พวกผมยืนคุยกันได้สักพัก พี่กราฟฟิกก็ชวนให้ทุกคนให้ไปนั่งชิล คุยไปกินไปที่โต๊ะซึ่งพี่กราฟฟิกเป็นคนจัดเตรียมเอาไว้ให้ รวมถึงอาหารทุกอย่างที่อร่อยสมกับเป็นร้านอาหารชื่อดังในย่านนี้เลยครับ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเดินรับลมชมวิวกันคนละมุม
รวมถึงผมกับไอ้โฟโต้...
ผมกับมันยืนดูวิวตอนกลางคืนด้วยกัน สายลมพัดพาความหนาวเย็นมาปะทะร่างกายของผม อากาศอันบริสุทธิ์แบบนี้ มันช่วยให้ผ่อนคลายได้มากเลยครับ ยิ่งได้เห็นดวงดาวที่เกลื่อนฟ้ากับดวงจันทร์ที่คล้อยไปตามช่วงเวลาด้วยแล้ว นับว่าเป็นวิวที่ราคาแพงได้เหมือนกันครับ
“พี่เต้...”
“ว่าไง” ผมพูดโดยไม่หันไปมองหน้ามัน
“...ผิดหวังหรือเปล่าครับ ที่ผมไม่ได้เป็นเดือนคณะ”
ผมชะงักไปกับน้ำเสียงปนเศร้าของมัน ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่กำลังมองผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว ผมยิ้มแบบสบายๆ และพูดกับมันเหมือนไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับเรื่องนี้
“ไม่หรอก กูดีใจเสียด้วยซ้ำ ไอ้ตอนที่พิธีกรประกาศให้ไอ้นัทได้ตำแหน่งเดือนคณะ”
“แปลว่าพี่ไม่อยากให้ผมได้ตำแหน่งนั้นตั้งแต่แรก แต่อยากให้ไอ้นัทได้แบบนั้นใช่ไหมครับ”
ผมแอบขำเบาๆ กับสีหน้าที่ดูเหมือนเด็กกำลังน้อยใจของมัน
“ก็เออดิ ขืนมึงได้ไปต่อ มีหวังได้ทำกองประกวดของมหา’ลัยเขาวุ่นวายกันพอดี”
“ผมดูเป็นคนวุ่นวายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน”
ผมมองดูคนที่ละสายตาไปมองวิวด้านล่าง ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่ผมอีกแหนะ มันคงไม่รู้หรอกครับ ว่าไอ้การทำหน้าตาเหมือนเด็กเล็กโคตรจะขัดกับหน้าของมันจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้เลย แถมยังดูน่าแกล้งเข้าไปอีก
“หัวเราะอะไรของพี่เนี่ย”
มันหันมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ผมจะหยุดหัวเราะและยิ้มกริ่มอย่างนึกอะไรขึ้นได้
“มึงจะคิดมากทำไมกับเรื่องพวกนี้วะ...”
ผมเหลือบไปมองไอ้โฟโต้ที่ยังคงมึนงงกับสิ่งที่ผมกำลังพูดออกไป ก่อนที่ผมจะสูดลมหายใจเข้าลึก แสร้งมองไปข้างหน้าและพูดต่อ
“...อันที่จริง ตำแหน่งรองเดือนคณะมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก” ก่อนที่ผมจะหันไปสบตากับมันที่รอคอยประโยคถัดไปจากผม
“เพราะอย่างน้อยมึงก็จะได้เป็นรองเดือนคณะคู่กับกูไง”
มันยิ้มแก้มปริทันทีที่ผมพูดจบ ขณะที่ผมแกล้งหันไปมองทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย
“พี่ฮ่องเต้...” ไอ้โฟโต้เรียกผมเสียงดุ
“อะไร?”
“...หยุดทำตัวน่ารักสักพักเถอะครับ ผมจะคลั่งตายอยู่แล้วนะ”
ผมย่นจมูกใส่มันอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะเอาแต่จ้องมาที่หัวของผมเหมือนกับว่ามีอะไรผิดปกติ จนผมอดหันไปมองหน้ามันเป็นเชิงถามว่ามีอะไรอย่างเสียไม่ได้
“มีอะไรติดอยู่ที่ผมของพี่ไม่รู้ เดี๋ยวผมเอาออกให้นะครับ”
พูดจบมันก็เอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างออกจากผมด้านข้างของผม ก่อนที่มันจะชักมือกลับมา ผมมองตามกำปั้นของมันแบบงงๆ
“อะไรติดผมกูวะ”
มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบ “ความรักครับ”
“...”
“พอดีความรักของผมมันติดผมพี่ ผมเลยช่วยเอาออกให้”
“กวนตีน”
มันหัวเราะออกมาเบาๆ “พี่ไม่เชื่อผมเหรอ”
“ไม่...” ผมตอบก่อนจะหมุนตัวกะจะเดินหนีมุกเอือมๆ ของมัน ทว่าไอ้โฟโต้กลับเอามือมารั้งแขนผมไว้ให้หันกลับมา
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ถ้าพี่ไม่เชื่อเนี่ย ผมพิสูจน์ให้พี่ดูก็ได้นะครับ ว่าไอ้ที่ติดอยู่ที่ผมพี่เนี่ย มันคือความรักของผมจริงๆ หรือเปล่า”
ผมชะงักอย่างช่างใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยืนกอดอกมองหน้าอย่างท้าทาย
เอาสิครับ จะเล่นอะไรอีก เอาเล้ย เอาให้เต็มที่!
“ไหน พิสูจน์มาดิ”
มันมองผมด้วยสีหน้าพอใจสุดๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปที่หลังหูของผมอีกครั้ง ผมมองตามการกระทำนั้นอย่างไม่คิดอะไร จนกระทั่งมันดึงมือกลับมาพร้อมกับกำมือขึ้นมาตรงหน้าของผม
“นี่ไงครับ ความรักของผม”
ก่อนที่มันจะขยับมือและปล่อยให้สร้อยเส้นหนึ่งทิ้งตัวลงมาตรงหน้าผม มันเป็นสร้อยตัวอักษรย่อธรรมดานี่แหละครับ แต่มันกลับทำให้ใจของผมเต้นไม่หยุด ผมได้แต่มองหน้ามันสลับกับสร้อยเส้นนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อะ...อะไร”
“ของขวัญชิ้นแรกสำหรับพี่ ในฐานะแฟนยังไงล่ะครับ” ก่อนที่มันจะเดินอ้อมไปข้างหลังและสวมสร้อยเส้นนั้นให้ผมอย่างเบามือ
“ผมไม่รู้ว่าพี่จะชอบมันไหม แต่ผมก็ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อพี่...มันมีแค่เส้นเดียวบนโลก”
ไอ้โฟโต้เดินกลับมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง มันมองสร้อยเส้นนั้นก่อนที่จะเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้าผมที่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็มันอดยิ้มไม่ได้จริงๆ นี่ครับ
“มึงแย่งแผนเซอร์ไพรส์กูไปหมดแล้ว รู้ตัวไหม” ผมว่าอย่างขำๆ ก่อนจะล้วงกล่องในกระเป๋ากางเกงออกมาและหันไปสบตากับคนตรงหน้า
“ไหนๆ มึงก็เซอร์ไพรส์กูมาเยอะแล้ว กูให้มึงตรงๆ เลยก็แล้วกันเนอะ”
ผมยื่นกล่องเล็กให้ไอ้โฟโต้ มันมองผมด้วยความตื่นเต้นก่อนจะรับกล่องนั้นไปถือไว้
“เปิดดูดิ” ผมบอก
“อะไรครับเนี่ย พี่กำลังทำให้ผมตื่นเต้นนะ”
ผมมองมันที่ค่อยๆ เปิดกล่อง ก่อนที่มันจะทำตาโตเมื่อเห็นของในนั้น มันเป็นที่คั่นหนังสือที่ทำจากเหล็กพร้อมกับที่ห้อยเล็กๆ เป็นรูปการ์ตูนผู้ชายสองคนและตัวอักษรย่อของผมกับมัน
“ตอนแรกกูกะจะให้เป็นของขวัญวันเปิดสายรหัส แต่พอดีกูเพิ่งได้ของ เลยเอามาให้วันนี้แทน”
ไอ้โฟโต้ยิ้มดีใจได้แค่นิดเดียว มันก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมาให้ผมแทน
“หมายความว่าพี่ก็ให้ที่คั่นหนังสือกับไอ้นัทด้วยสิครับ”
ผมมองหน้ามันอย่างเหลืออด อะไรๆ ก็น้อยใจไอ้นัทไปเสียหมด มันนี่จริงๆ เลย
“ใช่...” ผมตอบไปตามความจริง ก่อนที่จะมองหน้ามันแบบเขินๆ “...แต่ที่ห้อยของไอ้นัท มีแค่มันคนเดียวนะ”
ไอ้โฟโต้เงยหน้าขึ้นมามองผมแทบจะทันที “แสดงว่าพี่เลือกผมตั้งแต่แรก”
“ที่เป็นอยู่นี่ยังไม่ชัดเจนพออีกหรือไง”
“พี่เต้...”
“อะไรอีก!?” เรียกกูอยู่นั่นแหละเฮ้ย
“...น่ารักกับผมอีกแล้วนะครับ” มันเว้นจังหวะก่อนจะเดินเข้ามาเบียดผม...ทำบ้าอะไรวะเนี่ย “...ถ้าผมอดใจไม่ไหวแล้วทำอะไรพี่ตรงนี้ พี่จะมาโวยวายทีหลังไม่ได้แล้วนะครับ”
และมันก็ดันผมจนหลังชิดขอบกำแพง (ไอ้ที่กั้นไม่ให้ผมร่วงลงไปจากดาดฟ้าลั่นและครับ) ผมเผลอมองลงไปข้างล่างอย่างนึกกลัว ก่อนที่จะสะดุ้ง เมื่อไอ้โฟโต้มันทะลึ่งเอามือมาคว้าเอวผมไว้และดึงตัวผมให้เข้าไปชิดกับตัวมัน ทำให้หน้าของเราตอนนี้อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
มันยิ้ม ขณะที่ผมใจกระตุกวูบ...
สายตาของมันมองสำรวจใบหน้าของผมตั้งแต่หน้าผากจนกระทั่งริมฝีปากของผม ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบก่อนที่มันจะค่อยๆ จรดริมฝีปากทาบทับลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบา มันขยับริมฝีปากไปเรื่อยๆ และร้อนแรงขึ้นราวกับต้องการแสดงให้ผมเห็นถึงความต้องการของมันที่เอ่อล้น ผมเองก็ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเช่นนั้น ก่อนที่ผมจะขยับรับรสจูบจากคนตรงหน้า ทว่า...
เสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นทำให้เราต้องผละออกจากกันด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองไอ้สีฝุ่นที่เป็นตัวการในการสร้างความอับอายให้กับผม พร้อมกับสายตาอีกหลายคู่ที่มองมาทางผมสองคนอย่างล้อเลียน
พวกแม่งนี่...ขัดจังหวะผมดีแท้ อย่าให้ถึงตาพวกมันบ้างนะ ผมสาบานได้เลยว่าจะเข้าไปขัดจังหวะพวกมันยันบนเตียงเลยเหอะ
“สวีทกันไม่เกรงใจพวกกูแบบนี้ พรุ่งนี้พวกมึงไปตรวจสุขภาพด้วยนะเว้ย” ไอ้นิวยังคงเป็นตัวตั้งตัวตีในการแซวผมไม่หยุดไม่หย่อน ก่อนจะพ่วงมาด้วยสีฝุ่นที่กลายเป็นน้องรักไอ้นิวมาแต่ไหนแต่ไร
“ทำไมอ่ะ เฮียนิว”
“ก็เผื่อเบาหวานจะขึ้นตา มองไม่เห็นอะไร จนนึกว่าพวกมันอยู่บนโลกกันแค่สองคนไง”
และเสียงโห่แซวก็ดังตามมาอีกเพียบ
“ผมว่าเราอย่าไปขัดจังหวะเขาสองคนเลยครับ เดี๋ยวขาดความหวานต่อเนื่องพอดี”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้องกาฟิวด์พูดอะไรทำนองนี้กับเขา แต่มันกลับไปเข้าทางไอ้สีฝุ่นเข้าเสียอย่างนั้น
“นั่นสิครับ เราอย่าไปขัดจังหวะเขาเลยเนอะ พี่ว่า...เราไปหาจังหวะของเราเองดีกว่า” พูดจบไอ้สีฝุ่นก็หันไปคว้าแขนน้องกาฟิวด์ทันที แถมยังออกแรงลากพาน้องเขาไปโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของเจ้าตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่พวกผมได้แต่มองตามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ไอ้นิวจะหันหน้ามามองผมและยิ้มกริ่ม
“ไงมึง จะสวีทกันต่อป่ะ กูจะได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก”
ดูมันพูดเข้า แถมยังทำหน้าท้าทายผมอีกต่างหาก เดี๋ยวเหอะ ไอ้นี่หนิ...
“พอได้แล้วไหม” ผมอดหันไปค้อนใส่มันไม่ได้
“เออๆ ไม่ขัดความสุขมึงก็ได้วะ เอาเป็นว่าอย่าสวีทกันจนตื่นสายนะเว้ย อย่าลืมว่าพรุ่งนี้มีเรียน” พูดเสร็จก็รีบทิ้งเพื่อนอย่างผมไว้กับแฟนหมาดๆ อย่างไอ้โฟโต้ทันที
ดีครับ คิดจะไปก็ไปกันแบบนี้เลย
ตอนนี้ เลยกลายเป็นว่า เหลือแค่ผมกับไอ้โฟโต้กันสองคน ไม่สิ ยังเหลือพี่กราฟฟิกอีกคนหนึ่งครับ
“พี่เตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ไหนๆ ก็เป็นแฟนกันแล้ว นอนด้วยกันคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ”
พี่กราฟฟิกทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินจากไป สงสัยพี่คงยังไม่รู้ว่าน้องชายของพี่มันบังคับผมนอนที่ห้องมันสินะ
แต่เดี๋ยว...เตรียมห้อง? นอนด้วยกัน?
“นี่กูต้องนอนที่นี่? กับมึง?”
แบบที่ไม่บอกกูล่วงหน้าเลยด้วย
“ใช่ครับ...”
ยังมีหน้ามายิ้มอีก
“แต่กูไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ แล้วอีกอย่างทำไมกูต้องนอนกับมึงด้วย”
ผมเริ่มโวยวายที่มันทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวผมก่อนเลยสักนิด ไม่ถงไม่ถามสภาพจิตใจของผมเลยสักคำ ก็ตอนนี้ ดูเหมือนผมจะใจอ่อนง่ายๆ กับมันไปเสียหมดนี่ครับ ขืนมัน...เกิดขอ...อะไร...
ผมจะทนใจร้ายกับมันได้นานแค่ไหนกัน!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้พี่หมดแล้ว” มันเว้นจังหวะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “หรือว่าพี่ไม่อยากนอนกับผมเหรอครับ”
มันมาแล้วครับ ไอ้สายตาแบบนี้...เหมือนจะอ้อน แต่ก็เจ้าเล่ห์
“ใครจะไปอยากนอนกับมึง”
“แต่พี่ก็นอนมาแล้วนี่ครับ”
“นั่นมึงบังคับกูไหมล่ะ”
“งั้นครั้งนี้ผมก็บังคับพี่”
“เฮ้ย! ไอ้เด็กนี่...” จะด่าอะไรไปก็ด่าไม่ลงเสียอย่างนั้น ยิ่งเห็นหน้ามันที่กำลังพยายามออดอ้อนผมด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า” มันว่าก่อนจะเปลี่ยนเป็นมองผมด้วยแววตาจริงจัง “ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกครับ ถ้าพี่ไม่เต็มใจ”
ผมมองหน้ามันอย่างชั่งใจ จะเชื่อได้ไหมครับ กับคำพูดของไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ตรงหน้าผม อันที่จริง ผมไม่ไว้ใจตัวเองมากกว่าครับ กลัวว่าจะใจอ่อนยอมตามใจมันง่ายๆ
“เออ ถ้ามึงไม่ทำตามที่พูด กูถีบมึงแน่”
คำพูดของผมทำให้ไอ้โฟโต้หัวเราะออกมาอย่างนึกขำก่อนที่มันจะเอื้อมมือมาจับมือผม
“ไปกันเถอะครับ”
และผมก็ได้แต่ปล่อยให้เด็กปีหนึ่งอย่างไอ้โฟโต้ฉุดผมให้ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน มือของมันส่งผ่านความอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจของผม มันกระชับมือผมแน่นเพื่อพิสูจน์ว่ามันจะไม่มีทางปล่อยมือจากผมไปอย่างแน่นอนและเพราะผมเองก็เชื่อแบบนั้น ผมจึงกระชับมือของตัวเองและก้าวไปข้างหน้าอย่างด้วยความมั่นใจ
จนกระทั่ง ถึงประตูทางออกของดาดฟ้า โฟโต้หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มของมัน ก่อนจะหันไปเปิดประตูและพาผมออกไปจากความทรงจำอันสวยงาม ณ สถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าผมจะเจออะไร สายใยแห่งความทรงจำจะนำพาให้ผมผ่านพ้นทุกเรื่องราวไปพร้อมกับคนที่รักผมมากที่สุด
ผมมีความสุขและอยากจะขอบคุณมันด้วยใจจริง ที่มันตัดสินใจที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของผม โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
นับจากนี้และตลอดไป เพียงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด คือผู้ชายที่ชื่อ... โฟโต้ รหัส 178
SS2 Coming Soon
จบแล้ว จบแล้วอ่าาาา
ใจหายเหมือนกันนะ ขอบอกเลย แต่อย่าลืมติดตาม SS2 กันด้วยนะ ตอนนี้ขอพักหายใจหายคอให้ทั่วท้องก่อนนน ฮ่าๆ
ขอบคุ๊นักอ่านที่คอยติดตาม ช่วยอุดหนุนและให้กำลังใจกันมาตั้งแต่ตอนแรกนะคะ เรื่งนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนมาได้ขนาดนี้ (หลังจากที่ผ่านมาคือไม่เคยถึงสิบตอน ฮ่าๆ ) เอาไว้ไปเม้ามอยกันในทวิตเตอร์กันได้น้า และจะกลับมาพร้อมกับเรื่องใหม่ จะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามกันได้เลยจ้าาาา