สายตาผู้คนทั้งร้านจับจ้องการปะทะของผู้ชายร่างใหญ่สองคน พาทิศอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวกระชากตัวก่อนจะผลักให้ธามเซล้ม เมื่อรุ่นพี่คนดังตั้งจังหวะได้ก็กำหมัดและชกเข้าเต็มแรงที่ใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นน้อง สองคนฟัดกันนัวไม่กล้ามีใครยื่นมือเข้าไปห้าม เพราะกลัวโดนลูกหลง ก่อนที่การ์ดจะวิ่งวุ่นเข้ามาให้ร้านแล้วห้ามให้ผู้ชายสองคนออกจากกัน
ข้าวของบนโต๊ะล้มระเนระนาด แก้วสองสามใบแตกกระจายที่พื้น คริสต์มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่โดนเศษแก้วกระเด็นบาดขา กระเกงขาสั้นสีขาวยาวเหนือเขาเปียกชุ่มเลือดสีแดงเข้ม แต่เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรกับความเจ็บแสบนี้เลย
“คริสต์! เจ็บหรือเปล่า! คริสต์!” เป็นต้นไม้ที่วิ่งโร่เข้ามาคนแรก เขามองเหตุการณ์ชุลมุนด้วยความตกใจ เพราะอีกคนเขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี รุ่นน้องที่เคยบาดหมางกันมาก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนที่มีเรื่องคงเป็นเขาไม่ใช่รุ่นพี่คนดังคนนี้
จังหวะที่พาทิศผลักธามกระเด็น ก็กวาดเอาแก้วและขวดเครื่องดื่มไถลตามไปด้วย แก้วบอบบางแตกและกระเด็นไปโดนคนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าเรียบเฉยมองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับไม่ได้มองเห็นฉากรุนแรงเบื้องหน้าแม้แต่น้อย ในขณะที่เพื่อนนั่งโต๊ะเดียวกับเขาถอยกรูออกห่างไป จนเลือดไหลจากต้นขาเปื้อนกางเกงขาวจะแดงฉานไปหมด ต้นไม้ที่ยืนสังเกตการณ์อดไม่ได้ที่จะเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เจ็บ”
“ได้ไง เลือดออกเยอะขนาดนี้ ไปหาหมอเถอะ”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง เจ็บกว่านี้ยังทนได้เลย!”
คนถูกตะคอกใส่ผงะตัวออก สีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับไม่เคยรู้จักคน ๆ นี้ ไม่แม้แต่จะใช่คนเดียวกันกับเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ใจดีช่วยตอนเขาเป็นหอบ แววตาวาวโรจน์และเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเฉยเมย เหมือนเขาเคยเห็นสายตาแบบนี้จากไหนคิดไม่ออก
“พาทำไมมีเรื่องกับลูกค้าวะ! ใครจะรับผิดชอบเนี่ย”
“ขอโทษครับเฮีย” คนตัวโตใบหน้าฟกช้ำและมีเลือดออกที่มุมปากพูดด้วยเสียงครางต่ำ ลมหายใจของเขายังรุนแรงด้วยอะดรีนาลีนที่ยังหลังใหล “เดี๋ยวผมจ่ายเอง”
“ก่อนที่มึงจะรับผิดชอบร้านมึงควรไปโรงพักกับกูก่อน” ธามพูดเสียงดัง เขาเคยเจอพาทิศตอนมาที่นี่และรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนของพี่ชายคริสต์ แต่เขาไม่เข้าใจกับคำพูดประกาศกร้าวว่าคริสต์เป็นของรุ่นน้องคนนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อคนตัวเล็กแทบจะอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา ยกเว้นก็แต่ตอนไปเรียน และเมื่อไม่กี่วันก่อน...
“หึ มึงรู้มั้ยว่ากำลังเป็นชู้กับเมียคนอื่น” พาทิศไม่ได้พูดเสียงดัง คนในร้านที่เคยมุงกลับไปยังโต๊ะตัวเพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนชินชา การ์ดที่เคยจับคู่ต่อสู้ทั้งสองคนไว้หมายหัวว่าถ้ามีเรื่องกันอีกจะกลับมาโยนออกนอกร้าน และเดินกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง ดังนั้นคนที่ยืนตรงนี้และได้ยินประโยคที่พาทิศพูดก็คือคนที่เขาอยากให้ได้ยินเท่านั้น
ต้นไม้ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ บทสนทนาและเรื่องราวมันช่างเหมือนกันราวกับว่ามีคนรีรันหนังม้วนเดิมให้ดู เขาหันไปหยิบวอดก้าที่สั่งไว้ขึ้นดื่มทีเดียวจนหมด รสแอลกอฮอล์บาดลึกจนเขาถึงกับย่นหน้า
“ไม้” เสียงแหบเบาเอ่ยขึ้นข้าง ๆ เป็นบาร์เทนเดอร์ที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน นานเท่าไหร่ที่ไม่ได้สบตาคู่หม่นดวงนี้ และนานเท่าไหร่แล้วที่คนสมส่วนกลับผอมบางจนไม่เหลือเค้าเดิม
“ปูน...”
ราวกับเดจาวูที่ทุกคนในเหตุการณ์วันนั้นมารวมตัวกันที่นี่ คริสต์คิดมาเสมอว่าวันหนึ่งทุกอย่างมันจะต้องจบลง และเขารู้ว่ามันไม่มีทางจบด้วยความสุขดั่งนิยายเจ้าชายเจ้าหญิง ก็ในเมื่อเส้นเรื่องมันช่างโหดร้ายและยาวนานราวศตวรรษสำหรับเขา จุดจบมันไม่มีทางที่ทุกอย่างจะราบเรียบราวกับย่ำบนกลีบกุหลาบแน่นอน
“อย่ามากวนตีนกู และก็หยุดพูดพล่อย ๆ ใส่คริสต์ได้แล้ว”
“แฟน? หึ มึงถามเขายัง” ที่พาทิศพูดด้วยความมั่นใจก็เพราะในคืนนั้นโทรศัพท์ของคริสต์มีข้อความหลายสิบเมสเสจจากคน ๆ เดียว และจากบริบทเหมือนจะเป็นรุ่นพี่คนดังเว้าวอนคนของเขาเสียมากกว่า “อย่าหลงตัวเองดิครับรุ่นพี่”
ประโยคยียวนของพาทิศทำเอาธามมือสั่นแทบจะอยากต่อยหน้ารุ่นน้องเต็มทน เขายกมือใช้นิ้วเช็ดเลือดออกจากมุมปากลวก ๆ ก่อนจะเดินไปหาคริสต์ที่ยืนกอดอกอยู่ “ยูกลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวนี่เลือดออกหรอ โดนอะไร”
“ไม่เป็นไร”
ยังไม่ทันที่ธามจะถามอะไรต่อ ร่างเล็กก็ถูกดึงแขนไปต่อหน้าต่อตา คนตัวเล็กเดินตัวปลิวตามแรงฉุดกระชากไปกับรุ่นน้องตัวยักษ์ ก่อนจะออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ธามรู้สึกว่าตัวเองเหมือนขยะกองโตที่ถูกทิ้งไว้ในที่แห่งนี้ สายตาของผู้คนที่มองมาอย่างเวทนา เขามาทำอะไรที่นี่ เรื่องเมื่อครู่คืออะไร ทำไมเขาต้องกลายมาเป็นไอ้โง่ในสายของของทุกคน
คริสต์คิดจะทำอะไรกันแน่
แล้วความรู้สึกของเขาล่ะ
มันไม่มีค่าพอเลยหรือไง!ต้นไม้มองภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เห็น คริสต์ที่เขาคิดว่าช่างเหมือนกับข้าวปั้นคนนั้นเหลือเกิน จนรู้สึกว่าความรู้สึกผิดบาปที่เกิดขึ้นมันจะแทนกันได้มั้ยถ้าเขาจะเริ่มทำดีกับใครสักคนจริง ๆ แต่พอเห็นสายตานั้นที่ยังติดตรึงในความคิดเขา ก็เริ่มไม่แน่ใจ ว่าการที่จะทำแบบนั้นมันถูกคนหรือเปล่า?
จู่ ๆ ต้นไม้ก็รู้สึกร้อนหน้าอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขามึนหัวจนยืนแทบไม่อยู่ เซล้มลงเก้าอี้ข้าง ๆ ความปวดหัวแล่นผล่านขึ้นมาที่สมอง ร่างสูงขมวดคิ้วจนหน้ายับไปหมด เขาพยายามหายใจแม้จะยากและรู้สึกเหนื่อยหอบ มือใหญ่และใบหน้าเริ่มชื้นเหงื่อ
“ไม้เป็นอะไร!”
“มะ ไม่รู้ ฮะ ทำไมปวดหัวขนาดนี้”
ปูนชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน อาการแบบนี้เหมือนเขาเคยเห็นมันมาก่อน เรื่องที่เขาไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นในคืนนั้น และเปลี่ยนมันไปตลอดกาล แม้ในตอนนั้นปูนจะชอบพาทิศมากถึงขั้นแอบดีใจทั้งที่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะพาทิศโดนมอมยาก็ตาม
“ลุกขึ้น เดินไหวหรือเปล่า”
“จะ พา ไปไหน”
“ไม่ใช่คำถามที่จะถามตอนนี้”
ปูนพยุงผู้ชายที่ตัวไม่ต่างกัน แม้ตอนนี้ตัวเองจะผอมลงแต่ก็ยังมีแรงมากกว่าผู้ชายที่ตอนนี้แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วก็ได้แต่งุนงงกับสิ่งที่เห็น รุ่นพี่ธามคนดังมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย
เขาสังหรณ์ใจอยู่แล้วตั้งแต่เห็นคริสต์ว่าอะไรทำนองนี้ต้องเกิดขึ้น
การกลับมาเพื่อล้างแค้นคงไม่ได้แค่ในนิยาย
ความเจ็บที่คริสต์และข้าวปั้นได้รับมันเทียบไม่ติดกับสิ่งที่พวกเราเจอ
แล้วเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดนะ เขาไม่มีแรงแล้วห้องคับแคบอับชื้นเพราะราคาเช่าแสนถูกเป็นที่ซุกหัวนอนของปูน ของใช้จำเป็นจัดวางเป็นระเบียบ มีเพียงโต๊ะอ่านหนังสือและเตียงขนาดสามฟุตครึ่งอยู่คนละด้าน
ปูนรีบวางต้นไม้ที่เตียงก่อนจะกุลีกุจอหากะละมังและผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาคนที่เอาแต่ขมวดคิ้วตลอดทางที่กลับ มือใหญ่กำหมัดแน่นเหมือนกำลังบังคับไม่ให้อาการที่มันปะทุในร่างกายแสดงออกมา ปูนขับรถต้นไม้กลับมายังดีที่เขาไม่ได้เปลี่ยนรถเลยจำทะเบียนได้
“นะ น้ำ ขอน้ำหน่อย”
“มีแต่น้ำก๊อกกินได้หรือเปล่า” เพราะต้องประหยัดบางทีเลยต้องกินน้ำก๊อกแทน วันนี้น้ำที่ซื้อมาตุนไว้ก็หมดอีก
“เอามาเถอะ ฮะ” ต้นไม้ขดตัวคุดคู้กับเตียงแคบ ๆ เหงื่อชื้นเต็มใบหน้า มือใหญ่เริ่มสั่นระริกและคนตัวโตเริ่มเข้าใจกับอาการที่กำลังเผชิญ เพราะความต้องการทางกายเริ่มชัดเจน แม้พยายามจะต่อต้าน แต่เพราะอำนาจยาที่กำลังกดทับเส้นประสาททำให้เขาระงับความต้องการไม่ได้
“มาแล้ว ลุกได้มั้ย”
ต้นไม้ไม่ได้คว้าแก้วน้ำแต่กลับคว้ามือของคนที่กำลังยื่นแก้วให้ สายตาคมกำลังมองลึกเข้าไปในแววตาที่มีแต่ความหม่นหมอง มันไม่สดใสและท้าทายเหมือนไม่ก่อน แต่นี่ยังเป็นปูนคนเดิมหรือเปล่า? ใช่ไหม?
“ปูน ชะ ใช่ปูนหรือเปล่า”
“อื้อ เราเอง”
“ปูนคนเดิมใช่ไหม
“...”
“ขะ ขอโทษ นะ”
“...” ปูนมองคนตรงหน้าที่อาการไม่สู้ดีนัก เสียงหอบหายใจและสายตาสะท้อนว่าเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ ปูนไม่เคยขอโทษใคร...
“มีเซ็กซ์กับเราที”“...”
“ชะ ช่างมัน ออกไปก่อนได้มั้ย เราต้องทำให้มัน...ออกไป”
ปูนวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเล็กที่เอาไว้สำหรับกินข้าว ก่อนเข้าจะหันกลับไปหาคนที่กำลังกำข้อมือที่เริ่มชื้นเหงื่อไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อยแล้วกอดคนที่กำลังกำหนัดด้วยฤทธิ์ยาเอาไว้ ปูนไม่ได้พูดอะไรเพียงกอดต้นไม้ไว้แนบอก ใจหนึ่งเขารู้สึกไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ต้นไม้หมายถึงคืออะไร แต่ใจหนึ่งเขาก็กลัว กลัวมันจะซ้ำเดิมเหมือนครั้งนั้นที่เคยเจอ มันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่
“ไม้ ต้นไม้ใช่มั้ย”
อ้อมกอดแรกที่คนผอมบางได้รับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก หว่าเว้ ไร้ที่สิ้นสุด ไม่รู้จะจบที่ไหน คำปลอบโยนที่ทำได้แค่มอบให้ตัวเองมาตลอด แม้วันนี้มันจะเป็นอ้อมกอดที่รุ้งริ้งด้วยความรู้สึกที่ขาดแหว่ง แต่มันก็ดี ดีเหลือเกิน
คนถูกกอดเหมือนโดนกระตุ้นทางอารมณ์เพียงได้สัมผัสร่างบอบบางที่คุ้นเคย ต้นไม้ใช้แรงที่จู่ ๆ ก็มีกำลังขึ้นมาผลักปูนจนเซล้มหลังกระแทกเตียง คนใต้อาณัติไม่ได้ดูตกใจ เหมือนเตรียมใจรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ขะ ขอโทษที่กลับมาเจอกันแบบนี้”
“ไม่เป็นไร” มือผ่ายผอมสัมผัสใบหน้าคนที่กำลังคร่อมตัวเองอยู่ ใช้สายตาอันอ่อนล้ามองดวงตาคมฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ยาพิษ
แรงกำหนัดที่พุ่งพล่านเต็มร่างกายทำให้ต้นไม้แทบยั้งแรงราคะไม่อยู่ เขาพุ่งจูบปูนด้วยความต้องการทั้งหมดที่มี พยายามครองสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากให้คนที่ต้องรับเคราะห์ต้องรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
คนใต้ร่างหายใจติดขัด ได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในปาก แรงอารมณ์ของปูนไม่ต่างจากสัตว์ป่าในช่วงหาคู่ ฟีโรโมนอันพลุ่งพล่านทำเอาร่างกายแกร่งจับตรงไหนของปูนก็เจ็บแสบไปเสียหมด เขาเลยตัดสินใจพลิกตัวเองขึ้นไปคล่อมคนด้านบนแทน ไม่เช่นนั้นตัวเองคงเจ็บกว่าที่ควรจะเป็น และเขาก็ห่างหายจากเรื่องนี้ ครั้งล่าสุดก็เกิดขึ้นกับคน ๆ นี้นี่แหละ
“อดทนหน่อยนะ เราจะช่วย”
ต้นไม้หอบหายใจถี่ มองคนด้านบนทำอะไร ๆ เหมือนที่เคยทำ ภาพความจำเก่าก็ฉายชัดเข้ามาในหัว ปูนที่ร้อนแรงยังคงทำทุกอย่างให้เขารุ่มร้อนได้เสมอ จัดการตระเตรียมตัวเองและสวมเครื่องป้องกันก่อนจะยกสะโพกแล้วทำให้แก่นกายที่พร้อมด้วยฤทธิ์ยาเข้าไปในตัวของอีกคน ปูนนิ่วหน้าจากการไม่ได้ทำกับใครมานาน ก่อนจะค่อย ๆ ให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ต้นไม้อยากเร่งให้มันรุนแรงและลึกซึ้งอย่างที่ใจต้องการ แต่พอตั้งสติได้ก็คิดว่าไม่ควรทำแบบนั้น แค่คนตัวผอมขยับโยกบนตัวเขามันก็แทบจะไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว ถ้าทำตามใจนึกปูนคงเจ็บทั้งตัวและใจ
ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือไง เคยทำกับเขาไว้ยังไง คราวนี้ก็ได้รับคืนอย่างสาสม
เขาไม่คิดว่ายาสามานย์มันจะกัดกร่อนจิตใจมนุษย์ได้ขนาดนี้
แล้วครั้งนั้นที่พาทิศได้รับมัน ปูนจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า
แค่คิดก็เกลียดตัวเองจนไม่อยากอยู่บนโลก เขารังเกียจตัวเองแทบอยากจะแร่เนื้อคนเลวเป็นชิ้น เมื่อนึกย้อนสิ่งที่เคยทำ ถ้าเป็นไปได้เขาต่างหากที่ควรจะจากโลกนี้ไป ไม่ใช่ข้าวปั้น และทุกคนก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้
สองร่างในอ้อมกอดที่แนบแน่น ทุกส่วนในร่างกายสัมผัสกันราวกับจะรวมเป็นเนื้อเดียว ค่ำคืนอันแสนยาวนานไม่รู้จุดจบว่าจะผ่านไปแบบไหน แต่ก็มีความหวังเล็ก ๆ ที่ขอให้มันจบลงอย่างไม่เลวร้าย และให้มักลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่จะดีกว่าเดิม
ใจสองดวงภาวนากับแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านม่านเก่าสีมอ—————-
#มาทีหลังรบกวนต่อคิว
ใกล้แล้วค่ะ ทุกอย่างมันจะถูกเปิดโปงแล้ว
อาจจะนานแต่รู้แล้วนะคะว่าใครคือคนตัวดี!!
เรือไม้ปูนยังพายกันอยู่หรือเปล่า กลับมาเก็บเศษไม้พายเร็ว555555555
อีกไม่นานจะจบแน้วววว หรอ
บอกแล้วว่าจะเขียนไม่ยาว งุงิ
ต้องการเมนต์ให้กำลังใจจจจ ด่วนมาก5555555
@mifenbeexx