ตอนที่3 รัก [จบ]“แต้ม... แต้ม!! ลูกฟื้นแล้ว” เตชินท์ครางเสียงแผ่วอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ก่อนจะตะโกนพร้อมโถมกอดคนตัวเล็กอย่างดีใจ น้ำหูน้ำตาแห่งความดีใจไม่ไหลรู้มาจากไหน
เขาดีใจที่เด็กหนุ่มกลับมา เขาไมอยากเสียแต้มไป เขายอมรับกับตัวเองแล้วจริงๆ
เขารักแต้ม มากกว่า... ลูก
“ผม.. หิวน้ำ” คนในอ้อมกอดเอ่ยเสียงแหบแห้ง เนื่องจากได้ขาดน้ำล่อเลี้ยงในลำคอไปหลายอาทิตย์ ทันทีที่คนตัวโตได้ยินก็รีบกุลีกุจอหาน้ำหาท่าให้อีกคนดื่ม
“ลูกเป็นไงบ้าง รู้สึกอย่างไงบ้าง”
“เมื่อยตัวเล็กน้อยครับ”
“หรอ งั้นเดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เราไปตรวจที่โรงบาลอีกทีนะ เผื่อมีอาการแซกซ้อน”
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ แล้วทำไมผมถึงมานอน...ที่ห้องนี้” เมื่อนึกเหตุการณ์ก่อนหน้าจะหมดสติได้ ดวงหน้ามนก็เริ่มหมนหมองอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตอนตื่นมา แล้วเจอว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่แสนคิดถึง ก็ดีใจจนลืมไปว่าตนนั้นคอแห้งเหมือนทะเลทรายอยู่แล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก ลูกแค่เป็นลมไป”
“แล้วแม่ใหม่... จะมาเช้านี้ใช่มั้ยครับ” เพราะว่าหมดสติไป จึ่งยังคิดว่าวันนี้คือวันถัดจากที่หมดสติ เตชินท์เอื้อมมือไปลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากหยักยิ้มสวยให้คนตัวเล็ก จนทำให้แต้มมองค้าง ภาพตรงหน้านั้นราวกับฝัน
“ไม่มีแม่ใหม่หรื่อใครหน้าไหนทั้งนั้น ครอบครัวเรามีแค่เตชินท์และเฌอแตม”
“เตชินท์และเฌอแตม” คนปากบางพูดอย่างคนเหม่อลอย
“ใช่ แค่เราสองคน”
“สองคน”
คนหน้าคมยิ้มอารมณ์ดีอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง และอุ้มคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวขึ้นมากอดหมับ เขาหอมแก้มนวลของอีกคนอย่างที่เคยทำเมื่อหลายปีก่อน แต่วันนี้ความรู้สึกมันต่างออกไป ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเตชินท์ที่เขาได้มีความสุขขนาดนี้
ครั้งแรก... ตอนที่แต้มเกิด เขานั่งรอภรรยาเข้าห้องคลอดไปถึงสองชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีหมอคนไหนออกมาบอกข่าวดีกับเขา จนเขาเริ่มกังวล และในที่สุด.. เสียงแหลมเล็กก็หวีดร้องออกมาลั่นห้องคลอด ทันทีที่เขาได้ยินเสียงนี้ เตชินท์แทบจะสิ้นแรง เขาไม่เคยดีใจแบบนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าการกำเนิดชีวิตเล็กๆ หนึ่งชีวิตจะมาค่ากับเขามากถึงขนาดนี้
และนี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาดีใจ เด็กคนเดิมที่ยังคงเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ของเขา ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วทำให้เขาดีใจที่ยังมีวันนี้อยู่
คำสัญญาอะไรก็แล้วแต่ที่เขาเคยพูดตอนที่คนในอ้อมกอดนี้ยังหลับอยู่ เขาจะทำตามคำที่เขาพูดทุกอย่าง คำสัญญาลูกผู้ชาย...
“อ๊ะ พ่อครับ”
“อะไร ทำอย่างกับไม่เคยถูกพ่ออุ้ม”
“ไม่ใช่ แต่ว่า... พ่อไม่ได้ยิ้มอย่างนี้ให้ผม ไม่ได้สัมผัสผม ไม่ได้พูดดีๆ แบบนี้กับผมนานมากแล้ว ผมไม่แน่ใจว่า ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ผมกลัวว่า... ถ้ามันเป็นความฝัน ผมก็จะต้องตื่น... ฮึก ไปเจอพ่อ.. คนเดิม” แต้มพูดเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แม้ตอนนี้เจ้าตัวจะดีใจที่ได้พ่อคนนี้กลับมา แต่ก็กลัวเกินว่ามันจะเป็นเพียงฝันดีในคืนๆ หนึ่ง ก่อนจะสลายหายไปราวกับกลุ่มควัน
สิ่งที่คนตัวเล็กพูดนั้นสะท้านไปถึงหัวใจของเตชินท์ สิ่งที่หมอพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการณ์ เขาทำให้เด็กหนุ่มทุกข์ถึงขนาดกลัวแม้กระทั่งจะต้องตื่นไปเจอเขาที่เคยพูดร้ายๆ เตชินท์เข้าใจความรู้สึกของแต้มขึ้นมาทันที ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงได้หลับไปตั้งหลายอาทิตย์
“พ่อขอโทษนะ มันจะมีเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว พ่อให้สัญญาลูกผู้ชายเลย”
“สัญญาลูกผู้ชาย”
“ใช่ แต่ตอนนี้เราไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะนะ จะได้ลงไปกินเข้าไข่ดาวสูตรเด็ดของพ่อ แล้วไปตรวจเช็คร่างกายอีกครั้งกัน”
“ครับ”
ในเช้าวันนี้ดูเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่เคยอึมครึม ขาดความรัก จะกลายเป็นบ้านที่ตลบอบอวนไปด้วยความรัก... และเสียงโวยวายเล็กน้อยจากห้องน้ำในห้องของเจ้าของบ้าน
..
“เป็นไงบ้างหมอ” หลังจากที่เตชินท์พาแต้มไปเช็คอาการกับหมออัคนีเสร็จแล้ว พบว่าไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ ทั้งสิน เขาจึ่งได้พาเด็กหนุ่มไปรับการปรึกษาจากหมอจิตเวชที่เคยขึ้นเสียงใส่เขาเมื่อตอนนั้น แต่เตชินท์ก็ไม่ได้โกรธเคื่องอะไร อยากจะขอบคุณด้วยซ้ำที่ด่าเขา
หมอได้ขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เขาจึ่งได้บอกให้แต้มนั่งอยู่ที่โซฟาตัวนั้น ห้ามไปไหน แน่นอนว่าเด็กหนุ่มทำตามอย่างง่าย และไม่ขัดคำสั่งเขาเด็ดขาด
“ก็ไม่ตรอมใจอย่างวันนั้นแล้วอ่ะนะ แต่โรคซึมเศร้าก็ยังมีอยู่ อย่าได้เหลิง เออนี่คุณ ผมขอร้องล่ะนะ ช่วยเหอะ ดีกับเด็กมันหน่อย เด็กมันต้องการความรักจากคุณนะ ถึงคุณจะตอบรับความรู้สึกเด็กไม่ได้ แต่ก็ควรจะพูดคุยกันอย่างเหตุผล ไม่ใช่เอะอ่ะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดเอาเองทุกอย่าง ผมเข้าใจว่าคนเราความคิดมันไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยเด็กมันก็ลูกคุณ ทำไมคุณใจร้ายกับมันได้ลงคอ เป็นพ่อภาษาไรวะ! พูดแล้วกูขึ้น!!”
“ฮ่าๆๆ ครับ ผมจะทำที่หมอแนะนำ” ถึงแม้หมอจะตะโคกด่า และพูดหยาบคาย แต่เตชินท์กลับไม่รู้สึกโมโห อาจจเป็นเพราะหมอพูดถูกทุกอย่าง
“เออดี พาเด็กมันไปเที่ยวบ้าง ผ่านเรื่องร้ายๆ มา ควรพาไปพักผ่อน”
“ครับ งั้นผอขอตัวก่อน”
“เออ! อีกสามเดือนมาตามนัดด้วย”
“ครับ”
เมื่อออกจากห้องตรวจมา ก็เจอเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างหน้าตื่น
“พ่อๆ หมอพูดว่าไง ผมเป็นโรคจิตใช่มั้ย”
“บ้าหรือเปล่าเราหืม หมอเขาแต่แนะนำให้เราไปเที่ยวกัน ตอนนี้ร่างกายลูกพึ่งฟื้นตัว ควรไปผ่อนคลายที่ๆ สดชื่นสักพัก”
“ไปเที่ยวหรอ พ่อจะพาแต้มไปใช่มั้ย” ทันทีที่ได้ยินว่าคนตัวโตจะพาไปเที่ยว ร่างขาวก็กระโดดกอดหมับอย่างดีใจ จนเผลอเปลี่ยนคำแทนตัว ไปใช้อย่างเมื่อก่อน เตชินท์ก็ยิ้มดีใจที่ได้ยินเด็กหนุ่มแทนตัวด้วยชื่อ จากที่คิดว่าวันหยุดถึงจะพาไป ก็ต้องเปลี่ยนใจทันที
“ครับ พ่อจะพาแต้มไปเที่ยว แต้มอยากไปไหนพ่อจะพาไปหมด จะเที่ยวนานแค่ไหนพ่อก็ว่าง จะไปซื้อของช็อปปิ้งเท่าไรก็ได้ พ่อรวย”
“จริงหรอครับ จริงๆ นะ พ่อพาแต้มไปจริงๆ นะ”
“จริงครับ สัญญาลูกผู้ชายเลย”
“เย้ งั้นเราจะไปที่ไหนดี แต้มอยากไปทุกที่เลย ที่ไหนก็ได้ที่มีพ่อไปด้วย” เด็กหนุ่มร้องดีใจยิ้มกว้างมาตลอดทางจนถึงที่จอดรถ เสียงหวานก็ยังคงพูดจ้อยๆ ถึงสถานที่ท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงกฎข้อห้ามข้อเดียว คือห้ามไปที่ๆ คนเยอะ พ่อไม่ชอบ
“งั้นไปวันนี้เลยเป็นไง”
“เราเตรียมของกันไม่ทันหรอกครับ หรือพ่อโทร.บอกป้านินไว้แล้ว?”
“เตรียมทำไม ไปซื้อเอาข้างหน้าก็ได้ ไม่เห็นอยากเลย พ่อบอกแล้ว พ่อรวย”
“แต่แต้มอยากเอากล้องไปด้วย อยากไปถ่ายความทรงจำนี้ไว้”
“ไม่ต้องหรอก วันไหนที่แต้มคิดถึง พ่อจะพาไปอีก พ่อบอกแล้วไง พ่อจะพาแต้มไปทุกๆ ที่ๆ แต้มอยากไป”
“.........................”
“เป็นอะไร ทำไมถึงเงียบล่ะ หืม?” จู่ๆ เด็กหนุ่มที่นั่งพูดจ้อยๆ มาตลอด กลับเงียบลง
“แต้มไม่แน่ใจ... แต้มกลัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่”
เตชินท์หันไปมองคนด้านข้างเล็กน้อย ก่อนจะหักรถเข้าข้างทาง มือหนาเอื้อมไปเชยคางมนให้แหงนขึ้นมามองเขา ก่อนที่หน้าคมจะโน้มหน้าลงไป เพื่อประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากเล็กช้าๆ ก่อนจะผละออกมามองดวงหน้าใสที่เขาหลงรัก เด็กหนุ่มหน้าแดงฉ่า แต่ก็ไม่ได้หนีออกจากมือที่เชยคางตนอยู่ ตากลมโตที่มองอย่างรัก เคารพ และเทิดทูน ในตัวเขาจนแทบจะล้นปลีออกมา เมื่อไม่มีการขัดขื่น ปากหยักจึ่งประทับลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับรุกล้ำกว่า เตชินท์ปรับองศาใบหน้าให้ยิ่งล้ำลึกมากกว่าเดิม รสหวานในจูบแรกนี้ ทำให้ร่างขาวสั้นสะท้านไปทุกส่วน ไม่มีแรงแม้จะพยุงตัวให้นั่งได้ แต้มจึ่งจำต้องนั่งพิงเบาะตัวอ่อนปวกเปียก นั่นกลับยิ่งทำให้อีกคนรุกล้ำมากขึ้น
อ้อยอิ่ง เนินนาน หยอกล้อจนพอใจจึ่งขยับออกมองอีกคน ที่ตอนนี้หมดแรงจนนั่งพิงเบาะ ริมฝีปากแดงบวมเล็กน้อย ดวงตาหวานปรือคล้ายกำลังออดอ้อนอย่างไม่ตั้งใจ มือเล็กที่จับอกเสื้อของเขาไม่มีแรงที่จะจับต่อ จึ่งตกลงมาข้างตัว เตชินท์ยิ้มให้กับภาพที่เห็น เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาของเขา เด็กน้อยที่บริสุทธิ์ของเขา เด็กน้อยที่เป็นเหมือนลมหายใจที่ทำให้เขามีชีวิต และสู้มาต่อได้.....
ตอนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว
“ตอนนี้แต้มยังคิดว่า.. แต้มฝันอยู่หรือเปล่าล่ะครับ”
คนหน้าแดงที่ลามไปถึงคอส่ายหน้าแรง ก่อนจะหลบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เตชินท์หัวเราะเสียงดัง แล้วจึ่งขับรถออกไปตามที่ๆ ร่างเล็กด้านข้างอยากจะไป......
มีความสุขจัง.......
..
“แต้ม พ่อถึงหน้าคณะแล้ว” เตชินท์กลอกเสียงลงไปในสมาร์ทโฟรรุ่นล่าสุด ดูเหมือนอีกคนในสายจะครับคำ เขาจึ่งได้กดวาง ก่อนจะลงจากรถหรูสีดำเงาวับ แล้วพิงที่ประตูรถเพื่อรอตนสำคัญของเขา จะบอกว่าเขาอยากทำตัวเด่นก็ใช่ เพราะเขาทำจริงๆ ร่างสูงอยากเป็นจุดสนใจ เมื่อเวลาที่คนตัวขาวลงมา คนอื่นจะได้รู้ว่าห้ามยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของอย่างเขา
“พ่อ! นี่พ่อซื้อรถใหม่อีกแล้วหรอ” เมื่อคนตัวเล็กเดินลงบันไดมาเจอกับคนคุ้นตา เขจ้าตัวรีบเดินดุ่มๆ มาทันทีโดยไม่รอเพื่อน ทั้งๆ ที่สามเดือนก่อน อีกคนพึ่งซื้อปอเช่สีแดงสดมา แล้ววันนี้ก็ซื้ออีกแล้ว
“ลูกค้าให้มา”
“ไม่เชื่อ พ่อพูดแบบนี้ตลอด ลูกค้าที่ไหนจะให้แต่รถหรูๆ แบบนี้ พ่อใช้เงินเปลืองเกินไปแล้ว”
“ครับๆ แต่แต้มจะใช้เท่าไรก็ได้นะ พ่อมีพ่อให้แต้มใช้สบายๆ ไปสามชาติแบบไม่ต้องทำงานเลย ซื้อบ้านอีกสิบหลัง รถอีกห้าสิบคัน แต้มก็ใช้ไม่หมด”
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวสักวันมันก็ต้องหมด”
“พ่อถึงได้ทำงานหาเงินเลี้ยงลูกกินจุของพ่อนี่ไง หึ กลับกันได้แล้วครับคุณหนู” ร่างสูงพูดพร้อมเปิดประตูให้ร่างเล็กเข้าไปนั่ง แต่ไม่ทันที่จะปิดประตู เสียงทุ้มของอีกคนก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“แต้ม”
“พี่เนม เอ่อ.. นี่พี่เนมครับ พี่เนม นี่พ่อแต้ม” เด็กหนุ่มแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน หลังจากวันที่ทะเลาะกันคราวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของเนมอีกเลย
“สวัสดีครับคุณน้า”
“สวัสดี” เมื่อคนที่เด็กกว่าไหว้สวัสดี เขาที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องรับไหว้ ถึงจะไม่ค่อยชอบใจเสียเท่าไร
“ว่าแต่พี่เนมทีอะไรหรอครับ”
“อ้อ เรื่องวันหยุดยาวนี้อ่ะ ตกลงแต้มว่าไง ไปป่ะ”
“ไปไหน” น้ำเสียงดุของตนที่อายุเยอะที่สุดในกลุ่มสนทนาถามขัดทันทีที่ได้ยิน ไปไหน? ทำไมเขาไม่รู้? ทำไมแต้มไม่บอกเขา?
“เอ่อ พวกเราจะไปเที่ยวกันที่หัวหินน่ะครับคุณน้า”
ตาคมหันขวับจ้องร่างขาวที่กุ้มหน้าไม่สบตาเขา นี่คิดจะปิดเขาหรอ?
“พ่อจะรอในรถ รีบคุยกันล่ะ” แล้วร่างสูงก็เดินไปนั่งฝั่งคนขับทันที เท่านั้นอีกคนที่กำลังคุยอยู่ก็คงจะเรี่มกังวลว่าเขาโกรธแล้ว
จริงๆเขาไม่ได้โกรธหรอก อาจจะแค่น้อยใจบ้างนิดหน่อย(มาก) ที่แต้มไม่ยอมบอกอะไรเขา ทั้งๆ ที่นอนด้วยกันทุกคืน อยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าไม่ติดว่าแต้มต้องเรียน เขาคงหนีบแต้มไปที่ทำงานด้วยแน่ๆ
ไม่นานนักอีกคนก็ตามเข้ามาในรถ บรรยากาศเงียบอย่างที่เขาชอบทำตอนที่มีอารมณ์(งอน)แบบนี้
“เอ่อ...วันหยุดยาวหน้าแต้มมะ....”
“ไม่ให้ไป”
“............? ครับ?”
“พ่อไม่ให้ไป”
“ครับ”
“............”
“............”
“แต้มอยากไปกับพวกเพื่อนๆ หรอ”
“ครับ? ก็เฉยๆ”
“อึดอัดไหม ที่พ่อบังคับ”
“ไม่เลย”
“รู้ใช่มั้ยที่พ่อเป็นแบบนี้ เพราะอะไร”
“รู้ครับ เพราะพ่อรักแต้มและเป็นห่วงแต้มมาก”
“อืม”
“แต้มปฏิเสธพี่เนมแล้วล่ะครับ จริงๆ ปฏิเสธตั้งแต่พี่เขาถามแรกๆ แล้ว แต้มสัญญาแล้วไงครับ ว่าแต้มจะเที่ยวกับพ่อคนเดียวเท่านั้น” คนเสียงดุกลั้นยิ้มทันทีที่ได้ยินแต้มพูดเอาใจ ทำไมเขารู้สึกว่าเขาแก่แล้วนะ ที่โดนเด็กอ้อนแบบนี้แล้วดีใจ
“แล้วทำไมถึงยังคุยกับไอ้เด็กนั่นอยู่”
“ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนี่ครับ เป็นพี่น้องกัน พี่เขาไม่ได้มาจีบแต้มแล้ว”
“จะรู้มันหรอ มันอาจจะตอแหลทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีก็ได้”
“พ่อครับ พูดไม่เพราะเลย แล้วอีกอย่าง พี่เนมกำลังโดนจีบอยู่ ใกล้ๆ นี่แหละครับ” ไม่พูดเปล่า เด็กหนุ่มยังเอามือขาวขึ้นมาปิดปากหัวเราะคิกๆ คักๆ อย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก ยิ่งเตชินท์เห็นท่าทางนั้นของอีกคน มันก็ยิ่งทำให้เขาคิดว่า ตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมรับ....
มือหนายื่นมาจับมือบาง กุมไว้ที่หน้าขาตัวเองไม่ยอมปล่อย
“พ่อรักแต้มนะ”
“...ครับ แต้มก็....รักพ่อ” โดยทันไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มเขินหน้าแดงเพราะทำอะไรไม่ถูก ทำเอาร่างสูงรัวเราะอารมณ์ดี
“อย่าลืมสัญญาลูกผู้ชายที่เคยสัญญากับพ่อล่ะ”
“สัญญาว่าอะไรหรอครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย ลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้ยังเขินที่พ่อบอกรักตัวเองอยู่เลย
“ก็สัญญาว่า โตขึ้นแต้มจะแต่งงานกับพ่อไงครับ” ร่างหมาพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้เขินจนตัวแดงก้มหน้าจะติดพื้นอยู่แล้ว น่ารัก
“แต่งงานกับพ่อนะ”
“ครับ! แต่งครับแต่ง แต่งแน่ๆ ครับ”
แต้มโพล่งปากออกไปอย่างที่ตนคิด ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขารอเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว เด็dหนุ่มดีใจจนแทบจะร้องไห้
รัก.... รัก.... เขารักพ่อ....
รักผู้ชายคนนี้
เตชินท์ของเฌอแตม..
- จบ -
________________________
จบแล้วนะคะ แฮ่ๆ ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านด้วยนะคะ
จริงๆ เรื่องนี้เราเคยตั้งใจจะแต่งเป็นเรื่องยาว แต่รู้สึกว่า
เรากับงานดราม่านี่ ไปกันไม่ค่อยรอด เลยทำให้มันเป็นเรื่องสั้น เพราะเรื่องที่มันดราม่าเกินไป ไม่มีอะไรที่มันลุ้นระทึก เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่ช่วงนั้นเราสนใจเรื่อง อาการตรอมใจของผู้ป่วยทางจิต อยู่ พอมาค้นไฟล์เก่าๆ ที่เราเคยเขียนไว้ เราก็กลับมาสนใจอีก แล้วพยายามแต่งให้จบ จึ่งตัดสินใจอัพเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ