เมื่อรักผมป่วย
[/size]
คุณเคยไหมเวลาที่เรารักใครสักคนเราก็อยากที่จะอยู่ใกล้คอยดูแลเอาใจใส่
ถึงแม้เค้าจะไม่ได้บอกว่าเค้ารักคุณแต่คุณก็ยังที่จะทำทุกอย่างให้เค้าเพียงเพราะรักโดยไม่
ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆเพราะรักคำเดียวที่หวังจะส่งผ่านไปให้ถึงหัวใจของเค้า
ให้เค้ารับรู้ความรู้สึกนี้แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนความรักที่เราส่งผ่านไม่ไปนั้น
มันเหมือนไร้ความหมายเหมือนมันไปไม่ถึง..คุณว่าผมควรหมดกำลังใจหรือยังคงทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ
เพื่อรอสักวันให้ความรักนั้นมันส่งไปถึงอย่างที่ตั้งใจ ชีวิตมันมักจะ
มีทางให้เราเลือกเสมอและบางครั้งมันเป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ว่าทางที่เราเลือกนั้น
มันมีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้าหรือผลลัพล์ที่จะเกิดจากเราเลือกเดินทางเส้นนี้มันจะออกมาดีร้ายอย่างไร
แต่มีคมเคยบอกว่าถ้าเรารู้ทุกอย่างชีวิตมันจน่าเบื่อจะขาดสีสัน
แต่สำหรับผมชีวิตที่เป็นแบบนั้นมันอาจจะเหมาะกว่าเพราะอะไรนั้นคำตอบง่ายๆสำหรับผม
คือ “ผมมักจะเลือกทางที่ผิดเสมอ”อยู่บนโลกเบี้ยวๆนี่มาเกลือบสามสิบปี
จำไม่ได้เลยว่าเคยมีครั้งไหนที่มาถึงทางแยกของชีวิตแล้วเลือกทางได้ถูกต้องไม่มีเลยสักครั้ง
สามปีก่อน ผมนั่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันทางMSN
เรารู้จักกันมาหลายปีตั้งแต่สมัยผมยังเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเเพราะด้วยความที่ผมไม่เก่งเรื่อง
คอมพิวเตอร์อยากโหลหนังมาดูหาเกมส์มาเล่นก็เลยถามมันว่ามีเว็ปไหนบ้างที่ที่จะมีสิ่งที่ผมต้องการ
เพื่อนผมคนนี้ก็ให้รายชื่อเว็ปที่มันใช้อยู่เป็นประจำมาสี่ห้าอันผมก็
เลือก(เห็นไหมเราต้องเลือกอีกแล้ว)ผมก็เข้าไปสมัครสมาชิกที่บอร์คแห่งหนึ่ง
ที่นั้นทำให้ผมได้รู้จักการเล่นบอร์ดมีเพื่อนมีคนรู้จักได้พูดคุยสนุกๆตอนแรกผมว่าผมเลือก
ทางที่ถูกแล้วไม่นานนักเค้าก็จัดกิจกรรมให้เราเข้าร่วมผมก็อยากมีส่วนร่วมไปกับเค้าด้วย
จึงติดต่อผู้ดูแลบอร์ดคนหนึ่งที่ผมเคยได้พูดคุยสามสี่ครั้งว่าผมจะขอช่วยบอร์ด
ด้วยการลงเงินเป็นค่าอาหารกลางวันแต่ผมได้รับการปฏิเสธกลับมา
แต่ให้ผมช่วยซื้อเสื้อของบอร์ดเเทนผมก็ยินดีทำตามนั้น หลังจากนั้นเรื่องมันก็ควรจะจบลงตรงนั้นตรง
ที่ผมไม่ต้องไปแสดงตัวร่วมกิจกรรมอะไรแค่รอรับเสื้อที่เค้าจะส่งมาให้แค่นั้นก็พอ
แต่ผมก็ได้รับคำชักชวนให้ไปร่วมงาน “เอาไงดีหว่า”นั้นคือสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้น(ผมมีทางที่ต้องเลือกอีกแล้ว)
สุดท้ายผมก็ตบปากรับคำว่าผมจะไปร่วมงานซึ่งการไปกรุงเทพฯสำหรับผมมันก็ไม่ได้ยากเย็นเป็นปัญหาอะไรสักนิดเดียว
แถมสถานที่จัดงานก็ถิ่นผมเองผมก็เลยเลือกที่จะไปร่วมงาน
นั้นคือเหตุผลที่ผมให้กับตัวเองว่าเราควรไปร่วมงานตามคำชวน อีกสองสามวันก่อนวันงานพี่คนเดิมเกิดกลัวว่าผมจะหลงทางใน
กรุงเทพฯและจะฝากผมให้ไปงานพร้อมกลับพี่อีกคนที่อยู่จังหวัดเดียวกับผม
แต่เราอยู่กันคนละอำเภอตอนแรกผมก็ปฏิเสธไปว่าผมไปได้ไม่มีปัญหา เพราะผมไม่ได้
อยากให้เป็นภาระของใครก็เท่านั้นแต่หลังจากคุยพี่เค้าก็สรุปให้ผมไปกลับพี่อีกคน
และเค้าก็จัดการเอาเบอร์ผมให้ไปเรียบร้อยอีกไม่เกินห้านาทีพี่อีกคนก็โทรเข้ามา
และก็ถึงเวลาที่ต้องเลือกอีกแล้วครับผมว่าทุกคนทายถูก
ตอนแรกผมว่าผมจะไปเองแต่ก็ต้องมาตกลงเพราะเค้าบอกผมว่าให้ไปกลับเค้าเพราะพี่ผู้ดูแลบอร์ดฝากฝังมาแล้ว
วันเดินทางผมออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่เพรานัดกันตอนตีห้าเพื่อจะได้เดินทางพร้อมกัน
ไปร่วมงานระหว่างทางก่อนที่จะเจอเค้าผมบอกกับตัวเองว่าคนอย่างผมไม่ควรออกไปรู้จักใครทั้งนั้น
เพราะอะไรนั้นผมจะบอกให้ ว่ามีคำนิยามที่ผมให้กับตัวเองคือ“ผู้ชายไม้เลื้อย”คุณเข้าใจไหมครับ..
อธิบายอีกหน่อยก็คือผมมันเป็นประเภทขาดความรัก รักไม่เป็น และไม่เคยถูกรัก
เพราะงั้นเวลาที่ใครมาทำดีด้วยผมก็จะทึกทักว่าเค้าผมมีใจและรักผม
แต่ผมจะไม่ได้รักใครพร่ำเพือนะครับผมจะรักแค่คนเดียวเหมือนหมาที่รักเจ้าของเพียงคนเดียว
นั้นละครับที่ผมเป็น ผมบอกกับตัวเองแบบนั้นซึ่งในตอนแรกก็เหมือนจะได้ผลครับ
หลังจากจบงานกิกรรมนั้นแล้วผมก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดินไปไหนมาไหนคนเดียวกินข้าวคนเดียวเหมือนที่ผมทำมาตลอด
จนเย็นวันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์จากพี่คนดิมที่ผมได้ร่วมทางไปงานกับเค้าว่าจะชวนไปกินข้าวเย็น
ผมในตอนนั้นก็ชักจะโรคไม้เลื้อยกำเริบครับ มีทางให้เลือกอีกแล้วและผมก็เลือกครับเลือกแบบไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเราพบกันครั้งที่สองเค้ารุกผมทันทีโดยขอจูบผมเป็นการขอบคุณสำหรับที่ผมเลี้ยงข้าวเย็น
แต่ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นผมรู้ว่ามันเหมือนทำตัวแพงแต่ผมว่าถ้าเราง่ายเราก็ไม่ใช่คนที่มีศักดิ์ศรี
หลังจากนั้นเราแทบจะกินข้าวกันเกือบทุกอาทิตย์มันน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีผมบอกกับตัวเองในตอนนั้น
แต่อีกเสียงในใจก็เตือนผมว่าอย่าแน่ใจไปนัก..เคยเจ็บเคยพลาดเพราะสัญญาณที่ดีมากี่ครั้งกี่หลจำได้ไหม..
ผมจำได้แต่ถ้าจะเจ็บอีกสักทีคงไม่ตายหรอกมั้งใจเอ๋ย..นั้นคือสิ่งที่ตอบใจของตัวเอง
จากวันนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไปจากที่กินข้าวคนเดียวได้ไปไหนมาไหนคนเดียวได้
มันกลายเป็นเฝ้ารอให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆเพื่อจะได้ไม่ต้องเหงากินข้าวคนเดียว
หากอาทิตย์ไหนเค้าไม่ได้มาผมก็จะไม่ได้กินข้าวเพราะผมจะไม่รู้สึกอยากกินหรือหิว
แต่จะเฝ้าคิดว่าเพราะอะไรอาทิตย์นี้เค้าถึงไม่มาและวงจรมันก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนเดือนเมษาปีแรกที่เรารู้จักกันเค้าชวนผมไปเทียวและค้างด้วยกันหนึ่งคืน
นั้นเป็นเวลาที่เรารู้จักกันมาแล้วสี่เดือนและครั้งนี้ผมตัดสินใจมีอะไรกับเค้า
ผมอยากให้เค้าเป็นคนเเรกของผมตอนนั้นผมก็กลัวเหมือนกัน
หากผมมีอะไรไปแล้วเกิดเค้าหายผมจะทำอย่างไรตอนนั้นผมคิดเป็นไงเป็นกัน
ผมไม่สนใจเรื่องผลที่จะออกมาอีกต่อไปเค้าก็ไม่ได้ไปไหนหลังจากนั้นทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
คือกินข้าวด้วยกันดูหนังด้วยกันแทบทุกอาทิตย์
วงจรนี้ดำเนินมาอีกเป็นปีก็ดีใจที่มันเป็นไปเรื่อยๆแบบนี้
มีวันหนึ่งเค้าชวนผมไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันแต่ครั้งนี้เค้ามีเพื่อนไปด้วย
พอผมรู้ผมก็คิดว่าเพื่อนจริงๆหรืออะไรกันแน่ นี่ผมจะเป็นควายโง่หรือลาโง่หรือป่าว
แต่นั้นผมก็แค่คิดไปเองแต่ก็เกือบถูกเพราะเพื่อเค้าคนนี้เท่าที่ผมดูก็ชอบเค้าอยู่เหมือนกัน
ถึงผมจะถามเพื่อนคนนี้ตรงๆและก็ปฏิเสธมาก็ตามแต่ผมว่าผมดูไม่พลาดหรอกครับ
แต่ก็ช่างมันผมคิดแบบนั้นระหว่างทางก่อนจะถึงที่พักเค้าขอโทษผม
ผมก็ถามว่าขอโทษผมเรื่องอะไรเค้าตอบผมว่าเรื่องที่พาคนอื่นมาด้วยแทนที่จะมากันสองคน
ตอนนั้นผมดีใจมากเพระาไม่เคยมีใครพูดกับมาก่อนเลย ผมยิ้มและบอกเค้าว่าไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง
ตอนนั้นผมกำลังคิดว่ารักของผมน่าส่งไปถึงเค้าบ้างแล้ว
แต่ผมคิดผิดทั้งหมด คืนนั้นเองเราสองคนนั้งคุยกันเค้าถามผมว่า “เมื่อไหร่ผมจะมีแฟน”
ตอนแรกผมอึ้งก่อนที่จะตอบว่า “ไม่มีหรอกผมรักพี่แล้วผมจะไปมีแฟนทำไม”
สิ่งที่เค้าตอบกลับมามันทำให้ผมจุกจนลืมไปว่าเราพูดและสามารถร้องไห้ได้ “แต่พี่ไม่ได้รักเราเลยนะ”
นั้นละครับคือสิ่งเค้าตอบมาสว่นผมนะหรือกลายเป็นตัวอะไรสักอย่างที่พูดไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
มันชาไปทั้งอกได้แต่ถามตัวเองในใจว่าเรามาทำอะไรที่นี้เรามาทำอะไรเราควรจะอยู่ที่อื่นไม่ใช่ที่นี้
เสียงที่บอกว่าไม่ได้รักมันยังดังก้องอยู่แบบในนิยายที่เคยอ่านมันมีจริงๆ
ผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากยิ้มส่งกลับคืนให้เค้าไปตอนนั้นเองที่
ผมเริ่มเข้าใจว่ารักกับผมมันไม่เข้ากันและผมคิดว่าใครก็ตามที่ส่งผมมาเกิดคงลืมที่จะส่งความรักมาให้ผมด้วย
ผมถึงไม่เคยถูกรักและได้รักใคร ผมคงนั้งนิ่งงนานเกินไปเค้าเลยถามผมว่าจะทำยังไงต่อไป
ผมก็ตอบความตั้งใจจริงว่าผมกะว่าถ้าปีใหม่แล้วเรายังคบกันอยู่
ผมจะขอพี่คบกันแบบคนรักเพราะมันจะครบหนึ่งปีพอดีที่เรารู้จักกัน
แต่ตอนนี้เรื่องนั้นคงทำไม่ได้แล้วก็เลยยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
นั้นคือสิ่งผมบอกเค้าไปเค้าเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกมา
เรื่องมันควรจะจบลงตรงนั้นถ้าเป็นตอนที่ผมอายุน้อยกว่านี้ผมจะเดินหนีหายไปไม่เจอไม่ข้องเกี่ยวกันอีก
แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะผมคิดว่าสักวันรักที่ผมมีให้เค้ามันน่าแทรกซึมเข้าไปในหัวใจเค้าบ้าง
ก็เท่านั้นหลังจากลับมาเที่ยวคราวนั้นผมก็เริ่มบอกตัวเองทุกครั้งที่ยืนอยู่หน้ากระจกว่า
“เค้าไม่ได้รัก..แล้วเราจะทำอย่างไร”จนวันหนึ่งผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า
รักของเรามันคงยังไม่พอที่จะส่งไปถึงหัวใจของเค้านั้นมันต้องเป็นแบบนั้น..
หลังจากนั้นผมพยายามทำทุกอย่างให้มากกว่าเดิมรักเค้ามากกว่าเดิม
เพื่อหวังว่ารักที่มากกว่าเดิมมันจะส่งไปถึงหัวใจเพื่อที่เค้าจะรู้ว่าผมรักเค้ามากแค่ไหนและรักผมตอบกลับมาบ้าง..
แม้กระทั้งผมไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธผมไม่เคยอธิฐานเพื่อตัวเองผมอธิฐานให้เค้าได้พบเจอแต่สิ่งดีๆทำแบบนี้ทุกครั้ง
ปีต่อมาเค้าบอกกับผมว่าเค้ากำลังจะย้ายไปทำงานที่จังหวัดอื่นตอนที่เรานั้งกินข้าวเย็นด้วยกันวันหนึ่งผมอิ่มทันที
ที่ได้ยินเรื่องนี้ที่เค้าย้ายไปนั้นมันไกลมากสำหรับผม
ผมบอกเค้าว่าไม่ไปไม่ได้หรือทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วเรากินข้าวเย็นจนวันเกือบสุดท้ายที่เค้าจะย้ายไป
หลังจากที่เค้าย้ายไปผมก็พยายามติดต่อและส่งความห่วงใยไปให้โยที่ผมโทรไปคุยบ้าง
และผมดีใจมากกว่าคือเค้าโทรมาหาผมความรู้สึกมันเหมือนว่าวันนั้นเป็นวันดีสำหรับผม
หรือแม้กระทั้งคุยกันผ่านทางเอ็มเอสเอ็นผมมักจะเซฟบทสนทนาเอาไว้มานั้งอ่าน
เวลาผมคิดถึงแค่นี้ผมก็ยิ้มได้ทั้งวันแล้ว ช่วงที่เค้าย้ายไปผมบอกรักเค้าผ่านทางอีเมลหรือผ่านทางสายโทรศัพท์
ผมมักจะบอกเค้าว่าผมรักเค้าและคิดถึงเค้ามากแค่ไหน
สิ่งที่ผมได้กลับมาคือความเงียบไม่การตอบรับอะไรนั้นเป็นสัญญาณที่ดี
ผมปลอบตัวเองบางครั้งผมถามตัวเองว่าถ้าพรุ่งนี้ผมตายแล้วเค้ารู้เค้าจะเสียใจไหม?
ผมคิดเล่นๆไปเรื่อยเปื่อยบ้างครั้งผมแอบอิจฉาเพื่อนผมนะครับ
เพื่อนผมก็คนที่หาเว็ปมาให้ผมนั้นละครับมันเป็นคนโชคดีมากครับที่ได้เจอคนที่รักมัน
และมันก็รักแฟนมันคนนี้มากครับเวลาผมโทรคุยหรือคุญเอ็มผมก็มักจะเเซวมันตลอดครับ
ผมเห็นคนอื่นเค้ารักกันมีความสุขแต่ทำไมหนอรักของผมมันถึงไม่เป็นแบบนั้นบ้าง
หลังจากกนั้นเค้าย้ายที่ทำงานอีกครั้งครับคราวนี้ก็ยังไกลเหมือนเดิมแต่ไม่มากเท่าคราวที่แล้ว
ผมก็ยังเป็นผมคนเดิมที่รักเค้ามากเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ความรักของผมมันจะดีขึ้นเพราะคุยกันมากขึ้นนั้นน่าจะเป็นเรื่องดี
แต่ทำไมกันหนอผมถึงรู้สึกว่าผมยังยืนอยู่เดิมไม่ได้ก้าวไปไหนยังยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่วันนั้นวันที่เค้าบอกว่าไม่ได้รักผม..
ทำไมหนอรักของผมมันถึงไม่งอกเงยไม่มีความสุขแบบคนรอบตัว
อีกนานไหมที่ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกนานไหมที่ผมจะทำได้แค่รักเค้าข้างเดียว
เมื่อไหร่กันที่รักของผมจะได้รับการรับรู้ไม่ต้องรับผมตอบก็ได้ขอแค่รับรู้ก็พอ…
หลังที่เค้าย้ายที่ทำงานครั้งที่สองผมได้มีโอกาศมาเยี่ยมเค้า
ครั้งแรกนั้นผมไม่อยากกลับเลยผมมีความสุขมากครับมี่เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน
ผมจำได้เช้าเราจะตื่นแต่เช้าเพื่อเเค้าตรียมตัวไปทำงานส้วนผมจะตื่นแต่เช้า
มาดูว่าในตอนเช้าคนที่ผมรักนั้นทำอะไรเตรียมตัวยังไงผมอยากรู้เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ด้วยกันเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง
เมื่อเคาออกไปทำงานผมก็ทำงานบ้านคุณรู้ไหมว่านั้นคือสิ่งที่ผมฝันเอาไว้ว่าสักวันผมจะได้ทำอะไรแบบนี้
ผมทำงานบ้านปอกผลไม้รอเค้ากลับมากินทำทุกอย่างไม่จักคำว่าเหนื่อย
เพียงเพื่อได้ทำให้เค้าคนที่เรารักเราก็มีความสุขมากแล้ว
ตอนนี้ผมกลับมาอีกครั้งครับแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกลับครั้งที่แล้ว
มันควรจะดีกว่าเดิมสิแต่นี่ผมกลับเหมือนคนอื่นเป็นสิ่งแปลกปลอมที่หลงเข้ามาในชีวิตของเค้า
แค่วันแรกผมก็อยากจะร้องไห้แล้วครับเพราะอะไรนั้นหรือครับ
เค้าขอผมแยกห้องนอนครับผมใจเสียและเสียใจครับนั่งคิดอยู่นานว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมและเค้า
นี่มันหมายความว่าอะไรแต่ผมไม่ได้ยอมแพ้ผมจัดการพาตัวเองมานอนห้องเดียวกันกับเค้าจนได้นั้นหละครับ
เรื่องอะไรผมจะยอมแยกห้องนอนกันครับผมอยากจะนอนกอดคนที่ผมรักแม้ว่าเค้าจะรักผมหรือไม่ก็ตามผมไม่สน...เพราะผมรักเค้าก็พอแล้ว
ตอนนี้ผมนั้งฟังเพลงซ้ำๆอยู่ชั้นล่างของบ้านส่วนเค้าอยู่บนห้องนอนข้างบนอีก
ห้าหกวันที่เหลือผมจะมีสภาพเป็นอย่างไรกันหนอผมไม่กล้าคิด
หัวใจของผมที่ผมจะพากลับไปมันจะมีสภาพที่หน้าดูหรือได้แผลสดกลับไปเพิ่มกันแน่ผมยังไม่อาจจะรู้ได้
ผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งผมได้เลือกทำมาทั้งหมดมันจะไม่สูญเปล่าหวังว่าสักวันความรักมันจะกลับมาทักทายผมบ้างก็เท่านั้น
สองสามวันมานี้ผมก็ยังมีและใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันกับคนที่ผมรักแต่เค้าจะรักผมบ้างหรือเปล่านั้นผมไม่รู้
ผมไม่มีคำตอบในข้อนั้นเลยแต่เรื่องนั้นผมชินแล้วครับ..เมื่อก่อนผมก็ได้แต่หวังว่ารักที่ผมส่งไปมันจะส่งสัญญาณตอบรับมาให้ผมได้รู้สึกบ้าง
แต่ตอนนี้ ณ วันนี้ผมไม่หวังแล้วครับเพราะอะไรนั้นหรือครับ
คำตอบง่ายๆคือผมท้อแล้วครับมันเหนื่อยจนอยากจะถามคนที่ผมรักสักคำว่า
“ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นรักผมขึ้นมาสักนิดหรือยัง”
ผมก็ได้แต่คำถามนี้ในใจไม่กล้าถามออกไปหรอกครับ
เพราะกลัวคำตอบที่จะตอบกลับมามันจะทำให้ใจผมเจ็บปวดมากไปกว่าที่เป็นอยู่ในขนาดนี้ คุณว่าผมขี้ขลาดไหม?
สองสามวันที่เหลือทุกอย่างยังดำเนินไปแบบเดิม
เค้ายังคงเป็นเค้าผมยังคงเป็นผมความสัมพันธ์เท่าเดิมไม่มีคืบหน้าไม่มีถอยหลังไม่สัญญาณใดให้ดีใจ
วันสุดท้ายผมถามตัวเองก่อนขึ้นรถกลับบ้านว่า “เรากับเค้ามีสัมพันธภาพแบบไหนเรียกว่าอะไร”
ไม่มีคำคอบให้ตัวเอง ไม่มีจริงๆ หลังจากกลับมาถึงบ้านการเปลี่ยนแปลงมากมายรอผมอยู่
ไม่ว่าเป็นเรื่องานย้ายบ้านปัญหาอีกกองรอให้จัดการผมวางเรื่องของหัวใจเอาไว้เป็นวงนอกของปัญหาที่ต้องแก้ในตอนนั้น
สุดท้ายเมื่อทุกอย่างเข้าที่ผมกลับมาคิดเรื่องของหัวใจอีกครั้ง แต่คำตอบที่ได้คือ “ไม่มีคำตอบ”
วันนี้ตอนนี้ผมได้พบเจอความเจ็บอีกครั้งในขณะที่ผมไม่เหลือสายตาไว้มองใครไม่สนใจใคร
แต่เค้ายังมองหาและสนใจใครที่เค้าชอบต่อไปได้เรื่อยๆโดยไม่สนใจความรู้สึกผมเลยว่ามันเจ็บขนาดไหน
ถึงผมจะรู้ว่าเค้าไม่ได้รักผมอย่างที่ผมรักเค้าแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี
ผมอยากเดินออกมาจากความเจ็บเหล่านี้แต่ผมก็ยังเลือกที่จะอยู่กับมันต่อไป
เพราะใจของมมันไม่สามารถตัดได้อะไรมากมายที่ผมและเค้าทำร่วมกันมา ทุกอย่างที่เค้าทำให้ผม ทุกที่ที่เราไป ไม่มีที่ไหนที่ผมจะจำไม่ได้
ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปในแบบของมันผมยังอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินจากไปไหน
ผมยังรักเหมือนเดิมไม่มีน้อยลงและจะรักมากขึ้นทุกวันๆ ทุกวันนี้ผมเรียนรู้ที่รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน
ไม่หวังว่าความรักที่ให้ไปนั้นจะไปถึงไหนไปไกลเทาไหร่ ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่ารักของผมจะมีให้ไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะหมดลมหายใจในชีวิตนี้
และทุกครั้งที่ผมไหว้พระขอพรผมก็ยังคงขอให้พระและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายคุ้มครองคนที่ผมรัก
สุดท้ายกับเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ยังไม่เคยได้พบรักที่สมหวัง
เหมือนเพื่อนพี่น้องหรือคนรู้จักรอบตัวทุกคนเหมือนคนโชคดีที่ได้พบกับความรักที่ทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสุข
ต่างจากผมที่ได้แต่มองดูความรักเหล่านั้นและมันยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป
จนผมไม่กล้าหวังแล้วว่าความรักแบบนั้นมันจะมีจริงสำหรับผม
หรือว่าคนบนฟ้าคงลืมมอบความรักที่สุขสมหวังมาให้ผมกระมั้ง ชีวิตมันเลยต้องเจอแต่รักแบบนี้
ผมก็ยังได้แต่หวีงว่าสักวันรักของผมมันจะดีแบบใครๆเค้าบางก็เท่านั้นเอง
---------------------------------------------------------------------------