{(เรื่องสั้น)} เรื่องของคนแอบรัก... [ตอนเดียวจบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {(เรื่องสั้น)} เรื่องของคนแอบรัก... [ตอนเดียวจบ]  (อ่าน 3735 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sunflower_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)


18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

                                               
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2018 23:05:05 โดย Sunflower_ »

ออฟไลน์ Sunflower_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แด่ เธอผู้ทำให้ฉันรู้สึก ‘รัก’ เป็น
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉันยังยืนอยู่ตรงนี้

     ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
       ใจผมทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้นะ ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ มันยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับเสียงร้องของเหล่านักศึกษาที่ล้อมรอบเพื่อบูม ให้กับรุ่นพี่บัณฑิตมากมายหลายคณะที่ผมเดินผ่านมา แต่ผมกับรู้สึกว่าเสียงใจของผมมันเต้นแรงกว่าอีก
       ตอนนี้ผมเดินมาถึงแล้ว อยู่ตรงหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้คนมากมายมาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ทั้งหลาย หากเป็นในเวลาปกติ คนอื่นอาจจะต้องคงมึนหัวกับการมองหาเป้าหมายของคนที่เราอยากมาร่วมแสดงความยินดีกับเขา และก็คงจะต้องนัดแนะตำแหน่งที่อยู่กันสักหน่อย เพื่อไม่ให้เกิดหลงทางหากันไม่เจอในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ขนาดนี้
       แต่กับผม ผมคงไม่มีโอกาสได้นัดแนะกับใครหรอก ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะผมมาโดยที่เขาไม่ได้เชิญน่ะสิ ผมเพียงแต่อยากมาร่วมแสดงความยินดีกับเขา ผมเห็นเขาโพสลงในแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงิน เชิญชวนให้มาร่วมแสดงความยินดีกับเขา ผมทำได้แค่กดไลค์ และคิดเอาเองว่า ในเมื่อเขาไม่ได้เจาะจงว่าชวนใคร ผมคงทึกทักเองได้ว่า ผมก็สามารถไปร่วมแสดงความยินดีด้วยได้
       ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างหน้าผมห่างออกไปพอสมควร รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขา เขาดูเหนื่อย ๆ บนใบหน้ามีหยาดเหงื่อขึ้นอยู่ตามกรอบหน้า เขาคงจะร้อนมากในชุดครุยนั้น แต่บนใบหน้าเขากลับไม่มีมีล่องรอยของความเบื่อหน่ายกับการต้องถ่ายรูปมากหมายพวกนั้น ทั้งที่เขาไม่ค่อยชอบถ่ายเสียเท่าไหร่ กลับกันบนใบหน้าของเขาแม้จะเปื้อนเหงื่อแต่กับมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า และดวงตา เขาคงมีความสุขมาก ผมเชื่อว่าอย่างนั้น
       ผมจะทำอย่างไรดี ผมมีของขวัญจะมอบให้แก่เขา อยากแสดงความยินดีกับเขาในวันนี้ กับก้าวแรกที่สำคัญ ที่เขาจะเหมือนเติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งของชีวิต
       แต่ผมไม่กล้า เพราะอะไรอีกน่ะหรือ ก็เพราะเขาไม่รู้จักผมน่ะสิ มีแต่ผมที่รู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียว
       อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่ใช่พวกสตอล์คเกอร์อะไรทำนองนั้นหรอก ผมเป็นแค่คนคนนึงที่ แอบรักเขามาตลอดก็เท่านั้นเอง
ผมเคยได้ยินประโยคคำถามคำถามหนึ่ง ว่าคนเราจะสามารถรักคนๆ นึง ได้นานแค่ไหน? ผมเคยได้ยินคนตอบว่า รักได้ทั้งชีวิต รักตลอดไป ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ก็ผมยังไม่ตายนี่ ยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นผมยังจะรักเขาอยู่หรือเปล่า แต่สำหรับผมถ้าถามว่ารักได้นานแค่ไหน ผมคงตอบไดแค่ว่า เท่าที่ยังรัก เท่าที่วันนี้ยังรู้สึก และถ้าถามว่าผมเคยรักใครสักคนนึงนานเท่าไหร่ อืม ก็คงเกือบ ๆ แปดปีแล้วมั้ง อันที่จริงผมก็ไม่แน่ใจว่าผมเริ่มรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่


       ผมจำได้แค่ว่า ตอนนั้นผมอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประมาณเทอมสอง มันเป็นช่วงที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย เพราะมันเป็นเทอมสุดท้ายก่อนจะต้องบอกลากับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อ เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวความทรงจำ และสิ่งที่จะทำให้พวกเราลืมกันช้าลงก็คงจะเป็น ‘เฟรนด์ชิป’ พวกเราเริ่มตกแต่งเฟรนด์ชิป เริ่มคิดว่า อยากให้ใครเขียนหน้าสุดท้ายของมัน เพื่อจะบ่งบอกว่าคนคนนั้นคือคนพิเศษ
       แต่ผมไม่มีหรอก คนพิเศษอะไรนั่น หน้าสุดท้ายของผมก็คงหนีไม่พ้นพวกเพื่อน ๆ ผมนั่นแหละ แต่แล้วความคิดผมก็ต้องเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเพื่อนของผมดันมาบอกผมว่า เขาปลื้มคนคนนึง เป็นเด็กห้องคิง ที่เรียนเก่งมาก เขาไปค่ายคณิตศาสตร์ เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา แล้วประทับใจคนคนนั้น ที่สามารถแก้โจทย์เลขที่ไม่มีใครแก้ได้แม้กระทั่งพี่ ม.หก ชื่อว่า ศิลป์
       ผมรู้จักเขา มีใครบ้างไม่รู้จัก เด็กชายศิลปะ วิเศษบุตร์ ที่คงเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนายไปแล้วมั้ง เด็กเรียนดี กิจกรรมเด่น ลูกคุณครูที่โหดที่สุดในโรงเรียน ผมรู้จักเขามานาน เราเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นประถม เพียงแต่ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกัน ไม่เคยคุยกัน เพราะเขาเป็นคนเก่ง เก่งมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมเป็นแค่เด็กธรรมดา ธรรมดาไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาธรรมดา การเรียนธรรมดา ฐานะธรรมดา คงไม่แปลกที่ผมจะรู้จักเขาเพียงฝ่ายเดียว
       เปรมชัย เพื่อนผมมันมีแฟนอยู่แล้วนะและแฟนมันก็เป็นผู้หญิง ผมล่ะไม่เข้าใจมันจริง ๆ ที่อยู่ ๆ ก็มาสนใจ ศิลป์ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ผมก็โม้กับมันไป ว่าผมรู้จักศิลป์อย่างนั้นรู้จักศิลป์อย่างนี้ มันรู้สึกเหมือนเราเจ๋ง รู้จักเด็กเทพของโรงเรียน ที่ใคร ๆ ก็ต่างชื่นชอบเขา แต่ผมก็ยังไม่ได้ชอบเขานะ จนกระทั่ง

       จนกระทั่ง ไอ้เปรม มันบอกให้ผมเข้าไปขอให้ ศิลป์ เขียนเฟรนด์ชิปให้มันหน่อย มันบอกว่า มันไม่กล้า เป็นผู้ชายแถมไม่รู้จักส่วนตัว เข้าไปขอคงโดนด่าตาย เลยให้ผมที่มันคิดว่ารู้จัก เข้าไปขอให้มันแทน ผมอยากปฏิเสธ และบอกความจริงไปว่า ผมไม่รู้จักศิลป์เป็นการส่วนตัวจริง ๆ แต่ผมก็ไม่กล้า ผมกลัวเสียฟอร์ม ผมโม้ไว้ตั้งมากมาย ผมเลยจำใจต้องทำ
       วันนั้นไอ้เปรมแอบอยู่ที่มุมตึก ให้ผมดักรอศิลป์ ที่จะต้องเดินผ่านทางนี้ ไปหาแม่ของเขาที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียน ผมทำใจอยู่นาน อยากจะขออะไรก็แล้วแต่ช่วยดลบันดาลให้วันนี้ศิลป์ไม่อยากเดินผ่านทางนี้ แต่ขอไปก็เท่านั้นแหละ เขากำลังเดินมา ผมตัวแข็งถื่อ ใจเต้นรัว ๆ เหมือนกับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายและตอนนี้กำลังวิ่งสี่คูณร้อยอยู่
       ศิลป์เดินมาถึงตรงหน้าผมแล้ว และเขากำลังจะเดินผ่านหน้าผมไป ผมตัดสินใจหลับตาและตะโกนเรียนชื่อเขาออกมาดังมาก และเริ่มลืมตาขึ้นมอง แต่เขาไม่ได้หยุด เขาเดินผ่านหน้าผมไปแล้ว ผมยืนนิ่งและคิดได้ว่า ที่ผมตะโกนชื่อเขาไปนั้น ผมตะโกนมัน ‘ในใจ’ ผมไม่กล้า
       ผมหันกลับไปมองไอ้เปรม มันมองผมไม่เข้าใจ ในตามันมีความสงสัย มันผายมือทั้งสองข้างออกเป็นเชิงถามว่า อะไร ทำไมผมไม่คุยกับศิลป์ ผมหันกลับมาตั้งสติ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัดสินใจเดินตามศิลป์ไป ศิลป์เดินเกือบถึงบันไดแล้ว ผมจึงรีบตะโกนให้เขาหยุด ซึ่งครั้งนี้ผมตะโกนมันออกมาจริง ๆ

“เดี๋ยวก่อน!”

ศิลป์หยุดขาที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได หันกลับมามองผม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนสงสัยว่า ผมพูดกับเขาหรือ
ผมเดินมาหยุดตรงหน้าเขา ไม่กล้าสบตา ไม่รู้ผมเป็นอะไรกับแค่ทักคนคนนึง ทำไมผมถึงต้องรู้สึกว่ามันยากขนาดนี้ด้วยนะ ผมก้มลงมองเท้าตัวเอง หันไปมองบันได ผมรู้สึกอยากมองทุก ๆ อย่างที่นี่ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าเขา ผมรู้สึกประหม่าเกินไป

“มีอะไรรึเปล่า”

เขาถามผมกลับมา น้ำเสียงของเขาฟังดู นิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่ไม่ได้แฝงความรำคาญไว้

“เอ่อ คือ คือว่า”

ผมเงยหน้ามองสบตาเขา ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท กำลังจ้องมองผมด้วยความสงสัยมากกว่าความรำคาญจริง ๆ ผมก้มหน้าลงมองเท้าตัวเองอีกครั้งกลั้นใจพูดประโยคคำถามกับเขาอย่างรวดเร็วและหลับตาปี๋รอฟังคำตอบ

“เราขอเอาเฟรนด์ชิปมาให้นายเขียนได้ไหม”

ผมพูดออกไปแล้ว ตื่นเต้นเป็นบ้า เขาคงไม่ชกหน้าหรือด่าผมกลับมาหรอกนะ เขาเงียบไปสักพักนึง ผมไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไง ผมเอาแต่หลับตากำมือทั้งสองข้างไว้แน่น

“ก็เอามาให้แล้วกัน”

“…”

เขาตอบกลับมาแบบโมโนโทน ในน้ำเสียงไม่ได้มีความลำบากใจ หงุดหงิดหรือรังเกียจ นั้นทำให้ผมใจชื้น ว่าเขาคงจะไม่ต่อยผมจริง ๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาเราสบตากันเพียงเสี้ยววินาที และเขาก็ก้าวขาเดินขึ้นบันไดไป ผมมองตามเขาไปจนลับตา เอามือทาบอกตัวเอง ใจผมมันเต้นแรงมากจริง ๆ
       ผมเดินกลับไปหาเปรมชัย จากมุมเมื่อกี้ที่ผมกับศิลป์ยืนอยู่ไปถึงที่ที่เปรมอยู่ มันไม่ได้ยินหรอกว่าผมพูดอะไรกับศิลป์บ้างเพราะมันค่อนข้างไกลพอสมควร
       นับแต่นั้นความรู้สึกและการกระทำของผมก็เริ่มแปลกไป ผมมองตามศิลป์บ่อยขึ้น ผมอยากรู้ชีวิตของเขามากขึ้น และผมมักจะเผลอยิ้มตามเขาเสมอเวลาที่เขายิ้ม รอยยิ้มของเขามันดูดีมากจริง ๆ
       ศิลป์เป็นคนที่หน้าตาดีทีเดียว ชีวิตเขาเหมือนเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง คงไม่แปลกที่จะมีคนมากมายที่ชื่นชอบเขา แต่กับผม ผมไม่ได้เริ่มชอบเขาที่หน้าตาหรือความมีพร้อมทุกอย่างของเขา เพราะถ้าผมจะชอบจากเรื่องนั้น ผมคงชอบไปนานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบเขาจริง ๆ นั่นคือนิสัย ผมแอบมองเขามาตลอดจนรู้ถึงนิสัยของเขาจริง ๆ เขาเป็นคนที่รู้จักคนมากมายแต่เขาไม่ใช่คนที่เฟรนลี่นัก อาจมีบ้างที่คงรู้สึกเบื่อและรำคาญแต่เขาเป็นคนให้เกียรติคนอื่น เขาไม่เคยทำหน้าหงุดหงิดหรือตอกหน้ากลับแรง ๆ กับคนที่เขาไปคุยหรือยุ่งวุ่นวายกับเขา เขารักษาน้ำใจคนอื่นเสมอ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา เขาไม่มีทีท่าไม่ชอบใจผมที่ไปขอให้เขาเขียนเฟรนด์ชิปให้ ทั้งที่ผมเป็นผู้ชาย หรือบางที่เขาอาจจะไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ปฏิเสธทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเขาจะปฏิเสธมันก็ได้
       ตั้งแต่วันที่ผมไปขอให้เขาเขียนเฟรนด์ชิปให้ ไอ้เปรมก็ไม่ได้ให้ผมเอาเฟรนด์ชิปไปให้เขาเขียนจริง ๆ หรอก พวกเราจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผมขึ้นมัธยมปลายแล้ว และเปรมชัยก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ส่วนผมก็ยังคงอยู่ที่เดิม คิดถึงคนคนเดิม รู้สึกเหมือนเดิม ผมยังคงเฝ้ามองศิลป์เสมอเมื่อมีโอกาส ศิลป์ยังคงโดดเด่นเสมอ เขาสมัครเป็นกรรมการนักเรียน นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบ เพราะหากที่โรงเรียนมีงานหรือกิจกรรมอะไร ศิลป์ก็จะต้องมาร่วมอยู่ด้วยและผมก็จะได้อนิสงค์มองเขาบ่อย ๆ

       ศิลป์ลงสมัครเรียนรักษาดินแดนหรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า รด. นั่นเอง ณ ตอนนั้นผมอยากลงสมัครด้วย แต่เพราะผมคงอ่อนแอเกินไปในตอนนั้น ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนักจึงไม่ได้ลงเรียนด้วย แต่ผมก็ไม่ย่อท้อนะ ทุก ๆ วันจันทร์ของสัปดาห์ที่ รด. จะต้องเดินทางไปเรียนอีกที่ ผมจะตื่นเช้า ๆ นำพวกขนมหรือนมบ้างในบางวัน ฝากคนเอาไปให้ศิลป์ สัปดาห์ละ 1 อย่าง และทุก ๆ อย่างที่ผมให้จะต้องเป็นช็อกโกแลต ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาชอบช็อกโกแลตหรือเปล่า แต่ผมคิดเอาเองว่าในเมื่อเราจะให้อะไรใครสักอย่าง นั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราชอบ และผมชอบกินช็อกโกแลตมาก ผมฝากทั้งเพื่อนที่เรียน รด. ด้วยบ้าง หรือเพื่อนต่างห้องไปให้เขาบ้าง เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเป็นผม เพราะผมแค่อย่างให้ อย่างน้อยเวลาเดินทางหรือเวลาที่เขาเหนื่อย ๆ จะได้หยิบขึ้นมากิน
       มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมให้เขาแล้วมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกกับเขามากขึ้น ก็เมื่อตอนผมอยู่ ม.5 ผมมีโอกาสได้ไปเข้าค่ายปลูกป่าที่จังหวัดกาญจนบุรี ขากลับ อาจารย์ให้แวะลงไปซื้อของฝากได้ แต่ที่บ้านผมบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไร ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ลง แต่สุดท้ายก็ต้องลงเพราะเพื่อนขอให้ลงไปเป็นเพื่อน ผมเดินดูของฝากตามเพื่อนจนไปสะดุดตากับพวงกุญแจที่ระลึก
       ผมนึกถึงเขา
       ผมเลือกพวงกุญแจมาหนึ่งอัน เป็นลายเรียบ ๆ ที่เขียนชื่อจังหวัดที่ผมไป และครั้งนี้ผมอยากให้เขากับมือของผมเองบ้าง
       ผมตื่นเต้นมาก มันเหมือนกับวันแรกที่ผมเดินเข้าไปขอให้เขาเขียนเฟรนชิปให้ไม่ผิด วันนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทำให้ไม่มีคนมากนัก เขานั่งอยู่กับพื่อนอีก 2 คน ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะเอาไปให้เองหรือให้เพื่อนเอาไปให้แทน ผมกลัวว่าผมจะเผลอพูดผิดหรือทำหน้าตื่น จนเขาจับได้ แต่ผมก็ต้องรีบเพราะไม่รู้ว่าเขาจะกลับกันเมื่อไหร่ ผมเลยขอให้เพื่อนผมเดินไปกับผมด้วย ผมให้เพื่อนเป็นคนให้และเป็นคนพูดแทน ส่วนผมแค่เดินไปให้เป็นปกติที่สุดอยู่ข้าง ๆ เพื่อน พอเดินไปถึง ศิลป์กับเพื่อนทั้งสองคนหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย ผมรีบหลุบตามองลงพื้นพยายามไม่หลุดยิ้มออกไป พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่ทำได้

“เอ่อ ศิลป์ มีคนฝากมาให้”

“…”

“เฮ้ย ๆ อะไรหว้า เดี๋ยวนี้มีของฝงของฝากด้วยเว๊ย” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแกมล้อเลียนดังออกมาจากปากเพื่อนของศิลป์คนหนึ่ง

“นั่นดิ โอ้โฮ ไม่ธรรมดาว่ะเพื่อน” ตามด้วยเสียงแซวจากเพื่อนอีกคนหนึ่ง

“ขอบใจ” ศิลป์ตอบกลับมาน้ำเสียงนิ่ง ๆ ตามแบบของเขา แต่ก็ทำให้ผมแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ ผมรีบลากเพื่อนเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ มือเย็นเฉียบ ในใจนี่ไม่ต้องพูดถึงมันเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาให้ได้ ครั้งนี้ผมได้ยินเสียงเขาขอบคุณกับของที่ผมให้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนยื่นให้เองกับมือ แต่แค่นี้ใจผมก็แทบจะระเบิดแล้ว
       แค่นี้ก็พอแล้ว
       และผมจำได้ว่าวันถัดมา ผมก็เห็นพวงกุญแจของผมที่ให้เขาห้อยอยู่ที่กระเป๋านักเรียนของเขาไปตลอดทั้งเทอม นี่แหละสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกกับเขามากขึ้น แค่คิดว่าเขาจะมองเห็นมันทุกวัน แค่จับมันทุกครั้งที่เปิดกระเป๋าผมก็มีความสุขมากแล้ว
       แต่ในสิ่งที่ดี ก็ย่อมต้องมีสิ่งที่ไม่น่าจะดีนัก ช่วงปลาย ๆ เทอมสอง ผมเห็นศิลป์กลับไปสนิทสนมกับแฟนเก่าของเขาที่เขาเคยคบหากันอยู่ช่วงหนึ่งตอน ม.ต้น ตอนนั้นผมยังไม่ได้ชอบเขา แต่ก็รู้มาว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน ทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก เธอชื่อว่า เจน เธอเป็นคนเก่งเหมือน ๆ กับศิลป์ แม้ทั้งสองจะเลิกกันไปนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนกัน และยังเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดจนถึง ม.ปลาย พอพวกเขาเริ่มกลับมาสนิทสนมกันอีกครั้ง ใจผมมันก็เริ่มห่อเหี่ยว ผมเคยได้ยินมาว่า คู่รักที่เลิกกันไปแล้วแต่ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้อยู่นั้น ถ้าไม่ใช่ว่าไม่เคยรักกันเลย ก็คงจะเป็นยังรักกันอยู่ ซึ่งผมกลัวว่ามันจะเป็นอย่างหลัง ผมไม่ได้คิดครอบครองอยากได้ศิลป์มาเป็นแฟนหรอกนะ แต่ผมก็ไม่อยากให้ศิลป์มีใครเหมือนกัน
       ผมเห็นแก่ตัว
       สัปดาห์นั้นผมไม่ได้เอาขนมไปให้เขาเลย ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเลิกให้เขาแล้วนะ แต่ผมไม่มีโอกาสให้มากกว่า ผมไม่รู้จะฝากใครไปให้ดี จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียน ด้วยความที่ช่วงนี้ผมนอยด์ ๆ เกี่ยวกับเรื่องของศิลป์กับเจน ทำให้เพื่อนของผมบอกให้ผมลองเสี่ยงดวงดูเล่น ๆ เผื่อว่าผมจะตัดใจสักที แต่ด้วยความที่ผมไม่อยากตัดใจ ถึงผมจะลองเสี่ยงดู แต่ก็เป็นการเสี่ยงที่ผมมั่นใจว่าผมจะไม่ต้องตัดใจ

“ถ้าไม่มีหวังเรื่องของศิลป์จริง ๆ ขอให้ศิลป์ลงมาจากตึกแล้วไม่ได้ห้อยพวงกุญแจที่ให้ไปแล้ว แต่ถ้ายังพอมีหวังขอให้มันยังห้อยอยู่”

นี่คือสิ่งที่ผมอยากลองเสี่ยงดู

       และเมื่อศิลป์เดินลงมาผมกับเพื่อนรีบวิ่งตามหลังไปดูว่าพวงกุญแจมันยังห้อยอยู่ที่กระเป๋ารึเปล่า ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นก็คือ ‘ความว่างเปล่า’ ศิลป์ไม่ได้ห้อยพวงกุญแจที่ผมให้ไปแล้ว ผมไม่เข้า เมื่อเช้ามันยังห้อยอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับไม่มี หรือผมจะไม่มีหวังแล้วจริง ๆ และผมจะต้องตัดใจ
       ก่อนที่ผมจะต้องตัดใจ ผมก็ยังอยากให้ขนมชิ้นสุดท้ายนี้กับเขา วันนั้นผมให้เพื่อนกลับไปรอที่โต๊ะก่อน และผมก็เดินเอานมนี้ไปให้เขาด้วยตัวเอง เหมือนทุกวันเขากำลังจะเดินขึ้นอีกตึกหนึ่งเผื่อไปห้องพักครู วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้านะ หรืออาจเป็นเพราะมันกำลังจะต้องจบ ผมถึงได้สามารถเรียกชื่อของเขาได้โดยที่เสียงไม่สั่นได้

“ศิลป์”

“…” ศิลป์หันกลับมามองผม มันทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่ผมได้คุยกับเขา วันนั้นพวกเราก็อยู่ตรงนี้ เวลาเย็น ๆ แบบนี้ เขาที่หันมามองหน้าผมด้วยสายตามีคำถามแบบเดิม

“มีคนฝากมาให้” ผมยื่นนมให้เขากล่องนึง แล้วหันหลังเดินกลับออกมาทันที ผมไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไง ผมไม่ได้อยู่รอฟัง ว่าเขาจะบอกขอบคุณและถามว่าใครฝากมาให้เหมือนทุกครั้งที่ผมฝากคนไปให้หรือเปล่า ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขานาน ๆ ด้วยซ้ำ ผมเดินออกมาและคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องตัดใจจริง ๆ แล้ว
       แต่เมื่อวันจันทร์มาถึง สิ่งที่ผมรู้ก็คือ ผมยังคงเอาแต่ชะเง้อคอยมองหาเขาอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงเรียน เฮ้อ ไหนใครว่าจะตัดใจ และผมก็ต้องเจอกับสิ่งที่ทำให้ผมกลับมาใจเต้นแรงอีกครั้ง และโคตรจะสับสนกับตัวเองเลยก็คือ
เขากลับมาห้อยพวงกุญแจของผมแล้ว
       ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนปั่นหัวไปมา อะไรคือวันนั้นเลิกห้อยแล้ว แต่วันนี้กลับมาห้อยใหม่ เขาจะเอายังไงกันแน่ ใจนึงผมก็แอบคิดนะว่าเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าคนที่ให้พวกขนม นม และพวงกุญแจเหล่านั้นเป็นผม แต่พอเห็นสายตาเมินเฉยหรือการมองผ่านเลยไปเหมือนผมไม่มีตัวตนนั้น มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่รู้เลยจริง ๆ
       ผมว่าจะตัดก็คือตัด หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้มีอะไรฝากไปให้เขาอีกเลย แม้ว่าผมจะยังคอยแอบมองเขาอยู่ตลอดก็ตาม และไม่นานเขาก็ถอดพวงกุญแจที่ผมให้ออกจากที่ห้อยกระเป๋า
       และผมก็ไม่ได้เห็นมันอีกเลย
       สรุปแล้วเรื่องเขากับเจนก็ไม่ได้กลับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิม เพียงแต่ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น ถ้าผมดีใจ จะผิดไหมนะ
       ผมจำได้ดีว่าวันวาเลนไทน์ปีนั้นเป็นวันหยุด และผมที่ก็ยังไม่สามารถตัดใจจากศิลป์ได้จริง ๆ ก็เลยคิดว่าอยากจะให้อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่แค่ขนมหรือนมที่มีวันหมดอายุ เอาไว้ให้เขาเป็นที่ระลึกว่า อย่างน้อยก็ยังมีใครคนหนึ่งเฝ้ามองเขาอยู่เสมอ และคนคนนั้นก็ยังคงรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม ผมจึงเลือกสั่งทำตุ๊กตาตัวหนึ่งเป็นตุ๊กตาเสมือนเขา คือเป็นรูปตุ๊กตาผู้ชายใส่ชุดนักเรียน ปักชื่อกับรหัสประจำตัวของเขาและดัดฟันเหมือนกับเขา ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ใส่กล่องและห่อด้วยกระดาษปฏิทินของเดือนแห่งความรัก เขียนข้อความและสัญลักษณ์ไว้ในช่องวันที่ 13 ของเดือน ซึ่งก็คือวันที่ผมมอบให้เขา

‘To…Sil
Happy Valentine Day
From… (Smile) :)


       แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นคนเอาไปให้เองหรอกนะ ผมฝากเพื่อนเอาไปให้และคอยแอบดูอยู่ห่าง ๆ อย่างน้อยผมก็ได้ให้ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับมัน อย่างน้อยเขาก็บอกขอบคุณ เหมือนเมื่อก่อน

       เมื่อ ม.6 มาถึง ศิลป์ได้ลงสมัครเป็นประธานนักเรียน และแน่นอนผมอยากเลือกเขา ด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ผมรู้มาว่าศิลป์ไม่ได้อยากเป็นประธานนักเรียน เพราะแค่เรื่องเรียนและเรื่องมหาวิทยาลัยเขาก็คงจะเครียดมากพอแล้ว ถ้าต้องมาเป็นประธานนักเรียนก็คงต้องทำงานหนักไม่ได้พักแน่ ๆ แต่ที่เขาลงสมัครเพราะขัดเสียงโหวตจากเพื่อน ๆ และแม่ของเขาที่อยากให้เขาเป็นไม่ได้ และด้วยความเห็นแก่ตัวของผมที่อยากเห็นเขาบ่อย ๆ ทำให้ผมเลือกเขาไปในที่สุด แต่โชคคงเข้าข้างเขาเพราะสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เป็นประธานนักเรียน แต่โชคก็เข้าข้างผมอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นเขาบ่อย ๆ ตามงานกิจกรรมของโรงเรียนในฐานะประธานนักเรียน แต่ผมกลับได้เห็นเขาในทุก ๆ วันหลังเลิกเรียนแทน
       ช่วง ม.6 ผมสนิทกับอาจารย์ฝ่ายปกครองหลายคน แต่ไม่ใช่เพราะผมเกเรนะ ผมเป็นเด็กดีพวกเขาเลยเอ็นดูและเรียกใช้ให้ช่วยงานอยู่บ่อย ๆ ทำให้ตอนเย็น ๆ ผมจะเข้าไปช่วยงานและนั่งเล่นในห้องปกครองที่มีแอร์เย็น ๆ เกือบทุกวัน และอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมยอมอยู่ช่วยงานอาจารย์ไม่ใช่ว่าผมใจดีและอยากช่วยอะไรมากนัก แต่เป็นเพราะทุกวันศิลป์จะมาเล่นปิงปองอยู่ข้างหลังห้องปกครองนะสิ นั่นถือเป็นโชคดีของผมที่ได้นั่งดูเขาทุกวันแบบไม่ต้องแอบอะไร
       เนื่องจากผมได้อภิสิทธิ์ได้นั่งเล่นในห้องปกครองนั่นทำให้ผมได้เห็นใบประวัติของศิลป์ ในนั้นบอกถึงคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยที่ศิลป์อยากเข้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ของเขา และแน่นอนว่าผมรีบเมมเบอร์นั่นทันที ตอนแรกผมชั่งใจอยู่นานไม่กล้าโทรไป แต่พอโดนเพื่อนกล่อมนิดหน่อยผมก็ลองโทรไปดู ซึ่งผมก็โล่งอกเพราะว่าเขาไม่ได้รับสาย เพราะถ้าเขารับผมก็คงไม่รู้จะพูดอะไร เย็นวันนั้นผมลอง add friend แอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินของเขาไปดู และผมก็ต้องยิ้มจนปากแทบจะฉีกเพราะเขาตอบรับผมเป็นเพื่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทำได้แค่แอบส่องหน้าวอลของเขา ไม่กล้าจะ add ไป กลัวเขาไม่รับ แต่ตอนนี้ผมสามารถกดไลค์เขาได้ด้วยอีกต่างหาก
       เฮ้อ รู้อย่างนี้ ผมน่าจะ add เข้าไปเสียตั้งนานแล้ว
       สักพักมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ผมหยิบมาดูแล้วก็ต้องตกใจหนักไปอีก เพราะเบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของเขา เขาโทรกลับมาแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะรับดีรึเปล่า รับไปจะพูดอะไรยังไง แต่จะไม่รับ ในใจก็อยากคุยอยากได้ยินเสียง จนในที่สุดผมก็กดรับ

[ฮัลโหล] อ่า เสียงของเขา

“…”

[ฮัลโหล ครับ…ได้ยินมั้ยครับ] มันเท่มาก

“เอ่อ ฮัลโหล” ผมตอบกลับไปหลังจากหลงไปกับเสียงของเขาผ่านโทรศัพท์ และผมรู้สึกได้ว่าเสียงผมโคตรสั่น

[ครับ นั่นใครครับ] เขาถามว่าผมคือใคร เอาไงดี ผมคือใคร

“เอ่อ นั่นใช่สองป่ะ” ชื่อของใครก็ไม่รู้โผล่ขึ้นมาในหัวผมตอนนั้น ผมไม่ตอบเขาว่าผมเป็นใคร แต่ผมย้อนถามกลับไปเพื่อให้เขาคิดว่าผมโทรผิด

[ไม่ใช่ครับ นั่นใครครับ] บ๊ะ! จะอยากรู้ว่าเป็นใครอะไรขนาดนั้น

“เอ่อ สงสัยเราโทรผิด ขอโทษนะ” ผมรีบบอกปัดไป ผมไปต่อไม่ได้แล้ว

[อ๋อ ครับ] แล้วผมก็รีบกดวางสายไป พระเจ้าผมอยากจะร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ผมได้คุยกับศิลป์ คนที่ผมแอบชอบมาตลอดผ่านทางโทรศัพท์ มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก เสียงของเขามันทุ้มเท่มีเสน่ห์มาก 23 วิ ยี่สิบสามวินาทีที่ได้คุยกัน ผมจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย ไม่มีวัน
       







ออฟไลน์ Sunflower_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
       หลังจากวันนั้น ทุก ๆ อย่างก็ยังเหมือนเดิม ผมยังคอยแอบมองเขาในแต่ละวัน นั่งดูเขาเล่นปิงปองในตอนเย็น แค่ได้เห็นเขาแบบนี้ ผมก็มีกำลังใจในการมาเรียนมากแล้ว มีเย็นวันนึง ผมกับเพื่อนว่าจะไปเดินซื้อของที่ตลอดสักหน่อยเลยไม่ได้อยู่ดูเขาเล่นปิงปองจนเลิก พวกเราเดินออกมาก่อนแต่เพราะพวกเราเป็นพวกเอ้อระเหย เป็นมนุษย์ชอบกลับบ้านเย็น ๆ เพราะบ้านไม่ได้ไกลมาก ทำให้เราเดินกันช้า ๆ เหมือนชมวิวทั้ง ๆ ที่เป็นวิวที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่ผมกลับต้องตกใจผมเห็นศิลป์เดินมาข้าง ๆ และเดินผ่านนำหน้าพวกผมไป ผมกับเพื่อนหันมองหน้ากัน ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่กำลังเดินไปทางเดียวกัน
       ผมรีบให้เพื่อนเดินตามเขาให้ทัน เดินตามเขาไปเรื่อย ๆ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินกลับพร้อมกับเขา แค่คิดผมก็ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว ผมไม่สนใจเพื่อนที่ทำหน้าล้อเลียน เพื่อนในกลุ่มผมรู้กันหมดว่าผมชอบศิลป์มาตั้งแต่ ม.4 แล้ว และพวกเขาก็คอยช่วยและเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ
       ศิลป์หยุดเดินเมื่อถึงทางม้าลายที่ตอนนี้ป้ายไฟจราจรบอกสีเขียวสำหรับรถวิ่ง ทำให้พวกผมเดินตามมาทัน ผมหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา เหลือบมองเขาแว๊บนึง แล้วรีบก้มหน้า ผมมองแขนของผมกับเขามันอยู่ใกล้กันมาก แค่เอื้อมจริง ๆ ดีจัง ผมยิ้ม สักพักไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาก็ออกเดินไป ผมกับเพื่อนก็เดินตาม แต่เราก็เลือกจะเดินอยู่ข้างหลังเขาเหมือนเดิม ผมอยากมองเขาแค่ข้างหลังก็ยังดี ถ้าหากให้ผมเดินอยู่ข้าง ๆ ผมคงไม่ได้มองและก็คงไม่ได้ยิ้มจนเหงือกแห้งขนาดนี้
       คืนนั้นผมตัดสินใจโพสข้อความลงหน้าวอลแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่มีเขาเป็นเพื่อนรวมอยู่ด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาจะเห็นมันหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นมันเขาจะเลื่อนผ่านไปเฉย ๆ หรือจะหยุดอ่านมันสักนิดไหม แต่อย่างน้อย ผมก็อยากโพสสิ่งที่ผมรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไว้เตือนความทรงจำของตัวเองไปทุก ๆ ปีว่า

       ‘อยากจะจับมือเธอข้ามถนน :)

       ผมดีใจกับศิลป์ เขาสอบตรงติดคณะและมหาวิทยาลัยที่เขาใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาตลอด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ
       ผมกับเขา ช่างดูห่างไกลกันออกไปเรื่อย ๆ แล้ว
       ผมไม่มีปัญญาไปเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเลยจริง ๆ การเรียนผมมันช่างธรรมดายิ่งนัก ผมไม่เก่งด้านวิชาการเอาเสียเลย ผมชอบวาดรูป ชอบงานด้านศิลปะ ใช้ความรู้สึกมากกว่าการใช้สมอง ต่อไปเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็คงจะตามเขาไปไม่ได้ แอบมองดูเขาไม่ได้ และคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกต่อไปแล้ว แค่คิด ใจผมมันก็รู้สึกโหวง ๆ การได้เห็นเขาทุกวันมันเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้ว
       เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตเด็กมัธยมมาถึง ผมรู้สึกใจหายการจะต้องจากลาเพื่อน คุณครู และโรงเรียนแห่งนี้ที่ผมอยู่มาถึงหกปี และที่สำคัญการต้องจากกับเขา คนที่ผมแอบรักมาตลอดเกือบ 4 ปี
       มันช่างทำใจลำบากยิ่งนัก
       ผมคิดอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง ผมควรจะสารภาพความรู้สึกของผมออกไปดีไหม ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง อย่างน้อยผมก็ได้บอกให้เขารับรู้ ผมปรึกษากับเพื่อน ๆ ซึ่งพวกเขาก็เห็นด้วย
ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะสารภาพรักกับศิลป์
       ผมเลือกดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์มาดอกหนึ่ง ผมเคยให้อะไรหลายอย่างกับเขา ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือแม้แต่ตุ๊กตา ครั้งนี้ผมแค่อยากให้อะไรง่าย ๆ ที่แสดงถึงความรู้สึกของผมมากที่สุด
       หลังจากจบกิจกรรมปัจฉิม พวกเรานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็เริ่มแรกเปลี่ยนรูปภาพ เขียนความในใจลงบนเสื้อนักเรียน รวมถึงมีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ จัดขึ้นเพื่ออำลากัน ผมอยู่กับเพื่อนอยู่นานจนเวลาล่วงเลยไปจนเย็น ผมมองหาศิลป์ เขาได้สายสะพายตำแหน่ง Perfect Boy ด้วย ซึ่งหนึ่งในคะแนนที่โหวตมาจากผมเอง อ่า ตำแหน่งนี้มันเหมาะกับเขาจริงๆ
       ผมเห็นศิลป์บอกลาและเดินแยกออกไปจากเพื่อน ๆ ของเขาแล้ว จะกลับแล้วเหรอ ทำไมถึงรีบจัง ผมไม่รอช้ารีบลุกตามเขาออกไปทันที โดยมีเพื่อนผมอีกคนคอยวิ่งตามมา เขาเดินไวมาก จนผมที่รีบเดินเร็ว ๆ จนแทบจะวิ่งยังตามไม่ทัน เขาเดินเขาไปหลังห้องปกครอง สงสัยจะไปที่โต๊ะปิงปองแน่ ๆ ผมรับเดินตามไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจอเพื่อนต่างห้องที่รู้จักกันพอสมควรเดินออกมาจากห้องปกครอง และเรียกให้ผมกับเพื่อนเขียนเสื้อให้เขา ผมรีบเขียนเสื้อให้ส่วนตาก็มองหาศิลป์ เขาหายไปแล้ว ผมรีบบอกขอตัว และรีบวิ่งไปตามทางเดียวกับศิลป์ แต่ผมไม่เห็นเขา ผมวิ่งตามหาอยู่นาน ทั้งในห้องน้ำ ไปจนถึงหน้าโรงเรียน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
       นี่มันอะไรกัน ความตั้งใจของผม ดอกไม้กับความรู้สึกของผม มันจะไม่มีวันที่เขาได้รับรู้เลยหรือ นี่ผมจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วหรือ มันจะจบเป็นแบบนี้จริงหรือ
       ผมเสียใจ เป็นเพราะผมที่มัวแต่ชักช้าจนเขาหายไป สุดท้ายความรู้สึกของผมก็จะยังคงอยู่แค่ที่ผมต่อไป และคงจะเป็นแบบนั้นตลอดไปสินะ
       ชีวิตวัยมัธยมของผมได้จบลง ผมเดินหน้าเข้าสู่มหาวิยาลัย ผมเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มหาวิยาลัยแห่งหนึ่งตามความชอบของผม ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแตกต่างจากชีวิตในโรงเรียนมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ายังคงเหมือนเดิมเลย คือความรู้สึกของผมกับคนคนหนึ่ง
       คนที่ทำให้ผมคิดถึงเขาเสมอแม้จะไม่ได้พบหน้า คนที่ทำให้ผมได้เห็นเรื่องราวในชีวิตเขาผ่านแค่ทางโซเชี่ยล คนที่ทำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ไปงานสัปดาห์หนังสือว่าอาจจะมีสักครั้งที่เราจะใจตรงกันไปวันเดียวกัน
       ตั้งแต่จบมัธยมมาผมบังเอิญได้เจอศิลป์แค่ครั้งเดียวตอนประมาณผมอยู่ปี 2 วันนั้นผมไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อน และบังเอิญเห็นเขาที่กำลังเดินอยู่อีกฝั่งของถนน ผมพยายามข้ามตามไปแต่ด้วยจำนวนคนที่มากทำให้ผมคลาดกับเขา ได้เห็นเขาแค่เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ และหลังจากนั้นผมก็ไม่พบเขาอีกเลย

       จนกระทั้งตอนนี้
       ณ ตอนนี้ที่ผมยืนอยู่หน้าคณะของเขา ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แม้จะอยู่ค่อนข้างไกลพอสมควร และด้วยจำนวนผู้คนมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเหล่าบัญฑิต เขาก็ยังคงมองเห็นเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว รอยยิ้มที่ประทับอยู่บนใบหน้านั้น ยังคงทำให้ผมยิ้มตามได้ตลอดจริง ๆ
       ผมมาแสดงความยินดีกับเขา และมาทำสิ่งที่ผมควรจะทำตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน สิ่งที่อยู่ในกล่องนี้มันควรไปอยู่กับเจ้าของของมันจริง ๆ สักที
       ผมกวาดสายตามองหาใครสักคนที่พอจะช่วยผมได้ จนเจอกับนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เธอเพิ่งจะบูมให้กับบัณฑิตคนหนึ่งเสร็จ
“เอ่อ…น้องครับ” ผมตะโกนเรียกน้องเขา แข่งกับเสียงดัง ๆ ตอนนี้ น้องเขาหันมามอง ทำหน้าเหลอหลาชี้เข้าหาตัวเอง

“น้องนั่นแหละครับ พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”

“คะ?” น้องทำหน้างง ๆ

“เอ่อ น้องช่วยเอาของนี่ ไปให้ผู้ชายคนนั้นหน่อยสิ” ผมชี้ไปที่ศิลป์ น้องเขามองตาม

“พี่ศิลป์เหรอคะ ได้ค่ะ แต่ทำไมพี่ไม่เอาไปให้เองล่ะคะ?” อ่า คงไม่มีคนคณะนี้ไม่รู้จักศิลป์สินะ แล้วน้องก็ถามผมด้วยความสงสัยที่ผมไม่เอาของนี่ไปให้เอง

“คือ…พี่”

“…”

“คือ…พี่ต้องรีบไปหาเพื่อนที่อีกคณะนึงน่ะ แหะ ๆ รับเหมือนกัน”

“อ๋อ งั้นได้ค่ะ แล้วพี่ชื่ออะไรล่ะค่ะ” น้องรับของจากผมไป พร้อมกับถามชื่อผม คงเพราะจะได้บอกถูกว่าใครฝากมาให้

“เอ่อ ในกล่องมีชื่อพี่อยู่แล้ว เดี๋ยวศิลป์เขาก็รู้เอง” ผมรีบอธิบาย

“โอเคค่ะ” น้องพยักหน้าเข้าใจ และเดินเขาไปหาศิลป์พร้อมยื่นกล่องของขวัญของผมให้ ทั้งสองพูดกันเล็กน้อย ก่อนที่น้องเขาจะชี้นิ้วมาทางผมให้ศิลป์มองตาม

       เฮ้อ ดีนะที่ผมหลบมาหลังต้นไม้ทัน
       ผมแอบยืนมองศิลป์ที่มองมาทางนี้ทำหน้าสงสัย แต่ก็พยักหน้าให้กับรุ่นน้องของตัวเอง พอรุ่นน้องคนนั้นเดินออกไป ผมก็เห็นศิลป์เปิดกล่องนั้นออกดู จากตรงนี้ผมมองไม่ออกเลยว่าเขามีสีหน้าและแววตายังไง เขาจะยังจำลายมือ กับไอ้สัญลักษณ์โง่ ๆ ที่ตอนมัธยมผมเขียนให้เขาได้มั้ยนะ
       ศิลป์อ่านข้อความละมองมันอยู่สักพัก และเก็บเข้ากล่องไปเหมือนเดิม แล้วหันไปถ่ายรูปต่อหลังจากที่มีเพื่อนมาตาม
แค่นี้สินะ บางทีผมก็แอบหวังว่าเขาจะจำได้ ไม่เป็นไร แค่ได้ให้ก็พอ
       ผมมองดูเขาอยู่อีกสักพักก็ตัดสินใจกลับ มันก็แค่นี้แหละ สำหรับชีวิตคนแอบรัก หลายครั้งที่เพื่อนผมพยายามให้ผมแสดงตัวออกไป และหลายครั้งที่ผมคิดจะทำ แต่สุดท้ายในวันที่ผมมีความกล้ามากที่สุดอย่างวันที่จบ ม.6 มันกลับไม่มีโอกาสสำหรับผม ผมไม่ได้แม้จะอยู่ใกล้เขาด้วยซ้ำ และก็คงเป็นเพราะผมกลัวความผิดหวังแบบซึ่ง ๆ หน้าล่ะมั้ง ผมกลัวเขาปฏิเสธ กลัวเขาทำท่ารังเกียจผม ผมอยากจดจำเขาแบบในวันที่เขาตอบรับของที่ผมเคยให้ และที่เขาไม่ปฏิเสธผมในวันที่ผมขอให้เขาเขียนเฟรนด์ชิปให้ แค่นี้ก็พอแล้ว ผมควรอยู่ในที่ของตัวเอง
       ของขวัญที่ผมให้กับเขา ในนั้นมีแค่ดอกไม้สีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลเหี่ยว ๆ อยู่หนึ่งดอก พร้อมกับจดหมายแสดงความยินดีกับเขาอยู่หนึ่งใบที่เขียนว่า

‘ถึง ศิลป์
เรายินดีด้วยนะกับความสำเร็จอีกขั้นในชีวิตของนาย
นายคง งง กับดอกไม้เหี่ยว ๆ ดอกนี้สินะ จริง ๆ มันคือ
ดอกไม้ที่เราอยากจะมอบให้นายตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน
เมื่อวันที่จบ ม.6 แล้ว แต่ตอนนั้นเราไม่มีโอกาสได้ให้
เราขอมอบให้นายในตอนนี้ก็แล้วกัน และเราก็มีอีกสิ่งหนึ่ง
ที่อยากจะบอกกับมานายตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ว่า
เราชอบนายนะ ชอบมาตลอด และจะยังคง
ชอบต่อไปเรื่อย ๆ ยินดีด้วยนะ
จาก นะ (Smile) :)


End

ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านมากนะคะ
 (Smile) :)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :sad4: :mew2: :o12:เอาตอนพิเศษปามาให้เราเถอะ ฮือออออออออจบแบบนี้ฆ่ากันเลยดีกว่าแง่ๆดูท่าแล้วศิลป์ก็แอบมีใจให้เหมือนกันนะอยากอ่านของฝั่งคนถูกแอบรักบ้างจังอยากจะเสพความสุขสมหวังต่อช่วงทำงานด้วยก็ดีนะเราพร้อมอ่านภาษาเขียนดีทำให้อ่านเพลินมากๆเลยจ้า

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
นี่แหละ เรื่องของคนแอบรักที่แท้ทรู นึกถึงสมัยก่อนเลย ฮ่อมมมม

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
จบแบบนี้ก็สมกับชื่อเรื่องดีนะคะ
สนุกมากเลยค่ะ ชอบแนวแอบรัก(สมหวัง555+) แอบรอตอนพิเศษจะมีมั้ยน้า  :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2018 08:16:37 โดย palmiers »

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อบอุ่น อบอวล คลาสสิค.  :bye2:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

อยากให้มีมุมของศิลป์บ้างจัง  :mew2:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อารมณ์ของคนแอบรักก็จะประมาณนี้อะเนาะ อยากอ่านมุมมองของศิลป์บ้างนี่เราว่าก็คงจะรู้ระแคะระคายแหละ ตั้งหลายปีเนอะ ถ้าจบแบบนี้ก็โอเค แต่ถ้ามีสเปก็คงจะดี  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
มันต้องไม่จบเท่านี้สิ ช่วยมีตอนต่อไปทีเถอะ :call:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
แอบลุ้นว่าอยากให้มีต่อจังค่ะ 5555
ยังไงก็ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ฮือออออยากอ่านต่อ อยากให้สมหวัง แต่มันก็สมกับความแอบรัก  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด