ตอนที่ 11 : พิสูจน์ให้ดูกันต่อหน้า
สองสามนาทีแรกผมได้ไม่คิดมากหรือรู้สึกผิดสังเกตอะไรนัก จนกระทั้งอาจารย์เข้ามาสอน ผมถึงเริ่มรู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที เมื่อคนที่ควรจะมานั่งข้างผมตอนนี้กลับไม่มีซักที
น่านฟ้าทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่เข้าเรียนหรือว่าหมอนั้นจะไม่สบาย แล้วไม่ยอมบอกผมกัน?
ผมคิดพลางลอบมองไปทางประตูห้องอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั้งเลิกคลาส ผมรีบเดินออกไปจากห้อง พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที ไม่ทั้งข้อความ ไม่มีทั้งสายที่ได้รับ
ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปด้านหลังตึกวิทยาสตร์ ก็เห็นผู้ชายตัวสูงโปร่งคุ้นตากำลังยืนพิงผนังคุยกับใครบางคนอยู่
“น่าน..”ผมว่าจะเรียกมันให้หันมามองผมแล้ว แต่หนุ่มเหนือที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์กลับโน้มตัวลงซบไหล่คนที่กำลังคุยอยู่ จนผมนิ่งอึ้งไปเลย
เกิดอะไรขึ้น?
คำถามแรกที่ผุดออกมา แต่หาคำตอบไม่ได้ ทำให้ผมยืนมองพวกเขานิ่ง ก่อนจะเดินกลับไปทางเดิม บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรยุ่ง มันอาจจะเป็นเรื่องของน่านฟ้า กับผู้ชายผิวขาวตัวเล็กๆใส่แว่นดูน่ารักคนนั้นก็ได้
ติ๊ด ติ๊ด..
เสียงข้อความทางโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่ผมเปิดระบบเสียงแล้ว เรียกให้ผมหยิบมันขึ้นมากดดู
...อย่าลืมหาของกินละ..
ข้อความสั้นๆเรียกรอยยิ้มให้ผมเป็นอย่างดี นึกว่าวันนี้จะไม่ส่งมาแล้วซะอีกนะ
...มารับไปหาของกินหน่อยสิ.
ผมพิมพ์ตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไร เพียงไม่นานนัก หมอนั้นก็ตอบกลับมาเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว
...เอาสิ..
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินไปพิมพ์ข้อความไป
...หายโกรธแล้ว?...
...ใครโกรธ?...
...เปล่านี่~~ ไม่มีอะไรหรอก...
ออกัสเงียบไป ก่อนที่ผมจะส่งข้อความไปให้เขาอีก
...มารับเร็วๆสิ รออยู่นะ...
ผ่านไปจากราวๆสิบนาที ผมที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ของคณะก็เห็นรถสปอร์ตสีแดงที่เด่นจับตาวิ่งมาจอดตรงหน้าผม พร้อมกับใบหน้านิ่งๆใส่แว่นของคนขับที่เลื่อนกระจกลงมา ผมได้ยินเสียงสาวๆ วี๊ดว้ายกันใหญ่ จนอดยิ้มขำๆออกมาไม่ได้
“นายนี่ก็ดังเหมือนกันนะ”
ผมเห็นออกัสขมวดคิ้วหน่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรจนกระทั้งผมเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
“จะไปกินกันที่ไหนละ?”
“ใกล้คณะฉัน...”
“คณะวิศวะเนี่ยนะ!!”
“....”
ขืนไปที่นั้นก็ตกเป็นเป้าสายตาตายสิครับ!! เด็กวิทย์กับวิศวะ ถึงตัวอักษรนำหน้าจะเหมือนกัน แต่เรื่องที่เรียนกับนิสัยที่ต่างกันโขเลย! อ่า.. ไม่สิ เรื่องที่เรียนอาจจะเกี่ยวข้องกับบ้างก็ได้
“ไปคณะคุรุศาสตร์สิ”ผมว่า ทั้งยังจ้องหน้าคนใส่แว่นเขม่ง
เผื่อว่าเจอไอ้เอ็กซ์โดยบังเอิญ ผมอาจจะถามมันเรื่องน่านฟ้าก็ได้
“ไปทำไมที่นั้น”ออกัสพูดเสียงเข้มขึ้นทันที ทั้งที่ยังไม่มองหน้าผม แต่ก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นๆที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“ไปกินข้าวไง”
“ยังไม่เข็ดรึไง”
“เข็ดอะไร?”
ออกัสถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะขับรถชนใครหรอกครับ เพราะตั้งแต่เริ่มเถียงกัน หมอนั้นก็ยังไม่ขับรถไปไหนเลยซักที
“เรื่องนั้นนะ..”
ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เหมือนกับเมื่อเช้าไม่มีผิด คนๆนี้เอาแต่ใจตัวเอง ชอบพูดสั้นๆสงวนท่าที เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรพูดให้ยืดยื้อ เขากลับทำให้มันยาวขึ้นโดยที่ไม่รู้สึกตัว ในขณะที่เรื่องบางเรื่องควรจะอาศัยการพูดเปิดใจ เขากลับตัดบทให้สั้นลงจนบางครั้งก็กลายเป็นความเผด็จการไปในที่สุด เหมือนกับว่าเขา..
“ถ้าจะพูดถึงเรื่องแทนละก็..กูไม่เป็นไร”
“....”
“เพราะว่ากูมีมึง น่านฟ้า แล้วก็คนอื่นๆอยู่ด้วยนี่”
ออกัสหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้านิ่งๆเช่นเดิม แต่ม่านตาของเขาขยายกว้างขึ้นกว่าปกติ เป็นอย่างที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด หนุ่มแว่นคนนี้ปิดบังความรู้สึกของตัวเองด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ซ่อนความรู้สึกไว้ด้วยคำพูดที่ไร้อารมณ์ ถ้าถามว่าทำไมอยู่ๆคนอย่างผมถึงรู้นะเหรอ นั้นเพราะสองสามวันที่ผ่านมาผมได้คุยกับเขาผ่านทางข้อความ ที่ส่งมาถามถึงสภาพชีวิตเดิมๆซ้ำๆไปมา ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ทานอะไร เป็นยังไงบ้าง ทำไรอยู่ พอผมพิมพ์ตอบกลับบางครั้งเขาก็เงียบไป ตอนแรกผมก็นึกว่าเขามาถามแค่นั้น ก็เลยจบบทสนทนาแค่นั้น แต่เมื่อสองสามชั่วโมงผ่านไป ออกัสก็ส่งข้อความมาอีก มันทำให้ผมเผลอหลุดคิดไปว่า ‘เขาเหงารึเปล่านะ’ ‘เหมือนไม่มีอะไรจะคุยแต่ก็อยากคุย’ ตอนนั้นผมยังหลุดขำกับความคิดชั่ววูบของตัวเอง คนอย่างหนุ่มแว่นหน้าโหดคนนั้นเนี่ยนะ จะเหงา?
“งั้นก็ได้”ออกัสพูดแค่นั้น ก่อนจะขับรถพาผมไปทางคณะคุรุศาสตร์
“ไม่เห็นหมอนั้นเลยแฮะ”ผมพึมพำ ในขณะที่นั่งอยู่ที่โรงอาหารของคณะคุรุศาสตร์อย่างแนบเนียนพร้อมกับออกัส เขาขมวดคิ้วหน่อยๆกับคำพูดของผม
“แล้ววันนี้นายมีเรียนคาบบ่ายต่อรึเปล่า?”ผมหันไปถามเขา เห็นหนุ่มแว่นพยักหน้ารับ “ถ้าฉันจะพูดแบบปกติ นายจะว่ารึเปล่า?”ผมถามต่อ
ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะยกชาเย็นขึ้นมาดื่ม “เรียกแทนตัวเองว่านัดกับฉันสิ”
“ห่ะ!!”
จะบ้ารึไง เรียกแบบนั้น มันน่าอายจะตายไป ผมค้อนใส่เขาทันที
“..หรือว่าไม่อยากรู้ความจริง?”ออกัสพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งยังตักข้าวกินได้อย่างหน้าตาเฉย
“อะ.. อันนั้นก็อยากรู้ละน่า.. แต่กู.. เอ่อ..”สายตาโหดๆใต้แว่นตาจ้องเขม่งมาทางผม “นัดว่า.. มันไม่เหมาะ”
ฉ่า...
ทำไมผมต้องแพ้สายตาหมอนั้นทุกทีเลย!!
“ไม่เหมาะ?”
“ก็..”ผมก้มหน้าแล้วเม้มปากแน่น “เป็นผู้ชาย.. จะเรียกแทนตัวเองแบบนั้นได้ยังไงวะ!”
“...”
ไม่มีคำตอบรับจากสายที่ท่านเรียก ยกเว้นจากแววตาโหดๆนั้นที่ทำให้ผมรู้สึกตัวหดเล็กลงทันที
“....”
“....”
“..ก็.. ได้..”ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับรู้สึกหน้ามันร้องวูบยังไงไม่รู้ ออกัสเอื่อมมือมาลูบผมของผมพร้อมกับยิ้มบางๆให้ทันที
“ดีมาก”
เดี๋ยวเหอะ! กูไม่ใช่หมานะเฮ้ย!! มาชมว่าดีมากแบบนี้ได้ไงกันวะ!!
ในขณะที่ผมกำลังด่า หรือบ่นออกัสอยู่ในใจ ผมก็เห็นผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษาที่ไม่เป็นระเบียบนัก พร้อมกับเส้นผมสีแดงสะดุดตาที่เดินเข้ามาในโรงอาหาร ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของสาวๆและเพศที่สาม
“กรี๊ดด พี่เอ็กซ์”
“พี่เอ็กซ์ค่ะ หันมาทางนี้หน่อย!!”
“หล่ออ่ะแก เห็นกี่ทีก็หล่อออ”
แล้วผมก็เห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้นมาแคะหูตัวเองอย่างรำคาญทันทีด้วย
...เอ่อ.. ออกัส
“ไปกันไหม?”ผมรู้สึกว่าเขาจะดูรำคาญกับเสียงที่ได้รับมากจนกระทั้งแผ่ไอเย็นๆออกมาเลยทีเดียว
ออกัสพยักหน้ารับทันที พร้อมกับเดินออกไปอีกทางกับทางที่เอ็กซ์เดินเข้ามา พอพ้นจากโรงอาหารได้ซักพัก ผมก็เห็นออกัสถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ไม่วายทำหน้านิ่งเช่นเดิม
“เฮ้ย! ไอ้เตี้ย!!”เสียงที่มาพร้อมกับแรงดึงผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน ทำเอาผมเบิกตากว้าง สบตากับออกัสทันที
“จะมาทำไมไม่บอกกูวะ?”ชายคนนั้นว่าทั้งกระซิบข้างหูผม ก่อนที่จะผละออกทันที “หมู่นี้เปลี่ยนคนคุ้มครองใหม่แล้วเรอะวะ”
“ไอ้เหี้ยเอ็กซ์! มึงก็ช่วยทักทายให้มันดีๆหน่อยดิวะ”ผมหันไปสวนกลับไอ้คนหัวแดงจ๋าทันที ทั้งที่หนีจากเสียงหนวกหูเพราะไอ้บ้านี้มาได้แล้วแท้ๆเชียว
“โทษทีวะ ก็มึงมันน่ากอดจริงๆวะ”
“เอ๊ะ..!?”
พอจบคำพูดของเอ็กซ์ ตัวผมก็ถูกออกัสดึงไปกอดแน่น พร้อมกับวางหน้าลงบนไหล่ของผม
ฉ่า...
“ว่าแต่หมอนี้ใครวะ?”เอ็กซ์มองมาทางพวกผมอย่างงงๆ
“พะ...”เพื่อนนะ!
“แฟน”
ผมจะบอกว่าเป็นเพื่อน แต่ออกัสที่เงียบมาตลอดกับขัดคำพูดผมด้วยระดับเสียงที่ดังกว่า
“เฮ้ย ได้ไงวะ!”
“เอ่อ...”จะเถียงยังไงดีละ..
“....”
เอ็กซ์มองหน้าผมที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกอยู่ก่อนจะยิ้มร้ายออกมา “แต่ดูคนเป็นแฟนมึงจะไม่คิดงั้นวะ”แล้วก็หัวเราะหึๆออกมา
...แย่แล้วไง
“...จะให้พิสูจน์มั้ย?”เสียงเข้มๆแนวดุพูดใกล้ๆหูผม พร้อมกับไอเย็นๆที่สัมผัสได้ว่า ออกัสกำลังอารมณ์ไม่ปกติแล้วในตอนนี้ ก่อนจะจับตัวผมให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา แล้วยิ้มบางๆมาให้ พร้อมกับใบหน้าที่เคลื่อนเข้ามาใกล้โดยทันที!!
“อย่านะ.. อื้อ~”
“เฮ้ย!!!”
ผมเบิกตากว้างมองผิวขาวเนียน กรอบแว่นตาสีดำที่อยู่ใกล้จนชิดกับใบหน้าของผม แล้วก็สัมผัสอุ่นๆที่แนบชิดกับริมฝีปากจนรู้สึกอ่อนแรงไปหมด!!
“กรี๊ด!!!”
“รักสามเศร้ารึค่ะ!!!”
“ว้าย!!”
ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แล้วละ!!!
ม่ายยยย!!!!!