[Special part]
สวัสดีคร้าบบบบ
ทายสิว่าผมเป็นใคร..
ติ้ก.. ต่อก.. ติ้ก.. ต่อก.. หมดเวลาฮะ!
ผมก็คือ
คนๆนั้นไงหล่ะ! *ยิ้มตาหยี*
ในเช้าวันที่อากาศเย็นสบายแบบนี้ผมเลยถือโอกาสออกมาเดินเล่น มีตึกใหม่โผล่ขึ้นมากมาย สังคมเมืองค่อยๆขยายตัวเข้ามาในเมืองนี้ ผมเองก็รู้สึกแปลกที่แปลกทางอยู่หน่อยๆครับ ก็ผมหน่ะไปเรียนต่างประเทศตั้งสองปีนี่นา
..แต่ว่านะ.. ยังไงเมืองนี้ก็ยังคงมีบรรยากาศเก่าๆที่ผมคุ้นเคยอยู่แหละฮะ..
ผมเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปตามถนน ทักทายเพื่อนบ้านเก่าๆที่ทำหน้ายินดีเมื่อเห็นว่าผมกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้งรวมถึงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ครู่หนึ่ง ผมถึงได้รู้ว่านอกจากตึกที่เข้ามาใหม่แล้วก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย
..แล้วเขาคนนั้นจะเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ.. ละจากเพื่อนบ้านแล้วผมก็เดินต่อไปที่ร้านหนังสือตรงหัวมุมถนน สภาพร้านไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ผมเข้ามาครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เจ้าของร้านแทบจะวิ่งเข้ามาฟัดผมพร้อมกับบ่นเบาๆประมาณว่านึกว่าผมจะไม่กลับมาซะแล้ว ผมหัวเราะรับก่อนจะปลีกตัวไปยังมุมหนังสือประจำของผม ที่ๆเขาคนนั้นชอบมากวนทุกครั้งเวลาผมก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ..และหัวเราะในลำคอเหมือนคนโรคจิตเมื่อผมมองค้อน
..คิดถึงจังแฮะ.. ผมอยู่ในร้านหนังสือเกือบชั่วโมงก่อนจะหยิบนิยายสองสามเล่มที่ดูไว้ไปจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านหนังสืออย่างไม่รีบร้อน
สองเท้าก้าวข้ามถนนก่อนจะเดินไปเรื่อยๆตามทางในความทรงจำจนมาหยุดอยู่ที่น้ำพุซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาท่องเที่ยว เพราะว่าน้ำพุที่ว่าหน่ะ.. หากอธิษฐานแล้วโยนเหรียญลงไปจะสมหวังแหละ ผมกับเขาคนนั้นยังเคยมาอธิษฐานเลยนะ
..อ่า ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าไร้สาระก็เถอะ แต่ก็ยังยอมควักเหรียญออกมาให้ผมอยู่ดี.. ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆน้ำพุพลางมองคนที่เดินไปมาและคนที่กำลังอธิษฐานอย่างเพลินตา ภาพในความทรงจำฉายชัดขึ้นมาเบื้องหน้า ทุกๆช่วงเวลาที่อยู่กับเขามันเต็มไปด้วยความสุข ถึงแม้เราจะเถียงกันบ้างกัดกันบ้างตามประสาคู่รักแต่สุดท้ายเราก็กลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม
พวกคุณคงจะสงสัยสินะว่าทั้งๆที่เรารักกันมากแต่ทำไมถึงได้เลิกรากันไป ก็เพราะรักกันมากนั่นแหละฮะ ตอนมีปัญหาเราสองคนทะเลาะ ประชดประชันก่อนจะเลิกรากันไปด้วยความไม่เข้าใจ ผมจึงตัดสินใจบินไปเรียนที่ต่างประเทศหลังจากที่เราเลิกกันเพราะผมต้องการจะหนีจากความรู้สึกเจ็บปวดนี้
ผมใช้เวลาที่อยู่ต่างประเทศทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนจะพบว่าปัญหาที่ทำให้ผมเลิกกับเขามันไร้สาระสิ้นดี ทั้งผมและเขาต่างก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ตอนนั้นเราสองคนยังเด็กในเรื่องของความรัก ทิฐิมานะและความหึงหวงมันบังตาจนเราลืมมองความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า
ความจริงที่ว่าเรารักกันมากแค่ไหน.. แต่ผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ทำได้แค่เตือนตัวเองว่าอย่าทำผิดซ้ำสองหากจะมีความรัก ทำได้แค่เก็บเรื่องราวดีๆไว้ในความทรงจำ ถึงผมจะยังรักเขาแต่ชีวิตผมยังต้องเดินต่อไป..
..ตอนนี้ผมทำได้แค่หวัง.. ว่าเราจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง.. ในขณะที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสายทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นวิ่งหาที่หลบฝน ทั้งๆที่ตอนเช้าอากาศยังดีอยู่แท้ๆ ตอนนี้กลับมีฝนตกลงมาซะได้ ไม่ว่าอะไรก็ไม่แน่นอนซักอย่างจริงๆสินะ.. #ความรักก็เช่นกัน
ขาสองข้างพาผมมาหลบฝนอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะร้านกาแฟแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด นี่เป็นความบังเอิญหรือเพราะใครมาดลใจให้ผมมาหลบฝนที่นี่กันนะ..
แต่ผมไม่มีทางเลือกมากนักเพราะฝนมีท่าทีว่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้าน เอ่ยทักแล้วสั่งเมนูโปรดกับบาริสต้า สายตาผมสอดส่องทั่วร้านก่อนจะใจกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อเห็นว่าที่นั่งประจำมีใครนั่งอยู่
..เป็นเขาจริงๆใช่ไหม.. ผมตาฝาดไปหรือเปล่า.. ผมยิ้มกว้างทั้งๆที่น้ำตาคลอเบ้า สองเท้าก้าวเข้าไปหาเขา ผมนั่งลงที่เก้าอี้ประจำก่อนจะเปิดบทสนทนาด้วยการคุยเรื่องสภาพอากาศอากาศทื่แปรปรวน เขายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน อา.. น้ำตาผมจะไหล
..ผมคิดถึงเขามากจริงๆ.. "..ไปเรียนต่างประเทศเป็นยังไง--- เฮ้ย.. ร้องไห้ทำไม?" เขาดูจะเป็นกังวลเมื่อจู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา ก.. ก็เสียงของเขามันอบอุ่นเกินไปนี่ฮะ แล้วผมก็..
"คิดถึง.."
"หืม?"
"คิดถึงมาก ก็เลย.."
"หึหึ เด็กขี้แยเอ๊ย.." เขายิ้มขำก่อนจะใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาบนแก้มผมอย่างแผ่วเบา ผมมองรอยยิ้มของเขาผ่านม่านน้ำตา มือของผมจับมือเขาไว้ก่อนที่ผมจะแนบแก้มลงกับฝ่ามือใหญ่ ผมคิดถึงสัมผัสนี้ คิดถึง..
"นายนี่.. ยังขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะ.."
"ก็แค่ ฮึก.. ก็แค่.. กับพี่" เขานิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ทำท่าหนักใจก่อนจะถอนหายใจยาวๆออกมา ผมเม้มปากอย่างใจหาย นี่เขารังเกียจผมแล้วเหรอฮะ.. แต่ก็กลั้นใจฟังเขาที่เริ่มพูดด้วยท่าทีไม่มั่นใจ
"นี่ คือ.. พี่หน่ะ.. ยังใช้ร่มคันเดิมที่นายเคยให้อยู่นะ"
"..."
"ถ้า.. ไม่รังเกียจหล่ะก็ กลับมาใช้ร่มด้วยกันไหม?" เขาพูดประโยคหลังด้วยท่าทีขัดเขิน ผมได้แต่จ้องหน้าเขานิ่ง น้ำตาที่หยุดไหลดูเหมือนว่าจะไหลออกมาอีก ผมก้มหน้านิ่งก่อนจะส่ายหัวแล้วพึมพำเบาๆ
"ถ้าใช้ร่ม.."
"หืม?"
"ถ้าใช้ร่ม.. ก็แค่ฤดูฝนนี่ฮะ ไม่เอาหรอก"
"..?"
"แต่ถ้าให้กลับไปเดินจับมือกันอีกครั้ง ทำได้ทุกวัน ผมก็.. ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ" ผมยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา เขาถอนหายใจก่อนจะยิ้มให้ มือหนายีหัวผมจนฟูยุ่งไปหมด "ให้ตายเถอะ ชอบทำให้พี่ใจหายอยู่เรื่อย"
"แล้วรักไหมหล่ะ.."
"รักสิ มานั่งนี่มาดื้อ" สรรพนามเดิมที่เขาเรียกทำให้ผมใจพองฟู ผมรีบลุกไปนั่งที่ตักของเขาก่อนจะซบหน้าลงกับอก ความอบอุ่นและอ้อมกอดของเขาทำให้น้ำตาของผมไหลอีกครั้ง เขาลูบหัวผมเบาๆ ริมฝีปากเขาจูบลงที่ขมับผมอย่างรักใคร่
"ไม่เอาไม่ร้องนะเด็กดี อายบาริสต้าเขาบ้างสิ" เขาพยักเพยิดหน้าไปทางบาริสต้าที่เดินถือแก้วนมอุ่นใส่คาราเมลมาทางโต๊ะนี้ด้วยสายตาล้อเลียน ผมเบะปากก่อนจะซุกหน้าเข้ากับอกของอีกคนเพื่อหลบสายตาและรอยยิ้มล้อเลียนของบาริสต้าคนนั้น "ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่ อายุ 24 แล้วนะ"
"เหรอครับ แต่ความสูงนี่หยุดอยู่แค่เด็กป.4.. โอ๊ย! ดื้ออย่างับไหล่พี่" อีกคนร้องโอดโอยเมื่อผมงับเข้าที่ไหล่ ก็ผมไม่ได้เตี้ยซักหน่อย แค่สูงน้อยกว่ามาตรฐานชายไทย 5 เซ็นเอง..
"หึ ไม่ได้เตี้ยซักหน่อย"
"ครับๆ ไม่เตี้ยก็ไม่เตี้ยครับ เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วกลับบ้านเรากันนะ" เขายิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมพยักหน้าเบาๆ บ้านเราที่ว่านั่นก็คือบ้านเขาแหละฮะ บ้านที่เขาเก็บเงินซื้อ.. เพื่อเป็นเรือนหอของเรา..
"...อย่าหนีพี่ไปไหนอีกนะครับดื้อ ไปอยู่ต่างประเทศพี่ตามไปง้อไม่ได้"
"ไม่หนีแล้วฮะ อดีตมันผ่านไปแล้วก็ช่างมัน เรา.. มาเริ่มต้นกันใหม่นะฮะ"
"อืม.. พี่รักดื้อนะครับ"
"ดื้อก็รักพี่เหมือนกันฮะ" เรายิ้มให้กันในที่ๆเต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้ กลิ่นที่คุ้นเคย ความอบอุ่นและคนที่กอดผมอยู่ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่พิเศษ
และผมสัญญาว่า.. จะรักษาความรักและคนๆนี้ให้ดีที่สุด..
ให้สมกับบทเรียนราคาแพงที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้
และให้สมกับที่เขาเป็นคนรักของผม..
รักพี่นะครับ..END.
ตอนพิเศษมาเสิร์ฟแล้วค่าาาาาา
ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านมาเม้นนะคะ
คนที่สงสัยว่ารักกันปานจะกลืนกิน(?)ขนาดนั้นแต่ทำไมถึงเลิกกันได้
คำตอบก็อยู่ในตอนพิเศษอย่างที่ดื้อว่านั่นแหละค่ะ
แล้วก็จริงๆเรื่องนี้ตัวละครไม่มีชื่อนะคะ รู้สึกเป็นความพีคอย่างหนึ่งของเรื่อง
(ดื้อ:คนอ่านอย่าไปฟังฮะ! จริงๆคนเขียนมันขี้เกียจคิดชื่อ
// me:*หลบเกิบ*)
อีกอย่าง.. ตอนพิเศษนี้เกิดขึ้นได้จากคนเม้นท์จริงๆค่ะ ซินเห็นคอมเม้นท์แล้วไฟลุกพรึ่บพรั่บ
มีไฟและซาบซึ้งจนฮึดปั่นตอนพิเศษนี้ขึ้นมาได้
ต้องขอบคุณคนเม้นท์ด้วยนะคะ กำลังใจล้นหลามเลย *กราบ* เค้าซึ้งจริงๆ
สุดท้ายนี้.. ขอบคุณที่ติดตามงานเขียนของซินนะคะ ขอบคุณที่เม้นท์ให้
รักคนอ่านคนเม้นท์ค่ะ เลิฟยูววววว *ปาหัวใจใส่รัวๆ*
CINN.