-3-
● ● ● ●
“ภูมินายมีแฟนรึยังอะ คือแค่ถามดูน่ะ” “ยัง” ผมตอบไป อยากจะเพิ่มเติมไปแบบเล่นๆ เหมือนกันว่า
ก็รอนายอยู่นั่นแหละ แต่ใจก็ไม่กล้าพอ ผมแอบเห็นเขามีสีหน้าที่ดูดีใจ ก่อนจะพยายามซ่อนมันเอาไว้
“นี่ เราถามอะไรอย่างสิ” ผมพูดออกไป
“อะไรเหรอ”
“ทำไมนายถึงเลิกกับแพรวเหรอ” เขาหุบยิ้มทันที แววตามีความเศร้าแฝงอยู่เล็กน้อย “ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องบอกก็ได้นะ เราไม่ได้อะไร”
“เพราะเราไม่ได้รักกันแล้ว” ผมพูดอะไรไม่ถูกกับเหตุผลนั้น มันดูชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว “ไม่ใช่ว่าเราหมดรักกันไปเลยหรอกนะ แค่เราต่างคนต่างรู้สึกว่า เราไม่ได้รักกันเหมือนที่ผ่านๆ มา ไม่รู้ว่าเพราะเราอยู่ห่างกันเกินไป หรือเพราะจริงๆ แล้วในใจเรามีใครอีกคนอยู่”
ผมชักเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูดจริงๆ แล้วถ้าชอบใครอยู่แล้ว แล้วคบกันทำไม
“แพรวมีคนที่แอบชอบมาตลอด ตั้งแต่มหาลัยแล้ว แต่แพรวไม่กล้าจะเข้าหาคนนั้นเท่านั้นเอง ตอนแพรวตกลงเป็นแฟนกับเรา เราก็รู้นะว่าแพรวมีใครอีกคนอยู่ในใจ แต่แพรวก็ดีกับเราจริงๆ นะ แพรวพึ่งมากล้าบอกเราตรงๆ เมื่อปีก่อนนี่เอง เราก็เลยบอกแพรวไปตรงๆ เหมือนกันว่า จริงๆ เราก็มีคนที่แอบชอบอยู่”
“ห้ะ” สรุปความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นยังไงกันแน่ ผมงงไปหมด “โทษทีแต่เรางง ยังไงกันแน่”
“ฮ่าๆ” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก! “จริงๆ ตอนนั้นมันก็เหมือนบอกเลิกกันกลายๆ แหละ แต่เรายังรักแพรวไง เราเลยยังไม่อยากปล่อยเธอไป พยายามทำดีกับเธอตั้งหลายอย่าง ซึ่งเธอก็ชอบนะ แต่ท้ายที่สุดก็รั้งไว้ไม่อยู่ว่ะ ฮ่าๆ”
ผมแอบเห็นเขาตาแดงๆ เหมือนจะมีน้ำตาคลอ เกรตคงรักแพรวมากจริงๆ เพราะขนาดรู้ว่าแพรวชอบใครอีกคน
อยู่แล้ว ก็ยังจะพยายามรั้งเธอไว้ แต่เอ๊ะ เรื่องที่เกรตบอกว่ามีคนอื่นที่แอบชอบอยู่เหมือนกันล่ะ มันยังไงกัน
“แล้วเรื่องที่เกรตแอบชอบคนอื่นอยู่อะ แพรวรับได้เหรอ”
“จริงๆ เรากะประชดแพรวน่ะ แม้ว่าเราจะมีคนที่แอบชอบอยู่จริงๆ ก็ตาม แต่เชื่อปะ แพรวดันรับได้ และดีใจซะด้วย ท้ายที่สุด แพรวก็ใช้เหตุผลนี้มาขอเลิกกับเรา และเราก็ได้รู้ว่า เราคบกันด้วยความรู้สึกที่ไม่เท่ากัน แพรวไม่ได้แค่แอบชอบ แต่แพรวแอบรัก กับเรา แพรวแค่ชอบ มากกว่าเพื่อน… โคตรเจ็บเน้าะ แต่เราก็ปล่อยเขาไป แล้วก็ตั้งปณิธานกับตัวเองว่า หลังจากทำใจได้ เราจะเดินหน้าจีบคนนั้นอย่างเต็มที่ เอาให้เขาหลงไปเลย จะได้ไม่เป็นอย่างครั้งก่อนอีก อย่างน้อยๆ เราก็จะได้คบกับคนที่เราชอบตั้งแต่แรกจริงๆ”
ผมแอบรู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจไม่ได้ เขามีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว และคงไม่ใช่ผม ผมก็คงเป็นได้แค่คนที่แอบชอบเขาข้างเดียวต่อไป
ผมลุกขึ้นยืน กลืนก้อนจุกๆ ลงไปให้หมด สูดอากาศ และเก็บทุกความทรงจำในวันนี้ไปให้ได้มากที่สุด แล้วหันหลังเดินออกไป
“กลับกันเหอะ เดี๋ยวจะมืด” ผมแค่หันไปยิ้มให้เขาเท่านั้น เขาดูมีสีหน้างงๆ แต่ผมก็ไม่ได้มองต่อ รีบออกเดินไปอย่างเร็ว
“ภูมิเดี๋ยวดิ เป็นไรเปล่า”
ผมเอาแต่เดินไปเรื่อยๆ พยายามทิ้งระยะให้ห่างจากเขามากที่สุด เพราะอยู่ๆ ผมก็รู้สึกร้อนที่ตา ภาพข้างหน้าดูมัวๆ น้ำใสๆ เออขึ้นมาที่ขอบตา ก่อนไหลอาบที่แก้ม
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงปฏิเสธใครต่อใครที่เขามา ทำไมผมถึงเอาแต่เลื่อนดูหน้าฟีดที่น่าเบื่อบนเฟสบุ๊ก เพราะมีโพสต์ของเขาอยู่ ตลอดเวลาเกือบห้าปี ที่ผมแอบชอบเขา ตลอดเวลาที่ผมเห็นแทบทุกกิจกรรมของเขาเท่าที่เขา อนุญาตให้เห็นบนโลกออนไลน์ หลายๆ ครั้งที่เราได้คุยกัน แม้จะเพียงเวลาสั้นๆ แต่มันดันทำให้ผม ….รักเขาไปแล้ว
เรื่องราวของเขา มันคงไปกระตุ้นต่อมความรู้สึกของผม แสดงให้เห็นความเป็นจริง ที่ผมพยายามปฏิเสธมัน ว่าจริงๆ แล้วเราก็เป็นได้แค่คนที่เข้ามาส่อง แล้วก็จากไป….
ผมรู้สึกถึงแรงที่บ่า ผมพยายามขืนไว้ “เป็นอะไรรึเปล่า เดินไวจัง”
ผมสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ พยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด “เปล่า ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” ผมสลัดมือนั้นออกไป แล้วสาวเท้าไปที่ห้องน้ำอย่างไว ได้ยินเสียงเขาตะโกนไล่หลังมา
“งั้นเราไปรอที่รถนะ”
ผมไม่ได้ตอบไป ยังคงเดินตรงไปยังห้องน้ำ ผมมองหน้าตัวเองในกระจก …อีกครั้งที่ผมใช้มุกเข้าห้องน้ำมาเป็นข้ออ้าง ในการหลีกหนีจากสถานการณ์แบบนี้ น้ำตาที่เก็บกลั้นมาตลอด ไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ผมเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นปิดปาก ไม่อยากให้เสียงสะอื้นมันดังลอดออกมาให้ใครได้ยิน แม้จะมีคนมาเที่ยวน้ำตกไม่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะมีใครเข้ามา
ผมปล่อยให้ตัวเองได้ร้องไห้จนสุด ก่อนจะเปิดน้ำล้างหน้า ให้คราบน้ำตา และความผิดหวังเสียใจบนใบหน้าผมหายไปให้หมด ผมมองหน้าเปียกๆ ของตัวเองในกระจก แล้วบอกกับตัวเองในใจ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเสียน้ำตา ให้มัน ผมจะตัดใจจากมัน ไม่ส่อง ไม่หวัง ปล่อยให้มันได้มีความรักกับคนที่มันแอบชอบ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้มันอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยุ่งให้มากกว่านี้ เพราะอาจเป็นผมที่ทนไม่ได้ จนเผยความในใจออกมากับมันก็ได้
ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด สำรวจดูตัวเองอีกรอบว่า ไม่มีอะไรจะทำให้มันรู้ว่าผมเป็นอะไร ยิ้มให้กับตัวเองในกระจก เป็นการให้กำลังใจตัวเอง ก่อนต้องไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง…
“โอเค สู้ๆ เฮ!” เฮ่อ ดูเหมือนผมจะอกหักจนเพี้ยนไปแล้ว
ผมเดินกลับมาที่รถ เกรตยืนหน้านิ่งกอดพิงรถอยู่ ผมส่งยิ้มให้มัน แต่ดูมันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมาเลย ผมชักใจเสียแล้วสิ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้มันไม่พอใจรึเปล่า หรือผมทำให้มันรอนานเกินไป คงไม่มั้ง....
ผมหยุดยืนตรงหน้ามัน ส่งยิ้มแบบสดใสอย่างเต็มที่ให้มัน แต่มันกลับขมวดคิ้วมาให้ผม
“เป็นไรครับ ทำไมทำหน้าอย่างงั้น”
“ภูมิเป็นอะไรทำไมไม่บอกเรา”
ผมทำหน้ามึน “เป็นไร เราไม่เป็นอะไรสักหน่อย ดูดิสบายดี” ผมส่งยิ้มกว้างให้มัน
“สบายดีแล้วทำไมร้องไห้ล่ะ” ผมหุบยิ้มลงทันที ทำไมมันถึงรู้ว่าผมร้องไห้ล่ะ! หรือหน้ามันยังฟ้องอยู่ ผมเลยรีบหันหน้าหนีทันที
“เปล่าสักหน่อย ร้องไห้ไรล่ะ เมื่อกี้เราปวดขี้เหอะ เลยนานไปหน่อย กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวดึก” ผมว่าแล้วกำลัง
จะเดินเปิดอีกด้านของรถ แต่คำพูดของเกรตก็หยุดผมไว้
“เราไม่ได้โง่นะภูมิ เรารู้ตั้งแต่ภูมิบอกจะเข้าห้องน้ำแล้ว แล้วเราก็เห็นภูมิร้องไห้ในห้องน้ำ” ผมยังเงียบ “ภูมิเป็นอะไรทำไมไม่บอกเราอะ เรามาด้วยกันนะเว้ย มีอะไรก็พูดกันได้นะ หรือว่าเป็นเพราะเรา”
ผมสะอึก น้ำตาที่หายไปแล้ว เหมือนมันกำลังมาอีกครั้ง ผมพยายามกลั้นอย่างที่สุด ก่อนหันไปยิ้มให้มัน
“เปล่าสักหน่อย ไม่เกี่ยวกับเกรตหรอก เราแค่ฟังเรื่องเกรตแล้วเรานึกถึงเรื่องของเราน่ะ มันเลยเศร้าๆ นิดหน่อย” เกรตยังคงไม่เชื่อ ผมยกมือขึ้นขยี้หัวเขาแรงๆ “คิดมากน่า ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ กลับเหอะ”
เขายังคงมองผมนิ่ง ไม่รู้ว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้สีหน้าเขาเหมือนมีความลังเลอะไรบางอย่าง ผมเลยหันหลัง เตรียมเดินไปอีกฝั่งอีกครั้งแต่เสียงเขาก็หยุดผมไว้อีกครั้งเช่นกัน
“เราชอบภูมิ” ผมค่อยๆ หันกลับไปหาเขาอย่างไม่เชื่อหู “คนที่เราแอบชอบ คือภูมิ ตั้งแต่มอปลายแล้ว จนมหาลัย”
“เกรต ไม่ตลกนะเว้ย”
“เราพูดจริงๆ ตอนนั้นเราไม่กล้า แล้วตอนที่เราเจอกันตอนปีสาม เราก็พึ่งคบกับแพรว แล้วเราก็กลัวว่านายคงมีแฟนแล้ว เพราะนายดูมีคนเข้ามาเยอะ ก็เลยพยายามตัดใจ”
“ไม่อ่ะ ไม่จริง”
“จริงๆ นะ …สามสี่เดือนที่เราคุยกันไง ถ้ามันพอจะพิสูจน์อะไรได้บ้างนะ”
“แต่นายยังคบกับแพรวอยู่ แล้วเราก็คุยกันแค่นิดๆ หน่อยเอง”
“จริงๆ ความสัมพันธ์ของเรากับแพรวมันจางลงตั้งเกือบปีแล้ว ตอนที่เราคุยกันบ่อยๆ แพรวก็เจอคนนั้นของเขาแล้ว เราทำใจไว้แล้ว ถึงคิดจะคุยกับภูมิจริงจังไง แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไรอยู่ดี”
“นายก็ยังคงรักแพรวอยู่ใช่มั้ย” ผมยังคงไม่เชื่ออยู่ดี ว่าเขาจะชอบผมจริงๆ เขามีแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เราไม่ปฏิเสธนะ ว่าเรายังมีความรู้สึกดีๆ ให้แพรวอยู่ แต่จนตอนนี้ มันคงเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ ส่วนภูมิ” เขาดึงตัวผมเข้าไปหาเขา “ภูมิคือคนที่เราไม่เคยลืม คนที่เรายังชอบอยู่ และมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ ภูมิคือคนที่เราไม่อยากปล่อยไปอีกแล้ว จริงๆ นะ”
แววตาของเกรตดูมีความจริงจัง และจริงใจอยู่ในนั้น จนผมแทบจะเชื่อทุกคำที่เขาพูดมา แต่พอนึกถึงตลอดวันนี้ ที่เขาแสดงออก มันก็คงยืนยันคำพูดเขาได้พอสมควร แต่ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาชอบผมจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดจะจีบผม เพราะเหงา...
“เราจะแน่ใจได้ยังไง ว่านายชอบเราจริง ไม่ใช่แค่เหงา และเราเข้ามาพอดี”
เขายิ้มกว้างดึงผมเข้าไปกอด “ภูมิไม่ได้เข้ามาพอดี แต่ภูมิอยู่ในนี้ตลอด” เขาจับมือผมทาบไปที่หน้าอกของเขาที่ เต้นแรงไม่แพ้ผม ...แต่มุกนี้ก็ออกจะน้ำเน่าไปหน่อยนะ
“ภูมิยังไม่ต้องเชื่อเราตอนนี้ก็ได้ แต่เราจะจีบภูมิ จนภูมิหลงเราเลยคอยดู” เขากำลังโน้มหน้ามาใกล้ๆ แต่ผมดันตัวเขาออก แล้วถอยห่างออกมาเล็กน้อย
สมองผมประมวลทุกอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่า ควรใช้ใจในการตอบเรื่องนี้ ผมมองหน้าเขายิ้มๆ ก่อนรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“จีบอะไรล่ะ รอมาตั้งนาน จนจะสามสิบอยู่แล้ว แบบนี้ก็คบเลยเหอะ จะได้ไม่เสียเวลา”
เขาเบิกตาโพลง ยิ้มกว้าง ไม่รู้ว่าดีใจ หรือมีอะไรอยู่ข้างหลังผมกันแน่ เขาคว้าผมเข้าไปจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะรู้สึกดี แต่ก็กลัวว่าจะมีใครมาเห็น ผมจึงรีบผละออกจากเขาอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย อายเขาบ้างมั้ยเนี่ย” หน้าผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ไม่กล้าหันไปมองทางอื่นว่ามีใครมองอยู่บ้าง
“ใครสน!” ดูมัน! อะไรจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ “แค่ได้ยินแบบนี้เราก็ดีใจแล้ว เราคิดว่าภูมิไม่ได้ชอบเราซะอีก คิดว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ก็มีสิ ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย” เกรตหุบยิ้มทันที หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด “แต่แม่งไม่กล้า”
“ภูมิ หมายความว่าไง ภูมิชอบใคร” เขาเสียงสั่นๆ สีหน้าสลด จนผมอดสงสารไม่ได้ โธ่เอ้ย! ประโยคก่อนหน้า นี่มันได้ยินมั้ยนะ ก็บอกว่า ‘รอมาตั้งนานแล้ว’ ไง
“เกรตไง รู้จักมั้ยล่ะ” ดูเหมือนมันยังประมวลผลอยู่อีกสักพัก ก่อนยิ้มกว้างออกมา แล้วพุ่งตัวเข้ามาหาผม แต่ผมกันมันไว้ได้ก่อน เพราะรู้ว่ามันจะทำอะไร
“แกล้งเราเหรอ ห้ะ”
“ใครให้โง่ ก็บอกอยู่ว่ารอมาตั้งนาน ไม่รู้เรื่องไง”
“โอเคๆ ได้” แล้วมันก็พยายามจะจูบผมให้ได้อยู่นั่นแหละ แต่มีเหรอผมจะยอม
ผมพยายามใช้แรงทั้งหมดปลุกปล้ำกับมัน จนสุดท้ายมันหลุดออกจากผม แล้วผมก็รีบเดินอ้อมไปอีกด้านของรถทันที
“เปิดรถ จะกลับบ้านแล้ว” มันยังทำหน้ากวนตีนใส่ผมอยู่
“ไม่เปิด”
“จะกลับบ้าน เปิดเร็วๆ”
“ไปกินข้าวกับเรา แล้วเราจะเปิดรถ”
“จะกินที่นี่รึไง เห็นมั้ยเนี่ยว่ามีร้านข้าวมั้ย”
“ครับๆ เปิดก็เปิด แต่เดี๋ยว” อะไรของมันอีก กูอายยยยยยยย!
“สรุปว่า เราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย ภูมิชอบเราใช่มั้ย” โอ๊ยยยย ไองัว! ยังจะเซ้าซี้อะไรอีก ผมว่าที่แพรวเลิกกับมันคงเป็นเพราะมันช่างซักไม่เลิกนี่แหละ
“ไม่รู้โว้ย คิดเอาเองดิ”
มันหัวเราะก่อนกดเปิดประตูรถให้ ไม่วายพอเข้ามานั่งข้างใน มันยังยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มผมได้อีก เอากับมันสิ! เฮ่อออ มันไม่เคยมีแฟนรึไงนะ แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่า ผมเองก็มีแฟนแล้วสินะ! แฟนคนแรกของผมก็คือคนที่ผมแอบชอบ อะไรจะโชคดีปานนี้ รู้สึกดีที่ผมตัดบทไม่จีบ แต่คบไปเลย ก็ในเมื่อเรามีความรู้สึกตรงกันแล้ว แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันชอบผมแค่ไหน แต่รู้แค่ว่าคนที่มันแอบชอบคือผม และมันก็กล้าบอกชอบกับผม แค่นี้ก็คงพอแล้ว ที่เหลือก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปแล้วกัน ไปคิดอะไรมากก็ปวดหัวเปล่าๆ
ผมนั่งพิงเบาะรถอย่างอารมณ์ดี เพลงเพราะๆ กับบรรยากาศดีๆ สองข้างทาง และแฟนคนแรกที่กำลังยิ้มแป้นเป็นคนบ้า นั่งขับรถอยู่ข้างๆ
“ยิ้มอะไรนักหนาวะ ไม่เคยมีแฟนไง” ผมถามมันออกไป
“แฟนน่ะเคยมี แต่ไม่เคยได้เพื่อนเป็นแฟน”
“เพื่อนไรล่ะ แทบไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ มะ ก่อนหน้านี้” มันไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่หัวเราะน้อยๆ เท่านั้น ผมมองไปข้าง บนถนนที่คดเคี้ยว ทอดยาวกลับสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วผมก็นึกได้ว่ามันเป็นการเดินทางกลับที่ให้ความรู้สึกต่างจากตอนมาโดยสิ้นเชิง เพราะผมกลับไปด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความยินดี ไม่ใช่ความอึดอัด
“นี่” ผมพูดขณะยังมองไปข้างหน้า “รู้ปะ ว่าเกรตเป็นแฟน
คนแรกของเราเลยนะ”
เสียงเบรกดังขึ้นอย่างทันที ตัวผมแทบพุ่งไปข้างหน้า ดีว่าผมคาดเข็มขัดไว้ ผมหันไปมองข้างหลังเพื่อดูว่าไม่มีรถตามมา จนอาจชนเรากระเด็นไปไกล
“เชี่ย! ทำเหี้ยไรเนี่ยเบรกทำไม” มันหันมองผมด้วยหน้าตาตื่นเต้น
“ภูมิไม่เคยมีแฟนเลยเหรอ เราเป็นคนแรกเหรอ”
“เออดิ ไปได้แล้วเดี๋ยวเขาด่าเอา”
“จริงๆ หรอ” มันยังคงไม่ออกรถ
“เออ จริงๆ ไปๆ” มันเริ่มเคลื่อนรถไปข้างหน้า แต่หน้าตามันยังเหมือนเจอเงินสิบล้านหล่นอยู่ตรงหน้าอยู่ “เล่นอะไรบ้าๆ วะ ดีไม่มีรถตามมา ไม่งั้นแม่งได้มีแฟนคนแรก พร้อมตายครั้งแรกด้วยเนี่ย เฮ่อ” ผมถอนหายใจออกมายาวๆ แต่ดูเหมือนคนข้างๆ ผมมันจะยังไม่สำนึก และกับประโยคถัดมายิ่งย้ำได้ชัด
“งั้นภูมิก็คงยังไม่เคยมีอะไรกับใครอะดิ” มันถามแล้วยิ้มหื่นๆ มาทางผม ผมขนลุกหน้าร้อนไปหมด แม่งมาถามอะไรเอาตอนนี้วะ
“โอ๊ย! ขับรถไป!”
“หึหึ” มันหัวเราะอย่างน่ากลัว แล้วขับรถต่อไปด้วยหน้าตาหื่นๆ
อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเสียวสันหลังว้าบขึ้นมา ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องเซ็กส์เลยจริงๆ นี่ผมต้องเป็นเมียมันเหรอ? ไม่ๆ ผมต้องหาทางรุกมันก่อน ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งคิดจะมีอะไรกันขึ้นมา โอเคๆ เอาว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาก็ช่างมันไปก่อน แต่ดูจากหน้ามันคิดว่าคงเร็วๆ นี้แน่ๆ นี่ผมกำลังคบกับคนขี้หื่นอยู่รึเปล่าเนี่ย ม่ายยยยย!
อ้อ แต่สุดท้ายทริปนี้ก็ทำให้ผมได้พล็อตเรื่องขึ้นมาจริงๆ นะ แล้วหน้ากระดาษบนโปรแกรมเวิร์ดของผม ก็คงไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป รวมไปถึงที่ว่างข้างๆ กายของผมด้วย!
-จบ-
::TALK::
จบแล้วคร้าบบบบบบ ><
บอกแล้วว่าสั้นมากๆๆๆ แต่ที่แบ่งเป็นพาร์ท ก็เพราะว่าตอนลงพาร์ทแรกเราง่วงมากๆ
ไม่สามารถลงต่อได้จริง บวกกับจำนวนหน้าใน pages แม้จะมี 10 หน้า แต่ถ้าลงตู้มเดียวในนี้
ก็น่าจะยาวน่าดู เลยแบ่งเป็นพาร์ทเอาดีกว่าครับ
.
เอาเป็นว่าก็จบลงไปแล้วกับเรื่องราวสั้นๆ ของเกรตภูมิ
คิดเห็นกันยังไง สนุกไม่สนุก มีติดขัดตรงไหน ก็แนะนำติชมกันเข้ามาได้เลยครับ ><
และท้ายที่สุดนี้ ก็ขอฝากเพจของผมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันด้วยนะครับ
จะได้มาตามกันได้ถูกนะครับ ><
FACEBOOK: https://www.facebook.com/pkplfullstop/
.
ขอบคุณ และสวัสดีครับ