..Love Art..
ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น
-- นิทรรศการภาพเขียนศิลปะ มหาวิทยาลัย xxx --
ผมไม่ใช่คนที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในงานศิลปะเท่าไหร่นักแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ผมถึงได้ยืนมองภาพตรงหน้านานนับชั่วโมงแล้ว
..ยิ่งพอเหลือบไปเห็นชื่อของเจ้าของภาพแล้วมันเหมือนยิ่งทำให้ผมก้าวขาไม่ออก
ถึงแม้ภาพนี้จะใช้ทักษะการจุดในทัศนศิลป์ในการสร้างผลงาน จนทำให้ค่อนข้างจะดูยากไปสักหน่อย
แต่หากลองมองดีๆจะเห็นว่าในภาพนี้เป็นผู้ชายตัดผมสั้นรองทรงมีรอยยิ้มกว้างที่จริงใจ
จมูกรั้นเชิดแสดงถึงความดื้อดึงของเจ้าตัว..แต่สิ่งที่น่าดึงดูดไปกว่านั้นคือดวงตาที่สะกดให้ผมหยุดมองภาพภาพนี้
เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่า...กำลังมองกระจก
"นึกว่าจะไม่มาเสียอีก"เสียงทักทายจากคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ
"ผมอยากดูนิทรรศการผมก็มา..ทำไมพี่วุฒิถึงคิดว่าผมจะไม่มาล่ะครับ"
"ก็ไม่ยักรู้ว่าสนใจเสพงานศิลป์กับเขาด้วย นึกว่าสนใจแต่เรื่องทฤษฎีทางการแพทย์ซะอีก" เขาพูดกึ่งประชดประชัน
"เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน...หรือพี่ว่าไม่จริง?"ผมหันไปถามเขา
"ก็คงเป็นงั้น"พี่วุฒิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วมองไปยังผลงานของตัวเองเราต่างคนต่างเงียบจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง
จนผมเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศอึดอัดที่กำลังก่อตัวขึ้นรอบๆเราสองคน
"ทำไมพี่ถึงเลือกใช้ทักษะจุดหล่ะ?"ผมหลีกเลี่ยงที่พูดถึงเรื่องที่จะสะกิดแผลใจแล้วเลือกที่จะถามถึงผลงานในครั้งนี้
เพราะงานในวันนี้มีหลายแขนงภาพสีน้ำ สีน้ำมัน แอ็บสแตร็ก ทัศนศิลป์ฯลฯ แล้วแต่ว่าใครถนัดแนวไหน..
ผลงานชิ้นนี้ของเขาจึงทำให้ผมเกิดความสงสัยเพราะทักษะจุดเป็นทักษะที่เขาไม่ถนัดที่สุดแต่ก็เลือกที่จะทำมัน
"ลองนึกดูสิเมษ"พี่วุฒิหันมายิ้มให้ผมน้อยๆ จนผมต้องรีบหลบสายตาสีสนิมคู่นั้น
"จะไปรู้ได้ไง ผมไม่ใช่คนวาดสักหน่อย"
"เฮ้อ~เคยจำอะไรได้บ้างเนี่ย"เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจแรงๆแต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่ามันเกี่ยวกับผมตรงไหน
เขาถึงพูดแบบนั้น
"จำอาจารย์ศิลปะตอนม.หกได้ไหม?"
"อาจารย์ไลลา?"
"ใช่.."
"แล้วไง?"ผมก็ยังไม่เข้าใจที่เขาจะสื่ออยู่ดี
"ผลงานชิ้นแรกที่พี่ทำให้เมษไงหล่ะ"พี่วุฒิตอบแล้วหันกลับมามองผมด้วยสายตาที่อบอุ่นคู่นั้นที่ผมไม่ได้สัมผัสมาหนึ่งปีเต็ม
"เฮ้ย!..เรื่องนั้นมัน..."
"อืม.."เขาพยักหน้าแล้วหันกลับไปมองผลงานตรงหน้าอีกครั้ง แต่ผมนี่สิอึ้งสนิท เพราะเรื่องราวตอนนั้นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว
ตั้งแต่ที่ผมรู้จักและคบกับพี่วุฒิในฐานะแฟนตอนที่ผมอยู่ม.หกอาจารย์ศิลปะให้งานชิ้นแรกของเทอมมาโดยกำหนดให้ใช้ทักษะจุด
แล้วนำเสนอจุดเด่นทั้งสี่ภาคของประเทศไทยซึ่งผมจับสลากได้ภาคใต้ทำเอาผมถึงกับกุมขมับ
เพราะสกิลการวาดรูปของผมนั้นเป็นอะไรที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากพี่วุฒิ
ที่กำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะศิลปกรรม สองวันต่อมาผมก็ได้ภาพงานทักษะจุดรูปตัวหนังตะลุงขนาดA3มาส่งอาจารย์ที่โรงเรียน
แต่หลังจากนั้นพี่วุฒิก็ได้งานทักษะจุดมาจากอาจารย์เหมือนกันแต่เขากลับบ่นกับผมว่าไม่ชอบและไม่ถนัดเอาเสียเลย
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขายังทำงานแบบเดียวกันให้ผม ผมจึงได้รู้ตอนนั้นเองว่าเขาไม่ถนัดงานทัศนศิลป์เขาถนัดงานสีน้ำมากกว่า
แต่เขาก็ยัง...ทำเพื่อผม
"พี่ยังจำได้เหรอ?"ผมถามแล้วก้มมองปลายเท้าตัวเองด้วยความสับสนเพราะความสัมพันธ์ของเราจบลงแบบไม่ค่อยจะดีนัก
แต่พอเขามาพูดเรื่องแค่นี้ผมกลับรู้สึกดีจนทำอะไรไม่ถูก
"ไม่ใช่จำได้..แต่พี่ยังไม่เคยลืมต่างหาก"ผมเม้มปากแน่น พยายามสะกัดกั้นอารมณ์และความ
คิดของตัวเองที่กำลังตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัวสมอง
"พี่รู้..ว่าเมษยังโกรธและไม่อยากฟังคำแก้ตัวของพี่แต่พี่ขอโอกาสได้ไหม?"น้ำเสียงอ้อนวอนที่ออกมาจากปากของเขา
ทำให้น้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้ไหลออกมาเงียบๆโดยไม่มีเสียงสะอื้น
"อยู่ๆก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว แล้วก็กลับมาพูดจาที่ทำให้คนอื่นเขาสับสน.."
"......"
"พี่คิดว่าผมเป็นตัวอะไรเหรอ"ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"เมษคือคนที่พี่รักน่ะ"
"แล้วพี่หายไปไหนมาเป็นปี.."
"...."เขาเงียบผมเงียบบรรยากาศรอบตัวเหมือนเวลามันกำลังไหลไปช้าๆ ความอึดอัดถาโถมเข้ามาระหว่างเราสองคน
คนหนึ่งกำลังรอคำตอบ...อีกคนกำลังหาคำตอบ..
"ไปพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าพี่ดูแลเมษได้"พี่วุฒิเดินเข้ามาใกล้จนหน้าผากผมไปชนกับบ่าของเขาพอดี
"....."
"พี่ไม่อยากโดนคนอื่นมองว่าเป็นศิลปินใส้แห้งเลยไปทำธุรกิจกับเพื่อนที่อิตาลี ตอนนี้บริษัทโฆษณาที่นั่นกำลัง
ไปได้สวยเลยหล่ะ"
"....."
"ตอนนี้พี่ดูแลเมษได้สบายๆเลยน่ะ"
"ใครบอกว่าพี่เป็นศิลปินใส้แห้งกัน"ผมถามเสียงอู้อี้
"คุณนายณีรยาไง"
"แม่?"
"อ่าห่ะ..สงสัยกลัวพี่ไปปอกลอกว่าที่คุณหมอมั้ง..เลยยื่นข้อเสนอให้พี่พิสูจน์ตัวเอง" พี่วุฒิเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ
"โดยการที่ให้พี่หนีเมษไปเนี่ยน่ะ!!"ผมดีดตัวออกห่างจากเขาแล้วมายืนจ้องหน้าอย่างเคืองๆ
"อย่างอนน่า..พี่กลับมาแล้วนี่ไง"
"ผมไม่ได้งอนครับ..ผมกับคุณเราเลิกกันไปแล้ว..ผมจะไปงอนคุณทำไม"ผมถามด้วยน้ำเสียงห่างเหิน
"เฮ้ย!หมายความว่าไง?พี่ก็อธิบายไปหมดแล้วน่ะ..ว่าที่หายไปเพราะอะไร"พี่วุฒิทำหน้าตื่นๆจนผมแทบหลุดขำ
แต่ก็ยังเก็กขรึมไว้ได้
"ผมถือว่าเราเลิกกันแล้ว..ผมไม่รอคนที่ทำให้ผมร้องไห้จนกินไม่ได้นอนไม่หลับหรอกครับ"
"เมษ.."พี่วุฒิเรียกผมด้วยท่าทางเศร้าๆ
"ผมไม่ใช่คนง่ายน่ะครับที่จู่ๆก็เดินกลับเข้ามาเฉยๆได้..ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังรักพี่อยู่
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมจะไม่เสียใจนี่ครับ.."
"พี่ต้องทำไงเมษ..."พี่วุฒิก้มหน้าลงมองพื้นจนผมแทบจะใจอ่อนคืนดีกับเขาเดี๋ยวนั้น
แต่ก็ห้ามใจไว้ทันต้องทำให้เขารู้สึกซะบ้างว่าการรอคอยมันทรมานขนาดไหน
"ลืมมันซะ...แล้วเริ่มใหม่"ผมบอกพี่วุฒิเงยหน้ามองผมด้วยสายตาอึ้งๆ
"หมายความว่าให้พี่ตัดใจเหรอ?"
"ถ้าพี่คิดอย่างนั้น..ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร"ผมยักไหล่แล้วยืนกอดอกมองพี่วุฒินิ่งๆ
"พี่ทำไม่ได้.."
"เริ่มใหม่น่ะครับ..เหมือนตอนที่ผม..อยู่มอหก"ผมยิ้มให้เขาแล้วหันหลังเดินออกมา
โดยที่ยังเหลือบไปเห็นสีหน้าอึ้งๆปนตกใจของพี่วุฒิ
"เฮ้ย!"ผมได้ยินเสียงเขาอุทานแว่วๆคงจะเพิ่งนึกออกล่ะมั้งว่าผมหมายความว่ายังไง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
....
....
.
.
.
.
.
.
.
"คุณวุฒินันท์ ตกลงคุณจะจีบผมไหมครับ ถ้าจะจีบผมช่วยไปส่งผมที่บ้านหน่อยสิ"
ผมตะโกนถามจนคนแถวนั้นหันมามองแล้วหัวเราะคิกคักจนพี่วุฒิต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เขินแล้ววิ่งมาจับมือผมเดินออกมาจากหอศิลป์ของมหาลัย
"ใครอนุญาติให้จับมือครับ"
"ผมกำลังจีบคุณหมอเมษาอยู่นี่ครับต้องเทคแคร์อย่างดีเดี๋ยวเดินสะดุดหกล้มแล้วหัวร้างค่างแตกขึ้นมาผมก็อดได้แฟนพอดีจับมือผมไว้นี่แหละครับปลอดภัย"
ผมยิ้มให้กับความหน้ามึนและความช่างแถของพี่วุฒิที่ไม่ว่าผ่านมากี่ปีก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมแต่ผมกลับชอบมันน่ะเพราะมันทำให้ผมเขินจนหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทุกที
.
.
.
..
..
.
.
.
.
...
.
.
.
"พูดอย่างนี้ผมก็แพ้สิ"
"ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น"
ในชีวิต..สิ่งที่เราคิดว่าแน่นอนคือความไม่นอน ดังนั้นจงทำทุกอย่างที่อยากทำ ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณและ "เสียงหัวใจ"
END