ตอนที่ 2
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นห้องมัน ก็เหมือนกับห้องผู้ชายทั่วๆไป มีของวางเกะกะบ้าง แต่ก็ไม่ได้รกขนาดไม่มีที่เดิน ส่วนไอ้เจ้าของห้อง พอมาถึงมันก็กระโดดลงเตียงทันที ผมได้แต่มองการกระทำของมันอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร เพราะเวลาผมเมาหนักๆ กลับห้องไปก็วิ่งเข้าเตียงก่อนอันดับแรก ถ้าไม่รวมกับวิ่งไปล้วงคออ้วกให้สร่างนะ
หัวถึงหมอนก็หลับเลยเหรอวะ ผมยืนมองใบหน้าใสที่ฟุบลงกับหมอนสีขาวอยู่สักพัก ถ้าเป็นปกติผมคงขึ้นเตียงแล้วนอนหลับไปละ แต่วันนี้ตาโคตรสว่างเลย ไหนๆก็ไม่มีอารมณ์นอนแล้วก็ขอสำรวจห้องมันหน่อยละกัน ตามประสาคนชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน ห้องมันอยู่ชั้น 4 เป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา เหมือนหอพักทั่วๆไป ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมา ในห้องมีตู้เย็น ทีวี ตู้เสื้อผ้า มีระเบียง ผมเลยเลื่อนประตูกระจกออกไปกะจะรับลมด้านนอกซะหน่อยค่อยกลับเข้ามานอน ข้างนอกมีเพียงความสว่างจากเสาไฟฟ้าหน้าหอเท่านั้น และมีแต่ความเงียบ ก็แหงสิวะ นี่ก็เกือบจะตี 3 แล้ว ใครจะมาเดินเล่นให้มึงเห็นละ เขาก็เข้านอนกันหมดแล้ว มีแต่มึงนี่แหละไม่หลับไม่นอน
ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่งที่ยังว่าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้มัน ผ้าห่มมันดันมีแค่ผืนเดียว แต่จะให้ผมไปห่มผืนเดียวกับมันก็ใช่เรื่อง คุณลองนึกภาพผู้ชายตัวสูงๆสองคน กับผ้าห่มผืนเล็กๆสิ ผมว่ามันไม่น่าจะโอเคนะ แล้วยิ่งเป็นไอ้นนท์ด้วยแล้ว ผมยิ่งไม่ควรไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับมันเลยเด็ดขาด ผมพลิกตัวไปทางที่มันนอน มันนอนหันหลังครับ ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองหลับก็นอนจ้องแผ่นหลังมันอยู่อย่างนั้นแหละ สักพักมันพลิกตัวกลับมา จนหน้าแทบชิดกัน ไอสัส อย่างกับในละคร ผมนี่นอนตัวแข็งเลยครับ ไม่กล้าจะหายใจเลย กลัวมันตื่น กลัวมันเห็นผมนอนอยู่ข้างๆแล้วมันจะประเคนตีนมาให้ พอเห็นว่าอีกคนไม่มีทีท่าว่าจะตื่นไอ้ผมก็เลยถือโอกาสนี้พินิจพิจารณาใบหน้าของมันซะหน่อยละกัน คิ้วมึงจะเข้มไปไหนวะ จมูกก็โด่ง หน้าก็ใส ขนตายังยาวอีก แตกต่างกับกูชิบ เบื่อไอ้พวกหน้าตาดี มึงเห็นชัดๆแล้วนะไอ้นิรัตน์ มึงควรจะสำเหนียกตัวเองได้แล้วว่ามึงชอบมันไปก็ไม่มีประโยชน์ มึงไม่มีทางสมหวัง หรือกูจะปล้ำมันดีวะ แล้วพอพรุ่งนี้เช้ามันตื่นมากูค่อยบอกว่ากูจะรับผิดชอบ รับผิดชอบพ่องดิ มันจะกระโดดถีบมึงลงจากชั้น 4 มากกว่า แต่กูเห็นในนิยายเกย์ที่ไอ้ฝนมันอ่านบ่อยๆ แล้วชอบมาพูดให้ฟัง ว่าเวลาได้กันจากที่ไม่รัก มันจะสนใจขึ้นมาแล้วก็ได้คู่กันตลอดเลยนะเว้ย แต่ไอ้นิรัตน์ ชีวิตมึงไม่ใช่นิยาย เดี๋ยวมึงจะได้ตายก่อนจะได้มันไอ้ฟาย
โอ๊ย คิดบ้าไรของมึงเนี่ย หลับดิวะไอ้นิล เลิกมองหน้ามัน แล้วไปนอนนับแกะ นับวัว นับควาย นับเหี้ยไรก็นับ แล้วก็นอน[/size]
.
.
เมื่อคืน เอ่ออย่าเรียกว่าเมื่อคืนเลยครับ เรียกว่าเมื่อเช้ามืดจะดีกว่า เพราะกว่าผมจะสะกดจิตตัวเองให้หลับลงได้ก็ปาไปเกือบตีห้า วันนี้กว่าจะตื่นก็ปาไปบ่ายโมง พอตื่นมาก็พบว่าไอ้คนข้างๆมันไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้วครับ มันไปนอนอยู่บนพื้นแทน ถุ้ย ผมล้อเล่นครับ มันหายไปไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แถมไม่มีโน้ตเขียนบอกด้วย ผมขยี้ตาแรงๆ สะบัดหัวสองสามทีเพื่อปลุกตัวเอง ก่อนจะบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วลุกจากที่นอน เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก
“ตื่นสายว่ะ”ไม่ใช่ใครที่ไหนไอ้เจ้าของห้องนั่นแหละครับ มันอาบน้ำอาบท่า จนไม่เหลือสภาพเมื่อคืนเลย
“ไม่ได้ตื่นสาย กูพักผ่อนให้เพียงพอเฉยๆ มึงไปไหนมา”
“ไปหาซื้อไรกินมา”
“ไม่บอกกูวะ หิวจนจะแทะขอบเตียงได้แล้วเนี่ย”
“ก็มึงไม่ตื่นนี่”
“แล้วทำไมไม่ปลุกวะ อย่างน้อยก็สะกิดให้กูรู้หน่อย”
“บ่นมากว่ะ เดี๋ยวกูก็เอาไปเทให้หมาแดกแทนเลย”ผมทำหน้างง กับคำพูดมัน จนมันยื่นถุงกล่องข้าวให้นั่นแหละ ผมรีบคว้าไว้เลย กลัวมันจะเปลี่ยนใจครับ ด่ามันไปเยอะเลย พอมันเห็นท่าทางหวงข้าวของผมมันก็หัวเราะขำๆ
“มึงมันหล่อที่สุดเลยว่ะ”
“เหรอออ ไม่ทันละ”
“อ่อ เหรอ”
ผมนั่งลงที่เก้าอี้ปลายเตียง วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ แล้วลงมือกินประหนึ่งว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเป็นชาติ ไอ้นนท์มันก็เดินไปหยิบน้ำมาให้
“โห่ น่ารักที่สุดเลยว่ะ มาเป็นเมียกูมา”ผมพูดแซวๆมัน
“อย่างมึงอ่ะนะจะเป็นผัวกู เป็นเมียกูคงจะเหมาะกว่า”ถึงผมจะชอบมัน แต่ผมก็ไม่เขินกับประโยคพวกนี้หรอกนะครับ เพราะพวกผมก็พูดเล่นกันประจำ
“มึงก็กล้าพูดนะ เลิกกลัวแมลงสาบเมื่อไรค่อยมาเป็นผัวกูละกัน” เชื่อมั๊ยละครับว่าผู้ชายตัวสูงๆ ท่าทางแมนๆแบบมัน จะกลัวแมลงสาบเหมือนผู้หญิง ไม่ดิผมว่ากลัวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนอีก เวลาเจอแมลงสาบทีไรมันวิ่งก่อนเพื่อน ไอ้พวกเพื่อนๆมันก็เลยชอบจับแมลงสาบมาแกล้งมัน แล้วก็ได้ผลทุกครั้ง
“คนเรามันก็ต้องมีสิ่งที่กลัวกันบ้างดิวะ มึงแดกๆไป”
“เออ นี่เลี้ยงกูป่ะ”
“เออ เลี้ยงเห็นว่าเมื่อคืนดูแลกูหรอกนะ” มันพึมพำเบาๆ
“พูดถึงเมื่อคืน กูลืมถ่ายคลิปมึงไว้ว่ะ เมาแล้วนอนไปทั่วนะ”
“...ลืมๆไปเถ้อะ”มันทำหน้าเซ็งใส่ ผมก็หัวเราะมันครับ
“นี่ถ้ากูเป็นโจรนะ ป่านนี้มึงเหลือแต่ไข่สองใบละ”
“เออ กูขอบคุณที่มึงไม่ใช่โจรละกัน แดกข้าวไป ไม่ต้องพูดมาก”มันว่าแล้วเดินไปนั่งบนเตียง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ส่วนผมก็ไม่พูดอะไรแล้วครับ แม่งอิ่มทั้งตัวอิ่มทั้งใจ ผมชอบเวลาที่ได้พูดกับมันนะ ถึงแม้จะเป็นประโยคสั้นๆ อย่างน้อยก็อยากพูดกับมันวันละคำ อยากให้มันมองมาที่ผมเพียงแค่เสี้ยววินาทีบ้างก็ยังดี
“มึงยิ้มอะไร”ไอ้ฟันเหล็กมันถามผม เมื่อเห็นว่าผมยิ้มเหมือนคนบ้าทั้งๆที่กำลังแดกข้าว
“สงสัยเขาใส่กัญชาในข้าวว่ะ”
“บ้าแล้ว”มันว่าแค่นั้นผมก็หัวเราะตอบมันนิดๆ
เคยเป็นมั๊ยครับ
โคตรหงุดหงิด
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะอะไรนะเหรอครับ
ก็เพราะ.. ไอ้นนท์มันเป็นคนดี เวลามีใครมาพูด มาเล่นอะไรกับมัน มันก็เล่นกับเขาหมด ใครชวนไปไหนมันก็ไป ใครคุยกับมันมันก็คุย ไม่ค่อยจะปฏิเสธใคร มันเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และก็เพราะเหตุผลนี้ก็เลยทำให้ผมคุยกับมันได้ง่ายๆ นั่นแหละ และก็เพราะเหตุผลนี้อีกเช่นกันที่ทำให้ผมหงุดหงิดแบบนี้ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งปวดใจนะครับเพียงแค่คิดว่ามันไม่ได้คุยแบบนี้กับผมแค่คนเดียว มันไม่ได้ไปกับผมแค่คนเดียว กับคนอื่นมันก็เป็นเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องย้ำตัวเองรอบที่เท่าไรไม่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปรู้สึกหงุดหงิดอะไรทั้งนั้น อย่างผมอ่ะได้แค่เพื่อนก็ดีเท่าไรแล้ว ยังจะโลภมากอีก แค่นี้มันก็เหนือความคาดหมายมาเยอะแล้ว ที่ได้พูดได้คุย ได้ทำอะไรหลายๆอย่างกับมัน แค่นี้..มึงก็น่าจะมีความสุขแล้วนะไอ้นิรัตน์
“ไงมึง วันนั้นหนีกลับเฉยเลยนะ”ไอ้กล้ามันพูดด้วยหน้าเซ็งๆ
“ทำไมทำหน้างั้นวะ ก็ดีออกไม่ใช่เหรอ มึงก็ได้สาวกลับนี่หว่า”
“ฮ่าๆ สาวที่เกือบพามันไปฟันดาบนะสิไม่ว่า”ไอ้โชคพูดขำๆ ไอ้กล้าเลยหันไปผลักหัวมันทีนึง
“มึงอย่าบอกนะว่า...”
“...ยังเว้ย แค่เกือบๆเฉยๆ”
“แล้วมึงรู้ได้ไง”
“ก็เขาแม่งทำบัตรประชาชนตกอ่ะดิ กูเลยหยิบให้ นายมาเต็ม”
“ของคนอื่นรึเปล่า ฝากไว้ไง”
“กูไม่รู้แหละ แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ผู้หญิง”มันทำหน้าขนลุก
“ทำไม ไม่ใช่ผู้หญิงแล้วมึงเอาไม่ได้หรือไง”
“อ้าว มึงพูดแปลก หรือว่าเดี๋ยวนี้ มึงเปลี่ยนมาชอบสายนี้แล้ว นิลสายเหลืองเหรอวะ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง กูว่าอีกหน่อยแทนที่มึงจะได้เมีย เดี๋ยวมึงจะได้ผัวไปฝากพ่อกับแม่มึงแทน”มันก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมก็มองไปทางไอ้นนท์ที่นั่งคุยเล่นกับเพื่อนผู้หญิงอยู่ วันนี้มันดูอารมณ์ดีคุยเล่นกับคนอื่น แกล้งคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ไม่รู้ว่าเฮิทจนบ้า หรือว่าเขากลับมาหาจนได้เป็นแฟน คิดแล้วต่อมอยากรู้อยากเห็นก็ทำงาน แต่ทำไงได้ละครับ ผมไม่ได้สนิทกับมันขนาดที่มันจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ผมหยิบมือถือมากดเข้าเฟสบุ๊ค เข้าไปเฟสไอนนท์ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่บ่งบอกสาเหตุอาการอารมณ์ดีของมัน
เฮ้อคิดไปก็ปวดหัว ช่างแม่งละกัน “ไอ้เชี่ยนิล วันนี้ไปดูหนังกัน”อาร์มมันเลิกสนใจโทรศัพท์ในมือแล้วหันมาพูดกับผมครับ
“เรื่องไรวะ”
“ไม่รู้ กูอยากดูเฉยๆ ค่อยไปเลือกเอาหน้าโรง”
“อ้าว สัสนี่ เลี้ยงกูดิ”
“เออ กูเลี้ยง”
“จริงเหรอวะ!” อย่าบอกนะว่าไอ้อาร์มก็เป็นบ้าไปอีกคน ร้อยวันพันปี ไม่เคยชวนไปดูหนัง แถมทำตัวเป็นป๋าอีกต่างหาก
“มึงจะตกใจไรนักหนา”
“ไม่ให้ตกใจได้ไง ไอ้อาร์มที่ปกติจะแดกข้าวแต่ละที นี่ยังมาขอเหรียญบาท เหรียญสิบกูประจำ วันนี้จะมาเลี้ยงหนังกู ผีเข้าเปล่าวะ”
“เดี๋ยวกูก็ตบหน้าคว่ำ หรือมึงจะไม่เอา”
“เอาดิ ร้อยวันพันปีชาตินี้ไอ้นิลนอนตายตาหลับแล้ว”
“ไปไหนกันพวกมึง”โชคมันยื่นหน้ามาถาม มึงนี่อยากมีส่วนร่วมตลอดเลยนะ
“ไปดูหนัง ไปมั๊ย”ผมบอกมัน
“ไปๆ กูเบื่อๆอยู่พอดี เชี่ยนนท์ๆ” มันตอบทันทีแบบไม่คิด ก่อนจะเรียกไอ้นนท์ที่กำลังเดินมาหามันพอดี
“อะไร”
“มึงบ่นอยากดูหนังไม่ใช่เหรอ ไอ้สองตัวนี้มันจะไป”
“มึงอ่ะไอ้กล้า ไปมั๊ย”
“กูมีนัดแล้วว่ะ”
“นัดกับใครวะ”
“มดแดง”มันยิ้มมุมปากนิดๆ
“ยังไงๆ เนี่ยมึงยังติดต่อกับเขาอยู่เหรอ”อาร์มมันถามบ้าง
“เออ เขาก็น่ารักดี”
“ไม่ธรรมดานะมึงเนี่ย”ไอ้โชคพูดบ้าง
“เออ งั้นเลิกเรียนไปเลยมั๊ย หรือพวกมึงอยากดูรอบดึก”ผมวนกลับมาเรื่องหนังต่อครับ ตอนนี้ไอ้อาร์มไม่เลี้ยง ผมก็ไปครับ
“ไปเลยก็ได้ กูขี้เกียจกลับห้อง”อาร์มมันบอก ไอ้พวกที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็กูอยากดูเรื่องนี้”
“แต่กูเลี้ยงมึงนะเว้ย มึงไม่มีสิทธิ์เลือก”
“กูไม่อยากดูหนังรัก”
“แต่กูอยากดู”
“พอเลยพวกมึง เลิกเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้ดู”
หลังจากเรามาถึงโรงหนัง ไอ้อาร์มมันก็ยืนยัน ตีนยัน ว่าจะดูหนัง รักโรแมนติกวัยใสวัยหวาน ส่วนผม อยากดูหนังผีอีกเรื่องมากกว่า
“ไอ้นนท์ มึงว่าไงมึงอยากดูเรื่องไหน กูโหวตฝั่งไอ้อาร์ม”โชคมันหันไปถามไอ้นนท์ที่ยืนเงียบอยู่ครับ ผมก็หันไปมองมันแบบ มึงต้องเลือกกูมึงต้องเลือกกู มันก็ทำหน้าลังเลนิดๆ
“เชี่ยนนท์ หน้ามึงอ่ะไม่ต้องดูหรอกหนังรักมาดูหนังผีกับกูดีกว่า เหมาะกว่าเยอะ”
“อ้าวไอ้เชี่ย ด่ากูป่ะเนี่ย กูกำลังจะเลือกมึงเลยนะ” ล้อเล่นรึเปล่า ไอสัส พูดให้กูดีใจอีก
“กูไม่ได้ด่าเว้ย กูหมายถึงว่า ถ้ามึง..”
“พอๆ มึงไม่ต้องพูดเลย อย่างงี้แหละนิล มึงอ่ะ”
“สรุปมึงเอาไงไอ้นนท์”
“เออ กูเลือกไอ้นิล” สัส ผมแม่งเหมือนลอยได้อ่ะตอนนี้ รู้สึกว่าแก้มจะแตกไงไม่รู้ หุบยิ้มดิไอ้นิล มึงอย่าให้มันรู้ว่ามึงดีใจ
“มึงอยากดูขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้นิล ยิ้มซะ”อาร์มมันทำหน้าหน่ายใส่
“ก็ เออดิ ตอนนี้แม่ง สองต่อสอง เสมอกัน งั้นแยกๆกันดูซะก็จบป่ะวะ”
“ก็ได้ ไปซื้อตั๋วกับกูดิ”อาร์มมันพยักหน้าอย่างยอมๆ มันก็คงจะขี้เกียจเถียงแหละครับ ผมก็เดินตามอย่างว่าง่ายครับ แค่คิดว่าจะได้ดูหนังกับไอ้นนท์สองคน ใจเจ้ากรรมเต้นรัวอย่างห้ามไม่ได้ โอ๊ย สุขสุดๆ
.
.
.
แต่ความสุขแม่งอยู่กับไอ้นิลได้ไม่นานก็พาไอ้นิลมาทุกข์ในโรง เพราะกูอยากจะบ้ากับหนังเรื่องนี้ที่แม่งจะสร้างเหมือนจริงไปไหนวะ ผีออกมาแต่ละทีกูนี่เอามือปิดตาแทบไม่ทัน ถ้าไอ้อาร์มรู้นะมันล้อยันลูกบวชแน่ ดื้อจะดูแต่เสือกเอามือปิดตาเกือบทั้งเรื่อง
ตึง
“ไอ้เชี่ย”ผมร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจกับซาวนด์เอฟเฟ็กต์ ที่ตอนแรกบรรยากาศมันกดดันเลยเงียบมากๆ พอนางเอกของเรื่องคิดว่ามีใครเดินตามแต่มองกลับมาข้างหลังก็ไม่เห็นใคร เลยหันกลับไปที่เดิมเดินต่อ ซักพัก แม่งเต็มๆหน้าเลย แล้วตอนแรกมึงไปหลบอยู่ตรงไหน มึงหลบอยู่ตรงหลังใบหูนางเอกรึไงวะ
“หึหึ”เสียงหัวเราะน้อยๆดังมาจากคนข้างๆผมครับ
“มึงตลกเชี่ยไร”ผมค้อนมันนิดๆ กระซิบพูดกับมันเบาๆ
“ขำมึงนั่นแหละ กลัวแล้วยังอยากจะดู”
“ทะ ทำไมเล่า คนเรามันก็ต้องมีสิ่งที่กลัวกันบ้าง มึงยังกรี๊ดเป็นตุ๊ดเวลาเจอแมลงสาบเลย”มันเลิกคิ้วนิดๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร
“เออ พูดถูกๆ ถ้ามึงกลัวมากๆ มึงจะกรี๊ดเป็นตุ๊ดบ้างก็ได้นะ กูไม่ว่าหรอก”มันกระซิบข้างหูเบาๆ เป็นเวลาเดียวกับที่แสงบนหน้าจอมันส่องมาทำให้เห็นใบหน้ามันชัดขึ้น หน้ามันแม่งยิ้มแบบมีความสุขอ่ะ ผมเห็นแล้วอยากจับมันกดลงกับเก้าอี้มาก
“กูไม่ทำแบบนั้นหรอกเว้ย โถ่ แค่นี้จิ๊บๆ”ผมว่าแล้วหันกลับมาสนใจหน้าจอต่อ แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ผีหน้าขาวมันโผล่มาพอดี
“เชี่ย!”แม่งเอ้ยหลับตาแทบไม่ทัน
“หึหึ”
“อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะมึง”
.
.
.
“ไอ้อาร์มกับไอ้โชคมันดูกันจบรึยังวะ”
“ไม่รู้”
หลังจากออกจากโรงหนัง ผมก็ให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มาดูหนังผีในโรงกับมันอีก มีแต่อายกับอาย ผมกลัวนะครับแต่ก็อยากดู แล้วก็ชอบดูด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“มันส่งข้อความมานี่หว่า”เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก็พบว่ามีข้อความเข้ามาจากไอ้อาร์ม
‘พวกกูดูเสร็จแล้ว หิว ไปหาไรกินก่อนนะ มึงก็กลับกับไอ้นนท์ละกัน’
ดีมาก ไอ้อาร์ม เปิดโอกาสให้กูดีมาก ทำถูกแล้วที่มึงเลือกไอ้โชคแล้วทิ้งกูกับไอ้นนท์ไว้ที่นี่
“มันว่าไง”ไอ้นนท์ถาม
“พวกมันกลับกันแล้ว”
“ซะงั้น”
“เออ ไปหาไรกินกันเหอะ โคตรหิวเลยว่ะ”ผมพูดแล้วเดินนำไป ไอ้นนท์ก็เดินตามไม่ได้พูดอะไร
“กินไรละ”พอมาถึงที่จอดรถไอ้นนท์ก็ขึ้นไปนั่งบนฟีโน่สีชมพูจ๋าของมันแล้วหันมาถามผม ตอนมาเรามากันสองคันครับผมมากับไอ้อาร์ม ส่วนไอ้โชคมากับไอ้นนท์ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าผมจะได้ซ้อนท้ายไอ้นนท์มัน วันนี้แม่งวันดีจริงว่ะ
“ไม่รู้ รู้แต่กูหิว”
“อ้าว ไอ้นี่”
“มึงจะไปไหนก็ไป กูกินได้หมด”ผมย้ายก้นตัวเองไปซ้อนท้ายมันแล้วตบไหล่มันเบาๆ
“มึงคิดมา”
“โว๊ะ เอางี้ขับไปเรื่อยๆ กูอยากกินร้านไหนกูจะบอกมึงเอง”
“เออๆ”
หลังจากนั้นผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะกว่าจะขับไปถึงแหล่งของกินก็อีกสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม แต่แถวนี้ค่อนข้างจะเปลี่ยว สองข้างทางเงียบสงบ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองแผ่นหลังมันเงียบๆ ปล่อยให้ลมเย็นๆปะทะกับใบหน้า
ทำไมกูต้องชอบมึงด้วยวะ...รู้ทั้งรู้ว่าเปอร์เซ็นต์สมหวังแม่งติดลบ แต่กูก็ไม่อยากจบความรู้สึกนี้ ผมรู้ว่าถ้าผมบอกชอบมัน มันจะมีท่าทียังไง มันก็คงจะแสดงสีหน้าลำบากใจ แล้วก็ปล่อยให้ความเงียบแทนคำตอบของมัน ผมเคยเห็นเพื่อนผู้หญิงบอกชอบมันแล้วมันก็แสดงท่าทางแบบนั้น แต่สุดท้ายพอเขาคุยกับมัน มันก็คุยกับเขาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในกรณีของผมมันอาจจะต่างออกไป ตรงที่มันอาจจะเลิกคบกับผมเลยก็ได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิง..ผมเป็นผู้ชาย
“ไอ้นิล มึงยังอยู่มั๊ยเนี่ย”
“ห้ะ อะไร”
“นั่งเงียบเลย กูนึกว่ามึงตกรถไปแล้ว”
“กูแค่คิดไรเพลินๆเฉยๆ”
“คิดถึงใครวะ” เออ คิดเรื่องของมึงไง ถ้ากูตอบไปแบบนี้มึงจะปล่อยกูลงรถมั๊ย
“...”
“อ่าว เงียบ”
“....”
“เชี่ยนิล ยังอยู่รึเปล่า”
“กูคิดถึง...เรื่องของมึง” “เรื่องของกู เรื่องไรวะ”กูว่ากูพูดตรงแล้วนะมึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ
“ทุกเรื่อง”
“กูงง”
“เวลาคนเราชอบใคร ก็จะชอบคิดถึงเรื่องของเขาใช่มั๊ย” “....”
“กูคิดถึงเรื่องของมึง..ก็หมายความว่ากูชอบมึงไงไอ้โง่” “....”
เอี๊ยดดด
“....”
“เชี่ย เบรกอะไรของมึงเนี่ย เกิดล้อปัดล้มคว่ำขึ้นมาทำไง”
“ลงจากรถ”
“ห้ะ”
“ลงจากรถ”ไอ้นนท์พูดพร้อมดับเครื่องรถ ผมก็ทำตามที่มันบอกครับเดาไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ มันเองก็หันหน้ามามองผม
“มึงพูดว่าไงนะ”
“ห้ะ อ่อ เกิดล้อปัดล้มคว่ำขึ้นมาทำไง”
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น”
“เบรกอะไรของมึง”
“ก่อนหน้านั้น”
“...”
“...”
“มึงอย่ามากวนตีนกูไอ้นิล”มันทำหน้าไม่เชื่อคำพูดผม นี่ขนาดมึงไม่เชื่อมึงยังตกใจจอดรถจนหัวกูแทบทิ่ม
“กูไม่ได้กวนตีน กูพูดจริงๆ”ไงละมึง ไอ้นิลคนจริงมั๊ยละ เนี่ยตอนนี้มึงยังเป็นคนอยู่ อีกไม่นานเดี๋ยวมึงได้เป็นหมาแน่ มึงไปเอาความกล้านี้มาแต่ที่ใดไอ้นิรัตน์ หนังผีเรื่องนั้นทำมึงหลอนจนเป็นบ้าแล้วใช่มั๊ย อยู่ดีไม่ว่าดี ไปสารภาพรักมันทำไม
“...”
“...”
เงียบครับ ไง เงียบไปเลยดิ หน้าไอ้นนท์ตอนนี้เต็มไปด้วยสีหน้าที่หลากหลายดู มึนงง สับสน
“กูไม่ได้ล้อเล่น กูชอบ..”
“พอแล้ว”มันไม่ยอมให้ผมพูดจบแต่พูดแทรกขึ้นมาก่อน ทำเอาใจไอ้นิลหดเหลือสองนิ้ว ความกล้าที่พลุ่งพล่านมาในตอนแรกดูเหมือนจะเลือนหายไปเมื่อเห็นหน้ามันตอนนี้
“....”
“.....”
“มึง..”
“...”
“มึง....เป็นเกย์เหรอ”
“ไม่ได้เป็น”
“แล้ว..”คราวนี้ไอ้นนท์ยิ่งทำหน้างง เข้าไปอีก
“กูก็ไม่รู้ว่าอะไรยังไง กูก็ไม่เข้าใจความรู้สึกกูเหมือนกัน แต่กูไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร มึงเป็นคนแรกแล้วก็คนเดียวที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ ทำให้กูใจเต้นแรงทุกครั้งที่มึงมาอยู่ใกล้ๆ กูเอาแต่มองหาหน้าของมึง กูอยากหาเรื่องคุยกับมึง อยากอยู่ใกล้ๆมึง แม่ง..กูไม่รู้เหมือนกัน”ผมไม่รู้ว่าสีหน้าของผมตอนนี้เป็นยังไง แต่สีหน้าของไอ้นนท์ดูเหมือนมันจะตกใจกับคำพูดของผม ก็พอจะเข้าใจมันอยู่นะ อยู่ดีๆ เพื่อนผู้ชายเสือกมาบอกว่าใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้ๆ เป็นผมคงจะต่อยหน้าหงายไปแล้ว แต่ไอ้นนท์มันไม่ทำนี่สิครับ ยิ่งทำผมใจผมไหลไปกองอยู่ตาตุ่ม มันนิ่ง ไม่พูดอะไร
“...”
“มึง..จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”
“...”
“...”
“กู...ไม่ได้ชอบผู้ชาย” “เออ..กูรู้”
“กู...ไม่ได้ชอบมึง” “เอออันนี้กูก็รู้”
“…”
กูรู้อยู่แล้ว แต่พอได้ฟังจากปากมึงตรงๆ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้วะ
“อะไรของมึง ทำหน้าแบบนั้นทำไม กูบอกว่ากูรู้อยู่แล้วไง แต่กูผีเข้าอยากบอกมึงแค่นั้นแหละ”สายตาของไอ้นนท์เป็นสายตาที่ผมมองไม่ออกว่ามันรู้สึกยังไง แต่ผม..ไม่อยากทำให้มันลำบากใจกว่านี้ ผมต้องยิ้มให้มัน
“..”
“เอาเป็นว่า มึงลืมเรื่องเมื่อกี้ไปซะ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกูพูดกับลมกับฟ้าซะ ส่วนกู ก็จะเป็นเหมือนเดิม เป็นเพื่อนของมึงเหมือนเดิม”
“...”
“แต่ถ้ามึงทำใจเป็นเพื่อนกูไม่ได้...”
“....”
“มึงก็บอกมา”
“....”
“แล้วกู...”
“...”
“จะอยู่ห่างๆมึงเอง”
“....”
“…”
“…”
“กูว่า...กูได้คำตอบแล้วแหละ”ผมยิ้มให้มันนิดๆ ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มแบบไหน มันถึงได้ทำหน้าแบบนั้น มือของมันกำแน่น และยังคงเงียบไม่พูดอะไร
“…”
“ไอ้เชี่ย กูหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย แถวนี้แม่งก็เปลี่ยว มืดก็มืด ทีหลังจะจอดตรงไหนก็เลือกที่ๆมันดีกว่านี้หน่อยดิวะ”
“...”
“นิ่ง นิ่งเป็นหินเลยนะ จะขึ้นมั๊ยรถเนี่ย”ผมเห็นมันไม่ขยับเลยเนรเทศตัวเองไปนั่งเป็นคนขับ แล้วสตาร์ทรถ ไอ้นนท์เลยขึ้นมาซ้อนท้ายแบบเงียบๆ
“ร้านนี้แหละ”ผมจอดรถที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวริมข้างทางร้านหนึ่ง แล้วเดินนำเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่าง ไอ้นนท์ก็เดินตามมา หน้ามันยังเต็มไปด้วยความลำบากใจแบบที่ผมเคยเห็นตอนที่มันปฏิเสธเพื่อนผู้หญิงที่บอกชอบมัน
“มึงจะเอาอะไร”ผมถามมันแล้วหยิบปากกามาเขียนเมนูลงกระดาษ
“...”
“เงียบอีก ใครขโมยปากมึงไปรึไง กูเอาเล็กน้ำไม่งอกพิเศษ”ผมพึมพำแล้วจดลงไป
“เส้นหมี่น้ำพิเศษ”ผมยิ้มนิดๆที่ในที่สุดมันก็ยอมเปิดปากพูด ผมเดินไปหยิบน้ำเปล่าพร้อมเอากระดาษไปให้เฮียคนขายก๋วยเตี๋ยว
“ร้านนี้อร่อย มึงเคยมากินมั๊ย”ผมไม่อยากให้มันเงียบ ผมไม่ชอบเวลามันทำหน้าแบบนี้เลย..
“ไม่เคย”
“มึงพลาดแล้ว ของเขาดีจริงเว้ยร้านนี้”
“โฆษณาเหมือนมึงเป็นหุ้นส่วนเลยนะ”มันเริ่มพูดขึ้นมาแล้ว ใบหน้าดูผ่อนคลายขึ้น
“เปล่า มึงพูดงี้แปลว่ามึงไม่เชื่อกูอ่ะดิ เอางี้ ถ้าไม่อร่อยกูให้มึงเตะปากเลย”
“มึงเตรียมปากไว้ให้กูเตะได้เลย”ผมเบ้ปากให้มัน มันก็เลยขำออกมานิดๆ พอเห็นมันเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ในใจลึกๆ ผมแทบอยากจะลงไปนั่งร้องไห้เป็นหมาก็เถอะ แต่ผมไม่มีสิทธิ์จะแสดงอาการเจ็บปวดออกมาให้ใครเห็น โดยเฉพาะมัน ผมเลือกที่จะบอกมันทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทาง ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรจะตามมา เพราะฉะนั้นผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้
“มาแล้วๆ อันนี้เล็กไม่งอกพิเศษ อันนี้หมี่พิเศษ”
“ขอบคุณครับเฮีย วันนี้หมวยไม่อยู่เหรอ”ผมหันไปยิ้มให้กับเฮียคนขาย
“มันไปซื้อของนะสิ ถามทำไมลื้อจะจีบลูกอั๊วเหรอ”เฮียแกพูดเสียงดัง ผมเลยหัวเราะเบาๆ
“โห เฮียก็ออกจะหล่อ หมวยของเฮียออกจะน่ารัก ผมก็มีหวั่นไหวบ้าง”
“ลื้อนี่พูดดีนะ แต่จะจีบลูกอั๊วอ่ะไม่ง่ายหรอกนะ”เฮียแกพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปเลย ผมก็เลยหันมาสนใจก๋วยเตี๋ยวในชาม แล้วมองไปที่ไอ้นนท์ แต่ก็พบว่ามันมองผมอยู่ก่อนแล้ว
“กินดิวะ”
“เออ”
.
.
.
หลังจากกินเสร็จมันก็ขับรถไปส่งผมที่หอ
“ไงมึง อร่อยมั๊ย”ผมถามมัน มันเลิกคิ้วกวนๆ
“ก็..งั้นๆ”
“เหรอวะ งั้นๆแต่ฟาดไปสองถ้วยเลยนะ”
“กูหิวไง”
“เออๆ แล้วแต่มึงเลย ไงก็ขับรถกลับดีๆนะเว้ย ขอบใจที่มาส่ง”ผมโบกมือให้มันนิดๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินเข้าหอพัก พอหันมาอีกทีมันก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
เฮ้อ ทำไมเหนื่อยจังวะ ไฟในห้องมืดสนิท บ่งบอกว่ารูมเมทตัวดีมันยังไม่กลับมา ก็ดี ตอนนี้ผมอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ผมทิ้งตัวลงบนเตียงนอนกลางห้องอย่างหมดแรง สายตาจ้องมองบนเพดานสีขาวว่างเปล่า ในหัวก็มีแต่หน้าไอ้นนท์เต็มไปหมด
‘กูไม่ได้ชอบผู้ชาย’
‘กูไม่ได้ชอบมึง’ ประโยคที่ผมคอยบอกตัวเองทุกวัน คอยบอกตัวเองซ้ำๆ พอมาฟังจากปากมันจริงๆ แม่งเจ็บสัสเหมือนโดนส้นตีนอัดหน้ากลางมหาสมุทรแปซิฟิก
เชี่ย น้ำตากูไหล ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะร้องไห้ แต่พอคิดถึงมันน้ำตาก็ทะลักออกมาไม่หยุดทั้งๆที่พออยู่ต่อหน้ามันผมแทบจะเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย ไม่สิ ผมก็แค่แสดงให้มันเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร ผมโอเค ทั้งๆที่ผมโคตรไม่โอเค
ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า มองไปข้างตัวก็ไม่เห็นไอ้อาร์ม สงสัยเมื่อคืนมันไม่กลับห้อง ก็ดีไม่งั้นมันคงจะตกใจกับสภาพผมแน่ ไม่รู้ว่าตัวเองหยุดร้องไห้ตอนไหน แล้วเผลอหลับไปตอนไหน น้ำก็ไม่ได้อาบ ผมพาตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำ พอส่องกระจกเท่านั้นแหละ
นี่ตากูไปโดนใครต่อยมารึไงวะ ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อผ้า เปิดฝักบัว แล้วปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ในใจก็หวนนึกไปถึงคำพูดที่พูดกับมันเมื่อวาน
“แต่ถ้ามึงทำใจเป็นเพื่อนกูไม่ได้...”
“....”
“มึงก็บอกมา”
“....”
“แล้วกู...”
“...”
“จะอยู่ห่างๆมึงเอง” มันไม่ได้ให้คำตอบผม แต่ผมก็พอจะเดาได้ กูจะไม่เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆมึงอีกแล้วไอ้นนท์ มึงสบายใจได้ .
.
ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ พอออกมา ไอ้อาร์มก็กลับมาพอดี มันตกใจนิดๆที่เห็นสภาพผม บอกเลย ถ้ามึงเห็นตอนกูยังไม่อาบน้ำนะ...ยิ่งกว่านี้
“ไปทำเชี่ยไรมา ทำไมตาบวมขนาดนั้นวะ”
“เมื่อคืนกูดู วันพีชอ่ะมึง แล้วมันเศร้าแบบบาดลึกไปถึงง่ามนิ้วตีน กูก็เลยอิน พอกูอินกูก็เลยร้องไห้ แล้วมึงไปไหนมา”มันทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“กูไปนอนกับไอ้โชคมา เมื่อคืนไปดูบอลแล้วเสือกยาว”
“ไม่ชวนกูเลยนะ”
“กูลืม มึงตื่นเช้าจังวะ”คำตอบมึงน่าโดนตีนมาก แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันครับ เพราะถึงมันชวนผมคงไม่มีหน้าไปดูอยู่ดี
“เรื่อง ของ กู มึงรีบๆไปอาบน้ำ แล้วออกไปหาอะไรกินกัน ก่อนไปเรียนเถอะ”
“อ้าว ไอนี่ เออๆ”
.
.
.
.