีโดยมีไอโตะเดินคุมตามไป
   "งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะ" ยูโตะก้มหน้าลงมาหวังจะจูบลาที่หน้าผากว้างเหมือนทุกครั้ง แต่เป้าหมายกลับเคลื่อนตัวหนีอย่างรวดเร็ว ยูโตะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจแต่ไอโตะที่ลืมตัวก็รีบกล่าวราตรีสวัสดิ์ตอบแล้วปิดประตูทันที
   ยูโตะได้แต่เปิดปากที่จะร้องห้ามค้างไว้ เขาอุตส่าห์หวังว่าพวงกุญแจจะทำให้น้องชายดีใจแล้วกลับมาเป็นคนเดิม แต่นอกจากจะถูกเลี่ยงจูบแล้วยังถูกปิดประตูใส่หน้าเป็นครั้งแรกอีก นี่เป็นผลพ่วงมาจากเหตุการณ์ของรุ่นพี่โคมิแค่นั้นจริง ๆ หรือ เขาไม่อยากให้ไอโตะเปลี่ยนไปเลย

   ที่ม้านั่งหลังตึกเรียนชายคนหนึ่งนั่งถอนใจไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
   "เป็นอะไรไป ถอนหายใจเป็นสิบรอบแล้วนะ" ชายที่เสยผมหน้าขึ้นไปเข้ามาทักเพื่อนที่มีท่าทางผิดปกติไปตั้งแต่เช้า
   "คุริกูจิ" ยูโตะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงดังเดิม
   "ในชั่วโมงเรียนนายก็ดูไม่มีสมาธิเลยนี่ มีอะไรกลุ้มใจหรือไง" คุริกูจินั่งลงข้าง ๆ
   "ก็น้องชายฉันน่ะสิ หมู่นี้ดูเปลี่ยนไปมากเลย จะว่ายังไงดีล่ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นล่ะมั้ง"
   "ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ" คุริกูจิเอียงคอด้วยความฉงน เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องน่ากลุ้มใจตรงไหน
   "ไม่ดีเลยซักนิด ชอบทำตัวห่างเหินอย่างกับหลบหน้าอย่างงั้นแหละ"
   "อา เด็กผู้ชายช่วงนี้ก็ประมาณนี้แหละ วัยต่อต้านไงล่ะ บางคนก็เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มอต้นเหมือนน้องชายฉันไง" คุริกูจิพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาก็ผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วเช่นกัน สุดท้ายเขาก็ไม่ได้น้องชายคนเดิมกลับคืนมาอีกเลย
   "แต่นี่มันกะทันหันมากเลยนะ" แทนที่จะเรียกว่ากะทันหันควรจะเรียกว่าแค่ชั่วข้ามคืนเสียมากกว่า
   "เฮ้อ ทำใจซะเถอะคุณพี่ชาย ยังไงเด็กก็ต้องโตขึ้นจะเป็นเด็กอยู่ตลอดไม่ได้หรอกนะ" คุริกูจิพูดอย่างกับเป็นภรรยาที่ปลอบใจสามีซึ่งทำใจไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวเปลี่ยนไป
   "แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าจะต้องตีตัวออกห่างนี่" เขาไม่ต้องการให้น้องชายคิดว่าเขาไม่มีความจำเป็น
   "ฮ่า ฮ่า นายนี่เหมือนพวกพ่อแม่ที่อยากให้ลูกตัวเองเป็นเด็กตลอดไปเลยนะ" คุริกูจิหัวเราะเสียงดัง
   "นี่ฉันจริงจังอยู่นะ" ยูโตะหัวเสียเมื่อเพื่อนเห็นความทุกข์ของตนเป็นเรื่องตลก
   "โทษที โทษที แต่ว่าถ้านายคิดว่าไม่ใช่วัยต่อต้านบางทีอาจจะเป็นนั่นก็ได้นะ"
   "นั่น?" ถึงเพื่อนของเขาจะใช้คำแทนอย่างรู้กันแต่ยูโตะก็ไม่รู้จริง ๆ ว่า 'นั่น' หมายถึงอะไร
   "คนที่ชอบไงล่ะ เพราะมีคนที่ชอบแล้วก็เลยไม่อยากทำตัวเป็นเด็กไง"
   "ไม่...ไม่จริงน่า ไอน่ะเหรอมีคนที่ชอบ" ร่างกายของยูโตะชาวาบไปทั่วทั้งตัว เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เพราะมัวแต่หลงระเริงว่าไอโตะเห็นเขาสำคัญที่สุดจนลืมคิดไปเลยว่าสักวันหนึ่งไออาจจะหันไปมองคนอื่นนอกจากเขาที่เป็นเพียงแค่พี่ชายก็ได้
   "เอาน่า ลืมเรื่องของน้องชายแล้วไปเที่ยวกันดีกว่ามั้ยจะได้ไม่เครียดไง" คุริกูจิตบไหล่ของยูโตะ แต่ยูโตะกลับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วแตะนิ้วลงบนหน้าจอก่อนจะตอบปฏิเสธเพื่อนไป
   "ไม่ล่ะ ฉันมีเรื่องต้องทำน่ะ"

   ยูโตะมาดักรออยู่ที่สุดขอบรั้วโรงเรียนเหมือนทุกครั้งแต่ผู้ที่เขารอในวันนี้ไม่ใช่น้องชายทว่าเป็นเพื่อนของไอโตะ
   "ยูโตะซัง" พอเห็นผู้ที่นัดแนะตนผ่านข้อความทางโทรศัพท์มือถือไคก็ตรงดิ่งเข้าไปหา
   "ไค ไอยังไม่ออกมาสินะ" ยูโตะถามพลางชะโงกมองไปด้านหลัง
   "อือ คงยังอยู่ในชมรมนั่นแหละ มีอะไรเหรอครับถึงบอกว่าจะคุยด้วย"
   ถึงแม่จะกลับมาแล้วแต่ไอโตะก็ยังแวะเวียนไปที่ชมรมอาหารเป็นบางครั้งในเวลาที่มีข้อสงสัยหรืออยากเรียนรู้เมนูใหม่ ๆ
   "ก็แค่อยากถามว่าช่วงนี้ไอเป็นยังไงบ้างน่ะ"
   "อ้อ อย่างงี้นี่เอง ยูโตะซังก็เห็นว่าไอโตะแปลกไปสินะ" ไคพูดพลางเริ่มออกเดิน
   "ไอแปลกไปเหรอ" ไม่นึกว่าแม้แต่กับไคไอโตะก็มีท่าทีเปลี่ยนไป
   "ครับ ช่วงนี้ดูซึม ๆ ยังไงไม่รู้ตอนแรกคิดว่าทะเลาะกับยูโตะซังซะอีก"
   "เปล่านะ แล้วไอพูดอะไรอีกหรือเปล่า"
   "ไม่เลยครับ อ๊ะ แต่ที่เปลี่ยนไปสุด ๆ ก็คือ เวลามีผู้หญิงมาถามเรื่องยูโตะซัง เจ้านั่นไม่ยักแสดงอาการหวงก้างเหมือนทุกที หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องครั้งก่อน" ไคได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจากไอโตะแล้ว
   "อา นั่นก็กะไว้แล้วล่ะ แต่ฉันรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั่นก็เลยคิดว่าไอมี...เออ มี...คนที่ชอบหรือเปล่า" ยูโตะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนจะถามออกมา
   "อ้อ ที่แท้ก็เป็นห่วงเรื่องนี้เองหรอกเหรอครับ" ไคมองยูโตะอย่างหยอกล้อ
   "เอาเถอะน่า" ยูโตะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกมองออก
   "ยูโตะซังคิดว่าที่ไอโตะท่าทางแปลกไปเพราะมีแฟนงั้นเหรอ แต่ผมไม่เห็นว่ามีอะไรแบบนั้นเลยนี่"
   "จริงเหรอ" ชายหนุ่มถามซ้ำด้วยความดีใจ
   "อือ แล้วอีกอย่างถ้ามีแฟนก็น่าจะดีใจมากกว่าทำหน้าจ๋อย อ๊ะ หรือว่าจะแอบชอบเขาข้างเดียวน้า" คำพูดในประโยคหลังเหมือนกับตั้งใจจะล้อยูโตะเล่น ทว่ายูโตะไม่รับมุขตลกและดูท่าจะจริงจังกับมันเสียมากกว่า
   "ไอเหมือนจะมีคนที่สนใจอยู่เหรอ รู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร" ยูโตะเขย่าตัวไคแล้วคาดคั้น
   "เดี๋ยวก่อน ผมแค่ล้อเล่น ถ้ามีจริง ๆ ผมที่อยู่กับไอโตะเกือบตลอดก็ต้องรู้สิ"
   "พี่ยู ไค" จู่ ๆ เสียงของผู้ที่เป็นหัวข้อสนทนาก็ลอยมา ไอโตะที่ออกมาจากโรงเรียนแล้วเห็นร่างของพี่ชายอยู่ไกล ๆ รีบวิ่งตามไป
   "ไอ...ไม่ได้...อยู่ที่ชมรมเหรอ" ยูโตะพูดติดขัดราวกับคนมีความผิด
   "ก็ใกล้สอบแล้วทุกคนก็เลยแยกย้ายกันไปหมด แล้วทำไมพี่ถึงมาอยู่กับไคได้ล่ะ"
   "ก็...อ้อ คือฉันตั้งใจจะมารับแต่ลืมไปว่าไออยู่ที่ชมรมน่ะ เออ...แล้วก็บังเอิญเจอไคพอดี" ยูโตะด้นสดอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก
   ไอโตะมุ่นคิ้วเข้าหากันทั้งที่เขาส่งข้อความบอกแล้วแท้ ๆ ทำไมพี่ชายถึงยังลืมได้
   "แต่ก็ดีเลยเราจะได้กลับด้วยกันนะ" ยูโตะยิ้มแหย ๆ กลบเกลื่อน
   ทั้งสามคนเดินกลับบ้านด้วยกัน แต่แล้วเมื่อพ้นจากเขตโรงเรียนไอโตะก็มองเห็นกลุ่มหญิงสาว 4 คนยืนกินไอศกรีมอยู่ด้านหน้า 2 คนในนั้นเป็นคนที่เคยเซ้าซี้ถามเรื่องพี่ชายกับเขา พอเห็นพวกเธอมองมาไอโตะก็ทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
   ทว่าเขาในตอนนี้ไม่สามารถขัดขวางพวกเธอได้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ของโคมิสอนบทเรียนให้กับเขาแต่เป็นเพราะเขาไม่มีสิทธิในตัวยูโตะอีกต่อไปแล้วต่างหาก ไอโตะกัดฟันแน่นจากนั้นจึงวิ่งหนีไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ทันที
   "ไอ ไอ" ยูโตะร้องเรียกด้วยความตกใจ แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็รีบวิ่งตามไปทิ้งให้ไคที่หันซ้ายหันขวางงเป็นไก่ตาแตกยืนอยู่อย่างนั้น
   "ไอ...จู่ ๆ เป็น...อะไร...ไปน่ะ" ยูโตะที่ไล่ตามน้องชายที่มีฝีเท้าเหนือกว่าจนเข้ามาในบ้านหอบตัวโยน
   "พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ขอโทษนะจู่ ๆ ก็วิ่งหนีมา" ไอโตะเข้าไปดูพี่ชายที่หายใจทางปาก
   หากไม่หนีไปจากตรงนั้นแล้วต้องเจอกับสถานการณ์เดิม ๆ เขาที่ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วจะต้องร้องไห้ออกมาเป็นแน่
   "เฮ้อ ให้ตายสิ นายนี่วิ่งเร็วชะมัด แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบอกฉันหน่อยได้มั้ย" พอได้พักสักหน่อยการหายใจของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
   "ก็เมื่อกี้มีพวกผู้หญิงที่ห้องฉันอยู่ ฉันก็เลย..."
   "อย่างงี้นี่เอง เฮ้อ ถ้าเรื่องนี้มันยุ่งยากนักล่ะก็ ไอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแล้วฉันจะคอยปฏิเสธผู้หญิงทุกคนเองแบบนี้ดีมั้ย" ตอนนี้ยูโตะรู้สึกเกลียดความเป็นที่นิยมของตัวเองที่ส่งผลให้ไอโตะเดือดร้อนใจ
   "พี่! มันไม่ใช่อย่างนั้น" ในที่สุดพี่ชายก็จะทำเพื่อเขาอีกจนได้ แต่สิ่งที่เขากังวลไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่พี่ชายเข้าใจ
   "แล้วมันยังไงล่ะ" เขาไม่สบอารมณ์ที่มีเรื่องของคนอื่นมาคอยกวนใจไอโตะ
   "ก็ที่จริงฉันไม่ควรจะก้าวก่ายเรื่องนี้ พี่มีสิทธิที่จะคบกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ฉันบอกก็ได้นี่"
   "ไออยากให้ฉันมีแฟนเหรอ" น้ำเสียงของยูโตะขุ่นมัวโดยไม่รู้ตัว
   "เออ ไม่ใช่อย่างนั้นฉันหมายถึงว่าถ้าพี่จะชอบใครมันก็เป็นสิทธิของพี่ ฉันไม่ควรจะไปตัดโอกาสต่างหาก บางทีในคนที่ฉันปฏิเสธไปอาจจะมีคนที่พี่ถูกใจขึ้นมาก็ได้"
   "แค่นั้นจริง ๆ เหรอ" สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดขึ้นมา
   "เอ๋?"
   "ก็อย่างที่เคยพูดไป ถ้านี่เป็นปัญหาที่ไอกำลังคิดอยู่ล่ะก็ ไอก็แค่เลิกปฏิเสธคนอื่นแทนฉันก็พอ แต่ทำไมนายจะต้องฝืนทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ ทำไมจะต้องหลบหน้าฉันด้วย" ยูโตะโยงเข้าประเด็นที่ตนติดใจมาทั้งอาทิตย์
   "หลบหน้า? เปล่านะ ไม่ใช่สักหน่อย" ไอโตะตกใจเล็กน้อย ก็คิดไว้แล้วว่าพี่จะต้องรู้สึกว่าตนแปลกไป แต่ไม่คิดว่าจะถูกมองว่าหลบหน้า
   "งั้นมันอะไร ไอโกรธอะไรฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือไง"
   "เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ"
   "งั้น..." ยูโตะกางแขนออกตั้งใจจะกอดน้องชายไว้ แต่ไอโตะก็ผงะถอยหลังไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
   "หึ เห็นมั้ยล่ะ แบบนี้ยังบอกว่าฉันไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ" ชายหนุ่มฝืนยิ้มอย่างเศร้า ๆ
   "เออ...คือ" ไอโตะไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไร ถ้าปล่อยให้พี่ชายเอาอกเอาใจเขาก็จะเผลออ้อนพี่เหมือนทุกครั้งจนไม่สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้และเป็นภาระของพี่อยู่ร่ำไป เพราะคิดแบบนั้นร่างกายก็เลยหลีกเลี่ยงพี่ชายโดยอัตโนมัติ
   "ทำไมล่ะ หรือว่านายมีคนที่ชอบแล้ว"
   "คนที่ชอบ?" ไอโตะทวนคำอย่างสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายถึงคิดอย่างนั้น
   "เพราะอย่างนั้นถึงได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ หลบเลี่ยงคนที่เป็นพี่ชายอย่างฉัน ยังไงวัยนี้ก็คงเริ่มเห็นผู้หญิงดีกว่าอยู่แล้วสินะ" ยูโตะยิ้มประหนึ่งเยาะเย้ยตัวเอง
   "เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น พี่...พูดอะไรเนี่ย" ไอโตะจับต้นชนปลายสิ่งที่พี่ชายพูดไม่ได้เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นต่างกันคนละทิศละทาง ที่สำคัญพี่ชายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน
   "งั้นจะอธิบายท่าทางที่แปลกไปของนายว่ายังไง ฉันคงจะน่ารำคาญสินะ เพราะว่าไอโตแล้วก็เลยไม่ต้องการฉันใช่มั้ย" นัยน์ตาของชายหนุ่มสั่นระริกเหมือนกับความรู้สึกภายในใจที่กำลังสั่นไหว
   ไอโตะคิดไม่ออกว่าควรจะพูดให้พี่ชายเข้าใจอย่างไร ไม่นึกเลยว่าการทำตัวให้เป็นปกติจะทำได้ยากขนาดนี้ หากไม่พูดอะไรพี่จะต้องเข้าใจผิดแล้วโกรธเขาแน่ ๆ
   "ไม่ใช่นะพี่ ฉันก็แค่..." ถึงอยากจะพูดแต่เขายังหาคำอธิบายที่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากแม่ไม่ได้
   การเว้นจังหวะไปของไอโตะทำให้ยูโตะหลับตาลงราวกับเตรียมใจต้องยอมรับความเป็นจริง เป็นอย่างที่คุริกูจิพูด ยังไงสักวันหนึ่งเด็กก็ต้องเติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไป ยูโตะทุบผนังห้องดังตึ้งทำเอาไอโตะถึงกับสะดุ้ง
   "เข้าใจแล้ว ถ้าไอไม่ชอบ ฉันจะอยู่ห่าง ๆ ไอไว้ แบบนั้นน่าจะสบายใจกว่านี่นะ" ยูโตะค่อย ๆ เดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตูลง
   "พี่ พี่" ไอโตะอยากจะตามไปชี้แจงแต่ก็ทำไม่ได้ หากตามไปแล้วจะพูดว่าอะไร จะอธิบายให้พี่ฟังยังไง แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ยังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เลย
   ไอโตะคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องไห้ไม่หยุด หากเพียงเขาเป็นพี่น้องกับพี่จริง ๆ เรื่องแบบนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยทะเลาะกับพี่จริงจังเลยสักครั้ง ทำไมเขาถึงไม่เกิดมาจากท้องของหญิงคนเดียวกันกับพี่

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 7
«ตอบ #9 เมื่อ27-01-2018 20:46:36 »

ตอนที่ 7

   และแล้วจนกระทั่งการสอบสิ้นสุดลงไอโตะก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับยูโตะเลย หลายครั้งที่อยากจะขอโทษเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม ทว่าแม้แต่ตอนนี้ไอโตะก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของพี่ชายว่าอย่างไร
   จะบอกไปตรง ๆ ว่ารู้ความจริงทั้งหมดจากแม่แล้ว เขาที่เป็นแค่คนอื่นก็เลยรู้สึกไม่สบายใจจะดีกว่าหรือเปล่า แต่แบบนั้นก็เหมือนกับร้องขอความเห็นใจและอาจจะทำให้พี่กับแม่ลำบากใจเปล่า ๆ จนกว่าจะถึงวันที่แม่บอกความจริงกับเขาด้วยตัวเอง เขาจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ทำให้ใครต้องกังวลให้ได้
   "อุตส่าห์มาเดินผ่อนคลายฉลองสอบเสร็จทั้งที ทำไมยังทำหน้าแบบนั้นอยู่อีกล่ะ" ไคถามไอโตะหลังจากเดินออกมาจากร้านอาหาร พอสอบเสร็จพวกเขาก็เดินเที่ยวกันจนเย็นแล้วแวะทานมื้อเย็นก่อนกลับบ้าน
   การสอบวันนี้เป็นวันสุดท้ายตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปก็จะเข้าสู่ช่วงปิดภาคฤดูร้อนแล้วแต่ไอโตะก็ยังทำหน้าซึมเศร้าอยู่ตลอด
   "หรือว่านายจะทำข้อสอบไม่ได้" มากิโฮะเหลือบมองหน้าไอโตะจากด้านข้าง
   "ไม่หรอกน่า หมอนี่ไม่ได้เป็นพวกห่วงเรื่องสอบขนาดนั้นนี่"
   ไม่ใช่ไม่ห่วงเรื่องสอบเพราะไม่ได้สนใจการเรียนแต่ส่วนใหญ่คะแนนของไอโตะมักจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว
   "หรือว่านายทะเลาะกับยูโตะซังจริง ๆ เนี่ย"
   "เปล่า บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทะเลาะกัน" เขาบอกเพื่อนทั้งสองคนมานับครั้งไม่ถ้วนแต่พวกเขาก็ยังถามซ้ำซากทุกครั้งไป
   "ก็ได้ ไม่ได้ทะเลาะก็ไม่ได้ทะเลาะ งั้นพวกเราก็กลับกันเลยมั้ย" มากิโฮะรีบชวนกลับบ้านก่อนจะต้องอมทุกข์ตามไอโตะไปด้วย
   "อือ วันนี้ฉันจะเล่นเกมส์โต้รุ่งไปเลย"
   "ถ้านายพูดว่าฉันจะอ่านหนังสือโต้รุ่งไปเลยก่อนสอบบ้างก็คงจะดีหรอกนะ"
   ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคนไคคือคนที่ผลการเรียนแย่ที่สุดแต่เขาก็ยังดูสดใสที่สุดทุกครั้งหลังสอบเช่นกัน
   "นี่อย่ามาทำให้เสียอารมณ์ได้มั้ย แค่เจ้าไอโตะคนเดียวก็เกินพอแล้ว"
   คำพูดของไคก่อให้เกิดสงครามน้ำลายขึ้น ทั้งสองคนตะเบ็งเสียงใส่กันจนไอโตะที่ทนไม่ไหวต้องรีบห้ามแล้วสงบศึกด้วยการให้แยกย้ายกันกลับบ้านไป แม้บ้านของไอโตะจะอยู่ทางเดียวกับพวกเขาแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากกลับบ้านจึงขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก วันนี้เขาตั้งใจว่าจะต้องคุยกับพี่ให้รู้เรื่องและทำให้พี่หายเข้าใจผิดให้ได้ ดังนั้นจึงอยากจะอยู่เงียบ ๆ คนเดียวเพื่อคิดหาวิธีการ
   ที่จริงหากคืนนี้ไปขอนอนกับพี่แล้วบอกว่าก่อนหน้านี้แค่เครียดเรื่องสอบพี่ก็คงยอมเข้าใจ แต่หากทำอย่างนั้นเขาก็จะเผลอตัวกลับไปอ้อนพี่ชายอีกอยู่ดี ไม่นึกว่าพฤติกรรมของเขาจะทำให้พี่มองว่าตนกำลังหลีกเลี่ยงอยู่ แถมยังเลยเถิดไปถึงคิดว่าเขามีคนที่ชอบอีก บางทีเขาควรจะค่อย ๆ ปรับปรุงตัวทีละน้อยไม่น่ารีบร้อนให้กลายเป็นที่สงสัยแบบนี้เลย
   ระหว่างที่ครุ่นคิดหาวิธีอยู่นั้นไอโตะก็รู้สึกว่าเสียงรอบตัวเริ่มอึกทึกขึ้นเรื่อย ๆ เท้าของคนที่ผ่านไปผ่านมาที่มองเห็นจากการก้มหน้าเดินก็เพิ่มมากขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ย่านบันเทิงเสียแล้ว เขาเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินหลงออกมาไกลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
   ไอโตะหันหลังกลับแล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิมแต่แล้วในตอนที่เดินผ่านซอยกว้างซอยหนึ่งไปหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบุคคลคุ้นตาเดินเข้าไปในฝูงชน พอชะโงกมองผ่านศีรษะของผู้คนไปก็พบว่าชายร่างสูงนั้นก็คือพี่ชายของเขานั่นเอง
   'พี่มาทำอะไรแถวนี้นะ มากับเพื่อนเหรอ'
   หลังจากที่พี่เข้าใจผิดวันนั้นก็ไม่ส่งข้อความมาหาเขาอย่างที่เคย ทั้งที่ปกติจะบอกเขาเสมอเวลาจะไปไหน ไอโตะแอบเดินตามพี่ชายไปด้วยความเคยชิน
   เขามองลอดระหว่างช่องว่างของฝูงชนเพื่อมองดูผู้ที่มากับพี่ชาย และแล้วเขาก็เห็นร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงคนหนึ่ง ใบหน้านั้นเขาไม่มีทางลืมไปได้เพราะเป็นใบหน้าของคนที่เคยใส่ความเขา
   'ทำไมพี่ถึงอยู่กับเธอล่ะ' มวลความร้อนก่อตัวขึ้นในใจของไอโตะ พร้อมกับคำถามมากมาย เขามองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งแต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม
   พวกเขาพูดคุยกันเป็นปกติจนไอโตะไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่ชายที่เคยโกรธเป็นฝืนเป็นไฟในตอนเกิดเรื่องจะยังคบค้าสมาคมกับเธอได้ ทั้งที่เธอทำเรื่องเลวร้ายกับเขาไว้แท้ ๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไร ไอโตะเริ่มหายใจติดขัด ไม่คิดว่าพี่ชายจะทำเรื่องที่เหมือนกับหักหลังเขาแบบนี้
   'ไออยากให้ฉันมีแฟนเหรอ' คำพูดของยูโตะในคืนนั้นหวนย้อนกลับมา
   'ไม่จริง ไม่ใช่' ไอโตะสะบัดศีรษะอย่างแรงปฏิเสธความคิดของตัวเอง ต่อให้พี่คิดจะมีแฟนก็ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเป็นคนอื่นได้หรือ คำถามผุดขึ้นมาในหัวของไอโตะ ไม่ได้จะเป็นใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น ไอโตะตกใจกับคำตอบที่ตัวเองเป็นคนถาม ความรู้สึกนี้คืออะไร นี่มันเหมือนการหึงหวงเลยไม่ใช่หรือ ไม่ ไม่ใช่ เขาหวงพี่จนไม่อยากให้ใครแย่งไปก็จริง แต่มันไม่น่าจะเป็นความรู้สึกแบบนั้น
   ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ผู้คนก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ไอโตะสะกดรอยตามพวกเขาไปจนกระทั่งเข้ามาในซอย ๆ หนึ่งซึ่งมีแสงไฟสว่างไสวกว่าที่อื่น บนถนนก็เต็มไปด้วยชายหญิงเดินกันไปเป็นคู่ แต่ในตอนนี้ไอโตะไม่มีเวลามาสนใจสิ่งเหล่านั้นเพราะเป้าหมายของเขาได้หายเข้าไปในตึกแห่งหนึ่งแล้ว ไอโตะเงยมองป้ายที่อยู่หน้าตึกแต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงกับป้ายไฟสีชมพูสดซึ่งมีรูปหัวใจเล็กใหญ่ตกแต่งไว้ บนป้ายนั่นมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า Pink Hotel
   เรี่ยวแรงหายออกไปจากเข่า ไอโตะแทบจะทรุดลงไปกับพื้น สมองสั่งการให้รีบไปหยุดพวกเขาไว้ ทว่าจิตใต้สำนึกก็ร้องเตือนว่าตนไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น เขาไม่สามารถใช้สิทธิความเป็นน้องแย่งพี่กลับคืนมาได้อีกแล้ว เมื่อตระหนักถึงความจริงไอโตะก็ค่อย ๆ ก้าวถอยออกมาจากตรงนั้นก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวิ่งเต็มแรงในที่สุด
   เขาทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว น้ำตาเหมือนกับจะไหลออกมาแต่เขาก็ฝืนกลั้นมันไว้ ท่ามกลางคนมากมายแบบนี้จะร้องไห้ไม่ได้ พอวิ่งไปจนสุดถนนไอโตะก็กระแทกเข้ากับบางอย่างจนล้มก้นกระแทกพื้น
   "หือ นายอีกแล้วเหรอ ชอบวิ่งชนคนอื่นนักหรือไง" เสียงชายคนหนึ่งพูดล้อเล่นอย่างไม่ใส่ใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งที่ตนเป็นผู้เสียหาย
   "คุณคือ..." ไอโตะเคยเจอชายคนนี้มาสามครั้งแล้ว แต่ก็จำชื่อของเขาไม่ได้
   "คิจิมะ" ชายผมทองแนะนำตัวพลางยื่นมือไปให้ไอโตะที่นั่งอยู่กับพื้น
   ไอโตะยอมรับการช่วยเหลือแต่โดยดีด้วยเกรงว่าจะเสียมารยาทนอกจากนี้ตนยังเป็นฝ่ายผิดอีกด้วย
   "ขอโทษครับ" ไอโตะค้อมตัวลงต่ำ
   "ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ไปทำอะไรมาถึงได้วิ่งเต็มเหนี่ยวแบบนั้นล่ะ หรือว่าไล่ตามขโมยอีกหรือไง" คิจิมะแซวอย่างอารมณ์ดี
   ไอโตะไม่อยู่ในอารมณ์จะสนุกกับคำล้อเล่นนั้นจึงนิ่งเงียบไป แต่อีกฝ่ายคงจะเข้าใจว่าทำให้เขาไม่พอใจเข้า
   "ฮ่า ฮ่า ฉันล้อเล่นน่ะ ว่าแต่บังเอิญจังเลยนะถึงได้ชนฉันถึงสองครั้งเนี่ย"
   "ขอโทษจริง ๆ ครับ เพราะผมไม่ทันระวัง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" ไอโตะก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เหมือนกัน
   "ไม่เป็นไร ๆ เออ นายชื่ออะไรนะ ไอใช่มั้ย ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยนะ" คิจิมะเรียกตามที่ได้ยินจากยูโตะ
   "ไอโตะครับ" เจ้าของชื่อรีบแก้ทันควัน ตอนอยู่ประถมเขาก็เคยถูกล้อเรื่องนี้บ่อย ๆ
   "ไอโตะงั้นเหรอ นายต่างหากที่เป็นอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้าที่ค่อยดีเลยนะ อย่างกับร้องไห้มาแน่ะ" เขายื่นหน้าเข้ามามองไอโตะใกล้ ๆ
   "ไม่ได้ร้องครับ" ไอโตะสะบัดหน้าหนี
   "งั้นก็ทะเลาะกับใครมาหรือเปล่า"
   "ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละครับ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ไอโตะก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อบอกลา
   "นี่เดี๋ยวก่อนสิ นายว่างอยู่สินะ ไปกับฉันมั้ย เมื่อกี้คนที่ฉันนัดไว้ดันบอกว่ามาไม่ได้แล้ว ตอนนี้ฉันก็เลยกำลังเซ็งอยู่น่ะ"
   "อย่าดีกว่าครับ" พี่ชายบอกไว้ว่าไม่ให้ยุ่งกับชายคนนี้ไอโตะจึงปฏิเสธในทันที
   "ไม่ดึกหรอกน่า แค่แป๊บเดียวก็ได้นายเองก็ท่าทางอารมณ์ไม่ดีไม่ใช่เหรอ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนให้รู้สึกดีขึ้นไงนะ" คิจิมะพยายามหว่านล้อม
   ไอโตะตั้งใจจะปฏิเสธอีกครั้งแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากอยู่คนเดียวไม่อย่างนั้นคงต้องร้องไห้เป็นแน่ อย่างน้อยขอให้เขาได้สงบจิตสงบใจสักชั่วโมงสองชั่วโมงก่อนก็ยังดี

   ไอโตะตามคิจิมะมาจนถึงร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งที่อยู่แถวนั้น พอพนักงานพาเข้ามาในห้องแล้วไอโตะก็นั่งลงในขณะที่คิจิมะหยิบเมนูอาหารมา เขาส่งมันให้ไอโตะแต่เด็กหนุ่มก็เอาแต่นั่งก้มหน้า
   "ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองก็ได้"
   "เชิญคุณตามสบายเถอะครับ ผมอยู่แบบนี้ก็ได้" เขาแค่ไม่อยากอยู่ในที่เงียบ ๆ เท่านั้น
   "งั้นร้องเพลงกันมั้ย"
   ไอโตะส่ายหน้าปฏิเสธ
   "หือ กำลังกลุ้มใจอะไรอยู่สินะ หรือว่าจะเป็นเรื่องของพี่ชาย" คิจิมะนั่งลงข้าง ๆ ไอโตะโดยเว้นระยะห่างเพียงเล็กน้อย
   ไอโตะเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
   "หึ ทายถูกสินะ" คิจิมะส่งเสียงเบา ๆ ในลำคอ
   "ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ"
   "ก็หมู่นี้ท่าทางพี่ชายของนายดูแปลก ๆ ไปนี่ แล้วพอได้เห็นท่าทางนายตอนนี้แล้วก็เลยคิดว่าอาจจะใช่น่ะ"
   "พี่ชายแปลกไปเหรอ" หมู่นี้เขาแทบไม่ได้คุยกับยูโตะเลยจึงไม่ได้สังเกตเลยสักนิด
   "อือ จะว่าไงดีล่ะ ฉันก็ไม่ได้สนิทกับเขาซะด้วย ต้องเรียกว่าซึมเศร้าล่ะมั้ง หรือว่าพวกนายทะเลาะกันเหรอ"
   "เปล่าไม่ใช่อย่างนั้นครับ" เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงคิดแบบนี้
   "งั้นมีอะไรจะปรึกษาฉันก็ได้นะ" คิจิมะยกขาขึ้นไขว่ห้าง
   "ไม่ดีกว่าครับ คุณอุตส่าห์เช่าห้องมา ไม่ใช้จะเสียเปล่านะครับ" ปัญหาส่วนตัวของเขาไม่ใช่เรื่องที่จะให้คนนอกมารับรู้
   "ไม่เป็นไรหรอก แค่มีนายเป็นเพื่อนฉันก็ดีใจแล้ว รู้มั้ยฉันถูกใจนายตั้งแต่แรกเห็นเลยน่ะ"
   "ถูกใจ?" ไอโตะมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน นี่เขากำลังถูกล้อเล่นอยู่หรือเปล่า
   "ใช่ นายน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงบางคนอีกนะ รู้ตัวหรือเปล่า" คิจิมะพูดพลางมองไอโตะตั้งแต่หัวจรดเท้า
   "ไม่เลยครับ" ที่พี่บอกว่าคน ๆ นี้สนใจทั้งผู้ชายและผู้หญิงคงจะเป็นเรื่องจริง
   "นายกับพี่ชายดูรักกันจังนะ"
   "ก็พี่น้องกันนี่ครับ"
   "ฉันได้ยินเรื่องของคุซาซากิมาจากผู้หญิงที่เคยเรียนมัธยมที่เดียวกันกับเขามามาก เห็นว่าไม่เคยคบกับใครเพราะมีน้องชายคอยขัดขวางเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า"
   "ขอโทษครับ แต่ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องตอบ"
   ทว่าแม้ไอโตะจะไม่ตอบคิจิมะก็เดาได้จากท่าทาง
   "พี่ชายของนายมีเสน่ห์ในหมู่สาว ๆ มากเลยนะ รู้หรือเปล่าว่ามีผู้หญิงที่ฉันคบด้วยคนหนึ่งมาบอกเลิกกับฉันก็เพราะสนใจพี่นายน่ะ"
   "ผู้หญิงแบบนั้นเลิกไปได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ"
   "ฮ่า ฮ่า นั่นสินะ" คิจิมะหัวเราะเสียงดังด้วยถูกใจกับคำตอบที่ตรงไปตรงมา
   "แล้วนายไม่คิดว่าพี่ชายอาจจะแอบคบกับใครบ้างเหรอ ผู้ชายน่ะยังไงก็ต้องมีบ้างล่ะ"
   คำพูดของคิจิมะฉุดให้ภาพที่เห็นก่อนหน้านี้กลับเข้ามาในหัว ไอโตะพยายามไม่คิดถึงมันแล้วพูดต่อโดยควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคงที่สุด
   "นั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่นี่ครับ"
   "เอ๋ ไม่เห็นเหมือนที่ได้ยินมาเลย ได้ยินว่านายแสดงคอยความเป็นเจ้าของตลอดไม่ใช่เหรอ" คิจิมะบิดตัวหันเข้าหาไอโตะมากขึ้น
   "ผมไม่ใช่เด็กนะครับ ถึงจะทำเรื่องแบบนั้น"
   "ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเกิดเรื่องของรุ่นพี่โคมิได้ล่ะ" คิจิมะดักทางอย่างรู้ทัน
   "ถ้ายังจะคุยเรื่องส่วนตัวพวกนี้ล่ะก็ผมกลับล่ะ" ไอโตะรู้สึกเหมือนเข้ามาที่นี่เพื่อตอบคำถามมากกว่ามาสงบสติอารมณ์
   คิจิมะรีบจับข้อมือของเด็กหนุ่มที่กำลังจะลุกขึ้นไว้
   "ก็ได้ ๆ งั้นไม่พูดถึงเรื่องพี่ชายนายแล้ว มาคุยเรื่องของนายกันดีกว่านะ"
   "นายล่ะเคยคบกับใครบ้างหรือเปล่า" คิจิมะเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง
   "ก็ยังไม่พ้นเรื่องส่วนตัวอีกนั่นแหละ" ตอนนี้ไอโตะเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
   "อะไรกัน นี่ก็ไม่ได้หรอกเหรอ งั้นฉันจะถามตรง ๆ เลยแล้วกัน ลองมาคบกับฉันดูมั้ย" สายตาของคิจิมะเปลี่ยนไปทันที ไอโตะมองออกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
   "ผมเป็นผู้ชายนะครับ" ถึงจะรู้ว่าคน ๆ นี้ไม่สนใจเรื่องเพศแต่ไอโตะก็ยังพูดย้ำให้อีกฝ่ายฟัง
   "เรื่องนั้นฉันไม่ได้สนใจหรอก พี่ชายไม่ได้บอกเรื่องนี้เหรอ คิดว่าเขาต้องเตือนนายแน่ ๆ ซะอีก"
   ตอนแรกไอโตะลังเลที่จะมากับชายคนนี้ก็เพราะพี่ชายเคยเตือนไว้นั่นแหละ แต่ด้วยเห็นว่าเขาเคยช่วยไว้ถึงสองครั้งจึงไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไร และไม่น่าจะสนใจเด็กอย่างเขาแต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด
   "ไม่ใช่ว่าคุณคบกับพนักร้านหญิงที่ร้านหนังสืออยู่เหรอ"
   "อ๋อ นั่นน่ะ เพิ่งเลิกกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนคนใหม่ก็เพิ่งจะทิ้งฉันไปเมื่อกี้นี้เหมือนกัน" ผู้พูดไม่มีท่าทางสลดหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย
   คน ๆ นี้เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นอย่างที่พี่บอกไม่มีผิด
   "ว่าไง บางทีฉันอาจจะดีกว่าพี่ชายจนนายแก้นิสัยติดพี่ได้ก็ได้นะ" พอเห็นไอโตะเงียบไปคิจิมะก็ถามซ้ำอีกครั้ง
   ไอโตะนึกเถียงในใจว่าไม่มีทางที่จะมีใครดีกว่าพี่ชายไปได้
   "ขอโทษด้วยครับ แต่ว่าผมไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน" สายตาโลมเลียของคิจิมะทำให้เขารู้สึก   ไม่ดีไอโตะจึงปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม
   "แล้วคุซาซากิล่ะ"
   "นั่นมันพี่ชายนะครับ" ไอโตะไม่รู้ว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงพูดถึงยูโตะขึ้นมา
   "แต่ความหึงหวงนั่นอาจจะเป็นรากฐานที่พัฒนาขึ้นก็ได้นะ ถ้ายังไงให้ผู้ชายคนอื่นลองแตะเนื้อต้องตัวดูหน่อยมั้ยล่ะ บางทีนายอาจจะโอเคกับผู้ชายก็ได้นะ" คิจิมะเอื้อมมือไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม
   "ผมกลับล่ะ" พอรู้สึกได้ถึงอันตรายไอโตะก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาก็ถูกดึงข้อมือไว้แล้วดึงลงมาบนโซฟา จากนั้นร่างของเขาก็ถูกผลักล้มลงไป
   "เดี๋ยวก่อนสิ นายยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ"
   "ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วก็ไม่ต้องการจะทดลองอะไรทั้งนั้นด้วย"
   ไอโตะตั้งใจจะลุกขึ้นแต่ข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกจับล็อคไว้เหนือศีรษะ ที่ขาก็ยังถูกน้ำหนักตัวของชายด้านบนกดทับอีกด้วย
   "ลองดูก่อนสิอาจจะชอบก็ได้นะ"
   คิจิมะไม่พูดเปล่าเขาวางฝ่ามือลงบนไหปลาร้าของไอโตะแล้วขยับมือลูบไล้เรือนร่างของเด็กหนุ่มผ่านเสื้อผ้า
   "หยุดนะ" ไอโตะร้องห้ามด้วยความตกใจแล้วออกแรงดิ้นแต่อีกฝ่ายก็มีแรงมากกว่า
   มือของคิจิมะที่เคลื่อนไหวอย่างหยาบโลนเคลื่อนลงมาตั้งแต่หน้าอก ท้อง แล้วไปหยุดลงที่สีข้าง แม้จะมีเสื้อเชิ้ตกั้นไว้แต่ความน่ารังเกียจก็ยังซึมผ่านเข้ามาจนถึงผิวหนัง
   "ตัวเล็กจังนะ เอวก็บางอย่างกับผู้หญิงแน่ะ" คิจิมะขยับมือขึ้นลงอยู่บริเวณสีข้างพลางแสยะยิ้ม
   "ปล่อย" ถึงจะออกคำสั่งแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
   "หึ ชักอยากจะเห็นข้างในแล้วสิ" แววตาเฉียบคมทำให้ไอโตะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขารู้ดีว่ากำลังจะถูกทำอะไร เป็นเพราะละเลยคำเตือนของพี่แท้ ๆ
   คิจิมะขยับนิ้วมือเพื่อปลดกระดุมเม็ดบนสุด แต่ไอโตะก็อาศัยจังหวะนั้นโน้มตัวขึ้นแล้วกัดมือข้างนั้นสุดแรง
   "โอ๊ย อุตส่าห์จะใจดีด้วยแล้วนะ เด็กไม่ดีแบบนี้คงต้องใช้กำลังกันหน่อย"
   คิจิมะกระชากเสื้อเชิ้ตของไอโตะอย่างแรงจนกระดุมหลุดออกเป็นแนวยาวเหลือเพียงเม็ดสุดท้าย เขามองดูผิวกายขาวเนียนที่ถูกเผยออกมาแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ลูบไล้เอวของไอโตะราวกับต้องการตรวจสอบขนาดของมัน ไอโตะพยายามบิดตัวหนีจากฝ่ามือที่น่าขยะแขยงแต่แล้วคิจิมะก็โน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขามุ่งเข้าหาแผ่นอกของไอโตะอย่างรวดเร็ว
   "อย่านะ!!" ความกลัวแล่นผ่านไปทั่วตัว ไอโตะกรีดร้องจนสุดเสียง ใบหน้าของคนที่เขาอยากร้องขอความช่วยเหลือผุดขึ้นมา ทว่าในตอนนี้พี่ชายไม่สามารถมาช่วยเขาได้อีกแล้ว แต่แล้วทันใดนั้นเองประตูห้องก็เปิดออกแล้วกระแทกกับผนังดังโครม ผู้ที่อยู่ในห้องมองไปยังทางออกอย่างพร้อมเพรียงกัน
   "พะ...พี่" ไอโตะเพ่งมองร่างของผู้บุกรุกด้วยความประหลาดใจ นี่เขามองผิดไปหรือเปล่า
   ทว่ายังไม่ทันที่ไอโตะจะได้ถามอะไร ชายร่างสูงที่เต็มไปด้วยความโกรธก็พุ่งตรงเข้ามาแล้วกระชากชายที่อยู่บนตัวเขาออกไป มัดขวาถูกส่งเข้าไปที่ใบหน้าของคิจิมะแทบจะทันที ผู้ที่ไม่ได้ตั้งตัวเซออกไปเล็กน้อยและในขณะที่กำลังคิดจะตอบโต้ กำปั้นข้างเดียวกับเมื่อครู่ก็ตรงเข้าที่ท้องอย่างแรง
   ยูโตะไม่หยุดเพียงแค่นั้นทั้งมัดซ้ายและขวายังตามไล่ล่าคนร้ายอย่างไม่ลดละ มองเห็นของเหลวสีแดงอยู่ที่มุมปากของคิจิมะ พอคิจิมะจับจังหวะแล้วรับมัดของยูโตะไว้ได้ เขาก็ถูกถีบอย่างแรงจนกระเด็นไปติดผนัง  ยูโตะตามไปซ้ำเติมผู้ที่ลงไปนอนอยู่บนพื้น แววตาของเขาราวกับมีเพลิงลุกโชนอยู่ ไอโตะที่ตั้งสติได้รีบตรงเข้าไปกอดเอวพี่ชายไว้จากด้านหลัง
   "พี่ยูพอแล้ว พอเถอะ เดี๋ยวก็ตายหรอก"
   "ไอ" ยูโตะหันกลับมากอดน้องชายที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไว้แน่น จากนั้นพนักงานร้านหลายคนก็เข้ามาในห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
   ยูโตะยืนกรานจะส่งตัวคิจิมะให้ตำรวจ แต่ไอโตะห้ามไว้ด้วยไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้ถ้าแม่รู้จะต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นยูโตะก็ยังขู่คิจิมะไว้ว่าห้ามเข้าใกล้ไอโตะอีกไม่อย่างนั้นจะแจ้งตำรวจทันที
   ยูโตะเรียกแท็กซี่เพื่อพาไอโตะกลับบ้าน ทันทีที่รถเคลื่อนตัวยูโตะก็ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดไว้
   "ไอ ไม่เป็นไรใช่มั้ย"
   ไอโตะโอบแขนทั้งสองข้างรอบคอของพี่ชายร่างกายที่สั่นเทาของเขาเป็นคำตอบได้อย่างดี
   "ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว"
   พอได้ยินน้ำเสียงที่อบอุ่นน้ำตาแห่งความหวาดกลัวที่สกัดกั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย ยูโตะโอบกอดร่างบางเอาไว้แล้วลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมโดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งกลับถึงบ้าน

   เมื่อเข้ามาในห้องของไอโตะยูโตะก็นั่งลงบนเตียงแล้วดึงมือของน้องชายให้นั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะเริ่มตั้งคำถามโดยไม่ปล่อยมือออก
   "ยังตกใจอยู่หรือเปล่า"
   ไอโตะส่ายหน้าช้า ๆ แค่มีพี่ชายอยู่ด้วยเขาก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
   "ทำไมไอถึงไปอยู่กับเจ้านั่นได้ล่ะ" ยูโตะใช้น้ำเสียงราบเรียบเพื่อไม่ให้เหมือนเป็นการตำหนิ
   ไอโตะก้มหน้านิ่งไปชั่วขณะก่อนจะตอบออกมาทั้งที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
   "คิจิมะมาชวนไปคาราโอเกะ เห็นว่าเขาเคยช่วยไว้ไม่น่าจะเป็นคนไม่ดีอะไรก็เลย..."
   "แค่นั้นเองเหรอ ทั้งที่ฉันเคยเตือนแล้วเนี่ยนะ" ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่า แต่พอได้ฟังเหตุผลแล้วก็โกรธไอโตะที่เชื่อคนอื่นมากกว่าตัวเองขึ้นมา
   "ขอโทษที่ไม่ฟังที่พี่เตือน ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน ขอโทษจริง ๆ" ไอโตะรู้สึกผิดอย่างมาก เขาไม่รู้จะทำให้พี่หายโกรธได้อย่างไรจึงได้แต่พร่ำขอโทษเท่านั้น
   "ฉันไม่ได้เดือดร้อนคนที่เดือดร้อนคือไอต่างหาก" เขาอยากจะต่อว่ามากกว่านี้แต่ดวงตาแดงก่ำของ    ไอโตะก็ทำให้เขาต้องล้มเลิกไป ยังไงนี่ก็คงเป็นบทเรียนให้ได้อย่างดี
   "เฮ้อ รู้มั้ยว่าฉันตกใจแค่ไหนตอนเห็นนายเดินหายไปกับหมอนั่น" ยูโตะผ่อนลมหายใจหนักออกมา
   "ทำไมพี่ถึงมาเจอฉันได้ล่ะ" ในตอนนั้นเขามั่นใจว่าเห็นพี่ชายเดินเข้าไปในโรงแรมกับโคมิแล้วอย่างแน่นอน
   "...ก็...พอดีว่า ฉันอยู่แถวนั้นกับเพื่อน ก็เลยบังเอิญไปเห็นเข้า" ยูโตะหลบตาแล้วพูดเรื่องโกหกออกมา
   'เพื่อนเขาเข้าไปในที่แบบนั้นกันด้วยเหรอ' ไอโตะอยากจะถามแบบนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ คำโกหกของพี่ทิ่มแทงเข้าไปในใจที่บอบช้ำของเขา
   "เสื้อตัวนี้ฉันจะหาทางทำอะไรให้ ไอไม่อยากให้แม่รู้ใช่มั้ยล่ะ" ยูโตะพูดพลางถอดเสื้อของน้องชายออก แต่พอมองเห็นกระดุมเม็ดเดียวที่เหลืออยู่ห้อยร่องแร่งเขาก็กำมือแล้วทุบลงบนเตียงด้วยความโมโห
   "ถ้าฉันไม่อยู่แถวนั้นจะเกิดอะไรขึ้น" ยูโตะกำมือแน่นสกัดกั้นโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในกายไว้
   ไอโตะที่สะดุ้งด้วยความตกใจสังเกตเห็นว่ามือของพี่ชายนั้นแดงก่ำจากการกระแทกกับร่างกายมนุษย์ก่อนหน้านี้
   "ขอโทษ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าโกรธเลยนะ" ไอโตะจับมือของพี่ชายขึ้นมาพลางน้ำตาคลอ
   "อย่าทำแบบนี้อีกนะ" ยูโตะดึงตัวเด็กหนุ่มเข้าไปกอดไว้แนบอกด้วยความเจ็บใจ ทั้งที่คนที่จะสัมผัสไอโตะได้ควรจะมีแค่เขาคนเดียวแท้ ๆ เขาน่าจะหาไอโตะให้เจอเร็วกว่านี้
   "อือ" หลังจากรับคำไอโตะก็ร้องไห้โฮออกมาไม่รู้เพราะความหวาดกลัวจากเรื่องเมื่อครู่ หรือมีความอัดอั้นเรื่องของพี่ชายผสมเจือปนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นบริเวณหน้าอกเปลือยเปล่าที่สัมผัสกับความอบอุ่นจากตัวพี่ชายก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
   ไอโตะร้องไห้จนหลับไป ยูโตะใส่เสื้อให้น้องชายแล้วห่มผ้าให้ เขานั่งลงข้างเตียงพลางจ้องมองน้องชายนิ่ง ใบหน้าของไอโตะดูโทรมอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งเรื่องที่ทะเลาะกัน ทั้งเรื่องสอบ แล้วยังมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก คงจะเพลียทั้งกายและใจ
   เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไอโตะถึงไม่เชื่อคำเตือนของเขาแล้วตามคนแบบนั้นไป ทำไมจู่ ๆ น้องชายของเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เขาไม่คิดว่าเป็นเพราะโตแล้วอย่างที่แม่พูด และไม่ใช่วัยต่อต้านตามที่คุริกูจิพูดอีกเช่นกัน ถึงไอโตะจะขี้อ้อนแต่เวลามีเรื่องอะไรชอบเก็บไว้คนเดียวเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเดือนร้อน ดังนั้นจะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่
   ไอโตะเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เหตุการณ์ของรุ่นพี่โคมิ ไม่สิ หลังจากวันที่เขาได้รับบาดเจ็บต่างหาก เขาคิดว่าไอโตะมีคนที่ชอบแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น การคิดไปเองแล้วไปโกรธน้องชายนั้นเขาเองก็ไม่ดีเหมือนกัน ที่คิดแบบนั้นก็เพราะคำพูดของเพื่อนประกอบกับความหึงหวงของตัวเอง ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย แล้วถ้าอย่างนั้นไอโตะหลีกเลี่ยงเขาด้วยเหตุใด ทำอย่างกับกลัวที่จะถูกสัมผัสอย่างไรอย่างนั้น
   ยูโตะใช้มือเกลี่ยผมบนหน้าผากของน้องชายออกแล้วเช็ดคราบน้ำตาให้ เขาก้มตัวลงไปช้า ๆ หวังกระทำสิ่งที่ไม่อาจทำได้ในยามที่อีกฝ่ายยังมีสติอยู่ แต่แล้วขณะที่ริมฝีปากเกือบจะติดกับริมฝีปากของผู้ที่หลับใหลเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ในวันที่เขาบาดเจ็บคืนนั้นเขาก็ทำแบบนี้เช่นกัน ถึงจะไม่น่าเป็นไปได้เพราะ    ไอโตะเป็นคนตื่นยาก แต่บางทีตอนนั้นไอโตะอาจจะรู้สึกตัวก็เป็นได้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็สามารถอธิบายสาเหตุที่ไอโตะหลีกเลี่ยงตนได้
   ยูโตะวางมือบนหน้าผากแล้วถอนหายใจอย่างแรง ถ้าการที่ไอโตะไปกับคิจิมะเป็นเพราะไม่อยากกลับบ้านมาเจอเขาล่ะก็คนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องพวกนี้ก็คือเขานี่เอง ตอนนี้เขารู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ตอนที่ 7
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-01-2018 20:46:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 8 (2018.02.12)
«ตอบ #10 เมื่อ12-02-2018 21:30:13 »

ตอนที่ 8

   วันต่อมากว่าไอโตะจะตื่นก็สายมากแล้ว เมื่อวานเขาไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พอลงมาข้างล่างก็รู้สึกว่ามันเงียบต่างไปจากทุกที
   "ไอ ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง" ผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเงยหน้าแล้วรีบตรงดิ่งเข้าไปหาน้องชาย เขากลัวว่าไอโตะจะยังตกใจกลัวจากเหตุการณ์เมื่อวานอยู่
   "ฉันไม่เป็นไรแล้ว แม่ล่ะ" ไอโตะกวาดสายตามองหามารดาไปทั่วห้องครัวและห้องนั่งเล่น
   "แม่บอกว่าจะไปธุระคงจะกลับมาช่วงบ่าย ๆ แต่แม่ทำข้าวกลางวันไว้ให้แล้วนะ ถ้าไอหิวจะกินเลยก็ได้"
   "แล้วพี่ล่ะ" ไม่รู้ว่าไอโตะคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขารู้สึกว่าสีหน้าของพี่ชายดูเคร่งเครียดกว่าเมื่อวานนี้อีก ขอบตาก็คล้ำราวกับคนไม่ได้นอน
   "ก็กะว่าจะรอไอก่อนน่ะ" ยูโตะยกมือขึ้นเล็กน้อยตั้งใจจะจับใบหน้าของไอโตะมาดูชัด ๆ แต่ก็ต้องลดมือลงไปดังเดิม เพราะกลัวว่าจะต้องทนเห็นท่าทีรังเกียจอีก
   "พี่เป็นอะไรหรือเปล่า" บางทีพี่ชายอาจจะยังเป็นห่วงเขา ทว่าในตอนนี้ไอโตะไม่ได้คิดถึงเรื่องของคิจิมะแต่เป็นโคมิต่างหาก
   "ปะ...เปล่า"
   ทั้งสองคนเงียบไปชั่วขณะ ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา พวกเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันตามลำพังแล้วรู้สึกอึดอัดขนาดนี้มาก่อนเลย
   ไอโตะที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเดินผ่านพี่ชายหนีเข้าไปในห้องครัวแต่แล้วยูโตะก็เรียกไว้
   "ไอ ฉัน...มีอะไรจะถาม ช่วยตอบตามตรงหน่อยได้มั้ย" ยูโตะก้มหน้าลงพูด พี่ชายที่ท่าทางไม่มั่นใจ แบบนี้เป็นภาพที่หาดูได้ยาก
   "ได้สิ อะไรเหรอ"
   "ที่ไอเปลี่ยนไป...ที่จริง...เป็นเพราะฉันหรือเปล่า" ยูโตะถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
   "เพราะพี่เนี่ยนะ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ" หว่างคิ้วของไอโตะเกิดเป็นรอยย่นลึก
   "เพราะรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับไอ...ไอก็เลย...หลีกเลี่ยงฉันใช่มั้ย"
   "พี่พูดเรื่องอะไรน่ะ" ไอโตะสับสนยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่พี่ชายพูดถึงคืออะไร และทำไมมันถึงกลายเป็นสิ่งที่เขาต้องหลีกเลี่ยง
   "คืนนั้นไอรู้ตัวใช่มั้ย เพราะอย่างนั้นก็เลยรังเกียจฉันสินะ" เขาคอยระวังตัวมาตลอด 3 ปี แต่สุดท้ายมันก็พังไม่เป็นท่า
   การถูกคนที่เรียกว่าพี่ชายจูบไม่แปลกที่ไอโตะจะรังเกียจ ที่ไอโตะไม่พูดออกมาตรง ๆ ก็เพราะไอโตะเป็นคนอ่อนโยนและคิดถึงความรู้สึกของเขา คนที่ผิดก็คือเขาที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแต่ก็ยังทำเรื่อยมา
   "รังเกียจ? ฉันไม่มีทางรังเกียจพี่หรอก นี่พี่พูดเรื่องอะไรกันแน่" คืนนั้นคือคืนไหน ทำไมเขาต้องรังเกียจ ตอนนี้เขางงไปหมดแล้ว
   "งั้นทำไมล่ะ" ยูโตะเพิกเฉยต่อคำถามของไอโตะแล้วถามกลับ
   แม้ไอโตะจะยังไม่เข้าใจว่าพี่พูดถึงอะไรแต่ดูเหมือนการกระทำของเขาจะเป็นสาเหตุให้พี่คิดมากและโทษตัวเอง หากปล่อยไว้แบบนี้อะไรมีแต่จะแย่ลง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะเปิดอกคุยกับพี่ให้รู้เรื่องและบอกความจริงทั้งหมด ปัญหาทั้งหลายจะได้สิ้นสุดลง ทว่าปากของเขากลับไม่ยอมยกขึ้นตามที่ต้องการแล้วมีความคิดอื่นเข้ามาแทน
   หากเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่แม่พูดแล้วกลับไปทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ในตอนที่เขาเรียนจบแม่ก็จะไม่กล้าบอกความจริงกับเขา เขาก็จะได้เป็นน้องชายของพี่ตลอดไป แต่ว่าการกระทำที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นพี่จะมีความสุขหรือ
   พอเห็นท่าทางลังเลของน้องชายยูโตะก็มั่นใจในความคิดของตน เขาเดินหนีขึ้นไปชั้นบนแล้วนำกระเป๋าสะพายขนาดกลางออกมาก่อนจะยัดเสื้อผ้าที่นำออกมาจากตู้ใส่ลงไปอย่างลวก ๆ
   "พี่เก็บเสื้อผ้าทำไมน่ะ" ไอโตะที่ตามขึ้นมารีบถามด้วยความสับสน
   "ตั้งแต่นี้ไปฉันจะไปอยู่หอ แต่วันนี้ปุบปับเกินไปคงจะยังไม่ได้เพราะฉะนั้นฉันจะไปค้างกับเพื่อนก่อนชั่วคราว" ยูโตะไม่มองหน้าไอโตะแม้แต่น้อย
   "เอ๋ อะไรกันจู่ ๆ ทำไม..." ในหัวของไอโตะมีคำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
   "ฉันอยู่ห่างจากนายน่าจะดีกว่านี่นะ" ยูโตะพูดพลางรูดซิปกระเป๋าแล้วสะพายขึ้นบ่า หากอยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่จะสร้างความลำบากใจให้ไอโตะ
   "ไม่นะ พี่" ไอโตะจับข้อมือของพี่ชายไว้แต่ยูโตะก็สะบัดออก
   "ล็อคประตูให้ดีล่ะ แล้วฉันจะบอกแม่ทีหลังเอง" ยูโตะกำชับแล้วเดินลงบันไดไป
   "พี่อย่าไปเลยนะ ฉันผิดเองฉันขอโทษ" เด็กหนุ่มหยุดอยู่ที่หัวบันไดแล้วตะโกนห้ามแต่ยูโตะก็ไม่มีท่าทีจะหันกลับมาเลย หากไม่ทำอะไรสักอย่างพี่ชายต้องจากเขาไปแน่ เขาไม่ได้ต้องการแบบนี้ ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้
   "พี่ยู" ไอโตะรีบวิ่งตามไปแต่ด้วยความรีบร้อนเท้าของเขาจึงก้าวพลาดไปยังบริเวณที่ไม่มีขั้นบันไดรองรับ ตัวของเขาโน้มไปด้านหน้าอย่างไร้การควบคุม แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างก็หันกลับมาแล้วรับเขาไว้ ทว่าเพราะน้ำหนักและความเร็วประกอบกับการไม่ได้ตั้งตัว ร่างของยูโตะจึงร่วงหล่นไปตามแรงโน้มถ่วงแล้วกระแทกกับพื้นอย่างแรง
   ไอโตะค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้น เขารู้สึกเจ็บที่ข้อศอกนิดหน่อยแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่า พี่ชายที่ตกลงมาพร้อมกับเขายังไม่ยอมลืมตาเลย
   "พี่ยู พี่ พี่ยู" ไอโตะเขย่าตัวพี่ชายอย่างแรงแต่ก็ไม่เป็นผล บางทีหัวอาจจะกระแทกกับพื้น เขาประคองศีรษะของยูโตะขึ้นมาแต่ที่ด้านหลังก็ไม่มีเลือดแต่อย่างใด ไอโตะร้องเรียกพี่ชายอีกครั้ง ใบหน้าแน่นิ่งของยูโตะทำให้เขาชาไปทั้งตัว มือไม้ก็เริ่มสั่น
   "พี่ยู พี่ยู" ไอโตะตะโกนเรียกอย่างเอาเป็นเอาตาย หากต้องเสียพี่ชายไปนั่นก็เป็นเพราะตัวเขาเอง

   ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงในห้องเดี่ยวของโรงพยาบาลค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แม้จะเป็นเวลากลางคืนแต่ก็มีแสงสว่างจากไฟหน้าห้องน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้ เขาจำได้ว่าตนตกบันไดลงมาจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ที่นี่คงจะเป็นโรงพยาบาล ในตอนนั้นไอโตะก็ตกลงมาพร้อมกับเขา พอคิดได้ดังนั้นยูโตะก็รีบลุกขึ้นนั่ง เขาหันไปมองรอบตัวและแล้วก็พบว่าผู้ที่เขาหาอยู่กำลังนอนฟุบหน้าลงกับเตียงและจับมือเขาไว้
   ยูโตะเอื้อมมือไปเพื่อจะปลุกน้องชายแต่ในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่แขนซ้าย เมื่อหันไปมองก็พบว่ามันถูกใส่เฝือกอย่างง่ายไว้ บางทีกระดูกคงจะร้าว ถ้าอย่างนั้นไอโตะล่ะ
   "พี่รู้สึกตัวแล้วเหรอ" ไอโตะที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวจากบนเตียงตื่นขึ้น
   "อา" พอตอบอย่างนั้นไอโตะก็โผเข้าใส่เขาทันที
   "ค่อยยังชั่ว พี่ไม่ยอมตื่นสักทีคิดว่าจะเป็นอะไรไปแล้วสักอีก"
   ที่จริงยูโตะก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นอะไรมาก ที่หลับไปนานคงเพราะคืนก่อนไม่ได้นอนเลยเสียมากกว่า
   "ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ไอล่ะ" เขาจับตัวน้องชายออกเพื่อดูว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
   "ฉันไม่เป็นไร พี่ต่างหากล่ะ ไม่รู้แขนจะเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าถ้าฟื้นแล้วก็ต้องตรวจดูสมองด้วย" น้ำตาของไอโตะร่วงหล่นลงมาไม่หยุด ยูโตะรีบคว้าตัวน้องชายมากอดไว้ด้วยมือข้างเดียว
   "ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า" เขารู้สึกปวดที่แขนเล็กน้อยแต่ก็พอทนได้ นอกจากนี้ต่อให้แขนขาหักแต่ไอโตะปลอดภัยเขาก็พอใจแล้ว
   "แล้วแม่ล่ะพรุ่งนี้ต้องไปงานศพที่ฟูกุโอกะไม่ใช่เหรอ"
   "แม่ตกใจมากเลย กลับไปเอาของที่บ้านมาให้รอบหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้ก็คงจะมาแต่เช้า แต่พี่มาเป็นแบบนี้บางทีแม่อาจจะไม่ไปแล้วก็ได้"
   เนื่องจากแม่ของเพื่อนสมัยเรียนของแม่เสีย เธอไม่มีญาติอาศัยอยู่กับสามีแค่ 2 คน แม่ของเขาก็เลยตั้งใจจะไปช่วยจนกระทั่งงานเสร็จ แม่ของมากิโฮะก็จะไปด้วยเช่นกัน ทว่าหากยูโตะเป็นอะไรมาก แม่ก็คงเปลี่ยนใจ
   "อา แม่ก็เป็นห่วงเกินไปแล้ว"
   "อ๊ะ จริงสิ ฉันจะไปเรียกพยาบาลมานะ"
   "ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันอยากอยู่กับไอมากกว่า" ยูโตะรีบจับตัวน้องชายไว้
   "พี่ยู ขอโทษนะ ฉันทำให้พี่เจ็บตัวอีกแล้ว"
   "ไอไม่ผิดหรอก เพราะอยู่ดี ๆ ฉันก็เดินหนีออกมาต่างหาก ดีจริง ๆ ที่ไอไม่เป็นไร" ยูโตะเช็ดน้ำตาให้แล้วตบมือลงบนเตียงเป็นเชิงบอกให้ไอโตะขึ้นมานั่งบนนั้น ไอโตะขึ้นไปนั่งแล้วห้อยขาทั้งสองข้างลงมา
   "ไอ ฉันว่าเรามาคุยกันให้รู้เรื่องเถอะ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีกแล้ว"
   ไอโตะพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรก่อนหน้านี้เขาก็คิดอย่างนั้นแต่ก็ลังเลจนทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาควรจะยุติเรื่องนี้ก่อนพี่ชายจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้
   "ช่วงนี้ไม่ได้เห็นไอยิ้มเลยนะ ขอโทษเพราะฉันทำให้นาย..."
   "ไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะพี่ ฉันไม่ได้เกลียดพี่ ชอบมากต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็...พี่ก็ไม่ใช่...พี่ของฉัน" ในที่สุดไอโตะก็ระบายความทุกข์ใจออกมาได้ แม้จะยังกลัวว่าต่อจากนี้ความสัมพันธ์ของพี่กับเขาจะเปลี่ยนไป แต่เขาก็จำเป็นต้องพูด
   "ไอพูดอะไรน่ะ" คำตอบของไอโตะสร้างความสับสนให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีส่วนไหนพูดถึงการกระทำบาปของเขาในคืนนั้นเลย
   "ในคืนที่แม่กลับมาจากอเมริกาฉันได้ยินแม่กับน้าคุยกัน ฉัน...รู้ เรื่องที่...ไม่ใช่ลูกของแม่แล้ว" ไอโตะก้มหน้าลงต่ำแล้วกำมือไว้บนตักแน่น
   "...มะ...ไม่จริงน่า!! นี่ไอ...โธ่เว้ย เจ้าน้าบ้านั้น" ยูโตะอ้าปากค้างอยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้
   เขากุมศีรษะพลางนึกโมโหในใจว่าทำไมน้ากับแม่ถึงไม่ระวังเอาเสียเลย ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาอันควรแท้ ๆ จู่ ๆ ต้องมารับรู้ความจริงกะทันหันไอโตะคงทั้งตกใจและเสียใจมากเป็นแน่
   "เพราะฉะนั้นฉันเลยจะทำตัวเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้"
   "ทำไมล่ะ" เขามองไม่เห็นเหตุผลที่ทำให้น้องชายคิดอย่างนั้นเลย หากไอโตะมาร้องห่มร้องไห้กับเขาก็ว่าไปอย่าง
   "ก็ที่ผ่านมาฉันทั้งใช้เงินที่พ่อหามาอย่างยากลำบากอย่างฟุ่มเฟือย แล้วยังไม่รู้จักช่วยตัวเองทำให้แม่ต้องยุ่งยากอีก"
   "นี่ไอกำลังคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ก็เลยไม่ควรได้รับความเอื้อเฟื้อจากพวกท่านอย่างงั้นเหรอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ฉันไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะคิดแบบนั้นหรอกนะ ถึงไอไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่พวกท่านก็รักไอเหมือนลูกแท้ ๆ หรือว่าไอสัมผัสถึงสิ่งเหล่านั้นไม่ได้"
   "ไม่ใช่อย่างนั้น แต่..." เขารับรู้และสัมผัสถึงมันได้มาตลอด แต่พอรู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนอื่นเขาก็รู้สึกเกรงใจที่จะรับมันไว้ และเริ่มคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะได้รับมันหรือเปล่า ถึงได้ต้องปรับปรุงตัวเองเสียใหม่
   "ลำบากใจเหรอ"
   ไอโตะพยักหน้าเขาอึดอัดเมื่อรู้สึกเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด
   "เฮ้อ ที่จริงไม่เห็นจะต้องกังวลเลย ไอไม่ใช่เด็กเหลวไหลซักหน่อย ถึงจะไม่ใช่คนประหยัดแต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย เรื่องเรียนก็มีความรับผิดชอบ ถึงจะเอาแต่ใจแต่แม่ก็ไม่เคยบ่นว่าทำให้ยุ่งยาก ตอนแม่ไม่อยู่ก็ยังช่วยทำอาหารแทนอีกไม่ใช่เหรอ ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าไอคิดแบบนี้จะต้องร้องไห้แน่ ๆ"
   "แต่จนบัดนี้ฉันก็ยังทำตัวเป็นเด็กให้แม่บ่นอยู่ทุกวันนี่" เพราะแบบนี้แหละเขาถึงไม่อยากพูดออกมา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขอความเห็นใจจนพี่ต้องปลอบใจเขา
   "เพราะงั้นก็เลยพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่สินะ แต่นั่นน่ะเพราะไออยากอ้อนฉันเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ" เขารู้ว่าไอโตะไม่ใช่เด็กไม่เอาไหนแต่แค่อยากให้เขาเอาใจเท่านั้น
   พอเห็นไอโตะเงียบไปยูโตะก็ขยับตัวลงไปใกล้ผู้ที่นั่งหันข้างให้ตนอยู่
   "หึ หึ ไอเป็นเด็กดีจังนะ" ยูโตะวางมือลงบนศีรษะน้องชาย
   "เอ๋" ไอโตะเงยมองหน้าพี่ชายที่หัวเราะออกมาทั้งที่กำลังพูดเรื่องเคร่งเครียดกันอยู่
   "ถ้าไม่ใช่เด็กดีก็คงไม่มานั่งกลุ้มใจกับเรื่องพวกนี้หรอก แต่ว่าการเอาแต่คิดมากอยู่คนเดียวแล้วทำหน้าจ๋อยทุกวันแม่จะเป็นห่วงเอานะ ถึงปากจะบอกว่าไอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ดีแล้ว แต่ที่จริงก็เป็นห่วงใช่เล่นเลยล่ะ"
   "แม่น่ะเหรอ" นอกจากพี่ชายแล้วเขายังทำให้แม่เป็นกังวลไปด้วย การปรับปรุงตัวของเขาไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยอย่างนั้นหรือ
   "อือ ไอไม่คิดว่าการพูดคุยกันตรง ๆ จะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากกว่าเหรอ ถ้าไอไม่กล้าพูดฉันจะพูดแทนเอง ถ้าไอกลัวฉันจะค่อยอยู่ข้าง ๆ ให้ฉันได้ช่วยไออีกแรงนะ"
   "พี่ยู" เขารู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่พี่ก็ยังอ่อนโยนกับเขาเสมอ มีแต่เขาคนเดียวที่หวั่นไหวกับเรื่องนี้
   ไอโตะขยับตัวขึ้นมาบนเตียงทั้งตัว เขากอดพี่ชายแน่นพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ ยูโตะยิ้มออกมาแล้วลูบศีรษะคนในอ้อมแขนเบา ๆ
   "อ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมไอจะต้องหลีกเลี่ยงฉันด้วยล่ะ" ยูโตะพลันนึกถึงปัญหาที่ยังคาใจได้
   "ก็ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ฉันก็จะเผลอทำตัวเป็นเด็กอีกน่ะสิ" ไอโตะพูดทั้งที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
   "หา ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันอยากให้ไอเป็นเด็กไปตลอดนั่นแหละ" ยูโตะพูดสิ่งที่ถ้าแม่ได้ยินจะต้องถูกเขกหัวเป็นแน่
   "ไม่ได้หรอก ขืนพี่มัวแต่มาดูแลฉันระวังจะไม่มีแฟนเอานะ" คำพูดของยูโตะเสียดแทงเข้าไปในใจ ไอโตะจึงเปลี่ยนความขมขื่นนั่นให้กลายเป็นเรื่องตลก
   "บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นให้ไอเป็นคนตัดสิน"
   เขาไม่เคยคิดว่าตนจะคบหากับใครได้หากใจของเขายังอยู่ที่ไอโตะ แต่หากไอโตะเป็นคนบอกให้เขาคบกับคนที่เลือกให้ขึ้นมานั่นก็แปลว่าเขาหมดหวังที่จะรอคอยไอโตะอีกต่อไป เมื่อความหวังถูกทำลายบางทีเขาอาจจะสามารถตัดใจจากน้องชายแล้วหันไปมองคนอื่นได้ ดังนั้นยูโตะจึงมอบหมายเรื่องนี้ให้ไอโตะเป็นคนตัดสินใจมาตลอด
   ไอโตะส่ายหน้าไปมาช้า ๆ
   "ฉันไม่ใช่น้องของพี่จะไปทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพี่ได้ยังไง" เขาควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นได้สำเร็จ
   "ไม่เห็นเกี่ยวเลยว่าไอเป็นน้องหรือเปล่า ไอมีสิทธิในตัวฉันทุกอย่างนั่นแหละ" ยูโตะจับไหล่ของไอโตะแล้วพูดอย่างชัดเจน
   "แต่ฉันเป็นแค่คนอื่นนะ" ไอโตะพูดเหมือนกับจะเตือนสติพี่ของตน
   "คนอื่น? นี่คิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันแพ้เรื่องของสายเลือดงั้นเหรอ แค่คำนั้นคำเดียวก็ทำให้พวกเรากลายเป็นคนอื่นกันแล้วเหรอ"
   พี่ชายกำลังโกรธไอโตะรู้ได้จากแรงบีบของมือที่อยู่บนไหล่
   "ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ว่าการทำตัวแบบนั้นมันน่าไม่อายนี่ ยังไงฉัน...ก็อยากเป็นพี่น้องกับพี่จริง ๆ" แม้เสียงจะไม่สั่นแต่ความร้อนก็เริ่มมาสั่งสมที่ดวงตามากขึ้น
   "เฮ้อ...โง่จริง สำหรับฉันไอมีตัวตนมากกว่าคำว่าน้องชายอีก ไอเป็นทุกอย่างสำหรับฉันเลยนะ" ยูโตะถอนหายใจยาวออกมา เขาเคลื่อนมือออกจากไหล่แล้ววางแนบลงบนใบหน้าของไอโตะ
   "ไม่จริงหรอก ฉันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ยังไงฉันก็..." ทั้งที่ควรจะดีใจกับคำพูดนั้นแต่ภาพของพี่ชายกับโคมิก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ถึงจะเป็นอย่างอื่นได้แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเป็นคนรักที่จะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดได้ พอคิดอย่างนั้นหน้าอกเจ็บแปล๊บขึ้นมา
   "ก็อะไร ถ้าไม่พูดปัญหาก็ไม่จบนะ" ยูโตะบีบคั้นไอโตะด้วยสายตา
   ที่ไอโตะหยุดคำพูดไปเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ แต่การปล่อยให้คาราคาซังก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไอโตะหลับตาลงอยู่ชั่วขณะจากนั้นจึงพูดออกมา
   "ฉันเป็นครอบครัวได้แค่ตอนนี้ อีกหน่อยพี่ก็ต้องสร้างครอบครัวใหม่ที่ไม่มีฉัน"
   ยูโตะไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องนี้จากปากของน้องชาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไอโตะเป็นคนโต้เถียงกับมากิโฮะอย่างมั่นใจในตัวเองแท้ ๆ การที่รู้ความจริงว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา มีผลกระทบกับไอโตะอย่างมาก
   "ถ้าไอไม่ชอบจะแฟนหรือครอบครัวฉันก็ไม่ต้องการทั้งนั้น ฉันมีแค่ไอคนเดียวก็พอแล้ว" ยูโตะยึดใบหน้าของไอโตะให้สบตากับเขาก่อนพูด
   "โกหก ฉันเห็นนะ" ทันทีที่รู้ตัวว่าหลุดปากและเผลอตะโกนเสียงดัง ไอโตะก็รีบปิดปากตัวเองไว้
   "เห็น? เห็นอะไรน่ะ" ยูโตะจับต้นแขนของน้องชายแล้วเขย่าแต่ไอโตะก็หันหน้าหนี
   "ไอบอกมาเดี๋ยวนี้นะ หรืออยากให้เกิดเรื่องแบบเมื่อเช้าอีก" เมื่อพูดดี ๆ ไม่ได้ผลเขาจึงใช้วิธีข่มขู่แทน และแน่นอนว่าไอโตะที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องอันตรายกับพี่ชายอีกจะต้องยอมเปิดปากขึ้น
   "เมื่อวาน...ฉันเห็น...พี่กับผู้หญิงคนนั้น...เข้าไปในโรงแรมด้วยกัน" น้ำตาหยดแหมะลงมาก่อนที่ไอโตะจะพูดจบเสียอีก เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกอึดอัดในใจนี้คืออะไรรู้แต่ว่าเขาไม่ชอบมันเลย
   "นี่ไอเห็นด้วยเหรอ" ยูโตะยกมือขึ้นปะทะกับหน้าผากตนอย่างแรง ไม่นึกเลยว่าน้องชายจะมาเห็นเขาในเวลานั้น
   "นี่อย่าบอกนะว่าเพราะไอเห็นฉันกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เลยไปกับคิจิมะงั้นเหรอ"
   ลำดับเหตุการณ์ในวันนั้นปรากฏเป็นช่องเป็นฉากเรียบเรียงอยู่ในหัวของยูโตะ และความเงียบของไอโตะก็ทำให้ยิ่งแน่ใจได้ว่านั่นคือความจริง เขาคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
   "นี่ฉันเป็นคนทำให้เกิดเรื่องแย่ ๆ กับไองั้นเหรอ โธ่เว้ย" ยูโตะทุบกำปั้นลงบนเตียงอย่างแรงด้วยความโมโห
   "ขอโทษ ขอโทษนะ ฉันไม่ดีเอง" ชายหนุ่มคว้าร่างบางตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่นแล้วพร่ำขอโทษอยู่ข้างหูของไอโตะ ไม่ว่าไอโตะจะให้อภัยเขาหรือไม่แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้
   "พี่ไม่ผิดซักหน่อย ที่ฉันไปกับคิจิมะก็เพราะฉันไม่เชื่อพี่ ส่วนพี่จะไปไหนกับใครก็เป็นสิทธิของพี่" ไอโตะรีบออกตัวแทนเขาไม่ได้ต้องการให้พี่โทษตัวเอง เป็นปกติที่ผู้ชายในวัยนี้จะทำเรื่องแบบนี้ เขาที่หึงหวงไม่เข้าเรื่องต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายตัวเอง
   "ไม่หรอก ฉันผิดเอง ถ้าฉันบอกไอก่อนไอคงไม่เข้าใจผิดจนเกิดเรื่องแบบนั้น" ยูโตะเพิ่มแรงที่แขนมากขึ้น ทั้งความรู้สึกผิดและความเจ็บใจอัดแน่นอยู่ในอก
   "เข้าใจผิด?"
   "มันมีเหตุผลที่ฉันต้องเข้าไปในนั้นกับเธอ พวกเราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น และที่สำคัญนั่นก็ไม่ใช่รุ่นพี่หรอก" ยูโตะพูดช้า ๆ ราวกับกลัวผู้ฟังจะฟังตกหล่น
   "เอ๊ะ!?" ไอโตะมั่นใจว่าตอนนั้นตนมองไม่ผิดอย่างแน่นอน พี่ชายคิดจะโกหกเขาหรืออย่างไร
   "เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของรุ่นพี่น่ะ" ยูโตะผละตัวออกเพื่อมองหน้าไอโตะก่อนพูด
   "ฝาแฝด!?" สมองของไอโตะประมวลผลอย่างหนักประหนึ่งไม่เข้าใจว่าฝาแฝดหมายถึงอะไร
   "อา หลังจากรุ่นพี่ไปแก้ต่างให้ไอแถวที่เกิดเหตุแล้ว ถึงฉันจะให้เธอบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดและไม่ได้ให้รุ่นพี่บอกว่าเธอเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา แต่เธอก็เครียดมากจนคิดฆ่าตัวตาย น้องสาวของเธอก็เลยมาหาฉันที่มหาลัยเพื่อขอให้ฉันช่วยน่ะ"
   "มะ...ไม่จริงน่า!!" ดวงตาของไอโตะเบิกโพลงด้วยความตกใจ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพวกเขาก็เป็นต้นเหตุให้คน ๆ หนึ่งคิดฆ่าตัวตาย
   "ฉันก็เลยต้องไปที่บ้านของรุ่นพี่ถึง 3 ครั้ง เพื่อช่วยพูดกับเธอ แต่หลังจากนั้นเธอก็หนีออกจากบ้านไป"
   "อะไรกัน ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ" นัยน์ตาของไอโตะสั่นไหวราวกับเห็นคนกำลังจะฆ่าตัวตายอยู่ตรงหน้า
   "ก็นะ แต่สุดท้ายครอบครัวของรุ่นพี่ก็ตามหาจนรู้ว่าเธอแอบไปอยู่ที่โรงแรม วันที่ไอเห็นก็คือวันที่น้องสาวของรุ่นพี่มาขอให้ฉันไปช่วยเกลี้ยกล่อมเธอ"
   "แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกฉันล่ะ
   "ถ้าบอกไอก็จะคิดมากใช่มั้ยล่ะ" หากเขาบอกไอโตะก็จะต้องโทษตัวเอง
   "แล้วทำไมพี่ถึงเจอฉันได้ล่ะ ก็พี่เข้าไปในโรงแรมแล้วไม่ใช่เหรอ"
   "พอฉันเข้าไปพ่อกับแม่ของรุ่นพี่ที่อยู่ที่นั่นก่อนก็ช่วยเกลี้ยกล่อมให้รุ่นพี่กลับบ้านได้สำเร็จแล้วล่ะ ฉันก็เลยหมดหน้าที่ แต่ตอนขากลับฉันก็เห็นไอกับคิจิมะเข้า แต่ไอก็คาดสายตาไปฉันตามหาแทบแย่ ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นล่ะก็สู้บอกไอแต่แรกดีกว่า" แววตาของผู้พูดหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
   "งั้นฉันก็เข้าใจผิดไปเองหรอกเหรอ" ไอโตะไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาต่อว่าตัวเองอีกแล้ว ทำไมถึงไม่    เชื่อใจพี่ชายให้มากกว่านี้
   "หึ แต่ฉันก็ดีใจนะที่ไออิจฉา" ยูโตะฉีกยิ้มกว้าง
   "ไม่ได้อิจฉา" เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจว่าอย่างไร โกรธที่พี่ผิดคำพูดอย่างนั้นหรือ หรือว่ารู้สึกเหมือนถูกหักหลัง
   "งั้นก็หึงเหรอ" ยูโตะมองเข้าไปในดวงตาของไอโตะราวกับจะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
   "ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย อย่างใช้คำแปลก ๆ แบบนั้นสิ" เขาเคยปฏิเสธความคิดนี้ของตนมาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าพอได้ยินพี่ชายพูดชั่วแวบหนึ่งก็รู้สึกว่ามันช่างคล้ายกันเหลือเกิน
   "แล้วไอจะเลิกให้เรื่องไร้สาระมาทำลายความสัมพันธ์ของเราได้หรือยัง ถ้าปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยพวกนี้มากวนใจได้แปลว่าที่ผ่านมาฉันเป็นพี่ชายที่ไม่เอาไหนเอาซะเลย"
   "การที่ฉันไม่ใช่น้องของพี่เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ" ทั้งที่เขากลุ้มใจกับมันมาตลอด แต่พี่กลับมองไม่เห็นความสำคัญของมันเลย แล้วยังเรียกว่าเรื่องไร้สาระอีก
   "ใช่ สำหรับฉันมันไม่สำคัญอะไรเลยซักนิด ไอก็คือไอเป็นใครมาจากไหนก็ไม่เกี่ยว หรือพอฉันไม่ใช่พี่ไอก็ไม่ต้องการฉันแล้ว"
   "ไม่ใช่นะ" ไอโตะส่ายหน้า ไม่ว่าเมื่อไหร่ชายคนนี้ก็จำเป็นกับเขาเสมอ
   "งั้นทำไมจะต้องคิดมากด้วย ฉันต้องการไอ ไอต้องการฉันแค่นี้ยังไม่พอที่จะลบล้างเรื่องสายเลือดได้อีกเหรอ"
   ไอโตะยังคงเงียบไม่ตอบยูโตะจึงจับคางของไอโตะให้เงยหน้าขึ้นเพื่อให้สบตากับเขาตรง ๆ
   "ถึงไอจะไม่ใช่น้องของฉัน แต่ไอเป็นคนที่ฉันอยากปกป้องและรักที่สุดนะ" ยูโตะพูดความในใจออกมาแม้ในตอนนี้ไอโตะจะยังไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของมันก็ตาม
   "พี่ยู" หยาดน้ำใสไหลลงมาจากตา เขาทั้งเอาแต่ใจ ทั้งเป็นภาระให้ต้องดูแลอยู่ตลอด ไม่ดีพอที่จะได้รับการให้ความสำคัญขนาดนี้แท้ ๆ แต่ชายคนนี้กลับไม่เคยบ่นหรือต่อว่าเลยสักครั้ง ชั่วชีวิตนี้เขาคงหาคนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
   ยูโตะแตะริมฝีปากลงที่ใต้ตาแล้วเคลื่อนลงมาตามแก้มเพื่อซับน้ำตาให้ ไอโตะได้แต่ตกตะลึงกับการกระทำที่แสนอ่อนโยนของชายตรงหน้า
   "ไอล่ะ ถึงฉันจะไม่ใช่พี่จริง ๆ ยังจะชอบฉันอยู่หรือเปล่า"
   "ชอบสิ ชอบที่สุด" ไอโตะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของพี่ชายไว้ ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรความรู้สึกของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน นี่คงจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่พี่ชายอยากจะสื่อให้เขา
   "หึ หึ รู้สึกเหมือนไม่ได้ยินคำนี้มานานมากเลยนะ" ยูโตะเกี่ยวรัดตัวไอโตะเข้ามาแล้วกอดไว้แนบอก เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มากวนใจเด็กขี้กังวลคนนี้ได้อีกเป็นอันขาด

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 9.1
«ตอบ #11 เมื่อ23-02-2018 21:21:52 »

ตอนที่ 9.1

   หลังจากรู้ว่ายูโตะไม่เป็นอะไรมากแค่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ สมองก็ปกติดี มารดาของพวกเขาก็ไปงานศพที่ต่างจังหวัดได้อย่างหมดห่วง นอกจากนี้ไอโตะก็ยังรับปากจะดูแลพี่ชายให้อีกด้วย ทว่าก่อนไปเธอร้องห่มร้องไห้อย่างที่ยูโตะพูดเมื่อรู้ว่าลูกชายคนเล็กเปลี่ยนไปเพราะรู้ว่าตนไม่ใช่ลูกที่แท้จริง นอกจากนี้ยังบอกไม่ให้ไอโตะฝืนทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่ก่อนเปิดเทอมยังบอกให้ไอโตะเลิกทำตัวเป็นเด็กอยู่เลย
   เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็นยูโตะก็อาบน้ำโดยที่มีไอโตะช่วยเตรียมเสื้อผ้ากับน้ำร้อนให้ แต่ขณะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยเด็กหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นก็เดินเข้ามา
   "ไอ จะทำอะไรนะ!!"
   "ถามได้ก็จะช่วยอาบน้ำให้พี่ไง" ไอโตะกดพี่ชายที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันไว้รอบเอวให้นั่งลงแล้วเอื้อมมือไปหยิบฟักบัว
   "หา! ไม่ต้องหรอก ฉันอาบเองได้"
   เขาไม่ได้รังเกียจที่ไอโตะจะอาบน้ำให้แต่ครั้งสุดท้ายที่ได้อาบน้ำพร้อมกับน้องชายและได้เห็นร่างเปลือยเปล่า เขาก็เกิดความรู้สึกที่เป็นอันตรายต่อไอโตะขึ้นมา จากนั้นมาเขาจึงไม่คิดจะอาบน้ำด้วยกันอีกเลย ถึงแม้ตอนนี้ไอโตะจะมีเสื้อผ้าปกปิดไว้แต่ต้นขาขาวที่เผยออกมาเพราะขากางเกงที่สั้นอยู่แล้วถูกพับสูงขึ้นไปอีกก็อาจทำให้เขาฟุ้งซ่านได้
   "ด้วยแขนแบบนั้นน่ะเหรอ เดี๋ยวเฝือกก็เปียกกันพอดี" ไอโตะชี้แขนพี่ชายที่ถูกใส่เฝือกอ่อนไว้
   ผู้ป่วยลอบถอนหายใจ จริงอยู่ที่มีคนช่วยจะดีกว่าแต่เขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน ทว่าหากปฏิเสธไอโตะอาจจะเก็บเอาไปคิดไม่เป็นเรื่องอีก อุตส่าห์เพิ่งเข้าใจกันได้แล้ว และหากคิดดูให้ดีแบบนี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงมีแต่ต้องอดทนเท่านั้น
   "เอางั้นก็ได้" ยูโตะยอมรับการช่วยเหลือแล้ววางแขนข้างที่บาดเจ็บพาดไว้กับขอบอ่างอาบน้ำ
   "รู้สึกแปลกดีเหมือนกันนะ เมื่อก่อนเคยแต่เป็นคนอาบให้ไอ" พอไอโตะเริ่มอาบน้ำให้ไม่นานยูโตะก็ชวนคุยเพื่อไม่ให้ตนคิดอะไรแปลก ๆ
   "จริงด้วยสิ ฉันก็เคยแต่ถูหลังให้พี่นี่นา" ไอโตะพูดพลางหยิบยาสระผมมาเทลงบนมือแล้วบอกให้ยูโตะหลับตาไว้
   "จำได้หรือเปล่า ตอนเด็กมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไอสระผมแล้วฟองเข้าตาตัวเองหลังจากนั้นก็งอแงไม่ยอมสระเองอีก พอฉันสระให้ไอก็เอาแต่เกาะเอวฉันแล้วหลับตาปี๋น่ะ"
   "หา ไม่เห็นจำได้เลย" ต่อให้จำได้เขาก็คงปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะขี้อ้อนขนาดนั้น
   "ตอนนั้นไอน่าจะซัก 6 ขวบล่ะมั้ง แต่ว่านั่นน่ะน่ารักสุด ๆ เลยล่ะ" ยูโตะหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่
   "นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ฉันไม่น่ารักแล้วใช่มั้ยล่ะ" เด็ก ๆ ทำอะไรก็น่ารัก ถ้าโตแล้วคงจะน่ารำคาญเสียมากกว่า
   "เปล่า ไอน่ารักเสมอนั่นแหละ" ยูโตะพูดเรื่องน่าอายเหมือนเป็นเรื่องปกติ
   ระหว่างที่ไอโตะถูหลังให้สายตาที่หักหลังต่อความตั้งใจของยูโตะก็เหลือบไปมองผู้ที่อยู่ด้านหลังผ่านกระจก แขนเรียวเล็ก ต้นขาขาวเนียน และเอวที่บอบบางทำให้เขาอยากเอื้อมมือไปสัมผัสใจจะขาด เพราะไอโตะโตขึ้นหรืออย่างไรถึงได้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน หากเขาสามารถสัมผัสและโลมเลียผิวที่เรียบลื่นนั่นทุกซอกทุกมุมได้ก็คงดี
   ไม่รู้ว่าหลังจากรู้ความจริงแล้วความรู้สึกหึงหวงของไอโตะที่มีต่อเขายังเป็นแค่พี่น้องอยู่อีกหรือเปล่า แต่ถึงจะไม่ใช่ในตอนนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันอีกแล้ว ดังนั้นหากค่อย ๆ แสดงออกเพื่อสื่อความรู้สึกที่มีไปให้ไอโตะทีละน้อย บางทีไอโตะอาจจะหันมามองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาบ้าง ทว่าปัญหาใหญ่อีกอย่างก็คือพวกเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันไอโตะคงยากที่จะคิดว่าสัมผัสและการกระทำของเขามีความหมายแอบแฝงอยู่ นี่คงเป็นอุปสรรคใหญ่ไม่แพ้เรื่องของสายเลือด
   "เอ้าเสร็จแล้วล่ะ พี่ไปแช่น้ำให้สบายตัวเถอะ ฉันจะไปทำอาหารเย็นก่อน ถ้าเสร็จแล้วก็เรียกล่ะ"
   ถึงแม้แม่จะกลับมาแล้วแต่ไอโตะก็ไม่ได้หยุดการทำอาหารเพียงแค่นั้น เขาเข้าครัวช่วยแม่เป็นประจำเพราะอยากเรียนรู้ไว้เผื่อเวลาที่แม่ไม่อยู่อีกและเขาก็ได้ใช้มันเร็วกว่าที่คิด
   พอยูโตะออกจากห้องน้ำไอโตะก็ตามไปดูแลทั้งช่วยแต่งตัวและเป่าผมให้
   "มีความสุขจังเลยแฮะ เจ็บแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน" ผู้นั่งอยู่บนโซฟายาวเอนหลังพิงพนักอย่างสบายใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้มีความสุขที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น นี่คงเหมือนคำพูดที่ว่าฟ้าหลังฝน
   "ไม่ดีเลยซักนิด ตอนพี่หมดสติไปฉันตกใจแทบแย่นะ" ไอโตะกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจเพราะพี่ชายพูดเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดี
   "อ๊ะ โทษที ๆ" ชายหนุ่มกล่าวขอโทษแต่ก็ยังยิ้มหน้าบาน
   หลังจากไอโตะปิดสวิตซ์ไดร์เป่าผม ยูโตะก็เรียกให้น้องชายมาตรงหน้าแล้วดึงให้นั่งลงระหว่างขาของตน
   "มีอะไรเหรอพี่" ไอโตะถามด้วยความงงงวยหลังจากถูกกอดหมับทันทีที่นั่งลง
   "ก็ไม่ได้กอดไอมาตั้งนานนี่" ตั้งแต่ถูกตีตัวออกห่างเขาก็แทบไม่ได้สัมผัสไอโตะเลย
   "ตอนอยู่ที่โรงบาลก็กอดฉันแล้วไม่ใช่เหรอ" ถึงจะเป็นแค่การปลอบใจแต่ไอโตะก็นับรวมไปด้วย
   "แบบนั้นไม่นับสิ ว่าแต่มีมือเดียวแบบนี้ไม่ดีเลยแฮะ" เขาอยากกอดน้องชายไว้ให้เต็มสองแขนแต่ก็ทำไม่ได้ดังใจ
   "เมื่อกี้ยังบอกว่าดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ" ไอโตะเอี่ยวตัวกลับไปทักท้วง ที่จริงเขาเองก็คิดถึงอ้อมกอดพี่ชายเหมือนกัน
   "อาก็นะ" ยูโตะซุกใบหน้าลงกับซอกคอของน้องชายแล้วรับกลิ่นที่แสนคิดถึง
   "ฉันตัวเหม็นจะตายนะพี่ ปล่อยเถอะ" เขาทำนู่นทำนี่มาทั้งวันทั่วตัวจึงมีแต่เหงื่อ ไอโตะผลักพี่ชายออกเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จสกปรกไปด้วย
   "ขอกอดให้หายอยากก่อนสิ" ยูโตะไม่เพียงไม่ปล่อยเขายังสอดมือเข้าไปใต้เสื้ออีกด้วย
   "หวา พี่ทำอะไรเนี่ย" ไอโตะอยากจะดึงฝ่ามือใหญ่ออกจากผิวกายตน แต่ดูเหมือนยูโตะจะคาดเดาการกระทำของเขาออก จึงเลือกใช้มือข้างที่เจ็บทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวว่าพี่จะเจ็บ
   "แบบนี้จะได้สัมผัสไอได้เต็มที่ไงล่ะ" ยูโตะเคลื่อนมือไปทั่วหน้าท้องแบนเรียบ
   "ปล่อยนะ ฉันจะไปตั้งโต๊ะแล้ว ไม่คิดจะกินข้าวหรือไง" เมื่อทำอะไรไม่ได้ไอโตะจึงใช้วิธีเจรจา
   "ไม่ ผิวไอให้ความรู้สึกดีจัง" ชายหนุ่มใช้แขนข้างที่เหลือล็อคตัวผู้ที่คิดจะหนีไว้ก่อนจะเคลื่อนมืออีกข้างไปยังสีข้างแล้วลูบไล้ช้า ๆ พลางเหลือบมองปฏิกิริยาของไอโตะ
   "หยุดเลยนะ ไม่เจ็บแขนหรือไง" ไอโตะดันไหล่ของพี่ชายออกแต่การลวนลามก็ไม่หยุดลงอย่างที่คิด สัมผัสของพี่ชายทำให้ผิวบริเวณนั้นร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มันต่างจากความรู้สึกขยะแขยงที่ถูกคิจิมะสัมผัสโดยสิ้นเชิง
   "ไม่เลยซักนิด" คราวนี้เขาส่งมือข้างที่ล็อคตัวไอโตะไว้ไปยังแผ่นหลังของร่างบาง รู้สึกได้ถึงการกระตุกจากกล้ามเนื้อของไอโตะเล็กน้อย
   "อ๊ะ บอกให้หยุดไง ไม่งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ" ไอโตะตีหน้าเคร่งตอนนี้เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ต้องรีบหยุดพี่ชายก่อนที่ตนจะรู้สึกแปลก ๆ มากไปกว่านี้
   "ปล่อยก็ได้แต่ว่าคืนนี้ต้องให้ฉันนอนด้วยนะ" เมื่อเห็นท่าไม่ดียูโตะจึงยอมถอย หากทำให้ไอโตะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาไม่เพียงแต่จะหมดหวังที่จะทำให้ไอโตะหันมามอง แต่อาจจะถูกหลีกเลี่ยงอีกก็เป็นได้
   "เดี๋ยวก็...โดนแผลหรอก" ไอโตะหายใจลึก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหายใจผิดจังหวะ
   "ไม่โดนหรอกน่า ไอไม่ได้นอนดิ้นนี่"
   "ก็ได้ ปล่อยได้แล้ว" ไอโตะรีบลุกขึ้นทันทีที่ยูโตะคลายวงแขนออก แต่แล้วยูโตะก็จับมือน้องชายไว้แล้วพูดขึ้น
   "รู้สึกอย่างกับได้เจ้าสาวเลยแฮะ"
   "พะ...พูดอะไรของพี่เนี่ย" ไอโตะสะบัดมือออกแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวด้วยกลัวว่าพี่ชายจะเห็นใบหน้าแดงก่ำของตน เขาอยากจะต่อว่าตัวเองที่รู้สึกเขินกับเรื่องสนุกของพี่
   ยูโตะยิ้มกริ่มเมื่อได้เห็นท่าทางเขินอายแบบนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีก็ได้

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่ 9.2
«ตอบ #12 เมื่อ23-02-2018 21:23:39 »

ตอนที่ 9.2

   "พี่ไปไหนมาน่ะ ถ้าจะซื้อของก็บอกสิฉันจะได้ไปช่วยถือ" ไอโตะวิ่งไปหาผู้ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านพร้อมกับของกล่องใบใหญ่ในมือขวา แม้จะถอดเฝือกออกแล้วแต่หมอยังไม่ให้ใช้การแขนซ้ายมากนักและยังต้องกินยาอยู่
   "ไม่เป็นไรหรอก แค่ไปซื้อไอ้นี่มาเอง" เขาส่งกล่องสีแดงสลับขาวให้กับน้องชาย
   "นี่มันเค้กนี่" ไอโตะจ้องมองมันอย่างฉงน หากเป็นเค้กชิ้นก็ไม่แปลกใจแต่ทำไมพี่ชายถึงซื้อเค้กปอนด์มา
   "นายลืมสนิทเลยสินะว่าวันนี้วันอะไร" ยูโตะเก็บรองเท้าเข้าตู้หน้าบ้าน
   "อ๊ะ วันเกิดพี่นี่ ขอโทษฉันลืมสนิทเลย" เพราะวัน ๆ มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานบ้านที่ไม่ถนัด รวมถึงการดูแลผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอมเขาจึงลืมวันลืมคืนไปเลย
   "ก็วันเกิดนายด้วยนั่นแหละ"
   "ขอโทษนะพี่ เลยไม่ได้ทำอะไรพิเศษเตรียมไว้เลย" ไอโตะเสียงแผ่วอย่างกับเป็นความผิดร้ายแรง เขาเพิ่งเคยลืมวันเกิดพี่เป็นครั้งแรก
   "ไม่เป็นไรหรอก ไอก็ทำของที่ฉันชอบแทบจะทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ" ในเมนูอาหารเย็นวันหนึ่งมักจะมีอาหารที่ยูโตะชอบอยู่อย่างหนึ่งเกือบทุกครั้ง
   หลังอาหารเย็นพวกเขาก็ย้ายไปยังโต๊ะเตี้ยกลางห้องนั่งเล่น ไอโตะนั่งลงกับพื้นแล้วเปิดกล่องเค้กออก ด้านในมีช็อทเค้กขนาดปอนด์ครึ่งสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งประดับด้วยสตอเบอรี่สีแดงสด ด้านบนมีป้ายสีขาวขนาดเล็กเขียนไว้ว่า 'Happy Birthday U & I' ด้วยตัวหนังสือสีทอง
   "ฮิ ฮิ เหมือนที่แม่ทำให้ทุกปีเลยนะ" ไอโตะยิ้มแฉ่งออกมา
   มารดาของพวกเขาอยากกลับมาฉลองวันเกิดให้แต่เพื่อนของเธอมีเรื่องเดือดร้อนหลายอย่างจากการสูญเสียมารดาไป นอกจากนี้ยังท้องแก่อีกด้วย มารดาของพวกเขาจึงอยากช่วยเหลือเธอให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
   "ก็เพราะแบบนี้มันประหยัดค่าเค้กไงล่ะ"
   ที่จริงพวกเขาไม่ได้เกิดวันเดียวกันเสียทีเดียว แต่ต่างกันแค่ช่วงเวลาเท่านั้น วันเกิดของยูโตะคือ 7 สิงหาคม ในตอน 5 ทุ่มครึ่ง ส่วนไอโตะเป็นวันที่ 8 ในตอนตี 1 ดังนั้นถึงจะเป็นคนละวันแต่ก็เหมือนเป็นวันเดียวกัน พ่อแม่ของพวกเขาจึงมักฉลองวันเกิดให้พร้อมกันเสมอ
   "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าแม่ได้ยินจะโกรธเอานะ" เด็กหนุ่มหัวเราะลั่นกับความคิดของพี่ชาย
   "ถ้าใกล้ ๆ เที่ยงคืน พ่อต้องโทรมาหาแน่" ยูโตะทำนายอย่างมั่นใจเนื่องจากตั้งแต่ไปอยู่ต่างประเทศพ่อก็จะอวยพรวันเกิดด้วยวิธีนี้ทุกครั้งไป
   "อือ พี่ยู ขอบคุณนะ" ไอโตะมองเค้กแล้วทำหน้าเศร้า
   "เป็นอะไรไป อย่าบอกนะว่ากำลังคิดว่าเพราะไม่ใช่น้องก็เลยไม่ควรได้รับของจากฉันอยู่น่ะ" ยูโตะทายใจอย่างรู้ทัน
   "เปล่า เออ ขอโทษ" ถึงจะปฏิเสธแต่บางส่วนในใจก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ ทั้งที่ไม่ควรจะใส่ใจแล้วแท้ ๆ
   "ฉันทำแบบนี้ทำให้ไอลำบากใจเหรอ"
   "เปล่ามีความสุขมากต่างหาก แต่ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนพี่ยังไงนี่" พี่ชายคอยดูแลเขาแทนแม่มาตั้งแต่เด็กโดยที่แม่ไม่เคยขอให้ช่วยเลยสักครั้ง กระทั่งรู้ว่าเขาไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันพี่ก็ยังไม่เปลี่ยน
   "ฉันไม่ได้ดีกับไอเพราะหวังผลตอบแทนซักหน่อย การที่เราทำอะไรให้คนที่ชอบไม่จำเป็นต้องคิดมากนี่ จริงมั้ย"
   ไอโตะรู้สึกเขินกับคำพูดนั่นเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ายอมรับ เพราะเขาเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
   "เอ้าแล้วก็นี่ ของขวัญ" ยูโตะยื่นกล่องสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือให้ผู้ที่นั่งอยู่ด้านล่าง
   "อ๊ะ แต่ฉันไม่มีอะไรให้พี่เลย ขอติดไว้ก่อนนะ" ปกติแล้วในช่วงนี้ของทุกปีเขาจะประหยัดค่าขนมไว้เพื่อซื้อของขวัญให้พี่ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งหลายก็ทับถมสมองของเขาจนไม่เหลือช่องว่างให้คิดอะไรได้
   "ไม่เป็นไร ที่จริงแค่ไอหอมฉันทีเดียวก็พอแล้ว แต่ไม่เอาแบบครั้งก่อนนะ" ยูโตะพูดทีเล่นทีจริง
   "ไม่เอาหรอก ยังไงฉันก็จะซื้อให้ทีหลังแน่ ๆ จะให้รับอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไงกันเล่า" ไอโตะพูดพลางทำหน้าบูด
   "ก็ได้ แต่ฉันขอมัดจำไว้ก่อนแล้วกัน" ยูโตะไม่รอช้าโน้มตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ไอโตะที่รู้ว่าพี่คิดจะหอมแก้มเขารีบดันตัวพี่ชายไว้
   "ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า ไม่ต้องมัดจำก็ได้" รู้สึกว่าหมู่นี้ยูโตะเรียกร้องการสัมผัสเขาเหลือเกิน เป็นเพราะดีใจที่เขากลับมาเป็นคนเดิมหรืออย่างไร
   "เล่นปฏิเสธกันแบบนี้ ไม่คิดถึงความรู้สึกฉันบ้างเลยนะ" ยูโตะแสร้งทำเป็นน้อยใจแล้วสะบัดหน้าหนี
   "ไม่ใช่อย่าง..." ไอโตะพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดพูดไปดื้อ ๆ
   "เป็นอะไรไปเหรอ ไอ" พี่ชายที่แกล้งงอนแปลกใจจึงหันกลับมาถาม
   "จะว่าไปความรู้สึกของพี่คืออะไรเหรอ"
   "หา" ยูโตะไม่เข้าใจว่าน้องชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
   "ก็ที่พี่เคยพูดไว้ตอนที่ทะเลาะกับฉันไงจำได้หรือเปล่า พี่บอกว่าเพราะฉันรู้ความรู้สึกของพี่ถึงได้หลบหน้า นั่นหมายความว่ายังไงเหรอ"
   ยูโตะชะงักงันไปชั่วขณะไม่คิดว่าไอโตะจะมานึกเรื่องนี้ได้เอาตอนนี้ ตอนนั้นเขาเข้าใจผิดว่าไอโตะรู้ตัวว่าเขาแอบล่วงเกินตอนที่กำลังหลับอยู่จึงได้พูดแบบนั้นออกไป ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี หรือว่าควรจะใช้โอกาสนี้สารภาพความจริงกับไอโตะไปเลย ทว่าไอโตะมองเขาเป็นพี่ชายมาตลอดความรู้สึกนี้คงเปลี่ยนกันกะทันหันไม่ได้ นอกจากนี้เขายังไม่รู้เลยว่าไอโตะคิดอย่างไรกับการชอบพอเพศเดียวกัน จะรู้สึกแย่หรือเปล่า หากรีบร้อนแล้วถูกเกลียดขึ้นมาคงไม่ดีแน่
   "พี่ยู" ไอโตะเอ่ยเรียกพี่ชายที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
   ยูโตะขยับตัวลงมาจากโซฟาแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของไอโตะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นโอกาสที่ดี หากดูสถานการณ์ไม่ดีขึ้นมา เขาก็แค่บอกว่าเป็นเรื่องล้อเล่นก็คงไม่เป็นไร
   "ไอ ฉันน่ะ ตลอดมา กับนายแล้ว" ชายหนุ่มมองตาน้องชายแล้วค่อย ๆ พูดออกมาเป็นจังหวะเพราะความไม่มั่นใจ
   ไอโตะเอียงคอมองพี่ชายด้วยความฉงน แววตาที่มองตรงมาที่เขาดูต่างไปจากทุกครั้งเหมือนกับว่า      ยูโตะกำลังจะบอกเรื่องสำคัญ
   "ตลอดมา...ฉันระ..." ยูโตะพยายามยกริมฝีปากที่หนักขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุอย่างยากลำบาก แต่แล้ว
   'ติ๊งต่อง' เสียงกริ่งเรียกหน้าบ้านที่ไม่ดูเวลาดังขึ้น คำว่ารักที่เกือบจะออกมาจากปากจึงต้องสะดุดลง
   "ฉันจะไปดูนะ" ไอโตะเสนอตัวแล้วมุ่งไปยังประตูบ้านโดยไม่สนใจยูโตะที่ยังยกมือค้างอยู่อย่างนั้น
   "ใครครับ" ค่ำมืดแล้วคงไม่ใช่ไปรษณีย์หรือพวกขายของ
   "ไอจัง ฉันเอง"
   พอได้ยินเสียงคุ้นหูของชายหนุ่มไอโตะก็เปิดประตูออก จากนั้นร่างของน้าชายก็กระโจนเข้าใส่เหมือนกับทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
   "น้าทำไมมาได้ล่ะ" ไอโตะประหลาดใจที่ได้เจอผู้ที่กลับมานาน ๆ ครั้งอีกเร็วขนาดนี้
   "ก็แม้วันนี้วันเกิดไอไม่ใช่เหรอ" โทยะพูดทั้งที่ยังกอดหลานชายแน่น
   "ปกติน้าก็ไม่ได้มาวันเกิดพวกเราทุกปีอยู่แล้วนี่ แล้วก็จะปล่อยได้หรือยัง" ยูโตะดึงตัวผู้มาขัดจังหวะการสารภาพความในใจของเขาออกจากน้องชายด้วยความหงุดหงิด
   "อะไรกัน บาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังจะปากเก่งได้อีกเหรอ"
   "ทำไมถึงรู้ล่ะ" ดูน้าไม่ตกใจกับแขนของยูโตะที่ยังมีรอยช้ำอยู่เลย
   "ได้ยินมาจากพี่น่ะ"
   "แล้วมาทำไมอีกล่ะ ลืมของหรือไง ถ้างั้นโทรมาบอกก็ได้เดี๋ยวฉันจะส่งไปให้" ยูโตะไล่โทยะทางอ้อม
   "หา นี่ไล่กันซึ่ง ๆ หน้าเลยเหรอ ถ้าไม่ให้ฉันเข้าไปนายก็จะไม่ได้ของขวัญสุดยอดที่ฉันอุตส่าห์เอามาให้นะ" โทยะมองหลานชายอย่างมีเลศนัย เขาคล้องแขนที่คอของยูโตะแล้วหยิบรูปภาพ 3-4 ใบออกมา พอยูโตะเห็นแล้วก็อ้าปากเล็กน้อยราวกับจะพูดอะไรแต่กลับไม่มีเสียงออกมา
   "งั้นครั้งนี้จะอนุโลมให้เป็นพิเศษแล้วกัน" ยูโตะหยิบรูปถ่ายพวกนั้นไปอย่างรวดเร็ว
   "รูปอะไรเหรอพี่" ไอโตะถามด้วยความสงสัยเพราะพี่ชายมีท่าทางเปลี่ยนเป็นทันทีหลังจากเห็นมัน
   "ไม่มีอะไรหรอก" ยูโตะพูดอย่างนั้นแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน นอกจากนี้ยังรีบเก็บรูปพวกนั้นไปอีก นั่นทำให้ไอโตะยิ่งติดใจเข้าไปใหญ่
   "อ๋า นี่กินข้าวกันเสร็จแล้วเหรอ" โทยะโวยวายทันทีที่มองเห็นสภาพโต๊ะอาหารที่แทบจะไม่เหลืออะไร
   "ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ในตู้เย็นนะ น้าจะกินหรือเปล่า"
   "ช่างเถอะ ที่จริงฉันก็กินมาบ้างแล้วล่ะ แต่ฉันขอเค้กด้วยนะ"
   ยูโตะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมนั่งลงโดยไม่บ่นอะไร หลังจากน้าช่วยร้องเพลงวันเกิดให้พวกเขาแล้วไอโตะก็ตัดแบ่งเค้กใส่จานให้น้าที่นั่งไขว่ห้างอยู่ โทยะรับไปแล้ววางมันไว้บนตัก สายตาของเขาจ้องมองป้าย U & I นิ่ง
   "ฉันได้ยินเรื่องทั้งหมดมาจากพี่แล้วล่ะ ทั้งเรื่องที่ไอรู้ความจริงทุกอย่างแล้วก็เรื่องที่พวกนายผิดใจกันด้วย" โทยะมีท่าทางเคร่งขึมขึ้นมา
   "ก็แล้วเพราะใครล่ะ" ยูโตะที่นั่งอยู่บนโซฟายาวเหลือบมองผู้นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กข้าง ๆ
   "ขอโทษจริง ๆ ไม่คิดว่าไอจะมาได้ยินเข้า" โทยะยอมรับผิดโดยไม่โต้เถียงแต่อย่างใด
   "พูดง่ายนี่ รู้หรือเปล่าว่าทำให้ไอเสียใจแค่ไหน" ยูโตะต่อว่าผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ บางทีที่โทยะอุตส่าห์มาในวันนี้ก็คงเพราะเรื่องนี้
   "ขอโทษนะไอ แล้วตอนนี้ไอไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย" น้ำเสียงของโทยะบ่งบอกว่าเป็นห่วงไอโตะอย่างชัดเจน
   "ครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว" ไอโตะที่นั่งอยู่ข้างพี่ชายตอบอย่างหนักแน่น เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความผิดของใครทั้งนั้น
   "ฉันดีใจนะที่เห็นพวกนายยังเหมือนเดิม ไอ พี่กับคุณฮิโรชิรักไอเหมือนลูกจริง ๆ นะ ฉันกล้าพูดได้เลย เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากหรอกนะ"
   "อือ ผมรู้ดีครับ" ตอนที่ถูกแม่ต่อว่าแม่ก็บอกว่าเขาเป็นลูกชายคนสำคัญเหมือนกับพี่แล้วร้องไห้ยกใหญ่
   "จะว่าไปตอนพาไอมาที่นี่เมื่อ 13 ปีก่อนก็เป็นวันนี้นี่นะ"
   "13 ปีก่อน? ผมไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกเหรอครับ" เขาจำเรื่องราวในตอนเด็กได้ไม่มากนักยิ่งตอนก่อน 3 ขวบด้วยแล้วเรียกว่าแทบจะไม่มีความทรงจำอยู่เลยก็ว่าได้
   "อือเปล่าหรอก ฉันพาไอมาที่นี่ตอน 3 ขวบ ไอจำอะไรไม่ได้เลยสินะ"
   พอไอโตะพยักหน้ายูโตะก็พูดแทรกขึ้น
   "แต่ฉันจำตอนที่เจอไอครั้งแรกได้นะ ไอหน้าตาน่ารักตัวก็เล็กนิดเดียว ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก" ยูโตะมองใบหน้าของคนข้าง ๆ ที่แม้จะเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ยังมีเค้าเดิมอยู่มาก
   "เอ๋ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ใช่น้องแท้ ๆ ตั้งแต่แรกแล้วสิ"
   "ไม่หรอก ตอนนั้นฉันก็แค่แปลกใจว่าทำไมแม่ไม่เห็นอุ้มท้องเหมือนกับแม่ของเพื่อนคนอื่น ๆ แต่กลับมีน้องชายให้ฉันได้แค่นั้นเอง แล้วก็เพราะว่าไอน่ารักฉันก็เลยไม่คิดจะสงสัยอะไรเลยน่ะ" ยูโตะพูดถึงความงี่เง่าของตัวเองอย่างไม่อาย
   "ฮ่า ฮ่า เป็นพี่ชายที่บ้าดีแฮะ แต่ฉันก็จำได้นะ นายเห่อไออย่างกับได้ลูกหมาลูกแมวมาเลี้ยงแน่ะ" โทยะหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจยูโตะที่ค้อนจนหน้าหัน
   "อืม แต่ยังไงฉันก็นึกไม่ออกแฮะ แล้วทำไมน้าถึงเป็นคนพาผมมาล่ะ" ไอโตะพยายามค้นหาความทรงจำในวัยเด็กของตัวเองอยู่ชั่วขณะก่อนจะถอดใจยอมแพ้
   "ก็เพราะฉันเป็นคนเลี้ยงนายมาตั้งแต่เกิดไงล่ะ" โทยะชี้นิ้วไปที่ไอโตะ
   "เอ๋!!!" ไอโตะส่งเสียงร้องด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าชายที่เป็นน้องของแม่และแวะเวียนมาหาเป็นครั้งคราวจะเป็นคนเลี้ยงเขามา
   โทยะหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของหลานชายถึงจะนึกเสียใจที่ไอโตะจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลยก็เถอะ
   "ไอ นายอยากฟังเรื่องพ่อแม่ของตัวเองหรือเปล่า"
   "เออ มันจะดีเหรอ" เขาเหลือบไปมองพี่ชายเป็นเชิงขอความคิดเห็น การอยากรู้เรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงจะเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติกับผู้ที่เลี้ยงดูเขามาหรือเปล่า
   "ถ้าอยากรู้ก็ฟังเถอะ ไม่เห็นต้องเกรงใจฉันเลย" ยูโตะวางมือบนศีรษะน้องชายที่เอาแต่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นก่อนตัวเอง
   เมื่อพี่ชายไม่ว่าอะไรไอโตะก็หันหน้ากลับไปทางโทยะ โทยะจึงเริ่มเล่าเรื่องในอดีต
   "พ่อของนายเป็นรุ่นพี่ของฉันตอนอยู่มอปลายน่ะ พวกเราสนิทกันมากพอเข้ามหาลัยก็ยังเรียนที่เดียวกันอีก รุ่นพี่เป็นเด็กกำพร้าแต่ก็เป็นคนดีและเข้มแข็งฉันนับถือเขามากเลยล่ะ" โทยะวางจานเค้กที่ยังไม่ได้แตะต้องลงบนโต๊ะเตี้ยก่อนจะเล่าต่อ
   "พอฉันเข้ามหาลัยแล้วก็ได้เจอกับแม่ของไอ ชิโอริซังเป็นคนสวยและมาจากบ้านที่มีฐานะ พวกเขาเริ่มคบกันมาตั้งแต่ปี 1 ก่อนที่ฉันจะเข้ามาแล้วล่ะ"
   ไม่รู้ว่าไอโตะคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขาเห็นแววตาของน้าหมองลงเล็กน้อย
   "หลังเรียนจบได้สองปีทั้งคู่ก็แต่งงานกัน ถึงทางบ้านของชิโอริซังจะคัดค้านและต้องถูกตัดขาดจากครอบครัวแต่เธอก็เลือกรุ่นพี่"
   "อะไรกัน" ไอโตะไม่นึกว่าจะได้ยินเรื่องที่เคยเห็นแต่ในนิยายกับคนใกล้ชิดแบบนี้
   "แม้จะเป็นครอบครัวเล็ก ๆ แต่พวกเขาก็มีความสุข แต่แล้วในปีต่อมา ทั้งคู่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนบาดเจ็บสาหัส พอฉันไปถึงโรงพยาบาลรุ่นพี่ก็ฝากฝังภรรยาที่กำลังท้องไว้กับฉันแล้วสิ้นใจไป แต่ทาง  ชิโอริซังหมอก็บอกว่าสามารถช่วยชีวิตได้แค่คนเดียว" โทยะผ่อนลมหายใจออกยาวราวกับยากที่จะพูด
   "ชิโอริซังเลือกที่จะให้ไอมีชีวิตอยู่จากนั้นก็ฝากนายไว้กับฉันแล้วตามรุ่นพี่ไปอีกคน"
   ยูโตะกอดน้องชายที่น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอาไว้ ไอโตะซบหน้าลงบนไหล่ของชายหนุ่มแล้วส่งเสียงสะอึกสะอื้นไม่หยุด
   "ทางครอบครัวของชิโอริซังไม่คิดจะรับเด็กที่เกิดจากการแต่งงานที่ไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นฉันก็เลยเลี้ยงดูนายและตั้งชื่อให้ว่า ไอ ที่หมายถึงความรักเพราะว่านายได้รับความรักจากพ่อกับแม่มากไงล่ะ" โทยะมองไอโตะกับยูโตะแล้วยิ้มออกมา ในตอนนี้คงไม่ได้มีแค่ความรักจากพ่อกับแม่อีกแล้ว
   "ฉันเลี้ยงไอมาได้ 3 ปี แต่ช่วงนั้นงานของฉันเริ่มต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ฉันเลยคิดว่าอาจจะดูแลนายไม่ได้ดี แถมอยู่กับคนโสดอย่างฉันไอคงไม่ได้รู้จักกับคำว่าครอบครัวฉันก็เลยไปปรึกษาพี่ แต่พี่กลับพูดออกมาว่าจะรับดูแลไอเองซะอย่างนั้น"
   "เอ๋! แม่น่ะเหรอ" ไอโตะเงยหน้าขึ้นมองโทยะอีกครั้ง
   "อือ พี่บอกว่าถูกใจไอตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะ ฉันเองก็เห็นว่าถ้าเป็นครอบครัวของพี่ที่เพียบพร้อมล่ะก็ไอต้องมีความสุขแน่ ก็เลยตัดสินใจให้พี่รับเป็นลูกบุตรธรรมไป ยูโตะก็ชอบไอด้วยใช่มั้ยล่ะ"
   "แน่อยู่แล้ว" ยูโตะตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
   "แล้วไอล่ะ ชอบที่นี่หรือเปล่า"
   "อือ ชอบที่สุด ทั้งพ่อที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว ทั้งแม่ที่คอยเอาใจใส่และเข้มงวด แล้วก็พี่ชายที่ดีที่สุด"
   พอได้ยินอย่างนั้นยูโตะก็กอดไอโตะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแน่น
   "เฮ้ แล้วฉันล่ะ" โทยะรีบท้วงเมื่อไม่ปรากฏการพาดพิงถึงตนอยู่ในการไล่เรียงของไอโตะ
   "โทษที แต่น้าไม่ได้อยู่ในความทรงจำของไอด้วยซ้ำ" ยูโตะตอบแทนพลางยิ้มเยาะ
   "โหดร้ายเกินไปแล้ว" ทั้งที่เขาเป็นคนเลี้ยงดูมาแต่ตอนนี้กลับเป็นคนนอกไปเสียแล้ว
   "คิก คิก ไม่หรอก น้าที่ใจดีเสมอผมก็ไม่ลืมหรอก"
   "ไอจัง" โทยะยิ้มหน้าบานจากนั้นก็ลุกขึ้นมาทำท่าจะคว้าตัวไอโตะไป ทว่าผู้ที่ยึดตัวไว้ก่อนก็ไม่คิดจะมอบตัวให้ง่าย ๆ
   "ไอ้พี่ชายขี้งกนี่ ไอไม่ใช่ของนายคนเดียวนะ" โทยะฉุนกึกเมื่อถูกขัดขวางทุกครั้งไป
   "ของฉันคนเดียวต่างหาก" พอยูโตะประกาศอย่างนั้นโทยะที่ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยก็กระเดาะลิ้นแล้วถอยไปอย่างจำใจ
   "ชิ อ๊ะ จริงสิ เกือบลืมของขวัญของไอเลย เอ้านี่" โทยะส่งของขวัญที่ถูกห่ออย่างดีต่างจากของยูโตะให้เด็กหนุ่ม
   พอไอโตะเปิดออกดูก็พบว่าข้างในเป็นกรอบรูปสีขาว ชายหญิงที่สวมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งยืนเคียงข้างกันภายในรูปนั้นแม้จะได้เห็นเป็นครั้งแรกแต่เขากลับรู้สึกโหยหาอย่างน่าประหลาด รอยยิ้มที่อ่อนโยนของทั้งคู่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนจิตใจดีอย่างแน่นอน
   "พ่อกับแม่เหรอครับ" ไอโตะถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากรูปภาพ
   "อือ เก็บไว้ให้ดีล่ะ"
   "ฉันเก็บไว้จะดีเหรอ" ไอโตะหันไปถามพี่ชายประหนึ่งจะขออนุญาตด้วยความเกรงใจตามเคย
   "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไอเก็บเอาไว้เถอะ"
   "ขอบคุณนะครับน้า" ไอโตะยิ้มทั้งน้ำตา
   โทยะมองดูพี่ชายที่กำลังเช็ดน้ำตาให้น้องชายอย่างอ่อนโยนแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ ภาพตรงหน้ายืนยันได้ว่าสายเลือดไม่ใช่สิ่งสำคัญ บางทีพวกเขาอาจจะมีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกว่าพี่น้องแท้ ๆ บางคนเสียอีก เขาคิดถูกจริง ๆ ที่พาไอโตะมาที่นี่
   แต่แล้วโทยะที่คิดอย่างนั้นได้ไม่นานก็ต้องถอนความคิดนั้นเมื่อเวลาเข้านอนมาถึง
   "แล้วน้าจะตามขึ้นมาทำไมไม่ทราบ" ยูโตะเหลือบมองผู้ที่ควรจะนอนอยู่ชั้นล่างแต่กลับเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย
   "อะไรกันอย่างน้อยวันนี้ฉันที่อุตส่าห์ถ่อมาฉลองวันเกิดให้ก็ควรจะได้นอนกับไอสิ จะได้ระลึกความหลังกับไอไง"
   "ไม่มีอะไรให้ระลึกทั้งนั้นแหละ อีกอย่างไม่มีใครขอให้น้ามาซักหน่อย" ยูโตะพาไอโตะเข้าห้องแล้วปิดประตูทันทีที่พูดจบ
   "เดี๋ยวสิ ยูโตะ ยูโตะ" โทยะทุบประตูขอความเห็นใจจากเจ้าของห้อง แต่ยูโตะกลับขึ้นไปบนเตียงอย่างไม่สนใจใยดี
   "นี่พี่ยู น้าน่าสงสารออก" แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ถูกกระทำแต่ก็รู้สึกเห็นใจน้าที่ถูกปฏิบัติแบบนี้ด้วยทุกครั้งที่มา
   "จะบอกว่าไออยากนอนกับน้ามากกว่าฉันเหรอ"
   "เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่พูดกันดี ๆ ก็ได้นี่" ไอโตะมองไปทางประตูที่เงียบเสียงลง อีกฝ่ายคงจะยอมแพ้ไปแล้ว
   "เฮ้อ พี่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีทำอย่างกับน้าเป็นศัตรูอย่างนั้นแหละ" ทั้งที่ยูโตะก็น่าจะรู้ว่าน้าที่เคยเลี้ยงเขามาก็แค่อยากใช้เวลาร่วมกับเขาเท่านั้น
   "ก็บางทีน้าอาจจะเปลี่ยนใจเอาไอกลับไปก็ได้นี่"
   "เอ๋ ไม่หรอกน่า" ที่แท้พี่ชายของเขาก็กังวลเรื่องนี้มาตลอดนี่เองถึงได้ไม่ยอมให้น้าเข้าใกล้เขาเลย
   "เพราะไอไม่รู้น่ะสิถึงพูดได้" ยูโตะขยับตัวเข้าไปด้านในแล้วพิงหลังกับกำแพง
   "ไม่รู้อะไรเหรอ" ไอโตะขึ้นไปบนเตียงแล้วนั่งลงตรงหน้าพี่ชาย
   "ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทแค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดยอมรับเลี้ยงลูกให้หรอก ถ้าเป็นฉันก็แค่ส่งให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วคอยไปดูแลเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง"
   "อืม นั่นก็จริงอยู่ งั้นทำไมล่ะ" ไอโตะก็รู้ดีว่าการมีลูกจะต้องพร้อมที่จะแบกรับภาระและทุ่มเทเพื่อเด็กมากแค่ไหนไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเดียว
   "ก็เพราะน้าแอบชอบรุ่นพี่คนนั้นไงล่ะ" ยูโตะชูนิ้วชี้ประกอบการพูด
   "รุ่นพี่? หมายถึงแม่ของฉันน่ะเหรอ"
   "เปล่า หมายถึงพ่อของไอต่างหาก" ยูโตะแก้ความเข้าใจผิดเสียใหม่
   "เป็น...ไปไม่ได้หรอกน่า" ไอโตะส่ายหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
   "ทำไมล่ะ แปลกเหรอ"
   "ก็ ไม่ใช่ว่าแปลก แต่...เออ" ไอโตะไม่เคยคิดว่าการที่ผู้ชายด้วยกันชอบพอกันเป็นเรื่องแปลกหรือไม่จึงไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร นอกจากนี้เขายังไม่เคยรู้สึกว่าน้าของตนจะมีรสนิยมแบบนั้น
   "น้าอาจจะรับไอมาดูแลเพราะเป็นเหมือนที่ระลึกถึงรุ่นพี่ แต่ในทางตรงข้ามพอเห็นไอแล้วก็ทำให้เศร้าเสียใจจนไม่สามารถทนเลี้ยงต่อไปได้ ส่วนชื่อไอบางทีอาจจะหมายถึงความรักที่น้ามีต่อรุ่นพี่ซะมากกว่า"
   "ไม่หรอก พี่คิดมากเกินไปแล้ว" ยังไงเขาก็ยังไม่อยากเชื่อการจินตนาการของพี่ชายที่กำลังบอกว่าน้าของตนเป็นเกย์
   "แต่ฉันเคยได้ยินตอนน้าเมาแล้วพูดออกมานะ จนบัดนี้น้าถึงยังไม่ได้แต่งงานเพราะลืมรักแรกไม่ได้ไงล่ะ ถ้าเกิดน้าชอบไอขึ้นมาฉันก็แย่น่ะสิ"
   "ไม่มีทาง น้าไม่คิดอะไรแบบนั้นกับฉันหรอก" ต่อให้น้าเป็นเกย์จริงเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ยูโตะคิดแน่ ๆ สิ่งที่เขาสัมผัสจากน้าได้มีแต่ความรักและความเอ็นดูของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กเท่านั้น
   "ไม่มีอะไรรับประกันสักหน่อย ไอน่ารักจะตาย ฉันเข้าใจดีเพราะฉันเองถ้าชอบใครแล้วก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเหมือนกัน" ยูโตะสารภาพอย่างโจ่งแจ้ง
   "เอ๋!!" ไอโตะตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อพี่ชายพูดเรื่องเหลือเชื่อออกมาหน้าตาเฉย
   "ไอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ" ยูโตะฉวยโอกาสถามสิ่งที่ตนกำลังกังวล
   "เออ...ก็ จะว่ายังไงดีล่ะ" สมองของเขาทำงานติดขัดไปชั่วขณะ ถึงจะติดพี่แต่เขาก็ยังมองว่าเด็กผู้หญิงน่ารัก ไอโตะใช้เวลาคิดไขปัญหานี้จนเงียบไปนาน พี่ชายที่เห็นดังนั้นจึงให้ความช่วยเหลือ
   "ไอถูกฉันกอดบ่อย ๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่เหรอ นี่ไงล่ะ" ยูโตะดึงตัวไอโตะเข้ามาแล้วรับมัดจำที่ค้างไว้ก่อนหน้านี้
   "หวา ก็นั่นมันพี่นี่ แถมยังชินแล้วด้วย" ไอโตะร้องเสียงหลงแล้วพูดว่าชินทั้งที่กำลังเอนตัวหลบ
   "ชิน? งั้นลองทำเรื่องที่ไม่ชินแล้วกัน" คิ้วของยูโตะกระตุกเล็กน้อย ความพยายามของเขาทั้งหมดที่ผ่านมาแทนที่จะทำให้ไอโตะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาบ้าง แต่กลับถูกบอกด้วยคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าชิน
   ยูโตะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อแล้วสัมผัสแผ่นหลังของร่างบางโดยตรงอย่างไม่รอช้า ไอโตะที่เจอการล้อเล่นแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งรีบจับมือของพี่ชายไว้ แต่มือนั่นก็ยังขยับหยุกหยิกไม่หยุด
   "จะทำอะไรน่ะ พี่" ไอโตะยึดข้อมือของชายหนุ่มไว้แน่นจนหยุดมันได้สำเร็จ
   "ไม่ชอบเหรอ" ชายหนุ่มถามทั้งที่ยังวางมือแนบอยู่บนตัวของไอโตะ
   "ปะ...เปล่า ก็แค่...ตกใจน่ะ" ไอโตะตะกุกตะกักตอบเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
   "แต่ก็ไม่ได้รังเกียจใช่มั้ย"
   พอถูกถามอย่างนั้นไอโตะก็หลุบตาลงโดยไม่รู้ตัว หัวใจก็เหมือนจะเต้นแรงขึ้นมา
   "เออ...ก็ ก็เป็นพี่นี่ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ไหวหรอกน่า" ไอโตะรู้คำตอบนี้มาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ตอนที่ถูก   คิจิมะสัมผัสนั้นเขารู้สึกขยะแขยงและอยากจะหนีไปให้พ้น แต่ตอนนี้เพราะเป็นพี่ชายหรืออย่างไรแม้จะสัมผัสผิวกายโดยตรงก็ไม่รู้สึกรังเกียจ ตรงข้ามกลับรู้สึกดีนิดหน่อยมากกว่า
   "จะบอกว่าแค่ฉันคนเดียวเหรอ" ยูโตะคิดเข้าข้างตัวเอง
   "อ๋า ไม่รู้หรอก พอเลยเลิกเล่นได้แล้วฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้สักหน่อย แล้วก็ง่วงแล้วด้วย" ไอโตะดึงฝ่ามือใหญ่ที่ทำให้บริเวณที่ถูกสัมผัสมีอุณหภูมิสูงขึ้นออกจากตัวแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความขัดเขิน
   "อะไรกัน แต่ฉันอยากรู้นี่" ยูโตะมองผู้ที่หนีไปได้อย่างเสียดาย เขาอยากจะสัมผัสไอโตะมากกว่านี้ อยากจะเห็นปฏิกิริยาที่มีต่อเขา
   "พะ...พูดอะไรเนี่ย รีบนอนเถอะน่า" ไอโตะเอ็ดพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กและตื๊อไม่เลิก
   "ชิ ก็ได้ ๆ งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะ" ยูโตะโน้มตัวลงไปเพื่อจูบราตรีสวัสดิ์เหมือนทุกครั้งแต่จู่ ๆ เขาก็หยุดไปกลางคัน
   "พี่มีอะไรเหรอ"
   "หึ เวลาทำแบบนี้ทีไรไอจะบ่นว่าไม่ใช่เด็กแล้วทุกทีเลยนี่ งั้นตั้งแต่วันนี้ไปเปลี่ยนที่หน่อยดีกว่ามั้ย"
   ยูโตะเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ในขณะที่ไอโตะยังไม่เข้าใจว่าพี่ชายต้องการจะทำอะไร แต่ใน           ชั่วพริบตาต่อมาเขาก็ได้คำตอบเมื่อริมฝีปากได้รูปประทับลงมาบนริมฝีปากของตนอย่างนุ่มนวล
   "พะ...พี่ ทำอะ...ไรน่ะ" ไอโตะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงพลางยกมือปิดปากตัวเองไว้ ถึงพี่ชายจะล้อเล่นแค่ไหนแต่นี่มันเกินไปมาก
   "ก็จูบราตรีสวัสดิ์แบบผู้ใหญ่ไง" ยูโตะส่งยิ้มแล้วตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาไม่สามารถเห็นท่าทางน่ารักแบบนี้ของไอโตะได้หากแอบทำในตอนที่ไอโตะหลับอยู่
   "พี่...พี่บ้าที่สุด" ไอโตะใช้สองมือปิดหน้าแล้วตะแคงตัวหนี ถึงเขาจะบ่นแบบนั้นบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้พี่ทำแบบนี้ ที่สำคัญนั่นยังเป็นจูบแรกของเขาด้วย
   "ไอ ขอโทษ โกรธเหรอ" ยูโตะลนลานถามดูเหมือนเขาจะผลีผลามเกินไป ไอโตะคงจะตกใจมาก
   ไอโตะไม่ได้โกรธแต่เขาไม่รู้ว่าจะมองหน้าพี่ชายอย่างไร สัมผัสอบอุ่นบนริมฝีปากยังตกค้างอยู่ ใจก็เต้นแรงไปหมด ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะกล้าทำเรื่องแบบนี้
   "ไอ รู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" ยูโตะเริ่มใจไม่ดี เขาลุกขึ้นคุกเข่าแล้วชะโงกมองหน้าไอโตะ นี่เขาขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้วหรือเปล่า
   ทางไอโตะไม่มีอารมณ์จะมาตอบคำถามนั่นเพราะเขากำลังตกอยู่ในห้วงของความสับสน หากเป็นพี่น้องทั่วไปควรจะรู้สึกไม่ดีอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเขาที่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจคงผิดปกติอย่างมาก
   "ไอ นี่ไอ" ยูโตะร้องเรียกน้องชายที่เอาแต่ปิดหน้าปิดตาด้วยความกังวล เขาอยากได้คำตอบเดี๋ยวนี้แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ดูจากท่าทางของไอโตะแล้วเขาคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ไปอีกสักพัก

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 10)
«ตอบ #13 เมื่อ09-03-2018 22:51:55 »

ตอนที่ 10

   ในร้านอาหารขนาดเล็กตอนบ่ายแก่ ๆ ซึ่งมีลูกค้าเพียงโต๊ะเดียว เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่เป็นพนักงานกำลังช่วยกันทำความสะอาดร้านเพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าที่จะมีมากในช่วงเย็น
   "ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อน..." พอได้ยินเสียงประตูเปิดพวกเขาก็กล่าวต้อนรับลูกค้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ทว่าฝ่ายหญิงนั้นหยุดเสียงไปเมื่อมองเห็นว่าผู้ที่เข้ามาในร้านเป็นใคร
   "มาอีกแล้วเหรอยูโตะซัง บ่อยขนาดนี้ฉันว่าต้องไล่ไอโตะออกซะแล้วล่ะมั้ง" สีหน้าของผู้พูดแสดงความเบื่อหน่ายออกมาอย่างไม่ปิดบัง ไอโตะได้แต่ยิ้มแหย ๆ แล้วตรงไปหาพี่ชาย
   "ฉันก็อุตส่าห์เลือกตอนที่มีคนน้อยแล้วไง" ยูโตะพูดเสียงเบาเพราะกลัวจะรบกวนลูกค้าของร้าน
   เนื่องจากแม่กลับมาแล้ว แขนของพี่ชายก็ดีขึ้นมากจนพอจะใช้การได้ไอโตะจึงมาทำงานพิเศษเพราะต้องการซื้อของขวัญให้พี่ชายด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไม่ใช่เงินของพ่ออย่างทุกครั้ง
   "ยูโตะมาเหรอ" เจ้าของร้านอาหารโผล่หน้าออกมาจากครัวเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่ม
   "คุณลุงสวัสดีครับ" ยูโตะทักทายชายที่แก่กว่าพ่อของเขาหลายปีแต่ยังดูหนุ่มกว่าอายุจนเหมือนกับวัยเดียวกัน
   "มาหาไอโตะอีกแล้วเหรอ"
   "ครับ ไอเป็นยังไงบ้าง ทำให้ลำบากหรือเปล่าครับ"
   "ไม่เลย ๆ แค่อาทิตย์เดียวก็เรียนรู้ได้ขนาดนี้แถมยังขยันอีกต่างหาก ช่วยได้มากเลยล่ะ" ผู้ที่ตอบแทนคือแม่ของมากิโฮะ
   "คุณป้าสวัสดีครับ แล้วก็นี่แม่ฝากมาให้ครับ" ชายหนุ่มส่งของในมือให้กับหญิงที่มีใบหน้าเป็นต้นแบบของลูกสาวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยืนใกล้กัน
   "มิโซะเหรอ ขอบคุณนะจ๊ะ แล้วยูโตะจะกินอะไรมั้ย"
   "ไม่ดีกว่าครับ" ยูโตะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
   "แน่ล่ะ ถ้ามาทุกวันแล้วกินทุกวัน คนที่จะทำให้ลำบากไม่ใช่ไอโตะแต่เป็นยูโตะซังเนี่ยแหละ" มากิโฮะต่อว่าเกินจริงไปเล็กน้อยเนื่องจากยูโตะแค่มาวันเว้นวันเท่านั้น
   "มากิโฮะ"
   ขณะที่ผู้เป็นแม่ปรามลูกสาว ไอโตะก็เห็นลูกค้ายกมือเรียกจึงตั้งใจจะเดินไปแต่ยูโตะก็ดึงแขนเขาเอาไว้ มากิโฮะตำหนิยูโตะด้วยสายตา จากนั้นจึงเดินไปให้บริการลูกค้าแทนไอโตะ
   "ไอ ฉันหิวน้ำจัง" ยูโตะนั่งลงตรงที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์แล้วร้องขอเสียงหวาน
   ไอโตะถอนหายใจแล้วไปเอาน้ำมาให้พี่ชาย เขาเลิกฝืนทำตัวเป็นผู้ใหญ่จนคนอื่นต้องเป็นห่วงแล้ว แต่ไอโตะก็ตั้งใจว่าจะเลิกทำตัวเป็นเด็กและอ้อนพี่ชายให้น้อยลงด้วย เพราะกลัวว่าพฤติกรรมแบบนั้นจะติดเป็นนิสัยไปจนโตและกลายเป็นคนไม่เอาไหน แต่ว่ามันกลับส่งผลให้พี่ชายของเขาเป็นฝ่ายทำตัวเป็นเด็กเสียเอง
   "นี่คิดจะมาขวางการทำงานจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย" มากิโฮะที่เก็บเงินลูกค้าเรียบร้อยแล้วต่อว่าทันทีที่ลูกค้าเพียงคนเดียวของร้านลุกออกไป
   "เวลาฉันมาให้ไอบริการฉันคนเดียวก็พอแล้ว" ชายหนุ่มออกคำสั่งราวกับเป็นผู้จัดการร้าน
   "หา ยูโตะซังไม่ใช่ลูกค้าซะหน่อย" มากิโฮะชี้หน้าแล้วพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกนึก
   "เหอะ ที่จริงไอไม่เห็นจะต้องมาทำงานพิเศษเลยนี่" ยูโตะจับมือน้องชายไว้ เขาคิดว่าพอแขนดีขึ้นแล้วจะได้ไปเที่ยวแต่ไอโตะกลับมาทำงานพิเศษนอกจากนี้ยังมีกำหนดจะทำเลยไปจนถึงช่วงเปิดเทอมอีกด้วย
   "พูดอย่างนี้อีกแล้ว" ไอโตะหน้ามุ่ยเขาฟังเรื่องนี้มาไม่รู้กี่รอบแล้ว
   "ฮ่า ฮ่า เมื่อก่อนเห็นแต่ไอโตะตามพี่ชายต้อย ๆ เดี๋ยวนี้กลายเป็นยูโตะแทนงั้นเหรอ " พ่อของมากิโฮะกระเซ้ายูโตะ
   "ก็ไม่เถียงหรอกครับ" ตั้งแต่ไอโตะไม่ยอมแสดงความเป็นเจ้าของตนต่อหน้าคนอื่นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งจนต้องมาคอยตามน้องชายแทนแบบนี้
   "ถ้างั้นลองคบกับมากิโฮะดูมั้ยล่ะ จะได้ปล่อย ๆ ไอโตะไปบ้าง" แม่ของมากิโฮะเสนอวิธีช่วยให้ยูโตะหลุดพ้นจากน้องชาย
   "นี่แม่อย่าขายลูกสาวตัวเองสิ แล้วฉันก็ไม่สนพวกบราคอนด้วย" มากิโฮะสะบัดหน้าหนีอย่างขัดเคือง แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังตึ้งมาจากโต๊ะไม้ที่อยู่ด้านในสุด พอมองไปก็เห็นว่าขาของมันข้างหนึ่งหักลงมา สภาพของมันก็โทรมมากแล้ว
   "เก่าแล้วนะครับ ไม่เปลี่ยนใหม่หน่อยเหรอ" ยูโตะมองดูโต๊ะตัวอื่นในร้านซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันมากนัก แม้จะมีผ้าคลุมโต๊ะไว้แต่ขาของมันที่ไม่มีอะไรปกปิดก็ซ่อนความจริงไว้ไม่มิด
   "ตอนแรกก็ว่าจะเปลี่ยนใหม่แต่พอคิดไปคิดมาว่าที่นี่มันเก่ามากแล้วก็เลยอยากทำใหม่ทั้งหมดพร้อมกันทีเดียวเลย"
   "ทั้งหมด? หมายถึงชั้นสองด้วยเหรอครับ" ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัยของคนในครอบครัวทั้งสามคน
   "ใช่ ก็บ้านนี้อายุมากกว่าฉันซะอีกนี่นะ คงถึงเวลาของมันแล้วล่ะ นี่ก็รอหาจังหวะเหมาะ ๆ แล้วก็ยังติดเรื่องค่าใช้จ่ายอีก"
   "แต่ก็ดีเหมือนกันนะครับ ได้ยินว่าถนนด้านหลังจะสร้างพวกที่พักคนก็น่าจะเยอะขึ้น"
   "อือ นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อยากทำใหม่ด้วยล่ะ โทรมแบบนี้ลูกค้าได้หนีหมดแน่"
   "ยินดีต้อนรับค่ะ" มากิโฮะกล่าวต้อนรับลูกค้าที่มาใหม่
   "โอ๊ะ มีลูกค้ามาซะแล้วงั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ" ผู้ไม่ได้มาเป็นลูกค้ากล่าวลาเจ้าของร้านทั้งสองคนแล้วหันไปขยี้ผมของน้องชาย
   "แล้วฉันจะมารับนะ"
   "วันนี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ อย่ามามั่วนะ" ไอโตะไม่ได้ต้องการคนมารับ แต่ยูโตะจะไม่ยอมให้เขาทำงานพิเศษหากไม่ให้เขามา ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะมารับวันเว้นวันเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นในวันที่ยูโตะมารับไม่ได้เขาก็จะแวะมาที่ร้านในช่วงที่คนน้อยแทน
   "แย่จริง ไม่หลงกลแฮะ" ยูโตะหัวเราะ แหะ แหะ แล้วยิ้มอย่างสดใสเสียจนมากิโฮะมองเห็นภาพทุ่งดอกไม้ปรากฏอยู่เบื้องหลัง
   พอยูโตะเดินออกจากร้านไปได้ไม่นานมากิโฮะที่รับรายการอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เข้ามาคุยกับไอโตะที่เพิ่งเสิร์ฟน้ำชาให้ลูกค้า
   "ช่วงนี้ยูโตะซังดูแปลกไปนะ" มากิโฮะพูดราวกับกระซิบ
   "ที่คอยตามติดฉันน่ะเหรอ" ไม่รู้เพราะพี่ชายกลัวเขาจะคิดอะไรไม่เข้าท่าอีกหรืออย่างไรถึงได้กลายเป็นแบบนี้
   "ไม่ใช่อย่างนั้น ว่าไงดีล่ะ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สายตาที่มองนายก็ดูลึกซึ้งยังไงไม่รู้" มากิโฮะเอามือป้องปากตอนที่พูดประโยคหลัง
   "หา พูดอะไรของเธอน่ะ" แม้จะอุทานเสียงสูงแต่ไอโตะก็ยังไม่ลืมเบาเสียงไว้ หากจะว่าแปลกก็คงเป็นที่หมู่นี้พี่ชอบเล่นอะไรแผลง ๆ ทั้งการสัมผัสโดยตรงไปจนกระทั่งจูบมากกว่า นอกเหนือจากนั้นเขาก็ยังเห็นว่าพี่ชายปกติดี
   "นี่หรือว่าพวกนายก้าวข้ามคำว่าบราคอนไปอีกระดับจนความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปไกลซะแล้ว" เด็กสาวเหล่มองไอโตะอย่างจับผิด
   "จะบ้าเหรอ เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว" ด้วยร้อนตัวกับคำว่าอีกระดับที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามากิโฮะหมายถึงอะไร ไอโตะจึงเผลอส่งเสียงดังจนลูกค้าหันมามอง มากิโฮะรีบปิดปากของไอโตะไว้โดยลืมไปว่ามือข้างนั้นถือผ้าเช็ดโต๊ะอยู่

   กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว ไอโตะรีบอาบน้ำเพื่อเข้านอนเพราะเหนื่อยมาทั้งวันทว่าขณะที่เดินผ่านหน้าห้องพี่ชายประตูก็พลันเปิดออกและเขาก็ถูกดึงเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
   "พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ"
   "ก็รอนายอยู่น่ะสิ วันนี้กลับช้าจัง" ชายหนุ่มบ่นกับผู้ที่ปะทะกับร่างของตนจากแรงดึง
   "ก็บอกแล้วนี่ว่าวันนี้ต้องช่วยทำความสะอาดในครัวก่อน" ที่จริงหน้าที่ของไอโตะแค่ทำความสะอาดพื้นที่ด้านนอกเท่านั้น แต่เพราะเป็นคนกันเองไอโตะจึงอยากช่วยแม้จะอยู่นอกเหนือหน้าที่
   "งั้นมานอนกับฉันเถอะ" ยูโตะจูงมือไอโตะไปที่เตียงทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบรับ
   รู้สึกว่าตั้งแต่ยูโตะบาดเจ็บมาไอโตะได้นอนห้องตัวเองแทบจะนับครั้งได้ พอล้มตัวลงนอนยูโตะก็กอดน้องชายไว้ในอ้อมแขนทันที
   "เพิ่งอาบน้ำเสร็จแบบนี้กลิ่นไอหอมดีจัง" ชายหนุ่มถูไถปลายจมูกกับซอกคอของน้องชายราวกับรับกลิ่นหอมของดอกไม้
   "กลิ่นสบู่ต่างหาก แล้วก็อย่ากอดแน่นนักสิมันอึดอัดนะ" ที่เขาอึดอัดไม่ใช่ทางกายแต่เป็นทางใจต่างหาก เนื่องจากปลายนิ้วของพี่ชายลอบเข้าไปใต้เสื้อและสัมผัสโดนหน้าท้องเขาอยู่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือแค่บังเอิญกันแน่
   "แค่นี้เองน่า แล้วพรุ่งนี้ฉันก็จะไม่อยู่แล้วด้วย" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ยูโตะก็ยอมผ่อนแรงที่แขนลงเล็กน้อย
   "ที่ว่าต้องไปช่วยอาจารย์ทำวิจัยสินะ ต้องค้างคืน 3 คืนด้วยใช่มั้ย แล้วแขนพี่จะไม่เป็นไรเหรอ" ยูโตะช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยซึ่งได้ค่าตอบแทนเหมือนกับงานพิเศษ แต่ที่ต้องค้างคืนข้างนอกนั้นนี่เป็นครั้งแรก
   "อือ สบายมาก แต่ว่าอย่างน้อยก่อนไปฉันอยากฟังไอบอกว่าพี่เป็นของฉันให้ฟังหน่อยก็ยังดี เดี๋ยวนี้ไอไม่ค่อยอ้อนฉันเลย" พี่ชายรบเร้าผู้อ่อนกว่าอย่างไม่อาย
   "คิก คิก เดี๋ยวนี้พี่เหมือนเด็กเลย" ไอโตะหัวเราะแล้วผลิกตัวหันหน้าเข้าหาบุคคลด้านข้าง
   "อะไรกัน หรือว่าถึงฉันไม่อยู่ไอก็ไม่เป็นไรเหรอ" ผู้นอนตะแคงอยู่ก่อนแล้วหน้าหงิกลงทันที
   "ไม่ใช่ซักหน่อย ก็ยังไงพี่ก็จะโทรมาหาทุกวันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ" ถึงจะไม่ได้เห็นหน้ากันแต่ยูโตะก็ต้องส่งเสียงมาให้เขาได้ยินอย่างแน่นอน
   "อือ จะโทรมาแน่ ๆ" ยูโตะแตะหน้าผากของตนลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่ม ไอโตะยิ้มรับคำสัญญาที่พี่ให้
   "แล้วนี่จะไม่พูดจริง ๆ เหรอ"
   "ยังจะพูดเรื่องนี้อยู่อีก ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเหรอ รีบนอนได้แล้ว" ไอโตะต่อว่าเมื่อถูกเซ้าซี้ไม่เลิก
   "ก็ได้ ก็ได้" ยูโตะเลิกกวนใจน้องชาย แต่ก็ยังไม่ลืมจูบราตรีสวัสดิ์เหมือนทุกครั้ง
   ไอโตะไม่บ่นอะไรเพราะพี่ชายจะได้นอนเสียที ทว่าหลังจากนั้นแล้วริมฝีปากของพี่ชายก็ยังเคลื่อนต่ำลงมา ไอโตะที่ไหวตัวทันรีบปิดปากของพี่ชายไว้
   "จะทำอะไรน่ะ"
   "ก็บอกราตรีสวัสดิ์แบบผู้..."
   "ไม่ต้องเลย" แค่ครั้งเดียวก็เป็นการล้อเล่นที่เกินพอแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่ชายยังคิดจะทำมันอีก ในความคิดของพี่การจูบที่ริมฝีปากเป็นเรื่องธรรมดาหรืออย่างไร
   "เฮ้อ พูดก็ไม่ยอมพูด จูบก็ไม่ได้ แบบนี้ฉันได้เฉาตายกันพอดี" ชายหนุ่มทิ้งตัวลงไปทับร่างบางด้านล่างแล้วบ่นงึมงำ
   "หึ หึ ไม่ตายหรอกน่า" ไอโตะตบหลังปลอบพี่ชายเบา ๆ บางทีการปรับปรุงตัวใหม่ของเขาอาจจะฆ่าพี่ชายคนนี้ก็ได้
   "จริงสิ จะว่าไปยังมีวิธีแสดงความเป็นเจ้าของอย่างอื่นนอกจากคำพูดอยู่นี่" ยูโตะชันตัวขึ้นมาเมื่อนึกบางอย่างได้
   "เอ๋?"
   "ก็ไอไม่อยากพูดว่าพี่เป็นของฉันใช่มั้ยล่ะ งั้นฉันจะสอนวิธีอื่นที่ไม่ต้องพูดให้เอง" ยูโตะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วดึงคอเสื้อชุดนอนของไอโตะออกเล็กน้อยก่อนจะกดริมฝีปากลงไปที่ไหปลาร้าของไอโตะ
   "อะไรน่ะพี่" ไอโตะถามอย่างงุนงงในขณะที่ยูโตะใช้ลิ้นดุนดันและดูดผิวหนังบริเวณนั้นอย่างไม่ลังเล
   "โอ๊ย...พี่ มันเจ็บนะ" ไอโตะที่มึนงงไปชั่วขณะเริ่มขัดขืนเมื่อพอจะเข้าใจว่าพี่ชายกำลังทำอะไร ทว่ามือของเขาก็ถูกผู้มีแรงมากกว่ากดยึดไว้กับเตียง
   ยูโตะไม่ฟังเสียงแล้วขยับริมฝีปากดูดกลืนความหวานจากผิวเนียนลื่นตามใจชอบ
   "อ๊ะ พี่...อย่า" ไอโตะรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัวเขาอยากให้พี่ชายหยุดการกระทำนี้ให้เร็วที่สุด และแล้ว      ยูโตะก็ถอนริมฝีปากออกเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่ไอโตะจะได้โล่งใจสิ่งรุกรานก็ประกบลงมาที่ไหปลาร้าอีกครั้ง หรือนี่จะเป็น 'อีกระดับ' ที่มากิโฮะพูดถึง
   "ไม่ อ๊ะ หยุด...นะ..." เมื่อไม่รู้ว่าจะห้ามอย่างไร ไอโตะก็ชันศีรษะขึ้นแล้วกัดลงบนบ่าของผู้ดื้อรั้นอย่างแรง
   "โอ๊ย" ยูโตะร้องเสียงหลงพร้อมกับปล่อยมือออกจากร่างบาง
   "นี่พี่เล่นอะไรของพี่เนี่ย" ไอโตะหอบหายใจแรง หน้าของเขาแดงไปหมดไม่รู้เพราะความโกรธหรือความอาย
   "ก็ถ้าทำแบบนี้รอยก็น่าจะติดอยู่จนกว่าฉันจะกลับมานี่ ไอจะทำให้ฉันด้วยก็ได้นะ ถ้าผู้หญิงคนอื่นเห็นจะต้องไม่มายุ่งกับฉันแน่ ๆ" ยูโตะอธิบายอย่างไม่สำนึกกับการกระทำของตน
   "ใครจะทำกันเล่า" เด็กหนุ่มกำเสื้อบริเวณอกของตนไว้ด้วยกลัวจะถูกพี่ชายดึงออกอีกครั้ง
   "ทำไมล่ะ" แม้ไอโตะจะตวาดเสียงใส่แต่ยูโตะก็ไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด
   ไอโตะไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่ผู้ชายด้วยกันไม่ควรทำแบบนี้ให้ชายคนนี้ฟังอย่างไรถึงจะเข้าใจ นอกจากนี้พี่เคยบอกว่าไม่สนใจเรื่องเพศคำอธิบายพวกนั้นคงจะไม่มีความหมาย ทว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่ก็ถูกเลี้ยงดูแบบพี่น้องกันมาตลอด ทำไมพี่ถึงทำเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉย
   "ถ้าอยากได้นัก ฉันจะทำให้อีกก็ได้" เด็กหนุ่มพูดพลางตั้งท่าจะกัดอีกครั้ง
   "เดี๋ยวที่ฉันอยากได้ไม่ใช่รอยฟันนะ" ยูโตะถอยตัวออกจากร่างบางเพราะกลัวว่าไอโตะจะกัดจริง ๆ
   "งั้นพี่ก็ทำเองเถอะ" ไอโตะมุดตัวหนีเข้าไปในผ้าห่มด้วยความโมโห แม้พี่ชายจะขอโทษแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจแล้วฝืนหลับตาลง
   ยูโตะถอนหายใจแล้วหยุดการกระทำที่ไร้ประโยชน์ ท่าทางที่มองไม่ออกว่าโกรธหรือเขินทำให้เขาครุ่นคิดอย่างหนัก ไอโตะคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการล้อเล่นแต่ก็ไม่เคยบอกว่ารังเกียจเลยสักครั้ง ถ้าอย่างนั้นเขาจะตั้งความหวังกับมันได้หรือเปล่า ไอโตะจะมองเขาในฐานะอื่นนอกจากพี่ชายบ้างไหม
   ยูโตะใช้ปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มของผู้ที่หลับสนิทอย่างรวดเร็วเพราะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เขาจ้องมองมันอยู่พักหนึ่งเหมือนกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงประทับริมฝีปากของตนลงไปบนนั้น ยูโตะค่อย ๆ ดูดเม้มอย่างแผ่วเบาแล้วผละออก ทว่าด้วยรู้สึกไม่เพียงพอเขาจึงก้มตัวลงไปอีกครั้งแล้วเลียที่ร่องระหว่างริมฝีปากนุ่มอย่างระมัดระวัง เขาอยากจะสอดลิ้นเข้าไปภายในแต่หากไอโตะตื่นขึ้นมา แค่คำว่าล้อเล่นคงไม่สามารถช่วยแก้ต่างได้จึงต้องล้มเลิกความคิดเพียงแค่นั้น
   ชายหนุ่มนอนลงแล้วหันหน้าเข้าหากำแพง คืนนี้หากยังมองไอโตะต่อไปเขาอาจจะลุกขึ้นมาทำอะไรอีกก็เป็นได้ ยูโตะหลับตาลงโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผู้ที่นอนอยู่ข้าง ๆ กำลังเบิกตากว้างอยู่
   'เมื่อกี้นี่มันอะไร ทำไมพี่ถึง... หากล้อเล่นก็ควรจะเป็นตอนที่ตื่นอยู่สิ' ไอโตะยกมือจับปากที่เปียกชื้นของตัวเอง เขาแน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน
   เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขาเพราะหัวกระแทกตอนตกบันไดสมองเลยผิดปกติไปหรือ หรือเพราะพี่ไม่มีแฟนก็เลยมาทำเรื่องแบบนี้กับเขา แต่การใช้เขาเป็นตัวแทนแบบนี้พี่ไม่ทำอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นอาจเป็นเพราะพี่รู้ว่าเขายังไม่หลับก็เลยคิดจะแกล้ง แต่โดยทั่วไปแล้วพี่น้องเขาทำแบบนี้กันด้วยหรือ
   'สายตาที่มองนายก็ดูลึกซึ้งยังไงไม่รู้' คำพูดของมากิโฮะย้อนกลับเข้ามาในหัว ไอโตะส่ายหน้าช้า ๆ ไล่ความคิดที่เป็นไปไม่ได้ออกไป เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของมากิโฮะ พี่ชายคงแค่หยอกเขาเล่น แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ใจของเขากลับเต้นแรงยิ่งกว่าตอนวิ่งเข้าเส้นชัยเสียอีก จูบเมื่อครู่แตกต่างไปจากครั้งแรกที่แค่สัมผัสเบา ๆ เขาอยากหันไปมองว่าตอนนี้พี่ชายกำลังทำอะไรแต่ก็ไม่กล้า หากกำลังหัวเราะมันก็คงเป็นตลกที่ร้ายกาจ ทว่าหากไม่ใช่อย่างนั้นล่ะ ยิ่งคิดไอโตะก็ยิ่งสับสน

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 11)
«ตอบ #14 เมื่อ24-03-2018 12:13:45 »

ตอนที่ 11

   "...โตะ ไอโตะ ไอ...โตะ" เด็กสาวผมบ็อบค่อย ๆ เพิ่มเสียงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะกลายเป็นตะคอกในตอนท้ายเพราะเจ้าของชื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองและยืนนิ่งขณะกำลังเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไป
   "อะ...อะไรเหรอ" ไอโตะสะดุ้งเล็กน้อยแล้วจึงตอบรับ
   "ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ นี่ยังเหม่อไม่เลิกอีกเหรอ ตั้งแต่ยูโตะซังไม่อยู่ก็เป็นงี้ตลอด แค่ 4 วันคิดถึงกันมากหรือไง" มากิโฮะบ่นยาวเหยียดทันทีที่ไอโตะได้สติกลับมา
   "ไม่ใช่ซักหน่อย แล้วมีอะไรเหรอ" ที่เขาเหม่อลอยไม่ใช่เพราะพี่ไม่อยู่ แต่พอสมองว่างก็จะคิดถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนที่พี่จะไป โชคดีที่พี่ชายไม่อยู่ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร
   "โทรศัพท์นายดังไม่หยุดเลยน่ะสิ" มากิโฮะเท้าเอวตอบ
   "เอ๋ ฉันลืมปิดเหรอ โทษทีจะไปปิดเดี๋ยวนี้แหละ" เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหลังร้านเพื่อจัดการกับเครื่องมือสื่อสารของตัวเองที่รบกวนผู้อื่นอยู่
   "ยูโตะซังสินะ ว่างมากนักหรือไงถึงส่งข้อความได้รัวขนาดนั้นเนี่ย" มากิโฮะบ่นด้วยความอารมณ์เสีย ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังทำงานไม่มีเวลาไปอ่านข้อความที่ส่งมาแท้ ๆ
   "ฮา ฮา คงเพราะวันนี้จะกลับแล้วน่ะ ตอนนี้ก็น่าจะเดินทางอยู่" ไอโตะหัวเราะเฝื่อน ๆ
   "จะกลับมากี่โมงล่ะ" เธอไม่ได้ถามเพราะอยากรู้แต่เพราะกลัวว่าพี่ชายที่ไร้จิตสำนึกจะกระโจนเข้าร้านมาหาน้องชายทันทีที่กลับมาถึง
   "บอกว่าคงจะดึกหน่อย กะว่าถ้าเลิกงานแล้วจะไปรับที่สถานีน่ะ"
   ดูท่าทางมากิโฮะจะโล่งใจกับคำตอบของไอโตะไม่น้อย
   "อยู่ห่างกันแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ" มากิโฮะถามพลางเช็ดโต๊ะไปด้วย
   "ก็ธรรมดานี่ แค่ 4 วันเอง พี่ก็ติดต่อมาทุกวันด้วย" นอกจากโทรศัพท์มาหาก่อนเข้านอนแล้วยูโตะยังส่งข้อความมาวันละหลายครั้งอีกด้วย
   "โกหก แล้วไอ้ที่เหม่อตลอดนั่นมันอะไรย่ะ" มากิโฮะจิกตามองด้วยความมั่นไส้
   "ก็บอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นไง" ขณะที่ไอโตะกำลังแก้ตัวก็ได้ยินเสียงประตูร้านเปิดออก
   "ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อนรับค่ะ" ไอโตะและมากิโฮะพูดพร้อมกันอย่างแข็งขัน แต่แล้วไอโตะก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าของบุคคลที่เขาไม่อยากเห็นอีก
   "ไอ...โตะ" ชายผมทองเอ่ยชื่อของเด็กหนุ่มออกมาด้วยความแปลกใจ
   "นาย! กลับไปซะ" จู่ ๆ ไอโตะก็ตะโกนเสียงดังจนทั้งมากิโฮะและพ่อของเธอสะดุ้งเฮือก
   "มีอะไรน่ะ ไอโตะ" มากิโฮะเข้าไปถามไอโตะแล้วมองไปทางชายผมทองที่น่าจะเป็นคนรู้จักกันอย่างสับสน
   "บอกให้กลับไปไง" ไอโตะไม่ตอบแล้วไล่ลูกค้าที่ยืนค้างอยู่ตรงประตูอีกครั้ง เขาไม่อยากมองหน้าชายคนนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
   คิจิมะยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก แค่ได้เจอไอโตะก็ตกใจมากแล้ว แต่ยังมาถูกขับไล่ต่อหน้าสาธารณะอีก พอคิดจะเอ่ยปากเขาก็ถูกตัดหน้า
   "ไอโตะเป็นอะไรไป" เจ้าของร้านออกมาหาไอโตะด้วยเห็นว่ามีบ้างอย่างผิดปกติกับเด็กหนุ่ม
   "คุณรู้จักกับไอโตะเหรอ" พ่อของมากิโฮะจ้องมองชายผมทองอย่างเคลือบแคลงใจ
   "โทษที แต่ เออ ฉัน...ขอตัวก่อนดีกว่า" คิจิมะพูดติด ๆ ขัด ๆ แล้วยอมถอยกลับไปเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก
   มากิโฮะกับพ่อของเธอถามเรื่องของคิจิมะกับไอโตะ แต่ไอโตะก็บอกแค่เพียงเขาเป็นคนไม่ดีเท่านั้น หลังจากนั้นมาไอโตะก็ทำงานด้วยใบหน้าบึงตึงจนกระทั่งเลิกงาน ทำไมเขาจะต้องบังเอิญเจอกับชายที่           น่ารังเกียจคนนี้อยู่เรื่อย
   ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านไอโตะก็อ่านข้อความจากพี่ชายไปด้วย ร้านค้าแถวนี้ปิดไปกว่าครึ่งแล้วแต่ก็ยังมีไฟทางเดินส่องสว่างอยู่พอสมควร หากเขาตรงไปรับพี่ชายในตอนนี้ก็น่าจะถึงสถานีไล่เลี่ยกัน เมื่อเดินไปได้ไม่นานเขาก็มองเห็นร่างของชายคนหนึ่งยืนพิงหลังอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่งที่ปิดแล้ว
   "นี่นายยังไม่ไปอีกเหรอ" นัยน์ตาของไอโตะแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
   "ฉันรอนายอยู่" ชายผมทองเดินเข้ามาหาไอโตะแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาก็หยุดเท้าไว้เพียงแค่นั้น
   "มีธุระอะไร" แม้จะสังเกตเห็นว่าท่าทางของคิจิมะต่างไปจากเดิมแต่ไอโตะก็ไม่ประมาทแล้วถามเสียงแข็ง
   "ฉันอยากจะขอโทษเรื่องครั้งที่แล้ว ขอโทษจริง ๆ" คิจิมะก้มศีรษะลงต่ำแล้วค้างไว้อยู่นาน ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับคนที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างก่อนหน้านี้เลย
   "แค่นี้ใช่มั้ย งั้นฉันกลับล่ะ" ไอโตะเดินเลี่ยงให้ห่างจากบุคคลอันตรายแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด แต่ชายคนนั้นก็ยังตรงเข้ามาคว้าตัวเขาไว้ ทว่าเพราะไอโตะเดินเร็วเกินไปทำให้คว้าได้เพียงสายของกระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหล่
   เมื่อกระเป๋าถูกดึงลงมาเสื้อยึดคอกลมที่ถูกรั้งลงมาด้วยก็เผยให้เห็นจ้ำสีแดงที่ไหปลาร้าของไอโตะชั่วแวบหนึ่ง และในจังหวะที่ไอโตะดึงกระเป๋ากลับคืนที่เดิมคิจิมะก็คว้าข้อมือของไอโตะไว้ได้
   "ฉันขอโทษจริง ๆ ช่วยฟังที่ฉันพูดหน่อยได้มั้ย"
   "ฉันไม่มีอะไรต้องฟัง ปล่อย" ไอโตะสะบัดข้อมืออย่างแรงแต่ก็ไม่ได้ทำให้หลุดพ้นออกจากการจับกุม
   "อย่าดิ้นสิ ฉันแค่อยากคุยด้วยเท่านั้นเอง"
   ถึงคิจิมะจะพูดดี ๆ แต่ไอโตะก็ไม่ฟังแม้แต่น้อยด้วยไม่รู้ว่าคิจิมะจะมาไม้ไหน เขาไม่อยากถูกคน ๆ นี้แตะต้องเนื้อตัวอีกแล้ว พอภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมาไอโตะก็ออกแรงดิ้นมากขึ้น
   "ฉันไม่ทำอะไรหรอก"
   "งั้นก็ปล่อยสิ"
   "ถ้าปล่อยนายก็หนีไปน่ะสิ" พอไอโตะขัดขืน คิจิมะก็จับแขนทั้งสองข้างของไอโตะไว้
   ความกลัวแล่นผ่านไปทั่วตัวของไอโตะ เขาอ้าปากเพื่อจะร้องขอความช่วยเหลือแม้ไม่รู้ว่ากลางคืนแบบนี้จะมีคนอยู่แถวนี้บ้างหรือเปล่า แต่ทันใดนั้นเองร่างของคิจิมะก็ถูกบางอย่างดึงไปข้างหลังและถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไปกระแทกกับประตูร้านจนเกิดเสียงดังโครม
   "พี่ยู" ไอโตะโผเข้าหาพี่ชายด้วยความดีใจ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ก็ตาม
   "นี่แกยังไม่เลิกยุ่งกับไออีกเหรอ งั้นคงต้องคุยกับตำรวจอย่างเดียวแล้วล่ะ" ยูโตะมองคิจิมะอย่างจงเกลียดจงชัง
   "เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่นะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันแค่อยากขอโทษจริง ๆ" ชายผมทองทรงตัวลุกขึ้นยืนแล้วรีบแก้ความเข้าใจผิด
   ยูโตะไม่ฟังเสียงเขาตั้งท่าจะเข้าไปหาคิจิมะอีกครั้งแต่ไอโตะก็ห้ามไว้
   "เดี๋ยวพี่ เขาแค่บังเอิญมาเจอฉันในร้านน่ะ" เด็กหนุ่มรีบอธิบายก่อนที่พี่ชายจะใช้ความรุนแรงเหมือนครั้งก่อน
   "เรื่องที่ฉันทำมันไม่น่าให้อภัยก็จริง แต่ว่าที่ฉันทำไปก็เพราะชอบนายจริง ๆ นะ" คิจิมะมองไปทางไอโตะที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของพี่ชาย
   "พูดบ้าอะไรของแก" พอได้ยินคำสารภาพต่อน้องชายซึ่ง ๆ หน้าเลือดในกายของยูโตะก็เดือดปุด ๆ
   "พี่เดี๋ยว" ไอโตะที่ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินตั้งสติแล้วรีบกอดเอวพี่ชายที่ตั้งท่าจะโจมตีอีกฝ่ายท่าเดียว
   "ตั้งแต่ที่ได้เห็นนายครั้งแรกฉันก็รู้สึกติดใจมาตลอด ก็เลยทำเรื่องเลวร้ายลงไป ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ยกโทษให้ฉันเถอะ" คิจิมะก้มตัวลงต่ำอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ยูโตะที่อยู่ในโหมดพร้อมใช้กำลังมากกว่าเหตุผลสงบลงได้
   "นี่แกยังจะกล้ามาพูดดีอีกเหรอ คิดว่ามันยกโทษให้กันง่าย ๆ ได้หรือไง"
   "ก็อย่างที่พี่พูดนั่นแหละ นายกลับไปเถอะ" ไอโตะขอร้องเพราะไม่อยากให้มีเรื่อง
   "แต่ว่าฉันชอบไอโตะจริง ๆ นะ" การยืนกรานของคิจิมะมีแต่กระพือให้ไฟแห่งโทสะของยูโตะลุกโชนมากขึ้น เขาอยากจะชกปากที่กล้าพูดคำว่าชอบออกมาต่อหน้าเขา
   "ไปซะ อย่าเข้าใกล้ไออีก ต่อให้นายรู้สึกยังไงก็ไม่เกี่ยว ไอเป็นของฉัน ไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่ง"
   "พี่ยู" ไอโตะไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่ปกติเขาเป็นคนพูดบ่อย ๆ จากปากของพี่ชายแบบนี้
   "หึ ถ้าอย่างนั้นรอยที่คอของไอโตะก็เป็นฝีมือนายสินะ" ชายผมทองส่งเสียงผ่านจมูกแล้วจ้องหน้ายูโตะ
   "ถ้าใช่แล้วจะทำไม" ยูโตะยืดอกยอมรับโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
   "ฮ่า ฮ่า งั้นเหรอ ใช่จริง ๆ สินะ อย่างงี้นี่เอง" คิจิมะฝืนหัวเราะออกมาจากนั้นจึงค่อย ๆ เดินห่างออกจากพวกเขาไปช้า ๆ ท่าทางของเขาดูจะผิดหวังอย่างมาก
   "ไอไม่เป็นไรนะ" ยูโตะกอดน้องชายไว้ด้วยความเป็นห่วง
   "อือ ไม่เป็นไร" ตอนแรกที่เห็นคิจิมะเขารู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าคิจิมะจะไม่ได้มาร้าย
   "เจ้าบ้านั่น คงต้องให้ถึงตำรวจจริง ๆ ซะล่ะมั้ง"
   "แต่ท่าทางเขาจะสำนึกผิดแล้วนะ" ไอโตะตบหลังพี่ชายเบา ๆ เพื่อให้ใจเย็นลง
   "แบบนั้นมันสำนึกผิดตรงไหน ยิ่งพูดแบบนั้นยิ่งไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด"
   ราวกับถูกสวรรค์กลั่นแกล้งทำให้เขาต้องมาฟังคนอื่นสารภาพรักกับไอโตะต่อหน้าต่อตา หากไม่ติดเรื่องที่เป็นพี่น้องเขาคงบอกความรู้สึกกับไอโตะไปนานแล้ว เขาอุตส่าห์อดทนเก็บความรู้สึกนี้มาตั้งหลายปีแต่กลับถูกตัดหน้าไปเสียได้ ที่สำคัญไอโตะจะคิดอย่างไร จะรู้สึกอะไรกับคิจิมะหรือเปล่า
   "แล้วทำไมพี่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงหรอกเหรอ" ข้อความจากพี่ชายที่เขาอ่านอยู่เมื่อกี้นี้บอกว่ายังมาไม่ถึงอยู่เลย
   "ก็กะจะมารับให้ไอตกใจเล่นเลยบอกไปแบบนั้น ไม่คิดว่าจะเจอหมอนั่นที่นี่ ดีจริง ๆ ที่มาทัน"
   "ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ" ตอนนี้เขาแค่ตกใจที่จู่ ๆ ถูกสารภาพรักแถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายอีกด้วย
   ยูโตะมองหน้าน้องชายแล้วโน้มตัวลงมาพลางกระชับวงแขนแน่นอีกครั้งด้วยความเจ็บใจ บางทีเขาควรจะรีบทำให้ไอโตะเข้าใจความรู้สึกของเขาและชอบเขาให้ได้เร็วที่สุดก่อนจะถูกใครแย่งไป

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 12 2018.04.06)
«ตอบ #15 เมื่อ06-04-2018 20:26:57 »

ตอนที่ 12

   ในที่สุดหลังจากทำงานพิเศษที่ลากยาวมาจนถึงช่วงเปิดเทอมจนครบ 1 เดือนเต็ม วันนี้ไอโตะก็ได้ใช้ค่าตอบแทนทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ เขามองดูห่อของขวัญห่อใหญ่อยู่หน้าร้านที่เพิ่งก้าวเท้าออกมาอย่างภูมิใจ แต่แล้วขณะที่กำลังจะรีบตรงกลับบ้านก็มีท่อนแขนล็อคคอเขาไว้จากด้านหลัง
   "พอดีเลย ไอโตะมาด้วยกันหน่อยสิ"
   ไอโตะจำเสียงนี้ได้ดีเขาหันไปมองด้านหลังและก็เห็นเด็กหนุ่มที่ผมยาวจนระต้นคอกำลังยิ้มกริ่มอยู่
   "ไค อะไรของนายอีกล่ะ ฉันกำลังจะกลับบ้านนะ" ไอโตะดึงแขนของเพื่อนที่สร้างความอึดอัดให้กับตนออก
   "ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่ มาด้วยกันหน่อยน่า"
   "ไม่เอา" ไอโตะเน้นเสียงหนักแน่นอย่างชัดเจนด้วยรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี ไคชอบบังคับให้เขาทำอะไรที่ไม่ชอบเสมอ
   "ขอร้องล่ะ ฉันเพิ่งถูกทิ้งมานะ" ไคพูดพลางยกมือไหว้
   "ถูกทิ้ง?"
   "ก็ฉันอุตส่าห์จะมาเดทแต่ดันถูกเบี้ยวน่ะสิ แถมซื้อตั๋วหนังไว้แล้วด้วย นายช่วยไปกับฉันหน่อยเถอะ"
   "หา ไม่เอาหรอก ฉันไม่ได้อยากดูหนังซักหน่อย" ไอโตะไม่รู้สึกเห็นใจเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ไคเคยคบกับผู้หญิงหลายคนแต่ก็เป็นฝ่ายถูกบอกเลิกทุกครั้ง เนื่องจากนิสัยเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจที่น่าจะมีสาเหตุมาจากการเป็นลูกคนเล็กในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 4 คน
   "แต่มันน่าเสียดายนี่ เถอะน่า ไม่นานหรอกนี่ก็ใกล้เวลาฉายแล้วด้วย แล้วฉันจะออกค่ารถขากลับให้ด้วยเลยนะ" เขาไม่รอฟังคำตอบแล้วลากไอโตะไป
   ไอโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ถึงจะเอือมระอาแต่เขาก็ยอมตามไคไป เพราะยังไงวันนี้ยูโตะก็กลับช้าอยู่แล้วด้วย
   ระหว่างนั่งรอไคไปซื้อป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่มหน้าโรงหนัง ไอโตะก็สังเกตเห็นหญิงสาวแต่งตัวสะดุดตา 2 คน ถ้าจำไม่ผิดพวกเธอคือคนที่อยู่กับโคมิตอนที่ออกมาจากร้านหมอฟัน ไอโตะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
   "หือ นั่นมันน้องชายของคุซาซากินี่" โชคร้ายที่พวกเธอจำไอโตะได้แล้วเดินเข้ามาหา
   "พวกคุณคือ..." ไอโตะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเผื่อว่าพวกเธอจะคิดว่าจำคนผิด
   "รุ่นพี่ของพี่ชายเธอไง เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วจำไม่ได้เหรอ" พวกเธอไม่หลงกลไอโตะแล้วยังช่วย   รื้อฟื้นความจำให้อีกต่างหาก
   "ขอโทษด้วยครับ แต่ผมจำไม่ได้จริง ๆ"
   "งั้นก็ช่างเถอะ แล้วนี่มาดูหนังกับใครเหรอ หรือว่าพี่ชาย" หญิงสาวผมทองถามพลางสอดส่ายสายตามองหาบุคคลที่พูดถึง
   "เพื่อนน่ะครับ" ไอโตะตอบอย่างไร้อารมณ์
   "เพื่อน? หญิงหรือชายล่ะ" พวกเธอมองหน้ากันเหมือนกับเป็นเรื่องผิดคาดก่อนจะตั้งคำถามใหม่
   "ผู้ชายครับ" ไอโตะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเจอคำถามสอดรู้สอดเห็น
   "ก็ไม่น่าจะใช่ผู้หญิงหรอกนะ เห็นว่าติดพี่ชายมากคงไม่มีแฟนหรอกใช่มั้ย" หญิงผมทองยังคงเซ้าซี้อย่างไร้มารยาท
   "แต่เธอนี่ยิ่งได้ดูใกล้ ๆ ยิ่งน่ารักนะ ถึงจะไม่เหมือนพี่ชายเลยก็เถอะ" หญิงสาวอีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนไอโตะได้กลิ่นฉุนกึกของน้ำหอม
   ไอโตะอยากจะลุกหนีแต่ก็กลัวจะเสียมารยาทแล้วทำให้พี่ชายถูกมองในแง่ลบไปด้วย เขาจึงได้แต่ภาวนาให้ไครีบกลับมาเร็ว ๆ จะได้หลุดพ้นไปจากสถานการณ์ในตอนนี้
   "อ้าจริงสิ พวกเราตั้งใจจะให้นี่เป็นของขวัญวันเกิดคุซาซากิถึงจะช้าไปหน่อยเพราะเพิ่งมารู้ก็เถอะ แต่เธอว่าพี่ชายจะชอบหรือเปล่า" หญิงสาวผมทองนำบางอย่างออกมาจากหนึ่งในถุงกระดาษหลายใบที่ถืออยู่ บางทีพวกเธอคงจะเพิ่งเสร็จจากการช็อปปิ้ง
   เมื่อเห็นสิ่งนั้นไอโตะก็แทบจะตาค้างเพราะมันคือกระเป๋าเป้ซึ่งเหมือนกันกับที่เขาเพิ่งซื้อมาไม่มีผิดทั้งสีและรูปแบบ เขาใช้มือดันห่อของขวัญที่อยู่ข้างตัวและถูกกระเป๋านักเรียนบังไว้ไปด้านหลังเพื่อใช้ตัวช่วยบังโดยอัตโนมัติ
   "ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยเห็นพี่ใช้กระเป๋าแบบนี้เท่าไหร่" ไอโตะสงวนท่าทีไว้ให้เป็นปกติ
   "หือ ถ้าเธอบอกว่าไม่ ก็ต้องแปลว่าพี่ชายน่าจะชอบสินะ ก็เธอมักชอบขัดขวางพี่ชายบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอเหมือนกับโคมิน่ะ อ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะพวกเราไม่เหมือนยัยนั่นหรอก" พวกเธอหัวเราะคิกคักทั้งที่ไม่มีอะไรน่าตลก
   'ไม่เหมือนแต่แย่กว่าซะอีกล่ะมั้ง' ไอโตะเก็บคำพูดที่อยากพูดออกมาไว้ เขาไม่รู้ว่าทำไมพวกเธอถึงรู้เรื่องนี้ได้แต่การว่าร้ายเพื่อนตัวเองลับหลังนั้นเลวร้ายที่สุด
   "ถ้ารู้อย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องมาถามผมเลยนี่"
   "เห พูดจาไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลยนะ" รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าที่ทับถมไปด้วยเครื่องสำอาง
   ดูท่าไอโตะจะเผลอพูดจาสร้างศัตรูอีกแล้ว หวังว่าคงจะไม่ทำให้พวกเธอโกรธแค้นจนกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบโคมิอีก
   "มาแล้วไอโตะรอนานหรือเปล่า เอ๋ แล้วสาวสวยพวกนี้เป็นใครกันเหรอ" ไคทำตาโตจ้องมองพวกเธอโดยไม่ดูกาลเทศะ ทว่านั่นก็ทำให้บรรยากาศอึมครึมคลายตัวลง
   "เออ เพื่อนผมมาแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไคไปกันได้แล้ว" ไอโตะรีบฉวยโอกาสกล่าวลาแล้วลากคอเพื่อนออกไปจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองพวกเธออีกเลย

   ไอโตะกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดและเมื่อถึงบ้านก็พบว่าประตูบ้านล็อคอยู่
   "จริงสิ แม่บอกว่าจะไปบ้านมากิโฮะนี่" เด็กหนุ่มหยิบกุญแจบ้านออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไป
   ภายในบ้านมืดสนิทไอโตะเปิดสวิตซ์ไฟอย่างรีบร้อน ไม่ใช่ว่าเขากลัวความมืดแต่เพราะหนังที่ไคฝืนพาไปดูนั้นเป็นหนังสยองขวัญ ไคคงใช้หนังประเภทนี้ชวนคู่เดทไปด้วยเป็นประจำเพราะอยากให้ฝ่ายหญิงกรีดร้องแล้วโผเข้าหาตัวเองเป็นแน่ พี่ชายก็ยังไม่กลับ ไอโตะกวาดตามองไปรอบ ๆ บ้านที่ไม่มีใครนั้นรู้สึกเหมือนไม่ใช่บ้านของตัวเองอย่างไรไม่รู้
   เขาเดินขึ้นห้องแล้ววางข้าวของลง พอเห็นห่อของขวัญสีฟ้าไอโตะก็ถอนหายใจออกมา เขาควรจะทำอย่างไรกับมันดี หากให้พี่ชายวันนี้ก็จะตัดหน้าผู้หญิงพวกนั้นได้ แต่หากวันต่อมาพี่ได้รับมันจากพวกเธอจะคิดอย่างไร คิดว่าพวกรุ่นพี่คิดเหมือนกับน้องชายของเขาเลยอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเขามีความคิดแบบเดียวกับพวกเธอน่ะสิ
   ทั้งที่เขาใช้เวลาเลือกหาแบบที่พี่ชอบและเหมาะกับพี่ตั้งนาน ทำไมพวกเธอถึงรู้ได้ว่าพี่ชอบกระเป๋าแบบไหน เขารู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมพวกเธอจะต้องซื้อเหมือนกับเขาทั้งแบบทั้งสีด้วย ไอโตะมองดูมันอีกครั้งจากนั้นก็ตัดสินใจสอดมันเข้าไปใต้เตียง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากถูกมองว่ามีความคิดแบบเดียวกับพวกเธอ เขาจะต้องหาของอย่างอื่นที่ดีกว่านี้ให้ได้ แต่เงินที่ทำงานพิเศษมาก็ใช้จนหมดแล้วถ้าอย่างนั้นคงต้องประหยัดค่าขนมเอาเหมือนอย่างทุกครั้ง
   ไอโตะตัดใจจากมันแล้วเงยหน้าขึ้นแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกึกกักดังมาจากหน้าต่าง ไอโตะใจหายวาบมองไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
   "ลม...ลมสินะ ฝน...จะตกหรือเปล่า" ไอโตะปลอบใจตัวเองที่กำลังเต้นตึกตักด้วยความกลัวแล้วมองสำรวจไปรอบห้องราวกับเพิ่งเคยเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก
   "จริงสิ ไปอาบน้ำดีกว่า" ไอโตะคิดหากิจกรรมที่จะทำให้เขาเลิกวิตกจริต แต่เสี้ยววินาทีต่อมาก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะในเวลาแบบนี้สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือห้องน้ำนั่นเอง
   เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะส่งข้อความหายูโตะ แต่แล้วก็คิดได้ว่าพฤติกรรมไม่รู้จักโตแบบนี้อาจจะสร้างความรำคาญให้กับพี่ชายได้ ไอโตะเข้าไปในห้องนอนของยูโตะแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมกับใช้ผ้าห่มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของเจ้าของเตียงคลุมตัวไว้จนมิดเผื่อว่าจะสงบใจได้บ้าง แต่แล้วเสียงดังกึกกักจากหน้าต่างก็ทำให้เขาต้องผวาอีกครั้ง
   เมื่อไม่รู้ว่าจะนำตัวเองไปไว้ส่วนไหนของบ้านไอโตะจึงมานั่งลงอยู่ที่ทางเข้าหน้าบ้านเพื่อรอพี่ชายกลับมาโดยไม่ลืมนำผ้าห่มของพี่ชายติดมือมาด้วย เขาพยายามหาเรื่องคิดเพื่อไม่ให้บรรยากาศวังเวงแทรกซึมเข้ามาในสมอง แต่แล้วสิ่งที่ผุดขึ้นมาก็ยังคงเป็นกระเป๋าใบเมื่อครู่
   จะมีผู้หญิงอีกกี่คนที่ให้ของขวัญพี่ชาย ตอนอยู่มัธยมก็เช่นกันเนื่องจากวันเกิดของพวกเขาอยู่ในช่วงปิดเทอมพอเปิดเทอมก็มักมีผู้หญิงที่ไม่กล้านำของขวัญไปให้พี่ด้วยตัวเองแล้วนำมันมาให้เขาช่วยส่งต่อให้ทำให้เขาก็ต้องคอยปฏิเสธด้วยวิธีเดิม ๆ ทุกครั้งไป ถ้าพี่เป็นโฮสต์ล่ะก็คงจะร่ำรวยได้ภายในไม่กี่ปีอย่างแน่นอน
   แต่แบบนั้นเขาคงทนมองผู้หญิงมากหน้าหลายตามาเกาะแกะพี่ไม่ได้ ทว่าหากพี่ชายมีคนที่ชอบขึ้นมาเขาก็คงหนีไม่พ้น ที่ผ่านมาพี่จะเคยทำแบบแบบเดียวกับที่ทำกับเขากับคนอื่นหรือเปล่า ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่อ่อนโยน ทั้งอ้อมกอด ทั้งสัมผัสจากฝ่ามือและริมฝีปาก ไอโตะสะบัดศีรษะอย่างแรงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ทำไมเขาถึงต้องกังวลเหมือนกับหึงหวงด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเจียมตัวได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิในตัวพี่ชาย หรือเป็นเพราะพี่บอกว่าเขามีสิทธิในตัวพี่ทุกอย่างจึงทำให้เขาคิดตั้งตัวครอบครองพี่อีกครั้ง
   'ครอบครอง?' นั่นแปลว่าเขาไม่คิดจะยกพี่ชายให้กับใครไปชั่วชีวิตอย่างนั้นหรือ นี่เขาจะเห็นแก่ตัวไปถึงไหน ในเมื่อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทางที่ดีเขาควรจะรีบหาทางแก้นิสัยพวกนี้ให้หายขาดเสียที
   "ไอ ไอ เป็นอะไรไปน่ะ" ชายร่างสูงที่กลับบ้านมาเขย่าตัวน้องชายที่ล้มตัวนอนอยู่ที่ทางเข้าหน้าบ้านด้วยความตกใจ
   "พี่กลับมาแล้วเหรอ" ไอโตะขยี้ตา เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
   ยูโตะดึงตัวน้องชายให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ไอโตะโผเข้ากอดพี่ชายอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนระหว่างที่เขาหลับอยู่ฝนจะตกลงมา
   "อยู่บ้านคนเดียวทำไมไม่บอกล่ะ" ยูโตะรองรับตัวไอโตะไว้แล้วลูบหลังปลอบ
   "ก็คิดว่าเดี๋ยวพี่ก็กลับนี่" ไอโตะเงยหน้าตอบแล้วดันตัวออกจากพี่ชาย
   "แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ" ถึงไอโตะจะขี้กลัวแต่ก็ไม่ใช่คนกลัวฟ้ากลัวฝนขนาดนี้ นอกจากนี้ยังถึงขนาดนำผ้าห่มของเขามาอีกด้วย
   "ก็...เจ้าไคน่ะสิ ดันลากฉันไปดูหนังผี"
   "หึ แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็โทรมาหาฉันสิ" ยูโตะลุกขึ้นยืนโดยดึงตัวไอโตะให้ลุกขึ้นตาม
   "ก็พี่ฉลองงานวันเกิดเพื่อนอยู่นี่" เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว
   "ฉันขอตัวออกมาก่อนก็ได้ แล้วนี่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยใช่มั้ย" ยูโตะมองน้องชายที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน
   "อือ" ไอโตะก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ ถึงอยากจะเป็นผู้ใหญ่แค่ไหนแต่เรื่องนี้ก็ไม่ไหวจริง ๆ
   ยูโตะหัวเราะเบา ๆ ด้วยรู้ว่าน้องชายกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นเขาก็อาสาไปอาบน้ำเป็นเพื่อนไอโตะที่เกิดอาการหวาดกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างรู้งาน
   ฝนหยุดลงแล้ว แม่ที่รอช่วงจังหวะนี้อยู่ที่บ้านของมากิโฮะก็กลับมาถึงโดยปลอดภัย ไอโตะที่นอนห่มผ้าอยู่ในเตียงของพี่ชายเหลือบมองยูโตะที่กำลังเอี้ยวตัวไปตั้งนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียง เขาเผยอปากเล็กน้อยเหมือนลังเลที่จะพูดอยู่ 2-3 ครั้งกว่าจะเปล่งเสียงออกมา
   "พี่ยู ของขวัญวันเกิดช่วยรออีกหน่อยได้มั้ย"
   "หือ มีอะไรหรือเปล่า" ยูโตะเอียงคอมองด้วยความแปลกใจเพราะเห็นว่าไอโตะได้รับเงินค่าทำงานพิเศษมาเรียบร้อยแล้ว
   "ก็มัน...นิดหน่อยน่ะ" ไอโตะยิ้มแห้ง ๆ
   "นี่อย่าบอกนะว่าเผลอใช้เงินจนหมดแล้วลืมฉันน่ะ" ยูโตะแสร้งตีหน้าเคร่ง
   "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้น" ไอโตะรีบปฏิเสธ
   "หึ หึ ฉันล้อเล่นน่า ของจากไอไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันก็รอได้" ยูโตะวางมือบนศีรษะผู้ที่หน้าเสียจากความวิตก
   ไอโตะใจชื้นขึ้นมาเมื่อพี่ชายไม่โกรธอะไร พอเห็นว่าพี่ชายกำลังจะล้มตัวลงมาเขาก็ขยับศีรษะไปยังริมหมอนซึ่งมีอยู่ใบเดียว
   "อย่างว่า ฉันไปเอาหมอนที่ห้องมาดีกว่า" วันนี้เขามัวแต่กลัวจนลืมนำหมอนมาด้วย ถึงพี่ชายจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาก็เกรงว่าพี่ชายจะอึดอัด
   "ไม่ต้องหรอกน่า ใช้ด้วยกันแบบนี้ก็ดีออก" ยูโตะดึงตัวน้องชายที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นไว้ เขาเขยิบตัวเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดร่างบางที่นอนอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ข้อดีของหมอนใบเดียวก็คือระยะห่างของเขากับไอโตะแทบจะไม่มีเลย
   "ยังกลัวอยู่หรือเปล่า" ยูโตะกรอกเสียงผ่านหูไอโตะที่อยู่ในระยะประชิดทำให้ไอโตะรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
   "ไม่แล้ว...ว้าก" จู่ ๆ เสียงลมก็ดังหวือทำให้ไอโตะต้องพลิกตัวไปกอดพี่ชายไว้
   "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูท่าไอจะดูจนจบเรื่องเลยมั้งเนี่ย" ยูโตะหัวเราะชอบใจแล้วตบหลังไอโตะเบา ๆ
   "ก็เพราะเจ้าไคบอกว่าดูไม่จบก็เสียดายเงินน่ะสิ"
   "มีฉันอยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัวหรอกน่า" ยูโตะเอาหน้าผากชนกับไอโตะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ไอโตะใจเต้นตึกตักขึ้นมา
   ไอโตะรีบคลายวงแขนออกจากพี่ชายแล้วพลิกตัวกลับไปนอนหงายตามเดิม เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงใจเต้นเพราะความกลัวอย่างนั้นหรือ
   "ไอ เป็นอะไรไป" ยูโตะถามด้วยเห็นว่าน้องชายมีท่าทางแปลก ๆ
   "เปล่านี่ ก็แค่ง่วงแล้ว"
   "เหรองั้นก็ฝันดีนะ" ยูโตะชันตัวขึ้นแล้วก้มตัวลงมาจากด้านบนเพื่อบอกลาก่อนนอนเหมือนอย่างเคย
   ไอโตะมองดูทิศทางของริมฝีปากที่ตกลงมาตรงหน้า ชั่วแวบหนึ่งเขาคิดว่าเป้าหมายของมันคือริมฝีปากของตน ทว่ามันกลับเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปแล้วสัมผัสลงบนหน้าผากกว้าง ไอโตะนิ่งงันไปชั่วขณะ
   "อะ...อือ ราตรีสวัสดิ์" ไอโตะพลิกตัวหันหลังให้พี่ชายอย่างรวดเร็ว
   เมื่อครู่เหมือนกับเขาคาดหวังให้พี่จูบอย่างไรอย่างนั้น ที่สำคัญหัวใจก็ยังส่งเสียงน่ารำคาญไม่หยุด เขาเป็นอะไรไป หรือเป็นผลมาจากจูบครั้งที่แล้วของพี่ จะว่าไปตั้งแต่นั้นมาเขาก็ยังไม่รู้ความหมายของมันเลย จะถามพี่ก็ไม่กล้า ทว่าดูจากท่าทางของพี่ที่ยังเป็นปกติจนเหมือนกับลืมไปแล้วนั้น นั่นก็คงจะเป็นแค่การล้อเล่น
   ไอโตะข่มตาหลับเพื่อไม่ให้คิดมาก ตัวเองที่พิลึกแบบนี้พี่คงจะหัวเราะเยาะเป็นแน่ แต่แล้วยูโตะก็ยังส่งท่อนแขนมาเกี่ยวรัดจนหลังของเขาแนบติดกับแผ่นอกกว้างด้านหลัง นอกจากนี้หน้าท้องบริเวณที่ชายเสื้อถลกขึ้นไปปลายนิ้วของยูโตะก็มาสัมผัสโดนอีกแล้ว หัวใจของไอโตะเพิ่มจังหวะมากขึ้นไปอีก
   "แล้วฉันจะรอให้ไอหลับก่อนนะ" เวลาไอโตะกลัวผียูโตะจะรอให้น้องชายหลับก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ไอโตะต้องอยู่คนเดียว ทว่าไอโตะในตอนนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหลับลงได้เลย
   ยูโตะนอนมองไอโตะจากด้านหลัง ท่าทางขัดเขินของไอโตะทำให้เขามีความหวังมากขึ้นทุกครั้ง เขาอยากกอดร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าที่ได้เห็นในห้องน้ำเมื่อครู่ อยากจะบอกความรู้สึกที่ทนเก็บไว้ออกมาก่อนจะถูกคนอื่นแย่งไป แต่อีกใจกลัวยังกลัวว่าหากผิดพลาดขึ้นมาเขาจะไม่สามารถทวงคืนได้กระทั่งความสัมพันธ์ของพี่น้อง ดังนั้นการค่อยเป็นค่อยไปน่าจะปลอดภัยกว่า

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: U & I (ตอนที่ 12 2018.04.06)
«ตอบ #16 เมื่อ22-04-2018 15:47:31 »

ตอนที่ 13

   "ไชโยฉันชนะ" เด็กหนุ่มปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากจอยเกมส์แล้วกำมือไว้ระดับอกด้วยความดีใจ
   "เฮ้อ 3 ตาติดเลยเหรอเนี่ย" ยูโตะถอนหายใจยาวอย่างเซ็ง ๆ
   สุดสัปดาห์พวกเขาเล่นเกมส์กันที่ห้องของไอโตะ ดูเหมือนวันนี้เด็กหนุ่มจะฟิตเป็นพิเศษไม่ว่าเกมส์อะไรก็ชนะพี่ชายได้เกือบทุกเกมส์
   "อ้าว แล้วจะไปไหนน่ะ" ยูโตะเงยหน้าถามผู้ชนะที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน
   "ห้องน้ำ" ไอโตะตอบอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้องไป
   ชายหนุ่มล้มตัวนอนแผ่ลงไปกับพื้นอย่างเหนื่อยล้าเนื่องจากพวกเขาเล่นติดต่อกันมา 3 ชั่วโมงแล้ว เกมส์เครื่องนี้พ่อซื้อให้พวกเขาเป็นของขวัญวันเกิด แต่ตัวเกมส์พวกเขาจะใช้ค่าขนมช่วยกันออกคนละครึ่ง เขาเคยตั้งใจจะใช้เงินของตัวเองเพียงคนเดียวแต่ไอโตะก็ไม่ยอม หรือแม้จะต่อรองขอจ่ายมากกว่าก็ไม่สำเร็จ นั่นเพราะไอโตะไม่อยากเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว
   ยูโตะยิ้มอย่างภูมิใจในตัวน้องชาย เขาพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้นแต่แล้วก็รู้สึกเหมือนเห็นเงาดำ ๆ อยู่ใต้เตียงทั้งที่ในนั้นไม่ควรจะมีอะไร ชายหนุ่มลุกขึ้นคลานแล้วล้วงมือเข้าไปด้านใน จากนั้นก็หยิบห่อผ้าขนาดใหญ่ออกมา ผ้าสีฟ้าโปร่งบางและโบว์ที่ติดอยู่นั้นมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่ามันเป็นห่อของขวัญ ใต้โบว์มีการ์ดแผ่นเล็กติดอยู่       ยูโตะพลิกกระดาษที่คว่ำหน้าอยู่ขึ้นมาแต่ในตอนนั้นเองประตูห้องก็เปิดออก
   "อ๊ะ พี่ นั่นมัน..." เจ้าของห้องรีบตรงเข้าไปคว้าของของตัวเองคืนมา แต่พี่ชายก็ใช้ข้อได้เปรียบของส่วนสูงยกมันขึ้นไว้เหนือศีรษะ
   "เอาคืนมานะ" ไอโตะเขย่งตัวพร้อมกับเอื้อมมือจนสุดแขนแต่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เขาไม่คิดเลยว่ามันจะถูกพบภายในเวลาแค่ 3 วัน
   "แต่นี่มันของขวัญของฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงซ่อนไว้ใต้เตียงล่ะ"
   "ไม่ใช่ของพี่สักหน่อย" เด็กหนุ่มหวังจะใช้ข้ออ้างว่ามันเป็นของคนอื่น แต่แล้วพี่ชายก็ทำลายความหวังเขาทิ้งในคำพูดถัดมา
   "งั้นทำไมถึงมีชื่อฉันอยู่บนการ์ดล่ะ"
   "ก็...เออ...มันผิดพลาดนิดหน่อยน่ะ ยังไงก็เอาคืนมาเถอะ" ไอโตะหลบตาตอบ
   "ไม่ ก็มันของของฉันนี่" ยูโตะยึดมันเป็นของตัวเองโดยพลการ
   "บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ ฉันก็แค่เขียนผิดเท่านั้นแหละ" ไอโตะขึ้นไปบนเตียงแล้วกระโดดตะครุบมันกลางอากาศแต่พี่ชายก็เบี่ยงตัวหลบได้ทัน
   "งั้นถ้าฉันทายถูกว่าข้างในเป็นอะไร มันต้องเป็นของฉันตกลงมั้ย" ชายร่างสูงซ่อนกล่องไว้ด้านหลังก่อนจะยื่นข้อเสนอ
   "หา พี่จะไปรู้ได้ยังไงเล่า แต่ก็ได้ ถ้าพี่ทายผิดต้องคืนให้ฉันนะ" ไอโตะตกลงรับข้อเสนอที่มองเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้า
   ยูโตะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยจากนั้นก็พูดออกมาอย่างมั่นใจ
   "กระเป๋าเป้สีดำใช่มั้ย"
   "ทะ...ทำไมรู้ล่ะ" ไอโตะถึงกับอ้าปากค้าง พี่ชายของเขามีตาทิพย์หรืออย่างไร
   "ฉันเห็นในหนังสือแค็ตตาล็อกที่ไอดูน่ะ"
   "นี่พี่แอบดูหนังสือในห้องฉันเหรอ ขี้โกงนี่"
   "ไม่ได้แอบ ไอวางทิ้งไว้ต่างหาก" หนังสือถูกวางไว้กลางเตียงจะเรียกว่าแอบดูก็ไม่ถูก นอกจากนี้ไอโตะยังใช้ปากกาวงที่กระเป๋าใบนี้ไว้ เขาจึงทายถูกได้อย่างง่ายดาย
   "แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้" ไอโตะจ้องหน้าพี่ชายแล้วแบมือขอของของตนคืนทั้งที่พ่ายแพ้ในการต่อรอง
   "หา ถึงฉันอยากได้ไอก็ไม่ให้เหรอ ทำไมล่ะ เมื่อกี้ก็ตกลงกันแล้วนี่" ยูโตะโวยวายเมื่อน้องชายผิดคำพูด
   "ก็ไม่ใช่ว่าพี่มีแล้วเหรอ" ไอโตะถามอย่างไม่แน่ใจเพราะหลังจากวันนั้นมาเขาก็ไม่เห็นพี่ใช้กระเป๋าใหม่ที่น่าจะได้จากรุ่นพี่สองคนนั้นเลย แม้จะแอบเข้าไปหาดูในห้องพี่ก็ไม่มีเช่นกัน
   "มีแล้ว? ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ" พอชายหนุ่มเอียงคอด้วยความฉงนไอโตะก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น   ยูโตะจึงวางของในมือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ
   "นี่มีอะไรปิดบังฉันสินะ จริงอยู่ว่ามีคนให้กระเป๋าฉันแต่ก็ไม่ใช่แบบเดียวกับของไอหรอก"
   "ไม่จริง เป็นไปไม่ได้" ในวันนั้นกระเป๋าที่หญิงผมทองถืออยู่เป็นแบบเดียวกับเขาอย่างแน่นอน
   "หึ มีพิรุธจริง ๆ ด้วย ไหนบอกพี่ชายมาสิว่ามันเรื่องอะไร" ยูโตะเดินเข้าไปใกล้ไอโตะที่ยังคงปิดปากสนิท
   "ถ้าไม่ยอมบอกคงต้องใช้กำลังกันล่ะนะ"
   พอเห็นพี่ชายยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับเอวไอโตะที่สังหรณ์ไม่ดีก็ถอยหนีแต่แค่เพียงก้าวเดียวพี่ชายก็ดึงตัวเขาเข้าไปแล้วจั๊กจี้เอวของเขา
   "ฮ่า ฮ่า พี่หยุดนะ" ไอโตะบิดตัวหนีไปมาแต่มือของพี่ชายก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ
   "งั้นก็บอกมาซะดี ๆ"
   "ก็...บอกว่ามัน...ฮ่า ฮ่า...เป็นเรื่องผิดพลาด...ไง" เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างยากลำบาก เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
   "ยังจะปากแข็งอยู่อีกเหรอ งั้น..."
   สิ้นเสียงมือของยูโตะก็ลอบเข้ามาจากชายเสื้อยืดแล้วลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังของไอโตะ
   "พี่โรคจิตหยุดเลยนะ" เพราะความตกใจไอโตะจึงพูดออกมาก่อนสมองจะสั่งการเสียอีก
   "นี่กล้าว่าฉันว่าโรคจิตเลยเหรอ งั้นคงต้องทำมากกว่านี้"
   ไอโตะพลิกตัวหนีแต่นั่นทำให้พี่ชายที่อยู่ด้านหลังเปลี่ยนมาสัมผัสผิวกายด้านหน้าของเขาได้ง่ายขึ้น ยูโตะเลื่อนมือจากเอวขึ้นมาด้านบนจนถึงช่วงอก ไอโตะสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบจับมือที่เกือบจะสัมผัสจุดล่อแหลมไว้
   "บอกแล้ว...ฉันจะบอกแล้ว" ไอโตะหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่ชายจะกล้าล้อเล่นถึงขนาดนี้ รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นแม้มือของผู้ก่อการร้ายจะหยุดลงแล้ว
   "หือ ยอมแพ้เร็วกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ" ยูโตะพูดอย่างเสียดายโอกาสทอง หากไอโตะปากแข็งกว่านี้เขาคงได้สัมผัสไอโตะมากขึ้น
   "ก็เพราะพี่เล่นอะไรพิเรนนั่นแหละ" ไอโตะต่อว่าพลางดึงเสื้อยึดลงให้เรียบร้อย บางทีเขาควรพาพี่ไปตรวจสมองจะดีกว่าหรือเปล่า
   "หึ หึ เอาล่ะไหนว่ามาสิ" ชายหนุ่มหัวเราะอย่างนึกสนุก
   ไอโตะเหลือบมองพี่ชายอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อยก่อนจะสารภาพออกมา
   "ฉันซื้อเจ้านี่ในวันที่ไคลากไปดูหนัง แต่ก็เจอกับรุ่นพี่ของพี่สองคนที่หน้าโรงหนัง"
   "รุ่นพี่?" ยูโตะทวนถามเนื่องจากเขาไม่ได้มีรุ่นพี่แค่สองคน
   "ก็ผู้หญิงอีกสองคนที่อยู่กับรุ่นพี่ที่ใส่ร้ายฉันตอนออกมาจากร้านหมอฟันไงล่ะ"
   "อ้อ" ยูโตะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 4 เดือนก่อนแล้วร้องออกมา
   "พวกเธอก็ซื้อกระเป๋าแบบเดียวกับฉันมาเป๊ะเลยแล้วก็มาถามฉันว่าถ้าจะให้เป็นของขวัญพี่พี่จะชอบหรือเปล่า" ไอโตะเบ้ปากด้วยยังรู้สึกเจ็บใจ
   "เพราะคิดว่าฉันจะต้องได้เป้แบบนี้จากพวกเธอ ไอก็เลยไม่ให้ฉันอย่างนั้นเหรอ"
   เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างอาย ๆ กับพฤติกรรมที่เหมือนเด็ก
   "ทำไมล่ะ ถ้าวันนั้นไอให้ฉันก่อนก็สิ้นเรื่องนี่"
   "แต่ฉันไม่อยากให้ของที่เหมือนคนพวกนั้นนี่" ไอโตะกระแทกเสียงด้วยความโมโหที่พี่ชายไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา
   "ฮ่า ฮ่า อย่างงี้นี่เอง ไอนี่น่ารักจังเลยนะ" ยูโตะหัวเราะเสียงดัง
   "อย่าหัวเราะนะ" เขาไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าขำตรงไหน
   "ก็แหม พอนึกถึงหน้าไอตอนที่บอกฉันว่า ช่วยรอของขวัญอีกหน่อยแล้วมันก็อดไม่ได้นี่ อุตส่าห์ทำงานจนได้เงินมาซื้อแล้ว ยังคิดจะซื้อของอย่างอื่นให้แทนด้วยเหตุผลแค่ว่าจะเหมือนคนอื่น ไม่น่ารักได้ยังไงล่ะ" ยูโตะหอมแก้มน้องชายฟอดใหญ่
   "อ๋า พี่หยุดเลยนะ" ไอโตะดันร่างของพี่ชายออกไป
   "แต่ถ้าอย่างนั้นก็น่าแปลกนะ เพราะว่ากระเป๋าที่รุ่นพี่พวกนั้นให้ฉันมาไม่ใช่แบบนี้หรอก"
   "เอ๋" หลังจากที่อุทานออกมาไอโตะก็พลันนึกได้ว่าพวกเธออาจจะเปลี่ยนของขวัญเพราะคำพูดของเขาก็เป็นได้
   "ก็ไม่รู้เพราะอะไรหรอกนะ แต่กระเป๋าที่ได้มาฉันก็ให้คนอื่นไปแล้วล่ะ"
   "หา แบบนั้นจะดีเหรอ" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ไอโตะก็แอบดีใจไม่น้อย
   "ก็ถ้าใช้ของที่พวกเธอให้ก็เท่ากับให้ความหวังไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญต่อให้กระเป่าที่พวกเธอให้มาเหมือนกับของไอหรือถูกใจฉันแค่ไหนฉันก็ไม่คิดจะใช้หรอกน่า ฉันรอแต่ของจากไอเท่านั้นแหละ" ยูโตะยิ้มอย่างที่ผู้หญิงคนไหนเห็นจะต้องหลงอย่างแน่นอน
   "พี่ยู"
   "งั้นสรุปว่าเจ้านี่ก็ของฉันสินะ" ยูโตะใช้แขนรวบตัวร่างบางเข้ามา
   "อะ...อือ" เมื่อเรื่องกลายมาเป็นอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
   "ขอบคุณนะ" ยูโตะค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ไอโตะรู้ดีว่าพี่ชายจะทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยืนนิ่งประหนึ่งรอคอยมันอย่างไรอย่างนั้น
   ยูโตะประทับริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากนุ่มอย่างแผ่วเบาและเมื่อเห็นว่าไอโตะไม่ขัดขืนเหมือนทุกครั้งเขาก็ขยับริมฝีปากต่อช้า ๆ ราวกับกลัวว่าไอโตะจะหลุดออกจากภวังค์ เปลือกตาของไอโตะค่อย ๆ ตกลงมาแต่ในตอนที่มันกำลังจะปิดสนิทเด็กหนุ่มที่ได้สติก็ผลักยูโตะออกอย่างแรง
   "พี่!! อย่าทำแบบนี้สิ" ไอโตะพูดทั้งที่หน้าแดงไปถึงหู เขาไม่เข้าใจการกระทำแบบนี้ของพี่ชายเลย ต่อให้เป็นพี่น้องที่สนิทกันแค่ไหน ก็คงไม่จูบกันที่ปากแน่ ๆ และที่สำคัญทำไมเมื่อครู่เขาถึงยืนอยู่เฉย ๆ
   "ทำไมล่ะ" ยูโตะแอบดีใจกับปฏิกิริยาที่เหมือนเป็นการยอมรับของไอโตะ
   "ก็ เรื่องแบบนี้มันต้องทำกับคนที่ชอบไม่ใช่เหรอ" เด็กหนุ่มก้มหน้ามองพื้น
   "ฉันก็ชอบไอนี่ งั้นก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนจริงมั้ย"
   "...ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย" เขาหมายถึงชอบแบบคนรักต่างหากทั้งที่พี่ชายก็น่าจะเข้าใจแท้ ๆ
   "งั้นไอไม่ชอบฉันเหรอ" ยูโตะก้มตัวลงมองผู้ที่เอาแต่ก้มหน้าด้วยความอาย
   "เปล่านะ เรื่องนั้นก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่"
   ยูโตะมองดูท่าทางขวยเขินของไอโตะแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าหากบอกความรู้สึกออกไปในตอนนี้ไอโตะอาจจะยอมรับฟังก็เป็นได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังจ้องมองไอโตะอย่างชั่งใจ นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมจริงหรือ หลังจากพูดไปแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะมาเสียใจภายหลังไม่ได้
   "พี่เป็นอะไรไป" ไอโตะถามพี่ชายที่จู่ ๆ ก็ยืนนิ่งราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
   "ไอ คือว่า ฉัน..." ยูโตะเปล่งเสียงออกมาทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะพูดหรือไม่
   "ยู ไอ อาหารเย็นเสร็จแล้วนะ ลงมากินกันได้แล้ว" เสียงตะโกนของแม่ราวกับอาญาสวรรค์ที่ส่งสายฟ้าผ่าลงมาลงทัณฑ์ผู้ที่กำลังจะกระทำผิด ครั้งก่อนก็น้าทีหนึ่งแล้ว หรือว่าการบอกความรู้สึกกับไอโตะจะเป็นเรื่องไม่ควร ยูโตะถอนหายใจอย่างท้อแท้แล้วเดินตามน้องชายที่รีบนำลงไปก่อน

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 14 2018.05.05)
«ตอบ #17 เมื่อ05-05-2018 14:52:03 »

ตอนที่ 14
   
   เมื่อถึงช่วงพักกลางวันเด็กหนุ่ม 3 คนก็ดั้นด้นขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าที่อยู่ชั้น 5 เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการกินข้าว แต่พอมาถึงหน้าประตูเด็กหนุ่มผมยาวระคอก็หยุดเท้าลง
   "นั่นมันนารุนี่" พอไคชี้มือไปที่ช่องกระจกของประตูไอโตะกับเพื่อนร่วมห้องที่รูปร่างสมชายเกินวัยอีกคนก็ชะโงกมองผ่านช่องกระจกแคบของประตูไป แล้วพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชายหญิง 2 คน กำลังแนบริมฝีปากกันอย่างแนบแน่น พอเห็นอย่างนั้นไอโตะก็ย่อตัวลงให้พ้นช่องกระจกแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา
   "เพิ่งคบกันได้อาทิตย์เดียวเองนะเนี่ย แถมนารุก็เพิ่งจะรู้จักกับชิราซาว่าด้วย"
   "เห นิชิฮาระนายนี่รู้ดีจังนะ" ไคพูดอย่างแปลกใจเพราะคู่รักฝ่ายชายไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องของเขา
   "ก็ฉันเป็นคนแนะนำให้หมอนั่นรู้จักกับนารุน่ะสิ แต่เห็นแบบนี้แล้วอยากมีแฟนบ้างจังแฮะ" นิชิฮาระที่เป็นพ่อสื่อให้รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
   "แล้วนายล่ะคิดจะเกาะติดพี่ชายไปถึงเมื่อไหร่" ไคหันมากระเซ้าไอโตะที่เงียบไป
   "เรื่องของฉันน่า" ไอโตะหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไคแขวะเขาด้วยเรื่องนี้ทุกครั้งไป
   "จะว่าไปนายคงไม่เคยจูบใครใช่มั้ยล่ะ" ไคทำสายตาล้อเลียนจนน่ามั่นไส้
   "เคยไม่เคยแล้วมันทำไม" ถึงจะไม่เคยจูบใครแต่เขาก็เพิ่งถูกจูบมาเมื่อวาน ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่สามารถบอกใครได้
   "นี่จะบอกให้นะ ปากของผู้หญิงน่ะนุ่มนิ่มมากเลย ถ้านายไม่ได้รู้จักล่ะก็น่าเสียดายแย่" ไคพูดอย่างกับเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งที่ถูกทิ้งมานับครั้งไม่ถ้วน
   "ช่างฉันเถอะน่า" ไอโตะโต้ตอบด้วยระดับเสียงเท่าเดิมด้วยกลัวว่าเสียงจะลอดออกไปจนบุคคลที่อยู่อีกฝั่งของประตูได้ยิน
   ต่อให้ไม่เคยได้สัมผัสริมฝีปากของผู้หญิงแต่เขาก็ไม่คิดอยากทำความรู้จักหรือเสียดายอะไร นอกจากนี้ถึงริมฝีปากของพี่ชายจะไม่ได้เรียกว่านุ่มนิ่มแต่มันก็ให้ความรู้สึกดีจนเกือบจะเคลิบเคลิ้มตามไป
   "นี่ทำไมเราจะต้องจูบคนอื่นด้วยล่ะ" ไอโตะลองหยั่งถามสิ่งที่ตนคิดไม่ตกมาตลอด พี่จูบเขาถึง 3 ครั้งแต่ทุกครั้งเขาไม่เข้าใจความหมายของมันเลย
   "หา ก็เพราะอยากทำไงล่ะ"
   "เนี่ยนะเหตุผล" ไอโตะตาขวางใส่ผู้พูด
   "เพราะว่าชอบคน ๆ นั้นถึงได้ทำต่างหากล่ะ" นิชิฮาระช่วยแก้คำตอบขวานผ่าซากของไค
   "อืม งั้นนายชอบฉันหรือเปล่า" ไอโตะหันไปถามไค
   "ถ้าไม่ชอบคงไม่คบมาตั้ง 3 ปีหรอก" ไคตอบอย่างตรงไปตรงมา
   "งั้นจะจูบฉันหรือเปล่า" ไอโตะโพล่งถามหน้าตาย
   "จะ...จะบ้าเหรอ ใครจะไปทำเล่า" ไคลืมตัวขึ้นเสียงจนนิชิฮาระต้องปิดปากไว้
   "เออ คุซาซากิชอบในที่นี้หมายถึงชอบแบบหญิงชายไม่ใช่เพื่อนหรือญาติพี่น้องน่ะ" นิชิฮาระอธิบายอย่างใจเย็นแม้จะรู้สึกเหลือเชื่อที่มีคนไม่เข้าใจเรื่องนี้อยู่ด้วยก็ตาม
   "อธิบายให้คนที่โลกหมุนรอบพี่ชายฟังไปก็ไม่เข้าใจหรอก ให้ตายสิ เรื่องแค่นี้เด็กประถมยังรู้เลย" ไคบ่นราวกับความไม่รู้ของไอโตะเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้
   ไอโตะค้อนขวับเขาเองก็ไม่ใช่จะไม่รู้แต่ที่ถามก็เพราะสับสนว่าทำไมยูโตะที่เป็นพี่ชายถึงทำกับเขาแบบนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองอาจจะมีมุมมองเรื่องนี้ต่างไปจากคนอื่น แต่ดูเหมือนเพื่อนของเขาก็จะเห็นว่าการที่พี่น้องจูบกันนั้นเป็นเรื่องผิดปกติเช่นกัน
   "ดูท่าสองคนนั้นคงจะยึดที่นี่ตลอดช่วงพักแล้วล่ะ เราเปลี่ยนที่กันเถอะ" นิชิฮาระเสนอขึ้น
   "โธ่เอ๊ย ว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อยเชียว"
   "ถ้าอย่างนั้นไปที่สวนข้างตึกก็ได้" พอเห็นไคเบ้ปากนิชิฮาระก็ชวนไปที่อื่นแทน ถ้าไม่ใช่ห้องเรียนที่ใช้เป็นประจำ ต่อให้เป็นที่ที่มีคนเยอะหน่อยอย่างสวนข้างตึกก็คงไม่เป็นไร

   เย็นวันนี้ไอโตะกลับบ้านพร้อมกันกับไค แต่หลังจากที่เพื่อนของเขาแยกไปอีกทางสมองก็ย้อนกลับไปไขปริศนาที่คาใจต่อจากเมื่อกลางวันมาตลอดทาง
   พี่บอกว่าชอบถึงได้จูบ แต่คำว่าชอบของพี่เป็นแบบพี่น้อง ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงยังจูบล่ะ ไอโตะหวนนึกไปถึงจูบในตอนที่ตนหลับอยู่ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็ผิดปกติอย่างมาก แต่จะว่าไปแล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ  พี่เองก็ไม่สนใจเรื่องเพศด้วย ดังนั้นสำหรับพี่แล้วจึงเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า แต่แบบนั้นก็เหมือนกับพี่ชอบเขาที่เป็นผู้ชายและไม่ใช่พี่น้องเลยไม่ใช่หรือ
   'ไม่ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก' ขณะที่สะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกไป มือของเขาก็บิดกลอนประตูแล้วเดินเข้าไปในบ้านโดยอัตโนมัติทั้งที่สมองยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
   นอกจากจูบแล้วยังมีการสัมผัสที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน แต่ทุกครั้งพี่ก็จะทำเหมือนเป็นเรื่องสนุกหรือว่าจะเป็นแค่การล้อเล่นจริง ๆ ใช่แล้ว พี่ไม่มีทางคิดอะไรกับเขาแบบนั้นหรอก ทำไมเขาถึงคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
   "ขอโทษทีนะ ยูโตะ จากนี้เราคงต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัดหน่อยล่ะ"
   จู่ ๆ ก็มีเสียงดังแว่วออกมาจากห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านซ้ายมือของบันได ไอโตะที่มัวแต่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่รู้ตัวเลยว่าตนมาอยู่ที่ตีนบันไดตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่ได้พูดกระทั่งคำทักทายว่า กลับมาแล้ว นอกจากนี้ยังถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ไปโดยไม่รู้ตัวอีก
   "แม่จะขอโทษทำไมล่ะครับ ไม่ใช่ความผิดของแม่ซักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้ลำบากอะไรด้วย แต่ว่าพ่อล่ะครับ"
   จากเนื้อหาและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดแล้วนี่ต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน ไอโตะพิงหลังกับกำแพงเพื่อแอบฟังโดยไม่ให้พวกเขารู้สึกตัว
   "พ่อน่ะบางทีปีหน้าอาจจะต้องกลับมาอยู่ที่นี่"
   "ก็ดีนะครับ พ่อจะได้ไม่เหงาอีก พวกเราก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าเหมือนเมื่อก่อน"
   "ถ้าลูกว่าอย่างนั้นแม่ก็สบายใจ อ๊ะ แต่อย่าไปบอกไอนะ เด็กคนนั้นยิ่งขี้กังวลอยู่ด้วย เดี๋ยวจะคิดมากไปกันใหญ่"
   'พ่อกลับมาก็น่าจะเป็นเรื่องดีนี่น่า แล้วทำไมบ้านเราถึงมีปัญหาเรื่องเงินล่ะ แม่เป็นคนมัธยัสด์ใช้เงินของพ่ออย่างรู้คุณค่าเสมอ มีเงินก้อนเก็บไว้สำหรับใช้ในเวลาฉุกเฉิน กระทั่งเก็บออมเงินสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยของพี่ไว้ตั้งแต่ตอนที่พี่อยู่มัธยมต้น หรือที่พ่อต้องกลับมาญี่ปุ่นเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องงานจนทำให้กระทบไปถึงค่าใช้จ่าย พ่อถูกไล่ออกอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าถูกไล่ออกก็น่าจะกลับมาทันทีไม่ใช่รอถึงปีหน้า หรือว่าจะถูกลดตำแหน่งแล้วถูกย้ายกลับมาที่นี่'
   ไอโตะปะติดปะต่อเรื่องราวที่ได้ยินแล้วเริ่มร้อนใจ น้ำเสียงที่พูดอย่างหนักใจของแม่ยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงพ่อ
   'ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าจะบอกกันบ้าง เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแท้ ๆ'
   เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวตั้งใจจะเดินไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งตอนนี้เสียงเงียบลงแล้ว แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจด้วยรู้ดีว่าถึงจะถามอะไรไปพี่ชายกับแม่ก็คงหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกอะไรเขาอยู่ดี

   "ไอ ยังไม่นอนอีกเหรอ" เที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ยูโตะที่ออกไปเข้าห้องน้ำยังมองเห็นแสงไฟจากห้องนอนของน้องชายลอดผ่านออกมาจากขอบประตูจึงโผล่หน้าเข้าไปดูและก็พบว่าเจ้าของห้องยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ
   "อือ ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ" ไอโตะปิดหนังสือลงแล้วหันไปทางพี่ชาย
   "ทำอะไรอยู่ อ่านหนังสือเหรอ อีกตั้งเดือนหนึ่งกว่าจะสอบไม่ใช่เหรอ" ปกติไอมักจะอ่านหนังสืออย่างเคร่งเครียดแค่ช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบเท่านั้น นี่จึงเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก
   "ก็...เออ คิดว่าอยากจะลองขอทุนดูน่ะ"
   "ทุน? หมายถึงค่าเทอมน่ะเหรอ"
   "อือ" หลังจากได้ยินที่พี่กับแม่คุยกันเมื่อวันก่อนเขาก็คิดหาทางที่ตัวเองพอจะช่วยอะไรได้ และสิ่งที่คิดได้ก็มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น แม้จะช้าไปสำหรับเทอมนี้แต่หากสร้างรากฐานที่ดีไว้ตั้งแต่แรกก็น่าจะเป็นประโยชน์ได้
   "...เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ ถึงจะขอทุนล่ะ นี่หรือว่ายังคิดมากอยู่อีก ถ้าแม่รู้จะโกรธเอานะ" ยูโตะคิดว่าไอโตะยังคิดมากเรื่องที่ตนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ อยู่
   "เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น ฉันก็แค่อยากช่วยพ่อบ้าง ที่พี่ยังช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยเป็นงานพิเศษเลยไม่ใช่เหรอ แล้วฉันก็อยากทำงานพิเศษด้วยจะได้หาค่าขนมเองได้ไง"
   "ไม่เห็นต้องทำอย่างนั้นเลย ไอยังเป็นนักเรียนตั้งใจเรียนไปก่อนเถอะ" ยูโตะนั่งลงบนเตียงเมื่อดูท่าว่า คงจะต้องคุยกับไอโตะอีกนาน
   "แต่เด็กมอปลายที่ทำงานพิเศษก็มีตั้งเยอะนี่ ได้ประสบการณ์ดีด้วย" ไอโตะบิดตัวเข้าหาเตียงเพื่อมองหน้าคู่สนทนา
   "งั้นเอาไว้เข้ามหาลัยก่อนค่อยทำก็ได้ดีมั้ย"
   "ฉันไม่เข้ามหาลัยหรอก"
   "หา ทำไมล่ะ" นี่เป็นครั้งแรกที่ไอโตะพูดถึงแผนการในอนาคต ไอโตะไม่เคยบอกว่าอยากเป็นอะไรหรือมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษแต่จู่ ๆ ก็มาบอกว่าจะไม่เข้ามหาวิทยาลัยเสียแล้ว
   "ก็...ถ้าเข้ามหาลัยก็ต้องใช้เงินเยอะนี่" ไอโตะพูดอย่างหวั่น ๆ เนื่องจากพอจะเดาได้ว่าพี่ชายจะต้องคัดค้าน
   "ไอกำลังเกรงใจอยู่จริง ๆ ด้วย" ดูเหมือนแม่ของเขาจะคิดถูกที่ไม่บอกเรื่องวันก่อนกับไอโตะไม่อย่างนั้นน้องชายของเขาอาจจะลาออกจากโรงเรียนเดี๋ยวนี่เลยก็เป็นได้
   "ก็บอกว่าไม่ใช่ไง" เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายให้พี่ชายยอมรับอย่างไรจึงได้แต่ปฏิเสธห้วน ๆ
   "เรื่องเรียนฉันช่วยติวให้ก็ได้แต่เพื่อให้เข้ามหาลัยนะไม่ใช่เพื่อให้ขอทุน" ยูโตะเอื้อมมือดึงน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้แล้วมานั่งบนตักของตน
   "นี่พี่ฟังที่ฉันพูดหรือเปล่าเนี่ย" ทั้งที่เขาเพิ่งพูดว่าจะไม่เข้ามหาวิทยาลัยแท้ ๆ
   "ไอต่างหากล่ะที่ไม่ฟังฉัน ถ้าไม่อยากใช้เงินพ่อล่ะก็เดี๋ยวพอฉันเรียนจบมีงานทำแล้วฉันจะเป็นคนเลี้ยงไอเองก็ได้"
   "แบบนั้นก็ไม่เห็นต่างกันเลย จะให้ฉันใช้เงินที่พี่หามาได้ยังไงล่ะ"
   "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันเป็นพี่นะจะเลี้ยงน้องมันผิดตรงไหน"
   "ยังไงก็ไม่ได้" ไอโตะรู้สึกหนักใจกับการเอาใจของพี่ชายคนนี้จริง ๆ
   "ถ้างั้นไอมาเป็นเจ้าสาวฉันดีมั้ยจะไม่หมดปัญหาไง" ยูโตะช้อนมือของไอโตะขึ้นมาแล้วประทับริมฝีปากลงบนหลังมือราวกับจะขอแต่งงานก็ไม่ปาน
   "พี่! นี่ฉันกำลังจริงจังอยู่นะ" ไอโตะชักมือกลับด้วยความหงุดหงิดเพราะพี่ชายล้อเล่นไม่ดูสถานการณ์ เขายังไม่เข้าใจความหมายของจูบจากพี่เลย แต่พี่ยังจะพูดสิ่งที่ชวนให้เข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก
   "ฮ่า ฮ่า ไม่ชอบเหรอ งั้นฉันให้ไอเป็นเจ้าบ่าวก็ได้" ยูโตะยิ้มแฉ่งโดยไม่สนใจอารมณ์ของฝ่ายตรงข้าม
   "เลิกหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ตลกเลยซักนิด" ไอโตะยกมือปิดปากที่พูดล้อเล่นไว้ เรื่องล้อเล่นของพี่ทำให้เขาคิดอะไรแปลก ๆ เสมอ
   "ไอไม่ต้องคิดอะไรมากนักหรอก ถ้าผลการเรียนของไอดีขึ้นหรือได้ทุนแม่ก็คงภูมิใจในตัวไอ แต่ถ้าไอฝืนเกินไปจนกลายเป็นผลเสียแม่คงไม่ดีใจหรอก"
   ไอโตะไม่ใช่เด็กหัวดีแต่ก็ไม่ใช่เด็กโง่ หากมีความพยายามก็คงทำได้ตามที่ตั้งใจ แต่ที่เขาเป็นห่วงก็คือไอโตะจะจริงจังกับการเรียนเกินไปจนไม่เที่ยว ไม่เล่น ไม่นอน เขาไม่อยากเห็นไอโตะที่เป็นแบบนั้น
   "แต่ว่า...เหวอ ทำอะไรน่ะพี่"
   จู่ ๆ ยูโตะก็ล้มตัวลงไปบนเตียงทำให้ไอโตะที่อยู่บนตักล้มลงมาด้วย
   "ฉันขี้เกียจกลับห้องแล้วล่ะ นอนที่นี่เลยแล้วกัน"
   "หา อะไรของพี่เนี่ย" ยังคุยกันไม่ทันรู้เรื่องแต่พี่ชายกลับบอกว่าจะนอนเสียแล้ว ไอโตะขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้นเนื่องจากร่างกายครึ่งหนึ่งยังทับอยู่บนตัวพี่ชาย
   "นี่ เอาอย่างงี้ดีมั้ย เรื่องเรียนไอก็ทำเต็มที่เท่าที่ทำได้แต่ฉันไม่ยอมให้ฝืนหรอกนะ ส่วนทุนจะได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร แค่ผลการเรียนดีขึ้นก็เป็นประโยชน์กับไอแล้ว แต่ถ้าได้ทุนขึ้นมาก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ แล้วถ้าอยากช่วยพ่อไอก็แค่ใช้เงินอย่างประหยัดก็พอ"
   "แบบนั้นมีหวังพี่ซื้อของที่ฉันอยากได้ให้แทนหมดแน่ ๆ"
   "...รู้ทันแฮะ" พอถูกมองออกยูโตะก็เคลื่อนสายตาไปด้านบนเล็กน้อย
   "เอาน่า ตกลงตามนี่นะ แล้วก็รีบนอนกันเถอะ" ยูโตะมัดมือชกแล้วรวบตัวไอโตะไว้
   "เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้เก็บของเลยนะ" ดูเหมือนถึงต่อล้อต่อเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ไอโตะจึงต้องยอมรับความคิดของพี่ชาย
   "ไว้พรุ่งนี้เช้าฉันเก็บให้ก็ได้"
   "แต่ฉันจะไปห้องน้ำก่อนด้วยนี่" ไอโตะออกแรงแกะท่อนแขนแกร่งที่พันธนาการตนไว้
   "พรุ่งนี้ก็ได้น่า"
   "จะบ้าเหรอ จะให้ฉันอั้นนานขนาดนั้นเนี่ยนะ"
   "ก็ได้ ก็ได้ งั้นรีบมาล่ะ"
   ไอโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อไหร่เขาจะโตพอจนสามารถต่อกรกับชายคนนี้ได้เสียที

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I ตอนที่ 15
«ตอบ #18 เมื่อ19-05-2018 22:59:57 »

ตอนที่ 15

   "อาย...โตะไปเกมส์เซ็นเตอร์กับฉันมั้ย" ไคทำเสียงอ่อนเสียงหวานพลางเดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่างเพื่อเข้าไปหาเพื่อนร่วมห้องที่กำลังเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋านักเรียน
   "ไม่ล่ะ ฉันจะไปหาพี่ที่มหาลัย"
   ทั้งที่มีแต่เกมส์เซ็นเตอร์นี่แหละที่ไอโตะจะไปกับเขาด้วยความเต็มใจแต่ไอโตะกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
   "อ้าว แปลกจังนายจะไปรับยูโตะซังแทนที่ยูโตะซังจะมารับเหรอ"
   "ไม่ได้ไปรับหรอกแต่พี่บอกว่าจะพาไปกินขนมที่ร้านเปิดใหม่ใกล้มหาลัยน่ะ" ไอโตะปิดกระเป๋าแล้วสะพายไว้บนไหล่
   "ชิ ยังไงฉันก็สู้ยูโตะซังไม่ได้สินะ งั้นฉันไปชวนเจ้านิชิฮาระก็ได้" เมื่อรู้ว่าถึงจะง้องอนไปก็ไม่มีประโยชน์ไคจึงเดินกระแทกส้นเท้าออกจากห้องเรียนไป
   ไอโตะมองท่าทางอย่างนั้นด้วยความระอาจากนั้นจึงเดินออกมาจากประตูโรงเรียนเพียงลำพัง ขณะที่เดินไปตามทางเท้าเขาก็มองเห็นรถยนต์ราคาแพงสีดำจอดอยู่ ตอนแรกไอโตะก็ไม่ได้สนใจแต่ในตอนที่เขาผ่านตัวรถไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็มีชายสวมสูทสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากรถแล้วตรงมาที่เขา
   "คุณคือคุซาซากิ ไอโตะใช่มั้ยครับ" ชายหนุ่มท่าทางสุภาพหยุดอยู่ตรงหน้าไอโตะแล้วถามขึ้น
   "ใช่ครับ มีอะไรเหรอ" ไอโตะถามโดยไม่เก็บอาการแปลกใจไว้
   "ผมชื่อมิคาโดะเป็นเลขาส่วนตัวของตาของคุณครับ"
   "ตา?" ไอโตะจำได้ว่าพ่อของแม่เสียไปตั้งแต่เขาอยู่ประถมแล้ว ชายคนนี้คงจะสับสนอะไรบางอย่าง
   "อ้อ ขอโทษครับ ผมหมายถึงบ้านซึเมมิยะที่เป็นบ้านจริงของคุณน่ะ"
   "ซึเมมิยะ?...เออ คงมีอะไรเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ" ถึงชายคนนี้จะเรียกเขาถูกทั้งชื่อและนามสกุลซึ่งทำให้เป็นไปได้ยากที่จะทักคนผิดแต่เขาก็ไม่เคยได้ยินชื่อซึเมมิยะมาก่อนเลย
   "ไม่หรอกครับ แม่ของคุณชื่อชิโอริใช่มั้ยครับ คุณน่าจะได้ยินเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงมาแล้วไม่ใช่หรือครับ" ชายที่หวีผมจนเรียบแปล้ค่อย ๆ บอกข้อมูลเพื่อยืนยันตัวบุคคล
   "ครับ ทำไมคุณถึงรู้เรื่องพวกนั้น" แม้จะไม่รู้นามสกุลเดิมของแม่แต่จากชื่อที่ชายคนนี้เอ่ยมาทำให้ไอโตะมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทักคนผิด
   "ขอเวลาให้ผมหน่อยจะได้มั้ยครับ"
   "เอ๋ เออ คะ...ครับ" ไอโตะดูนาฬิกาข้อมือที่ได้รับจากพี่ชายเป็นของขวัญวันเกิดด้วยท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ และเมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ เขาจึงตอบตกลงแล้วเดินไปที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่ไกล พอ   ไอโตะนั่งลงบนม้านั่งไม้มิคาโดะก็นั่งลงตามโดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร
   "คุณบอกว่าเป็นเลขาของตาผม นั่นหมายถึงพ่อของแม่แท้ ๆ ของผมเหรอครับ" ไอโตะขอคำยืนยัน     อีกครั้ง การได้พบกับคนจากบ้านจริงไม่เคยอยู่ในหัวเขามาก่อนเลย
   "ใช่แล้วครับ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้การรับติดต่อจากบ้านจริงสินะครับ"
   "เออ ครับ" ไอโตะมองชายวัย 30 ต้น ๆ หน้าตาสะอาดสะอ้านตาปริบ ๆ ได้ยินจากน้าว่าแม่ถูกตัดขาดจากครอบครัวและญาติก็ไม่มีใครรับดูแลเขา เขาจึงคิดว่าคงจะไม่ได้ไปข้องเกี่ยวกับพวกเขาชั่วชีวิตแล้ว แต่จู่ ๆ คน ๆ นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
   "งั้นคุณคงตกใจไม่น้อย ต้องขอโทษด้วยครับ" มิคาโดะก้มศีรษะลงเล็กน้อย
   "ไม่เป็นไรหรอกครับ" ไอโตะรีบโบกมือห้ามเขาไม่ชินกับการที่คนอายุมากกว่ามาก้มหัวให้ ที่น้าว่าบ้านจริงของเขามีฐานะคงจะไม่ใช่เรื่องโกหกหากดูจากรถหรูและเสื้อสูทราคาแพงแล้ว นอกจากนี้ท่าทางสุภาพของชายคนนี้ที่ทำเอาเขาเกร็งไปไม่น้อยนั้นทำให้นึกถึงตระกูลผู้ดีขึ้นมาทีเดียว
   "คุณเหมือนคุณชิโอริมากเลยนะครับ" ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ออกมา
   "อย่างงั้นเหรอครับ" พี่ชายก็เคยบอกว่าเขาเหมือนกับแม่ที่อยู่ในรูปภาพมากเหมือนกัน
   "ครับ เห็นปุบก็รู้เลยล่ะ"
   "เออ แล้วมีอะไรถึงมาหาผมเหรอครับ" ไอโตะเปลี่ยนมาเข้าเรื่องที่ตนอยากรู้มากที่สุด
   "วันนี้ผมมาพบคุณตามคำสั่งของท่านซึเมมิยะครับ"
   "งั้นทำไมต้องมาดักรอที่โรงเรียนด้วยล่ะครับ ไปที่บ้านก็ได้นี่"
   "ไม่ได้หรอกครับ ก่อนหน้านี้เราติดต่อทางแม่ของคุณแล้ว แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะให้เราพบกับคุณ"
   "เอ๋ แม่ปฏิเสธเหรอครับ แต่ถ้าอย่างงั้นที่คุณรู้ว่าผมรู้เรื่องของแม่แท้ ๆ แล้วก็จากแม่เหรอครับ" บางทีแม่อาจจะเป็นห่วงความรู้สึกของเขาจึงไม่อยากให้พบกับคนที่บ้าน
   "ครับ เพราะแบบนั้นผมก็เลยต้องมาที่นี่แทน"
   "ตาของผมอาศัยอยู่ที่โตเกียวนี่เหรอครับ"
   "ไม่ใช่หรอกครับ แต่อยู่ที่ไซตะมะใกล้ ๆ นี่เองครับ"
   ไซตะมะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับโตเกียวทางทิศเหนือโดยมีระยะทางห่างกันราว 27 กิโลเมตรเท่านั้น
   ไอโตะรู้สึกแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าคนในครอบครัวอยู่ห่างกันไม่ไกลแต่กลับไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกันเลยเป็นเวลาถึง 16 ปี
   "ไม่ทราบว่าคุณรู้เรื่องของคุณชิโอริมากน้อยแค่ไหนหรือครับ"
   "เออ ก็รู้มาว่า ท่านถูกตัดขาดจากทางบ้านเพราะว่าแต่งงานกับพ่อ แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวอีกเลย แค่นั้นล่ะครับ"
   "ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันได้เร็วขึ้นนะครับ คือว่าตอนนี้ท่านซึเมมิยะอยากจะรับคุณกลับเข้าบ้านน่ะครับ" มิคาโดะยืดตัวตรงเล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคหลัง
   "เอ๋!!" ไอโตะไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า
   "ตอนนี้ท่านซึเมมิยะกำลังป่วยอยู่จึงอยากเห็นหน้าหลานจากลูกสาวเพียงคนเดียว และหากเป็นไปได้ก็อยากรับมาดูแลครับ"
   "ดูแล? ผมน่ะเหรอ" ไอโตะใช้นิ้วชี้หน้าตัวเอง
   "ครับเพราะคุณชิโอริเป็นลูกคนเดียวที่บ้านจึงไม่มีทายาทอีกแล้วดังนั้น..."
   "เดี๋ยวก่อนครับเรื่องกะทันหันแบบนี้" ไอโตะยกมือหยุดอีกฝ่ายที่พูดแต่เรื่องไม่ให้ตั้งตัว แค่ได้รับการติดต่อจากบ้านจริงก็ตกใจมากแล้วนี่ยังบอกว่าจะรับเขาไปอีก บางทีแม่คงจะกลัวเรื่องนี้ถึงได้ไม่ยอมให้เขาพบกับคนที่บ้าน
   "ผมไม่ได้จะขอคำตอบทันทีหรอกครับ วันนี้ก็แค่อยากมาพูดคุยไว้ก่อน" มิคาโดะรีบพูดให้ผู้ที่มีท่าทางตกใจคลายกังวล เขาไม่ได้ตั้งใจจะเร่งรัดแต่อย่างใด
   "แต่เมื่อก่อนคนที่ปฏิเสธจะรับผมไปก็คือทางนั้นไม่ใช่เหรอครับ" ไอโตะพูดตามที่ตนรู้มา
   "ก็จริงอยู่ครับ แต่เรื่องมันก็นานมาแล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปหลาย ๆ อย่างก็เลยอยากให้ช่วยลองคิดดูก่อนครับ"
   "ตาของผมป่วยมากเหรอครับ" หากเป็นในละครผู้ที่ตามหาทายาทเอาในวาระสุดท้ายมักจะนอนอยู่บนเตียงและมีสายของเครื่องมือแพทย์ระโยงระยาง
   "ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เป็นธรรมดาของคนสูงอายุน่ะครับ ปีนี้ก็ 70 แล้วด้วย" รอยยิ้มของชายหนุ่มเหมือนเป็นการสนับสนุนคำพูดของตน
   "แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยคิดจะไปจากบ้าน เพราะฉะนั้น..."
   "ไม่ต้องรีบให้คำตอบก็ได้ครับ ถ้ายังไงคุณช่วยลองทบทวนเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้งแล้วผมจะติดต่อมาอีกทีครับ" มิคาโดะรีบตัดบทก่อนจะถูกปฏิเสธ
   "เออ...ครับ เข้าใจแล้ว" อีกฝ่ายอุตส่าห์พูดถึงขนาดนี้หากปฏิเสธก็กลัวว่าจะเป็นการหักหาญน้ำใจจนเกินไปไอโตะจึงรับคำไปก่อน
   "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตัวก่อน  ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาได้ทุกเมื่อนะครับ" มิคาโดะยืนขึ้นก่อนจะส่งนามบัตรใบเล็กให้ไอโตะ พอไอโตะรับมันไว้เขาก็ค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
   ไอโตะผ่อนลมหายใจยาวออกมาเพื่อระบายความตึงเครียดในสมอง เขาดูนาฬิกาแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยของพี่ชาย เป็นเรื่องน่าขำที่พอมาถึงบั้นปลายชีวิตคนเราถึงเพิ่งจะมาหวนนึกถึงสิ่งที่เสียไป ทว่าที่ตาของเขาทำแบบนี้ก็เพราะไม่มีทายาทไม่ใช่เพราะความรักหรือความเสียใจภายหลังได้แต่อย่างใด ไอโตะจึงไม่ค่อยชอบใจวิธีการของตาสักเท่าไหร่
   แต่หากคิดให้ดีแล้วตอนนี้ครอบครัวของเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงินหากยอมรับข้อเสนอเขาก็จะช่วยครอบครัวแบ่งเบาภาระไปได้มากทีเดียว แต่นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องแยกจากพี่ชาย เสียงในใจตอบกลับมาว่าไม่เอาในทันที
   นอกจากนี้การคิดจะใช้ประโยชน์จากคนที่ต้องการประโยชน์จากเขาเช่นกันนั้นเป็นเรื่องผิดหรือเปล่า หรือว่าจะเป็นเหมือนการยื่นหมูยื่นแมวเท่านั้น ไอโตะครุ่นคิดไปตลอดทางจนกระทั่งมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ได้ยินเสียงแว่วของพี่ชายมาจากที่ไหนสักแห่ง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่ชายกับหญิงสาวผมทองซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ถามเขาเรื่องกระเป๋ากำลังคุยกันอยู่ ท่าทางของเธอเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง แต่ทางพี่ชายนั้นกลับยิ้มแหย ๆ เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
   ไอโตะยืนรออยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งพวกเขาคุยกันเสร็จเรียบร้อย หากเป็นยามปกติเขาคงชะเง้อคอมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้เขามีเรื่องอย่างอื่นต้องคิด
   "ไอ มานานแล้วเหรอ" ยูโตะทักผู้ที่ยืนพิงต้นไม้ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายอยู่
   "อือ ก็ทันจะเห็นเมื่อกี้น่ะ" ไอโตะตอบด้วยเสียงเนื่อย ๆ เหมือนไม่เต็มใจพูด
   "อ้อ นั่นน่ะ... เฮ้อ" ชายหนุ่มตั้งใจจะแก้ตัวแต่แล้วก็ถอนหายใจออกมาแทน
   "มีอะไรเหรอ" ไอโตะถามด้วยความเป็นห่วงต่างจากท่าทางไม่เต็มใจเมื่อกี้
   "ก็เรื่องที่ฉันเอากระเป๋าที่รุ่นพี่ให้มาไปให้คนอื่นความแตกแล้วน่ะสิ เธอก็เลยโกรธใหญ่" ยูโตะพูดพลางเริ่มออกเดิน
   "แล้วไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะเนี่ย"
   "ก็เจ้าคุริกูจิน่ะสิ บอกว่าถ้าฉันไม่อยากได้ก็ขอเอาไปให้น้องชาย ฉันก็เลยให้ไป แต่วันนี้เจ้านั่นดันยืมกระเป๋าน้องมาใช้เพราะลืมไปว่าได้มาจากไหน" ยูโตะเบ้หน้าอย่างเซ็ง ๆ เพราะตนอาจจะต้องถูกตอแยเรื่องนี้ไปอีกนาน
   "คุริกูจิคนที่สนิทกับพี่ใช่มั้ย" ถึงพี่ชายจะเข้ากับคนอื่นง่ายแต่คนที่สนิทด้วยจนเรียกว่าเพื่อนได้นั้นมีไม่กี่คน
   "อือ เจ้านั่นแหละ"
   "ไม่รอบคอบเอาซะเลยนะ" ไอโตะตำหนิคุริกูจิแทนพี่ชายที่พูดไม่ออก ยูโตะพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
   "แล้วเธอยังถามถึงเป้ที่ฉันใช้อยู่ด้วย ก็เลยต้องบอกว่าซื้อมาเอง ไม่งั้นไออาจจะแย่ก็ได้" วันรุ่งขึ้นยูโตะก็เปลี่ยนมาใช้เป้ที่ไอโตะซื้อให้ในทันที หากรู้ว่าไอโตะโกหกแล้วซื้อของที่เหมือนกันให้เธอคงจะโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องซ้ำรอยกับโคมิขึ้น
   "พี่นี่น่าจะไปเป็นโฮสต์นะ รับรองว่าต้องตั้งตัวได้ภายในหนึ่งปีแน่" ไอโตะเหลือบมองพี่ชายที่ไม่ได้เป็นดารา นักร้องหรือนายแบบแต่กลับมีแม่ยกมาล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาด
   "เห ถ้าฉันเป็นโฮสต์จริง ๆ ไอจะยอมเหรอ" พี่ชายก้มตัวลงมาถาม
   "ไม่มีทาง" ไอโตะตอบโดยไม่ทันคิด พอรู้ตัวเขาก็รีบปิดปากที่พูดจาแสดงความหึงหวงเอาไว้ ท่าทางแบบนั้นทำให้ยูโตะหัวเราะชอบใจแล้วโผเข้ากอดเขาจากด้านข้างทั้งที่อยู่ในที่สาธารณะ
   "ปล่อยนะพี่ อายคนอื่นเขา" เด็กหนุ่มผลักพี่ชายออกแต่ยูโตะก็ไม่ยอมถอยออกไปอย่างที่คิด
   "แต่ฉันไม่อายนี่"
   พอเห็นแบบนี้แล้วไอโตะก็นึกภาพที่ต้องอยู่แยกจากพี่ชายไม่ออก หากเขารับข้อเสนอของตาก็จะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น บางทีแม้แต่โรงเรียนก็อาจจะต้องย้ายด้วย การเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ชั่วโมง แม้จะยังไปมาหาสู่กันได้แต่ก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว แค่จากกัน 4 วันก็คิดถึงแล้วถ้าต้องอยู่ห่างกันตลอดไปจะเป็นอย่างไร หรือว่าพอเวลาผ่านไปพวกเขาก็จะชินไปเอง

   "ไอเป็นอะไรไปไม่อร่อยเหรอ" ยูโตะถามน้องชายที่ถือช้อนค้างไว้หน้าพาเฟ่ต์ช็อกโกแลตถ้วยโต
   "เออ เปล่าอร่อยดี" ไอโตะที่หลุดออกจากโลกแห่งความคิดรีบตอบพี่ชายแล้วพยายามยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถ้าพี่รู้เรื่องของตาขึ้นมาคงไม่อยู่เฉยแน่
   ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในร้านขนมหวานเปิดใหม่ที่ยูโตะพามา ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสีแดงสลับขาวแลดูสดใส โซฟาครึ่งวงกลมซึ่งถูกออกแบบให้เป็นรูปเค้กที่พวกเขานั่งอยู่ก็ดูน่ารักเก๋ไก๋ ไม่แปลกที่จะดึงดูดสายตาให้คนอยากแวะเวียนเข้ามาลองสักครั้ง ดังนั้นที่นั่งในร้านตอนนี้จึงเติมทุกโต๊ะ ทว่าท่ามกลางบรรยากาศจอแจแบบนี้ไอโตะก็ยังอุตส่าห์เผลอคิดถึงเรื่องของตาเสียได้
   "นายดูใจลอยจังนะ ไม่สบายหรือเปล่า" ยูโตะแตะหน้าผากลงบนหน้าผากของคนข้าง ๆ เพื่อตรวจสอบดูว่ามีไข้หรือเปล่า
   "เปล่า ไม่เป็นไรจริง ๆ" เด็กหนุ่มรีบผลักพี่ชายออก คนเยอะแยะแบบนี้ไม่รู้จะมีใครมองมาบ้าง จากนั้นก็รีบส่งไอศกรีมเข้าปากคำโตเพื่อให้พี่ชายเห็นว่าตนไม่เป็นไร แต่แล้วในตอนนั้นเองยูโตะก็เลียที่มุมปากของเขา
   "พะ...พี่ทำอะไรน่ะ!" ไอโตะตกใจจนช้อนเกือบจะหลุดออกจากมือ
   "ไอติมติดแน่ะ" ชายหนุ่มยิ้มตอบเหมือนไม่รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำ
   ไอโตะอยากจะต่อว่าแต่ก็พูดไม่ออกจึงได้แต่จ้องมองหน้าพี่ชายด้วยความเหลือเชื่อ แต่สำหรับคนที่กล้าทำกระทั่งจูบแล้วแค่นี้คงจะเป็นเรื่องเล็ก
   "นี่ นายไม่อายบ้างเลยหรือไง" จู่ ๆ ก็มีคำพูดที่ตรงกับใจของไอโตะลอยมาจากด้านหน้าโต๊ะของพวกเขา เมื่อหันไปมองก็เห็นชายร่างสูงซึ่งเสยผมตั้งขึ้นไปยื่นเท้าเอวอยู่
   "คุริกูจินี่นายก็มาที่นี่ด้วยเหรอ"
   "ใช่ แล้วก็ได้เห็นนายทำเรื่องน่าไม่อายด้วย แถมอีกฝ่ายยังเป็นหนุ่มน้อยอีก" คุริกูจิชี้หน้าเพื่อนราวกับอยากจะประจาน
   "พี่ชายดูแลน้องมันผิดตรงไหน" ยูโตะกอดอกโต้กลับอย่างไม่หวาดหวั่น
   "เอ๋ หรือว่านี่จะเป็น..." คุริกูจิวางมือลงบนโต๊ะแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหาไอโตะ
   "อา น้องชายฉันเอง"
   "เอ๋ งั้นเหรอ เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงนะเนี่ย เออ ฉันชื่อคุริกูจิยินดีที่ได้รู้จัก" คุริกูจิทำตาโตมองเด็กหนุ่มที่เคยแต่ได้ยินจากปากของเพื่อนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วแนะนำตัว
   "ผมคุซาซากิ ไอโตะยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ" ไอโตะก็เพิ่งเคยเห็นคน ๆ นี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน มีเพื่อนน้อยคนที่พี่ชายจะพูดถึงหากไม่สนิทจริง ๆ
   "หือ แต่ว่าผิดจากที่คิดนิดหน่อยแฮะ" คุริกูจิวางมือที่ใต้คางทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากไอโตะ
   "ผิดจากที่คิดยังไง พูดให้ดี ๆ นะ" ยูโตะขู่เพื่อนด้วยสายตา
   "ฉันคิดว่าน้องชายที่ทำให้นายหลงใหลได้จะให้อารมณ์แบบกระต่ายน้อยน่ารักซะอีก แต่นี่มันเหมือนกับปอมเมอเรเนียนเลย"
   "เปรียบเทียบอะไรของแก" ยูโตะทำหน้ายุ่งเพราะไม่แน่ใจว่านั่นเป็นคำชมหรือคำต่อว่า
   "อ้า เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ตอนนี้ฉันขอนั่งด้วยได้มั้ย ก็อย่างที่เห็นว่าคนเต็มร้านเลย" คุริกูจิเลิกสนใจไอโตะแล้วเปลี่ยนมาสนใจปัญหาตรงหน้าของตน
   "ไม่ได้ นายมากับใครด้วยใช่มั้ยล่ะ ขืนนั่งด้วยไอก็อึดอัดพอดี" โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่นั้นหากเบียดเพิ่มอีกคนก็พอไหว แต่มากกว่านั้นคงเป็นไปไม่ได้
   "อะไรกัน พอมีน้องชายอยู่แล้วทิ้งฉันเลยเหรอ" คุริกูจิกรีดนิ้วยกขึ้นไว้บริเวณริมฝีปาก เขาบิดตัวเล็กน้อยพลางทำตาละห้อยอย่างกับพวกเพศที่สาม
   'ทิ้ง' ไอโตะตกใจกับคำที่เพื่อนของพี่ชายเลือกใช้
   "วันนี้ฉันต้องถูกรุ่นพี่อิโนะต่อว่าก็เพราะใครล่ะ ยังมีหน้าจะมาพูดดีอีก"
   พอถูกพูดถึงความผิดที่ตัวเองก่อไว้หางตาของคุริกูจิก็กระตุกเล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนท่าทางกลับมาเป็นชายชาตรีเหมือนเก่า
   "ชิ ก็ได้ ยังไงน้องชายนายก็ดีกว่าสินะ" คุริกูจิแกล้งงอนแล้วเดินจากไป บางทีเขาคงกลัวจะโดนบ่นเสียมากกว่า
   "สนิทกันจังนะ" ไอโตะมองตามหลังของชายผมตั้งไป
   "ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ เป็นพวกร่าเริง มนุษยสัมพันธ์ดี ก็เลยคุยกันง่ายน่ะ"
   "งั้นเหรอ" แค่ได้เห็นพี่หยอกล้อกับคนอื่นเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมานิด ๆ คงเป็นเพราะตัวเองยังมีความรู้สึกอยากเป็นที่หนึ่งของพี่แบบเด็ก ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้เขาจะแก้นิสัยนี้ได้หรือเปล่า

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 16 2018.06.02)
«ตอบ #19 เมื่อ02-06-2018 21:56:00 »

ตอนที่ 16

   เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังติดต่อกันหลายครั้ง แต่นั่นไม่ใช่โทรศัพท์ของเจ้าของห้อง ไอโตะมองสิ่งที่พี่ชายลืมทิ้งไว้บนโต๊ะของเขาก่อนจะไปอาบน้ำแล้วตรงไปที่มันด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาหยิบมันขึ้นมาทว่าชั่วพริบตาที่กำลังจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไอโตะก็เปลี่ยนใจแล้วนำไปคืนเจ้าของ
   "พี่ยู พี่ลืมโทร...อ๊ะ ขอโทษ" ไอโตะเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่ชายโดยไม่ให้สัญญาณเหมือนทุกครั้ง แต่ก็พลันหลุดคำว่าขอโทษออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อพบว่าพี่ชายกำลังถอดเสื้ออยู่ เขารีบเบือนสายตาออกจากภาพตรงหน้า แม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจกับการกระทำนั้น ทั้งที่เคยเห็นร่างเปลือยของพี่ชายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงทำอย่างกับเป็นสาวน้อยไปได้
   "ไอมีอะไรเหรอ" ผู้ที่เปลือยร่างกายท่อนบนถือเสื้อค้างไว้ในมือ
   "พี่ลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วจู่ ๆ ถอดเสื้อทำไมล่ะ ก็เพิ่งอาบน้ำมาไม่ใช่เหรอ" ไอโตะถามขณะที่ยังมองไปทางอื่น ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่กล้ามองร่างนั่นตรง ๆ ตอนได้เห็นร่างกายของเพื่อนคนอื่นที่เปลี่ยนชุดในชั่วโมงพละเขาก็ไม่เห็นรู้สึกอะไร
   "เสื้อมันกลับด้านน่ะ" ยูโตะมองไอโตะอย่างงงงวยอยู่ชั่วขณะหนึ่งและเมื่อสังเกตเห็นสายตาล่อกแล่กเขาก็ยิ้มออกมา
   "เจ้านี่มันดังก็เลยเอามาให้" ไอโตะยื่นโทรศัพท์ให้พี่ชายแล้วรีบหันหลังกลับแต่ทันทีที่ยูโตะรับมันไปเขาก็ถูกยึดข้อมือไว้แล้วดึงเข้าไปในห้อง
   "แล้วไอได้อ่านหรือเปล่า" ยูโตะก้มหน้ามองบุคคลที่ไม่ยอมสบตากับเขา
   "ไม่ได้อ่าน ก็มันของพี่นี่"
   "หือ เมื่อก่อนยังอ่านอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ"
   เป็นอย่างที่พี่ชายพูด เมื่อก่อนเขากลัวว่าจะมีผู้หญิงคนไหนแอบติดต่อกับพี่โดยไม่ให้เขารู้ เขาจึงตรวจสอบโทรศัพท์ของพี่ชายอยู่เป็นประจำ แต่คนที่อนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้ก็คือเจ้าของของมัน
   "แต่ตอนนี้ไม่อ่านแล้วนี่ แล้วพี่มีความลับหรือไงถึงต้องถามด้วยน่ะ" ตอนนี้เขาคิดว่าการทำอย่างนั้นเป็นเรื่องเสียมารยาทที่สุดจึงไม่คิดจะทำอีก
   "ฉันไม่มีความลับกับไอหรอกน่า จะให้ไออ่านด้วยก็ได้นะ" ยูโตะกอดน้องชายจากด้านหลังทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าไอโตะ
   ไอโตะอุตส่าห์พยายามแก้นิสัยแย่ ๆ แต่พี่ชายกลับทำเหมือนอยากให้เขาทำต่อไปเสียอย่างนั้น แล้วยังคิดจะให้เขาอ่านข้อความของตัวเองเหมือนกับสามีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจกับภรรยาก็ไม่ปาน
   "พี่ใส่เสื้อก่อนสิ" ไอโตะห่อไหล่หนีประหนึ่งกลัวจะสัมผัสกับผิวกายของยูโตะโดยตรง
   "ทำไมล่ะ" ชายหนุ่มเอียงคอมองน้องชาย นี่เขาไม่ได้มองผิดไปใช่ไหมที่เห็นว่าไอโตะหน้าเป็นสีแดงเรื่อ และสาเหตุก็น่าจะมาจากเพียงแค่ร่างกายท่อนบนของเขาไม่มีสิ่งปกปิดเท่านั้น
   "เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาน่ะสิ" แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาวแต่อากาศเย็นกลางฤดูใบไม้ร่วงก็ประมาทไม่ได้
   "ไม่หรอก ก็กอดไออยู่นี่ ไอตัวอุ่นจะตาย" พอเบียดตัวเข้ากับร่างบางหน้าของไอโตะก็แดงยิ่งขึ้น ยูโตะที่มั่นใจแล้วว่าตนไม่ได้มองผิดไปวางมือขวาลงบนหน้าอกของไอโตะเพื่อจะตรวจสอบดูว่าจังหวะการเต้นของหัวใจของน้องชายยังปกติอยู่หรือเปล่า ทว่าไอโตะก็ดึงมือของเขาออกในทันที
   "พี่ปล่อยซะที ฉันจะกลับห้องแล้ว" ไอโตะโล่งใจที่พี่ชายไม่ทันได้รับรู้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปของตน
   "ทำไมล่ะ ไม่อ่านข้อความด้วยกันก่อนเหรอ" ยูโตะล็อคตัวน้องชายด้วยแขนซ้ายแล้วใช้มืออีกข้างเปิดข้อความขึ้นอ่าน
   สายตาที่ซื่อสัตย์ของไอโตะก็เหลือบไปมองที่หน้าจอทันทีแม้เมื่อครู่จะบอกว่าไม่อยากอ่าน สิ่งที่เขาเห็นผ่าน ๆ ก็คือข้อความ 3 ประโยคที่ว่า 'เจ้าบ้าส่งรูปนั้นมาทำไม' 'รินจังโกรธฉันใหญ่แล้ว' และ 'แกเองก็มีส่วนด้วยมาช่วยพูดทีว่าแค่เล่น ๆ กัน'
   "รินจัง?"
   "ผู้หญิงที่คุริกูจิเพิ่งคบด้วยไม่นานน่ะ" ยูโตะตอบพลางนึกขำไอโตะที่บอกว่าไม่อยากอ่านในใจ
   "แล้วรูปอะไรเหรอ เหมือนพี่ไปทำอะไรให้เขาโกรธเลยหรือเปล่าเนี่ย" ไอโตะถามด้วยความกังวล
   "อือ แย่จังไม่คิดว่าแฟนของเจ้านั่นจะมาเห็นเข้า" ยูโตะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอเห็นน้องชายที่กำลังจ้องมองมาเหมือนกับอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ยูโตะก็เหยียดริมฝีปากออก
   "อยากรู้เหรอ"
   "ก็ท่าทางเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่นี่" ไอโตะเกรงว่าพี่ชายจะเป็นสาเหตุให้คนรักทะเลาะกัน
   "แล้วจะเอาอะไรมาแลกล่ะ" สายตาอันมีเลศนัยของยูโตะสื่อให้น้องชายรู้ว่าเขาต้องการสัมผัสทางกายเป็นของตอบแทน
   "หา งั้นฉันไม่อยากรู้ก็ได้" ไอโตะโมโหขึ้นมา เขาอุตส่าห์เป็นห่วงแต่พี่ชายกลับทำไปเรื่องเล่น ๆ
   "พูดแบบนี้ฉันน้อยใจนะ งั้นไอแค่อยู่นิ่ง ๆ ก็พอตกลงมั้ย" ยูโตะกระซิบบอกที่ข้างหู
   ไอโตะรู้สึกจั๊กจี้จึงเอียงคอหลบเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าพี่ชายจะทำอะไร แต่เมื่อรู้สึกว่ามีลมหายใจรดอยู่ที่ต้นคอและเหลือบไปเห็นริมฝีปากของคนด้านหลังเปิดอ้าออกไอโตะก็เข้าใจจุดประสงค์ของพี่ชายได้ทันที เขารีบผลักยูโตะออกและเมื่อชายหนุ่มยังไม่ยอมคลายวงแขน ไอโตะที่ไม่ยอมถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวจึงยกแขนของพี่ชายขึ้นมาแล้วกัดลงไปอย่างแรง
   "โอ๊ย กัดอีกแล้วเหรอ" ยูโตะปล่อยมือออกเพราะความเจ็บปวด
   "ก็พี่ชอบเล่นอะไรไม่รู้นี่ สมน้ำหน้า" ไอโตะกล่าวซ้ำเติมผู้กระทำผิดแล้วรีบวิ่งหนีกลับห้องไป
   ยูโตะมองตามไอโตะแล้วยิ้มกว้าง หากเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองบางทีตอนนี้ความรู้สึกของน้องชายที่มีต่อเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้ เพียงแต่ไอโตะอาจจะยังไม่รู้ตัวเพราะไม่เข้าใจว่านั่นเป็นความรู้สึกแบบไหนเหมือนกับเขาเมื่อก่อน ถ้าอย่างนั้นเขาก็ควรจะช่วยทำให้ไอโตะเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมทั้งสื่อให้ไอโตะเข้าใจความรู้สึกของเขามากกว่านี้ด้วย

   เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มอ้าปากหาวกว้างเมื่อเกือบจะถึงประตูโรงเรียน ความง่วงเหงาหาวนอนทำให้ไอโตะไม่รู้ตัวเลยว่าสวมเสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวแตกต่างจากคนอื่นรอบข้างที่สวมเสื้อ 2 ตัว เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบฤดูหนาวมาหลายวันแล้ว ไอโตะชอบอากาศเย็นถึงไม่มีเสื้อนอกก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป แต่แล้วยูโตะก็วิ่งหน้าตาตื่นนำเสื้อนอกที่เจ้าตัวลืมไว้ที่โต๊ะอาหารมาส่งให้ ไอโตะขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของพี่ชายแล้วโบกมือลาก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไป
   เขาถอนหายใจให้กับความไม่รู้จักโตและต้องคอยให้พี่ดูแลอยู่เสมอแล้วเปิดล็อคเกอร์ออก แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองเห็นซองสีขาววางอยู่บนรองเท้าของตน ไอโตะหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกดูด้านหน้าด้านหลังสลับกันอยู่สองครั้ง บนซองไม่มีตัวหนังสือใด ๆ แต่มีสติกเกอร์รูปหัวใจสีแดงติดอยู่ เขาเคยเจอของแบบนี้อยู่ในล็อคเกอร์หลายครั้ง แต่ที่ส่งให้เขาจริง ๆ มีเพียงแค่ 2 ครั้ง นอกเหนือจากนั้นเป็นการขอให้ช่วยส่งให้พี่ชายทั้งหมด ดังนั้นครั้งนี้ก็อาจจะเป็นจดหมายรักถึงพี่ชายอีกเช่นกัน
   ไอโตะเปิดซองแล้วหยิบของด้านในออกมาแต่ก็พบว่ามันเป็นรูปถ่าย 3 ใบไม่ใช่จดหมายรักอย่างที่คิด แม้รูปจะกลับหัวแต่เขาก็จำบุคคลในภาพได้ ชายคนหนึ่งคือพี่ชายของเขา ส่วนชายผมตั้งอีกคนก็คือเพื่อนของพี่ชายที่เขาเพิ่งเจอที่ร้านขนมเมื่ออาทิตย์ก่อน และสิ่งที่ทำให้เขาต้องรีบพลิกภาพให้ตั้งตรงอย่างรวดเร็วเพื่อดูให้แน่ใจก็คือ การโอบกอดกันที่เกินกว่าเพื่อนทั่วไป นอกจากนี้ในภาพใบสุดท้ายริมฝีปากของพวกเขายังแนบสนิทกันอีกด้วย
   ไอโตะหยุดหายใจไปชั่วขณะ มือของเขาสั่นเล็กน้อย ข้อความที่เห็นในโทรศัพท์และคำพูดของพี่ชายย้อนกลับเข้ามาในหัว
   'เจ้าบ้าส่งรูปนั้นมาทำไม' 'แย่จังไม่คิดว่าแฟนของเจ้านั่นจะมาเห็นเข้า' ไอโตะส่ายหน้าช้า ๆ เมื่อพอจะเข้าใจว่ารูปถ่ายที่พูดถึงในข้อความก็คือรูปพวกนี้
   "ไอโตะทำอะไรอยู่น่ะ จดหมายรักเหรอ" ไคที่เพิ่งมาถึงทักเพื่อนที่ยืนแข็งทื่อเป็นหินอยู่
   "ปะ...เปล่า ไม่ใช่" ไอโตะสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบเก็บรูปถ่ายพวกนั้นใส่กระเป๋า

   และแล้วในหัวของไอโตะก็มีแต่รูปถ่ายพวกนั้นอัดแน่นอยู่ทั้งวันจนกระทั่งกลับถึงบ้าน เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาและมีจุดประสงค์อะไรและก็ไม่คิดจะสนใจด้วย เพราะสิ่งที่เขาติดใจก็คือทำไมพี่ชายถึงคบกับใครโดยไม่บอกตามที่พูดไว้ ในตอนนั้นมีข้อความหนึ่งบอกว่า 'แค่เล่น ๆ' หรือนั่นจะเป็นการล้อเล่นแบบที่พี่ทำกับเขาเท่านั้น
   ไม่ใช่ เขาไม่คิดว่าคำว่า 'แค่เล่น ๆ' ในข้อความจะเหมือนกับคำว่า 'ล้อเล่น' อย่างที่เขาคิด ทั้งคู่ดูสนิทกันมาก พี่ชายก็พูดถึงคุริกูจิบ่อย ๆ และมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ขนาดกับเขาที่เป็นน้องชายพี่ยังทั้งกอดทั้งจูบแล้วกับคนอื่นจะไม่มีอะไรมากกว่านี้หรือ ไอโตะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางพิงหลังไว้กับเตียง
   คำว่า 'แค่เล่น ๆ' นั้นหมายความว่าอย่างไร ถึงจะบอกว่าไม่ได้คบกันแต่แบบนี้เขาก็ไม่ต้องการ เขาไม่อยากเห็นพี่ไปสัมผัสคนอื่นนอกจากเขา ถ้าพี่อยากทำแบบนั้น ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมคน ๆ นั้นถึงไม่ใช่เขา ขณะที่น้ำตาไหลลงมาไอโตะก็ตกใจกับความคิดของตัวเอง เขากำลังอยากให้พี่ชายสัมผัสตัวเองแค่คนเดียวอย่างนั้นหรือ อยากให้พี่ชายคบกับตัวเองแทนที่จะเป็นคนอื่น แบบนี้มันเป็นแค่อารมณ์หึงหวงของ    พี่น้องจริง ๆ หรือ
   ระยะหลังมาเขามักจะรู้สึกแปลก ๆ เวลาถูกพี่สัมผัส ทั้งอาย ทั้งใจเต้น กระทั่งร่างเปลือยของพี่ก็ไม่กล้ามอง พอถูกจูบก็รู้สึกดีแล้วยังหวังที่จะได้มันอีก ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่ควรมีต่อผู้ที่เรียกว่าพี่ชายหรือ หลังจากเรื่องของโคมิที่ทำให้เขาเลิกทำตัวเป็นเจ้าของพี่ พี่ก็เป็นฝ่ายเข้าหาเขาแทน นั่นทำให้เขาดีใจและอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ตอนนี้เขาอยากให้พี่เป็นของเขาคนเดียว มองแค่เขาคนเดียวต่อให้พี่บอกว่ามีคนที่ชอบก็ไม่อยากยกพี่ให้ใคร นี่มันเหมือนกับ 'ความรัก' เลยไม่ใช่หรือ
   ไอโตะสะบัดศีรษะอย่างแรงแล้วค่อย ๆ ทบทวนความรู้สึกตัวเองใหม่อีกครั้ง เขาคงจะแค่สับสนเรื่องแบบนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพวกเขาใกล้ชิดกันมากกว่าพี่น้องคนอื่น พี่เป็นเหมือนทั้งพ่อและแม่ ความอบอุ่นนั้นจะต้องทำให้เข้าใจผิดอย่างแน่นอน ทันทีที่คิดอย่างนั้นเสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบข้อความจากพี่ชายที่บอกว่า
   'ฉันอยู่ที่บ้านของคุริกูจิแต่ฝนตกหนักคงต้องรอให้ฝนหยุดก่อนถึงจะกลับไปได้'
   ภายในใจของไอโตะเหมือนกับมีไฟลุกพรึบขึ้นมา น้ำตาบดบังตัวหนังสือจนเบลอไปหมด ที่บ้านฝนแค่ตกปรอย ๆ เท่านั้น บ้านของคุริกูจิคงไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องที่พี่ไปทำอะไรอยู่ที่นั่น เขาควรจะพูดอะไรกับพี่ดี บอกว่ากลับมาเดี๋ยวนี้นะอย่างนั้นหรือ นิ้วมือของไอโตะลอยค้างอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ   แต่แล้วเขาก็หลับตาลงแล้ววางโทรศัพท์ลงบนพื้นพร้อมกับบอกตัวเองว่า ลืมไปแล้วหรือว่าตนไม่มีสิทธิอะไรในตัวพี่ชายอีกแล้ว ไอโตะก้มศีรษะลงแตะกับหัวเข่าที่ตั้งชันขึ้นแล้วปลดปล่อยน้ำตาออกมาไม่หยุด
   "ไอ ฉันกลับมาแล้ว" ยูโตะเปิดประตูห้องของน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใส ไอโตะที่นอนอยู่บนเตียงชันตัวขึ้นมามอง
   "อะไรกัน เพิ่งสามทุ่มครึ่งเองนะ ทำไมนอนแล้วล่ะ ไม่สบายเหรอหรือว่าจะถูกฝน" ยูโตะรีบตรงเข้าไปหาน้องชายแล้ววางมือลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
   "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ฝนตกแล้วมันเลยง่วงน่ะ" ไอโตะปัดมือของพี่ชายออกแล้วตอบเสียงเบา เขาอยากถามพี่ชายว่าไปทำอะไรมา แต่ปากมันก็หนักจนยกไม่ขึ้น แม้ร่างกายจะปกติดีแต่หัวของเขามึนราวกับเป็นไข้สูง
   "เอ๋ งั้นฉันนอนด้วยเลยดีมั้ยนะ วันนี้เหนื่อยชะมัด"
   คำพูดของพี่ชายเสียดแทงลึกเข้าไปในใจของไอโตะ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังรู้สึกถึงสิ่งที่ตอกย้ำความเป็นจริงยิ่งขึ้นไปอีก
   "พี่ กลิ่นนี่มัน..."
   "อ้อ ฝนดันตกก่อนจะถึงบ้านคุริกูจิฉันเลยเปียกไปทั้งตัว ก็เลยขออาบน้ำที่นั่นซะเลยน่ะ เสื้อผ้าเจ้าคุริกูจิก็ซักอบให้เลยด้วย"
   "ออกไป!!"
   "อะ...ไอ!?" เพราะจู่ ๆ ไอโตะก็ตะโกนไล่ยูโตะจึงไม่แน่ใจว่าตนหูฝาดไปหรือเปล่า
   "บอกให้ออกไป ตัวพี่เหม็นชะมัด" พอรู้ตัวว่าเผลอตะคอกไอโตะก็กัดฟันแล้วลดเสียงลงพูดใหม่
   "งั้นฉันไปอาบน้ำใหม่อีกรอบก็ได้ แล้วฉันจะมา..."
   "ไม่ต้องมาเลย ฉันง่วงจะนอนแล้ว" ไอโตะฉุดชายร่างสูงให้ลุกจากเตียงแล้วผลักให้ออกไปจากห้องก่อนจะล็อคประตูอย่างรวดเร็ว น้ำตาหยดแหมะลงมาทันทีที่ประตูปิดลง เขาทนมองพี่มากไปกว่านี้ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว พี่ที่ไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียวเขาไม่อยากรับรู้อีกต่อไป
   "ไอ นี่เล่นล็อคประตูเลยเหรอ ไอ" ยูโตะทุบประตูพลางร้องตะโกนอย่างสับสน ไอโตะไม่ชอบกลิ่นของเขาขนาดนี้เลยหรือ
   ไอโตะขดตัวกลมอยู่หน้าประตู เขาอุดหูไว้เพราะเสียงของพี่ชายในเวลานี้เหมือนกับตะปูที่ตอกซ้ำเข้ามาในหัวใจที่เจ็บปวดราวกับถูกบดขยี้ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความรู้สึกที่มีให้พี่ไม่ใช่แค่พี่น้องอีกต่อไปแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

U & I (ตอนที่ 16 2018.06.02)
« ตอบ #19 เมื่อ: 02-06-2018 21:56:00 »





ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 17 2018.06.16)
«ตอบ #20 เมื่อ16-06-2018 22:52:31 »

ตอนที่ 17

   วันนี้เป็นอีกวันที่ไอโตะไม่ได้วิชาความรู้อะไรไปจากโรงเรียน ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดเรื่องของพี่ชายออกไปจากหัวได้ เมื่อคืนก็ร้องไห้จนหลับอยู่หน้าประตูทั้งอย่างนั้น
   เขาไม่รู้ตัวเลยว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ความหึงหวงในตัวพี่ชายที่มีมาตั้งแต่เมื่อก่อนมีคำว่ารักเจือปนอยู่ก่อนแล้ว หรือว่าความรักอันบริสุทธิ์ของน้องชายที่ถูกสั่งสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปทีละน้อย หรืออาจเป็นเพราะการที่พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเป็นแรงผลักดันให้ความรักที่แฝงตัวอยู่ในใจก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
   พี่เคยบอกว่าอยากให้เขาเป็นเจ้าสาวแม้นั่นจะเป็นแค่การล้อเล่นแต่ตอนนี้เขาอยากให้มันเป็นจริง ไอโตะทบทวนความรู้สึกของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเอง อยากจะปฏิเสธอันน่ารังเกียจนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ไอโตะเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากโรงเรียนโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีชายคนหนึ่งกำลังจับตามองเขาอยู่
   ชายคนนั้นเฝ้ารอจังหวะให้ไอโตะเดินห่างออกมาจากกลุ่มคนเพื่อเดินเข้าไปหา แต่แล้วในตอนนั้นเองก็มีชายสวมสูทสีเทาเข้มคนหนึ่งลงมาจากรถยนต์สีดำที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว
   เขามองดูไอโตะพูดคุยกับชายสวมสูทด้วยท่าทางเคร่งเครียดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เห็นชายคนนั้นดันไอโตะเข้าไปในรถแล้วรีบปิดประตูลง เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงรีบวิ่งกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ของตนแล้วขับตามรถทิ่ขับออกไปทันที
   "ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ แต่ว่าวันนี้ยังไงท่านซึเมมิยะก็อยากพบหน้าคุณให้ได้ ถึงคุณจะยังไม่ได้ให้คำตอบก็เถอะ" มิคาโดะที่วันนี้ไม่ได้ขับรถด้วยตัวเองและนั่งอยู่ข้าง ๆ ไอโตะกล่าวขอโทษแล้วชี้แจงอย่างสุภาพเช่นเคย
   "เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ" ไอโตะรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างไรไม่รู้
   "เมื่อวานท่านซึเมมิยะอาการกำเริบจนเกือบต้องส่งโรงพยาบาล ท่านจึงกลัวว่าเวลาของท่านจะหมดลงก่อนที่จะได้เห็นหลานน่ะครับ"
   "เอ๋ ไหนว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอครับ" ถึงจะไม่เคยได้เจอหน้ากันมาก่อน แต่เพราะเป็นผู้มีสายเลือดเดียวกันหรืออย่างไร ไอโตะถึงได้รู้สึกใจคอไม่ดี
   "ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไป" มิคาโดะยิ้มบาง ๆ เพื่อให้ไอโตะสบายใจ
   "เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นผมขอบอกแม่หน่อยนะครับว่าจะกลับค่ำ ไม่งั้นคงจะเป็นห่วง" เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
   "เชิญครับ"
   หลังจากนั่งรถมาเกือบ 1 ชั่วโมงก็มาถึงบ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ แม้จะเก่าแต่ก็ไม่ได้ดูทรุดโทรมมากนักคงเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ที่นี่เป็นบ้านที่แม่ที่แท้จริงของไอโตะเคยอาศัยอยู่ ทว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อมันเป็นพิเศษนั่นเพราะเขาไม่ได้มีความผูกผันกับมันมาก่อน
   ไอโตะเดินตามมิคาโดะผ่านสวนกว้างเข้าไปด้านใน ภายในพื้นที่อันกว้างขวางใหญ่โตซึ่งแสดงถึงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ไอโตะที่มองซ้ายมองขวาไปตลอดทางกลับมองเห็นคนเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และแล้วเมื่อมาถึงห้องที่อยู่กึ่งกลางของฝั่งตะวันออกมิคาโดะก็ร้องบอกผู้ที่อยู่ด้านใน
   "ท่านซึเมมิยะผมพาคุณไอโตะมาแล้วครับ"
   ไอโตะจ้องมองช่องว่างระหว่างประตูเลื่อนที่ค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเผยให้เห็นร่างของชายชราที่นอนอยู่บนเตียง ชายคนนั้นหันมาทางไอโตะช้า ๆ หน้าตาของเขาดูเคร่งขรึม ดุดัน ผมสีขาวเหลือบเทาตามอายุกลับช่วยขับให้ขายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มดูสง่า นี่คือบุคคลที่มีสายเลือดเดียวกับเขาคนแรกที่ได้เจอ
   "ไอโตะเหรอ?" ชายบนเตียงเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแหบพร่าแต่ท่าทางและสีหน้าของเขาไม่ได้ดูโทรมอย่างที่คิดไว้
   "ครับ ผมคุซาซากิ ไอโตะครับ" ไอโตะค้อมตัวลงต่ำ
   "หึ บอกนามสกุลด้วยแบบนี้อย่างกับประชดกันเลยนะ แต่ก็ช่างเถอะ เข้ามาใกล้ ๆ หน่อยสิ" ชายสูงวัยกระตุกมุมปากเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีมิคาโดะช่วยประคอง
   เตียงนอนดูขัดกับห้องแบบญี่ปุ่นอย่างมากแต่สำหรับผู้สูงอายุแล้วการใช้ฟูกคงจะลุกนั่งได้ไม่สะดวกนัก
   ไอโตะเดินเข้าไปข้างเตียง แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจประชดประชันแต่พอมองดูชายบนเตียงแล้วก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าชายคนนี้คือคนที่ทอดทิ้งสายเลือดของตัวเอง
   "เหมือนชิโอริมากจริง ๆ" พอจ้องมองใบหน้าของหลานชายภาพของบุตรสาวก็ผุดขึ้นมาในหัว
   "ได้ยินว่าคุณอาการไม่ค่อยดี เป็นยังไงบ้างครับ" ที่ไม่เรียกว่าตาไม่ใช่เพราะแค้นเคืองหรือไม่ยอมรับ เพียงแต่เขารู้สึกกระดากเสียมากกว่า อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจดีจึงไม่ได้ทักท้วงอะไร
   "ไม่เป็นอะไรมากหรอก แก่แล้วก็แบบนี้ล่ะ แล้วเธอล่ะอยู่มอปลายแล้วนี่ กับที่บ้านเป็นยังไงบ้าง" ชายสูงวัยพูดราวกับปลงสังขารตัวเองแล้วเปลี่ยนมาถามไถ่เรื่องราวของไอโตะ
   "ผมมีความสุขดีครับ ทุกคนดีกับผมมาก"
   "ได้ยินว่าเพิ่งรู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูกของบ้านนั้นเมื่อไม่นานมานี้เองใช่มั้ย"
   "ครับ แม่อยากบอกเรื่องนี้ตอนที่ผมจบมอปลายแล้วแต่ผมบังเอิญไปรู้เข้าซะก่อน" ไอโตะอธิบายคร่าว ๆ
   "แล้วไม่เป็นอะไรเหรอ หมายถึงความรู้สึกของเธอน่ะ" ชายสูงวัยหรี่ตาลงพลางจ้องมองไอโตะ
   "แรก ๆ ก็ลำบากใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณติดต่อกับแม่บ่อยเหรอครับ" ด้วยเห็นว่าชายคนนี้รู้เรื่องค่อนข้างละเอียดไอโตะจึงถามขึ้น
   "นี่เป็นครั้งแรกน่ะ" ผู้ที่นั่งอยู่บนเตียงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
   "คุณอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอครับ" ไอโตะถามถึงสิ่งที่เอะใจตั้งแต่ที่เข้าบ้านมา คนชรานอกจากนี้ยังป่วยอยู่แต่กลับมองไม่เห็นญาติพี่น้องอยู่ข้างกายเลย
   "ภรรยาฉันตายไปตั้งแต่ตอนที่ชิโอริอยู่มอปลาย ส่วนครอบครัวของน้องสาวที่เคยอยู่ด้วยกันก็ย้ายออกไปได้หลายปีแล้ว ที่นี่จึงเหลือแต่ฉันกับคนรับใช้ 5-6 คน" แววตาของผู้พูดดูหงอยเหงาไปชั่วขณะ เขามองผ่านประตูเลื่อนออกไปที่สวนด้านนอกซึ่งมีบ่อน้ำเล็ก ๆ อยู่
   "แล้วเธอล่ะอยากมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า" เจ้าบ้านหันกลับมาหาไอโตะอีกครั้ง
   "ทำไมถึงอยากรับผมกลับเข้ามาล่ะครับ เพราะไม่อยากให้ตระกูลไร้คนสืบทอดหรือครับ" ไอโตะไม่ตอบแล้วตั้งคำถามแทน
   "พูดตรงดีนี่ นิสัยนี้คงได้มาจากพ่อสินะ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งล่ะนะ ส่วนอีกเหตุผลก็คงเพราะอยากเห็นหลานจากลูกสาวเพียงคนเดียวกลับมาอยู่ในบ้านให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนตายล่ะมั้ง"
   "แต่คุณไม่รู้จักผมมาก่อน บางทีผมอาจจะเป็นคนไม่ดี แล้วทำให้ครอบครัวพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วยก็ได้นะครับ"
   จากที่สอบถามจากมิคาโดะตอนอยู่บนรถ ไอโตะได้รู้ว่าชายคนนี้เป็นนักเขียนพู่กันชื่อดัง ไม่มีใครในวงการไม่รู้จักเขา ทว่าไอโตะไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ดังนั้นจึงไม่เคยรู้จักชื่อซึเมมิยะมาก่อนเลย
   "ไม่หรอก ก่อนหน้านี้ฉันให้คนคอยสืบเรื่องของเธอมาพักหนึ่งแล้ว ทั้งส่งรูปมาให้ ทั้งนิสัยใจคอ แม้กระทั่งผลการเรียนฉันก็รู้หมดนั่นแหละ"
   ไอโตะไม่อยากเชื่อหูตัวเองเขาไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย แม่เองก็คงไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน พวกคนรวยมักจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นกันง่าย ๆ อย่างนี้หรือ
   "คุณตัดขาดกับแม่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงยัง..."
   "ยังไงก็เป็นหลานนี่ แล้วเธอพร้อมจะให้คำตอบหรือยัง"
   "เรื่องนั้น..." ที่จริงตั้งแต่ที่มิคาโดะมาคุยกับเขาในวันแรก ไอโตะก็หมกหมุ่นอยู่กับคำชวนอยู่เพียงแค่ 3 วัน เขาก็โยนความคิดโง่ ๆ ออกไปจนหมด
   "ยังตัดสินใจไม่ได้งั้นเหรอ หึ ถึงจะเห็นว่าทางนี้มีฐานะดีกว่าแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวสินะ เหมือนชิโอริไม่มีผิด ถึงรู้ว่าอาจจะต้องไปตกละกำลำบากแต่ก็ยังเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น" พอเห็นไอโตะนิ่งเงียบไปชายสูงวัยก็พูดแทรกขึ้น
   "แต่แม่ก็มีความสุขไม่ใช่หรือครับ" ไอโตะแย้งทั้งที่ตนแค่ได้ฟังมาจากน้าเท่านั้น
   "ก็ไม่รู้สินะ" ซึเมมิยะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากยอมรับหรืออย่างไร
   "ที่จริงก็ไม่ได้จะเร่งรัด แต่จากสังขารของฉันประกอบกับความกังวลของคนแก่แล้ว หวังว่าเธอคงจะเข้าใจนะ"
   ไอโตะก้มหน้าลงต่ำ แม้รู้ดีว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย แต่ในตอนแรกเขาก็อยากจะตอบตกลงเพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว อย่างน้อยเขาก็จะได้เป็นประโยชน์ให้กับผู้มีพระคุณได้บ้าง ทว่าพอคิดถึงใบหน้านองน้ำตาของแม่เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป นอกจากนี้เขายังไม่อยากแยกจากพี่ชายอีกด้วย แต่พอเกิดเรื่องเมื่อวานความรู้สึกที่อยากจะหนีไปให้พ้นจากพี่ชายก็พุ่งพวยขึ้นมา เขาไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้เรื่องของพี่กับคนอื่นซึ่งจะต้องเกิดขึ้นสักวันในอนาคต แม้คิดถึงในตอนนี้หัวใจก็ยังเจ็บแปล๊บอยู่
   ไอโตะขยับปากขึ้นเล็กน้อย เขาต้องการหลุดพ้นจากความหวาดกลัวและความทรมานนี้ เขาไม่มั่นใจว่าจะทนปั้นหน้าให้เป็นปกติไปได้ตลอด แต่แล้วไอโตะก็ปิดปากลงดังเดิม เมื่อคิดได้ว่าแม่ที่กีดกันไม่ให้เขาได้พบกับตาเพราะกลัวว่าจะถูกแย่งลูกชายไปจะรู้สึกอย่างไร แล้วยังมีน้าที่มอบชื่อซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดอีก ถ้าเขาตอบตกลงด้วยตัวเองเพียงลำพังก็เหมือนกับเนรคุณและทำร้ายจิตใจพวกเขา อย่างน้อยก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาให้เรียบร้อยเสียก่อน
   ทว่าหากทำแบบนั้นจะต้องถูกห้ามเป็นแน่ จากนั้นเขาก็จะถูกความใจดีและความอ่อนโยนของทุกคนเกลี้ยกล่อมจนคล้อยตาม ไอโตะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
   "ว่าไงล่ะ" เจ้าบ้านถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไอโตะนิ่งเงียบไปนาน
   ไอโตะสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจะต้องเด็ดขาดมากกว่านี้ นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง และมันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะออกห่างจากพี่ตั้งแต่เนิ่น ๆ ความรู้สึกของเขาต่อพี่ในตอนนี้ไม่ส่งผลดีกับใครทั้งนั้น มิหน้ำซ้ำมันอาจจะทำให้ทุกคนเสียใจยิ่งกว่าการเสียเขาไปก็เป็นได้ หากตอบตกลงแล้วเขาจะไปขอโทษทุกคนทีหลัง เมื่อคิดได้ดังนั้นไอโตะก็เปิดปากขึ้นอีกครั้ง
   "ครับ ผมจะ..." ขณะที่กำลังจะตอบรับข้อเสนอก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากด้านนอกไอโตะจึงหยุดคำพูดไป
   "เสียงเอะอะอะไรน่ะ" เจ้าบ้านขมวดคิ้วแน่น
   "ผมจะออกไปดูนะครับ" พอมิคาโดะเปิดประตูออกก็มีหญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาที่หน้าประตูพอดี
   "คุณมิคาโดะค่ะ ด้านนอกมีผู้ชายคนหนึ่งโวยวายบอกว่าเราจับตัวเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาค่ะ" เธอพูดพลางหอบเล็กน้อย
   "ไอโตะ ไอโตะ" เสียงของผู้ก่อกวนดังแว่วมาจากหน้าบ้าน
   เจ้าของชื่อรีบวิ่งออกไปด้านนอกโดยมีมิคาโดะตามไปด้วย พอมองไปยังประตูบ้านก็เห็นชายผมทองกำลังถูกชายซึ่งน่าจะเป็นคนรับใช้อีก 2 คนจับตัวไว้
   "ฉันจำรถนั่นได้ ต้องเป็นที่นี่ไม่ผิดแน่ ไอโตะอยู่ข้างในใช่มั้ย" ชายผมทองดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการจับกุม
   "เดี๋ยวก่อนครับ นั่นเป็นคนรู้จักของผมเอง" ไอโตะตรงเข้าไปชี้แจงอย่างรวดเร็ว
   "ไอโตะ นายปลอดภัยใช่มั้ย" หลังจากเอ่ยถามแขนทั้งสองข้างของเขาก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
   "คิจิมะ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้" ไอโตะงุนงงกับการปรากฏตัวของชายคนนี้เป็นอย่างมาก
   "ก็ฉันเห็นนายถูกจับยัดใส่รถหน้าโรงเรียนก็เลยตามมาน่ะสิ" คิจิมะพูดตามที่ตนเห็น
   "นี่นายแอบดูฉันอยู่เหรอ" ทั้งที่พี่ชายเตือนก็แล้วขู่ก็แล้วคน ๆ นี้ยังเข้าใกล้เขาอีก
   "เออ...ก็มัน..." ชายผมทองใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มตัวเองไปมาเพราะคิดไม่ออกว่าจะแก้ตัวอย่างไร
   "นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ถูกจับมา ให้ตายเถอะดูให้ดีก่อนสิ" เขาไม่รู้ว่าคิจิมะคิดไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร แถมยังตามมาไกลขนาดนี้อีก
   "หา จริงเหรอ แต่มันดูไม่น่าไว้ใจเลยนะ" คิจิมะมองซ้ายมองขวาสำรวจบ้านหลังใหญ่เกินกว่าที่คนทั่วไปจะมีได้
   "ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง นี่มันบ้านตาฉันนะ" เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงเกือบตะคอก
   "แล้วคน ๆ นี้คือ..." มิคาโดะมองบุคคลน่าสงสัยแล้วถามไอโตะ
   "คนรู้จักน่ะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวายกันไปหมด" ไอโตะจำใจต้องขอโทษแทนผู้ที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วย
   "ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะครับ ถ้างั้นเชิญเข้ามาข้างในก่อน..."
   "ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ต้องหรอก เออคือ ผมเองก็จะกลับแล้วด้วย" ไอโตะหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้บ้านของตาต้องต้อนรับคนนอกอย่างคิจิมะ นอกจากนี้เขาก็หมดธุระกับที่นี่แล้วด้วย
   "เอ๋ จะกลับแล้วเหรอครับ" มิคาโดะแปลกใจเพราะเมื่อกี้พวกเขายังคุยกันค้างไว้อยู่เลย
   "ครับ ผมขอไปลาคุณซึเมมิยะก่อนนะครับ ส่วนนายก็กลับไปได้แล้ว" ไอโตะไล่คิจิมะแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะตอบรับข้อเสนอของตา ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคนในครอบครัวดังนั้นจะต้องพูดคุยกับพวกเขาก่อนจะตอบตกลงกับทางนี้ บางทีคงต้องขอบคุณ  คิจิมะที่ทำให้เขาไม่พลั้งปากพูดออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
   หลังจากบอกลากับตาแล้วมิคาโดะก็เสนอตัวไปส่ง ไอโตะปฏิเสธด้วยความเกรงใจแต่มิคาโดะก็ยืนกรานจะไปส่งให้ได้
   "ฉันไปส่งไอโตะให้ก็ได้" เสียงของผู้ที่น่าจะกลับไปแล้วดังขึ้น
   "นี่นายยังไม่กลับไปอีกเหรอ" ไอโตะตวาดใส่ผู้ที่ยังยืนรออยู่บริเวณประตูรั้ว
   "ก็ฉันตั้งใจว่าจะกลับพร้อมนายนี่" คิจิมะก้มหน้าลงเล็กน้อยเพราะกลัวว่าไอโตะจะโกรธที่ไม่ทำตามที่บอก
   ไอโตะมองคิจิมะที่เหมือนกับเสือถอดเล็บแล้วไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อน คิจิมะตามเขามาไกลขนาดนี้คงเพราะเป็นห่วงจริง ๆ ที่สำคัญหากเป็นไปตามที่คิจิมะจินตนาการเขาคงจะได้คิจิมะช่วยไว้อีกครั้ง เมื่อครู่ก็ยังช่วยขัดจังหวะในเวลาที่เหมาะสมอีก ในตอนนี้ชายคนนี้คงจะไม่มีอันตรายอะไรแล้ว และเขาก็จะได้ไม่ต้องรบกวนของคนตาด้วย

   ไอโตะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของคิจิมะแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใด ๆ อยู่พักใหญ่จนกระทั่งคิจิมะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
   "นี่ นายไม่ได้คิดอะไรกับคุซาซากิจริง ๆ เหรอ"
   "คิดอะไร? พี่ก็คือพี่" ไอโตะตอบทั้งที่รู้ว่านั่นเป็นเพียงความรู้สึกที่เขาเคยมีเมื่อก่อน
   "แล้วนายไม่เคยชอบใครมากกว่าพี่ชายเลยเหรอ" คิจิมะลดความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ยินคำตอบของไอโตะชัดเจนขึ้น
   "ฉันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก แล้วก็ไม่สนใจด้วย" ไอโตะพูดแบบนั้นเพื่อให้คิจิมะหยุดพูดถึงเรื่องนี้
   "ถ้าเราชอบใครซักคน เราก็จะอยากเจอคน ๆ นั้นทุกวัน อยากกอดอยากสัมผัส แค่ได้อยู่ใกล้ก็มีความสุข แค่ได้เห็นเขายิ้มก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมา อยากให้เขามองเราแค่คนเดียว แล้วก็อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป ประมาณนี้ล่ะนะ"
   แทนที่จะหยุดพูดคิจิมะกลับอธิบายเรื่องความรักให้ไอโตะฟังเสียอย่างนั้น และคำพูดนั้นก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของเขาที่มีต่อพี่ชายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
   เขาไม่น่ามีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาเลยไม่อย่างนั้นคงสามารถอยู่เคียงข้างพี่ได้อย่างสบายใจ ถ้าต้องแยกจากพี่ไปเขาคงจะทรมานมาก ทั้งรอยยิ้มที่สดใส ทั้งเสียงหัวเราะยามหยอกล้อ ทั้งอ้อมกอดเวลาที่หวาดกลัว สิ่งเหล่านี้เขาคงไม่ได้สัมผัสมันอีกแล้ว เขาไม่ได้อยากแยกจากความอ่อนโยนของพี่แต่ก็กลัวจะต้องเจ็บปวดอย่างเมื่อวานอีก
   "แต่ถึงนายจะบอกว่าพี่ก็คือพี่ แล้วทางคุซาซากิล่ะ คิดอย่างนั้นเหรอ" คิจิมะตั้งคำถามขึ้นใหม่เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่พร้อมจะตอบคำถามก่อนหน้านี้
   "หมายความว่ายังไง"
   "ก็มันน่าแปลกนี่ต่อให้เป็นพี่ชายที่แสนดีแค่ไหนก็ไม่เห็นจำเป็นต้องฟังที่น้องบอกทุกอย่างเลย พี่ชายของนายน่ะเดือนหนึ่งยังไงก็ต้องมีผู้หญิงมาสารภาพรัก แต่เขากลับปฏิเสธทุกคนเพียงเพราะนายไม่ชอบเนี่ยนะ นอกจากนี้สายตาที่คุซาซากิมองนายมันเหมือนกับมีอะไรมากกว่านั้น"
   'สายตาที่มองนายก็ดูลึกซึ้งยังไงไม่รู้' คำพูดของคิจิมะทำให้ไอโตะนึกถึงสิ่งที่มากิโฮะพูด
   "เราก็แค่สนิทกันมากน่ะ" ไม่ว่าอย่างไรไอโตะก็ไม่รู้สึกว่าพี่ชายมองเขาต่างไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด หยอกล้อเขาเหมือนเป็นเด็ก ๆ
   "หา ต่อให้สนิทกันแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำรอยแบบนั้นที่คอนายหรอกน่า"
   "นั่นพี่ก็แค่เล่นสนุกเท่านั้นเอง" ไอโตะรู้ดีว่าความรักที่เขามีให้พี่มันแตกต่างกับความรักที่พี่มีให้เขา
   "งั้นถ้าคุซาซากิมีคนที่คิดจริงจังด้วยขึ้นมา นายก็ไม่รู้สึกอะไรเหรอ" ยูโตะจะคิดอย่างไรกับน้องไม่สำคัญหากไอโตะไม่ได้คิดอะไรด้วย นั่นแปลว่าเขายังมีโอกาส
   "ถ้าเป็น...คนดีล่ะก็นะ" ไม่เลยเขากำลังโกหกเพียงแค่คิดหน้าอกก็แน่นไปหมด ยิ่งนึกถึงภาพถ่ายพวกนั้นน้ำตาก็เหมือนจะไหลออกมา แม้สำหรับพี่จะไม่ใช่เรื่องจริงจังแต่สำหรับเขาแล้วมันสร้างความเจ็บปวดให้อย่างมาก
   "นี่ ครั้งก่อนที่พูดฉันไม่ได้โกหกนะ" เมื่อสอบถามความรู้สึกของไอโตะต่อคู่แข่งที่น่ากลัวแล้ว คิจิมะก็ยืนยันความรู้สึกของตนอีกครั้ง
   "ยังจะพูดอย่างนี้อยู่อีกเหรอ"
   "ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ" คิจิมะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   ไอโตะไม่รู้ว่าคิจิมะมีจุดประสงค์อะไรหรือจริงจังแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถรับความรู้สึกนั้นไว้ได้
   เมื่อความเงียบที่น่าอึดอัดเป็นสัญญาณเตือนให้กับคิจิมะ เขาจึงเลิกพูดถึงเรื่องนี้แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของตนจนพาไอโตะมาส่งถึงบ้าน ไอโตะให้คิจิมะจอดรถห่างออกจากบ้านเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แม่สังเกตเห็น
   "ขอบคุณนะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันยกโทษให้นายหรอกนะ" ไอโตะลงจากรถแล้วส่งหมวกกันน็อกคืนให้เจ้าของ
   "รู้...รู้แล้วน่า งั้นฉันไปนะ" คิจิมะวางเท้าลงแตะคันเร่งแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นเยียบลอยมาจากด้านหลัง
   "นี่มันอะไรกัน"
   พอไอโตะกับคิจิมะหันไปด้านหลังก็เห็นยูโตะกำลังจ้องมองพวกเขาประหนึ่งได้เห็นภาพที่ไม่น่าเป็นไม่ได้
   "พี่!!" ไอโตะร้องด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงมาอยู่หน้าบ้านในเวลานี้ แต่เมื่อเห็นถุงพลาสติกของร้านสะดวกซื้อในมือก็เข้าใจได้ทันที
   "เออ ฉัน..." คิจิมะยังไม่ทันได้พูดอะไร ยูโตะก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อพร้อมกับเงื้อกำปั้นขึ้นสูงโดยไม่สนใจของที่ซื้อมาซึ่งตกลงไปอยู่บนพื้น
   "เดี๋ยวพี่มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ" ไอโตะรีบจับแขนพี่ชายเพื่อห้ามไว้
   "งั้นทำไมนายถึงไปกับหมอนี่ได้" นัยน์ตาของยูโตะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
   "พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ" ไอโตะรวบตัวพี่ชายไว้แล้วบอกให้คิจิมะรีบไปก่อนจะมีเรื่อง
   "แต่ว่า..." คิจิมะยังลังเลที่จะหนีจากสถานการณ์ที่คลุมเครือ
   "ไม่เป็นไร ฉันจะพูดกับพี่เอง" พอไอโตะพูดอย่างนั้นคิจิมะก็ยอมออกรถแต่โดยดี
   เมื่อคู่กรณีหนีไปได้ยูโตะก็ดึงข้อมือของน้องชายเข้าไปในบ้าน เขาเหวี่ยงไอโตะลงบนเตียงของตนอย่างแรง
   "ทำไมถึงไปยุ่งกับหมอนั่นอีก ยังไม่เข็ดอีกหรือไง" ยูโตะตวาดเสียงดัง
   "ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขา มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ" ไอโตะที่ล้มลงไปชันตัวลุกขึ้นนั่ง
   "งั้นมันเกิดอะไรขึ้นไหนอธิบายมาสิ" ยูโตะจ้องน้องชายเขม็ง น้ำเสียงขุ่นมัวของเขาทำให้ไอโตะห่อไหล่ลงเล็กน้อย
   เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วขณะเขายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องของตากับพี่ตอนนี้ เขาอยากจะบอกกับแม่และน้าก่อน ถ้าให้พี่รู้ตอนนี้มีแต่จะทำให้เรื่องมันยุ่งยาก
   "เออ มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแล้วคิจิมะมาช่วยไว้นะ" ไอโตะเลือกที่จะพูดสรุปอย่างง่าย ๆ
   "เรื่องเข้าใจผิดอะไร" ยูโตะส่งสายตาคาดคั้นแต่ไอโตะก็ยังอึกอัก พอเข้าไปใกล้ยูโตะก็ได้กลิ่นแปลก ๆ จากตัวน้องชาย เขาจึงก้มลงไปดมใกล้ ๆ
   "กลิ่นเหมือนยากับน้ำหอม ไปไหนมา" แววตาแข็งกร้าวของยูโตะทำให้ไอโตะรู้สึกกลัวขึ้นมา เขารู้ว่าพี่กำลังโกรธจัดแต่หากบอกความจริงออกไปบางทีพี่อาจจะไปอาละวาดถึงบ้านตาก็ได้
   "เออ...เอาไว้พร้อมแล้วฉันจะบอกพี่แน่ ๆ" ไอโตะเจรจาอย่างใจเย็นที่สุด
   "ทั้งที่ไปกับหมอนั่นมาเนี่ยนะ แถมยังปิดบังบอกฉันไม่ได้อีก" ยูโตะวางเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียงแววตาของเขาดุดันยิ่งกว่าเก่า
   "ฉัน...ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอกน่า เชื่อฉันเถอะ" เสียงของไอโตะเริ่มติดขัด สมองของเขากำลังค้นหาทางแก้ปัญหาตรงหน้า เขาควรจะพูดอย่างไรพี่ถึงจะยอมปล่อยเขาไป
   "ไปกับหมอนั่นแล้วยังจะให้เชื่ออีกเหรอ ได้หมอนั่นช่วยไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าเลยชอบมันมากกว่าฉันเหรอ" ยูโตะบีบไหล่ของไอโตะอย่างแรงจนไอโตะต้องนิ่วหน้า
   "ไม่ใช่นะพี่"
   "ก็ได้ ถ้านายไม่บอกฉันจะตรวจดูเอง"
   ยูโตะไม่ฟังเสียงแล้วกดน้องชายลงกับเตียง เขาถอดเสื้อกั๊กตัวนอกของไอโตะออกอย่างรวดเร็ว
   "พี่จะทำอะไรน่ะ" ไอโตะจับมือใหญ่ของชายที่เพิ่งเหวี่ยงเสื้อของเขาทิ้งอย่างไม่สนใจใยดีไว้แต่ก็ถูกสะบัดออก
   "นี่พี่...ปล่อยนะ" เสียงของเขาส่งไปไม่ถึงพี่เลย นอกจากนี้ยังถูกคิดไปในทางไม่ดีอีกด้วย
   พอไอโตะเริ่มขัดขืนยูโตะที่กำลังเลือดขึ้นหน้าก็จับข้อมือของน้องชายไว้เหนือศีรษะแล้วกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างแรง กระดุมของมันหลุดออกจนหมดภายในการกระชากครั้งที่ 2 ไอโตะตกใจกับการกระทำอันป่าเถื่อนของพี่ที่ไม่ต่างจากคิจิมะ เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือพี่ชายที่อ่อนโยนของเขา
   "ให้เจ้านั่นจับตรงไหนบ้างล่ะ" ทั้งสายตาและมือของยูโตะสำรวจไปทั่วเรือนร่างของไอโตะ
   "ก็บอกว่าไม่ใช่ไง ปล่อยนะ" ไอโตะที่รู้ว่าสู้แรงพี่ชายไม่ได้ตะโกนสุดเสียง
   "หรือว่าถูกเจ้านั่นบอกรักก็เลยให้ทำมากกว่านั้น"
   คำพูดโหดร้ายฉีกหัวใจของไอโตะออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนที่กำลังทำร้ายเขาด้วยวาจาและการกระทำคนนี้คือพี่ชายของเขาจริง ๆ หรือ
   "ทำไม...ทำไม...ถึงไม่เชื่อ" น้ำเสียงที่สั่นเครือทำให้ผู้ที่ถูกความริษยาบังตาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับผ่อนแรงที่ฝ่ามือออก ไอโตะใช้แขนทั้งสองข้างไคว้ปิดหน้าของตนพลางสะอึกสะอื้น
   "อะ...ไอ" ยูโตะหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นหยาดน้ำใสหยดลงมาจากคางของไอโตะ เขาได้แต่เบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าตนเป็นคนทำให้น้องชายร้องไห้
   "พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ...ว่าฉันไม่โกหกพี่ แล้วทำไมถึง...คิดอะไรอย่างนั้น...ทำไมถึงไม่เชื่อฉัน" ทั้งที่พี่เคยเชื่อมั่นในตัวเขา ทั้งที่พี่เป็นคนพูดมันออกมาเอง
   "ไอ...ฉัน..." ผู้ได้สติค่อย ๆ เอื้อมมือไปยังศีรษะของน้องชายแต่มันก็ถูกปัดออกอย่างแรง
   "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่โกหกและเชื่อไม่ได้คือพี่ต่างหาก"
   หลังจากตะโกนใส่หน้าพี่ชายไอโตะก็อาศัยจังหวะที่ยูโตะกำลังทำอะไรไม่ถูกผลักร่างของเขาออกแล้วรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
   "ไอ พูดอะไรน่ะ" ยูโตะคว้าข้อมือไอโตะที่กำลังจะวิ่งหนีไปได้
   "ปล่อย ฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพี่อีกแล้ว ฉันเกลียดพี่ที่สุด" ไอโตะมองยูโตะอย่างผิดหวังด้วยน้ำตานองหน้า เขารีบวิ่งกลับห้องของตัวเองแล้วล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
   "ไอ ไอ เปิดก่อน ไอ" ยูโตะตามไปทุบประตูแล้วร้องเรียกน้องชายไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่าไอโตะพูดถึงอะไร แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าการที่เขาทำเรื่องเลวร้ายกับไอโตะลงไปเสียแล้ว
   "ยู ไอ เสียงดังอะไรกันน่ะ ทะเลาะกันเหรอ" แม่ที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายตะโกนถามขึ้นมาจากชั้นล่าง
   "เออ ไม่มีอะไรครับ แค่เล่นกันนิดหน่อยน่ะ" พอถูกแม่พูดอย่างนั้นยูโตะก็หยุดมือที่จะทุบประตูไว้ หากทำเสียงดังมากไปกว่านี้แม่จะสงสัยได้ เขาจ้องมองประตูห้องของไอโตะอยู่นาน แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้แล้วกลับห้องของตัวเองไป

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 18 2018.07.07)
«ตอบ #21 เมื่อ07-07-2018 13:27:00 »

ตอนที่ 18

   วันต่อมายูโตะตามหาคิจิมะไปทั่วมหาวิทยาลัยโดยไม่สนใจว่าตนจะมีคาบเรียนหรือไม่ และแล้วเขาก็มองเห็นชายผมทองคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หลังตึกเรียน ยูโตะไม่รีรอตรงรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อจนบุหรี่ที่อีกฝ่ายคาบไว้หลุดออกจากปาก
   "คุณพี่ชายนี่เองคิดว่าใคร" คิจิมะพูดอย่างไม่แปลกใจที่ได้เจอยูโตะ
   "เมื่อวานแกพาไอไปไหนมา"
   "อ้าว ๆ น้องชายไม่ได้บอกอะไรหรอกเหรอ งั้นฉันก็พูดไม่ได้หรอกนะ" ท่าทางของคิจิมะยียวนต่างจากตอนอยู่กับไอโตะลิบลับ
   มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของยูโตะกำแน่นแล้วตรงเข้าที่หน้าของคิจิมะทันที ทว่าคิจิมะก็ไหวตัวทันและรับมันไว้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นกำปั้นข้างซ้ายที่ปล่อยออกจากคอเสื้อก็ยังตามไปจนปะทะกับเป้าหมายได้ในที่สุด
   "เฮ้ ทำอะไรน่ะ" คิจิมะโมโหเพราะตนยังไม่ได้ทำอะไรผิด
   "ฉันถามว่าแกพาไอไปไหนมา" ยูโตะจ้องคิจิมะอย่างกับจะฆ่าจะแกงกันให้ได้
   "แล้วทำไมไม่ไปถามไอโตะเองล่ะ"
   คำพูดที่ทำให้นึกถึงการปฏิเสธที่จะบอกเรื่องราวกับเขาของไอโตะเมื่อคืนทำให้ยูโตะยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก เขาอยากจะหักแขนหักขาคนที่เป็นต้นเหตุของความหึงหวงของเขาจนทำเรื่องไม่น่าให้อภัยกับไอโตะลงไป นอกจากนี้เขายังถูกไอโตะบอกว่าเกลียดและไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีก
   ยูโตะจู่โจมคิจิมะอีกครั้ง แต่คิจิมะก็รับมัดไว้ได้แล้วสวนกลับคืนไปบ้างจนยูโตะหน้าหัน
   "พอเป็นเรื่องของน้องชายแล้วก็กลายเป็นหมาบ้าไปเลยงั้นเหรอ"
   ยูโตะไม่ฟังที่อีกฝ่ายพูดแล้วชกที่ท้องของคิจิมะอย่างแรงจนตัวงอลงไปนั่งกับพื้น เขาเหลือบมองคนด้านล่างอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเงื้อกำปั้นขึ้นสูงอีกครั้ง
   "เฮ้ คุซาซากิทำอะไรน่ะ" คุริกูจิที่เดินผ่านมาตรงเข้ามาล็อคตัวยูโตะไว้จากด้านหลัง
   "ปล่อย" ยูโตะสะบัดตัวอย่างแรงแต่คุริกูจิก็มีแรงมากพอจะควบคุมตัวยูโตะไว้ได้
   "พอได้แล้วน่า คนมองกันใหญ่แล้วนะ" หากมองออกไปนอกซอกตึกจะเห็นคนราว 5-6 คนกำลังมองมาทางนี้
   "ทำไมแกไปอยู่กับไอได้ บอกมา ไม่งั้นเรื่องของแกครั้งก่อนถึงตำรวจแน่" เมื่อขยับตัวไม่ได้ยูโตะก็ขยับปากแทน
   "ขู่กันจังเลยนะ" คิจิมะกุมท้องไว้พลางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น
   "ฉันไม่ได้ขู่ ถ้าไอไม่ห้ามไว้ แกได้ไปนอนในคุกนานแล้ว"
   "นี่ฉันถามหน่อยสิ สำหรับนายแล้วไอโตะไม่ใช่แค่น้องชายสินะ"
   "ถ้าไม่ใช่แล้วจะทำไม" ยูโตะเข้าใจความหมายของคิจิมะดีเขาจึงยอมรับอย่างไม่ปิดบัง
   "ฮ่า ฮ่า จริง ๆ เหรอเนี่ย นั่นมันน้องชายน่ะ" แม้พอจะรู้คำตอบมาตั้งแต่ครั้งที่แล้วแต่พอได้ยินจากปากของเจ้าตัวก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อขึ้นมา
   "แล้วมันยังไง ไอก็คือไอจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยว" สายตาที่แน่วแน่ของยูโตะพิสูจน์ในสิ่งที่เขาพูด
   "หา!!" แม้แต่คุริกูจิยังตกใจกับคำสารภาพของเพื่อนจนปล่อยมือออกจากยูโตะ เขาหวังว่าสิ่งที่ชายสองคนนี้กำลังคุยกันอยู่จะไม่ใช่เรื่องผิดทำนองคลองธรรมอย่างที่เขาคิด
   "แต่ดูเหมือนไอโตะจะไม่ได้คิดกับนายเกินพี่ชายนะ" คิจิมะยิ้มเยาะ
   "หึ จะเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ" ยูโตะวางท่าเป็นต่อทั้งที่ตนก็ไม่มั่นใจ
   "แต่ไอโตะบอกฉันอย่างนั้นนี่" คราวนี้คิจิมะเยาะเย้ยด้วยสายตาแทน
   "แกคุยอะไรกับไอ" ยูโตะตรงเข้าไปหาคิจิมะแต่คุริกูจิก็คว้าตัวไว้ได้ทัน
   "เอาอย่างงี้ ฉันจะบอกก็ได้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นแต่ว่าฉันมีเงื่อนไขนะ"
   "เงื่อนไข?"
   "ใช่ ถ้าฉันบอก นายจะต้องยอมให้ฉันเข้าใกล้ไอโตะได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะฉันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายไอโตะอีก เพราะว่าฉันจริงจังกับเขา" คิจิมะพูดด้วยแววตามุ่งมั่น ยูโตะก็มองออกว่าเขาไม่ได้โกหก
   "ก็ได้ แต่ฉันก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน"
   "ห๊า" คิจิมะอุทานออกมาแทบจะทันทีเพราะไม่คิดว่าจะถูกตั้งเงื่อนไขกลับในสถานการณ์ที่ตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
   "ถ้าไอชอบฉัน แกต้องเลิกยุ่งกับไอแล้วไม่มาให้ไอเห็นหน้าอีก" เมื่อคืนเขากลัวมากจริง ๆ ที่จะถูกแย่งไอโตะไป เขาไม่ต้องการจะรู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว จะยอมให้คนอย่างคิจิมะเข้าใกล้ไอโตะอีกไม่ได้ และวิธีเดียวที่จะขัดขวางได้ก็มีแต่จะต้องทำให้ไอโตะชอบเขาเท่านั้น
   
   เสียงโวกเวกดังสะท้อนทั่วบ้านแบบญี่ปุ่น สาวใช้คนหนึ่งวิ่งตรงมายังห้องของเจ้านายอย่างรีบร้อน
   "คุณมิคาโดะค่ะ มีคนบอกว่าต้องการพบท่านซึเมมิยะแล้วจะเข้ามาให้ได้ ห้ามยังไงก็ไม่ฟังทำยังไงดีค่ะ"
   "รู้หรือเปล่าว่าใคร" ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนเตียงชิงถามก่อนเลขาของตน
   "บอกว่ามาจากบ้านคุซาซากิค่ะ"
   "คุซาซากิเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเข้า..." เจ้าบ้านยังพูดไม่ทันจบก็มองเห็นร่างของชายแปลกหน้าที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเดินตรงเข้ามาเสียแล้ว
   "เข้ามาได้ซะแล้วล่ะครับ" มิคาโดะหันไปรายงานแม้เจ้านายจะมองเห็นเช่นเดียวกัน
   "ฉันเป็นพี่ชายของไอโตะ คุณคือซึเมมิยะสินะ" ยูโตะมองผ่านเข้าไปในประตูเลื่อนที่เปิดกว้างแล้วแนะนำตัวโดยขาดทั้งการทักทายและชื่อของตนเอง
   "ใช่แล้ว ทำไมถึงรู้จักที่นี่ได้" เขามั่นใจว่าไม่ได้บอกที่อยู่ให้คนบ้านคุซาซากิรู้ หรือว่าไอโตะจะบอกเรื่องราวทั้งหมดกับคนที่บ้านแล้ว
   "ฉันรู้มาจากคนผมทองที่เคยมาที่นี่" หลังจากรู้ที่อยู่จากคิจิมะยูโตะก็มุ่งหน้ามาที่นี่ทันที แม้จะไม่รู้ว่าไอโตะมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร
   "อย่างงี้นี่เอง แต่บุกเข้ามาถึงในนี้นี่ไม่มีมารยาทเลยนะ" เจ้าบ้านตำหนิการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้บุกรุก
   "ทางนั้นต่างหากที่ไม่มีมารยาท เล่นแอบพาน้องชายคนอื่นไปน่ะ" นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยูโตะยังต่อว่าอีกฝ่ายกลับอีก
   "ฉันขอคุยกับแม่ของเธอแล้วแต่ถูกปฏิเสธ ก็เลยต้องพูดกับไอโตะโดยตรงไงล่ะ" ซึเมมิยะชี้แจงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   "แบบนั้นก็เหมือนกันนั่นแหละ" ยูโตะพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง
   "แล้วหน้านั่นไปทำอะไรมา เป็นพวกกุ๊ยหรือไง" ซึเมมิยะหรี่ตามองแผลบนหน้าของยูโตะอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
   "คุณคิดจะทำอะไรถึงพาไอมาที่นี่" ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามที่คิดว่าไม่จำเป็น
   "หือ นี่แสดงว่าไอโตะยังไม่ได้บอกอะไรทางบ้านสินะ"
   "ใช่ เพราะอย่างนั้นฉันถึงต้องมาถามด้วยตัวเองไง" ยูโตะหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดที่คล้ายคลึงกันกับคิจิมะ
   "ฉันก็แค่อยากรับไอโตะมาเพื่อให้สืบทอดนามสกุลของเราต่อเท่านั้น" ซึเมมิยะพูดอย่างตรงไปตรงมา
   "ว่าไงนะ เรื่องเห็นแก่ตัวแบบนั้นฉันไม่มีทางยอมแน่" ยูโตะขึ้นเสียงแม้อีกฝ่ายจะอาวุโสกว่า
   "ฉันถามความต้องการของไอโตะต่างหาก" ชายผมขาวปนเทาเตือนสติผู้ที่อ้างตนว่าเป็นพี่ชาย
   "ยังไงไอก็ไม่มีทางตอบตกลงหรอก" ยูโตะตอบแทนแทบจะทันที
   "แต่เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธนะ ไอโตะแค่บอกว่าขอเวลาอีกหน่อยเท่านั้น" ชายบนเตียงจ้องมองยูโตะราวกับอยากรู้ปฏิกิริยาของเขา
   "ไม่จริง คุณต้องใช้วิธีสกปรกแน่ ๆ" ผู้บุกรุกตะโกนใส่เจ้าบ้านเสียงดัง
   "เป็นเด็กไม่มีมารยาทจริง ๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก ก็แค่พูดไปตามตรงอย่างที่บอกกับเธอนั่นแหละ"
   "อยู่ดี ๆ ก็คิดจะมาเอาคืนแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ พอไม่ต้องการก็ทิ้งพอคิดจะใช้ประโยชน์ก็มาทวงคืนงั้นเหรอ" ยูโตะมองคู่สนทนาที่เห็นน้องชายเขาเป็นสิ่งของอย่างโกรธแค้น
   "อาจจะเป็นอย่างที่เธอว่า แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากได้เด็กคนนั้นมาดูแล" เจ้าบ้านยืดอกยอมรับอย่างไม่อาย
   "ฉันไม่ยกไอให้พวกคุณหรอก" ยูโตะกำมือแน่น ทำไมถึงมีแต่คนคิดจะแย่งไอโตะไปจากเขาทั้งน้า ทั้งคิจิมะ แล้วยังซึเมมิยะอีก
   "หือ งั้นเธออยากได้อะไรตอบแทนล่ะ ถ้าเงินล่ะก็จะเอาเท่าไหร่ก็บอกมา" ซึเมมิยะพูดพลางผายมือไปทางยูโตะ
   "มันจะมากไปแล้วนะ ไอไม่ใช่สิ่งของ ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ฉันไม่ยอมให้ไอมาอยู่กับตาแก่ที่ไม่เห็นคุณค่าของคนแบบนี้หรอก"
   สิ้นเสียงตะโกนของยูโตะฝ่ามือของใครบางคนก็ปะทะที่แก้มของเขาดังเพี้ยะ
   "นะ...น้า" ยูโตะมองชายผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมัดรวบไว้ด้านหลังอย่างประหลาดใจแล้วกะพริบตา 3 ครั้งเพื่อดูให้แน่ใจ
   "ให้ตายเถอะ พอเป็นเรื่องของไอทีไรกลายเป็นหมาบ้าทุกที แบบนี้คนบ้านเราก็ถูกมองว่าไม่มีการอบรมสั่งสอนกันพอดี" โทยะกอดอกมองหลานชาย
   "น้า ทำไมมาอยู่ที่นี่" ยูโตะถามทั้งที่แก้มยังชาอยู่ แต่ยังโชคดีที่มันเป็นคนละข้างกับที่มีรอยช้ำอยู่ก่อนแล้ว
   "ถูกเรียกมาน่ะ ทางนี้ติดต่อไป พอดีว่าฉันยังอยู่ที่โอซาก้าด้วย เห็นบอกว่าคุยกับพี่แล้วแต่ถูกปฏิเสธ พอคุยกับไอก็ยังคา ๆ ค้าง ๆ ไม่ได้คำตอบซักที ก็เลยอยากคุยกับฉันน่ะ"
   "แต่ตอนเข้ามาเมื่อกี้ยังไม่เห็นน้าเลยนี่" ชายหนุ่มมองสำรวจรอบห้องเพื่อดูว่าน้าของตนโผล่ออกมาจากทางไหน
   "พอรู้ว่านายมาฉันก็เลยแอบอยู่ตรงนั้นเพราะอยากรู้ว่านายมาทำไมไงล่ะ" โทยะชี้มือไปยังตู้ไม้ที่มีความสูงพอ ๆ กันกับเขา
   "แล้วน้ายอมรับได้เหรอ" ยูโตะรีบหาพรรคพวก ถ้าเป็นน้าล่ะก็จะต้องไม่พอใจเรื่องนี้เหมือนกัน
   "ก็ไม่หรอกแล้วฉันก็เพิ่งคุยกันไปได้แค่ครึ่งทางเอง"
   "ไม่เห็นจะต้องคุยอะไรเลย คนที่ปฏิเสธไอตั้งแต่แรกก็คือทางนั้นนะ" ชายหนุ่มชี้มือไปทางผู้ที่อยู่บนเตียง
   เนื่องจากญาติปฏิเสธที่จะรับไอโตะไปดูแล พวกเขาจึงสามารถรับไอโตะมาเป็นลูกบุตรธรรมได้
   "เพราะเจ้าตัวบอกว่าจะคุยกับคนในครอบครัวก่อน ฉันก็เลยเรียกอาราคางิมาเพื่อที่อะไร ๆ จะได้เร็วขึ้น" ซึเมมิยะแทรกพูดขึ้นมา เขาหวังไว้ว่าโทยะอาจจะช่วยพูดกับแม่ของไอโตะให้ได้
   "โกหก ไอน่ะเหรอจะพูดแบบนั้น" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ยูโตะก็จำคำพูดของไอโตะที่บอกว่า 'เอาไว้พร้อมแล้วฉันจะบอกพี่แน่ ๆ' ได้
   "ไม่หรอกนายก็รู้นี่ว่าไออาจจะเกรงใจพวกเราจนยอมรับข้อตกลงก็ได้"
   ยูโตะนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้ไอโตะเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านและบอกว่าอยากหาทางช่วยแบ่งเบาภาระให้พ่อ พอคิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองที่เพิ่งมารู้ตัวเอาป่านนี้
   "ฉันยินดีจะชดใช้ให้ทุกอย่าง จะค่าเลี้ยงดูของไอโตะที่ผ่านมา หรือจะให้จ่ายค่าทำขวัญให้ครอบครัวของเธอเท่าไหร่ก็ได้" ซึเมมิยะพูดโน้มน้าวแต่วิธีการนั้นยิ่งทำให้ยูโตะโกรธมากขึ้นไปอีก
   "อย่ามาดูถูกกันนะ ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างที่คุณต้องการหรอก ไม่ว่าใครจะว่ายังไง หรือต่อให้ไอคิดจะมาที่นี่ด้วยตัวเองฉันก็ไม่อนุญาต ฉันจะพูดกับไอเอง"
   "แบบนี้ดูท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วสินะ" ซึเมมิยะมองไปทางโทยะ
   "แย่หน่อยนะครับ คนที่ไม่ควรรู้เรื่องนี้ที่สุดดันมารู้แล้วแบบนี้ ผมว่าคุณน่าจะเตรียมใจไว้ดีกว่าครับ ถ้างั้นผมว่าวันนี้พวกเราขอตัวก่อนดีกว่า แล้วเราจะคุยกับไอเองรวมทั้งพี่สาวผมด้วย"
   โทยะค้อมตัวลงเพื่อบอกลาโดยกดศีรษะหลานชายลงด้วย
   "เป็นพี่ชายที่สุดโต่งจริง ๆ" ชายชรายกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย หลังจากผู้มาเยือนทั้งสองคนออกจากห้องไปแล้ว

   ทั้งสองคนตรงกลับบ้านด้วยรถยนต์ส่วนตัวของโทยะ ระหว่างทางยูโตะที่ร้อนใจเอาแต่บอกให้คนขับเร่งความเร็วไม่รู้กี่ครั้ง เมื่อวานเขาเข้าใจผิดจนทำเรื่องเลวร้ายกับไอโตะไป หากเรื่องนี้กลายมาเป็นตัวผลักดันให้    ไอโตะที่คิดจะตอบรับข้อเสนอของตาอยากไปจากบ้านมากขึ้นคงไม่ดีแน่ เขาทั้งเจ็บใจทั้งโมโหตัวเองที่ไม่เชื่อใจไอโตะแล้วปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
   ทั้งที่ไอโตะกำลังทุกข์ใจอยู่คนเดียวแต่เขากลับไม่เอะใจ ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้วยังซ้ำเติมอีก หากตั้งสติไตร่ตรองให้ดีแล้วไอโตะไม่มีทางไปกับคิจิมะโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้จะต่อว่าตัวเองอย่างไรดีแล้ว ตอนนี้เขาอยากเจอไอโตะให้เร็วที่สุด อยากจะกอดไว้แล้วบอกว่าขอโทษ
   พอรถจอดยูโตะก็พุ่งออกจากรถเข้าไปในบ้านทันที
   "กลับมาแล้วครับ" โทยะเป็นฝ่ายพูดคำทักทายแทนหลานชายที่กำลังมองซ้ายมองขวาหาน้องชายของตน
   "ไอ อยู่นี่เอง" ยูโตะตรงเข้าไปหาไอโตะที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นทันทีที่เห็น
   ไอโตะที่เห็นดังนั้นเคลื่อนตัวหนีโดยอัตโนมัติ เหตุการณ์เมื่อคืนยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ เมื่อคืนพี่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา เข้าใจว่าโกรธที่เห็นเขาไปกับคิจิมะแต่ทำไมถึงไม่เชื่อที่เขาพูด แล้วยังทำเรื่องรุนแรงอีก เมื่อเช้าเขาอุตส่าห์โล่งใจที่ลงมาข้างล่างพี่ชายก็ไม่อยู่แล้ว แต่พอเย็นมาก็ต้องเผชิญหน้ากับพี่อยู่ดี และแล้วในตอนนั้นเองไอโตะก็มองเห็นผู้ที่เดินตามยูโตะมาด้านหลัง
   "น้า ทำไมมาพร้อมพี่ได้ล่ะ" ไอโตะตรงดิ่งเข้าไปหาโทยะด้วยความดีใจ เขาไม่ต้องอยู่กับพี่ชายเพียงลำพังแล้ว
   "ก็นิดหน่อยนะ แล้วพี่ล่ะ" โทยะลูบศีรษะไอโตะด้วยความเอ็นดูแล้วถามหาผู้ที่ปกติจะอยู่ในห้องครัวเวลานี้
   "แม่เพิ่งออกไปบ้านมากิโฮะเมื่อกี้นี้เอง" น้ำเสียงของไอโตะดูผิดหวังเล็กน้อย ที่จริงเขาตั้งใจไว้ว่าจะบอกเรื่องของตากับแม่ก่อนที่ยูโตะจะกลับ แต่แม่กลับมาติดธุระเสียก่อน
   "อย่างงั้นเหรอ น่าเสียดาย ว่าจะได้คุยกันพร้อมหน้าแล้วเชียว" โทยะเองก็ผิดหวังไม่ต่างกันกับไอโตะ
   "มีอะไรเหรอครับ" ไอโตะถามด้วยความแปลกใจ น้าที่มักกระโจนใส่เขาอย่างร่าเริงทุกครั้งที่เห็นหน้ากลับดูเคร่งเครียดกว่าปกติ
   "ช่วยไม่ได้นะ งั้นฉันจะพูดเลยก็แล้วกัน ไอ ฉันรู้เรื่องที่คุณซึเมมิยะอยากรับนายไปดูแลแล้วนะ" โทยะมองหน้าไอโตะตรง ๆ ก่อนจะพูดออกมา ถึงเขาอยากจะรอพูดเรื่องนี้พร้อมกับพี่สาวอย่างไร คนอีกคนที่อยู่ตรงนี้คงทนไม่ได้และพูดมันออกมาก่อนอยู่ดี
   "เอ๋!" ถึงจะร้องด้วยความตกใจในตอนแรก แต่พอนึกได้ว่าน้าเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของเขาและเป็นคนที่แม่ฝากฝังเขาไว้จึงไม่แปลกที่ตาจะต้องการคุยเรื่องนี้ด้วย
   "วันนี้คุณซึเมมิยะเรียกฉันไป แล้วก็ได้ไปเจอยูโตะที่นั่น" พอโทยะชี้มือไปทางชายที่ยืนทิ้งระยะห่างจากพวกเขา ไอโตะก็มองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
   "ฉันถามมาจากคิจิมะน่ะ" ยูโตะก้มหน้าตอบด้วยรู้สึกผิด เขากลัวว่าจะทำให้ไอโตะนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
   ไอโตะสันนิษฐานได้อย่างง่ายดายว่าแผลบนหน้าของพี่ชายเกิดจากการใช้กำลังในการซักถาม พี่ไม่เชื่อที่เขาพูดถึงขนาดต้องไปถามเอากับคิจิมะเลยหรือ ไอโตะนึกโกรธพี่ชายขึ้นมาอีกครั้ง เขาอุตส่าห์บอกว่าหากพร้อมแล้วจะบอกแท้ ๆ
   "คุณซึเมมิยะบอกว่าไอไม่ได้ปฏิเสธแต่ยังไม่ตอบรับเพราะอยากคุยกับที่บ้านก่อน จริงหรือเปล่า"
   "เออ...ครับ" ไอโตะก้มหน้าลงเล็กน้อย
   "ไม่จริง นี่ไอคิดจะไปจากที่นี่เหรอ ทำไมล่ะ หรือว่าเพราะ..."
   โทยะรีบยกมือห้ามคนอารมณ์ร้อนไว้แล้วหันไปพูดกับไอโตะอย่างใจเย็น
   "ไอมีอะไรหรือเปล่า ที่นี่ไม่ดีตรงไหนเหรอ"
   "เปล่าครับ ไม่ใช่ เพียงแต่ผมคิดว่าแบบนั้นน่าจะดีกว่า" ไอโตะตอบอย่างคลุมเครือ
   "ดีตรงไหนกัน ไม่มีไออยู่มันไม่ดีเลยซักนิด" ยูโตะตะโกนอย่างยอมรับไม่ได้ เขามองไม่เห็นข้อดีของการไปจากบ้านนี้ของน้องชายเลย
   "ยูโตะ" โทยะตวาดเสียงใส่เพื่อเตือนให้ยูโตะพูดคุยด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์
   ยูโตะยอมสงบใจลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ บางทีอาจจะเป็นอย่างที่น้าพูดลึก ๆ แล้วในใจของไอโตะยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นและเกรงใจพวกเขา เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนก็ยังบอกว่าจะขอทุนบ้างล่ะ ไม่เข้ามหาวิทยาลัยบ้างล่ะ แล้วยังจะทำงานพิเศษอีก ดังนั้นพอครอบครัวที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาจิตใจของไอโตะก็เลยสั่นไหว ทว่าเรื่องนี้ก็น่าจะคุยกันเข้าใจไปตั้งแต่ที่ไอโตะรู้ความจริงแล้ว ทำไมถึงยังกลับมาคิดมากอีก เป็นเพียงเพราะบุคคลที่เรียกว่าตาแค่นั้นจริงหรือ หรือว่ามีปัจจัยอย่างอื่นมากระทบจิตใจที่ละเอียดอ่อนของไอโตะ
   'หรือว่า' ยูโตะเงยหน้าขึ้นเมื่อพลันนึกบางอย่างได้
   "นี่หรือว่า ไอได้ยินที่ฉันกับแม่คุยกัน ไม่ผิดแน่ เพราะหลังจากคุยกับแม่ไม่กี่วัน ไอก็บอกว่าอยากได้ทุน จะว่าไปวันนั้นฉันไม่ได้ยินเสียงไอตอนกลับมาบ้านเลย พอขึ้นไปบนห้องก็เจอไออยู่ข้างบนแล้ว"
   ไอโตะประหลาดใจเล็กน้อยที่พี่คิดเรื่องนี้ออก เขาเบือนหน้าหนีแต่ก็ยังพยักหน้ายอมรับ
   "อะไร มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ" โทยะที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรมองหน้าหลานชายสลับกันไปมา
   "เพราะว่าบ้านเรากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน พ่อก็อาจจะต้องถูกย้ายกลับมาที่นี่ ฉะนั้นผมก็เลยคิดว่าถ้าไปอยู่ทางนู้นน่าจะดีกว่า" ไอโตะใช้เรื่องของพ่อเป็นข้ออ้างทั้งที่นี่เป็นเพียงความคิดที่เขาล้มเลิกไปแล้ว
   "มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นมีใครปรึกษาฉันเลย แล้วทำไมไอถึงคิดจะแก้ปัญหาคนเดียวล่ะ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้ไอเสียสละตัวเองด้วยวิธีนี้หรอก" โทยะยึดไหล่ไอโตะไว้แล้วพูดแทบจะไม่เว้นจังหวะ
   "ก็...ถ้าพูดทุกคนก็จะต้องคัดค้านนี่" เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาพูด
   "ผิดแล้ว ก็อย่างที่น้าพูด ต่อให้นี่เป็นเรื่องจริงก็ไม่มีใครคิดผลักไสไอไปให้คนอื่นเด็ดขาด นอกจากไม่มีใครดีใจกับวิธีการนั่นแล้วทั้งพ่อทั้งแม่มีแต่จะเสียใจ ทำไมไอถึงคิดอย่างนี้อยู่เรื่อย เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ" ยูโตะพูดเสียงขุ่น
   "ใช่แล้ว... เอ๊ะ ต่อให้เป็นเรื่องจริง?" ขณะที่โทยะพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของยูโตะเขาก็ต้องสะดุดใจกับคำบางคำ
   "อือ ไอเข้าใจผิดแล้วล่ะ พ่อไม่ได้ถูกย้ายแล้วเราก็ไม่ได้มีปัญหาขนาดนั้นด้วย"
   "หมายความว่ายังไง" โทยะมองหน้ายูโตะอย่างรอคอยคำอธิบาย ไอโตะก็เช่นกัน
   "เรื่องเงินเป็นเพราะบ้านอาซามิต้องการปรับปรุงร้านใหม่เร็วกว่าที่คิด ก็เลยยังไม่ได้ทำเรื่องขอเงินกู้จากธนาคารแล้วต้องมายืมเงินจากแม่ไปก่อน ถ้าได้เงินกู้แล้วจะเอามาคืนเราทันที แต่นั่นก็เป็นเงินก้อนใหญ่อยู่บ้านเราก็เลยต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายในช่วงนี้ ส่วนเรื่องที่พ่อจะย้ายก็เพราะบริษัทของพ่อมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ที่ญี่ปุ่นอีกที่ก็เลยอยากให้พ่อที่มีประสบการณ์อยู่แล้วกลับมาช่วยทางนี้ ไอคงจะได้ยิน 2 เรื่องพร้อมกันแล้วเอามาปนกันน่ะ"
   "อะไรกัน อย่างงี้นี่เองเหรอ" โทยะถอนหายใจอย่างโล่งอก
   "แล้วทำไมไม่บอกกันตรง ๆ ล่ะ" เด็กหนุ่มต่อว่า หากบอกตั้งแต่แรกเขาก็ไม่เข้าใจผิดจนต้องเป็นกังวล มิน่าหมู่นี้แม่ของเขาถึงไปที่บ้านของมากิโฮะบ่อยนัก
   "ก็เพราะกลัวว่าถ้าบอกแล้วไอจะคิดมาจนคิดทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ไงล่ะ" ยูโตะนึกโมโหน้องชายที่ชอบแก้ปัญหาคนเดียว
   "แต่อย่างน้อยเรื่องของพ่อก็น่าจะบอกกันบ้าง"
   "นั่นเพราะพ่อบอกว่าอยากทำให้ไอตกใจก็เลยสั่งให้อุบไว้น่ะ"
   "เฮ้อ งั้นก็เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดสินะ ค่อยยังชั่ว ไอก็เลิกคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครอยากเสียไอไปทั้งนั้นแหละ" โทยะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปัญหาคลี่คลายได้เร็วกว่าที่คิดแล้วกำชับเสียงเข้มกับเด็กหนุ่มที่สีหน้ายังไม่ดีขึ้น
   "ขอโทษครับน้า" เป็นอย่างที่คิดไว้ต่อให้เรื่องเข้าใจผิดกลายเป็นจริงเขาก็คงไปจากที่นี่ไม่ได้ง่าย ๆ
   "ในเมื่อหมดเรื่องแล้ว งั้นไอฉันมีเรื่องจะคุยด้วยมาด้วยกันหน่อยสิ" ถึงปัญหาใหญ่จะสิ้นสุดลงแต่ปัญหาส่วนตัวของยูโตะยังไม่หมดไป เขาจะต้องรีบขอโทษไอโตะ ยูโตะเอื้อมมือไปเพื่อจะดึงตัวน้องชายแต่เด็กหนุ่มกลับหลบไปอยู่ด้านหลังของโทยะ
   "ไอ?" โทยะมองท่าทางของหลานชายที่ไม่เคยเห็นอย่างประหลาดใจ จะว่าไปแล้วตั้งแต่เข้าบ้านมาไอโตะก็อยู่ใกล้เขาตลอดต่างจากทุกทีที่ต้องรีบวิ่งไปหาพี่ชาย
   "ไอฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ" ยูโตะเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง
   "แต่ฉันไม่มี" ไอโตะปัดมือนั่นอย่างแรงจนยูโตะต้องตกตะลึงกับท่าทีรังเกียจนั่น
   "เดี๋ยว นี่พวกนายเป็นอะไรกันไป" โทยะทั้งตกใจและสับสน ทำไมบรรยากาศรอบตัวของหลานชายที่รักใคร่กันอยู่เสมอถึงได้อึมครึมเช่นนี้
   "น้า วันนี้ฉันขอไปอยู่ที่คอนโดน้าได้มั้ย" เด็กหนุ่มเกาะแขนโทยะแน่น เขายังไม่พร้อมจะอยู่กับพี่ตอนนี้
   "เออ ก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไม..."
   "ไม่ได้ ไอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น" การตะโกนของยูโตะทำให้ไอโตะกลัวจนตัวหด
   "ยูโตะนี่แกจะพูดดี ๆ ไม่ได้หรือไง ไอกลัวหมดแล้วเห็นมั้ย" โทยะเอื้อมมือไปแตะไหล่ของไอโตะที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขา
   "ฉัน...ฉันก็แค่อยากคุยกับไอเท่านั้นเอง ไอ ฉัน..." ยูโตะลดเสียงลงแล้วก้าวเท้าออกไป แต่ไอโตะที่เห็นดังนั้นก็กอดเอวโทยะไว้แล้วซุกหน้าลงบนบ่าราวกับจะใช้เป็นที่กำบัง
   "นี่พวกนายทะเลาะกันเหรอ" ถึงจะเหลือเชื่อแต่โทยะก็ถามตามที่คิด ทว่าคำถามนั่นก็ไม่มีใครตอบ ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่โทยะจะถอนหายใจออกมา
   "เฮ้อ ถึงจะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ดูท่าวันนี้ฉันพาไอไปด้วยก่อนน่าจะดีกว่านะ" คงต้องใช้เวลาให้ต่างฝ่ายต่างสงบใจได้ก่อน
   "ไม่ได้นะ ยังไงฉันก็ต้องคุยกับไอเดี๋ยวนี้ ไม่ให้ไปเด็ดขาด" ผู้อารมณ์ร้อนเอื้อมมือตามร่างบางที่เดินตามโทยะไป ทว่าแขนของเขาก็ถูกโทยะบิดอย่างแรงจนต้องหมุนตัวตามเพื่อลดความเจ็บปวด
   "ยูโตะ ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อย ที่บ้านซึเมมิยะก็ทีหนึ่งแล้ว ถ้านายยังเป็นอย่างงี้ฉันจะไม่พาไอกลับมาแน่" โทยะพูดขู่แล้วพาไอโตะไปที่ประตู
   "แต่ว่า...ไอ ไอ" ยูโตะเดินตามน้องชายไปห่าง ๆ เขาแค่อยากจะขอโทษ แต่ไอโตะไม่หันกลับมามองเขาเลย เขามักเป็นที่หนึ่งสำหรับไอโตะเสมอแต่ตอนนี้ไอโตะกำลังเลือกคนอื่นมากกว่าเขา นี่หมายความว่าต่อให้ไม่มีเรื่องของพ่อไอโตะก็คิดจะหนีไปจากเขาไม่ใช่หรือ ยูโตะทุบกำแพงด้วยความเจ็บใจ ทั้งที่ยังไม่ทันได้บอกรักแต่กลับโดนเกลียดเสียแล้ว

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 19 2018.08.13)
«ตอบ #22 เมื่อ13-08-2018 20:31:42 »

ตอนที่ 19

   ภายในห้องชุดกว้างของคอนโดหรู เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่าหน้าเศร้าอยู่บนโซฟาหนังสีเลือดหมูขนาดใหญ่ ที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากนัก ข้าวของก็มีไม่กี่ชิ้นจึงทำให้ห้องที่กว้างอยู่แล้วดูกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ไม่แปลกใจที่เจ้าของห้องจะไม่ใช้มันเพราะหากต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนาน ๆ คงจะเหงาน่าดู
   โทยะส่งนมร้อนที่เพิ่งทำเสร็จให้ไอโตะแล้วนั่งคุกเข่าลงกับพื้น เขาสังเกตสีหน้าของเด็กหนุ่มอย่างลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา
   "ไอ ไม่เป็นไรนะ"
   "ครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง" ไอโตะตอบหลังจากจิบนมร้อนเข้าไป 1 คำ
   "กับยูโตะเกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือว่าเจ้านั่นทำอะไร" โทยะสัมผัสใบหน้าของไอโตะอย่างแผ่วเบา
   "เปล่าครับ ไม่มีอะไร" เขารู้ดีว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเขาที่ไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทั้งโกรธและตกใจกับการกระทำของพี่
   "ยังมีหน้ามาว่าไม่มีอะไรอีก ฉันเพิ่งเคยเห็นพวกนายทะเลาะกันครั้งแรกนี่แหละ อย่าบอกนะว่านี่เป็นสาเหตุให้ไอคิดจะไปอยู่บ้านซึเมมิยะน่ะ" โทยะลองพูดดูด้วยเห็นว่าไอโตะต้องการหนีจากพี่ชายถึงขนาดขอมาอยู่ที่คอนโดของเขา ทว่าไอโตะกลับหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว
   "ไม่จริงน่า เป็นเรื่องรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่รู้หรือเปล่า" โทยะเร่งถาม ทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันจริงจังแท้ ๆ แต่กลับถึงขนาดจะหนีไปให้พ้นจากกันนี่คงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่
   "ไม่มี...อะไรจริง ๆ ครับ" วันนี้ที่เขาหนีมาเป็นเพราะยังโกรธพี่ชายก็จริง แต่เหตุผลที่ทำให้เขาอยากออกจากบ้านไปเป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่อพี่ต่างหาก
   "ไอ เวลามีปัญหาอะไรเราต้องหันหน้ามาพูดกันนะไม่ใช่หนีจากมันหรือเก็บไว้คนเดียว" นมร้อนที่อยู่ในมือไอโตะทำท่าจะหกโทยะจึงดึงมันออกก่อนจะพูด
   "ครับ ผมรู้ดี แต่ว่า..." ไอโตะน้ำตาคลอ จะให้เขาพูดออกมาได้อย่างไร ถ้าทุกคนรู้ว่าเด็กผู้ชายที่อุตส่าห์เลี้ยงมาไปชอบพี่ชายของตัวเองเข้าคงจะทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ดีและผิดหวังในตัวเขา เขาจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้
   "ไอ" โทยะรีบลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วโอบไหล่ไอโตะไว้ เขาคงจะเร่งรัดไอโตะเกินไป
   "ไม่เป็นไรนะ ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ต้องพูดหรอก" โทยะกดศีรษะของไอโตะลงบนไหล่แล้วลูบเบา ๆ
   "ผม ยัง...ไม่อยากกลับบ้าน" ไอโตะสะอึกสะอื้นพลางพูด
   "เข้าใจแล้ว ยังไงฉันก็ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกซักพัก ถ้าไอไม่อยากเจอยูโตะจะอยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ แล้วฉันจะพูดกับพี่ให้"
   ไอโตะร้องไห้โฮออกมา ทุกคนดีกับเขาแต่เขากลับทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไป หากอยู่ใกล้ชิดกับพี่แล้วต้องเผชิญกับการล้อเล่นแปลก ๆ ของพี่บ่อย ๆ ไม่นานความคงแตก เพื่อที่จะไม่ให้ถูกจับได้เขาควรจะตามน้าไปอยู่ที่ต่างประเทศจะดีกว่าหรือเปล่า เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยสักวันความรู้สึกน่ารังเกียจที่มีต่อพี่คงจะหายไป ในเมื่อบ้านซึเมมิยะไม่มีเหตุผลให้เขาใช้เป็นข้ออ้างแล้วถ้าเป็นน้าล่ะก็คงจะไม่มีใครว่า
   โทยะลูบหลังไอโตะพลางคิดหาทางออก ไอโตะเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงสิ่งเดียวที่คนสำคัญของเขาทิ้งไว้ให้ เขาทนเห็นไอโตะมีสภาพแบบนี้ไม่ได้ การที่ไอโตะร้องไห้ขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามกับยูโตะที่น่าจะเป็นตัวการ

   ที่โรงเรียนวันนี้ช่วงบ่ายไอโตะต้องไปนอนห้องพยาบาลเพราะถูกความเครียดเล่นงานติดต่อกันมาหลายวันจนเวียนหัวไปหมด แม้เรื่องของพ่อจะคลี่คลายลงแล้ว แต่เรื่องของพี่ชายเขายังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ตอนนี้ยังมีน้าช่วยออกหน้าให้แต่หากไม่รีบหาข้อสรุปแม่อาจจะเป็นห่วงเหมือนกับครั้งก่อนอีกก็ได้ หากบอกว่าจะไปเรียนที่ต่างประเทศแม่จะว่าอะไรไหม เรื่องค่าใช้จ่ายน้าคงจะเสนอตัวรับผิดชอบให้ แต่หากเขาได้ภาษาของทางนู้นจนสามารถทำงานพิเศษได้เมื่อไหร่ก็คงช่วยลดภาระได้บ้าง
   ทว่าปัญหาสำคัญอยู่ที่เขาคงต้องรออีกหนึ่งเทอมจนกว่าจะขึ้นปี 2 กว่าจะถึงตอนนั้นเขาควรจะทำอย่างไร จะอยู่ที่คอนโดของน้าตลอดไปคงไม่ได้ การรักใครสักคนมันทรมานเหลือเกิน แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาไปรักคนที่ไม่ควรรัก
   โชคดีที่ไคหยุดเรียนมา 3 วันแล้วเนื่องจากเป็นไข้หวัดใหญ่จึงไม่มีใครมาเซ้าซี้ถามว่า 'ทะเลาะกับยูโตะซังเหรอ' ให้รำคาญ เขาอยากจะมองข้ามการไม่เชื่อใจของพี่แล้วบอกพี่ว่าไม่เป็นไร แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนก็เกิดกลัวขึ้นมา ข้อมือที่ถูกพี่จับก็รู้สึกเหมือนจะยังเจ็บอยู่ ไอโตะผ่อนลมหายใจออกมาทางปากและในตอนที่ผ่านประตูรั้วของโรงเรียนออกมาเขาก็มองเห็นชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาเขา
   "คุณคือ...มีอะไรหรือเปล่าครับท่าทางรีบร้อนเชียว" ไอโตะถามชายที่วิ่งมาแต่ไกลด้วยสีหน้าแตกตื่น
   "...ท่านซึเมมิยะอาการทรุดหนักจนต้องส่งโรงพยาบาลครับ อยากให้คุณช่วยไปดูใจหน่อย" เขาพักหายใจเล็กน้อยก่อนพูด
   "ดูใจ! อะไรกัน เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลยนี่ครับ" แม้จะเพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียวแต่มันก็ทำให้ไอโตะใจหายวาบ เรื่องของพี่ชายที่อัดแน่นอยู่ในหัวเมื่อครู่ปลิวหายไปจนหมด
   "รีบหน่อยเถอะครับ"
   "อือ" พอถูกเร่งไอโตะก็รีบวิ่งไปขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่ห่างออกไปทันที

   บนคอนโดหรูสูงกว่า 20 ชั้น ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟฟ้าด้วยการเดินเพียง 5 นาที เจ้าของห้องที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกหยิบกุญแจขึ้นมาเพื่อเปิดประตูแต่ก็พบว่ามันถูกเปิดไว้อยู่ก่อนแล้ว หากจะคิดว่าผู้ที่มาอยู่กับเขาเมื่อคืนกลับมาแล้วก็ถือว่าเร็วเกินไป เขารีบเข้าไปในห้องและก็พบผู้บุกรุกนั่งพิงหลังอยู่กับพนักของโซฟากลางห้องนั่งเล่น
   "ยูโตะนี่นายเองเหรอ เอากุญแจมาจากพี่สินะ" โทยะกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ เขาอยากให้ไอโตะพร้อมเสียก่อนที่จะเจอกับพี่ชาย แต่ลืมไปว่าพี่สาวมีกุญแจสำรองของที่นี่
   "ฉันมารอไอ" ยูโตะพูดด้วยใบหน้าบึงตึง ขอบตาของเขาคล้ำเล็กน้อย ดูท่าว่าจะไม่ได้นอนอย่างเต็มที่
   "ก็อยากจะบอกให้กลับไปอยู่หรอก แต่ว่าฉันก็มีเรื่องจะคุยกับนายพอดี" โทยะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกแล้วเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้ายูโตะ
   "แกทำอะไรไอถึงเป็นแบบนั้น เมื่อคืนไอร้องไห้หนักมากรู้มั้ย" โทยะเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกคนตรงหน้า
   "ไอร้องไห้เหรอ!" ผู้ที่มีท่าทางเมินเฉยเมื่อครู่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที
   "ก็ใช่น่ะสิ เป็นเพราะแกใช่มั้ยบอกมาซะ" โทยะจ้องยูโตะเขม็ง แต่ยูโตะก็สะบัดหน้าหนีปฏิเสธที่จะพูด
   "ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ถ้าแกเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องฉันจะเอาไอกลับไป"
   "ไม่ได้ ไอต้องอยู่กับฉันเท่านั้น เราแค่มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ฉันจะพูดกับไอเอง" ยูโตะรีบพูดอย่างไม่ติดขัด เขาไม่ยอมให้ใครมาแย่งน้องชายไปทั้งนั้น
   "นิดหน่อยเหรอ ถึงขนาดต้องหนีออกมาเนี่ยนะ"
   "เออ...ฉันผิดเองนั่นแหละ...ฉันทำไม่ดีกับไอไป ฉันจะขอโทษไอเอง" ยูโตะพูดเสียงแผ่ว
   "เฮ้อ ไอสำคัญกับฉันนะ ฉันไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวด" พอเห็นท่าทีสงบลงของอีกฝ่ายโทยะก็ลดความรุนแรงของอารมณ์ลงด้วย
   "ฉันเองก็ด้วย เพราะงั้นให้โอกาสฉันคุยกับไอเถอะ" ยูโตะขอร้องผู้มีอำนาจเหนือกว่า หากน้าจะเอาตัวไอโตะไปตอนนี้ไอโตะคงยอมตามไปอย่างไม่ต้องสงสัย
   โทยะถอนหายใจอีกครั้งแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา ทั้งสองคนต่างนั่งรอไอโตะที่กำลังจะกลับจากโรงเรียนโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งยูโตะที่เริ่มกระวนกระวายพูดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปนานผิดปกติ
   "นี่มันไม่นานไปหน่อยเหรอ"
   การเดินทางจากที่นี่ถึงโรงเรียนใช้เวลา 15 นาทีด้วยรถไฟฟ้า หากรวมระยะเวลาที่ต้องเดินด้วยก็ไม่น่าเกิน 30 นาที ทว่านี่ก็ผ่านไป 45 นาทีแล้ว
   "เพราะว่านายใจร้อนต่างหาก" การที่ไอโตะซึ่งอยู่ในภาวะซึมเศร้าจะไปหาที่สงบ ๆ เดินพักผ่อนหย่อนใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
   "นี่น้าโทรหาไอหน่อยสิ" เพราะรู้ว่าถึงตนโทรไปไอโตะก็ไม่รับ เขาจึงออกคำสั่งกับน้า
   "ก็ได้ ก็ได้" ถึงจะตอบอย่างไม่เต็มใจ แต่ที่จริงโทยะก็เป็นห่วงไอโตะเหมือนกัน แต่แล้วไม่ว่าสัญญาณจะดังกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสาย
   "หรือว่าจะกลับไปที่บ้าน" ยูโตะพูดดังนั้นแล้วต่อสายหามารดาทันที แต่ไอโตะก็ไม่ได้กลับไปที่บ้าน
   พอโทรถามมากิโฮะเธอก็บอกว่าวันนี้ไอโตะไม่ค่อยสบายเลยไปนอนที่ห้องพยาบาลตั้งแต่ช่วงบ่าย เมื่อเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านทันที
   "แปลกจริง งั้นก็น่าจะกลับมาถึงแล้วนี่" โทยะเริ่มกังวลขึ้นมา ไอโตะที่สภาพจิตใจย่ำแย่อาจจะไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้าให้ไอโตะหยุดเรียนตั้งแต่แรกก็คงดี
   ยูโตะแตะนิ้วลงบนโทรศัพท์อีกครั้ง เขาไม่ได้ต่อสายไปที่ไหนแต่เข้าโปรแกรมบางอย่างที่โทยะไม่รู้จัก
   "จะทำอะไรน่ะ" โทยะถามขึ้น
   "นาฬิกาที่ฉันให้ไอเป็นของขวัญวันเกิดมีจีพีเอสติดไว้" ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องของคิจิมะ เขาก็เป็นห่วงน้องชายจนคิดซื้อของแบบนี้ให้เผื่อไว้ในเวลาฉุกเฉิน และตอนนี้เขาก็กังวลว่าจะเกี่ยวข้องกับคิจิมะอีกหรือเปล่า
   "จริงเหรอ" โทยะถามอย่างตื่นเต้น หากเป็นเวลาปกติเขาคงตำหนิว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวแต่ตอนนี้เขากลับจดจ่อมองที่หน้าจออย่างตั้งใจ
   "นี่ไง เจอแล้ว สัญญาณอยู่ที่...เอ๋" ยูโตะมองจุดสีแดงบนหน้าจอแล้วอุทานด้วยเสียงแปลก ๆ โทยะจึงต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง
   "บ้าน่า ตรงนั้นมันโยะโกะฮะมะไม่ใช่เหรอ ไอจะไปทำอะไรที่นั่นกันเล่า" โทยะส่ายหน้า เขาเคลือบแคลงใจในความน่าเชื่อถือของเครื่องมือของยูโตะ
   โยะโกะฮะมะอยู่ติดกับโตเกียวทางทิศใต้และใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์เพียง 1 ชั่วโมง แต่ไอโตะก็ไม่น่าจะมีธุระต้องไปที่นั่น นอกจากนี้ยังไม่ได้บอกอะไรใครไว้ด้วย
   "แต่เจ้านี่มันไม่ผิดหรอกนะ ฉันเคยทดสอบหลายครั้งแล้ว สัญญาณหยุดอยู่กับที่ อ๊ะ หายไปแล้ว" ยูโตะมองดูที่หน้าจอให้แน่ใจอีกครั้ง แต่จุดสีแดงก็หายไปจากหน้าจอจริง ๆ
   การส่งสัญญาณจากดาวเทียมนั้นต่อให้อยู่ในที่ร่มก็ยังมีสัญญาณ การที่หายไปแบบนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่
   โทยะกระเดาะลิ้นแล้วลองโทรหาไอโตะอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่มีสัญญาณจากปลายทาง
   "ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย น้า ไปกันเถอะ" ยูโตะลุกขึ้นแล้วดึงแขนน้าให้ตามไป โทยะไม่โต้แย้งอะไรเพราะเขาก็ใจไม่ดีด้วยเช่นกัน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ไอโตะในเวลานี้อาจคิดทำอะไรโง่ ๆ ขึ้นมาก็ได้

   เด็กหนุ่มค่อย ๆ ยกเปลือกตาขึ้น สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาก็คือโซฟาสีเบสที่เขาไม่รู้จัก พอขยับตัวก็รู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างถูกยึดติดไว้กับอะไรบางอย่างด้านหลัง เขาหันหลังกลับไปและพบว่ามันคือราวบันไดซึ่งวางตัวขนานกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงหน้าของเขา ไอโตะจำได้ว่าตามคนของตาขึ้นรถมาทว่าสถานที่ที่มาถึงกลับเป็นย่านพักอาศัยไม่ใช่โรงพยาบาล เขาที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลวิ่งหนีทันทีที่ลงจากรถ
   แต่แล้วเขาที่มั่นใจในฝีเท้าของตัวเองก็ถูกจับได้แทบจะทันทีและในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแต่เขาไม่มีเวลาจะไปรับมันได้ ไอโตะดิ้นรนต่อสู้จนได้ยินเสียงแตกของนาฬิกาข้อมือที่กระแทกกับตัวรถ หลังจากนั้นที่ท้ายทอยของเขาก็ถูกของบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนหมดสติไป
   "ฟื้นแล้วเหรอ" ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในห้องครัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องนั่งเล่นหรืออยู่ทางซ้ายมือของไอโตะพูดขึ้น
   ไอโตะเคยเจอชายคนนี้เพียงครั้งเดียว เขาทำหน้าที่เป็นคนขับรถและมาพร้อมกับมิคาโดะ
   "ที่นี่ที่ไหน คุณจับผมมาทำไม" ไอโตะถามพลางลองขยับข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลังไว้แต่มันก็แน่นจนขยับไม่ได้เลย
   "ทำไมน่ะเหรอ ก็แค่อยากให้เธอช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนลูกชายฉันหน่อยน่ะ"
   "หา?" ไอโตะงงจนไม่รู้จะตั้งคำถามว่าอย่างไร ลูกชายของคน ๆ นี้เป็นพวกเก็บตัวจนไม่มีเพื่อนอย่างนั้นหรือ
   "อ้อ เธอคงไม่รู้อะไรสินะ งั้นไหน ๆ ก็ต้องมาลำบากไปด้วยแบบนี้ ฉันจะเล่าให้เธอฟังก็แล้วกัน" ชายร่างใหญ่เดินมานั่งลงบนที่วางแขนของโซฟาเพื่อหันหน้าเข้าหาไอโตะ
   "ตาของเธอเป็นนักเขียนพู่กันชื่อดังเธอคงรู้สินะ ท่านซึเมมิยะน่ะไม่เคยรับลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว แต่คงเป็นเพราะฉัน...อ๊ะ จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ฉันชื่อโอคาเบะทำงานให้ท่านซึเมมิยะมา 10 กว่าปีแล้ว"
   แม้โอคาเบะจะแนะนำตัวอย่างมีมารยาทแต่ไอโตะก็ไม่มีอารมณ์จะตอบว่ายินดีที่ได้รู้จัก
   "และคงเพราะฉันทำงานที่นั่นมานานประกอบกับที่ท่านซึเมมิยะไม่มีลูกหลานล่ะมั้ง ถึงได้เอ็นดูลูกชายของฉัน แม้จะไม่ได้เรียกว่าเป็นลูกศิษย์แต่ก็สอนอะไรหลาย ๆ อย่างให้"
   "ลูกของนาย?"
   "ลูกของฉัน อากิระอายุไล่ ๆ กับเธอนี่แหละปีนี้ก็จะจบมอปลายแล้ว เขาชอบการเขียนพู่กันมาก แล้วก็ชื่นชมในตัวท่านซึเมมิยะมากด้วย" ดวงตาของโอคาเบะเหมือนกับมองออกไปไกลเวลาที่พูดถึงลูกชาย
   "ท่านซึเมมิยะเข้มงวดมากแต่อากิระก็ไม่เคยย่อท้อ แม้อยู่มาวันหนึ่งท่านซึเมมิยะจะบอกว่าฝีมือของเขาไม่สามารถก้าวหน้าไปไหนได้อีกแล้วแต่อากิระก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ เขาอยากจะเป็นอย่างท่านซึเมมิยะให้ได้"
   จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็กำมือแน่น แววตาที่เศร้าหมองเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นดุดันก่อนจะพูดต่อ
   "แต่แล้ววันหนึ่งทั้งสองคนก็มีปากเสียงกัน อากิระวิ่งออกมาจากบ้านแล้วถูกรถชน ถึงจะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ก็คงไม่พ้นการต่อว่าเรื่องงานเขียนแน่ ๆ"
   "รถชน! แล้วลูกของนาย"
   "ตายแล้วล่ะ เมื่อคืนนี้เอง"
   สมองของไอโตะชาไปชั่วขณะหลังจากนึกถึงคำพูดของโอคาเบะที่บอกว่าอยากให้เขาช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย
   "อากิระอยู่ห้องไอซียูมา 2 เดือน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายท่านซึเมมิยะเป็นคนรับผิดชอบให้ทั้งหมด แต่เมื่อ 3 วันก่อน พอหมอบอกให้ตัดสินใจว่าจะถอดสายออกซิเจนหรือเปล่า ท่านก็เลือกที่จะทอดทิ้งอากิระ จนในที่สุดเขาก็จากฉันไป" คราวนี้แววตาของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยความแค้น
   ไอโตะเคยได้ยินกรณีแบบนี้มาบ้างแต่การที่หมอให้เลือกแสดงว่าผู้ป่วยแทบจะไม่มีเปอร์เซ็นที่จะกลับมาแล้ว
   "ดังนั้นฉันก็เลยต้องจับตัวเธอที่เป็นหลานมาเพื่อสอนให้ท่านซึเมมิยะรู้ว่าการสูญเสียคนสำคัญมันเป็นยังไงไงล่ะ"
   "เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน นี่มันไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะ ลูกของนายก็คงไม่ดีใจกับการทำแบบนี้แน่" คำพูดของโอคาเบะบอกว่าจะฆ่าเขาดี ๆ นี่เอง ไอโตะรีบลุกขึ้นด้วยความตระหนกโดยลืมไปว่าตนถูกมัดไว้เขาจึงถูกเชือกที่ข้อมือกระชากกลับไปอย่างแรง
   "จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาตายไปแล้ว อากิระรับรู้อะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะตาของเธอไงล่ะ" หลังจากพูดจบโอคาเบะก็เดินเข้าไปในครัว
   "ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะคุณซึเมมิยะต้องมีเหตุผลแน่ อย่าทำอย่างงี้เลย มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก" ไอโตะเกลี้ยกล่อมเสียงสั่น บางทีเขาอาจจะกำลังอยู่ระหว่างความเป็นและความตายก็ได้
   "ไม่ได้หรอก เพราะนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำให้อากิระได้ ถึงเธอจะไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ก็ขอโทษทีนะ" น้ำเสียงของโอคาเบะเย็นเยียบจนน่าขนลุก เขาชูมีดยาวราว 20 เซนติเมตรที่เพิ่งหยิบออกมาจากในครัวขึ้นมาตรงหน้าไอโตะแล้วแสยะยิ้ม

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 20 2018.09.15)
«ตอบ #23 เมื่อ15-09-2018 19:52:38 »

ตอนที่ 20

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในรถยนต์ที่โทยะและยูโตะนั่งอยู่ พวกเขาขับรถตามสัญญาณจีพีเอสมาได้ 45 นาทีแล้ว ระหว่างทางยูโตะคอยโทรศัพท์ไปตรวจสอบที่บ้านแต่ไอโตะก็ไม่ได้กลับไป กระทั่งบ้านไคที่คิดว่าอาจจะไปเยี่ยมก็ไม่ได้ไปเช่นกัน ไม่รู้ว่าไอโตะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ยิ่งสัญญาณจีพีเอสมาขาดหายไปเขาก็ยิ่งร้อนใจ
   โทยะมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะรับสาย ที่หน้าจอไม่แสดงชื่อของผู้ที่อยู่ปลายสายแต่เขาก็จำหมายเลขนี้ได้เพราะเพิ่งได้รับการติดต่อจากคน ๆ นี้มาเมื่อวาน
   "อาราคางิครับ"
   "ใช่ครับ แต่ทำไมคุณถึงรู้ว่าไอโตะหายไป หรือว่าไออยู่กับคุณ"
   ยูโตะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทันทีเมื่อเห็นว่าเกี่ยวข้องกับน้องชายของตน เขาเงี่ยหูฟังเสียงที่ลอดผ่านออกมาจากลำโพง โทยะที่เห็นดังนั้นจึงเปิดลำโพงเพื่อให้ยูโตะได้ยินบทสนทนาด้วย
   "เปล่าครับแต่ เมื่อกี้คนของเราเพิ่งติดต่อมาว่าจับตัวไอโตะไว้" น้ำเสียงจริงจังของมิคาโดะช่วยบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
   "ว่าไงนะ" ยูโตะตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ
   "จับตัวไว้หมายความว่ายังไงครับ" โทยะยกมือห้ามยูโตะแล้วถามใหม่อีกครั้ง
   "คนขับรถของเราบอกว่าจับตัวคุณไอโตะไป แต่เราไม่แน่ใจว่านั่นใช่คุณไอโตะจริงหรือเปล่า เลยลองโทรมาถามพวกคุณดูครับ"
   "ไอหายไปจริง ๆ ครับ ติดต่อไม่ได้เลย สัญญาณจีพีเอสที่อยู่กับนาฬิกาก็หายไป" มือของโทยะเริ่มสั่นเล็กน้อยเขาจึงกำพวงมาลัยไว้แน่น
   "จีพีเอส? แล้วสัญญาณตำแหน่งสุดท้ายอยู่ที่ไหนครับ" มิคาโดะถามด้วยความประหลาดใจและดีใจปะปนกัน
   "โยะโกะฮะมะ พอจะรู้อะไรมั้ย" ยูโตะกัดฟันแน่น เขาเก็บคำต่อว่าต่าง ๆ ไว้แล้วถามหาเบาะแสที่จะช่วยไอโตะได้
   "ขอโทษด้วย ไม่เลยครับ แถวนั้นไม่ใช่ทั้งบ้านเขาแล้วก็บ้านแม่ของเขาด้วย พวกคุณใกล้ถึงตำแหน่งที่สัญญาณหายไปหรือยังครับ" มิคาโดะถามเสียงหม่นเขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
   "ใกล้แล้วล่ะ"
   "งั้นรีบหน่อยเถอะครับ เพราะเมื้อกี้โอคาเบะเพิ่งบอกว่าจะฆ่าคุณไอโตะ"
   สิ้นเสียงของมิคาโดะเหงื่อเย็น ๆ ก็ซึมออกมาทั้งที่หน้าผาและมือของผู้ฟังทั้งสอง โทยะเหยียบคันเร่งจนมิดแม้สัญญาณไฟจลาจรของสี่แยกข้างหน้าจะกลายเป็นสีแดง

   ใบมีดส่องประกายกับโป๊ะไฟเพดานแล้ววาดลงมายังด้านข้างของขั้นบันไดที่อยู่เหนือศีรษะของไอโตะ ไอโตะหลับตาปี๋พร้อมกับห่อไหล่ด้วยความกลัว
   "เอ้า ร้องสิ ร้องดัง ๆ ให้ตาของเธอได้ยินชัด ๆ" โอคาเบะใช้ใบมีดแตะที่ใต้คางของไอโตะ
   ไอโตะอยากร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็กลัวจนร้องไม่ออก และถึงจะร้องก็ไม่แน่ใจว่าเสียงจะถูกส่งออกไปถึงข้างนอกได้หรือไม่ นั่นเพราะทั้งประตูและหน้าต่างทุกบานทุกปิดไว้จนหมด
   "พอได้แล้วโอคาเบะ ไอโตะไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยนะ" เสียงของชายสูงวัยผ่านออกมาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนขอบของบันไดขั้นที่ 5 โอคาเบะจงใจเชื่อมต่อสายเพื่อให้ซึเมมิยะได้ฟังการแสดงในครั้งนี้
   "ใช่ ไม่เกี่ยว ที่เขาต้องโชคร้ายก็เพราะแก เหมือนกับอากิระที่ต้องตายเพราะแกไงล่ะ แต่คราวนี้คนที่จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดก็คือแก" โอคาเบะหัวเราะเล็กน้อย แววตาของเขาดูเลื่อนลอยราวกับคนป่วยทางจิตซึ่งคงเป็นผลมาจากการสูญเสียลูกชายไป
   "ผิดแล้วโอคาเบะ อุบัติเหตุของอากิระไม่ได้เป็นเพราะท่านซึเมมิยะ" มิคาโดะที่เพิ่งวางสายจากโทยะเข้าร่วมการสนทนาด้วย
   "ไม่จริง เขาเป็นคนบอกว่าอากิระไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีกแล้ว ในวันนั้นก็คงเหมือนกัน เพราะเขาต่อว่าอากิระ อากิระถึงได้ถูกรถชนไงล่ะ"
   "ไม่ใช่ นั่นเป็นเพราะอากิระเองต่างหาก ที่ผ่านมาท่านซึเมมิยะไม่ให้พูดเรื่องนี้มาตลอดแต่มาถึงขนาดนี้แล้วฉันก็คงต้องพูด" มิคาโดะเหลือบมองซึเมมิยะเล็กน้อยราวกับกลัวจะถูกคัดค้าน แต่ซึเมมิยะเองก็ให้ความสำคัญกับไอโตะมากกว่าจึงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
   "ที่จริงในวันนั้นอากิระแอบเข้าห้องทำงานของท่านซึเมมิยะเพื่อขโมยงานของท่าน แต่พอดีว่าท่านซึเมมิยะมาเจอเข้า อากิระก็เลยวิ่งหนีไปจนถูกรถชน"
   "โกหก อากิระจะเอางานของท่านซึเมมิยะไปทำไม" โอคาเบะส่ายหน้าไปมา
   "ฉันไม่รู้ว่านายได้ฟังอะไรมาจากอากิระ แต่ที่ท่านซึเมมิยะต่อว่าอากิระบ่อย ๆ ก็เพราะระยะหลังมาเขาเอาแต่คัดลอกวิธีการเขียนของท่านซึเมมิยะโดยดูจากงานเขียนของท่านไม่ต่างจากการคัดลายมือ ท่านจึงได้ตักเตือนเพราะเป็นห่วงว่าการทำแบบนี้จะทำให้พรสวรรค์ของอากิระต้องหยุดลงเพราะมัวแต่มุ่งจะเป็นแบบท่านให้ได้"
   "ไม่จริง" ชายร่างใหญ่ตวาดเสียงใส่โทรศัพท์พร้อมกับใช้มีดฟันที่ราวบันไดอย่างแรงจน แรงสั่นสะเทือนส่งผ่านมาถึงข้อมือของไอโตะที่ถูกมัดไว้ ลูกชายของเขาบอกเพียงถูกซึเมมิยะต่อว่าเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงสาเหตุของมันเลย
   "เมื่อดูจากผลงานที่ถูกเผยแพร่ไม่เพียงพอ อากิระก็เลยแอบเข้าไปในห้องทำงานของท่านซึเมมิยะยังไงล่ะ" มิคาโดะพูดความจริงอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป เขาจำเป็นต้องแก้ต่างให้นายของตนและช่วยเหลือไอโตะ
   "ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่บอกฉันตรง ๆ ล่ะ"
   "พอเห็นอากิระที่นอนอยู่ในห้องไอซียูแล้ว จะให้ท่านซึเมมิยะพูดว่าร้ายคนไม่มีสติที่ได้แต่นอนอยู่บนเตียงได้ยังไงกันล่ะ ท่านเห็นอากิระเหมือนหลานคนหนึ่งถึงได้เป็นห่วง ท่านแอบร้องไห้บ่อย ๆ หลังจากไปเยี่ยมอากิระ ที่ต้องเลือกถอดสายออกซิเจน ท่านซึเมมิยะเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน"
   "โกหก โกหก อากิระตายไปแล้วนี่ พวกแกจะพูดอะไรก็ได้" ชายร่างใหญ่ตะโกนจนหน้าแดง เขาไม่เชื่อว่าลูกชายจะโกหกตน
   "ฉันพูดความจริง ไม่อย่างงั้นนายจะลองถามแม่บ้านดูก็ได้ เธอก็อยู่ที่นั้นในวันเกิดเหตุ ฉันจะเรียกเธอมาเดี๋ยวนี้" มิคาโดะหาทางยืนยันคำพูดของตนและถ่วงเวลาไว้ให้ได้มากที่สุด
   "ไม่จำเป็น ฉันไม่เชื่อ พวกแกก็แค่จะปัดความรับผิดชอบ"
   "ก็ได้ นายจะแค้นฉันก็ได้ แต่ถ้าอย่างนั้นก็มาลงที่ฉันโดยตรงสิ ฉันสัญญาว่าจะไม่หนี ปล่อยไอโตะไปเถอะ" ซึเมมิยะขอร้องโดยใช้ตัวเองเข้าแลก
   "มันไม่เหมือนกัน ถ้าให้แกตายไป แกก็ไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดของฉันน่ะสิ อ๊า จริงสิ ถ้าไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง เราก็ให้เด็กคนนี้เป็นคนไปถามอากิระดูดีมั้ยล่ะ" โอคาเบะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติท่ามกลางเสียงร้องห้ามของซึเมมิยะและมิคาโดะ
   ไอโตะขยับข้อมือเพื่อให้หลุดออกจากเชือกอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ว่าจะถูกรัดหรือขูดจนเจ็บแค่ไหน โอคาเบะกำมีดในมือแน่นแล้วหันปลายของมันไปที่ไอโตะ
   นี่เขาจะไม่ได้กลับไปหาครอบครัวอีกแล้วหรือ นี่คงเป็นบทลงโทษที่เขาทำอะไรโดยไม่บอกใคร ขณะที่ตัวเริ่มสั่นไอโตะก็ได้ยินเสียงดังที่ประตูบ้าน ทว่าโอคาเบะก็ไม่สนใจเสียงนั่น เขาส่งปลายแหลมของมีดเข้าหาไอโตะอย่างรวดเร็ว
   ไอโตะได้แต่หันหน้าหนีแล้วก้มศีรษะลงต่ำเมื่อเห็นมีดพุ่งเข้ามาบริเวณหน้าอก แต่แล้วมีดที่ควรจะมาถึงตัวเขากลับล่าช้ากว่าที่คิด จากนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกกับร่างกายของมนุษย์ ไอโตะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลไม่คาดฝันกำลังปล่อยมัดใส่โอคาเบะจนกระแทกกับบันได โทรศัพท์มือถือที่มี   ซึเมมิยะอยู่ในสายตกลงกระแทกพื้น เสียงร้องห้ามจนน่าหนวกหูของทั้งซึเมมิยะและมิคาโดะเงียบไปในทันที
   "คิจิมะ นายทำไม..." ไอโตะถามอย่างงงงวยแล้วเปิดปากค้างไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะตอบได้
   ของมีคมถูกเหวี่ยงลงมาตรงหน้าของคิจิมะ เขาจับข้อมือของชายร่างใหญ่ไว้แล้วบิดอย่างแรงจนมีดหลุดออกจากมือ
   "แก อย่ามาขวาง" โอคาเบะตรงเข้าหาคิจิมะด้วยความโกรธ แต่เขาก็ถูกหัวเข่าอัดเข้าที่ท้องอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น
   "ไอโตะ ไม่เป็นไรนะ" คิจิมะรีบเข้าไปหาไอโตะแล้วลงมือแกะเชือกที่ข้อมือออก
   "อือ แต่ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้" ไอโตะตอบทั้งที่เหงื่อเต็มหน้า
   "ฉันตามนายมาตั้งแต่ที่หน้าโรงเรียนแล้วล่ะ พอมาถึงบ้านนี้ก็รอนายอยู่ข้างนอกเพราะกลัวจะทำเสียมารยาทแบบครั้งก่อน แต่พอได้ยินเสียงเอะอะฉันก็เลยพังประตูเข้ามา"
   ระหว่างทางที่ตามรถของโอคาเบะมาเขาคาดสายตาไปพักหนึ่งแต่ก็ตามหาจนเจอเพราะจำรถที่จอดอยู่ในบ้านได้ เขาคิดว่าไอโตะมาหาญาติจึงรออยู่ด้านนอกหวังจะไปส่งไอโตะเหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่แล้วก็ได้ยินเสียงผิดปกติจากด้านในจึงตัดสินใจบุกเข้ามา
   แม้จะมีคำเตือนของพี่ชายแต่คิจิมะก็ยังแอบไปดักรอเขาที่โรงเรียนและครั้งนี้ก็ไม่ใช่การเข้าใจผิดแต่คิจิมะได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้จริง ๆ ในขณะที่ไอโตะกำลังโล่งใจหางตาของเขาก็มองเห็นร่างของชายที่ล้มลงไปเมื่อครู่ลุกขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังของคิจิมะพร้อมกับไม้เบสบอลในมือซึ่งไม่รู้ว่าหยิบมาจากตรงไหน
   "คิจิมะ ข้างหลัง" พอไอโตะร้องเตือนคิจิมะก็เอี่ยวตัวกลับไป แต่เพราะอยู่ในท่านั่งจึงทำให้เสียเปรียบ
   คิจิมะยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันแต่โอคาเบะก็ขยับเท้าไปด้านข้างหนึ่งก้าวแล้วหวดไม้ลงไปที่ท้ายทอยของคิจิมะ
   "คิจิมะ!!" ไอโตะตะโกนเรียกคนที่ล้มลงหมดสติสุดเสียง

   "โธ่เว้ย จะติดอะไรนักหนา" ยูโตะทุบประตูรถดังตึ้ง
   หลังจากวางสายจากมิคาโดะได้ไม่เท่าไหร่พวกเขาก็เจอการจราจรติดขัดทั้งที่ข้างหน้าไม่มีไฟแดง
   "แบบนี้คงเป็นอุบัติเหตุแล้วล่ะ" โทยะเคาะนิ้วกับพวงมาลัยเป็นจังหวะถี่ หากเลี้ยวที่ซอยข้างหน้าได้ก็จะถึงแล้วแท้ ๆ
   "พอกันที" ยูโตะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไป เขาทนรอต่อไปอีกไม่ได้แล้วจะต้องรีบไปหาไอโตะให้เร็วที่สุด
   ยูโตะเดินข้ามถนนอีกฝั่งซึ่งมีรถวิ่งผ่านด้วยความเร็วสูงไปท่ามกลางเสียงเบรกดังเอี๊ยดของรถยนต์หลายคันและเสียงกรนด่า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะในเวลานี้ไอโตะคือสิ่งสำคัญกว่า
   เขาวิ่งเต็มฝีเท้าโดยไม่หยุดพักจนเข้ามาในซอยหนึ่งซึ่งไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่บ้านคนตั้งเรียงราย แม้จีพีเอสจะแม่นยำแค่ไหนแต่หากอยู่ในที่ร่มตำแหน่งก็จะคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย ตอนนี้ที่เขารู้ก็คือไอโตะอยู่ในบ้านหลังใดหลังหนึ่งแต่ถ้าจะไล่หาทีละบ้านก็จะเสียเวลาเกินไป ไอโตะอาจจะเป็นอะไรไปก่อนก็ได้ เขาไม่รู้ว่าคนร้ายมีความแค้นอะไรกับซึเมมิยะแต่หากไอโตะเป็นอะไรไปจะให้ชดใช้แค่ไหนก็ไม่เพียงพอ
   ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง หากเขาไม่ทะเลาะกับไอโตะ ไอโตะก็จะบอกเขาเสมอเวลาไปไหนและเรื่อง แบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ทั้งที่อยากปกป้องแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างซ้ำร้ายยังทำให้เสียใจอีก ยูโตะออกวิ่งพลางตะโกนเรียกชื่อของน้องชายลั่น

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 21 2018.10.27)
«ตอบ #24 เมื่อ27-10-2018 22:36:07 »

ตอนที่ 21

   'ตึ้ง' ไม้เบสบอลฟาดลงมาที่บันไดจนเกิดเสียงดังสนั่น ไอโตะเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิวแล้วรีบลุกขึ้น เชือกที่ข้อมือของเขาหลุดออกแล้วเพราะคนที่นอนสลบอยู่
   ไอโตะวิ่งหนีไปทางซ้ายมือแล้วตั้งใจจะวิ่งตรงขึ้นไปหน้าบ้านแต่โอคาเบะที่อยู่ด้านหน้าอยู่แล้วก็มาดักเขาไว้ พอชายร่างใหญ่เงื้อท่อนไม้สีขาวขึ้นสูงไอโตะก็ถอยหลังไปจนติดกับตู้ทรงแคบด้านหลัง
   "เดี๋ยว ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ ทำแบบนี้นายจะกลายเป็นฆาตกรนะ" ไอโตะยกสองมือขึ้นไปด้านหน้าพลางเตือนสติคนคิดสั้น
   "จะต้องกลายเป็นอะไรฉันไม่สนทั้งนั้น ถ้าเพื่ออากิระแล้วล่ะก็" โอคาเบะเชิดหน้าขึ้นพูดแล้วขยับเข้าไปใกล้ไอโตะ
   "เปล่าเลย ถึงนายจะฆ่าฉันหรือคุณซึเมมิยะจะเจ็บปวดแต่ลูกของนายก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก" ไอโตะชี้ให้โอคาเบะมองเห็นความเป็นจริงแต่ชายร่างใหญ่กลับเหลือกตาขึ้นแล้วหวดไม้เบสบอลลงมาด้วยความโกรธ
   ไอโตะย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วพุ่งตัวไปยังห้องครัวที่อยู่ทางซ้ายมือ แจกันบนหลังตู้ที่รับเคราะห์แทนไอโตะแตกออกดังเพล้ง ไอโตะอ้อมหลังโต๊ะกินข้าวเพื่อไปยังหน้าบ้านแต่โอคาเบะที่ได้เปรียบเรื่องระยะทางก็มาดัก    ไอโตะที่อยู่ในซอกระหว่างกำแพงกับโต๊ะไว้ได้อีกครั้ง ถึงชายคนนี้จะตัวใหญ่แต่เขาก็ว่องไวมาก ไอโตะกลัวจนเหงื่อชุ่มหน้าผาก
   "ถ้านายจะฆ่าฉันล่ะก็ ทำไมไม่โทรหาคุณซึเมมิยะก่อนล่ะ" ไอโตะถ่วงเวลาเพื่อหาทางหนี
   "นั่นน่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เอาไว้ฆ่านายก่อนแล้วค่อยเอาศพไปให้ดูก็ได้ ฉันจะได้เห็นหน้าที่ทุกข์ทรมานของมันด้วยไง" โอคาเบะแสยะยิ้มแล้วเหวี่ยงไม้เบสบอลจากทางซ้ายไปขวาสุดแรง ไอโตะย่อตัวหลบลงอย่างรวดเร็วทำให้ไม้ที่พลาดเป้าหมายปะทะกับหน้าต่างจนแตกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
   จังหวะที่โอคาเบะกำลังตกใจไอโตะก็รีบวิ่งไปที่กลางตัวบ้านได้สำเร็จแต่ขณะที่อยู่ห่างจากประตูบ้านได้ราว 6 เมตรเขาก็ต้องหยุดเท้าลงด้วยคำพูดต่อมาของโอคาเบะ
   "ถ้าหนีไปล่ะก็ ฉันจะฆ่าหมอนั่นซะ" โอคาเบะชี้มือไปทางคิจิมะที่นอนไม่ได้สติอยู่
   แม้จะไม่ได้สนิทหรือผูกผันกับคิจิมะ แต่ไอโตะก็ไม่สามารถปล่อยให้ใครตายเพราะเขาได้ นอกจากนี้คิจิมะยังมาเพื่อช่วยเขาอีก
   โอคาเบะเดินเข้ามาใกล้ ไอโตะค่อย ๆ ก้าวถอยหลังช้า ๆ แล้วในขณะที่สมองกำลังคิดหาทางออกเท้าของเขาก็สะดุดกับพรมเช็ดเท้าซึ่งยับยู่ยี่จนล้มลง หัวของไอโตะขาวโพลนในทันที นี่เขาจะต้องมาตายที่นี่จริง ๆ หรือ ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยก็อยากเจอพี่อีกสักครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เจอก็มีแต่ทะเลาะกันแล้วยังหนีมาอีก ตอนนี้เขาอยากได้ยินเสียง อยากกอดพี่ไว้ให้เต็มสองมือต่อให้เป็นแค่ครั้งสุดท้ายก็ยังดี
   โอคาเบะที่เห็นโอกาสรีบวาดไม้เบสบอลลงมาจากด้านบน ในจังหวะนั้นเองสมองของไอโตะก็กลับมาทำงานอีกครั้ง ทว่าเขาก็ได้แต่มองดูท่อนไม้สีขาวตกลงมาบนศีรษะอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วท่อนไม้นั่นก็หยุดการเคลื่อนไหวลงเพราะข้อมือของโอคาเบะถูกยึดไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของชายที่มาอยู่ด้านหลังของไอโตะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
   "พี่ยู" พอหันหลังกลับไปไอโตะก็เรียกชื่อของพี่ชายด้วยความดีใจ
   ยูโตะเตะที่ชายโครงของชายร่างใหญ่จนล้มลง เขาตามไปเตะซ้ำที่ท้องไม่ยั้ง ก่อนจะหยิบไม้เบสบอลที่ตกอยู่ขึ้นมา
   "อย่านะ พี่!" ไอโตะกรีดร้อง เขาไม่อยากให้พี่ชายกลายเป็นฆาตกร ยูโตะยอมทิ้งไม้ลงอย่างว่าง่าย
   "เชือก มีเชือกอยู่ตรงนั้น" ไอโตะรีบชี้แนะวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
   ยูโตะนำเชือกที่ใช้มัดไอโตะก่อนหน้านี้มัดโอคาเบะไว้กับขาโต๊ะแล้วรีบตรงเข้าไปสวมกอดน้องชายไว้แน่น
   "ไอ ไม่เป็นไรใช่มั้ย"
   "อือ" เด็กหนุ่มตอบสั้น ๆ น้ำตาแห่งความปิติไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว
   แม้จะสงสัยว่าพี่มาที่นี่ได้อย่างไรแต่เขาก็ไม่มีใจจะถาม แค่ได้เจอพี่อีกครั้งก็เพียงพอแล้ว ไอโตะโอบสองแขนรอบแผ่นอกแล้วกุมเสื้อด้านหลังของพี่ชายไว้แน่น เขาคิดว่าจะไม่ได้เจอคน ๆ นี้อีกแล้ว
   "ขอโทษนะที่มาช้า ขอโทษ" ยูโตะลูบศีรษะปลอบคนในอ้อมแขน โชคดีที่ระหว่างตามหาไอโตะอยู่เขาก็ได้ยินเสียงกระจกแตก พอวิ่งมาตามเสียงก็เห็นมอเตอร์ไซค์ของคิจิมะจอดอยู่จึงมั่นใจว่าต้องเป็นบ้านหลังนี้
   ไอโตะส่ายหน้าตอบแล้วซุกหน้าลงไปที่แผ่นอกกว้างอีกครั้ง ความหวาดกลัวทั้งหมดถูกปัดเป่าหายไปเพียงแค่ได้อยู่ในอ้อมแขนของคน ๆ นี้
   "ฉัน...ต่างหาก...ที่ต้อง...ขอโทษ" ไอโตะสะอึกสะอื้นพูดไม่เป็นคำ เพราะเขาไม่เอะใจตั้งแต่แรกแล้วตามโอคาเบะมา เรื่องแบบนี้จึงเกิดขึ้น
   "ไม่ใช่ เป็นเพราะตาแก่นั่นต่างหาก ไอไม่ต้องขอโทษหรอก" ยูโตะพูดอย่างโกรธแค้น หากช้าไปก้าวเดียวเขาคงจะเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป
   "เรากลับบ้านกันเถอะนะ" ชายหนุ่มเปลี่ยนโทนเสียงให้นุ่มนวลแล้วพูดที่ข้างหูของไอโตะ
   "อ...อือ" ไอโตะตอบอย่างยากลำบากเพราะท่อนแขนแกร่งที่รัดแน่นจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลย ต่อให้โอคาเบะลุกขึ้นมาฆ่าเขาในตอนนี้ขาก็ไม่เสียใจอีกแล้ว
   ไม่นานโทยะก็มาถึงพวกเขาส่งโอคาเบะให้ตำรวจและส่งคิจิมะไปโรงพยาบาล ไอโตะมองตามร่างที่ถูกนำขึ้นรถพยาบาลแล้วได้แต่ภาวนาไม่ให้เขาเป็นอะไรมาก

   เมื่อกลับถึงบ้านผู้เป็นแม่ก็โผเข้ากอดลูกชายคนเล็กทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ กว่าเธอจะหยุดร้องไห้ก็กินเวลาอยู่พักใหญ่ เธอซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งคำถามมากมาย แต่โทยะก็ห้ามไว้เพราะกลัวว่าไอโตะยังตกใจอยู่
   แม้จะดึกแล้วแต่ทุกคนก็ร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นที่เลยเวลามานานอย่างพร้อมหน้า โทยะกับยูโตะแย่งกันเอาใจไอโตะทั้งที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ที่นี่เป็นครอบครัวที่ดีที่สุดแม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริง เขาโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอกับคนเหล่านี้
   ไอโตะหลับตาลงในน้ำร้อนที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทว่าบางทีคงไม่ใช่แค่น้ำร้อนแต่เป็นเพราะเขารู้สึกสบายใจที่ได้กลับมายังบ้านที่คิดว่าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว หากพี่ไม่บอกเขาก็ไม่รู้เลยว่านาฬิกาเรือนนั้นมีจีพีเอสติดอยู่ ทว่าถึงมันจะพังไปแล้วพี่ก็คงไม่โกรธแล้วบอกว่าจะซื้อใหม่ให้อีกเหมือนเคย
   เขาอยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ตลอดไป แต่ทุกอย่างไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมไปได้ตลอด เหมือนกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อพี่ เขาไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ร้องไห้ ไม่อยากให้พี่ทุกข์ใจ ไม่อยากทำลายครอบครัวที่อบอุ่นนี้ เพราะฉะนั้นจะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย คนที่เจ็บปวดมีแค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว พอคิดมาถึงตรงนี้ภาพในหัวของไอโตะก็ค่อย ๆ เลือนรางลงเรื่อย ๆ จนดับไปในที่สุด
   วันต่อมาเมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงของพี่ชาย เขาจำได้ว่าหลับไปตอนอยู่ใน    อ่างอาบน้ำแต่ไม่รู้เลยว่ามาที่ห้องได้อย่างไร บางทีพี่ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ คงจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและพาเขามา ไอโตะหันไปมองยูโตะที่กอดเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปไหนแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสรอยช้ำบนใบหน้า เวลาพี่โกรธเพราะเรื่องของเขาทีไรชอบใช้ความรุนแรงทุกที แม้กระทั่งกับตัวเขาเองก็ด้วย แต่การกระทำของพี่ในวันนั้นเขาไม่ถือโทษโกรธอีกแล้วนั่นเพราะเมื่อวานพี่กลับมาเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนเหมือนเดิมแล้ว
   ไอโตะจ้องมองใบหน้าของพี่ชายอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองนาฬิกาบนตู้ข้างหัวเตียงแต่แล้วเขาก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นตัวเลข 10:47 บนหน้าปัด วันนี้วันศุกร์เขาจะต้องไปโรงเรียน ที่แม่ไม่ยอมปลุกคงเป็นเพราะอยากให้เขาที่เจอเรื่องร้าย ๆ มาพักผ่อนให้เต็มที่ คืนก่อนเขาก็นอนไม่หลับเพราะเรื่องของพี่เช้านี้ก็เลยหลับยาวได้ขนาดนี้ พี่ชายที่ไม่ยอมตั้งนาฬิกาปลุกให้เขาก็คงไม่ต่างกัน
   ไอโตะวางมือบนไหล่ของพี่ชายเพื่อจะปลุกคนที่มีคาบเรียนเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากด้านล่าง
   "ไอ ตื่นแล้วเหรอ แล้วเสียงอะไรน่ะ" ยูโตะงัวเงียอยู่ได้ไม่นานก็ต้องตาสว่างจากเสียงผิดปกติ
   "ไม่รู้เหมือนกัน" เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็ลุกออกจากเตียงเพื่อลงมาดูด้านล่าง
   และแล้วพวกเขาก็ได้คำตอบว่าที่มาของเสียงก็คือแม่ของพวกเขาที่กำลังตะโกนไล่ชายสูงวัยที่อยู่หน้าประตูบ้านอย่างไม่ไว้หน้าโดยมีน้าคอยห้ามอยู่ เธอคงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาจากโทยะแล้วถึงได้มีท่าทางอย่างกับอยากเอาเกลือมาสาดหน้าบ้านเพื่อไล่แขกไม่ได้รับเชิญออกไป
   "นี่ยังมีหน้ามาที่บ้านอีกเหรอ" ยูโตะตีหน้ายักษ์ใส่ชายชุดดำทั้งสองคน ทั้งที่ยังยืนคาอยู่กลางบันได
   ซึเมมิยะสวมกิโมโนสีดำ มิคาโดะที่ยืนเยื้องไปด้านหลังก็สวมสูทและผูกเนทไทสีดำสนิท ที่เป็นอย่างนั้นก็คงเพราะเป็นการไว้ทุกข์ให้กับลูกชายของโอคาเบะ ทว่าท่าทางของชายชรานั้นดูแข็งแรงไม่เหมือนคนที่ต้องนอนอยู่แต่บนเตียงเลย การเดินก็ไม่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงแล้วยังเดินทางมาไกลแบบนี้อีก หรือว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้ว ไอโตะได้แต่เก็บข้อข้องใจเอาไว้
   "พี่ใจเย็นก่อนสิ" ไอโตะดันร่างของพี่ชายที่จะตรงเข้าไปหาเรื่องผู้มาเยือนกลับขึ้นไป
   "ดูเหมือนจะไม่ได้รับการต้อนรับเลยนะ ก็ไม่แปลกหรอกเพราะฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องในครั้งนี้ แต่ว่าอย่างน้อยฉันก็อยากจะขอโทษแล้วก็คุยเรื่องของไอโตะให้รู้เรื่องไปเลยน่ะ"
   "คุยอย่างนั้นเหรอ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นทางเราจะพูดให้ชัดเจนเอง" เจ้าบ้านพูดเสียงเขียวแล้วเชิญแขกไปยังห้องนั่งเล่น
   พอทุกคนยกเว้นมิคาโดะกับยูโตะนั่งลงชายสูงวัยที่ท่าทางหยิ่งยโสก็ก้มศีรษะลงต่ำให้กับแม่ลูกที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวแล้วค้างไว้อย่างนั้น
   "ฉันต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ"
   "คุณซึเมมิยะ! เรื่องนี้โอคาเบะเป็นคนทำคนเดียว คุณไม่ได้รู้อะไรด้วยนี่ครับ อย่าโทษตัวเองเลย" ไอโตะโบกไม้โบกมือพลางก้มตัวต่ำลงมาด้วย เขารู้สึกไม่ดีที่คนอายุมากกว่าเขากว่า 3 รอบมาก้มหัวให้ แต่ทางแม่กับพี่ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับสะบัดหน้าหนีเหมือนกับไม่ยอมรับคำขอโทษ
   "ไม่หรอก เป็นเพราะฉันปล่อยให้โอคาเบะเข้าใจผิดมาตลอด เธอก็เลยพลอยติดร่างแหไปด้วย"
   "ถ้ารู้อย่างนั้นทำไมไม่รู้จักสะสางเรื่องของพวกคุณให้เรียบร้อย ถ้าเกิดฉันไปไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น" ยูโตะตะโกนข้ามศีรษะของไอโตะไป
   "ฉันเสียใจจริง ๆ" ซึเมมิยะเงยหน้าขึ้นมาพูดได้ไม่เท่าไหร่ก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง
   "ถ้าไอตายขึ้นมา คุณก็คิดจะพูดแค่ขอโทษหรือยังไง คุณก็มีลูกเหมือนกันน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้างสิ ทั้งที่ฉันปฏิเสธคุณไปแล้วแต่คุณก็ยังแอบติดต่อกับไอโตะแล้วยังทำให้เจอเรื่องแบบนี้อีก" มารดาตะเบ็งเสียงใส่แขกจนเสียงแหบไปในตอนท้าย
   "แม่ใจเย็น ๆ ก่อนครับ พี่ก็ด้วย ตอนนี้โอคาเบะถูกจับแล้ว ผมก็ปลอดภัยดี คุณซึเมมิยะก็ขอโทษแล้วด้วย เพราะงั้นอย่าถือสาเอาความอีกเลยครับ" ไอโตะลูบไหล่ของมารดาแล้วหันไปห้ามพี่ชาย ถึงจะต่อว่าเอาความไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างซึเมมิยะก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้
   "นั่นสิครับ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันเถอะ ยังไงเขาก็เป็นญาติของไอโตะนะครับ" โทยะช่วยไอโตะผ่อนคลายความโกรธแค้นของบุคคลทั้งสองอีกแรง
   "แต่ยังไงฉันก็ต้องขอโทษจริง ๆ ฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นฉันขอฟังคำตอบของไอโตะเลยได้มั้ย" ท่าทางสำนึกผิดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นหยิ่งทะนงตามเดิม
   "นี่คุณยังกล้าพูดเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ คำขอโทษเมื่อกี้ก็แค่พูดให้ดูดีหรือไง" อารมณ์ของมารดาเดือดดาลขึ้นมา เธอไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายอย่างนี้มาก่อน
   "ฉันจะให้ทุกอย่างตามที่พวกคุณเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือกระทั่งหน้าที่การงานของทั้งสามีและลูกชายของคุณ ฉันจะช่วยอย่างเต็มที่" ซึเมมิยะแบมือข้างหนึ่งออกประกอบการพูด
   "นี่ตาแก่ฟังนะ ไม่มีอะไรมาแลกกับไอได้หรอกจำไว้" ยูโตะเดินไปที่โต๊ะเตี้ยกลางวงสนทนาแล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว
   "แต่ถึงยังไงคนที่จะตอบคำถามนี่ก็คือไอโตะนะ" ซึเมมิยะพูดโดยไม่เกรงกลัวท่าทางข่มขู่ของยูโตะ
   ยูโตะยืดตัวขึ้นแล้วกำมือแน่นเขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตนยังไม่ได้ขอโทษน้องชายเรื่องครั้งก่อนเลย เมื่อคืนตั้งใจจะขอโทษแต่ไอโตะก็หลับไปเสียก่อน ไอโตะตั้งใจจะไปกับซึเมมิยะเพราะเข้าใจผิดเรื่องสถานะทางการเงินของครอบครัว แต่พอรู้ว่าไม่ใช่แล้วไอโตะจะคิดอย่างไร หรือยังไม่เปลี่ยนใจเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ
   "ไอ" ยูโตะย่อตัวลงนั่งหน้าน้องชายแล้วจับมือไว้ด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าไอโตะยังโกรธเขาอยู่หรือเปล่า ในตอนนั้นไอโตะทั้งบอกว่าเกลียดและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา
   "คุณซึเมมิยะผมยอมรับครับว่า ตอนแรกผมตั้งใจจะไปอยู่กับคุณ แต่นั่นเป็นเพราะผมเข้าใจผิดคิดว่าที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงิน ต้องขอโทษด้วยครับที่คิดจะใช้ประโยชน์จากคุณ" ไอโตะค้อมศีรษะลงต่ำ
   "หือ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี่เองหรอกหรือ" ซึเมมิยะพึมพำราวกับพูดกับตัวเองเขาไม่มีท่าทางไม่พอใจแม้แต่น้อย
   "ขอโทษจริง ๆ ครับ" แม้เหตุผลส่วนใหญ่จะมาจากเรื่องของพี่กับคุริกูจิแต่ส่วนหนึ่งในใจของเขาก็เคยคิดเรื่องสกปรกแบบนั้นด้วย
   "ไม่เป็นไรหรอก เพราะที่ฉันอยากจะรับเธอไปก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าตอนนี้ฉันบอกว่าอยากให้เธอไปอยู่ด้วยกันเพราะเธอเป็นครอบครัวของฉันล่ะ เธอจะว่ายังไง" ซึเมมิยะใช้ข้อได้เปรียบที่ตนเป็นผู้มีสายเลือดเดียวกันมาโน้มน้าวไอโตะ
   "นี่คุณ..." แม่เหมือนกับอยากจะต่อว่าแต่เธอคงหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ถูก
   ยูโตะตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่ไอโตะก็วางมือลงบนมือของพี่ชายเพื่อห้ามไว้
   "ขอโทษด้วยครับ แต่ผมคงรับน้ำใจของคุณไว้ไม่ได้ ที่นี่เป็นครอบครัวที่ดีที่สุดสำหรับผม ไม่มีอะไรจะมาแทนได้ครับ" ไอโตะมองตรงไปที่ชายสูงวัยด้วยแววตาแน่วแน่
   คำพูดนั้นทำให้คนในครอบครัวทั้งสามคนยิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้ม
   "ได้ยินแล้วใช่มั้ยตาแก่ งั้นก็รีบกลับไปได้แล้ว" ยูโตะได้ทีรีบไล่แขกกลับด้วยวาจะไม่สุภาพโทยะจึงเขกหัวไปทีหนึ่ง
   "หึ หึ ก็นึกไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ถึงจะเสียดายแต่ได้เห็นอย่างนี้ก็สบายใจแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ทั้งที่ตนควรจะผิดหวังแต่ซึเมมิยะกลับหัวเราะลั่นจึงสร้างความงงงวยให้กับครอบครัวคุซาซากิอย่างมาก พวกเขามองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน
   "อะไรน่ะ พอถูกไอปฏิเสธก็เพี้ยนไปเลยเหรอ" ยูโตะพูดตามที่คิด
   "อะแฮ่ม ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ แต่เพราะท่านซึเมมิยะไม่ได้ต้องการให้คุณยูโตะสืบทอดตระกูลหรืออะไรมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ" มิคาโดะกระแอมก่อนจะอธิบายให้บรรดาคนที่งงเป็นไก่ตาแตกฟัง
   "อ...เอ๋?" ไอโตะอุทานเสียงต่ำเพื่อขอคำอธิบาย
   "ท่านซึเมมิยะเพียงแต่อยากรู้ว่าคนที่เลี้ยงดูหลานชายของท่านเป็นคนยังไง และหลานของท่านมีความสุขดีหรือเปล่า ก็เลยแกล้งป่วยเพื่อสร้างความเห็นใจและใช้เป็นเหตุผลที่จะเรียกคุณมาพบ ถ้าคุณไอโตะไม่มีความสุขกับบ้านที่อยู่คุณก็จะเลือกมาอยู่กับท่านซึเมมิยะ ส่วนทางคุซาซากิท่านก็เสนอสิ่งตอบแทนให้และถ้าพวกเขาเห็นแก่เงินก็จะทิ้งคุณไอโตะในทันที" มิคาโดะอธิบายช้า ๆ เพื่อให้ทุกคนคิดตามได้ทัน
   "จะบอกว่านี่เป็นการทดสอบพวกเราอย่างนั้นเหรอครับ ที่ป่วยก็เป็นเรื่องโกหกด้วย?" เด็กหนุ่มถามซ้ำอีกครั้ง นี่คงเป็นเหตุผลที่ชายชราในวันนี้ดูแข็งแรงต่างจากที่เคยเห็น
   "ครับ นั่นเป็นแค่การแสดง ท่านซึเมมิยะยังแข็งแรงดีอยู่ครับ" มิคาโดะยิ้มบาง ๆ ตอบ
   "แต่คุณเป็นคนไม่ยอมรับไอตั้งแต่แรกแล้วทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งจะมาสนใจล่ะครับ" โทยะเสียงขุ่น เขายังจำวันที่คน ๆ นี้ปฏิเสธไอโตะได้อย่างแม่นยำ แววตาและท่าทางที่เย็นชานั้นเขาไม่เคยลืมแม้แต่วันเดียว
   "นั่นเป็นเพราะความทิฐิของฉันที่ทำเป็นเพิกเฉยมาตลอด ทั้งที่จริง ๆ ก็อยากเจอ ทั้งชิโอริแล้วก็ไอโตะ แต่ตอนที่เห็นอากิระนอนอยู่บนเตียงฉันก็คิดได้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน ฉันก็แก่แล้วไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ พอคิดอย่างนั้นก็เป็นห่วงหลานเพียงคนเดียวที่ชิโอริทิ้งไว้ให้เลยคิดแผนการนี้ขึ้นแล้วเริ่มสืบเรื่องของไอโตะ ถ้าหากเขาอยู่อย่างทรมานก็อยากจะรับกลับมาที่ซึเมมิยะ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องของโอคาเบะต้องขอโทษอีกครั้งด้วย"
   ซึเมมิยะก้มศีรษะลงเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้มารดากับพี่ชายของไอโตะมองไปที่ชายสูงวัยโดยไม่ได้หันหน้าหนีแล้ว
   "แปลว่าถ้าไอเลือกจะอยู่กับเรา คุณก็ตั้งใจจะปล่อยมือจากเขาตั้งแต่แรกแล้วเหรอ" มารดาถามประหนึ่งกลัวว่าตนจะเข้าใจผิด
   ซึเมมิยะพยักหน้าตอบจากนั้นจึงหันไปมองโทยะ
   "ต้องบอกว่าลูกสาวฉันเลือกคนไม่ผิดสินะ"
   "ครับ ต่อให้คุณมาเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะครับ" รอยยิ้มของโทยะราวกับเยาะเย้ยชายชราแทนเพื่อนของตน
   "อา เสียใจจริง ๆ นั่นแหละ เป็นเด็กที่ดีมากเลย คงเพราะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีสินะ อ๊ะ ไม่สิ ถึงจะอบรมสั่งสอนได้ดีแค่ไหนก็ต้องมีข้อผิดพลาดบ้างล่ะนะ" ซึเมมิยะเลื่อนสายตาลงไปยังยูโตะที่นั่งอยู่กับพื้น
   "หน่อย...โอ๊ย" ยูโตะลุกขึ้นในทันทีที่เข้าใจความหมายแต่เขาก็ถูกมารดาเขกศีรษะอย่างแรงก่อนจะทำอะไรหยาบคายมากไปกว่านี้
   "เอาล่ะ งั้นฉันก็หมดธุระกับที่นี่แล้ว" ซึเมมิยะลุกขึ้นยืนแต่ในตอนนั้นเองไอโตะก็เอ่ยถาม
   "เออ คือ ถ้าผมจะไปเยี่ยมคุณบ้างจะได้หรือเปล่าครับ" ถึงเมื่อก่อนคน ๆ นี้จะทอดทิ้งแม่และเขาแต่ตอนนี้เขาก็คิดได้แล้ว นอกจากนี้การที่คนชราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีลูกหลานอยู่ใกล้ ๆ คงจะเหงาน่าดู
   "อือ ได้สิ" ซึเมมิยะเลิกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้ววางมือลงบนศีรษะของไอโตะ ภาพของลูกสาวผุดขึ้นมาในหัว หากเขาคิดได้เร็วกว่านี้บางทีพวกเขาอาจจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าก็เป็นได้
   มารดาก็ไม่ได้ห้ามอะไรไอโตะดูเหมือนเธอก็จะเข้าใจความรู้สึกของซึเมมิยะเหมือนกัน พวกเขาเดินไปส่งแขกถึงหน้าประตูรั้ว แต่ก่อนที่ชายชราจะก้าวขึ้นรถเขาก็หันกลับมาหาโทยะ
   "เธอเป็นคนที่ได้ใกล้ชิดกับลูกสาวฉันมาตลอด ฉันเลยอยากจะถามอะไรหน่อย ชิโอริมีความสุขใช่มั้ย" น้ำเสียงที่นุ่มนวล สีหน้าและคำถามที่สมกับคนเป็นพ่อทำให้โทยะแทบจะลืมภาพของชายคนนี้ในอดีต
   "ครับ มีความสุขจนผมต้องอิจฉาเลยล่ะครับ"
   ซึเมมิยะยิ้มอย่างสดใสราวกับกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง นี่คงเป็นความกังวลที่อยู่ในใจของผู้เป็นพ่อมาตลอด พอขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังรถเขาก็พูดขึ้นเหมือนกับนึกขึ้นได้
   "จริงสิ ถ้าอยากได้นาฬิกาที่มีจีพีเอสล่ะก็ไว้ฉันจะหาอันที่ทนทานกว่านี้ให้นะ" ซึเมมิยะส่งสายตายียวนไปทางยูโตะ
   "หน่อยแก รีบกลับไปเลยนะ" พอยูโตะโวยวายไอโตะก็ใช้มือปิดปากพี่ชายเอาไว้
   มิคาโดะหัวเราะเบา ๆ แล้วปิดประตู ไอโตะมองส่งญาติคนแรกที่เขาได้เจอไปจนลับสายตา

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 22 2018.12.08)
«ตอบ #25 เมื่อ08-12-2018 19:37:31 »

ตอนที่ 22

   ตอนบ่ายพวกเขาไปเยี่ยมคิจิมะที่โรงพยาบาล โชคดีที่คิจิมะแค่หัวแตกแต่ก็ต้องเย็บไป 6 เข็ม และหมอยังให้รอดูอาการอยู่ แม่เสนอที่จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้แต่ซึเมมิยะที่ไวกว่าก็ติดต่อเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ท่าทางยูโตะกับคิจิมะเหมือนมีเรื่องอยากจะคุยกันแต่เพราะมีแม่กับน้าอยู่พวกเขาจึงไม่สะดวกที่จะพูด พอตกเย็นมากิโฮะก็มาเยี่ยมไอโตะเธอตกใจมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของเธอเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายมา
   บ้านของเธอจะเริ่มซ่อมแซมอาทิตย์หน้า ช่วงนี้อาจจะอยู่ลำบากนิดหน่อยแต่อีก 2 อาทิตย์ก็ปิดเทอมแล้ว ช่วงนั้นพวกเธอจะย้ายไปอยู่กับญาติก่อนจนกว่าบ้านจะเสร็จเรียบร้อย ส่วนไคที่เธอเพิ่งไปเยี่ยมมาก่อนหน้านี้ก็อาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว
   ทางยูโตะที่อยากรีบขอโทษไอโตะให้เร็วที่สุดตั้งหน้าตั้งตารอช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ทว่ากว่าจะถึงเวลานั้นก็ต้องรอจนใกล้เวลาเข้านอน พอยูโตะเปิดประตูห้องนอนเข้าไปน้องชายที่ยืนมองนาฬิกาข้อมืออยู่ข้างเตียงก็หันมา
   "พี่ขอโทษนะ เจ้านี่มันพังซะแล้ว แล้วฉันจะลองเอาไปให้ที่ร้านดูว่าซ่อมได้หรือเปล่า" ไอโตะชูนาฬิกาที่หน้าปัดแตกและเข็มหยุดนิ่งอยู่กับที่ขึ้น
   "ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้ฉันจะซื้อที่ดีกว่านี้ให้" ยูโตะหยิบนาฬิกาออกจากมือน้องชายแล้ววางลงบนตู้ข้างหัวเตียง
   "ไม่ได้ แบบนั้นก็เสียดายแย่สิ" เขาเพิ่งใช้มันมาได้ 2 เดือนจะให้ทิ้งก็น่าเสียดาย แต่ที่พี่พูดแบบนั้นก็คงเพราะเจ็บใจคำพูดของซึเมมิยะมากกว่า
   "ไอ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ที่สำคัญฉันมีเรื่องจะคุยด้วย" ยูโตะนั่งลงบนเตียงเพื่อให้มองหน้าไอโตะได้ถนัดขึ้น ไอโตะที่เห็นพี่ชายมีท่าทางจริงจังก็หยุดรอฟังอย่างตั้งใจ
   "ไอ วันก่อนที่ทำรุนแรงแล้วยังพูดไม่ดีกับไอไปฉันขอโทษนะ" ในที่สุดเขาก็ได้กล่าวขอโทษตามที่ตั้งใจไว้
   "พี่ไม่ต้องขอโทษหรอก เรื่องนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจแล้วล่ะ ฉันไม่ดีเองที่ปิดบังพี่" เขาดีใจที่พี่ชายมาขอโทษเพราะนั่นหมายความว่าพี่ชายยังใส่ใจความรู้สึกของเขา
   "ไม่ เป็นเพราะฉันไม่เชื่อใจไอต่างหากทั้งที่บอกเองแท้ ๆ ว่าเชื่อใจไอ แต่พอเห็นไอไปกับหมอนั่นแล้วมันก็โมโหขึ้นมา ถึงจะฟังเหมือนแก้ตัวแต่ฉันทนไม่ได้จริง ๆ ยิ่งเป็นคิจิมะด้วยแล้ว ฉันกลัวว่าไอจะไปชอบคนอื่นมากกว่าฉัน" รอยย่นระหว่างคิ้วของผู้ที่ก้มหน้าลงต่ำยับย่นไปหมด
   "เรื่องนั้น...เป็นไปไม่ได้หรอกน่า" ไอโตะพึมพำเบา ๆ คำพูดหึงหวงของพี่ช่างคล้ายกันกับความรู้สึกของเขา แต่น่าเสียดายที่สำหรับพี่ชายมันเป็นแค่ความรู้สึกระหว่างพี่น้องเท่านั้น
   "งั้นไอจะไม่ไปไหนแล้วใช่มั้ย" ยูโตะขอคำยืนยันจากปากของไอโตะอีกครั้ง ถึงไอโตะจะปฏิเสธซึเมมิยะแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่หนีเขาไปอีก แต่แล้วไอโตะกลับกรอกตาไปมาไม่ยอมตอบ
   "ทำไมล่ะ หรือว่ายังคิดที่จะไปกับน้าอีก ไอยังโกรธฉันจริง ๆ สินะ" ชายหนุ่มเริ่มใจไม่ดี เขาอุตส่าห์คิดว่าจะไม่มีใครมาแย่งน้องชายของเขาอีกแล้ว
   "เปล่า ฉันไม่ได้โกรธ"
   "งั้นก็รับปากสิว่าจะไม่ไปไหนอีก" ยูโตะจับมือข้างหนึ่งของไอโตะไว้
   "เรื่องนี้เราอย่าเพิ่งพูดถึงเลย" ไอโตะตอบปัด เขาตั้งใจว่ารอให้เวลาผ่านไปอีกสักพัก แล้วถึงค่อยปรึกษากับทุกคนเรื่องที่จะไปอยู่กับน้า
   "ไม่ได้ นี่ไอคิดจะหนีฉันไปจริง ๆ เหรอ เพราะฉันไม่ดีใช่มั้ย" ยูโตะเขย่ามือของน้องชาย
   "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แค่คิดว่าเรื่องในอนาคตเรายังไม่รู้น่ะ จะให้ฉันรับปากได้ยังไง" หากเขาบอกว่าจะไม่ไปไหนก็เท่ากับเป็นการให้คำสัญญาจอมปลอม
   "โกหก ไอขอร้องล่ะ จะด่าว่าฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าไปไหนเลยนะ" ยูโตะกำสองมือของไอโตะไว้แน่นราวกับกลัวเขาจะหายไปต่อหน้า ใบหน้าก็บิดเบี้ยวเหมือนกับจะร้องไห้
   "พี่ยู" หัวใจของเขาเจ็บจิ๊ดขึ้นมา คนที่ควรจะถูกต่อว่าคือเขาที่ไปชอบพี่ต่างหาก เพราะกลัวจะซ่อนความรู้สึกไว้ได้ไม่มิดจึงต้องตีตัวออกห่าง เพราะกลัวจะต้องทนเห็นพี่เป็นของคนอื่นจึงต้องหนีไปให้ไกล
   "ไอ ฉันรัก..." เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นคำพูดของยูโตะจึงสะดุดลง
   ไอโตะคิดจะใช้โอกาสนี้หนีไปแต่ยูโตะก็ไม่ปล่อยมือจากเขา
   "ไอ อย่าไปไหนเลย อยู่กับฉันเถอะ ฉัน...รักไอนะ" ยูโตะเพิกเฉยต่อเสียงรบกวนแล้วสารภาพสิ่งที่เก็บไว้ในใจมาเนิ่นนาน ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
   ไอโตะเอียงคอเล็กน้อยท่าทางนั้นทำให้ยูโตะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่เข้าใจความหมายของมัน
   "ฉันรักไอ ไม่ใช่แบบพี่น้องแต่รักแบบคนรัก" ยูโตะเลือกใช้คำที่ชัดเจนแล้วพูดต่อโดยไม่สนใจเสียงเตือนข้อความที่ดังต่อเนื่องอีกหลายครั้ง เขาจะไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวางอีกแล้ว ยูโตะมองเข้าไปในดวงตาของน้องชายที่ตัวแข็งทื่อเพื่อสื่อความรู้สึกของตนไปให้
   "พี่...พูดอะไรน่ะ" ไอโตะขมวดคิ้วแล้วถามซ้ำราวกับฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก
   "ฉันรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ชอบไอแบบพี่น้องมาตั้งแต่ตอนอยู่มอสามแล้วล่ะ ตอนที่แม่บอกความจริงเรื่องไอกับฉัน ฉันไม่เสียใจเลยสักนิดแต่กลับดีใจมากกว่าที่ไอไม่ใช่น้องแท้ ๆ นั่นเพราะมันช่วยให้ความรู้สึกผิดที่ไปรักน้องชายของตัวเองเบาบางลงไปบ้าง"
   ไอโตะเอียงคอด้วยความไม่อยากเชื่อ หูเขาผิดปกติไปหรืออย่างไร พี่กำลังบอกว่าชอบเขาทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่น้องชาย นอกจากนี้ตอนนั้นเขายังเพิ่งอยู่ชั้นประถมอีกด้วย
   "นั่นเพราะเราใกล้ชิดกันมากพี่ก็เลยแค่สับสนต่างหาก" ไม่มีทางที่พี่ชายซึ่งมีหญิงสาวมาล้อมหน้าล้อมหลังมากมายจะมาชอบเด็กเอาแต่ใจอย่างเขา พี่มักบอกว่าเขาน่ารักนั่นอาจเป็นความรู้สึกเหมือนชอบหมาชอบแมวก็ได้ น้าเองก็เคยพูดไว้
   "ไม่เลยที่ฉันคบกับใครไม่ได้ก็เพราะไม่ว่ายังไงก็สลัดไอออกไปจากหัวไม่ได้ ไอเคยถามใช่มั้ยล่ะว่าความรู้สึกของฉันในตอนที่เราผิดใจกันเพราะรุ่นพี่โคมิคืออะไร นั่นก็คือความรู้สึกนี้ไงล่ะ"
   "ไม่...จริง" ไอโตะส่ายหน้าช้า ๆ ให้กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
   "ในคืนที่ไอรู้ว่าไม่ใช่น้องของฉัน ฉันแอบจูบไอตอนที่หลับอยู่ พอเห็นว่าหลังจากนั้นไอเปลี่ยนไปฉันก็เลยคิดว่าไอรู้ตัวถึงได้หลีกเลี่ยงฉัน"
   "ฉันไม่รู้อะไรเลยนะ" ไอโตะตกใจกับสาเหตุที่ทำให้พี่เข้าใจผิดแล้วทะเลาะกับเขาจนเกิดอุบัติเหตุ และนี่ก็หมายความว่าวันที่เขารู้สึกตัวว่าถูกจูบนั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ทำเรื่องแบบนี้
   "เพราะรู้ว่าไอตื่นยากฉันถึงได้แอบทำแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนอยู่มอปลายแล้ว"
   "มอปลาย!!" เมื่อครู่เขาเพิ่งคิดว่าจูบแรกของเขากลายมาเป็นครั้งที่สองแต่ในตอนนี้มันกลายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
   "ฉันยอมรับว่าเคยสับสนแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว คนที่ฉันรักและรู้สึกแบบนี้ด้วยมีแค่ไอคนเดียวเท่านั้น ไอล่ะชอบฉันหรือเปล่า"
   คำพูดของพี่เหมือนมีดที่คว้าลึกลงไปในใจของไอโตะ ทั้งที่บอกว่าชอบเขาจนไม่สามารถคบกับใครได้ บอกว่ามีเขาแค่คนเดียว แต่ลับหลังกลับแอบไปสัมผัสคนอื่นจะให้เขาเชื่อได้อย่างไร
   "ไม่..." ไอโตะอ้าปากพูดยังไม่ทันไรโทรศัพท์ที่ก่อกวนการสนทนาของพวกเขาไม่เลิกราก็ส่งเสียงร้องอีกครั้ง
   "พี่โทรศัพท์" ไอโตะทนรำคาญไม่ไหวจึงบอกพี่ชายที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจมัน
   "ช่างมัน ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า" ชายหนุ่มพูดโดยไม่ละสายตาจากไอโตะ
   "แต่ว่า มันหนวกหูนะ"
   ยูโตะกระเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาตั้งใจจะตัดสายทิ้งแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร   ยูโตะก็รับสาย
   ไอโตะที่เห็นโอกาสตั้งใจจะหนีแต่ยูโตะก็จับมือไว้ไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มพูดได้ไม่กี่คำก็วางสาย          ดูเหมือนอีกฝ่ายจะบอกให้เขาอ่านข้อความจากไลน์ที่ส่งให้เป็นชุดก่อนหน้านี้ยูโตะถึงกำลังเลื่อนหน้าจอเพื่ออ่านข้อความด้วยมือข้างเดียว
   "นี่มัน..." ยูโตะพูดอย่างนั้นแล้วยกเครื่องมือสื่อสารเข้ามาใกล้ตามากขึ้น เขาจ้องมองสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอเขม็งจนแม้แต่ไอโตะที่เมื่อครู่คิดจะหนียังอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
   "หึ ไอกำลังจะบอกว่าไม่ได้ชอบฉันสินะ งั้นทำไมต้องโกรธตอนที่เห็นฉันเข้าโรงแรมไปกับรุ่นพี่โคมิ แล้วยังโกรธเพราะรูปพวกนี้อีกด้วย" ยูโตะหันหน้าจอโทรศัพท์ของตนให้ไอโตะดู
   "นี่มัน ทำไม..." ไอโตะมองดูรูปภาพที่ถูกถ่ายส่งมาให้พี่อีกทีด้วยความฉงน พวกมันมีรอยไหม้หลงเหลืออยู่ นั่นเพราะเขาเป็นคนทิ้งมันลงไปในเตาเผาขยะของโรงเรียน
   "ไคส่งมาให้ เจ้านั่นบอกว่าเห็นไอได้บ้างอย่างจากล็อคเกอร์จากนั้นก็มีท่าทางแปลกไป พอตามไปดูก็เห็นไอโยนรูปพวกนี้ลงเตาเผา เพราะสงสัยก็เลยแอบเก็บมา ไคตั้งใจจะถามฉันตั้งแต่วันนั้นแล้วแต่พอกลับบ้านไปก็อาการไม่ดีจนกระทั่งวันนี้ที่อาการดีขึ้นแล้วถึงนึกได้เลยรีบส่งมาให้ดูเพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ จะว่าไปในคืนที่ฉันทำไม่ดีกับไอ ไอก็พูดด้วยนี่ว่าฉันโกหกแล้วก็เชื่อไม่ได้ นั่นเป็นเพราะรูปพวกนี้ใช่มั้ย" ยูโตะไขปริศนาอย่างไม่ติดขัด
   "ฉัน...ไม่ได้โกรธ บอกแล้วไงว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่" ไอโตะกำมือแน่นแล้วหันหน้าหนี เขาไม่อยากจะมองภาพถ่ายที่สร้างความเจ็บปวดให้กับตน
   "ไม่ใช่ว่ามันทำให้ไออิจฉาจนเป็นเหตุให้คิดอยากจะไปบ้านซึเมมิยะเหรอ" ยูโตะคิดว่าที่ไอโตะจะไปจากบ้านไม่ใช่เพราะปัญหาทางการเงินของครอบครัว ไอโตะตั้งใจจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองไว้แล้ว และยังคิดถึงขนาดจะไม่เข้ามหาวิทยาลัยเพื่อช่วยที่บ้าน นอกจากนี้เรื่องพวกนี้ก็เคยคุยกับแม่จนเข้าใจแล้วไอโตะจึงไม่น่าจะคิดมากจนทำเรื่องไร้สาระอีก ดังนั้นจะต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน
   "ไม่ใช่...ก็แค่...คิดว่าทำไมพี่ถึงไม่บอกกันก่อนทั้งที่สัญญาไว้แล้วเท่านั้น" ไอโตะแก้ตัวอย่างติดขัดเล็กน้อยเมื่อถูกอ่านออก
   "โกหก ถ้าแค่นั้นคงไม่ถึงกับต้องหนีกันหรอก ไอก็ไม่เชื่อใจฉันเหมือนกันสินะ" ยูโตะตัดพ้อเสียงแผ่ว
   "แต่จากรูปก็เห็นอยู่นี่" ไอโตะนึกโมโหขึ้นมาเมื่อพี่ชายปฏิเสธทั้งที่ถือหลักฐานอยู่คามือ
   "เฮ้อ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำหรอกนะ แต่คน ๆ นั้นตั้งใจจะแกล้งไอแน่ ๆ แล้วถ้าดูดี ๆ ก็น่าจะเห็นว่าเป็นภาพตัดต่อ" ยูโตะยกโทรศัพท์ขึ้นมาตรงหน้าเด็กหนุ่มอีกครั้ง
   "ตัดต่อ?" ไอโตะคว้ามันไปดูอย่างรวดเร็ว เขาขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นแล้วเลื่อนสำรวจไปมา พอได้ดูดี ๆ แล้วก็เห็นว่าสีผิวที่คอกับหน้าของบุคคลในรูปนั้นต่างกันอยู่เล็กน้อย การถูกภาพตัดต่อระดับนี้หลอกเอาได้แสดงว่าเขาปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบงำจนไม่มีสติ แบบนี้ก็ไม่ต่างจากพี่ชายที่อิจฉาเขากับคิจิมะเลย
   "แต่ข้อความที่คุริกูจิซังส่งหาพี่ล่ะ" พี่พูดเหมือนไม่เคยเห็นรูปพวกนี้มาก่อน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนส่งให้คุริกูจิแท้ ๆ
   "หา?...อ๋าา อย่างงี้นี่เอง เพราะมีเรื่องนั้นไอก็เลยยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่สินะ" ยูโตะเอียงคอด้วยความฉงนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ลากเสียงยาวเมื่อเข้าใจว่าน้องชายพูดถึงเรื่องอะไร
   "นั่นไม่ได้หมายถึงรูปพวกนี้แต่เป็นรูปนี้ต่างหาก" ยูโตะปล่อยมือออกจากไอโตะเพื่อค้นหาภาพเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วส่งมันให้ไอโตะดู
   ไอโตะจ้องมองมันด้วยความประหลาดใจ ในรูปไม่มีพี่ชายของเขาปรากฏอยู่เลย มันเป็นรูปของคุริกูจิกับหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง ฝ่ายหญิงนั้นกำลังคล้องแขนฝ่ายชายแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับทำปากจู๋
   "ผู้หญิงในรูปเป็นเพื่อนร่วมคณะ วันที่ถ่ายภาพก็เป็นงานวันเกิดของเธอ เธอเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้วประกอบกับเมาก็เลยแกล้งหยอกกันอย่างที่เห็น ฉันส่งภาพนี้ไปให้คุริกูจิแต่บังเอิญว่าแฟนของเจ้านั่นดันมาเห็นเข้าแล้วคิดว่าคุริกูจินอกใจ เจ้านั่นก็เลยโกรธฉันใหญ่"
   "งั้นที่พี่ไปบ้านคุริกูจิซังแล้วมีกลิ่นแชมพูกลับมาล่ะ" ไอโตะวางโทรศัพท์ลงแล้วตั้งคำถามใหม่
   "วันนั้นฉันก็ไปเพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้แฟนของคุริกูจิฟังไงล่ะ ใช้เวลาพูดอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมเชื่อ สุดท้ายก็เลยต้องเรียกผู้หญิงในรูปมายืนยันเหนื่อยเอาการเลยล่ะ ส่วนกลิ่นแชมพูก็เป็นเพราะฝนตกจริง ๆ หือ เดี๋ยวก่อน นี่หรือว่าไอคิดว่าฉันกับคุริกูจิ..." ยูโตะหยุดพูดกลางคันด้วยเอะใจในคำถามของน้องชาย
   ไอโตะหลบตาลงอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องน่าอับอายที่สุดที่คิดเองเออเองแล้วเข้าใจผิดแบบนั้น ทว่าเรื่องราวมันก็ลงตัวจนเกินไป
   "หึ นี่คิดไปไกลขนาดนี้เลยเหรอ" ยูโตะแอบดีใจกับพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความหึงหวง เขามั่นใจว่า ไอโตะก็ต้องมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับเขา
   "ถ้าอย่างนั้นจะยอมรับได้หรือยังว่าไอก็ชอบฉันเหมือนกัน" ยูโตะเอื้อมมือไปจับปลายคางของผู้ที่ยืนอยู่แต่ไอโตะก็หันหน้าหนี
   "ทำไมล่ะ ไอกลัวอะไรเหรอ เพราะพวกเราเป็นพี่น้องกันเหรอ หรือเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เรื่อง   พวกนั้นสำคัญด้วยเหรอ"
   "ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชอบพี่ แล้วพี่ก็ไม่ได้ชอบฉัน ทุกอย่างพี่เข้าใจผิดไปเอง" เขาไม่เชื่อว่าชายที่คิดว่าเป็นพี่ชายมาตลอดจะรักเขาได้ หากยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้วพี่ชายมาบอกทีหลังว่าเข้าใจผิดล่ะ ไอโตะกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น
   "เฮ้อ ไอนี่ทึ่มจังนะ ฉันอุตส่าห์ค่อย ๆ แสดงออกให้ไอรู้ทีละนิด แต่ไอกลับไม่รับรู้อะไรเลยเหรอเนี่ย" ยูโตะกุมขมับให้กับการกระทำอันไร้ประโยชน์ที่ผ่านมาของตน
   "แสดงออก?...หรือว่า หมายถึงที่สัมผัสฉันแปลก ๆ แล้วก็จูบฉันน่ะเหรอ" ไอโตะครุ่นคิดด้วยตัวเองอยู่ชั่วขณะ แต่สิ่งที่ทำให้เขานึกได้ก็คือคำว่า 'อีกระดับ' ของมากิโฮะ
   "อา คิดว่าปกติกับคนที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วยเขาจะทำแบบนั้นกันเหรอ" ยูโตะตอบเสียงเรียบ
   "แต่นั่นไม่ใช่ว่าพี่แค่ล้อเล่นหรอกเหรอ" จะบอกว่าการกระทำเหล่านั้นไม่ใช่การล้อเล่น แต่มีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่อย่างนั้นหรือ
   "ก็ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วถูกเกลียดขึ้นมาฉันก็แย่น่ะสิ"
   ไอโตะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะตอนที่รู้ตัวว่าชอบพี่เขาก็กลัวจะถูกพี่เกลียดเหมือนกัน
   "ถ้ายังไม่เชื่อล่ะก็ฉันจะพิสูจน์ให้ดู" ยูโตะลุกขึ้นยืนแล้วยึดใบหน้าของไอโตะไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
   ไอโตะเคลื่อนตัวเพื่อจะถอยหนีแต่ก็ไม่เร็วพอทำให้ริมฝีปากของยูโตะตกลงมายังริมฝีปากของตน สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยผลักให้ไอโตะเข้าสู่วังวนของความสับสนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่มีสิ่งแปลกปลอมรุกรานเข้ามาในปาก มือทั้งสองข้างยกขึ้นผลักชายหนุ่มออกโดยอัตโนมัติแต่พี่ชายก็ใช้แขนอีกข้างเกี่ยวรัดเอวของเขาไว้แล้วดึงเข้าไปหาตัว หากจะบอกว่านี่เป็นการล้อเล่นก็เกินเลยไปมาก แต่จะว่าไปเขาเคยถูกสิ่งเปียกลื่นนี่สัมผัสที่ริมฝีปากมาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงจะเป็นสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ตาม
   'สายตาที่คุซาซากิมองนายมันเหมือนกับมีอะไรมากกว่านั้น'
   'หรือว่าพวกนายก้าวข้ามคำว่าบราคอนไปอีกระดับจนความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปไกลซะแล้ว'
   คำพูดของคิจิมะและมากิโฮะผุดขึ้นมาในหัวพอดีกันกับความรู้สึกอึดอัด ไอโตะผลักพี่ชายออกอีกครั้งและทำได้สำเร็จในที่สุด
   "แบบนี้ยังจะบอกว่าฉันสับสนอยู่อีกหรือเปล่า" ยูโตะยอมปล่อยมือออกจากไอโตะ
   "โกหก...น่า" ไอโตะเบิกตากว้างพลางหายใจหอบเพราะกลั้นหายใจไว้นาน
   ตอนนี้คนที่กำลังสับสนก็คือเขา ต่อให้ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักแต่เขาก็รู้ว่าจูบเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันเล่น ๆ อย่างแน่นอน เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวที่มีความรักอันไม่เหมาะสมให้กับพี่ รู้สึกเกลียดตัวเองที่เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาจนอยากให้มันหายไป กระทั่งคิดจะหนีไปจากพี่เพราะไม่อยากทนเห็นพี่กับคนอื่นสร้างครอบครัวขึ้นด้วยกัน แต่พี่กลับบอกว่าคิดเหมือนกันกับเขา ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้
   "ถ้ายังไงก็ยังไม่เชื่อล่ะก็ต่อจากนี้ไปจะไม่มีการล้อเล่นอีกดีมั้ย" ยูโตะทำหน้าจริงจังเขาดึงไอโตะเข้ามาแล้วผลักให้ล้มลงไปบนเตียง
   "อะไรน่ะพี่" จู่ ๆ บรรยากาศของพี่ชายก็พลันเปลี่ยนไปไอโตะจึงถามขึ้น
   "ถ้าคำพูดและการแสดงออกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของฉันมันทำให้เข้าใจยาก งั้นการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังก็น่าจะดีที่สุด"
   ขณะที่กำลังคิดว่าการปฏิบัติอย่างจริงจังของพี่ชายหมายถึงอะไรฝ่ามือใหญ่ก็ลอบเข้ามาใต้เสื้อ ไอโตะจึงรีบหยุดมันไว้
   "จะทำอะไรน่ะ"
   "ก็จะทำให้เห็นว่าฉันจริงจังแค่ไหนไงล่ะ" เมื่อมือถูกยึดไว้จนขยับไม่ได้ยูโตะก็ใช้ปากแทน เขาทาบทับตัวลงบนร่างบางแล้วเลียที่ลำคอเรียวยาวของไอโตะ
   "พี่!!" ไอโตะร้องด้วยความตกใจ แต่ยูโตะกลับดูดผิวบริเวณนั้นเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงห้าม
   ไอโตะใช้สองมือดันไหล่ของพี่ชายออกแต่มันก็ถูกจับตรึงไว้ข้างลำตัวเสียอย่างนั้น หากปล่อยไว้แบบนี้เขาคงได้รอยแดงเป็นจ้ำ ๆ แบบครั้งก่อน
   "ไม่เอานะ" ไอโตะร้องห้ามแต่ยูโตะกลับเปลี่ยนตำแหน่งริมฝีปากมาที่ไหปลาร้าแทน
   เมื่อทำจนพอใจแล้วยูโตะก็ชันตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ไอโตะคิดว่าพี่ชายจะหยุดเพียงแค่นี้มือทั้งสองข้างของเขาก็ถูกรวบไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว จากนั้นเสื้อก็ถูกถลกขึ้นไปจนถึงหน้าอก ฝ่ามือใหญ่อีกข้างของ   ยูโตะวางแนบลงมาที่ตัวเขา
   "อ๊ะหยุดนะพี่ น้าอาจจะกลับมาแล้วก็ได้"
   โทยะแยกตัวไปทำธุระหลังจากเยี่ยมคิจิมะและบอกว่าจะกลับดึก หากน้ากลับมาที่ห้องของไอโตะแล้วได้ยินเสียงผิดปกติคงไม่ดีแน่
   "งั้นก็อย่าเสียงดังสิ" ทันทีที่พูดจบริมฝีปากของยูโตะก็เคลื่อนต่ำลงไปกว่าเดิม ร่างกายของไอโตะร้อนวูบวาบไปหมด
   "พี่ก็อย่าทำอะไรแปลก ๆ สิ" ไอโตะลดเสียงลงมาแม้ไม่รู้ว่าโทยะกลับมาหรือยัง
   "ก็ไอไม่เชื่อฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะทำให้เชื่อไง" ทั้งริมฝีปากที่ลากลงมา ทั้งฝ่ามือที่เคลื่อนตัวขึ้นมาจากเอว ไอโตะที่รู้สึกถึงอันตรายรีบเปิดปากขึ้นในทันที
   "ฉันเชื่อแล้ว เชื่อแล้ว ฉันเชื่อพี่แล้ว" ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าหากเป็นความรักระหว่างพี่น้องคงไม่ทำเรื่องแบบนี้
   "แล้วจะยอมรับได้หรือยังว่าไอก็ชอบฉัน" ยูโตะประคองใบหน้าของน้องชายไว้ด้วยกลัวว่าไอโตะจะหันหน้าหนี
   ไอโตะกรอกตาไปทางซ้ายทีขวาที เขารู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากยอมรับแต่อีกใจก็รู้สึกเหมือนกับกำลังจะทำผิดร้ายแรง
   "กลัวเหรอ"
   รู้สึกเหมือนกับถูกบ่วงรัดคอเอาไว้ไอโตะจึงไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เขาพยักหน้าตอบแล้วเบ้หน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เขากลัวว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรและยังกลัวความสัมพันธ์ของเขากับพี่ที่จะเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่พี่น้องมันจะยั่งยืนไปตลอดหรือ
   "บอกแล้วไงว่ามีฉันทั้งคนไม่ต้องกลัวอะไรหรอกน่า เชื่อใจฉันนะ"
   ราวกับถูกโอบอุ้มด้วยน้ำเสียงและดวงตาที่อ่อนโยนความกังวลทั้งหลายที่รัดไอโตะไว้แน่นจึงค่อย ๆ คลายตัวออก
   "แต่มันจะดีเหรอ ฉันชอบพี่ได้จริง ๆ เหรอ" พอเปล่งเสียงออกมาได้ไอโตะก็ถามพลางน้ำตาคลอ
   "ได้สิ ต้องได้อยู่แล้ว อย่าพูดโง่ ๆ แบบนี้อีกนะ" ยูโตะกอดร่างบางเอาไว้แน่น
   ไอโตะยกสองแขนขึ้นโอบรอบแผ่นหลังผู้ที่อยู่บนตัวไว้แล้วส่งเสียงสะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ เขาไม่จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกน่าอึดอัดนี้ไว้แล้วเจ็บปวดคนเดียวอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องแยกจากพี่อีกแล้ว ถ้าหากนี่เป็นความฝันเขาก็อยากจะหลับอยู่แบบนี้ตลอดไป
   ยูโตะผละตัวออกจากน้องชายเล็กน้อยแล้วเช็ดน้ำตาให้ เขาอยากให้ไอโตะตอบรับความรู้สึกของตนมาตลอดโดยลืมไปว่ามันอาจจะทำให้ไอโตะเจ็บปวดช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง ทว่าจากนี้ไปเขาจะไม่ทำผิดซ้ำสองอีก
   และแล้วในจังหวะที่ไอโตะสบตากับเขายูโตะก็ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าลงไปใกล้ ไอโตะที่รู้ดีว่าพี่ชายต้องการอะไรหลับตาลงก่อนที่ริมฝีปากของพี่ชายจะประทับลงมา จูบอันดูดดื่มทำให้สมองของไอโตะเป็นอัมพาตได้ในเวลาไม่นาน พอริมฝีปากได้รูปถอนตัวออกมันก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังสิ่งที่ประดับอยู่บนหน้าอก        เปลือยเปล่าของเขา ไอโตะที่ได้สติกลับคืนมามองเห็นลิ้นหนาถูกส่งออกมาใกล้
   "พี่จะทำอะไรน่ะ" ไอโตะดันศีรษะของชายหนุ่มออกไป
   "ก็ทำต่อจากเมื่อกี้ไง" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบหน้าตาย
   "หา ก็ฉันบอกว่าเชื่อพี่แล้วไง ทำไมจะต้องทำต่อด้วยเล่า"
   "แต่ฉันต้องอดทนมานานมากเลยนะรู้มั้ย อยากทำแบบนี้กับไอมาตั้งนานแล้ว" ที่ผ่านมาเขาได้แค่กอดและสัมผัสที่ริมฝีปากเบา ๆ เท่านั้น พอไอโตะยอมรับความรู้สึกของเขาแล้วเขาก็ทนไม่ไหวขึ้นมา
   "หา!!" ไอโตะหน้าแดงแปร๊ดจากคำสารภาพนั่น
   ยูโตะไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วประกบริมฝีปากลงที่สีข้างของร่างบาง
   "อ๊ะ พี่...อย่า" เขาอยากจะผลักพี่ชายออกแต่ก็ทำได้แค่ยึดไหล่ของยูโตะไว้ด้วยมีความรู้สึกแปลก ๆ ก่อตัวที่ท้องน้อย
   "พี่หยุดนะ...อ๊า" ขณะที่ไอโตะกำลังถูกปลุกปั่นด้วยลิ้นมือข้างหนึ่งของชายหนุ่มก็ลอดผ่านขอบกางเกงเข้ามา ด้วยความตกใจร่างกายช่วงบนของไอโตะจึงถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาฝังแนวฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบลงไปบนคอของพี่ชายสุดแรง
   "โอ๊ย! อ๊ะ เลือดออกเลยด้วย" ผู้ก่อการร้ายร้องเสียงหลงพลางวางฝ่ามือลงบนปากแผล
   "สมน้ำหน้า เล่นอะไรพิเรนดีนัก" ไอโตะไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย เขารีบดึงเสื้อของตนกลับลงมาดังเดิม
   "ฉันจริงจังต่างหาก" จังหวะที่ยูโตะพูดอย่างนั้นไอโตะก็ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านหน้าห้องไป เขาจึงฉวยโอกาสผลักพี่ชายออกไปจากตัว
   "คืนนี้ฉันไปนอนกับน้าดีกว่า" ไอโตะก้าวเท้าลงจากเตียงแต่ก็ถูกรวบตัวไว้จากด้านหลัง
   "ไม่ได้เด็ดขาด ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแล้วก็ได้" ยูโตะกอดเอวบางไว้แน่น
   "ไม่เอาหรอก พี่ดูไม่น่าเชื่อถือเลยซักนิด" จะให้เขาเชื่อคนที่แอบลวนลามตนกระทั่งตอนนอนได้อย่างไร หากเผลอไม่รู้จะถูกทำอะไรอีก
   "ฉันไม่โกหกหรอก อยู่ที่นี่เถอะนะ" ยูโตะขอร้องเสียงอ่อน
   "จริงเหรอ" ไอโตะมองพี่ชายด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ยูโตะจึงรีบพยักหน้าถี่
   หากปล่อยไปแล้วไอโตะเปลี่ยนใจจะตามน้าไปเขาต้องแย่แน่ ๆ บางทีเรื่องแบบนี้คงจะเร็วเกินไปสำหรับไอโตะ เขาคงจะต้องอดทนไปอีกสักระยะ แต่ถ้าเพื่อไอโตะล่ะก็เขาทำได้ทุกอย่าง

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 23.1 2019.01.18)
«ตอบ #26 เมื่อ18-01-2019 19:31:49 »

ตอนที่ 23

   "อะไรกันมาอีกแล้วเหรอ ก็ดีใจที่ไอโตะมาอยู่หรอก แต่นายไม่ต้องมาก็ได้" นี่คือสิ่งแรกที่ผู้ป่วยพูดขึ้นเมื่อเห็นคนมาเยี่ยม
   "ฉันก็ไม่ได้อยากมานักหรอก" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่คนที่ชวนไอโตะมาโรงพยาบาลก็คือยูโตะ ดูเหมือนเขาจะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ในตอนที่มีแม่อยู่ด้วย
   "พี่ก็อย่าพูดอย่างนั้นสิ" ไอโตะเอ็ดพี่ชายแล้วเดินไปที่ข้างเตียงแล้ววางของเยี่ยมลง
   "นายอาการเป็นยังไงบ้าง"
   "ไม่เป็นไรแล้ว เย็นนี่ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ" คิจิมะใช้น้ำเสียงคนละโทนกับเวลาพูดกับยูโตะ
   "ค่อยยังชั่ว ถ้านายเป็นอะไรไปเพราะฉัน ฉันคงรู้สึกผิดมากแน่ ๆ ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันไว้" ไอโตะค้อมตัวลงเล็กน้อย แม้นี่จะเป็นการกล่าวขอบคุณครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้แต่ไอโตะก็ยังอยากพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งจากใจ
   "บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร อีกอย่างสุดท้ายคนที่ช่วยนายไว้ก็คือพี่ชายไม่ใช่เหรอ" ท่าทางคิจิมะจะเจ็บใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย
   "รู้อย่างนั้นก็ดีแล้ว" ยูโตะที่ยืนหันข้างให้เตียงเหมือนไม่อยากมองหน้าผู้ป่วยกอดอกพูด
   "นี่นายตั้งใจมาที่นี่เพื่อขัดขวางฉันกับไอโตะแค่นั้นใช่มั้ย อ๊ะ หรือว่าเพราะคิดจะทำตามข้อตกลงก็เลยพาไอโตะมาหาฉันงั้นเหรอ" คิจิมะมั่นไส้ในท่าทางของยูโตะจึงยียวนกลับไปบ้าง
   "อะไร ข้อตกลงอะไรเหรอ" ไอโตะดึงเสื้อพี่ชายเบา ๆ
   "ในวันที่พี่ชายนายมาถามฉันว่าไปไหนกับนายมา เราตกลงกันว่าถ้าฉันยอมบอกว่านายไปไหนแล้วจะต้องยอมให้ฉันเข้าใกล้นายได้ แต่ถ้าเกิดนายชอบพี่ชายขึ้นมาฉันจะต้องเลิกยุ่งกับนาย" คิจิมะชิงอธิบายแทน
   "หา!" ไอโตะมองพี่ชายตาปริบ ๆ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่ชายจะยอมรับเงื่อนไขแบบนั้น ยูโตะมั่นใจว่าเขาจะตอบรับความรู้สึกของตัวเองขนาดนั้นเลยหรือ
   "เอาล่ะไอ พูดให้หมอนี่ฟังชัด ๆ ไปเลยว่าไอคิดยังไงกับฉัน" ยูโตะเชิดหน้าขึ้นแล้วสั่งไอโตะ
   "เอ๋ แต่ว่ามัน..." คิจิมะเป็นผู้มีพระคุณของเขาจะให้พูดจาทำร้ายจิตใจได้อย่างไร นอกจากนี้การบอกรักต่อหน้าคนอื่นมันน่าอายเกินไป
   "อะไรกัน ท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ว่านายบังคับให้ไอโตะพูดเพื่อให้ฉันเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาหรอกเหรอ แบบนี้มันผิดกติกานี่" คิจิมะประท้วงเมื่อเห็นไอโตะมีท่าทางอิดออด
   "เปล่าเลย ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ดูหลักฐานจากเมื่อ..."
   ไอโตะรีบปิดปากที่จะโพล่งเรื่องน่าอายไว้ ดูเหมือนเขาจำเป็นต้องรีบพูดก่อนจะถูกจับถอดเสื้อเพื่อแสดงให้เห็นรอยจ้ำแดงบนตัวตรงนี้
   "เออ คิจิมะฉันขอโทษที่โกหกนายไป แต่ว่าฉันชอบพี่จริง ๆ นั่นแหละ" ไอโตะรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้พูดโกหกออกไป
   "ทั้งที่เป็นพี่น้องกันน่ะเหรอ" คิจิมะจ้องมองหน้าไอโตะนิ่ง
   "...อะ...อือ" คำพูดของไอโตะสะดุดเล็กน้อยเมื่อถูกตอกย้ำทางสถานภาพ
   "เรื่องแบบนี้ถ้าพ่อแม่รู้จะเป็นยังไง" สายตาของคิจิมะฉายแววเฉียบคมอยู่ชั่วขณะ
   "คิดจะขู่เหรอ เรื่องนั้นเมื่อถึงเวลาฉันจะอธิบายให้พวกท่านฟังเอง ต่อให้ถูกคัดค้านยังไงฉันก็จะทำให้ยอมรับให้ได้"
   "พี่" ไอโตะมองพี่ชายที่ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ทั้งที่เขายังรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้
   "เฮ้อ ล้อเล่นน่า ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่นายนี่น่าตลกจริง ๆ มีคนตั้งมากมายให้เลือกแต่กลับเลือกน้องชายตัวเอง"
   แม้จะไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวังอย่างโจ่งแจ้งแต่ยูโตะก็รู้ว่าลึก ๆ ในใจแล้วคิจิมะจะต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน เขาที่ถึงขนาดเอาตัวเข้าเสี่ยงอันตรายคงจะชอบไอโตะเอามาก ๆ
   "ไม่ใช่เลือก แต่ฉันมีไอแค่คนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว แปลกมากหรือไง" ถ้อยคำนั้นทำเอาทั้งไอโตะและคิจิมะพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
   "ไม่หรอก ถ้าเป็นฉันก็คงจะเหมือนกับนายนั่นแหละ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกปฏิเสธแล้วรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้" คิจิมะก้มหน้าพลางพูดด้วยแววตาเศร้าสอย
   "...ไม่ต้องห่วง อย่างนายถ้าปรับปรุงพฤติกรรมซักหน่อย จะต้องหาคนที่ดีกว่าฉันได้แน่ ๆ" ไอโตะอยากจะปลอบใจด้วยเห็นว่าคิจิมะเป็นประเภทที่หากชอบใครแล้วจะดีกับคน ๆ นั้น ทว่ามันกลับเหมือนเป็นคำพูดทำร้ายจิตใจเสียมากกว่า
   "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปรับปรุงตัวสินะ" คิจิมะหัวเราะลั่นกับความซื่อตรงของเด็กหนุ่มแต่ดวงตาของเขาไม่ได้หัวเราะไปด้วยเลย แม้จะพอคาดเดาผลลัพธ์ได้อยู่แล้วแต่พอต้องเผชิญหน้ากับความจริงมันก็ทรมานกว่าที่คิด
   สีหน้าไม่สู้ดีของคิจิมะทำให้สองพี่น้องคิดว่าคิจิมะคงอยากอยู่เพียงลำพังมากกว่า พวกเขาบอกลาแล้วเดินจากคนที่ยังนั่งคอตกออกมา แต่แล้วขณะที่วางมือลงบนลูกบิดประตูยูโตะก็หันกลับไปแล้วพูดขึ้น
   "เห็นว่านายช่วยไอเอาไว้เพราะงั้นฉันจะบอกอะไรให้แล้วกัน พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ หรอก" ยูโตะไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมแต่อย่างใด เขาเพียงแค่อยากบอกความจริงโดยไม่ปิดบังแทนคำขอบคุณ
   คิจิมะเบิกตาขึ้นเล็กน้อยจากนั้นจึงยิ้มเฝื่อน ๆ ออกมา ต่อให้ทั้งคู่เป็นพี่น้องกันจริง ๆ เขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไป

   "เป็นอะไรไปทำหน้ายุ่งเชียว กังวลเรื่องพ่อกับแม่เหรอ" หลังออกมาจากโรงพยาบาลไอโตะก็เอาแต่ทำหน้าเครียดมาตลอด
   "อือ...นิดหน่อยนะ" ไอโตะพยักหน้ารับ
   "ถึงตอนนั้นฉันจะพูดให้พวกท่านเข้าใจเองน่า" ยูโตะขยี้ผมของไอโตะเบา ๆ
   "แต่มันคงไม่ง่ายน่ะสิ" แค่ลูกชายของพวกเขาชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ยิ่งถูกเลี้ยงมาแบบพี่น้องกันอีกยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาคงไม่สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไอโตะรู้สึกเหมือนเป็นคนเนรคุณที่ไปชักจูงให้ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้มีพระคุณเดินไปในทางที่ผิด
   "ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะปกป้องไอเอง" คนที่ปลุกความรู้สึกรักในตัวไอโตะขึ้นมาก็คือเขา เขาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ยูโตะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนพลางสอดนิ้วมือของตัวเองเข้ากับนิ้วมือของคนข้าง ๆ แล้วกำไว้แน่น
   ไอโตะยิ้มตอบเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกสบายใจ อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ชายคนนี้จะช่วยให้เขาผ่านมันไปได้เสมอ
   "ไอรู้ตัวว่าชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ" ชายร่างสูงก้มตัวลงมามองหน้าน้องชายเล็กน้อยก่อนจะถาม
   "เออ...ก็คงจะเป็นตอนที่...พี่ไปกับคุริกูจิซังล่ะมั้ง" ไอโตะพูดออกมาทั้งที่ลังเลว่าบางทีตนอาจจะรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องของโคมิแล้ว เพียงแต่เขาคอยปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองเรื่อยมาเท่านั้น
   "หือ เจ้ารูปตัดต่อสร้างความเข้าใจผิดนั่นกลายเป็นผลดีสินะเนี่ย" แบบนี้เขาคงต้องขอบคุณคนส่งถึงจะยังไม่รู้ว่าใครก็ตาม หลังจากคิดแบบนั้นยูโตะก็หยิบโทรศัพท์ที่มีเสียงเตือนข้อความขึ้นมา เขาปล่อยมือออกจากน้องชายก่อนจะอ่านมัน
   "หึ เจ้าคุริกูจิรู้ตัวคนร้ายแล้วล่ะ" ยูโตะส่งเสียงพึงพอใจในลำคอเบา ๆ
   เขาส่งรูปถ่ายที่สร้างความสะเทือนใจกับไอโตะไปให้คุริกูจิเพื่อลองสอบถามดูว่าพอจะรู้ที่มาหรือไม่ แต่ไม่นึกว่าจะได้คำตอบเร็วขนาดนี้
   "จริงเหรอ ใครน่ะ" ไอโตะทำตาโตด้วยความอยากรู้
   "ก็รุ่นพี่อิโนะคนที่จับได้ว่าฉันเอากระเป๋าของเธอไปให้คุริกูจิไงล่ะ เจ้านั่นบอกว่าเห็นช่วง 2 อาทิตย์ก่อนเธอทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แอบตามถ่ายภาพเขาอยู่ ก็คงเพื่อเอามาทำรูปไม่เข้าท่านั่นแหละ" พอพูดแล้วยูโตะก็รู้สึกฉุนขึ้นมา
   "หรือว่าเธอจะโกรธที่ฉันพูดไม่ดีไปเนี่ย" ไอโตะร้อนตัว เขาอุตส่าห์พยายามไม่สร้างความแค้นให้หญิงสาวรอบตัวพี่ชายแล้วแต่สุดท้ายก็สร้างปัญหาอีกจนได้
   "ไม่ใช่หรอก เธอคงแค้นเรื่องที่ฉันเอากระเป๋าไปให้คนอื่นแล้วพาลไปลงที่ไอมากกว่า" ยูโตะขยี้หัวน้องชายช่างคิดมากเพื่อไม่ให้กังวลจนเกินเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นไอโตะก็ยังถอนหายใจยาว
   "เอาอย่างงี้ดีมั้ย ไว้ฉันจะประกาศตัวว่ามีคนที่คบด้วยแล้วแบบนี้จะได้ไม่มีใครมาวุ่นวายกับฉันให้เป็นเรื่องอีก"
   "คบด้วย!" พอถูกพูดเหมือนเป็นคู่รักไอโตะก็รู้สึกกระดากอย่างไรไม่รู้
   "อะไรหรือว่าไอไม่อยากคบกับฉัน" ยูโตะทำหน้ายุ่งทันที
   "เปล่า ไม่ใช่" เขายังไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นเลย
   "งั้นก็ตกลงตามนี้นะ" ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานแล้วจับมือไอโตะขึ้นมาประทับริมฝีปากลงไปเบา ๆ หน้าของไอโตะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
   ยูโตะเดินจับมือไอโตะมาตลอดทาง ไอโตะกลัวว่าจะมีคนเห็นจึงบอกให้ปล่อยหลายครั้งแต่พี่ชายก็ไม่ยอมฟังกว่าจะยอมปล่อยมือออกก็ตอนที่อยู่หน้าประตูบ้านแล้ว พอเข้าบ้านมาแล้วมองไปที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นกระเป๋าเดินทางตั้งอยู่พร้อมกับเจ้าของของมันที่กำลังมองซ้ายมองขวาเหมือนกับสำรวจว่าข้าวของครบหรือยัง
   "น้าทำอะไรน่ะ หรือว่าจะไปแล้วเหรอ" ไอโตะตรงดิ่งเข้าไปหาโทยะ
   "อือ ทิ้งงานมาหลายวันแล้วนี่"
   "งั้นอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนก็ยังดีนะครับ เดี๋ยวแม่ก็น่าจะกลับมาแล้ว" แม่ของเขากำลังออกไปจ่ายตลาดอยู่
   "ไม่ล่ะ เดี๋ยวเครื่องจะออกตอนทุ่มหนึ่งนี้แล้ว"
   "อะไรกัน" ไอโตะพูดเสียงอ่อยพลางทำตาละห้อย เขาอยากให้น้าอยู่ด้วยกันอีกสัก 2-3 วันก็ยังดี
   "หึ หึ ดูทำหน้าเข้าสิ ไม่ใช่ว่าคืนดีกับยูโตะแล้วเหรอ หรือว่าเจ้านี่ทำอะไรอีก ถ้างั้นไอไปอยู่กับฉันก็ได้นะ" ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รู้สาเหตุที่หลานชายของเขาทะเลาะกัน แต่ในเมื่อพวกเขาเข้าใจกันได้แล้วก็น่าจะหมดปัญหา
   "ไม่ได้ ฉันไม่ให้ไอไปไหนทั้งนั้น" ยูโตะรีบพันแขนไว้รอบบ่าของไอโตะจากด้านหลังเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
   "เฮ้อ ฉันล่ะเบื่อนายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลไอให้ดีกว่านี้ อย่าทำให้ร้องไห้อีกล่ะ ไม่งั้นฉันจะพาไอไปจริง ๆ แน่" โทยะเท้าเอวพลางชี้หน้ายูโตะไปด้วย
   "รู้แล้วล่ะน่า" ยูโตะกระแทกเสียงตอบ ต่อให้ไม่บอกเขาก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว
   " อา แล้วก็นี่ใกล้จะหน้าหนาวแล้ว ฉันก็เลยเอาเสื้อโค้ทมาให้พวกนายด้วย เอ้า" พูดจบโทยะก็โยนเสื้อโค้ทสีดำไปทางหลานชายคนโตที่อยู่หลังไอโตะอย่างไม่สนใจใยดี จากนั้นจึงกางเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนออกตรงหน้าไอโตะ
   "เป็นไงชอบหรือเปล่า" โทยะถามไอโตะด้วยรอยยิ้ม
   "เดี๋ยว วิธีการให้มันไม่ลำเอียงไปหน่อยเหรอ" ยูโตะที่ต้องยกมือรับเสื้อกลางอากาศโวยวายเสียงดัง ทว่าผู้ถูกตำหนิไม่แม้แต่จะหันมามองเขาด้วยซ้ำ เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นหลานจริง ๆ
   "ไอลองใส่ดูสิ ฉันทำให้เป็นพิเศษมีแค่ตัวเดียวในโลกเลยนะ" โทยะมักจะตัดเสื้อผ้าให้หลานชายสองคนบ่อย ๆ บางครั้งก็ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ บ้างครั้งก็นำมาให้ด้วยตัวเองแบบนี้
   "อือ ครับ" ไอโตะนึกขำท่าทางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงยูโตะของน้า เขาถอดเสื้อสเวตเตอร์ตัวนอกออก แต่ในขณะที่ถลกมันขึ้นเสื้อยืดตัวในก็ถลกขึ้นตามจากแรงเสียดทาน
   และในตอนนั้นเองโทยะที่มองดูหลานชายอยู่ก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อมองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง เขาถลกเสื้อตัวในของไอโตะให้สูงขึ้นเพื่อมองดูสิ่งแปลกปลอมบนตัวของไอโตะให้ชัดขึ้นพร้อมกับมองหาว่ายังมีรอยอยู่ในตำแหน่งอื่นอีกหรือเปล่า ไอโตะหยุดมือที่กำลังจะนำเสื้อลอดผ่านออกจากศีรษะไว้อย่างงง ๆ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังเพี้ยะจากด้านหน้า
   "อะไรเล่า อยู่ดี ๆ ก็" ยูโตะที่โดนฝ่ามือของโทยะปะทะที่แก้มอย่างแรงขึ้นเสียงใส่
   "ยังจะมาถามอีก รอยพวกนั้นแกเป็นคนทำใช่มั้ย" โทยะตวาดเสียงดังพลางชี้มือไปทางไอโตะที่มีรอยจ้ำแดงอยู่ตามตัวหลายแห่ง
   ไอโตะที่เพิ่งจะนึกได้รีบดึงเสื้อกลับลงมาแม้จะสายไปแล้ว เขาไม่นึกเลยว่าเรื่องระหว่างพวกเขาจะแดงเร็วขนาดนี้ สมองของเขาเร่งคิดหาคำแก้ตัว แต่แล้ว
   "อา ใช่" ยูโตะจับแก้มของตัวเองไว้แล้วยอมรับโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย ท่าทางและคำตอบนั่นทำให้เขาโดนฝ่ามือฟาดเข้าที่แก้มอีกข้างซึ่งยังมีรอยช้ำจาง ๆ อยู่
   "โอ๊ย ทำไมล่ะ พวกเรารักกันนี่ ผิดหรือไง" แม้จะเจ็บบริเวณที่ถูกกระแทกซ้ำแผลเก่าแต่ยูโตะก็ยังเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว
   "รักกัน!! พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ไอเป็นน้องแกนะ แล้วก็เป็นผู้ชายด้วย" โทยะตะคอกสุดเสียงราวกับอยากให้คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปในสามัญสำนึกของยูโตะ เขาอยากให้เรื่องที่ได้ยินเป็นแค่เรื่องตลกแต่แววตาที่จริงจังของยูโตะก็ทำลายความหวังของเขา
   "ก็เพราะน้าคิดอย่างนี้น่ะสิ ถึงได้ต้องทนทรมานมองดูพ่อของไอไปคบกับคนอื่นโดยไม่ทำอะไร แต่ฉันไม่เหมือนน้า ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมปล่อยมือจากไอแน่"
   "นี่นาย...ทำไม...ถึงรู้เรื่องนั้น" โทยะตกใจเป็นอย่างมาก เรื่องนี้แม้แต่พี่สาวของเขายังไม่รู้เลย
   "เพราะน้าเมาแล้วพูดออกมาตอนวันเกิด 12 ขวบของไอน่ะสิ"
   "ให้ตายสิ" โทยะรู้สึกเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้แอลกอฮอล์อยู่เหนือสติสัมปชัญญะขึ้นมาทันที มิน่าล่ะยูโตะถึงมีท่าทางหวงน้องชายกับเขามาตั้งแต่ช่วงนั้น
   "เรื่องของฉันน่ะช่างมันเถอะ ยังไงพวกนายก็ไม่ควร..."
   "ทำไมล่ะ เพราะกังวลเรื่องสายตาของคนในสังคมเหรอ สมัยนี้เรื่องอย่างนี้ก็ไม่แปลกแล้วนี่ แต่ถึงเราจะบังเอิญไปอยู่ในที่ที่ไม่เป็นที่ยอมรับขึ้นมา ฉันก็จะหาที่ที่จะยอมรับพวกเราให้ได้"
   "ยูโตะ นี่นายพูดจริงเหรอเนี่ย" โทยะก้าวถอยหลังไปจนชนกับกำแพงแล้วกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ
   "ฉันว่าเรื่องนั้นน้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่"
   เป็นอย่างที่ยูโตะพูด เขามองเห็นพฤติกรรมของยูโตะมาตลอด รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ปฏิเสธความจริงว่าคิดมากไปเองเรื่อยมา ทั้งที่ควรจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแต่กลับปล่อยให้ลุกลามไปจนแก้ไขไม่ได้
   "แต่ถึงอย่างนั้นมันก็..." แม้แต่ตัวเขาที่ชอบผู้ชายด้วยกันยังคิดว่าเป็นเรื่องผิดธรรมชาติจนต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้เพราะกลัวจะถูกรังเกียจ ไม่กล้าบอกใครแม้กระทั่งคนในครอบครัว และต่อให้อีกฝ่ายยอมรับความรู้สึกของเขาก็ไม่รู้จะถูกสังคมภายนอกมองว่าอย่างไร คนที่เขารักอาจจะพลอยต้องมาลำบากเพราะเขาไปด้วย ทั้งอย่างนั้นยูโตะกลับกล้าทำในสิ่งที่เขาไม่กล้า นั่นคงเพราะมั่นใจว่าตัวเองจะปกป้องคนรักได้
   "น้า ผมขอโทษ" ไอโตะน้ำตาคลอพลางเดินเข้าไปใกล้ ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็ไม่อยากโกหกและอยากให้น้าที่เป็นบุคคลสำคัญกับเขายอมรับ
   "ไอ" หากเป็นการตบมือข้างเดียวของยูโตะก็ว่าไปอย่าง แต่ดูเหมือนความรู้สึกของไอโตะก็จะเป็นของจริงเช่นกัน
   โทยะวางมือลงบนศีรษะของไอโตะ การรักใครสักคนเป็นเรื่องช่วยไม่ได้และไม่ใช่ความผิดเรื่องนี้เขาเข้าใจดี การซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองแล้วกล้าที่จะบอกมันออกมาเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากนัก เขาไม่รู้ว่าหากทำอย่างหลานของตนไม่หนีจากความจริงแล้วบอกความรู้สึกกับรุ่นพี่ไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าการมานึกเสียใจภายหลังอยู่จนถึงบัดนี้
   "เฮ้อ ถึงต่อจากนี้จะต้องเจออุปสรรคมากมาย พวกนายก็จะไม่เสียใจทีหลังเหรอ" โทยะถอนหายใจอย่างแรง เขามองหน้ายูโตะก่อนจะวกกลับมายังผู้ที่เขาเพิ่งเช็ดน้ำตาให้
   ผู้ถูกถามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน แววตาของยูโตะทั้งมั่นคงและแน่วแน่ บางทีหากเป็นยูโตะอาจจะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งมวลเพื่อน้องชายคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวได้ ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ที่ฝากฝังไอโตะไว้จะโกรธหรือเปล่า แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่ายูโตะจะไม่ทอดทิ้งไอโตะอย่างแน่นอน
   "แต่ถึงยังไงไอก็ยังเด็กอยู่ เรื่องแบบนี้มันสมควรแล้วเหรอ ทำไมแกถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง" พอตัดสินใจยอมรับเรื่องของทั้งคู่โทยะก็ตำหนิพี่ชายคนโตอีกครั้ง
   "ก็เพราะรู้อย่างนั้นถึงได้ทำแค่นี้ไงเล่า" ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากกว่าการสัมผัสและจูบก็เพราะเข้าใจเรื่องนี้ดี
   "แค่นี้? รอยเต็มตัวแบบนี้เนี่ยนะ ไอฉันถามจริง ๆ เถอะ ไม่ได้ถูกเจ้านั่นบังคับเอาใช่มั้ย ตอนนี้ยังไม่สายนะลองคิดดูใหม่อีกทีก็ได้" โทยะจับไหล่ทั้งสองข้างของไอโตะไว้
   "ไม่ได้จริง ๆ สินะ เป็นผม...ไม่ได้สินะ...ผมขอโทษ ทั้งที่พี่ควรจะมีคนรักแบบคนอื่นทั่วไปแท้ ๆ" พอได้ยินถ้อยคำที่เหมือนเป็นการปฏิเสธทางอ้อม เสียงของไอโตะก็ขาดห้วงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย
   "ไอ" โทยะรีบคว้าตัวเด็กหนุ่มมากอดไว้ด้วยความตกใจ
   "นี่น้าทำไอร้องไห้ได้ยังไง" ยูโตะชักสีหน้าแล้วรีบเข้าไปดูน้องชายทันที
   "ไอ ไอไม่ผิดหรอก คนที่ผิดก็คือเจ้าพี่ชายโรคจิตนี่ต่างหาก" โทยะกอดไอโตะเอาไว้ เขาพูดปลอบใจพลางตำหนิยูโตะในเวลาเดียวกัน
   "หา!" ยูโตะอุทานอย่างยอมรับไม่ได้
   "หรือว่าไม่จริง ยังไงต้นเหตุที่กลายมาเป็นแบบนี้ก็น่าจะเพราะแกแน่ ๆ ฉันคิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่พาไอมา" ถึงใจหนึ่งจะยอมรับแต่ปากก็ยังอดพูดความในใจส่วนที่เหลือออกมาไม่ได้
   "ไม่ใช่นะครับ พี่...ไม่ผิด พี่ไม่ได้...บังคับผม" ไอโตะเงยหน้าขึ้นมาแล้วแก้ต่างแทนพี่ชายทั้งที่ยังไม่หยุดร้องไห้
   "เข้าใจแล้ว ๆ อย่าร้องไห้เลย แต่ว่าแบบนี้จะให้ฉันบอกพี่ว่ายังไงล่ะ" โทยะตบหลังคนที่อยู่ในอ้อมแขนเบา ๆ
   "ก็ถ้าแม่รู้ขึ้นมาน้าก็ช่วยพูดด้วยแล้วกัน ยังไงน้าก็อยู่ข้างเดียวกับไออยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ" ยูโตะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
   "นี่จะให้ฉันเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเหรอ"
   "ฉันจริงจังกับไอนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้ไอเสียใจ แต่ว่าเรื่องของแม่อย่างน้อยก็อยากรอให้ไอเรียนจบซะก่อน"
   "เฮ้อ เอาอย่างนั้นก็ได้แต่ถ้าฉันเห็นไอไม่มีความสุขเมื่อไหร่ฉันจะพาไอไปด้วยทันที" โทยะไม่ได้ขู่หากเขาเห็นไอโตะร้องห่มร้องไห้เหมือนตอนที่ไปอยู่คอนโดของเขาอีกล่ะก็เขาจะพาไอโตะไปอย่างแน่นอน
   "ได้สิ แต่คงไม่มีวันนั้นหรอก" ยูโตะยิ้มอย่างมั่นใจ
   ชายสองคนยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตาอยู่พักใหญ่ แต่แล้วโทยะก็เป็นฝ่ายถอนสายตาก่อนแล้วถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
   "เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วชักเป็นห่วงที่จะปล่อยให้พวกนายอยู่ด้วยกัน 2 คนแล้วสิ" โทยะพูดพลางใช้นิ้วมือเช็ดน้ำตาให้ไอโตะที่ยอมเงยหน้าขึ้นแล้ว
   "อยู่ด้วยกัน 2 คน?" ยูโตะทวนถามด้วยความฉงน
   "อา ก่อนหน้านี้พี่เพิ่งบอกฉันว่าบริษัทของคุณฮิโรชิเลื่อนกำหนดการเปิดสาขาใหม่ที่นี่ไปอีกปี เรื่องที่จะกลับมาที่นี่ก็เลยต้องเลื่อนออกไปด้วย แต่ว่าคุณฮิโรชิสุขภาพไม่ค่อยดีพี่ก็เลยอยากไปอยู่ดูแลทางนั้น เพราะเห็นว่าพวกนายโตกันแล้วอยู่กันเองตามลำพังได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ฉันบอกให้พี่อยู่ที่นี่ดีกว่าแฮะ"
   "ไม่ต้องหรอกน่า พ่ออยู่ตัวคนเดียวมาตั้งนานแล้ว น่าเป็นห่วงจะตาย" ยูโตะรีบคัดค้านทันควัน
   "โกหก แกก็แค่อยากอยู่กับไอ 2 คนล่ะสิ ดีล่ะ ฉันพาไอไปด้วยเลยดีกว่า" โทยะคว้าไอโตะไปกอดไว้อีกครั้ง
   "ไม่ได้เมื่อกี้ก็ตกลงกันแล้วนี่ ไอฉันจะเป็นคนดูแลเอง" ยูโตะดึงตัวน้องชายกลับคืนไปแต่โทยะก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ
   "อย่างนายดูแลไอให้ดีไม่ได้หรอก ตัวอันตรายชัด ๆ"
   "ฉันเป็นผู้ใหญ่พอหรอกน่า ทำไมไม่ไว้ใจกันบ้าง"
   "เดี๋ยวหยุดก่อน อย่าทะเลาะกันสิ" ไอโตะหยุดร้องไห้แล้วรีบห้ามศึกสายเลือดตรงหน้า ทว่าทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมแพ้และดูท่าศึกครั้งนี้จะยืดเยื้อกว่าทุกครั้ง
   "จริงสิ น้าถ้าไม่รีบไปขึ้นเครื่องจะไม่เป็นไรเหรอ" ในที่สุดไอโตะก็หาวิธียุติสงครามได้
   "อ๊ะ จริงสิ ต้องเอารถไปเก็บที่คอนโดก่อนด้วยนี่" โทยะมองนาฬิกาเมื่อนึกขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาทางไอโตะแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง
   "ไอ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรน่ะ อย่าไปตามใจเจ้าบ้านั้นมากนะ ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ เข้าใจหรือเปล่า" โทยะวางมือบนศีรษะของไอโตะ
   "ครับ ผมไม่เป็นไรหรอก" ไอโตะยิ้มแห้ง ๆ รับ
   "แกด้วย ห้ามทำอะไรเกินเลยกับไอเด็ดขาด รอให้ไอเรียนจบแล้วเราค่อยมาว่าเรื่องนี้กันอีกที คำตอบล่ะ" โทยะถลึงตาใส่ยูโตะ
   "รู้แล้ว รู้แล้ว แต่ยังไงถึงตอนนั้นฉันก็ยังไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ" ยูโตะยืนยันอย่างหนักแน่นแล้วจ้องน้าเขม็ง
   โทยะผ่อนลมหายใจหนักออกมาประหนึ่งยอมแพ้ให้กับการยืนกรานนั่น จากนั้นจึงขนสัมภาระขึ้นรถโดยมีหลานชายทั้งสองเป็นผู้ช่วย ในตอนนี้แม้เขาจะพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ ดังนั้นการปล่อยให้พวกเขาค่อย ๆ ใช้เวลาทำความรู้จักกับความสัมพันธ์ที่แตกต่างไปจากเดิมน่าจะทำให้มองเห็นปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ มากขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วทั้งสองคนยังไม่เปลี่ยนใจเขาก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนที่ 23.2 ตอนจบ 2019.01.18)
«ตอบ #27 เมื่อ18-01-2019 19:34:28 »

   ก่อนนอนไอโตะจัดข้าวของที่เพิ่งขนกลับมาจากห้องที่ตนไปอาศัยอยู่ติดต่อกันมา 2 วันกลับเข้าที่ ทว่าเขาหานาฬิกาข้อมือไม่เจอจึงกลับไปหาที่ห้องข้าง ๆ แม้มันจะพังแล้วแต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ และแล้วไอโตะก็เจอมันอยู่ในลิ้นชักของตู้ข้างหัวเตียง พี่ชายคงจะเป็นคนเก็บมันไว้ ไอโตะหยิบมันออกมาแต่ในตอนนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษสีขาวเป็นมัน 3 ใบซึ่งอยู่ด้านในสุดของลิ้นชัก
   "รูปถ่ายเหรอ" ไอโตะหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและหวังว่ามันจะไม่ใช่รูปตัดต่อที่จะทำให้เข้าใจผิดอีก
   ทันทีที่พลิกดูรูปใบแรกไอโตะก็ต้องรีบพลิกดูรูปถ่ายอีก 2 ใบที่เหลือ ในรูปเป็นภาพถ่ายของเด็กชายอายุราว 7 ขวบสวมชุดตุ๊กตาสีชมพูซึ่งมีหมวกเป็นหูกระต่ายอยู่บนศีรษะ รอยยิ้มที่สดใสราวกับเด็กผู้หญิงทำให้ไอโตะขนลุกได้ไม่น้อย
   "ไอทำอะไรอยู่...หวา ไอนั่นมัน..." เจ้าของห้องที่กลับมารีบวิ่งเข้ามาคว้ารูปถ่ายพวกนั้นคืนไป
   "นี่มันรูปฉันตอนที่น้าจับใส่ชุดที่ทำให้ไม่ใช่เหรอ ทำไมพี่ถึงมีของแบบนี้ได้" ไอโตะถามเสียงต่ำ เมื่อก่อนน้าชอบตัดชุดแปลก ๆ ให้เขาใส่แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นประจำ แต่รูปพวกนั้นน้ามักจะเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่ยอมให้ใครแม้กระทั่งเขาหรือแม่ก็ตาม
   "ก็น้าให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดนี่" ยูโตะซ่อนรูปถ่ายไว้ด้านหลังแล้วถอยห่างจากไอโตะเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกแย่งชิงไป ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้มันคืนอีก
   "อ้อ มิน่าล่ะ วันนั้นพี่ถึงยอมให้น้าเข้าบ้านมาง่าย ๆ โดยไม่บ่นอะไร" เขาก็คิดอยู่ว่าท่าทางของพี่ดูแปลก ๆ แต่ไม่นึกว่าจะเป็นสินบนแบบนี้
   "แต่ในเมื่อมันเป็นรูปของฉัน งั้นฉันขอคืนก็แล้วกัน" ไอโตะแบมือท้วงของน่าอายของตนคืนพลางฝืนฉีกยิ้ม
   "โทษทีแต่ถึงจะเป็นไอฉันก็ให้ไม่ได้หรอก"
   "นี่พี่เห็นฉันตอนเด็กดีกว่าอย่างนั้นเหรอ ใช่สิฉันโตแล้วเลยไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนใช่มั้ยล่ะ" ทั้งที่มีเขาอยู่ทั้งคนแต่พี่กลับให้ความสำคัญกับรูปถ่ายในอดีตมากกว่า แล้วยังถึงขนาดเก็บไว้ข้างหัวเตียงอีกด้วย
   "ไม่ใช่อย่างนั้น แต่นี่มันเป็นสมบัติล้ำค่าของฉันนี่" ยูโตะพยายามอธิบายแต่ไอโตะกลับหน้าหงิกยิ่งกว่าเก่า
   "พี่โรคจิต" ไอโตะต่อว่าแล้วเดินกระแทกส้นเท้ากลับห้องไปด้วยความโมโห
   ยูโตะตั้งใจจะตามไปแต่เขาก็เปลี่ยนใจหันกลับไปหาที่ซ่อนรูปถ่ายให้พ้นจากมือบุคคลในรูปเสียก่อนแล้วจึงค่อยวิ่งตามออกไป
   "ไอฟังฉันอธิบายก่อนสิ" ยูโตะส่งเสียงดังมาตั้งแต่หน้าประตู
   "ตามมาทำไม" ไอโตะพูดโดยไม่หันไปมองแล้วขึ้นไปบนเตียงเพื่อเข้านอน
   "ไอ โกรธเหรอ" ชายหนุ่มจับมือน้องชายที่กำลังจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้
   "เปล่า" ไอโตะพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจแล้วดึงผ้าห่มคืนมาได้สำเร็จ
   "โกหก ถึงฉันจะเก็บรูปเมื่อก่อนไว้ แต่ยังไงไอในตอนนี้ก็สำคัญกับฉันที่สุดนะ" ยูโตะพูดเสียงหวานพลางสอดตัวตามเข้าไปในผ้าห่มด้วย
   "จะทำอะไรน่ะ" เจ้าของเตียงพลิกตัวกลับมาถาม
   "ก็จะนอนด้วยไง" ทั้งที่ถูกโกรธอยู่แต่ผู้บุกรุกก็ตอบอย่างไม่สำนึก
   "มีรูปอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปนอนกับรูปเลยไป๊"
   "แต่คนรักของฉันคือไอนี่ไม่ใช่รูปถ่าย" ยูโตะตั้งแขนข้างหนึ่งขึ้นเพื่อทรงตัวไว้
   "พี่! อย่าพูดอย่างนั้นสิ แม่ก็อยู่นะ" ไม่ว่าอย่างไรจิตใต้สำนึกของไอโตะก็ยังไม่ปล่อยให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกผิดได้ง่าย ๆ
   "ทำไมล่ะ ซักวันก็ต้องบอกเรื่องนี้กับแม่อยู่ดี ก็เจ้าสาวของฉันมีแค่ไอคนเดียวนี่" ยูโตะใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมที่บังหน้าน้องชายออก
   "พี่ยู" พี่ชายดูมีท่าทางแน่วแน่ต่างจากเขาที่มีแต่ความกังวล
   "ดูทำหน้าเข้าสิ แบบนี้เดี๋ยวไอในรูปก็น่ารักกว่าหรอก" ชายหนุ่มจิ้มนิ้วลงกลางหน้าผากของไอโตะแล้วหมุนไปมาเพื่อคลายปมที่หว่างคิ้วออก
   "อุตส่าห์บอกว่ามีฉันอยู่ทั้งคน ไม่เชื่อใจกันเลยหรือไง"
   "ไม่ใช่นะ" ไอโตะรีบปฏิเสธ เขาตั้งปณิธานไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเชื่อใจพี่ชายคนนี้
   "งั้นต่อจากนี้ห้ามคิดมากคนเดียวอีก ถ้ามีอะไรไม่สบายใจต้องบอกฉันตกลงนะ"
   "อือ" ฝ่ามือใหญ่ของพี่ชายที่แนบอยู่บนใบหน้าของเขาส่งผ่านความอบอุ่นที่สร้างความสบายใจมาให้ การชอบเก็บอะไรมาคิดคนเดียวเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายมาตั้งแต่เด็ก แต่บัดนี้เขารู้แล้วว่ามันมีแต่ผลเสียเต็มไปหมด ในเมื่อมีบุคคลที่พร้อมจะรับฟังปัญหาของเขา เขาก็ควรจะพึ่งพาพวกเขาบ้าง
   "อ๊ะ จริงสิ ถ้าไอกังวลที่ฉันเป็นพี่ล่ะก็ งั้นลองเรียกฉันว่ายูโตะเป็นไง จะได้ไม่รู้สึกว่าฉันเป็นพี่ไงล่ะ" ยูโตะยิ้มอย่างภูมิใจในความคิดของตัวเอง
   "หา ไม่เอาหรอก แล้วมันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาซักหน่อย" ไอโตะบอกปัดการทำเรื่องน่าอายอย่างไม่ลังเล
   "เอาเถอะน่า อาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้นะ"
   "บอกว่าไม่เอาไง" เด็กหนุ่มทำหน้าถมึงทึงใส่
   "ชิ ไม่น่ารักเลย ก็ได้ถ้าไม่เรียกยูโตะ งั้นไอบอกว่ารักฉันแทนแล้วกัน"
   "หา นั่นมันช่วยแก้ปัญหาตรงไหนกัน" การบอกรักมีแต่จะทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไม่ได้ช่วยให้สบายใจขึ้นเลยสักนิด
   "แต่ไอยังไม่เคยบอกว่ารักฉันเลยนี่ ฉันบอกตั้งหลายครั้งแล้วแท้ ๆ"
   "ระ...เรื่องนั้นก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ต้องพูดด้วยเหรอ" หน้าของไอโตะเริ่มกลายเป็นสีแดงจาง ๆ
   ยูโตะพยักหน้าแล้วใช้ตัวเองปิดล้อมน้องชายไว้จากด้านบน
   "แต่ว่าฉันง่วงแล้วล่ะ นอนก่อนดีกว่า" เด็กหนุ่มหาข้ออ้างแล้วตะแคงตัวหลบสายตาของพี่ชายที่จ้องมองลงมา
   "จะยอมพูดดี ๆ หรือว่าจะให้ทำแบบเมื่อคืนอีก คราวนี้อาจจะตื่นสายเลยก็ได้นะ"
   "อย่านะ พรุ่งนี้ฉันนัดกับมากิโฮะไว้แล้วด้วย" พอมือพี่ชายสอดเข้ามาใต้เสื้อไอโตะก็รีบพลิกตัวกลับมาหยุดมันไว้ แม้จะขาดเรียนไปแค่วันเดียวแต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วเขาจึงตั้งใจจะไปลอกสมุดจดจากมากิโฮะ ช่วงก่อนหน้านี้ก็มีปัญหามากมายเต็มไปหมด คะแนนกลางภาคก็ไม่ดีเพราะเรื่องของโคมิ ปลายภาคก็ยังมีเรื่องกวนใจอีก หากไม่รีบเตรียมตัวอ่านหนังสือตั้งแต่เนิ่น ๆ คะแนนปลายภาคต้องออกมาไม่ดีแน่
   "งั้นก็พูดให้ฉันฟังก่อนสิ แล้วจะแถมคอร์สติวพิเศษให้ด้วยนะ" ยูโตะเกี่ยวพันเส้นผมของไอโตะด้วยปลายนิ้วแล้วก้มหน้าลงไปใกล้เพื่อกดดัน
   "ทุกทีที่ติวให้ไม่เห็นมีเงื่อนไขเลยนี่"
   "ก็ตอนนี้สถานะของพวกเราเปลี่ยนไปแล้วมันก็ต้องมีเงื่อนไขบ้างสิ" ยูโตะยิ้มอย่างเป็นต่อ
   "ขี้โกง" การยื่นเงื่อนไขในตอนที่คนอื่นกำลังตกที่นั่งลำบากเป็นการเอาเปรียบกันชัด ๆ
   "คนที่ขี้โกงคือไอต่างหาก ให้ฉันเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง"
   "ไม่พูดไม่ได้เหรอ" ไอโตะต่อรอง
   "ไม่ได้" ยูโตะคัดค้านโดยไม่เห็นใจแม้แต่น้อย
   ไอโตะทำหน้าขมขื่นอย่างกับถูกบังคับให้กินยาพิษ แค่คิดเขาก็อายจนทำอะไรไม่ถูกแล้วหากพูดออกไปเขาจะมองหน้าพี่ได้อย่างไร ทำไมพี่จะต้องแกล้งเขาด้วย ขณะที่ไอโตะกำลังคิดจะต่อว่าเขาก็รู้สึกได้ว่ามือของพี่ชายซึ่งอยู่ที่หน้าท้องของเขาก่อนหน้านี้เคลื่อนตัวสูงขึ้นมา
   "ก็ได้ ก็ได้ พูดแล้ว พูดแล้ว" ไอโตะยึดมือนั่นให้หยุดอยู่กับที่อีกครั้ง ดูจากสายตาของพี่ชายที่จ้องมองเขาอย่างรอคอยแล้วหากไม่พูดจะต้องถูกทำอะไรต่อมิอะไรอีกแน่
   "...ฉัน...รัก..." ไอโตะตะกุกตะกักพูดพลางหน้าแดงเป็นลูกมะเขือ
   "หือ ไม่ได้ยินเลยนะ" ยูโตะหรี่ตาอย่างไม่พอใจ
   "ฉันรัก...พี่" พอพูดจบไอโตะก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็วแต่ยูโตะที่ยิ้มกริ่มก็ประคองมันกลับมาดังเดิม
   "ฉันก็รักไอนะ จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต่อผ่านมันไปด้วยกันนะ"
   หลังจากที่ไอโตะพยักหน้าเล็กน้อยยูโตะก็ประทับริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาราวกับเป็นคำสาบานแห่งรัก

ออฟไลน์ Lemaness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
U & I (ตอนพิเศษ 2019.02.09)
«ตอบ #28 เมื่อ09-02-2019 21:08:10 »

ตอนพิเศษ

   "น้ำตกใหญ่จัง เราลงไปข้างล่างได้มั้ย" เด็กหญิงมัดผมแกะวัย 6 ขวบ แหงนคอมองสายน้ำที่ทิ้งตัวลงมาจากด้านบนแล้วชี้มือลงไปจากหน้าผาเตี้ยที่ตนยืนอยู่
   "ไม่ได้ ตกลงกับแม่ไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ลงไป" เด็กหญิงแก่กว่า 4 ปี ตะโกนพูดกับลูกพี่ลูกน้องเพื่อแข่งกับเสียงน้ำตก
   "แค่ขอเข้าไปใกล้กว่านี้อีกหน่อยก็ได้ นะ พี่มากิโฮะ" เด็กหญิงกอดตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างกระตุกเสื้อพี่สาวเบา ๆ
   "ข้างล่างหินมันลื่นนะ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก" เด็กชายที่ฟังอยู่ยื่นมือช่วยมากิโฮะห้ามเด็กหญิงอีกแรง
   "แต่พี่ไอโตะก็อยากลงไปเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ" เด็กหญิงรีบหาพรรคพวก
   "ก็ใช่ แต่เราสัญญากับแม่ไว้แล้วนี่ว่าจะไม่ลงไป แล้วถ้าไม่ทำตามที่พูดเดี๋ยวพี่ยูที่รับปากจะดูแลพวกเราก็โดนดุหรอก" ไอโตะอ้างถึงพี่ชายที่ยืนทำหน้าลำบากใจอยู่
   ปิดเทอมภาคฤดูร้อนครอบครัวของไอโตะและมากิโฮะมาเที่ยวที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่มากิโฮะ ส่วนเด็กหญิงที่กำลังรบเร้าพวกเขาอยู่ก็คือลูกสาวของน้องสาวของแม่มากิโฮะ พวกเขามาตั้งแคมป์กันบนภูเขาซึ่งมีน้ำตกขนาดใหญ่ แต่มันถูกห้ามไม่ให้ลงเล่นน้ำและมีป้ายปักเตือนไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงที่รับปากพ่อแม่เป็นมั่นเป็นเหมาะก็ยังจะผิดคำพูด
   "ใช่แล้ว ถ้าไม่ทำตามที่ตกลงก็ต้องกลับล่ะ" มากิโฮะเท้าเอวพูด
   "อะไรกัน ไม่มีใครเข้าข้างมิคุเลย" เด็กหญิงทำปากยื่นทั้งที่ตนเป็นฝ่ายผิด
   "อย่างงอแงสิ ไม่งั้นจะพากลับจริง ๆ นะ" มากิโฮะเริ่มรำคาญ เธออยากชมทัศนียภาพงดงามตรงหน้าอย่างสบายใจ แต่ลูกพี่ลูกน้องของเธอกลับก่อกวนไม่หยุด เธอจึงพูดขู่พลางจับข้อมือของน้องสาวไว้
   "ไม่เอา" เด็กหญิงสะบัดตัวหนีอย่างแรงทำให้ตุ๊กตาที่ถือไว้หลุดออกจากมือแล้วตกลงไปยังน้ำตกด้านล่าง ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวในทันทีจากนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด
   "กระต่าย...ของมิคุ...กระ...ต่าย...ฮือ" เด็กหญิงทั้งใช้มือปาดน้ำตา ทั้งร้องโวยวาย เสียงของเธอดังก้องราวกับจะกลบเสียงของน้ำตก
   "มิคุ มันตกลงไปแล้วก็ช่วยไม่ได้นะ เอาไว้ฉันจะบอกให้พ่อซื้อให้ใหม่ดีมั้ย" ยูโตะที่โตที่สุดในกลุ่มปลอบใจแต่เด็กหญิงกลับส่งเสียงร้องดังยิ่งกว่าเก่า
   "ไม่เอา มิคุ...จะเอาตัว...นั้น...ตัวอื่น...ไม่เอา...แง"
   "มิคุ อย่าเอาแต่ใจสิ" แม้จะฟังเหมือนต่อว่าแต่มากิโฮะก็พูดอย่างใจเย็นเพื่อไม่กระตุ้นให้น้องสาวร้องไห้มากไปกว่านี้
   "แต่นั่นมันเป็นตุ๊กตา...ตัวโปรดของมิคุนะ...พี่ยูโตะลงไปเก็บให้มิคุ...หน่อยสิ" เธอสะอึกสะอื้นขอร้อง
   ยูโตะชะโงกลงไปดูด้านล่าง ตุ๊กตาตกอยู่บนโขนหินแม้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เขาอยู่ตอนนี้ แต่หากเดินเลาะตามโขนหินไปก็คงไม่เป็นไร
   "เฮ้อ ก็ได้ ฉันจะไปเก็บมาเอง" ยูโตะถอนหายใจยาวแล้วรับปากเพื่อให้จบเรื่องไป
   "ไม่ได้นะ เกิดตกลงไปจะทำยังไง" ไอโตะดึงเสื้อของพี่ชายไว้ ในขณะที่มิคุเบาเสียงลงหลังจากได้ยินยูโตะพูดอย่างนั้น
   "ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง" ยูโตะวางมือลงบนศีรษะของน้องชาย
   "ไม่ได้ ถ้าตกลงไปในน้ำล่ะ พี่อาจจะตายก็ได้นะ" ไอโตะส่ายหน้าพูดพลางน้ำตาคลอ แม้ไม่รู้ว่าน้ำลึกแค่ไหน แต่การมีทั้งป้ายและรั้วกั้นไว้แสดงว่าจะต้องไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน พ่อกับแม่ก็พูดไว้
   "ไม่ตายหรอก แล้วฉันก็ว่ายน้ำเก่งนะ" ยูโตะยิ้มบาง ๆ ออกมาแต่มันไม่ช่วยให้ไอโตะเบาใจเลยสักนิด
   "ยังไงก็ไม่ได้ ถ้าพี่จะลงไปล่ะก็ ฉันจะไปแทนเอง"
   "ไอ" ยูโตะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทั้งที่ไอโตะว่ายน้ำไม่เป็นแต่กลับบอกว่าจะเสี่ยงอันตรายแทนเขา
   "ถ้าพี่ตาย ถ้าไม่มีพี่อยู่ แบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก" เด็กชายร่างเล็กร้องไห้เสียงดังเสียจนมิคุที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่เมื่อครู่เงียบเสียงลงมอง
   คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับยูโตะ ขณะที่จ้องมองใบหน้าของน้องชายหัวใจของเขาก็ส่งเสียงดังตึกตักจนน่ารำคาญ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้ แม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เขาก็ดีใจที่มีคนให้ความสำคัญกับเขาถึงขนาดยอมตายแทนได้ ยูโตะโอบกอดร่างเล็ก ๆ ไว้แนบอกแล้วลูบศีรษะน้องชายจนกระทั่งหยุดร้องไห้ และกว่าเขาจะรู้ว่าความรู้สึกนั้นคือความรักก็ผ่านไปอีก 1 ปีให้หลัง
   "พี่ยูเป็นอะไรไปรายการไม่สนุกเหรอหรือว่าง่วงนอนแล้ว" เด็กหนุ่มถามพี่ชายที่นั่งใจลอยขณะกำลังดูรายการทีวีหลังเที่ยงคืนในห้องนั่งเล่น
   ด้วยความช่วยเหลือของชายที่นั่งอยู่บนโซฟาข้าง ๆ เขา ไอโตะจึงผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดีและได้มาใช้เวลาช่วงปิดภาคฤดูใบไม้ร่วงอย่างสบายใจกับพี่ชายเพียงลำพัง 2 คน เนื่องจากแม่ไปอเมริกาทันทีที่เขาสอบเสร็จและตั้งใจจะอยู่กับพ่อจนกว่าจะย้ายกลับมาที่นี่
   "อือ เปล่าหรอก แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อยน่ะ ไอล่ะง่วงหรือยัง" ยูโตะเรียกสติของตนกลับมาจากอดีต
   "ไม่นี่ แต่ถ้าพี่จะนอนฉันก็จะนอนเหมือนกัน" ต่อให้รายการทีวีสนุกแค่ไหนแต่ถ้าพี่ต้องฝืนมาอยู่เป็นเพื่อนเขาคงไม่รู้สึกสนุกนัก
   "หือ ไอน่ารักจังเลยนะ งั้นเพื่อเป็นการตอบแทนฉันจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังนะ" ยูโตะใช้แขนที่พาดอยู่บนพนักโซฟาเกี่ยวตัวน้องชายเข้ามาใกล้
   "หา จู่ ๆ นึกอะไรขึนมา" ไอโตะแปลกใจเพราะพี่ชายไม่เคยเล่านิทานให้เขาฟังเลยสักครั้ง
   "เอาน่า เอาน่า แค่ตั้งใจฟังก็พอ" พอห้ามน้องชายแล้วยูโตะก็เริ่มเล่าเรื่องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
   "ในคืนที่หิมะตกหนัก หญิงสาวที่อยู่ในบ้านเพียงลำพังก็ได้ยินเสียงดังกึกกักจากหน้าประตูบ้าน พอเปิดออกไปดูก็ไม่มีใคร หิมะตกหนักก็ไม่น่าจะมีใครมาด้วย เธอจึงคิดว่าอาจจะเป็นเสียงลมแล้วเลิกสนใจแต่หลังจากนั้นเสียงนั่นก็ยังดังต่อมาอีกหลายครั้ง"
   "เดี๋ยวก่อนพี่ นี่มันเรื่องสยองขวัญแล้วไม่..." ไอโตะรีบท้วงเมื่อรู้สึกว่านิทานของพี่ชายผิดปกติไปจากนิทานก่อนนอนมากนัก แต่ยูโตะก็ปิดปากเขาไว้แล้วเล่าเรื่องต่อไปหน้าตาเฉย
   "หลังจากที่เธอขึ้นไปนอนที่ห้องนอนชั้น 2 เสียงนั่นก็ยังตามมาที่หน้าต่าง กึกกัก กึกกัก"
   "อ๊า หยุดเลยนะพี่" ไอโตะอุดหูไว้แต่ยูโตะก็รวบมือทั้งสองข้างของเขาไว้ด้านหน้าพร้อมกับล็อคตัวเขาไว้แน่น
   "แล้วในคืนนั้นตอนที่เธอหลับไป เธอก็ฝันเห็นเงาของคน ๆ หนึ่งพูดกับเธอว่า ฉันหนาว...ช่วยเปิดประตู...ให้ฉันหน่อยสิ" ยูโตะจงใจลากเสียงยานตามเนื้อเรื่อง
   ไอโตะดิ้นรนออกจากวงแขนแต่พี่ชายก็ไม่ยอมปล่อยแล้วบังคับให้เขาฟังเรื่องที่เรียกว่านิทานก่อนนอนต่อไป
   "เช้าวันต่อมา พอพายุหิมะสงบลงหลังจากตกติดต่อกันมา 3 วัน ที่กองหิมะหน้าบ้านเธอก็พบมือของคนโผล่ออกมา และพอขุดดูก็พบว่านั่นเป็นศพของชายคนหนึ่ง และเขาก็คงเป็นคนที่มาขอความช่วยเหลือนั่นเอง"
   "พะ...พี่โหดร้ายที่สุด ทั้งที่บอกว่าไม่แล้วแท้ ๆ ยังจะเล่าต่ออีก" ไอโตะที่ถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระน้ำตาคลอจากความหวาดกลัว เขาต่อว่าพี่ชายแล้ววิ่งหนีขึ้นบันไดไปทันที
   "ไอเดี๋ยวสิ" ยูโตะรีบวิ่งตามไปจนถึงหน้าห้องและดันประตูที่กำลังจะถูกปิดลงไว้ได้ทัน แต่ไอโตะก็ไม่ยอมง่าย ๆ
   "ไม่ต้องตามมาเลย พี่บ้า" ไอโตะออกแรงดันประตูให้ปิดลงแต่พี่ชายก็มีแรงมากกว่า พวกเขาจึงยื้อยุดประตูกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไอโตะเป็นฝ่ายหมดแรงลงก่อนยอมปล่อยมือแล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นไปนอนบนเตียง
   "ไอ ขอโทษ โกรธมากเหรอ" ยูโตะนั่งลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มออกจากร่างบางที่นำผ้าห่มคลุมตัวไว้จนมิดถึงศีรษะ
   "โกรธสิ รู้ว่าฉันกลัวเรื่องพวกนี้ยังจะเล่าให้ฟังอีก" พอถูกดึงผ้าห่มออกไอโตะก็ตะแคงตัวหนีแทน
   "ก็ถึงไอกลัวฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนอยู่แล้วไง" ชายหนุ่มแก้ตัวแต่ดูเหมือนจะฟังไม่ขึ้นน้องชายของเขาจึงยังนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
   "ไอ ฉันขอโทษ แต่ว่าที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรอกนะ เป็นเรื่องเศร้าต่างหาก"
   "หา พี่ฟังเรื่องแบบนี้แล้วเศร้าหรือไง" ไอโตะต่อว่าพลางเหลือบตามามองเล็กน้อย
   "จริง ๆ นะ เพราะว่าศพที่เจอที่จริงแล้วก็คือสามีของผู้หญิงคนนั้นน่ะ"
   "สามี?" ไอโตะพลิกตัวกลับมามองยูโตะตรง ๆ เพื่อดูว่าพี่ชายคิดจะมาไม้ไหน
   "อือ สามีของเธอเป็นคนดีมาตลอด แต่แล้วเขาก็นอกใจเธอเป็นครั้งแรกเพราะเมา เธอโกรธมากไม่ยอมให้อภัยจนกระทั่งสามีบอกว่าจะทำทุกอย่าง เธอก็เลยให้เขาออกไปกวาดหิมะบนหลังคา
   "ทั้งที่มีพายุเนี่ยนะ" ถึงจะไม่รู้ว่าพี่ชายกำลังแต่งเรื่องขึ้นมาเองเพื่อแก้ตัวหรือเปล่าแต่ไอโตะก็ตั้งใจฟังแล้วมีอารมณ์ร่วมด้วย
   "ใช่ พอสามีเธอออกไปกวาดหิมะได้ไม่นานเธอก็ตามออกมาดู แต่ก็ไม่เห็นสามีของเธอเลย เธอจึงคิดว่าสามีคงจะหนีไปแล้ว ทั้งที่จริง ๆ เขาตกจากหลังคาลงมาแล้วถูกหิมะทับต่างหาก"
   "แบบนั้นมันเท่ากับเธอไล่สามีไปตายเลยไม่ใช่เหรอ" ไอโตะหน้าเจื่อนลง ต่อให้เป็นเรื่องแต่งมันก็น่าเศร้าจนเกินไป
   "นั่นสินะ แล้วไอล่ะ ถ้าเป็นไอจะทำยังไง" ยูโตะใช้หลังมือลูบไล้แก้มของน้องชายเบา ๆ
   "อะไร พี่จะนอกใจฉันเหรอ" ไอโตะถามหน้าเศร้า
   "หึ หึ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันหมายถึงเรื่องหิมะต่างหาก ถ้าเกิดหิมะตกติดต่อกันนานแบบนั้นแล้วมีเราอยู่กันแค่ 2 คน ไอจะทำยัง นี่ยังไม่ทันไรก็ไม่ไว้ใจฉันแล้วเหรอ" ชายหนุ่มนึกขำกับการเข้าใจผิดของไอโตะ แต่ก็แอบดีใจนิดหน่อยที่ไอโตะกังวลเรื่องนี้
   "ก็มัน..." ไอโตะเขินเล็กน้อยที่ตีความคำถามผิด ทว่าการที่เขาจะกังวลก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เนื้อหอมอย่างยูโตะถึงมาชอบเขาที่ไม่มีเสน่ห์เลยสักนิด หากเป็นน้องจะเลวร้ายแค่ไหนก็ยังเป็นน้อง แต่สำหรับคนรักนั้นไม่ใช่จะถูกทิ้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
   "ไม่ต้องห่วง ฉันไม่นอกใจไอหรอก ฉันสัญญา" ยูโตะจูบลงบนหน้าผากกว้างของไอโตะแล้วยิ้มออกมา
   ไอโตะไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดนั้นได้มากน้อยแค่ไหน แต่พอมองเข้าไปในดวงตาที่กำลังจ้องมองเขาอย่างไม่หลบเลี่ยงแล้วในหัวใจของเขาก็มีคำว่าเชื่อมั่นปรากฏออกมา
   "แต่ที่จริง ถึงไม่ต้องถามไอก็ต้องบอกว่า ฉันจะเป็นคนไปแทนพี่เองเพราะถ้าฉันเป็นอะไรไปไอจะอยู่ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ"
   "หา พี่พูดอะไรน่ะ" ไอโตะงงงวยกับการคิดเองเออเองของยูโตะ คำตอบที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนั้นคือการช่วยกันทั้งสองคนต่างหาก
   "นี่ไอจำไม่ได้หรอกเหรอ" ยูโตะคอตกด้วยความผิดหวัง ทั้งที่ไอโตะเป็นคนสร้างความรู้สึกผิดบาปขึ้นมาในใจเขา แต่เจ้าตัวกลับจำอะไรไม่ได้เลย
   "ก็ถึงถามว่าอะไรไงล่ะ"
   "เฮ้อ ช่างเถอะ ว่าแต่ไอเถอะ ห้ามเปลี่ยนใจจากฉันเด็ดขาดนะรู้มั้ย" ยูโตะพูดเสียงเข้ม
   "ฉันไม่ได้เนื้อหอมอย่างพี่นะ"
   "แล้วที่เจ้าคิจิมะล่ะ ไอก็แค่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่ารักแค่ไหนต่างหาก"
   "ไม่ใช่หรอกน่า" ในชีวิตของเขาเพิ่งมีคิจิมะคนแรกนี่แหละที่ตามตื๊อเขาขนาดนั้น
   "ไม่รู้ล่ะ ถ้าเจอคนอย่างเจ้านั่นไอต้องบอกฉันนะ" หากมีคนชอบไอโตะปรากฏตัวขึ้นอีก คราวนี้เขาจะต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมให้ได้
   "...รู้แล้ว รู้แล้ว บอกก็ได้" ไอโตะตอบเพื่อตัดรำคาญ
   "แล้วสำหรับไอฉันจะเป็นที่หนึ่งตลอดไปใช่มั้ย" ไม่ว่าอย่างไรเขาก็กังวลว่าสักวันหนึ่งความสำคัญของตนจะลดน้อยลงไป
   "หา ทำไมวันนี้พี่เซ้าซี้จัง" ก็พอจะเข้าใจสิ่งที่พี่ชายรบเร้าถามเพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องน่าอายออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกับที่พี่ชายทำ
   "ทำไมล่ะ ที่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบเพราะไม่แน่ใจเหรอ" ยูโตะทำหน้าบูดเหมือนเด็ก ๆ
   "เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น" ไอโตะรู้สึกว่านับวันพี่ชายของเขายิ่งเหมือนเด็กขึ้นทุกที
   "งั้นก็พูดฉันให้สบายใจหน่อยสิ" ยูโตะประคองใบหน้าของไอโตะไว้เพื่อให้สบตากับเขา
   หากไม่ยอมพูดคืนนี้พี่ชายคงตื๊อเขาอยู่ทั้งคืนแน่ พอคิดได้อย่างนั้นไอโตะก็เปิดปากขึ้น
   "เออ...สำหรับฉันพี่...ว้าก" จู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างตกลงมาที่พื้น ไอโตะโผเข้ากอดยูโตะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว
   ยูโตะอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ เขาหันกลับไปมองและก็พบว่ามีดินสอแท่งหนึ่งตกอยู่ที่พื้น
   "แค่ดินสอตกลงมาจากโต๊ะน่ะ"
   "แล้วทำไมอยู่ดี ๆ มันถึงตกลงมาได้ล่ะ" แม้จะได้รับรายงานถึงสถานการณ์ที่ปลอดภัยแต่ไอโตะก็ยังเคลือบแคลงใจในสาเหตุของมัน
   "อือ นั่นสิ เพราะอะไรนะ" ยูโตะพึมพำกับตัวเองพลางครุ่นคิดหาสาเหตุ แต่นั่นทำให้ไอโตะกำเสื้อเขาแน่นด้วยความกลัว
   "ฮ่า ฮ่า นี่ไอยังกลัวเพราะเรื่องที่ฉันเล่าอยู่อีกเหรอ" ยูโตะหัวเราะลั่นเมื่อรู้ตัวว่าคำพูดของเขาส่งผลให้ไอโตะกลัวมากขึ้นไปอีก
   "ไม่ใช่เรื่องตลกนะเพราะพี่เลย" ไอโตะเงยหน้าขึ้นมาตำหนิพี่ชาย
   "ก็ได้ ฉันยอมรับผิด แต่ฉันก็กำลังรับผิดชอบอยู่นี่ไง" ชายหนุ่มกอดน้องชายเอาไว้แล้วตบหลังปลอบเบา ๆ
   "พี่ชอบแกล้งฉันอย่างนี้ทุกทีเลย" เมื่อก่อนพี่ก็ชอบแกล้งให้เขากลัวแบบนี้เป็นประจำ หลังจากนั้นก็ค่อยบอกว่าขอโทษและมานอนอยู่เป็นเพื่อน พอมาคิดให้ดีแล้วมันเหมือนกับพี่แค่อยากจะนอนกับเขาเสียมากกว่า
   ยูโตะหัวเราะชอบใจ นี่เป็นวิธีที่จะทำให้เขาไม่ถูกไอโตะปฏิเสธการขอนอนด้วยอย่างแน่นอน
   "อ๊ะ จริงสิ ถ้าไอกลัวมากล่ะก็ งั้นเรามาทำอะไรให้หายกลัวกันดีมั้ย" ยูโตะไม่พูดเปล่าเขาแกะแขนของไอโตะออกจากเอวของตนแล้วกดให้นอนลงกับเตียง นอกจากนี้ยังทาบทับร่างกายของตนลงมาด้วย
   "จะทำอะไรน่ะพี่?" ไอโตะเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย
   "ก็จะทำให้ไอหายกลัวไง" ยูโตะเหยียดริมฝีปากออกอย่างเจ้าเล่ห์แล้วใช้ริมฝีปากนั่นสัมผัสที่ลำคอของไอโตะ
   "อย่านะพี่" ทันทีที่เข้าใจจุดประสงค์ของพี่ชายไอโตะก็ผลักร่างของชายบนตัวออก แต่มือทั้งสองข้างของเขาก็ถูกจับยึดไว้เหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว
   ยูโตะปลดกระดุมชุดนอนของไอโตะออกในขณะที่ยังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกจากลำคอเรียวยาว
   "อ๊ะ พี่หยุดนะ" ไอโตะกัดฟันไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงแปลก ๆ ออกมาและกว่าเขาจะพูดออกมาได้ก็เป็นตอนที่ฝ่ามือของพี่ชายทาบลงมาที่แผ่นอกของเขาหลังจากที่เสื้อถูกแหวกออกกว้าง
   "ทำแบบนี้ไอจะได้ไม่คิดถึงเรื่องอื่นไงล่ะ" ยูโตะกระซิบอยู่ที่ข้างหูของไอโตะ
   "ไม่ ฉันไม่กลัวแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องทำอะไรก็ได้" ตอนนี้เขารู้สึกกลัวพี่ชายมากกว่าวิญญาณไหน ๆ
   "ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เป็นหน้าที่ของพี่ชายอย่างฉันอยู่แล้ว" ยูโตะประทับริมฝีปากลงกลางแผ่นอกของไอโตะทันทีที่พูดจบ
   "ถ้าไม่หยุด ฉันจะตะโกนเรียกแม่นะ"
   "หึ แม่ไม่อยู่ลืมไปแล้วรึไง" ยูโตะส่งเสียงเยาะเย้ยน้องชายในลำคอเบา ๆ จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วร่างบางแล้วเคลื่อนต่ำลงมาจนถึงขอบกางเกง
   "ไหนรับปากกับน้าว่าจะไม่ทำอะไรไม่ใช่เหรอ"
   "ฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรนี่" ชายหนุ่มพูดอย่างนั้นแต่กลับดึงกางเกงของไอโตะออก ไอโตะรีบใช้มือข้างหนึ่งที่หลุดออกจากการจับกุมยึดมันไว้อย่างรวดเร็ว
   "พี่! ถ้าทำอะไรมากกว่านี้ฉันจะไปกับน้าจริง ๆ นะ" ไอโตะพูดขู่เพราะไม่รู้จะหยุดพี่ชายได้อย่างไร ทั้งที่ปกติยูโตะจะตามใจเขาเสมอแต่พอเป็นเรื่องนี้ทีไรพี่ชายไม่เคยฟังเขาเลย
   ยูโตะหยุดชะงักไปชั่วขณะแต่แล้วเขาก็พูดเรื่องเหลือเชื่อออกมา
   "งั้นคงต้องทำให้ไอไม่คิดจะไปจากฉันอีกเลยสินะ" แทนที่ชายหนุ่มจะกลัวคำขู่แต่เขากลับพูดในสิ่งที่ทำให้ไอโตะต้องขนลุกแทน ยูโตะออกแรงดึงกางเกงของน้องชายอีกครั้งแต่ไอโตะก็ยื้อมันไว้สุดกำลัง
   "พี่ยู นี่ฉันโกรธจริง ๆ...อุ๊บ" คำพูดที่จะหลุดออกมาจากปากถูกริมฝีปากของชายหนุ่มกลืนกินไปจนหมด มือของไอโตะที่กำขอบกางเกงไว้แน่นค่อย ๆ คลายออก
   "ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทำอะไรที่ไอไม่ชอบหรอก" พอถอนริมฝีปากออกชายหนุ่มก็พูดสิ่งที่ขัดกับการกระทำของตน
   "งั้นก็ปล่อยสิ" ไอโตะขอร้องด้วยรู้ว่าไม่สามารถต่อกรกับพี่ชายได้
   "แต่ฉันรักไอที่สุดเลยนะ ไม่ตามใจฉันหน่อยเหรอ"
   พอเห็นสายตาหวานเยิ้มของพี่ชายไอโตะก็ผงะจนหยุดนิ่งไป
   "แค่นิดเดียวก็ได้นะ ไม่งั้นฉันต้องตายก่อนไอเรียนจบแน่" ยูโตะอ้อนวอนเสียงหวาน
   "เออ ถ้า...แค่นิดเดียวล่ะก็..." ไอโตะที่ใจอ่อนเคลื่อนสายตาหนีก่อนจะตอบอย่างลงเล แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบกางเกงก็ถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว
   "พี่!! ไหนว่าแค่นิดเดียวไง ทำไมต้องถอดกางเกงด้วยเล่า" ไอโตะตวาดเสียงดังเพราะพี่ชายทำท่าจะผิดคำพูด
   "ก็มันเกะกะนี่ แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะดูแลไออย่างดีอย่างที่รับปากกับน้ากับแม่ไว้เลยล่ะ" ยูโตะหัวเราะด้วยท่าทางสนุกสนาน
   ไอโตะได้แต่อ้าปากค้างเพราะมองไม่ออกว่าพี่ชายล้อเล่นหรือจริงจังกันแน่ เขาคิดว่าตนรู้จักชายที่อยู่ด้วยกันมาตลอด 13 ปีคนนี้ดี ทว่าแค่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปก็เหมือนจะได้เห็นพี่ชายในอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งเอาใจแต่ ไม่ฟังที่พูด โกหกหน้าตาย เจ่าเล่ห์ แล้วยังเดาทางไม่ออกอีก
   "เอาล่ะ งั้นเรามาต่อกันเลยมั้ย" ยูโตะยิ้มกว้างแล้วแตะหน้าผากของตนลงบนหน้าผากของไอโตะ เสียงกระซิบแผ่วเบากับนิ้วมือที่ลูบไล้ไปมาอยู่บนหน้าของไอโตะทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว
   "ไม่เอาอย่านะพี่" ไอโตะที่สังหรณ์ไม่ดีส่ายหน้าพลางร้องห้ามอย่างสิ้นหวังแล้วดันตัวพี่ชายออกไป ทว่ายูโตะกลับมองดูท่าทางของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ออกมา
   ดูเหมือนไอโตะยังมีอะไรต้องเรียนรู้ในตัวพี่ชายคนนี้อีกมาก จนกว่าจะถึงวันที่พ่อกับแม่กลับมาเขาหวังว่าตนจะยังคงสถานภาพของน้องชายไว้ได้และได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับน้า อย่างน้อยเขาก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด