กฏเล้าประกาศ 22/9/2019 จะลบนิยายที่ไม่มาต่อจนจบทิ้งทั้งหมดเล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ
จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 418
Chapter 38“ด้วยความยินดีครับ…หึหึ” วารินทร์ยกยิ้มเย็นก่อนจะตรอกหน้าของกิตติกรกลับจนหงายเงิบ“แต่ผมไม่รู้สึกดีใจหรอกนะครับ…คำพูดของคนที่คิดไม่ซื่อ จิตใจสกปรกแบบคุณ ถึงจะชมว่าผมเลอค่าขนาดไหนก็ไม่น่าดีใจสักนิดเดียว…แค่ยืนคุยกับคุณได้ ผมก็เต็มกลืนแล้วแหละครับ” กิตติกรโกรธจัดจนเกือบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ต่างกับวายุและคนอื่นๆที่ยืนหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่ปิดบัง“ปากคอเลาะร้ายดีจังเลยนะครับ…อยากรู้จริงๆว่าอย่างอื่นจะดีเหมือนปากด้วยหรือเปล่า” วารินทร์มองกิตติกรด้วยหางตาอย่างเหยียดหยามกับความคิดที่วารินทร์รับรู้ได้ทันทีจากตัวกิตติกร“สิ่งที่คุณคิด…แม้แต่ฝันยังไม่มีสิทธิ์ ขอตัวนะครับ ไม่อยากเสวนากับคุณไปมากกว่านี้” วารินทร์พูดจบก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกไปจากตรงนี้ทันที แต่ก็ถูกมือของกิตติกรกระชากอย่างแรงจนตัวของวารินทร์เซไปกระทบกับอกของกิตติกรเข้าอย่างจัง“ปล่อยพี่รินทร์นะ!!! คุณกิตติกร”“อย่าเข้ามานารินทร์…พี่ไม่เป็นไร…ผมขอแนะนำให้คุณปล่อยผมจะดีกว่านะครับ” วารินทร์บอกเสียงนิ่ง แต่กิตติกรกลับยกยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า“ไหนคนเก่ง…ลองออกไปเองให้ได้สิครับ” วารินทร์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็นึกขำไปกับการกระทำของกิตติกร…คิดท้าทายคนอย่างเค้าหรือยังไงกัน“คุณพูดเองนะครับ…หวืบบบบ…อั๊กกกกก…กรี๊ดดดด…ว้ายยยยย” เพียงเสี้ยววินาทีร่างของกิตติกรก็ปลิวถลาออกจากตัววารินทร์ไปกระแทกกับโต๊ะวางอาหารจนล้มระเนระนาด ทุกสายตามุ่งตรงไปยังกิตติกรที่กำลังมึนๆว่าตัวเองปลิวมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง จากนั้นไม่นานการ์ดประจำตัวที่เข้าไปช่วยพยุงตัวกิตติกรให้ลุกขึ้น“เกิดอะไรขึ้น วารินทร์ นารินทร์ ไอ้วายุ ไอ้โอ” พายุที่วิ่งเข้ามาใหม่เพราะเสียงกรี๊ดตกใจของแขกในงานก็พบร่างของกิตติกรนอนกองอยู่กับโต๊ะวางอาหาร ส่วนพวกของวารินทร์ก็ยืนมองอย่างสะใจ จะมีก็แต่โอที่งงๆ ว่าอยู่ดีๆทำไมร่างของกิตติกรถึงปลิวออกไปจากวารินทร์แบบนั้นได้“ไม่มีอะไรหรอก กลับกันได้หรือยัง” พายุพยักหน้าก่อนจะเดินตามวารินทร์ออกไป เมื่อพายุสตาร์ทรถเตรียมจะออกตัว นักข่าวที่วิ่งตามทั้งสองคนมาต่างก็รุมถ่ายรูปของพายุและวารินทร์ที่นั่งคู่กันจากด้านนอกรถ ทำให้พายุเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เสมือนว่าพื้นที่ส่วนตัวของเค้าหายไป ด้วยเหตุผลนี้พายุจึงไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเท่าไรนัก“เดี๋ยวคืนนี้วายุจะพานารินทร์กลับไปอยู่ที่บ้านผมนะ” วารินทร์ไม่ตอบอะไรกลับไป จนกระทั่งรถของพายุจอดสนิทวารินทร์เตรียมตัวจะลงจากรถแต่ก็ถูกพายุดึงเอาไว้เสียก่อน“เมื่อไหร่คุณจะเลิกโกรธผมเรื่องนั้น” พายุถามเรื่องที่ตัวเองไม่สบายใจกับวารินทร์ แต่คนถูกถามไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ไม่ดิ้น ไม่ขัดขืน พายุเห็นดังนั้นจึงก้มบดริมฝีปากของวารินทร์อย่างแผ่วเบา ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหาอย่างรุนแรง แต่ก็มีความทะนุถนอมปนไปด้วยกันอย่างลงตัว…ทั้งสองดื่มด่ำในรสจูบอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งพายุเป็นฝ่ายผละออกจากตัววารินทร์“ปล่อยเถอะ” พายุยอมปล่อยแต่โดยดี วารินทร์เตรียมจะเดินเข้าบ้าน แต่ในขณะนั้นเองเสียงของรถสามคันที่ขับเข้ามาในบ้านแบบติดๆ แน่นอนว่าคันมีหนึ่งคันของวายุ หนึ่งคันของคุณสุพจน์กับคุณสุดา ส่วนคันสุดท้าย…“อีพวกหน้าด้าน!!! แกกล้าดียังไงถึงไปงานนั้น อีพวกไพร่!!!...พายุ ป้าไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ กล้าดียังไงมาหักหน้าป้าต่อพวกนักข่าวพวกนั้น” เมื่อลดาลงรถก็สาดเสียเทเสียใส่คนรอบข้างทันที แม้ว่าคุณสุดาจะพูดห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง“พอเถอะครับ คุณหญิงสุดา…คนที่ไม่มีสมอง พูดให้ตายเค้าก็ไม่มีสมองคิดได้หรอกครับ เข้าบ้านพักผ่อนดีกว่าครับ ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ จะเสียสุขภาพจิตกันเปล่าๆ” วารินทร์พูดจบลดาก็พุ่งเข้ามาหวังจะตบวารินทร์ แต่เมื่อเงื้อมือจะฟาดวารินทร์ก็ต้องชะงักกับคำพูดของวารินทร์เสียก่อน“คุณนี่ไม่เข็ดจริงๆนะ คุณลองคิดสิ ว่าคุณเคยตบผมโดนหรือเปล่า…ทางที่ดีคุณรีบกลับไปเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังเล่นกับอะไร อย่าทำให้ผมหมดความอดทน…ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ คุณอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว”“อ๋อ…นี่แกขู่ฉันหรือไง ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฮ๊ะ!!! อีหน้าโง่!!! ตาพายุดูสิ ดูคนที่แกเลือกสิ สามหาวสิ้นดี เหมือนพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า!!!” สุดาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่รู้จะทำอย่างไรกับพฤติกรรมของพี่สาวตัวเอง ส่วนคุณสุพจน์ก็ออกแนวรำคาญแต่ก็เก็บเงียบเอาไว้“หึ…คุณหญิงสุดา…ไม่สิ ต้องเรียกว่า คุณแม่ คุณพ่อ เข้าบ้านกันดีกว่านะครับ…ส่วนเราก็เข้าบ้านกันเถอะ ผมอยากพักผ่อนจัง” วารินทร์เดินเข้าไปคล้องแขนพายุอย่างออดอ้อนเอาใจ พายุก็โอบวารินทร์แล้วเดินเข้าบ้านทันที โดยมีสุพจน์ สุดา นารินทร์ และวายุเดินตามเข้าไปโดยไม่มีใครสนใจบุคคลที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยอารมณ์โกรธจนตัวเองแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ“แล้วแกจะได้เห็นดีกัน นังเด็กเมื่อวานซืน!!!...กลับ” ลดาขึ้นรถอย่างเดือดดาลและอาฆาตวารินทร์มากขึ้นเป็นทวีคูณ และฉับพลันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าโลกนี้สองพี่น้องนั่นจะหายไปก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหล่อน ลดายิ้มขึ้นอย่างชั่วร้ายพร้อมๆกับรถที่ค่อยๆทะยานออกจากบ้านวายุเทพไป…เช้าวันต่อมาพายุและวารินทร์เข้าบริษัทตามปกติแต่ที่ไม่ปกติคือพนักงานมองทั้งสองคนแบบแปลกๆ แถมยังซุบซิบนินทากันอย่างเมามัน แต่คนอย่างพายุและวารินทร์ไม่สนใจคำพูดของพนักงานทั่วไปอยู่แล้ว…เพราะดีแต่พูด ถึงเป็นได้แค่พนักงานกินเงินเดือนจากเค้ายังไงล่ะ“ท่านประธานคะ มีประชุมด่วนค่ะ ตอนนี้ทุกคนรอท่านประธานอยู่ที่ห้องประชุมแล้วค่ะ” แก้มรายงานพายุทันที และยิ้มเหยียดให้กับวารินทร์ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแกตกที่นั่งลำบากแน่ นังวารินทร์!!!“คุณไปก่อนเถอะ ผมขอจัดการเอกสารแล้วเดี๋ยวจะตามไป” พายุพยักหน้ารับแล้วเดินตามแก้มขึ้นไปห้องประชุมทันที ส่วนวารินทร์ก็ไปจัดการบางสิ่งบางอย่างให้เสร็จก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมด้วยบรรยากาศภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ผู้บริหารจากทุกแผนกต่างก็รอฟังพายุเกี่ยวกับข่าวที่ท่านประธานของพวกเค้ามีรสนิยมคบกับผู้ชายด้วยกัน แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่แต่งตั้งขึ้นมาเองอีกต่างหาก“คุณจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับข่าวนี้ครับ คุณพายุ” กิตติกรยกยิ้มถาม“ก็ไม่ทำไมนี่ครับ ข่าวก็เขียนบอกหมดแล้วว่า วารินทร์เป็นคนสำคัญของผม”“คุณอย่าทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะครับคุณพายุ คุณรู้หรือเปล่าว่ามันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทมากมายขนาดไหน” ผู้บริหารคนหนึ่งพูดขึ้นและคนต่อๆมาก็ตามกันขึ้นอย่างไม่หวั่นไม่ไหวกิตติกรยกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุก…สงสัยงานนี้จะมีการเปลี่ยนเก้าอี้ท่านประธานเสียแล้ว จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งพูดไม่เข้าหูพายุอย่างรุนแรง และมันทำให้ความอดทนของพายุหมดลงทันที…“ใช่ อย่างนี้คู่ค้าของเราจะมองเรายังไง ในเมื่อท่านประธานยังจิตไม่ปกติเอาผู้ชายด้วยกันเป็นเมีย!!!”“ปัง!!! หุบปากสวะของพวกคุณเดี๋ยวนี้!!!...ผมเงียบไม่ใช่ว่ายอมรับข้อกล่าวหาของพวกคุณ รสนิยมมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม พวกคุณไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่าม ส่วนเรื่องผู้ช่วยส่วนตัว…พวกคุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าผมเป็นเจ้าประธาน ผมจะตั้งตำแหน่งอะไรขึ้นมานั่นมันเป็นสิทธิ์ของผม พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเหมือนกัน…และทุกคนในที่นี้เดินเข้ามาสมัครงานที่นี่กันเองทั้งนั้น ผมไม่เคยออกไปยืนเรียกพวกคุณเข้ามา…ถ้าใครไม่พอใจที่ผมมีรสนิยมแบบนี้ เซ็นใบลาออกไปซะ!!! ผมต้องการบุคลากรที่ใช้สมองทำงานไม่ได้ใช้ปากพูดไปวันๆ!!!” พายุพูดเสียงดังลั่นห้องประชุม ทำเอาทุกคนต่างเงียบลงทันที เพราะท่านประธานกำลังอารมณ์ขึ้นจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ…ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆหรอกนะ ท่านประธานในรูปแบบนี้น่ะ“ก็อกๆๆ…ขออนุญาตนะครับ เชิญครับคุณตำรวจ” ทุกคนต่างงุนงงว่าตำรวจมาทำไม รวมถึงพายุเองด้วยเช่นกัน“เกิดอะไรขึ้นวารินทร์”“ผมขอจับกุมคุณกิตติกรและเลขาส่วนตัวของคุณพายุ ในข้อหาฉ้อโกงครับ” เมื่อตำรวจพูดจบทั้งสองคนก็ลุกขึ้นโวยวายทันทีว่าตัวเองไม่รู้เรื่องและเรียกร้องหาหลักฐาน“ส่วนหลักฐานนี่ครับ ผมจะอธิบายให้พวกคุณฟัง…” วารินทร์อธิบายวิธีการยักยอกเงินของบริษัทและจำนวนเงินที่ทั้งสองได้ไปนั้นร่วมๆห้าสิบล้านบาทเลยทีเดียว เพราะทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกันมานานพอสมควร…เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้วการประชุมทั้งหมดก็จบลง แต่วารินทร์พูดอะไรบางอย่างก่อนออกจากห้อง…“อ่อ…อีกอย่างหนึ่งนะครับ เรื่องระหว่างผมกับพายุเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ไม่ต้องการคนนอกเข้ามายุ่ง…ถ้าใครยังพูดถึงเรื่องนี้อีก…” วารินทร์พูดแล้วหยุดไปทำเอาทุกคนในห้องลุ้นกันแทบจะหยุดหายใจ ในจังหวะนั้นเองวารินทร์ก็ยกยิ้มเย็นเฉียบน้อยๆ“จะหาว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะครับ” เมื่อวารินทร์พูดจบ ทุกคนก็รู้สึกได้เหมือนกันคือมีลมพัดใส่เข้าอย่างแรงและขนลุกเกรียวอย่างเย็นยะเยือกอย่างไม่ทราบสาเหตุ“ขอตัวสำหรับวันนี้นะครับ” วารินทร์พูดจบก่อนจะเดินออกไปโดยมีพายุเดินตามหลังออกไปติดๆ ส่วนคนอื่นๆได้แต่นั่งมองหน้ากันโดยไม่มีใครกล้าพูดอะไร“คุณรู้สึกเหมือนผมไหมครับ”“…” ไม่มีคำตอบ แต่เป็นการพยักหน้าเพื่อบอกว่าใช่…ความรู้สึกที่เหมือนกำลังเผชิญอยู่กับอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา!!!