คอนโดฯ ของธันวาอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก อันที่จริงเขาไม่ได้อยู่คอนโดฯ นี้ตั้งแต่แรก แต่ที่เก่ามันอยู่ไกลเกินไปเขาเลยย้ายมาอยู่ระแวกนี้ สารภาพจากใจจริงว่าเขาอยากให้รวินทร์ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทั้งชวนก็แล้ว หว่านล้อมก็แล้ว บังคับก็แล้ว แต่รวินทร์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมสักที เจ้าตัวให้เหตุผลว่าถ้าอยากคบกันยืนยาวก็ต้องมีระยะห่างต่อกันบ้าง ยกเว้นว่าเขาจะพาพ่อแม่มาขอแต่งงานเท่านั้นแหละจึงจะยอมย้ายมาอยู่ด้วย ซึ่งพอธันวาได้ยินแบบนั้นแล้ว...
รอให้พ่อแม่เขากลับมาจากต่างประเทศก่อนเถอะ จะรีบดำเนินการให้ไวที่สุดชนิดที่รวินทร์เก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับเขาไม่ทันเลยทีเดียว
"คุณอาบน้ำก่อนเลยนะครับ ผมว่าจะไปยืนตากลมที่ระเบียงสักหน่อย" รวินทร์ว่าพลางเดินไปเลื่อนบานประตูออก เขาชอบวิวกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน ภาพแสงสีที่ตัดกับความมืดของท้องฟ้ายามกลางคืนสำหรับเขามันดูสวยงามมาก มองแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ
"จะอาบด้วยกันก็ได้นะ ผมกำลังหาคนถูหลังอยู่พอดี"
...จะมีก็แต่คนบางคนแถวนี้ที่ทำลายอารมณ์สุนทรีย์ยามค่ำคืนของเขาเท่านั้นแหละ
"อาบไปเลยครับ อาบนานๆ เลย"
อีกฝ่ายเพียงแค่หัวเราะเบาๆ หลังจากนั้นไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวก็ดังขึ้น รวินทร์หันมาสนใจวิวตรงหน้าต่อ แต่ชื่นชมทัศนียภาพได้ไม่เท่าไหร่โทรศัพท์ข้างตัวก็สั่น ส้มเช้งโทรมาลางานพรุ่งนี้เพราะเมื่อตอนเย็นตากฝนกลับบ้านไข้เลยขึ้น หลังจากกำชับให้ลูกน้องดูแลตัวเองอยู่สักพักรวินทร์ก็วางสาย พอดีกับที่ใครอีกคนอาบน้ำเสร็จ
"คุยกับใครอยู่"
รวินทร์หันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน ถึงแม้จะคบกันมาสามปีกว่าแถมยังเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยกันไม่รู้กี่ครั้ง แต่การที่อีกฝ่ายนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบหมิ่นเหม่แล้วมายืนตรงหน้าก็ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ไม่น้อย
พูดให้ถูกคือทุกอย่างที่เป็นธันวาทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้หมดแม้ว่าอายุจะไม่ใช่น้อยๆ แล้วก็ตาม
"ส้มเช้งครับ"
"เรื่องงานเหรอ"
"ครับ"
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร เดินกลับเข้าห้องไปเปิดตู้เย็นแล้วกลับมาพร้อมไวน์สองกระป๋องในมือ รวินทร์รับมาหนึ่งกระป๋อง มองตามธันวาที่เดินมาพิงราวระเบียงข้างๆ ตัวเองก่อนจะเอ่ยอย่างเสียไม่ได้
"ไปใส่เสื้อผ้าก่อนสิครับ"
"ที่พูดนี่คือกลัวผมเป็นหวัด กลัวคนอื่นเห็นผม หรือกลัวตัวเองจะเลือดกำเดาไหล"
"กลัวเป็นหวัดอย่างเดียวครับ สองข้อหลังนั่นคุณมโนไปเอง"
"เพิ่งรู้ว่าแฟนผมปากแข็งก็วันนี้แหละ"
ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจกับคำพูดที่แสนจะหลงตัวเองนั่น เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นธันวาจะดูเป็นผู้ใหญ่ มีมาดนิ่งๆ เคร่งขรึมตามสไตล์นักธุรกิจ แต่พออยู่กับเขาสองต่อสองอีกฝ่ายจะกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบเอาแต่ใจ แถมยังชอบพูดจาแทะโลมเหมือนวัยรุ่นหัดรักทั้งที่อายุก็ใกล้จะเลขสามแล้ว
"เอาเป็นว่าผมจะคิดซะว่าคุณหวงร่างกายผมก็แล้วกัน"
"เหมือนที่คุณหึงหวงผมในร้านน่ะเหรอครับ"
คราวนี้ธันวาหุบยิ้มฉับเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในร้านกาแฟเมื่อตอนกลางวัน "ก็ผมไม่ชอบเวลาคุณโดนลูกค้าหว่านเสน่ห์ใส่"
"คิดซะว่ามันเป็นงานสิครับ"
"ไม่รู้ล่ะ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"
เห็นไหม...รวินทร์บอกแล้วว่าเวลาอยู่กับเขาธันวาไม่ต่างจากเด็กหนุ่มคนนึงเลย
"แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ชอบมากกว่าทุกวันเลยนะครับ อาการออกชัดซะขนาดนั้น"
"โกรธ?"
"เปล่าครับ แค่แปลกใจมากกว่าที่คนอย่างคุณหลุดมาดถึงขนาดนั้น"
"มีไม่กี่คนหรอกนะที่ทำให้ผมหลุดมาดได้"
"..."
"ถ้าไม่หวงจริงผมคงไม่เป็นขนาดนี้หรอก"
รวินทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อเจอเข้ากับคำพูดที่แสนจะเถรตรงของอีกฝ่าย ได้แต่ทำทีเป็นยกกระป๋องไวน์ขึ้นดื่มแล้วไล่ให้ไปใส่เสื้อผ้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการเห่อร้อนบนใบหน้า หลังจากโดนไล่ให้ไปใส่เสื้อผ้าธันวาก็กลับมาในชุดลำลองธรรมดา แต่คราวนี้ไม่ได้มายืนข้างๆ แต่สวมกอดรวินทร์จากด้านหลังเหมือนที่ทำในห้องทำงานของรวินทร์ไม่มีผิด
"คุณสัญญากับผมไว้นะ" ชายหนุ่มรีบพูดดักไว้เมื่อเห็นว่าแฟนของเขาอ้าปากกำลังจะค้าน รวินทร์ที่เถียงไม่ออกจึงปล่อยเลยตามเลยให้อีกฝ่ายกอดให้สาแก่ใจ
เขาสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ทำเพียงแค่ยืนกอดกันมองดูทัศนียภาพตรงหน้าปล่อยให้เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย เพราะสำหรับธันวาและรวินทร์...แค่ได้อยู่ด้วยกัน นั่นก็คือความสบายใจแล้ว
ถึงจะไม่แสดงออกแค่ไหน แต่ลึกๆ ในใจรวินทร์ก็ไม่อยากอยู่ห่างจากธันวาอยู่ดี จริงอยู่ที่เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง และทุกครั้งธันวาก็พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าระยะห่างที่มากขึ้นไม่ได้ทำให้ความไว้ใจที่มีให้กันลดน้อยลงเลย แต่ถึงอย่างนั้นรวินทร์ก็ยังมีมุมเด็กๆ ที่อยากจะอยู่ใกล้คนรักตลอดเวลา เพียงแต่ด้วยอายุและหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายทำให้เขาไม่สามารถแสดงออกตามที่ใจต้องการได้
เขาไม่เหมือนธันวาตรงที่เขาเลือกจะเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน ในขณะที่ธันวาเลือกที่จะแสดงมันออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ก็น่าแปลกเหมือนกันที่คนสองคนมีนิสัยต่างกันแต่กลับคบกันยืนยาวมาได้ถึงตอนนี้ เกือบสามปีแล้วสินะ...ที่ธันวาขอเขาเป็นแฟน
จู่ๆ รวินทร์ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ และคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะพูดมันออกมา ชายหนุ่มฝืนตัวออกจากอ้อมกอด ผละมายืนพิงราวระเบียงอยู่ข้างๆ เป็นเหตุทำให้ธันวามองตามด้วยความงุนงง
"เดี๋ยวคุยกับคุณไม่สะดวก" รวินทร์ให้เหตุผลพร้อมกับยิ้มจนลักยิ้มโผล่ขึ้นมาทั้งสองข้าง "คุณธันวาครับ"
"ว่าไง"
"นั่งนับดาวกันไหม ครบท้องฟ้าเมื่อไหร่ค่อยเลิกกัน" "..."
"อ่า...ไม่เวิร์กสินะครับ ผมว่าแล้วว่าต้องไม่เวิร์ก" รวินทร์ยกมือเกาแก้มแก้เขินเมื่อเห็นคนฟังเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ วันก่อนเขาเผลอไปได้ยินลูกน้องพูดประโยคนี้กับแฟนทางโทรศัพท์ เลยคิดว่าถ้าเอามาพูดกับธันวาบ้างก็น่าจะโรแมนติกไม่ใช่น้อย แต่รวินทร์ลืมไปว่าเขาไม่ใช่คนโรแมนติก การจะเล่นมุกเสี่ยวๆ แล้วทำให้อีกฝ่ายคล้อยตาม...ไม่ใช่งานถนัดสำหรับเขาเลยสักนิด
ธันวามองคนรักอย่างกำลังอึ้งปนแปลกใจ เขาแค่คาดไม่ถึงว่ารวินทร์จะพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วย "คิดไงถึงเล่นมุกนับดาวตอนนี้"
"ก็...เล่นไม่ได้เหรอครับ"
"เปล่า แค่แปลกใจนิดหน่อย" เขาว่าพลางยิ้มมุมปาก "ไหนลองเล่นใหม่ซิ"
"ไม่เอาครับ"
"เร็วเข้า เมื่อกี้ผมมัวแต่อึ้งเลยไม่ทันรับมุก"
รวินทร์ถอนหายใจแผ่วเบา แค่เล่นรอบเดียวก็อายแทบแย่แล้วนี่ยังต้องเล่นรอบสองอีก เขาไม่น่าเริ่มเลยจริงๆ
"เอ่อ...มานั่งนับดาวกันไหมครับ ครบท้องฟ้าเมื่อไหร่ค่อยเลิกกัน"
"ถ้างั้นก็ไม่ต้องนับดาวหรอก
เปลี่ยนเป็นนับเม็ดทรายบนพื้นโลกดีกว่า"
มันก็เป็นแค่มุกเสี่ยวๆ ที่วัยรุ่นเอาไว้ใช้จีบกัน มันก็แค่คำพูดหวานแหววที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ทั้งที่รวินทร์พยายามเตือนตัวเองแบบนั้น แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
"คุณรวินทร์...หน้าแดงอยู่นะครับรู้ตัวไหม"
ถ้าธันวาเอื้อมมือมาแตะอกเขาตอนนี้...ธันวาต้องรู้แน่ว่าหัวใจเขากำลังเต้นแรง
รวินทร์ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ธันวาหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยผมหน้าม้าของคนตรงหน้าเล่น ก่อนจะลามมายังจมูกโด่ง แก้มเนียนใส แล้วหยุดที่ลักยิ้มบนมุมปากทั้งสองข้าง...ลักยิ้มที่เขาเคยชิมความหวานมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง
ความรู้สึกของเขาตอนนี้มีทั้งขบขัน เอ็นดู และหลงรัก...อย่างสุดท้ายนี่เขาฟันธงว่ารุนแรงกว่าทุกความรู้สึกแน่นอน
"คุณเริ่มก่อนนะ ห้ามโทษผมด้วยล่ะ"
รวินทร์ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าอย่างไร รู้แค่ว่าใบหน้าของเขานั้นร้อนมากทั้งที่ยืนตากลมอยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกโกรธลูกน้องคนนั้นที่มาเล่นมุกบ้าๆ ให้เขาได้ยิน ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่สมควรโดนโกรธที่สุดก็คือตัวเขาเองนี่แหละ
เป็นเพราะมัวแต่คิดไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ทันรู้ตัวว่าใบหน้าของคนรักเลื่อนเข้ามาใกล้ พอรู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายแล้ว รวินทร์เผลอสบตากับธันวา ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นรวินทร์มองเห็นตัวเอง...และในมุมมองของธันวาตอนนี้ก็คงกำลังเห็นตัวเองในดวงตาของเขาเช่นกัน
"ขอจูบได้ไหม คุณในวันนี้โคตรจะน่ารักเลย" รวินทร์ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นประโยคคำถาม ขอร้อง บอกเล่า หรือคำสั่ง เพราะพอธันวาพูดจบเรียวปากของเขาก็แตะลงมาบนริมฝีปากของรวินทร์ และเริ่มซุกไซร้เข้ามาในโพรงปากกระพือความร้อนในตัวของเขาให้ลุกไหม้ขึ้นไปอีก นี่ไม่ใช่จูบแรกของพวกเขา ทั้งธันวาและรวินทร์ต่างเคยจูบกันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้งความรู้สึกตอนที่ปากแตะปากก็แทบไม่ต่างจากครั้งแรกที่เคยจูบกันเลย มันทั้งตื่นเต้น ทั้งเสียวซ่าน ทั้งหัวใจเต้นแรง รวมถึงรู้สึกดี...จนไม่อยากจะหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว
แม้ว่าจะคบกันมานานแล้ว แต่ธันวาก็ทำให้รวินทร์ใจเต้นแรงได้เสมอ นี่คือความน่าประหลาดใจสำหรับรวินทร์
หัวใจของรวินทร์กำลังสั่นไหว และหัวใจของธันวาเองก็เช่นกัน
หัวใจของพวกเขากำลังสั่นไหว...ไม่ต่างจากวันแรกที่รู้จักกัน
**********************************************
อาจจะสั้นไปนิด แต่ก็หวังว่าจะทำให้คนอ่านยิ้มได้นะครับ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากเราที่เหนื่อยจากอะไรหลายๆอย่างในชีวิต แล้วอยากแต่งเรื่องสั้นสักเรื่องที่ช่วยฮีลความรู้สึกได้ ดังนั้นหวังว่าทุกคนจะชอบคุณธันวากับคุณรวินทร์เหมือนที่เราชอบนะคับบ