[เรื่องสั้น] เทพนิยายกริมม์ CH.08 คุณนักเขียนคนดัง ll 10-06-2017 ll
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เทพนิยายกริมม์ CH.08 คุณนักเขียนคนดัง ll 10-06-2017 ll  (อ่าน 4587 ครั้ง)

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
+++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++
เรื่องสั้น
เทพนิยายกริมม์
เขียนโดย
ブーリナ : Boorina


ปล. ฝากเรื่องสั้นเรื่อง
' MSN กระดาษ '  ที่กำลังตีพิมพ์ในเล่ม Y Do You Love Me? เล่ม 3
กับ สนพ. everY ด้วยนะคะ


สารบัญ

CH.01 ผู้ชายที่มีชื่อว่าคุณกริมม์!
CH.02 เชสต้องการคุณนะเก้ากันย์
CH.03 ยุบหนอ พองหนอ
CH.01
ผู้ชายที่มีชื่อว่าคุณกริมม์!
 




  สิ่งที่ผมกำลังทำคือ... เปิดเพื่อเปิด

    หน้ากระดาษถูกเปิดไปทีละหน้า กลิ่นหมึกคละคลุ้งโชยอ่อนแตะจมูก สมาธิของผมจมอยู่กับสายตาที่จับจ้องทุกตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เรียงร้อยเป็นถ้อยประโยคสวยงาม ประโยคแล้วประโยคเล่ารวมกันเป็นหนึ่งย่อหน้า หนึ่งบท และหนึ่งเล่มหนาๆ

    เมื่ออ่านจบผมจึงวางหนังสือซ้อนบนเล่มอื่นๆ ที่มุมโต๊ะไม้สีน้ำตาล ก่อนหนังสือเล่มที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของวรรณกรรมชุดนี้จะถูกผมหยิบออกมาจากถุงพลาสติก

    ผมส่งเสียงฮึดฮัด รำคาญพลาสติกใสที่ห่อหุ้มหนังสือเล่มใหม่ที่ค่อนข้างแกะยาก ไม่นานนักหน้ากระดาษของหนังสือที่ถูกพิมพ์กว่าหกสิบภาษา มียอดจำหน่ายมากกว่าสามร้อยล้านเล่มทั่วโลก ได้เปิดออกอีกครั้ง

    ด้วยความนิยมนี้จึงไม่แปลกที่หนังสือชุด ‘G.Ares No.XI’ จะถูกจัดให้เป็นตำนานหนังสือวรรณกรรมแฟนตาซีสืบสวนสอบสวนของโลก ด้วยเนื้อหาที่เร้าใจ หลอกล่อ ลวงให้หลง และลีลาพลิ้วไหวของตัวอักษรที่ขับขานเรื่องราวได้อย่างสวยงามตรึงใจ กระทั่งถูกนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์และซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ช่องดังของอังกฤษ

    ผมหลงรักเรื่องราว

    ผมหลงรักหนังสือ...

    ผมหลงรักเจ้าของบทประพันธ์ เชส ชาร์ลิโอ (Cese Charlieo)

    แต่เชสช่างลึกลับ กระทั่งเป็นเพศชายหรือหญิงก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด แฟนนักอ่านต่างดึงความรู้สึกจากการอ่านออกมาจินตนาการถึงตัวตนของนักเขียน ส่วนภาพของเชสในหัวของผมคือหญิงสาวที่มีรอยยิ้มสวยงาม นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเหมือนผิวน้ำทะเล ล่อลวงความรู้สึกของนักอ่านให้กระโจนดิ่งลงไปด้วยความเต็มใจ

    ความไม่ชัดเจนของเธอช่างน่าค้นหา ทุกหน้ากระดาษที่ผมเปิดอ่านซ้ำย้ำวนทั้งฉบับภาษาไทยและอังกฤษก็เพื่อเปิดมุมมองความคิด ค้นหาตัวตนของเธอที่ซ่อนอยู่ในนั้น...

    ผมหลงเสน่ห์เธอจนโงหัวไม่ขึ้น จึงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ผมใกล้ชิดเธอมากอีกนิด

    ผ่านไปสองชั่วโมงยี่สิบห้านาที ยังเหลืออีกเจ็ดสิบกว่าหน้าที่ยังไม่ได้อ่าน แต่ผมจำต้องวางมือลงเพื่อรับสายที่โทรเข้ามา ขัดจังหวะ แค่เห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอผมก็อยากเอาหัวโขกเสาปูนบ้านให้สลบ กำจัดเรื่องยุ่งยากที่กำลังจะเกิดขึ้น

    “ตีหนึ่งแล้วนะคุณกริมม์” ผมทักทายด้วยประโยคที่แฝงความติเตียน ตบท้ายด้วยเสียงหาวหวอด

    ‘…ข้อมือกระหร่องซีดขาวมีสีสันแต่งแต้มฉูดฉาด เพียงครั้งแรกที่ปักเข็มจมลงที่ข้อพับแล้วลากยาวตามลำแขนไปยังข้อมือ เลือดได้ทะลักไหลออกมาดุจธารน้ำหลาก’

    “เดี๋ยวๆๆๆๆ ไม่ถงไม่ถามสักคำว่าเปิดคอมอยู่ไหม อย่าใจร้อนสิคุณ โอ้ย!”

    ผมร้องครวญเมื่อเท้าสะดุดกับขาโต๊ะ หยิบแล็ปท็อปที่วางอยู่บนเตียงมาที่โต๊ะทำงาน รีบเปิดเครื่องเข้าโปรแกรมพิมพ์เอกสาร ปากขมุบขมิบกราดด่าไร้เสียงคนปลายสายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

    ‘ร่างไร้สติเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างกายที่ได้รับความเจ็บปวด’

    “อย่างเพิ่งสิ!”

    ‘ชิ! ช้า’

    “ว่าแต่นี่มันเรื่องไหนครับเนี่ย เนื้อหาแปลกๆ เหมือนต่างจากเรื่องที่ค้างอยู่เลย อันนั้นมันแนว Slice of life นี่ หรือสคิปข้ามฉากข้ามตอน”

    ‘เรื่องใหม่’

    “หืม?”

    ‘งานแปลชิ้นใหม่ของเชส ชาร์ลิโอ ที่จะจัดพิมพ์จำหน่ายพร้อมกับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไง... ขณะที่ปากเม้มสนิทของคนที่เฝ้ามองนั้นได้คลี่ยิ้ม ใบหน้าเริ่มคลายกังวลทีละน้อยยังผลให้รอยยับย่นกลางหน้าผากตื้นลง เสียงครางลึกในลำคอดังขึ้นแสดงความปีติ’

    และนี่คืออีกหนึ่งวิธี ที่ผมคาดหวังว่าจะได้ใกล้ชิดนักเขียนที่เป็นไอดอลของผมได้มากขึ้นผ่านนักแปล หลังจากพี่ปิ่นพี่รหัสของผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยได้ยื่นข้อเสนอมา ซึ่งเธอเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ควบตำแหน่งบรรณาธิการใหญ่หมวดวรรณกรรมแปลต่างประเทศ


    ‘พอดีคุณกริมม์ที่เป็นนักแปลหนังสือของ เชส ชาร์ลิโอ ประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บที่แขน นิ้วก็เข้าเฝือก เขาเลยพิมพ์งานไม่ได้จ้ะ ทางสำนักพิมพ์เลยต้องหาคนมาช่วยพิมพ์งานให้เขา เพราะมันเป็นงานที่ได้แพลนไว้หมดแล้ว รวมถึงโปรเจกต์พิเศษที่เกี่ยวข้องกับนิยายที่ดีลงานกับสำนักพิมพ์ต้นสังกัดของต่างประเทศ พี่เลยคิดถึงเก้า จำได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวยง นะๆ เก้าช่วยพี่หน่อย’


    นั่นคือเหตุผล...

    ถึงคุณกริมม์จะเป็นเพียงตัวแทน เชส ชาร์ลิโอ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวอักษรภาษาไทย แต่ผมก็อดคาดหวังลมๆ แล้งๆ ไม่ได้ ว่าวันหนึ่งอาจมีแจ็กพ็อตหล่นใส่หัว ได้รู้จักและพบเจอเธอสักครั้ง ถึงยังไงช่วงนี้ผมก็ว่างงานเพราะเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย ขอพักสมองสักสองสามเดือนแล้วค่อยลุยงานอย่างจริงจังก็แล้วกัน

    ‘ปาท่องโก๋สิบ โอวัลตินร้อนสอง โจ๊กใส่ไข่ไม่ใส่ขิงร้านลุงต่ายที่ตลาดหน้าปากซอย’

    “ฉากของเรื่องอยู่ในเมืองไทยเหรอครับ ดีจังแฮะ”

    ‘เปล่า พรุ่งนี้เช้าแวะซื้อมาให้ผมด้วย... ก่อนจะหยิบกล่องไม้ข้างตัวมาเปิดออก ภายในมีเข็มขนาดต่างๆ เรียงรายกว่าห้าสิบเล่ม’

    นิ้วมือที่พรมลงบนแป้นพิมพ์สั่นยิกๆ ผมกัดฟัดกรอดจนเมื่อยกราม พยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ให้ถึงที่สุด มันคือความหลงผิดที่สร้างความทรมานให้ผมกว่าสองสัปดาห์ ผมชักสงสัย สรุปว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยงานหรือเบ๊กิตติมศักดิ์กันแน่

    พักสมองหลังเรียนจบน่ะเหรอ ผมกำลังปวดประสาทตายล่ะมากกว่า!

    ผมมีนิยามมากมายจำกัดความผู้ชายคนนี้

    คุณกริมม์น่ะเหรอ?

    ติสต์แตก เอื่อยเฉื่อย คาดเดาความคิดได้ยาก ไม่แยแสคนรอบข้าง อารมณ์แปรปรวนแต่กลับไร้อารมณ์ยินดียินร้าย ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ติดกินเป็นที่สุด!
    ‘อ้อ... ช่วงนี้อากาศร้อนดีนะว่าไหม ทะเลภูเก็ตน่าจะเหมาะให้อาบแดด วีคเอ็นด์นี้...’

    “คุณควรเร่งทำงานให้เสร็จนะ!”

    งานไม่กระเตื้องแล้วยังบ้าเพ้อเจ้ออยากไปเที่ยวโน่นนี่ทั้งที่ร่างกายไม่สมประกอบ ตอนพี่ปิ่นอยากรู้ความคืบหน้าก็มาจิกถามเอากับผม ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ จะเกรงใจอะไรนักหนา ตัวเองเป็นถึงเจ้านายที่จ่ายเงินให้แท้ๆ

    โว้ย! จะทำให้ผู้ช่วยอย่างผมปวดกระบาลไปถึงไหนฮะ ไอ้คุณกริมม์!

    ‘อย่าบ่นมาก อารมณ์ทำงานมันดร็อป... ไนท์ไนท์’

    ยังกล้ามาต่อว่าผมแล้วบอกลาเข้านอนอีก เฮอะ! นั่นแหละ ผู้ชายที่มีชื่อว่าคุณกริมม์!
++++ขอบคุณที่ติดตามค่ะ+++



ฝากแฟนเพจด้วยนะคะ
https://web.facebook.com/VH.Boorina/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 21:13:50 โดย Boorina »

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
CH.02 เชสต้องการคุณนะเก้ากันย์



    6 นาฬิกา 45 นาที คือเวลาตอกบัตรทำงานของผมที่บ้านเดี่ยวหนึ่งชั้นขนาดกระทัดรัดภายในหมู่บ้านเงียบสงบ แต่ละวันผมต้องเบียดเสียดในรถไฟฟ้าใต้ดิน วันไหนมีออเดอร์ของกินจากเจ้านายก็จะแวะตลาดแล้วค่อยต่อวินมอเตอร์ไซด์เข้าไป กิจวัตรประจำวันของผมไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อมาถึงแล้วยังต้องจัดเตรียมอาหารเช้ามาวางไว้ที่โต๊ะให้เรียบร้อย

    ประมาณ 7 โมงเช้าของทุกวัน ผมจะเห็นเจ้าของบ้านเดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องนอนในสภาพตาปรือหัวฟู แขนใส่เฝือก มีผ้าคล้องกับคอเพื่อประคองแขนซ้าย เคราหนาครึ้มตัดกับผิวหน้าสีขาวอมชมพูตามกรรมพันธุ์ เขาเป็นลูกครึ่งไทยฝรั่งเศสแต่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ นั่นเป็นเพียงข้อมูลอันน้อยนิดที่ผมทราบมาจากพี่รหัส

    “มาเช้าเหมือนเคยนะเก้ากันย์”

    ใช่ ผมต้องตื่นเช้ากว่าสมัยเรียนซะอีก นั่นคือความทรมานกายอย่างหนึ่งหลังรับงานนี้มา

    “ผมมาสิบโมงเช้าได้ไหมล่ะ”

    คนที่เดินผ่านร่างผมไปแล้วหันกลับมา ใช้ดวงตาสีเขียวตรึงนิ่งที่ใบหน้าผม

    “เท่าที่ผมอนุญาตให้คุณกลับไปนอนค้างบ้านได้ก็ถือว่าใจดีมากพอแล้ว ทั้งที่ผมบอกปิ่นไปแล้วว่าต้องการคนที่พร้อมทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

    ไอ้คนช่างขุดช่างคุ้ย!

    ก็เพราะไม่ได้บอกไงล่ะ ผมถึงยอมรับข้อเสนอโดยไม่คิดอะไรมาก นี่คือปัญหาประเด็นแรกที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้นัก

    พอคุณกริมม์เห็นผมปราศจากคำโต้แย้งก็ยักไหล่แล้วหมุนกายเดินไป ที่ผมทำได้ก็เพียงมองตามแผ่นหลังกว้างเหยียดตรงด้วยความหมั่นไส้ ทั้งเกลียดเบ้าหน้าที่คล้ายโจรเข้าทุกวัน มือข้างถนัดเดี้ยงแล้วไง ก็ไปร้านให้เขาโกนหนวดโกนเคราให้สิ เห็นหน้าแบบนี้ทุกวันแล้วมันรู้สึกคลื่นไส้ ไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย

    “แมคบุ๊คกับไอแพดอยู่บนเตียงในห้อง ไปเอามาสิ กลางวันนี้จะนั่งทำที่ห้องนั่งเล่น”

    กระทั่งคำพูดคำจาของเขายังทำเอารู้สึกเหมือนผมเป็นทาสในเรือนเบี้ย แต่จำต้องทำตามเพราะจนใจกับอาการแขนเดี้ยงของเขา...

    “แท็บย่อหน้า... ชายหนุ่มมองประเมินเพื่อรอจังหวะเร้าใจ ปากหนาคล้ำขยับนับเลขตามเข็มวินาที”

    ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหลังเขาร่ายยาวเหยียดมาอีกห้าบรรทัด ไม่ทันได้ถามเขาก็ตัดบทพูดเสียงทุ้มเรียบซะก่อน

    “นี่!  บอกแล้วไงว่าเวลาสะกดผิดให้ปล่อยไป ค่อยแก้ทีเดียว แก้ทีสะดุดที ทำผมต้องพูดซ้ำสองสามรอบ มันเสียเวลานะเก้ากันย์”

    “คร้าบบบ”

    ผมลากเสียงยาว ทั้งต้องพยายามข่มใจให้เย็นลง ไหนจะปวดก้นเมื่อยขาที่ต้องนั่งพื้นเพื่อพิมพ์งาน แต่ใครบางคนกลับนอนเอนกายสบายบนโซฟานุ่มนิ่ม ในมือถือไอแพดที่เปิดไฟล์ต้นฉบับภาษาอังกฤษ บางครั้งก็เปิดสองหน้าจอควบ Youtube เพื่อดูเทรลเลอร์หนังใหม่ๆ ในขณะที่ทีวีเปิดช่องกีฬาทิ้งไว้ เขาช่างเป็นคนที่แยกประสาทการทำงานได้ดีมากจนส่งผลให้ปลายเท้าผมกระดิกด้วยความคับแค้นใจ

    “พักสิบนาทีแล้วกัน”

    บอกแล้วก็ปิดเปลือกตาเพื่อพัก เปิดโอกาสให้ผมตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อระบายความอัดอั้น แต่ลองคิดย้อนไป สิ่งที่เขาดุผมมันก็เป็นความจริง แต่เพราะอคติทำให้ไม่ชอบใจ คนอะไรไร้มนุษยสัมพันธ์ ทำงานมาด้วยกันสองสัปดาห์ยังไม่เคยยิ้มให้ผมสักครั้ง เอาแต่กดดันจนผมเกลียดทุกอณูขุมขนบนใบหน้าเขาแล้ว

    ผมเอนแผ่นหลังพิงโซฟาตัวที่เขานอนพลางเอ่ยถาม

    “สรุปผมต้องพิมพ์งานแปลของเชสกี่เรื่องครับ”

    “กี่เรื่อง?” เขาพูดทั้งที่ตายังปิดสนิท “นั่นสิ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมเองก็หัวหมุน แต่ที่แน่ๆ มีแนว Slice of life หนึ่งเรื่อง คุณอ่านฉบับตีพิมพ์ภาษาอังกฤษรึยัง”

    “ยังเลยครับ”

    “ไม่ต้องซื้อ ไว้เอาของผมไปอ่าน”

    โอ๊ะ ใจดีเป็นด้วย

    “ขอบคุณครับ”

    “แล้วก็มีรวมเรื่องสั้นสืบสวนสอบสวนอีกเล่ม ไฟล์ต้นฉบับภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว แค่เร่งทำให้ทันเวลาเพราะต้องออกพร้อมกับต้นสังกัดของต่างประเทศ”

    “รวมแล้วสองเรื่อง ว่าแต่คุณไม่แน่ใจอะไรล่ะ”

    “ไม่รู้สิ เหมือนเชสกำลังถูกกดดัน”

    ขวับ! ผมคว้าหมับที่ข้อมือขวาของคุณกริมม์อย่างลืมตัว ทั้งยังส่งแรงกระชากจนเจ้าตัวถึงกับเบิกตาโพลงแล้วจ้องเขม็งมาที่ผม

    “เชสมีปัญหาอะไรเหรอครับ” ผมถามอย่างตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ”

    คนตรงหน้าผมหยัดยิ้มมุมปาก สะบัดมือผมออกจากการกอบกุมมือเขา เฮอะ จับนิดจับหน่อยทำเป็นถือตัว อยากจับตายล่ะ

    “ดูคลั่งเนอะ”

    “ก็… ผมชอบของผม ผมปลื้มของผม” เสือกอะไรด้วยวะ “แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเธอต้องทำตัวลึกลับซับซ้อนด้วย มันทำให้แฟนๆ ยิ่งคลั่งเธอหนักกว่าเดิมเพราะความอยากรู้” ไม่วายตัดพ้อเล็กๆ อย่างขมขื่น “ภาษาของเธอสวยงาม เรื่องราวของเธอกระชากหัวใจ ไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่หลงใหลหนังสือของเธอทุกเล่ม”

    “หลงใหลหนังสือหรือคนเขียน เอาให้แน่”

    “ต้องทั้งสองอย่างอยู่แล้ว” ว่าแล้วผมก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเขยิบก้นถูไปกับพื้นเข้าใกล้คุณกริมม์ “ว่าแต่ทำไมคุณรู้เรื่องเธอดีจัง คุณรู้จักเป็นการส่วนตัวกับเธอใช่ไหม”

    เงียบ?

    วิเคราะห์ว่าไงดีล่ะ อาการแบบนี้มันบ่งบอกว่าอาจเป็นจริงอย่างที่ผมคิด

    “ไม่ตอบซะด้วย ที่จริงผมก็แปลกใจตั้งแต่รู้ว่าไทยได้รับสิทธิพิเศษตีพิมพ์ผลงานเรื่องใหม่ของเธอพร้อมกับฉบับภาษาอังกฤษแล้ว มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างจริงไหม อย่างเช่น เธออาจจะสนิทกับคนใหญ่คนโตของสำนักพิมพ์ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ปิ่นก็น่าจะกระซิบบอกผมสักคำสิ”

    “แล้วยังไงต่อ” ชงมาให้พล่ามต่อใช่ไหมเนี่ย

    “หรือไม่ก็เพราะคุณสนิทกับเธอ”

    นั่นไง คิ้วเรียวเข้มของเขาโก่งสูงขึ้น แถมยังกระตุกยิ้มมุมปาก อาการแบบนี้เหมือนกำลังกลบเกลื่อนที่ถูกผมจับได้ชัดๆ แบบนี้ต้องเค้นให้ถึงที่สุด

    “ไม่งั้นทำไมคุณถึงเป็นคนเดียวที่ถูกเลือกให้แปลงานของเชส ผลงานเก้าเรื่องรวมแล้วกว่าสามสิบสองเล่ม ถูกแปลเป็นภาษาไทยด้วยนักแปลนามปากกา ‘กริมม์’ ผมว่ามันไม่ธรรมดาแล้วนะ ”

    “อื้อ ทำตัวเป็นนักสืบสมเป็นแฟนคลับเชสดี” ทั้งที่กำลังถูกเค้น แต่เขากลับแสดงทีท่าคล้ายสนุก “งั้นต้องสนิทถึงขนาดไหนล่ะ เชสถึงยอมขายลิขสิทธิ์ให้สำนักพิมพ์ไทยโดยมีเงื่อนไขว่าคนแปลต้องเป็นผมเท่านั้น”

    เปรี้ยง! ได้ยินเสียงคล้ายสายฟ้าฟาดผ่านกลางอกจนหัวใจฉีกขาด และไม่แน่ใจว่าเพราะผมตาเหลือกลานอยู่รึเปล่า คนตรงหน้าถึงได้ใช้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากผมจนหัวโงนเงนเป็นการเรียกสติ

    “เพื่อนกัน? แค่เพื่อนใช่ไหมล่ะ เหอะๆ” แล้วผมจะเสียงสั่นทำไม

    “หลอกตัวเองรึเปล่า ผมรู้นะว่าในใจคุณกำลังคิดอะไรอยู่”

    “ไม่จริงหรอก เธอเหรอจะมาสนใจคนอย่างคุณ คนอย่างคุณมีเสน่ห์อะไรให้เชสมาหลงใหลฮะ”

    โพล่งออกไปอย่างไม่ไว้หน้าไม่พอ ยังลืมตัวใช้สายตามองคุณกริมม์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเสียมารยาท รู้ตัวอีกทีก็ตอนสบจ้องกับนัยน์ตาเข้มลึก เล่นเอาหวาดหวั่นอยู่หน่อยๆ เพราะต่อให้ร่างกายคุณกริมม์ไม่สมประกอบ แต่มัดกล้ามที่ขาใช่ย่อย ขนาดตัวก็เกินมาตรฐานชายไทยไปไกลโข ขนาดผมที่สูงร้อยเจ็ดสิบเก้ายังกลายเป็นคนเเคระเมื่อยืนเทียบกับเขา

    คนฉลาดต้องรู้จักประมาณตัว ไม่ใช่เรื่องของความขลาดเขลาใดๆ ทั้งสิ้น

    “คุณกำลังประเมินคนจากหน้าตางั้นเหรอ?”

    ผมรีบส่ายหน้าเป็นระวิง “เข้าใจผิดแล้ว ผมยังพูดไม่จบ อย่าตัดบทกันสิ!” ผมแกล้งชักเสียงดุ ยื่นหน้าเข้าใกล้ร่างที่นอนอยู่บนโซฟาเพื่อใช้สายตามองซอกซอนใบหน้าครึ้มทะมึนละเอียดยิบ พลางร่ายอีกว่า “อันที่จริง ลองมองดูดีๆ สักสองสามรอบ คุณก็หล่อนะเนี่ย เหมือนพระเอกซีรีส์ฟากยุโรปหน่อยๆ อยู่เหมือนกัน”

    กระโถนจ๋า... กระโถนอยู่หนายยย หรือผมควรวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออ้วกใส่ชักโครกดี

    “ก็ยังไม่พ้นเรื่องหน้าตาอยู่ดี”

    “มันก็ใช่่อีกนั่นแหละ... แต่ผมขอแค่ความสะอาดสะอ้านจากหน้าคุณบ้างไม่ได้รึไง อย่างน้อยๆ การที่ผมต้องมานั่งทำงานตัวติดกับคุณทั้งวัน วันละสิบกว่าชั่วโมงแบบนี้ ผมก็มีสิทธิ์ร้องขอทัศนียภาพที่มันดีต่อใจบ้าง จะได้มีแรงใจทำงาน แค่ความไม่แยแสโลกของคุณก็ทำผมเครียดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”

    ผมอยากจะพูดต่อ แต่กลับถูกร่างหนาใหญ่มองเข้ม เขาขยับกายลุกขึ้นนั่ง ปาหมอนอิงลอยมาโดนหน้าผมเต็มๆ ถือเป็นการเรียกสติผมให้กลับคืนมาได้เป็นอย่างดี

    ผมหยิบหมอนอิงบนพื้นมากกกอดแนบอก อดหงอยเล็กๆ ไม่ได้ แต่ยังทำมั่นหน้ามองตอบเขาอำพรางความหวั่นในใจเพราะคาดเดาความนึกคิดของเขาไม่ได้

    “สองสัปดาห์ที่ต้องทนเห็นหน้าผมตลอดทั้งวัน ทำให้หัวใจคุณห่อเหี่ยวมากงั้นเหรอ”

    ใช้คำพูดซะน่าสงสารเลย โถว พ่อคุณ แต่หน้านี่ดุไปนะ

    “เปล่าหรอก ผู้ชายมีหนวดมีเคราก็ดูเท่ดีออก ดูเป็นผู้ใหญ่ลึกลับ มาดแมนแฮนด์ซัม” นี่อุตส่าห์ตอแหลนะเนี่ย อย่าเอาแต่เงียบกดดันสิ ขอบคุณสักคำก็ยังดี “เอ๊ะ!”

    ผมตกใจให้กับปลายนิ้วที่ยื่นมาเกลี่ยแนวสันกรามของผม

    “ถ้ามันดูเท่ขนาดนั้น ไม่ไว้หนวดไว้เคราซะเองเลยล่ะ”

    ผมดันมือเขาออกอย่างมีมารยาท เงยหน้ามองคนที่นั่งเหนือกว่าพร้อมหาคำแถ

    “รอให้มีแฟนแล้วจะไว้ไง”

    “หืม?”

    “สาวๆ น่าจะชอบ” ผมโปรยยิ้ม “เวลาหอมแก้มหรือไซ้คอพวกเธอคงจั๊กจี๋เนอะ แบบขนลุก แก้มแดง ปากฉ่ำ ตาเยิ้ม แค่คิดก็เคลิ้มแล้วคุณกริมม์”

    แค่พูดถึงก็พาใจผมลอยล่องก่อนจะชะงักนิ่งตอนที่มองย้อนไปสบตาเขาอีกครั้ง

    “คง?” เพียงคำเดียวที่ย้อนศรมาถามผมก็ทำเอาผมสะดุ้ง “อย่าบอกนะว่าโตมายี่สิบกว่าปียังไม่เคยสอยผู้หญิง? นี่คุณยังเป็นมนุษย์รึเปล่าเนี่ย”

    “ฮะ! อะรายยย? มั่ววววววววว กล่าวหาผมแบบนี้ หยามกันชัดๆ กับอีแค่เซ็กส์ ทำไมจะไม่เคย”

    “อ้อเหรอ” เขาพูดแค่นั้นแล้วหันไปส่องไอแพดพลางผิวปาก ไม่แยแสต่อสายตาที่ผมใช้มองทิ่มแทงไปยังร่างของเขาจนแทบพรุน

    “นี่! อะไร คุณจะมาจบบทสนทนาสั้นๆ แบบนี้ไม่ได้นะโว้ย”

    “อะแฮ่ม” เขาละสายตาคมเฉียบจากไอแพดมองมาที่ผม “หรือไม่เคยเฉพาะกับผู้หญิง แต่ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้ผมไม่ก้าวก่ายหรือวิจารณ์ นี่มันปี ค.ศ. ไหนแล้ว ผมชิลๆ”

    ชิลโพ่ง กวนตีนกูแล้ว

    “โว้ยยยย บอกว่าไม่ใช่ไง ลุกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่ต้องมายัดเยียดแล้วบ่ายเบี่ยง... ผมจะไม่รู้ก็ไม่แปลก สาวๆ มารยาเยอะจะตาย บางคนอาจไม่รู้สึกก็ได้ แต่ทำเป็นแสดง เป็นการเอาใจผู้ชายไง เหมือนนางเอกหนังเอวีอ่ะ”

    “อื้มๆ เข้าใจแล้ว...”

    “คุณเข้าใจง่ายไปนะ!”

    “ว่ามีประสบการณ์โชกโชนกับหน้าจอ”

    “ผู้ชายมันก็ต้องดูป่ะ หรือคุณไม่เคย”

    ผมแย้งก่อนจะหันกลับมาที่หน้าจอสี่เหลี่ยม มึนกับสถานการณ์ระหว่างผมกับเขาที่ทำให้บรรยากาศความรู้สึกต่างไปจากเดิม ไม่ได้สนิทขึ้น แค่คลายความอึดอัดภายในใจให้น้อยลง ผู้ชายกับการพูดคุยหัวข้อใต้สะดือนี่มันเป็นของคู่กันจริงๆ

    “อ้อ คุณควรมาค้างที่นี่นะ ผมคิดว่าน่าจะมีโปรเจกต์ใหม่เพิ่มเข้ามา”

    ผมส่ายหน้าทั้งที่ยังหันหลังให้เขา

    “เชสต้องการคุณนะ... เก้ากันย์”

    ชีวิตติดสตั้นด้วยความลังเล ก่อนหัวจะผงกขึ้นลงรัวๆ ด้วยแรงกดจากฝ่ามือหนาใหญ่ที่วางบนกลางกระบาลผม

    เฮอะ! ไอ้ลูกครึ่งเวรนี่ ได้ทีแล้วเอาใหญ่ เพื่อนเล่นรึไงวะ!

    “ตอบก่อนสิคุณกริมม์ ว่าสรุปแล้วคุณรู้จักกับเชสใช่ไหม”

    “สนิทชิดเชื้อสุดๆ”

    เชอะ! ทำเป็นข่ม

    แต่ “ก็ดีนะ” ถ้าได้มาพักกับคุณกริมม์...

    เพราะมองเห็นอุโมงค์โอกาสขยายกว้าง และที่ปลายทางมีเค้ารางของเชสปรากฏเป็นแรงผลักดันให้ผมเอ่ยถ้อยคำตอบรับข้อเสนอไป



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
คุณกริมม์คือเชสใช่ม้ะ
เก้ากันย์โดนแน่ อิอิ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณกริมม์คือเชสใช่ม้ะ
เก้ากันย์โดนแน่ อิอิ

คิดเหมือนกัน...สนุกมาก รออ่านค่า     :m1:

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

CH.03
ยุบหนอ พองหนอ



    ปกติบ้านทั่วไปควรมีอย่างน้อยสองห้องนอน แต่สำหรับบ้านหลังนี้กลับมีห้องนอนขนาดใหญ่เพียงหนึ่งห้อง เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบเตียงนอนฝั่งซ้ายมือ มีกระจกใสกั้นกลางฝั่งขวาที่ถูกจัดสรรเป็นห้องทำงาน ตู้หนังสือเป็นแบบบิวท์อิน เก็บหนังสือหลายพันเล่มอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะไม้ที่มีไอแมคจอโตสีเงินวางอยู่นั้นตั้งอยู่บริเวณริมหน้าต่างที่มีม่านสีเบจกันแสง แต่หากมองออกไปจะมองเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ มุมสายตาจะมองเห็นรถยนต์ BMW X3 สีดำจอดอยู่

    ด้านหน้าของโต๊ะทำงานเป็นชุดโซฟาสีเบจขนาดใหญ่ สามารถปรับและขยับต่อเป็นเตียงนอนได้ เหมาะแก่การเอนกายพักสายตาเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งมันได้กลายมาเป็นที่นอนยามค่ำคืนของผม

    แต่ผมชอบนะ นุ่มสบายกว่าเตียงที่หอพักเยอะ แอร์ก็เปิดเย็นฉ่ำตลอดเวลา

    ที่สาธยายมาทั้งหมดแค่จะบอกว่า... นี่คือสถานที่ทำงานหลักของผม รวมทั้งเป็นที่พักชั่วคราวในช่วงสองสามเดือนนี้จนงานแปลเสร็จเรียบร้อย

    “สรุปแล้วมันมีโค้ดลับแฝงในเรื่องสั้นแต่ละเรื่องใช่ไหม แต่จะเฉลยในตอนสุดท้าย โหว คิดได้ไงวะ เชื่อมโยงแต่ละเรื่องเข้ากันหมด ว่าแต่คดีนี้ใครเป็นคนฆ่ากันแน่ มีบอสใหญ่แฝงอยู่ไหม แล้วไอ้ตัวเอกของเรื่องมันดีหรือชั่ว แลดูจิตๆ พิกล”

    “อินมากไปแล้ว” ทำไมต้องขัด ผมก็แค่นั่งถามตัวเอง “มันก็ไม่ได้เดายากอะไรขนาดนั้น”

    “ไม่ยากกับผีสิ อู้ย โทษครับ” ผมยิ้มแหย รู้สึกช่วงหลังจะพลั้งปากใช้คำพูดเหมือนกับเป็นเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมบ่อยมากเกินไป “ผมถามอะไรหน่อยสิ”

    “ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนฆ่า แปลจบเล่มเดี๋ยวก็รู้เอง”

    “เปล่าๆ” ปฏิเสธพลางลุกเดินจากโต๊ะทำงานไปยังโซฟาเบดที่คุณกริมม์นอนเหยียดยาวด้วยสภาพจวนเจียนหลับ ผมยืนเกาะที่พนักพิงพลางชะโงกหัวเข้าหา “คุณเชสเธอเป็นไงเหรอ แบบรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ คุยเก่งไหม ยิ้มสวยเปล่า ผมค่อนข้างชอบคนยิ้มเก่งน่ะ”

    “ถ้าบอกไปแล้วเกิดไม่ตรงกับภาพที่คุณวาดไว้ คุณจะรู้สึกแย่ไหม”

    “ไม่หรอก ผมชอบผลงานของเธอ”

    “แต่ผลงานของเธอทำให้คุณคาดหวังถึงตัวตนของเธอ”

    “ขี้หวง หวงก้าง” ต่อว่าไปสองสามคำแต่สุดท้ายผมก็เสียงอ่อนตามเคย “แนะนำเธอให้ผมรู้จักบ้างสิคุณกริมม์ นะๆ นิดนึง”

    “หึ!”

    “เฮอะ! ไม่งั้นจะลบไฟล์งานทิ้งให้หมดเลย” เอาสิ นี่ผมขู่คุณนะ แฟนเรอะก็ไม่ใช่ จะกันท่าไปถึงไหนวะ “ไหนบอกว่าถ้าผมทำงานดี จะมีรางวัลให้ไง ผมไม่ขออะไรมากเลยนะ แค่ได้รู้ว่าเธอเป็นใคร เห็นเสี้ยวหน้าสักนิด ได้ฟังเสียงเธอสักหน่อย ดินเนอร์สักมื้อ กู้ดไนท์คิสสักจ๊วบ”

    “เยอะ” เขาว่าผมก่อนจะถอนหายใจลึกยาว “อย่าลืมรถน้ำต้นไม้ด้วยล่ะ นี่ก็จะหกโมงเย็นแล้ว โอย หิวจัง แต่เหมือนของสดจะหมด แต่ขับรถไม่ถนัดเลยแฮะ”

    คุณกริมม์ปิดท้ายประโยคด้วยการปรายตามองมายังผม

    โอเค เพียงสองวันผมก็ได้รู้ซึ้งถึงเหตุผลของคุณกริมม์ที่พยายามใช้ชื่อเชสมาหว่านล้อมผมให้มาพำนับพักพิงที่บ้านหลังนี้

    งานหลักคือเป็นผู้ช่วยงานแปล

    งานเสริมคือเบ๊รับใช้คนป่วยที่แขนเดี้ยงข้างเดียว

    แต่เล่นใหญ่แสดงเป็นคนพิกลพิการ ลูกจ้างชั่วคราวอย่างผมเรอะก็เหมือนน้ำท่วมปาก ให้ปฏิเสธแล้วนั่งมองเจ้าบ้านหยิบโน่นถือนี่เงอะงะก็กระไรอยู่ ยังดีที่งานบ้านอย่างพวกเสื้อผ้าคุณกริมม์ส่งซักรีด ทั้งยังจ้างป้าเพื่อนบ้านแถวนี้มาทำความสะอาดให้ทุกวัน

    เรื่องปากเรื่องท้องก็วนๆ กันไป ไม่โทรสั่งจากร้านอาหารใกล้ๆ ก็ทำเองบ้าง ดึกๆ ถ้าเกิดท้องร้องขึ้นมาก็เป็นผมที่ถูกสั่งให้ออกไปซื้อที่หน้าปากซอย วันดีคืนดีลากผมไปกินนอกบ้าน แต่ละร้านบอกเลยว่าอร่อยมากจนนึกชมความช่างสรรหาของเขา ซึ่งไม่ว่าจะอิ่มท้องทางไหน ทุกอย่างฟรี นี่ถือเป็นข้อดีอีกข้อที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว

    อาจกัดกันไร้สาระบ้าง โดนต่อว่าเรื่องงานบ้าง แต่ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่แย่นัก

    เอาเข้าจริงความรู้สึกผมที่มีต่อคุณกริมม์ในตอนนี้มันค่อนข้างโอเค เหมือนมีพี่ชายกวนตีนหน้านิ่งมาเพิ่มสีสันชีวิตให้ไม่เงียบเหงามากนัก

    หากจะมีสักเรื่องที่ทำให้ผมอยากกราดด่า ก็คงเป็นความเห็นแก่ตัวของเขานี่แหละ!

    ตัวเองแขนเดี้ยงเลยอด flap เพราะร่างกายไม่เอื้อ แต่หนุ่มแน่นอย่างผมนี่สิ แฟนก็ไม่มีให้นัวเนียปลดปล่อย แถมช่วงนี้มัวแต่ทำงานจนลืมคิด แต่บทคิดขึ้นมาร่างกายก็ตอบสนองสมองซะไว ติดก็ตรงที่ต้องมานอนห้องเดียวกับคุณกริมม์ หน้าเลยบางขึ้นมา จะใช้ห้องน้ำนานๆ บ่อยๆ ก็เกรงใจ แต่จะให้เดินออกไปเข้าห้องน้ำนอกห้องนอนมันก็แปลกๆ โดนถามขึ้นมาผมจะตอบยังไงล่ะ

    เขาให้ผมเข้ามานอนสบายในห้องเดียวกันแบบนี้ โดยไม่คิดถึงอกเด็กหนุ่ม มันค่อนข้างใช้ไม่ได้อยู่นะ

    ‘เรื่องสั้นแปลไปได้กี่เรื่องแล้ว’

    เป็นการถามไถ่จากพี่ปิ่นที่โทรเข้ามาตอนตีสองตอนที่ผมกำลังเคลิ้มหลับ เสียงที่ตอบกลับไปจึงค่อยข้างงัวเงียทั้งที่พยามเค้นเสียงให้ชัดถ้อยชัดคำที่สุดแล้วก็ตาม

    “สามเรื่องเอง เหลืออีกตั้งห้าเรื่องแน่ะ”

    ‘ค่อยๆ ทำไป แล้วเป็นไงบ้างอยู่กับคุณกริมม์ มีขัดข้องใจอะไรบ้างไหม’

    “มีครับ ขอเบิกเงินล่วงหน้าหน่อยได้ไหมครับ สักห้าพันก็ได้”

    ‘อันนี้เป็นคุณกริมม์จ้างส่วนตัวนะจ๊ะ พี่แค่หาคนให้ แต่พี่เองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะมีค่าตอบแทนให้เก้า มากกว่าที่ขอมาแน่นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ให้ฝ่ายการเงินจัดการให้แล้วกัน’

    “ผมเกรงใจครับพี่ปิ่น แต่รบกวนหน่อยนะครับ พอดีจะเอาไปขึ้นทะเบียนบัณฑิต ไว้วันรับปริญญาผมพี่ปิ่นมาด้วยนะครับ ขอเรียนเชิญ”

    คุยกันอีกนิดหน่อย เราจึงวางสายกันไป

    ตุ้บ!

    ไม่ทันได้ร้องตกใจ  หมอนใบหนึ่งถูกโยนลงข้างหมอนผม ก่อนร่างหนาใหญ่จะทิ้งตัวลงนอนเบียดกับผมบนโซฟาเบด

    “เขยิบหน่อย แอร์ฝั่งโน้นเสียมั้ง ผมร้อน แล้วรีโมทย์อยู่ไหน”

    คุณกริมม์ถามหาก่อนจะดึงมือถือจากมือผมไปเปิด touch light เพื่อส่องหารีโมทย์ สักพักจึงเอื้อมมือข้ามตัวผมไปหยิบมันมาเพื่อกดลดอุณหภูมิ

    “อากาศร้อนแล้วผมนอนไม่หลับ มันไม่สบายตัว”

    เขาบอกเหตุผลสำหรับตัวเลข 17  ํC

    “คุณนอนเก็บมือเก็บแขนดีๆ นะ เดี๋ยวผมเผลอทับแล้วจะเดี้ยงรอบสอง”

    “ก็อย่าเผลอสิ”

    “ห้ามกันได้รึไง”

    “งั้นนอนบนพื้นสิไป”

    เอ้า ไอ้นี่ กวนตีนอีกแล้ว มาแย่งที่นอนเขาแล้วยังจะมาไล่กันอีก

    “เรื่องอะไร นี่มันที่นอนผม คุณบุกรุก”

    “พูดมาก นอนได้แล้ว”

    เอาเถอะ ยังไงนี่ก็ห้องนอนของเขา จะโวยวายทำไมกับแค่มีคนมานอนเบียด แต่สุดท้ายกลายเป็นผมซะอีกที่นอนไม่ค่อยหลับเพราะไอเย็นที่แผ่ปกคลุม ขนาดขดกายนอนใต้ผ้านวมผืนโต ยังมิวายสั่นไปทั้งตัว นานเอาการอยู่เหมือนกันกว่าจะข่มตาหลับลงได้ แต่เสี้ยวความรู้สึกขณะหลับฝัน ผมสะท้านเยือกกับสัมผัสสากๆ ที่ถูไถผิวกาย

    ดวงตาพลันเบิกกว้างขึ้นมา ในที่สุดผมก็ได้รู้ เป็นใบหน้าของคุณกริมม์ที่ซบซอกคอผม ยิ่งเขาขยับหน้า ไรหนวดไรเครายิ่งเสียดสี แถมเขายังนอนกกกอดผมซะแน่น

    แสงไฟอ่อนๆ จากดวงไฟที่ระเบียงลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาส่องให้เห็นภาพเลือนลาง ทำให้รู้ว่าเป็นผมที่แย่งผ้าห่มคุณกริมม์มาม้วนกอด ทำให้เขาเผลอมากอดซุกหาไออุ่นจากตัวผมแทน มันคงเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่แม้จะชอบอากาศเย็นสบาย แต่ก็ไม่หยุดที่จะไขว่คว้าความอบอุ่น...

    ยังดีนะที่เขากอดผมผ่านผ้าห่ม ไม่งั้นคงรู้สึกสยิวกิ้วหนักกว่าเดิมแน่

    เพราะแค่นี้... มันก็อึดอัดที่กลางลำตัวแทบแย่แล้ว!

    “คุณกริมม์”

    “……”

    ไร้สุ้มเสียง แต่มีปฏิกิริยาตอบสนอง นั่นคือใบหน้าที่ซุกกอดผมแน่นยิ่งขึ้น

    “เขยิบ... ถอยหน่อย...”

    “……”

    ไร้ถ้อยคำตอบรับเช่นเคย ก่อนปฏิกิริยาที่ตอบสนองจะเป็น

    “จ๊วบ”

    แม้มองไม่เห็น แต่คาดว่าเส้นขนที่แขนผมคงลุกพรึ่บเป็นเกลียว ชี้โด่ชี้เด่ตอบรับสัมผัสชวนสยิวที่ซอกคอ แต่หนักสุดเห็นจะเป็นหัวใจ ที่เต้นเร้าจังหวะลมหายใจของผมถี่ยิบ

    ถ้าหล่อแบบมาร์คต้วน GOT7 แล้วมาทำผมใจสั่นจะไม่ว่าอะไรเลย

    แต่เนี่ย เป็นไอ้บ้ากวนตีนคนหนึ่งแค่นั้นเอง

    แล้วทำไม... ถึงทำให้ผมประหม่าได้ขนาดนี้วะ

    “ยุบหนอ...” ผมงึมงำ “พองหนอ...”

    เชี่ยละ ทำไมมีแต่พอง ไม่มียุบเลยวะ!




ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มีความแอบค้าง...งงงงง มาต่อไวๆนะครัช  :oni2:

ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งุ้ยน่ารักอ่ะ คุณกริมม์คงไม่ได้จะพิสูจน์ทฤษฎีการใช้หนวดซุกไซ้นะคะ :-[ :-[

ตอนแรกคือลังเลกับชื่อเรื่องไม่กล้ากดอ่านเพราะเคยอ่านเทพนิยายกริมม์ล่ะรู้สึกว่าเป็นเรื่องโหดร้าย555555 แต่อ่านเรื่องนี้ล่ะละมุนมากคงไม่มีการพลิกล็อคอะไรแปลกๆแบบเทพนิยายกริมม์นะคะ และรู้สึกว่าเชสกับคุณกริมม์อาจจะเป็นคนเดียวกัน :o8:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ เขียนสนุกดี มาต่อเร็วๆนะคะ
 
:pig4: :pig4: :pig4:

PersephoNE.

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เทพนิยายกริมม์ CH.0 สมัครไลน์


         “ทำไมที่คอเป็นผื่น”

   เป็นประโยครับอรุณจากคุณกริมม์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าสีขาวผืนเล็กที่เขาใช้ซับหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า อดไม่ได้ที่จะมองหนวดเครายาวเฟิ้มของเขาเล็กน้อยอย่างกระอักกระอ่วนใจ

   “แพ้ขนสัตว์! อะไรสักอย่างมั้งครับ”

   เขาพยักหน้ารับรู้ ผมพยักหน้าตาม และเป็นอันจบบทสนทนาเพียงเท่านั้น ก่อนผมจะเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เมื่อออกมาผมก็ไม่พบตัวเจ้าของบ้านแล้ว แต่มีกระดาษโน้ตสีเหลืองแปะอยู่บนแล็ปท็อป

   ‘มีนัดพบหมอ เริ่มงานทุ่มตรง ตามสบายนะ’

   ใกล้กันกับกระดาษโน้ตมีกุญเเจบ้านพร้อมกับเช็กใบหนึ่งวางอยู่ น่าจะเป็นค่าจ้างล่วงหน้าล่ะมั้ง ทำให้ผมคิดว่าเขาแอบได้ยินที่ผมคุยกับพี่ปิ่นรึเปล่า หรือเป็นพี่ปิ่นที่รายงานคุณกริมม์ แต่เอาเถอะ ถือว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างใช้ได้เพราะมีความเห็นอกเห็นใจลูกจ้างตัวจ้อยอย่างผม

   แต่ที่ผมสงสัยก็คือทำไมตะกี้เขาไม่บอกผมล่ะ จะเขียนโน้ตให้เสียเวลาทำไม ชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายตลอด
   ในเมื่อได้โอกาสแล้ว ผมจึงออกไปธนาคารเพื่อเอาเช็กไปขึ้นเงินแล้วจัดการจ่ายเงินขึ้นทะเบียนบัณฑิต เรียบร้อยแล้วจึงเข้าห้างไปหาอะไรทานที่ฟู้ดคอร์ทตามด้วยดูหนังเรื่องหนึ่ง น่าแปลกที่หนังซึ่งกำลังฉายอยู่ในขณะนี้เป็นหนัง Sci-Fi ลุ้นกันหัวใจแทบกระอักเลือด แต่ตลอดแถวที่นั่งเดียวกับผมกลับเต็มไปด้วยคู่รักที่เอนซบและจูจุ๊บกันหวานฉ่ำ หนำซ้ำบางคู่ยังมีล้วงมีบีบ ไม่สะท้านสายตาคนแอบมองบ้างเลย กระทั่งบังเอิญประสานสายตากับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันที่นั่งถัดจากผมไปประมาณห้าที่นั่ง

   เรายิ้มเก้อๆ อย่างปลงตกในสถานการณ์ตรงหน้า...


   aLan   :    พี่ใกล้ถึงบ้านยังเนี่ย
   9Sep.   :    เข้าซอยหมู่บ้านละ
   aLan   :    ระวังร่วง เกาะพี่วินแน่นๆ นะ
   9Sep.   :    คนน่ะช่างมัน แต่มือถืออย่าร่วงพอ แพงงงงง


   ผมส่งข้อความติดขำถึงอลัน มันเป็นเพื่อนใหม่ที่ผมสอยได้มาจากโรงหนังเพราะชะตากรรมต้องกัน เราทำความรู้จักกันหลังออกจากโรงแล้วพบกันในห้องน้ำ จากนั้นก็พากันไปทานมื้อเย็นที่ร้านสเต็ก คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่ามันเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกับผม เลยกลายเป็นยิ่งคุยยิ่งถูกคอ แลกเบอร์แลกไลน์ไว้เผื่อคราวหน้าจะได้นัดกันไปดูหนัง ซึ่งย่อมดีกว่าไปดูคนเดียวเป็นไหนๆ

   ตอนที่พี่วินมอเตอร์ไซด์พาผมมาส่งถึงหน้าบ้านคุณกริมม์นั้น พบว่าบ้านค่อนข้างมืด แต่เพราะมีรองเท้าของเจ้าของบ้านวางเกะกะอยู่ที่หน้าประตู ผมจึงวางใจว่าเขาได้กลับบ้านมาแล้ว แต่ที่ปล่อยให้บ้านมืดแบบนี้คงเพราะเผลองีบตามนิสัยคนชอบอู้งาน


   ซึ่งเป็นอย่างผมคาด แสงสว่างรำไรจากในห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้ ส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าเลือนลางของร่างสูงที่นอนเหยียดยาวบนโซฟาเบดภายในห้องนอน ผมรู้สึกคล้ายมีบางอย่างเปลี่ยนไป แม้จะพยายามเพ่งสายตามองคุณกริมม์ที่หลับใหล แต่มันไม่ชัดเจนพอ ผมจึงกดหน้าจอมือถือให้สว่างวาบแล้วหันส่องไปยังใบหน้าของเขา

   WTH!?

   นั่นคือประโยคแรกที่ผุดเข้ามาในหัวโดยที่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ไม่ใช่เพราะไม่อยากรบกวนจนเผลอทำเขาตื่น แต่เพราะผมไม่สามารถเค้นเสียงออกมาได้ต่างหาก

   ใบหน้าที่ปราศจากเคราหนาครึ้มบดบังโครงหน้าคมสัน ริมฝีปากแดงที่ไม่ได้ถูกลดทอนความเซ็กซี่เพราะหนวดสาก แก้มขาวที่อมชมพูเล็กๆ กระทั่งทรงผมที่สั้นลง ล้วนอวดรายละเอียดบนใบหน้าได้ชัดเจนหมดจด

   อาจไม่ได้หล่อเป็นเทพบุตรเหมือนที่บรรยายไว้ในหนังสือ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาจัดเป็นผู้ชายประเภทหล่อเหลา ที่มาพร้อมด้วยหุ่นสูงสมาร์ท เสน่ห์ที่เปล่งประกายยามหลับใหลนั้น ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนไหนจะกล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ กับเขาได้ง่ายๆ แน่

   และการจะให้ละสายตาจากคนเบื้องหน้าช่างยากเย็นนัก

   “ปล่อยเสียงไลน์ดังอยู่ได้ รำคาญ ผมจะนอน”   

   “คุณมันขี้โกง”   

   ประโยคนั้นทำให้เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เบิกกว้าง หัวคิ้วระหว่างสันจมูกเรียวโด่งขมวดเป็นปม ใบหน้าจึงดูคมเข้มขึ้น เพิ่มบรรยากาศความเป็นผู้ใหญ่จนเหมือนเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้

   “อะไรของคุณ”

   “เป็นแฟนกับเชสก็ยอมรับมาสิ ขี้โกง”   

   “นี่คุณมีผู้ชายมาจีบเหรอ”

   คุณกริมม์เปลี่ยนเรื่อง ผมทำหน้างง ก่อนเขาจะส่งสายตาไปยังหน้าจอมือถือ ผมจึงพลิกกลับมาดูข้อความที่ถูกส่งมาจากอลัน


   aLan   :   พูดก็พูดเถอะ ไม่รู้ว่าจะอิจฉาหรืออะไรดี จูบกันไม่ปราณีหัวใจคนโสดเลย
         ถ้าวันนี้พี่พาแฟนมาดูหนังด้วย สงสัยจะเป็นคู่หนึ่งในนั้น
         แล้วพี่มีแฟนยังอ่ะ
         หรือจะไม่มีใครเอาเหมือนผม
         แบบนั้นก็ดีนะ โสดทั้งคู่
         เหงาๆ ก็คุยเล่นกับผมได้นะครับ


   “ปกตินี่”

   “ปกติเพื่อนผู้ชายในแกงค์คุณคุยกันแบบนี้รึเปล่าล่ะ”

   “ไม่รู้แฮะ ก็คงแบบนี้มั้ง”

   คุณกริมม์ผ่อนลมหายใจยาวคล้ายรำคาญ “บื้อจริงๆ โดนจีบแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

   “บ้าเหอะ ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

   อีกอย่างนะ เบ้าหน้าอย่างผมจะมีผู้ชายที่ไหนอยากได้วะ ถ้าอย่างคุณกริมม์ก็ว่าไปอย่าง หล่อไม่สงสารคนที่วนเวีียนอยู่ในชีวิตบ้างเลย

   “อาจหนักกว่านั้น” คุณกริมม์ลุกขึ้นนั่ง ควานหยิบมือถือตัวเองมาดูเวลาแล้วพึมพำว่าขี้เกียจทำงาน ก่อนจะยื่นมือถือมาตรงหน้าผม

   “อะไรครับ”

   “ไลน์ สมัครยังไง ทำให้หน่อย”

   “หือ?”

   “ผมยังไม่มีไลน์คุณ” ยิ่งทำให้ผมฉงนหนักเข้าไปอีก “ปกติไม่ค่อยได้อยู่ไทย ผมใช้เป็นแต่ WhatsApp”

   “งั้นก็ไม่จำเป็นต้องโหลดให้เปลืองเม็มโมรี่ ไหนๆ ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับใครนี่”

   “จำเป็นสิ... ก็มีคุณไง”

   “เออเนอะ มีไลน์ไว้ก็ดีเหมือนกัน เวลาผมหลับคุณจะได้ส่งข้อความมาแทน ยังไงมือก็เดี้ยงแค่ข้างเดียว”

   จะได้ไม่ต้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาตอนตีสองตื่นสามเพื่อพิมพ์นิยายไม่กี่บรรทัดแล้ววางสายไปเหมือนที่ผ่านมา และขนาดว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ยังมิวายเดินมาปลุกถึงเตียง

   ทว่าคุณกริมม์กลับยิ้มกว้าง ตามด้วยส่ายหน้าอย่างปลงๆ ยิ่งกระหน่ำความงวยงงใส่ผมมากยิ่งขึ้น

   “ไม่ถนัดใช้คำพูด ถนัดใช้ข้อความต่างหาก”

   “แต่เท่าที่เห็น คุณก็พูดตรงดีออก ทำผมเหวอได้ตลอด” แถมยังหน้าด้านโทรรบกวนผมตอนดึกอยู่บ่อยๆ “เอ่อ จะว่าไปคุณเป็นคนพูดน้อยจริงๆ นั่นแหละ แต่พูดทีทำเอาผมหมั่นไส้ตลอด เราให้คำจำกัดความคนพวกนี้ว่า... กวนตีน”

   “เห็นไหม บื้อจริงๆ ด้วย แล้วคุณยังจะชอบเถียงผมอีก”

   เป็นคราวผมที่ส่ายหน้าบ้าง สรุปเราคุยเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย?

   “ผมว่าคุณกวนตีน คุณควรโกรธบ้างสิ นี่ยังยิ้มระรื่นกวนตีนผมได้อีก”

   “ก็ถูกแล้วนี่ ในเมื่อคุณว่าผมกวนตีน”

   ก็กวนตีนอยู่หรอก แต่ทำไมต้องพูดไปยิ้มไป เป็นภาพที่ก่อนนี้ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน  ค่อนข้างไม่คุ้นชิน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาเขายิ้มมันช่วยเสริมให้เขายิ่งมีเสน่ห์ จนผมไม่อาจละสายตาจากหน้าเขาได้เลย กว่าจะรู้ตัวก็เป็นตอนที่เขาเร่งให้ผมจัดการสมัครไอดีไลน์ให้นั่นแหละ ผมถึงได้มีโอกาสมองอย่างอื่นให้มีเวลาสงบจิตสงบใจลง

   “เราเปิดไฟกันหน่อยไหม”

   ไม่รอให้ผมตอบ คุณกริมม์ก็ลุกไปเปิดไฟจนสว่างไปทั้งห้อง ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกขยักขย้อนในช่องท้อง ด้วยรังเกียจความรู้สึกอิจฉาที่ทะลักล้นออกมา... ระดับชั้นของหนังหน้าเราต่างกันเกินไปแล้ว

   “ตั้งชื่อไลน์ให้ด้วย” คุณกริมม์บอกกึ่งสั่งพลางนั่งลงข้างกายผม

   “ใช้แรงงานเกินข้อตกลงว่าจ้างนะเนี่ย... แล้วคุณชอบชื่ออะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

   คุณกริมม์ส่ายหน้า “โนไอเดีย ว่าแต่ของคุณใช้ชื่อว่าอะไร”

   ผมไม่ตอบ แต่ยื่นหน้าจอของผมให้คุณกริมม์ดู

   “9Sep. เก้ากันย์” คุณกริมม์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถาม “วันเกิดเหรอ?”

   “ก็ประมาณนั้นครับ อย่าลืมของขวัญวันเกิดนะ ไหนๆ คุณก็รู้วันเกิดผมแล้ว จะมารู้ทิ้งรู้ขว้างไม่ได้” ผมพูดแก้เก้อไปงั้นแหละ เพราะรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยที่บอกวันเกิดตัวเองให้คนอื่นรู้ แม้จะเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม

   “ผมเกิดวันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายน” งั้นเหรอ แล้วบอกทำไมอ่ะ “แลกกันนะ”

   ว่าแล้วคุณกริมม์ก็ชิ่งหนีด้วยการไปอาบน้ำ ปล่อยผมนั่งบื้อด้วยความรู้สึกแปลกๆ แทบตลอดทั้งคืน ก่อนความคิดอันสับสนวุ่นวายจะแตกกระเจิง ด้วยถูกคุณกริมม์ในมาดเทพบุตรสุดหล่อกวนตีนตอนตีสาม

   “คุณกริมม์! คุณจะส่งรูปมาให้ผมทำไมนักหนา”

   ผมตะโกนไปยังคนที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แสงสว่างจากหน้าจอไอแมคสาดกระทบใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณกริมม์ จะว่าไปช่วงหลังๆ ผมมักเห็นเขานั่งประจำที่ตรงนั้นหลังผมเข้านอนเสมอ ไม่รู้ว่าทำงานหรือแอบโหลดหนังโป๊ เพราะผมไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เวลาทำงานก็จะใช้แล็ปท็อปเครื่องเล็กที่คุณกริมม์ให้มา

   “หัดเล่น”

   “ส่งรูปหมาแมวมาให้ผมบ้างก็ได้”

   “ไม่มีหรอก”

   “งั้นก็ไม่ต้องส่ง ผมไม่อยากได้รูปของคุณ”

   แต่กลับกดเซฟทุกรูปที่ ‘11Nov.’ ส่งมา


+++++++

เขาเริ่มมุ้งมิ้งกันบ้างละ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

ขออนุญาตตอบคอมเมนท์คุณ PersephoNE.

   - ตอนแรกก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะตั้งชื่อเรื่องนี้ดีรึเปล่า กลัวคนอ่านเห็นชื่อแล้วจะหมดอารมณ์อ่านด้วยระแวงกลัวมันจะจบแบบทำร้ายจิตใจ. แต่คนเขียนชอบชื่อ กริมม์ และอยากเขียนให้มันสมหวังต่างจากชื่อที่คนคุ้นเคย
ฉะนั้นรับรองได้ค่ะ ว่าสมหวังแน่นอน ไม่หลอกมุ้งมิ้งแล้วตลบร้ายแน่นอน. ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

++++++++

พูดคุยกันได้ที่  เพจ : ブーリナ : Boorina

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่าย๊าก...กกกกกกกกกก   :m3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นตอนที่ละมุนละไมอ่ะ :-[ ทำไมรู้สึกว่าคุณกริมม์หึงที่เก้ากันย์ไปคุยกับอลัน :hao3:

สรุปคุณกริมม์ชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายหรือทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เอ๊ะ ยังไง :laugh:

คนเขียนยืนยันมาแบบนี้เราก็สบายใจว่าจะไม่เกิดการพลิกล็อค :hao7: :hao7: ขอให้ความหวานอยู่ไปจนจบเรื่อง :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4:

PersephoNE.

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แหม่ ไม่ส่งรูปหมารูปแมวก้อได้จ้า เดี๋ยวนี้เค้าส่งรูปหวิวๆกัน

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

   บรรยากาศการทำงานระหว่างผมกับคุณกริมม์กลับมาเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนแรกเริ่มรู้จัก ไม่มีการกวนตีนหรือรอยยิ้มขี้เล่นกระชากใจ ถูกเป็นนิ่ง ผิดเป็นโดนบ่น แต่เนื้องานที่ได้กลับไหลลื่นและก้าวหน้าไปเยอะ มีบ้างเหมือนกันที่รู้สึกคล้ายถูกแอบมอง ซึ่งต่างจากช่วงเวลาพักที่คุณกริมม์จะเข้ามาวนเวียนใกล้ๆ พูดป่วนประสาทหน้าตาย หรือจะเป็นช่วงเวลาก่อนนอนที่คุณกริมม์ชอบหาข้ออ้างมานอนข้างๆ ผม

   มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน สร้างอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย ซึ่งต่างตีรวนความคิดของผมจนยุ่งเหยิง ผมไม่อยากคิดสงสัย แต่มันก็คิดไปแล้ว...

   คุณกริมม์กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ผม?

   หรือบางทีเขาอาจเป็นเพียงคนขี้เหงาเท่านั้นเอง

   เวลานับเดือนที่อยู่ด้วยกัน ผมแทบไม่เคยเห็นเขาคุยโทรศัพท์กับใคร มือถือเงียบเหงาไร้เสียงริงโทนเรียกเข้า มีเพียงการส่งอีเมลติดต่อเรื่องงาน ไปพบหมอตามนัด เอาเข้าจริงๆ ผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณกริมม์เลย กระทั่งชื่อที่ผมเรียกเขาทุกวันนี้ มันเป็นชื่อจริงๆ ของเขารึเปล่าก็ไม่แน่ใจ

   นี่ผมจะใช้เวลาคิดหมกมุ่นเรื่องของคุณกริมม์มากเกินไปรึเปล่า

   ผมควรหยุดสนใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ดีกว่าเหรอ จะปล่อยให้คนที่ไม่ชัดเจนในการกระทำปั่นหัวผมทำไม แต่ความคิดนั้นกลับตีย้อน ว่าหากเขาชัดเจนขึ้นมา ผมจะทำยังไง ซึ่งนั่นส่งผลให้ปลายนิ้วที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์ชะงัก

   เพราะคำตอบที่ได้คือ ‘ไม่รู้’ ผมกำลังหวั่นไหวใช่รึเปล่า

   แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้บื้ออย่างที่คุณกริมม์คิดแน่นอน ผมรู้ว่าระหว่างเราได้มีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว...

   อย่างน้อยก็เป็นตัวผมที่ไม่มีสมาธิทำงานฟรีแลนซ์ที่รับมา นั่นก็คืองานกราฟฟิกดีไซด์ รวมทั้งงานทำปกหนังสือจากสำนักพิมพ์ของพี่ปิ่น ซึ่งวันนี้คุณกริมม์ออกไปทำธุระผมจึงว่างทำงานอื่นบ้าง อันที่จริงผมอาสาขับรถให้เขานะ แต่เขากลับบอกว่าอยากให้ผมพักผ่อน ส่วนตัวเขาก็โบกแท็กซี่ไปเพราะมือยังเจ็บจึงไม่สะดวกขับรถเอง

   “หนังสือเยอะแฮะ”

   ผมถือโอกาสสำรวจตู้หนังสือที่มีหนังสือหลายประเภท ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมทั้งภาษาอื่นๆ คาดว่าคุณกริมม์คงเก่งหลายภาษาน่าดู แต่หนังสือจำพวกวรรณกรรมมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย เยอะสุดเห็นจะเป็นวรรณกรรมแฟนตาซี และสืบสวนสอบสวน ส่วนนิยายรักเหมือนจะไม่มีเลยสักเล่มเดียว ช่างเป็นคนที่หัวใจแห้งเเล้งเหลือเกิน

   ที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือ เมื่อเลื่อนชั้นหนังสือด้านหน้าออก จะพบชั้นหนังสือด้านหลัง ซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือชุด G.Ares No.XI ของ เชส ชาร์ลิโอ ฉบับแปลภาษาต่างประเทศหลายสิบภาษา ผมลองนับดูแล้วเป็นอันตะลึง เพราะมันมีครบทั้ง 63 ภาษา กินพื้นที่ชั้นหนังสือด้านในทั้งหมด

   “ท่าทางจะเป็นแฟนคลับตัวยง”

   ความคิดนั้นทำให้ผมเกิดความรู้สึกหน่วงลึกอย่างบอกไม่ถูก ที่ความสนใจหลักของเขายังคงเป็นเชส ชาร์ลิโอ คนเราต่อให้เป็นแฟนคลับ ติดตามผลงานคนที่ตัวเองชื่นชอบผลงานแค่ไหน แต่การตามเก็บหนังสือทุกเวอร์ชั่นภาษารวมแล้วเกือบพันเล่ม มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นๆ ของเชสด้วยซ้ำ

   ถ้าไม่เพราะปลื้มมาก (ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช่)

   ก็คงเพราะมีความสัมพันธ์พิเศษกับเชส ดีไม่ดีหนังสือพวกนี้อาจเป็นของเชสซะมากกว่า เนื่องจากแต่ละเล่มที่ผมเปิดดู มีลายเซ็นต์กำกับทุกเล่มจนน่าประหลาดใจ

   ความคิดหลังเข้าท่า นั่นย่อมหมายความว่าเชสเคยอยู่ที่นี่มาก่อน

   ถ้าสมมติฐานนั้นเป็นจริง แล้วทำไมคุณกริมม์ต้องแสดงออกคล้ายสนใจผมด้วย

   หรือว่าเขสก็เป็นผู้ชาย เลยเป็นสาเหตุให้เขาสนใจผมขึ้นมา?

   ผมโขกหัวกับชั้นหนังสือ พยายามสลัดเรื่องมโนที่ผุดเข้ามาในหัว ไม่อยากหัวหมุนไปกับเรื่องที่ไร้การยืนยัน ก่อนจะคว้ามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อกดโทรหาพี่ปิ่น

   ‘ว่าไงน้องรัก’

   “ผมขอถามหนึ่งคำถาม... พี่ปิ่นตอบผมมาตรงๆ นะครับ”

   ‘อะไรเหรอ น้ำเสียงซีเรียสจัง’

   “คุณกริมม์ กับ เชส ชาร์ลิโอ มีความสัมพันธ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกันใช่ไหม”

   ‘เอ่อ นี่อย่าบอกนะว่ารู้อะไรมา’


   “พอสมควรครับ นานะ รับรองผมไม่บอกใคร นะครับพี่ปิ่น”

   ‘ที่จริงพี่ก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอก เพราะข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งรายละเอียดของสัญญา ตัวตนที่แท้จริงของเชส มีเพียงคนเดียวที่รู้ก็คือคุณลิลิต หุ้นส่วนใหญ่ของสำนักพิมพ์ เธอเป็นคนที่ทำให้การเจรจาของซื้อลิขสิทธิ์สำเร็จ ตัดหน้าสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่อื่นๆ’

   “แล้วเรื่องคุณกริมม์ล่ะครับ จะว่าไปเขาก็แทบไม่เคยออกสื่อพอกับเชส”

   ‘เฮ้อ... ไม่รู้นะ แต่เคยเห็นคุณลิลิตเธอร้องไห้ใส่คุณกริมม์ เหมือนทั้งสองคนรู้จักกันดีจนถึงขั้นสนิทสนมกัน’

   นี่มันอะไรกัน?

   ยิ่งค้นหาคำตอบก็ยิ่งงงงวย ตกลงคุณกริมม์มีความสัมพันธ์กับใครกันแน่ ระหว่างคุณลิลิต กับ เชส ชาร์ลิโอ?

   ‘พี่เห็นว่าเก้าเป็นเด็กดี และเป็นแฟนคลับเหนียวแน่นของเชสกับคุณกริมม์หรอกนะถึงได้บอก หวังว่าจะเก็บไว้เป็นความลับนะ ถึงมันจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเชสสักเท่าไหร่ แต่เพราะคุณกริมม์กับเชสน่าจะเกี่ยวข้องกัน กลัวว่ามันจะส่งผลถึงกันแล้วกระทบต่องานเล่มอื่นๆ พี่กลัวว่าลิขสิทธิ์หนังสือของเชสจะตกเป็นของสำนักพิมพ์อื่นน่ะ’

   “ครับ ผมไม่บอกใครหรอก อ้อ ผมเป็นแฟนคลับเชส ชาร์ลิโอ คนเดียวครับ... คุณกริมม์ผมไม่นับ!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   ผมปวดตับ!

   “ชายหนุ่มถูกจัดให้อยู่ในท่านอนเหยียดยาวบนฟูกนุ่ม มือทั้งสองถูกรัดแน่นด้วยเชือกป่านหนาตรึงไว้กับเสาเตียง อ้า ช่างเป็นศิลปะที่สวยงาม ร่างกายแดงฉานไปด้วยเลือดที่ทะลักไหล กลิ่นคาวอบอวลเย้ายวน ประสาทหวนรำลึกถึงอดีต เหมือนกับตอนนั้น... ให้พอก่อนไหม เหมือนไม่มีสมาธิ”

   ผมเงยหน้ามองคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงาน

   “ขอโทษครับ”

   “ไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า ร้านกาแฟอยู่ชั้นหนึ่ง เหมือนจะเห็นแว้บๆ”

   ผมพยักหน้า ก่อนจะหอบหิิ้วแล็ปท็อปเดินตามคุณกริมม์ไป วันนี้เราออกมาทำงานนอกบ้าน เพราะคุณกริมม์บอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศ จึงพากันมาที่หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานครที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อไม่กี่เดือนก่อน บรรยากาศดีเหมาะแก่การมานั่งชิลๆ นอกบ้าน ด้วยการตกแต่งอาคารสไตล์อาร์ตเดคโคอันสง่างาม แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอารยธรรมตะวันตก ซึ่งผสมผสานอย่างลงตัวกับการตกแต่งแบบศิลปะไทย ภายในโล่งโปร่งสบายด้วยสีเหลืองนวลที่ให้ความรู้สึกเย็นสงบ เป็นบรรยากาศที่เข้ากันดีกับบุคลิกเรียบง่ายแฝงความลึกลับของคุณกริมม์

   “คุณรู้ใช่ไหมว่าผมปลื้มเชสมาก” ผมบอกหลังจากดูดเอสเพรสโซ่ไปกว่าครึ่งแก้ว

   คุณกริมม์พยักหน้า ยกแก้วกาแฟดำที่มีไอร้อนกรุ่นลอยขึ้นมาจิบ

   “คุณทำผมอิจฉานะ รู้ตัวไหม”

   ตั้งแต่วันนั้น คุณกริมม์ก็พูดจาทำนองนี้ใส่ผมบ่อยๆ แล้วจะให้ผมบื้อคิดว่าเป็นปกติตามประสาผู้ชายคุยกันงั้นเหรอ 

   “อิจฉาอะไร”

   “อะไรๆ ก็เชส แล้วกริมม์ล่ะ อยู่ในความคิดคุณบ้างไหม”

   “กริมม์เป็นชื่อคุณจริงๆ รึเปล่า หรือเป็นแค่นามปากกา”

   คุณกริมม์เอนแผ่นหลังพิงกับพนัก ใช้นัยน์ตาสีเขียวจ้องมาที่ผม

   “คุณสนใจเรื่องผมด้วยเหรอ ดีใจจัง”

   “ที่จริงผมก็ปลื้มอยู่หน่อยๆ เหมือนกันที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนักแปลหนังสือในตำนาน แต่ความหมั่นไส้ยังมีมากกว่าอยู่ดี ผมสารภาพก็ได้ ผมเคยคิดว่าการได้มาร่วมงานกับคุณจะทำให้ผมเข้าใกล้เชสมากขึ้นอีกหน่อย”

   “ผมคงมีค่าเพียงสะพานให้คุณก้าวย่ำไปหาเชส” นัยน์ตาสวยของคุณกริมม์หรี่เล็กลง “ระวังสะพานจะแกล้งชำรุดระหว่างที่คุณเดินจนตกน้ำไปล่ะ ขอเตือนว่าอย่าทำให้ผมหมั่นไส้คุณมากไปกว่านี้ บอกแล้วไง ว่าผมมันขี้อิจฉา”

   คำพูดคำจาของเขาช่างหน้าด้านหน้าทน ไม่สนใจบ้างว่าจะทำให้ผมหวั่นไหวในใจ แม้เขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็มีพลังทำลายล้างหัวใจคนให้สั่นคลอนได้

   “คุณนี่มัน... ชอบหว่าน...”

   “ผมยังหมั่นรดน้ำพรวนดินด้วยนะ เผื่อว่ามันจะเติบโตงอกงามจนทะลักหัวใจคุณออกมา เฮ้อ รีบๆ ถอนรากเหง้าคนชื่อเชส ชาร์ลิโอ ออกมาจากหัวใจคุณทีเถอะ”

   “คงไม่ได้หรอก เพราะเชสคือแรงบันดาลใจของผม ผมมีเหตุผลให้คลั่งไคล้เธอ”

   คุณกริมม์เลิกคิ้วสูง ขยับกายเท้าคางลงบนฝ่ามือที่ชันศอกกับพื้นโต๊ะ

   “ผมอยากฟัง เล่าได้ไหม”

   ผมจึงเล่าให้คุณกริมม์ฟัง... ถึงจุดเริ่มต้นระหว่างผมกับเชส เธอซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของผม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาแล้ว... ตอนหน้าเด๋วจะได้รู้เหตุรู้ผล... และได้เห็นเขามุ้งมิ้งเพิ่มระดับ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รักก็บอกว่ารักสิ อิอิ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณกริมม์ขยันอ้อย..ยยยยยเน๊อะ  :hao3:

ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้เขาก็มุ้งมิ้งกันอีกแล้ว :o8: เป็นประโยคจีบกันที่เหมือนคุยเรื่องทั่วไปมาก :hao7:

 :pig4: :pig4: :pig4:

PersephoNE.

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

   ในช่วงปิดเทอมสมัยเรียนมัธยมปลาย ผมเคยสมัครพาร์ทไทม์เป็นเด็กขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ทั้งที่ไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือ แต่เพราะอยากได้เงินไว้ซื้อคอมพิวเตอร์ไฮท์สเปกเพื่อมาเล่นเกมส์ ทำให้ผมยื่นใบสมัครไปยังสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง โดยก่อนสัมภาษณ์ ผมได้เข้าไปอ่านรีวิวหนังสือเล่มดังของสำนักพิมพ์เตรียมไว้สำหรับการตอบคำถาม ซึ่งนั่นทำให้ผมได้งานนี้


   แต่ดูเอาเถอะ หมวดหนังสือที่ผมได้รับผิดชอบขายคือหมวดหนังสือวาย ทั้ง Yaoi และ Yuri จึงถูกเทรนเป็นอย่างดีว่าต้องปั้นหน้าและพูดจายังไงถึงจะถูกใจสาววาย มีการบังคับให้จับคู่กับเพื่อนร่วมงานให้เป็นคู่จิ้นอันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผลไม่น้อย


   ผมที่ไม่คุ้นชินกับเรื่องแบบนั้นจึงค่อนข้างหลุดเขินจนหน้าแดงอยู่บ่อยๆ ไหนจะมีพลพรรคนักอ่านจากบูธตรงกันห้ามให้ความสนใจอีก เนื่องจากบูธของผมหันหน้าเผชิญกับบูธสำนักพิมพ์ของพี่ปิ่นที่คนทะลักบูธเพราะหนังสือเรื่องดังอย่าง G.Ares No.XI เล่ม 6 วางจำหน่าย นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่ามีหนังสือเรื่องนี้อยู่บนโลก


   เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ผมได้หยุดชะงัก... คล้ายเห็นภาพคุ้นตาของใครบางคนยืนอยู่บูธฝั่งตรงกันข้ามในหัว


   หนึ่ง... พี่ปิ่น ใช่ ต้องพี่ปิ่นแน่ๆ แว่นตาโตๆ ผมยาว หน้ากลม ตัวขาว ถึงว่าล่ะ ตอนถูกแนะนำให้รู้จักว่าพี่แกเป็นสายรหัสปีสี่ ผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอแกที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก


   สอง... หนุ่มลูกครึ่งร่างสูง แต่งกายสมาร์ทดูดี แต่ดูติสท์ด้วยผมยาวที่ถูกรวบมัดไว้หลวมๆ ปอยผมส่วนหนึ่งร่วงเคลียต้นคอและแว่นตาเลนส์โต เขาคล้ายจะส่งสายตามองมาที่ผมบ่อยๆ ไหนจะเดินมาหยิบหนังสือวายตรงหน้าผมขึ้นมาเลือก แต่ก็ไม่เคยซื้อเลยสักเล่ม


   ‘เล่มนี้สนุกไหม พอจะอธิบายคร่าวๆ ให้ผมฟังได้รึเปล่า’


   ‘เป็นแนวแอบรักเพื่อนน่ะครับ ดราม่านิดหน่อย แต่เน้นฮา อารมณ์ดี’


   ‘เล่มนี้ล่ะ เหมือนจะแฟนตาซี’


   ‘พระเอกเป็นยมทูตหน้าตายครับ’


   ‘น่าสนใจดี... ผมเห็นคุณมองไปบูธตรงข้ามบ่อยๆ มีหนังสือที่สนใจงั้นเหรอ’


   ‘บอกตามตรง ผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือหรอกครับ ขี้เกียจ แต่ผมเห็นปกหนังสือชุด G.Ares No.XI เห็นว่าเป็นเรื่องดัง แต่ผมว่าปกมันไม่อาร์ตเลยแฮะ เรียบเกินไปจนหาจุดเด่นไม่ได้’


   ‘คุณไม่เคยอ่าน? อืม งั้นคุณรู้ได้ยังไงว่ามันไม่เข้ากับเนื้อเรื่อง’


   ‘ผม… คงทำให้คุณไม่พอใจ คุณเป็นแฟนคลับนิยายเรื่องนั้นใช่ไหม ผมขอโทษแล้วกัน แต่ผมก็ยังยืนยันความคิด’


   นั่นเป็นบทสนทนากับชายแปลกหน้าที่ผมพอจะจำได้ ซึ่งก่อนที่เขาจะเดินจากไป เขาได้ยื่นหนังสือ G.Ares No.XI เล่ม 1 ที่ค่อนข้างเก่า มีรอยยับเหมือนผ่านการอ่านมาแล้วหลายรอบ ทั้งยังมีรอยปากกาขีดเขียนที่ค่อนข้างอ่านยาก พร้อมกับคำพูดหนึ่งที่เขาทิ้งท้ายไว้


   “ผมอยากให้คุณลองอ่านดูนะ อยากรู้ว่าจะมีภาพอะไรเกิดขึ้นในจินตนาการของคุณบ้าง จากนั้นก็ลองดีไซด์ปกอย่างที่คุณชอบ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจมีชื่อคุณ เป็น illustrator cover design ของหนังสือชุดนี้... ส่วนตัวผมค่อนข้างแสลงกับศิลปะ ไม่ค่อยมีไอเดียในเรื่องนี้ ขอแค่เนื้อหาน่าอ่าน น่าสนใจ ผมก็พร้อมที่จะเปิดอ่านแล้ว... เหมือนกับคนนั่นแหละ ขอแค่เนื้อแท้เขาดีงามก็มีค่ามากพอแล้ว”


   ผมอ่านหนังสือเล่มนั้นในคืนที่ได้รับมา แน่นอนว่าผมหยุดอ่านไม่ได้ กลายเป็นว่าวันรุ่งขึ้นผมต้องเดินไปบูธตรงกันข้ามเพื่อซื้อเล่ม 2 กระทั่งวันสุดท้ายของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ทันทีที่ได้รับซองเงินค่าจ้าง ผมรีบไปซื้อหนังสือทุกเล่มของเชส


   ผมที่ในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กที่มีความสุขกับการเล่นเกมส์ ไม่รู้ว่าในอนาคตอีกหนึ่งปีจะสอบคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหน ได้มีเป้าหมายชีวิตเล็กๆ ผมอยากดีไซด์รูปเล่มหนังสือวรรณกรรมชุด G.Ares No.XI


   ในวันที่ผมบอกเป้าหมายกับแม่ซึ่งรอที่จะให้คำปรึกษาผมตลอดมานั้น แม่ยิ้มมีความสุขแล้วพาผมไปซื้อหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลงคอร์ทติวเข้ม และซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่พร้อมเมาส์ปากกาให้กับผม


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   “ทุกวันนี้ผมก็ยังฝันนะ... ผมอยากดินเนอร์กับเธอแล้วพูดขอบคุณ”


   หลังเล่าเรื่องราวของผมให้คุณกริมม์ฟังแล้ว ผมจึงได้บอกถึงความปรารถนาที่เก็บไว้ในใจตลอดมา เพราะมีหนังสือของเชสจึงทำให้คนที่มองไม่เห็นอนาคตได้พบกับจุดเริ่มต้นที่จะก้าวเดินไปยังจุดหมายปลายทาง


   “คุณกริมม์”


   “หืม?”


   “เราเคยพบกันมาก่อนใช่ไหม”


   คุณกริมม์ยิ้ม ยื่นนิ้วชี้มาจิ้มหน้าผากผมจนหัวโคลงไปด้านหลัง


   “เพิ่งนึกออกรึไง ไอ้้เด็กความจำสั้น” บอกแล้วก็ถอนหายใจพรวดยาวใส่หน้าผม “ก่อนที่คุณจะรู้จักเชส ชาร์ลิโอ คุณพบผมก่อนนะ ดังนั้นคุณควรคิดถึงผมมากกว่า เพราะผมเป็นคนทำให้คุณรู้จักกับเขา ผมต้องเป็นที่หนึ่งน่าจะถูกสิ  แต่นี่อะไรกัน ผมกลับถูกคุณลืม ผมน้อยใจเป็นนะเก้ากันย์”


   “คุณ…”


   ผมจนคำพูด... ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะหลงลืมคนๆ นั้นในอดีตไป ทั้งที่เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองจนทำให้แม่คลายกังวลและยิ้มได้  ผมนี่ก็บ้าเนอะ มัวคิดถึงแต่เชสจนหลงลืมเขาคนนี้ตรงหน้า


   “คุณเลิกพูดจาเลี่ยนๆ ได้แล้ว คนอย่างผมมีอะไรให้คุณเต๊าะฮะ”


   “คุณมีบางอย่างดึงดูดผม และนี่เป็นอีกครั้งที่ผมสนใจคุณนะเด็กน้อย รู้ตัวบ้างเถอะ เลิกบื้อคิดว่าผมแกล้งคุณเล่นได้แล้ว... ถามจริงๆ นะ คุณจำผมไม่ได้เลยเหรอ ไม่เอะใจสักนิดเลยรึไง”


   ผมส่ายหน้า “ตอนนั้นคุณผมยาว”




   “คุณเป็นคนประเภทจำหน้าคนไม่เก่งใช่ไหม”


   “ผมสับสนอยู่บ่อยๆ ว่าตัวเองอาจเป็นฝาแฝดกับเซฮุน EXO”


   “งั้นผมคงเป็นพี่ชายฝาแฝดของคริส อีแวนส์ แล้วล่ะ... แต่อันที่จริง คุณน่ากอดกว่านั้นเยอะ”


   ผมเกลียดคำพูดประเภทที่ทำให้ผมสตั้นนิ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้หน้าซ่านแดง และกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นรอยยิ้มที่อาจผลิกว้างจนทำให้คุณกริมม์ได้ใจ


   “ผมว่า... ผมไม่เคยทำอะไรให้คุณประทับใจจนอยากจีบนะ เรื่องหน้าตานี่ตัดออกได้เลย” เพราะผมค่อนข้างหน้าตาธรรมดา หุ่นสูงเพรียว ไม่แห้ง ไม่ก้าง ไม่จีน ไม่ไทย ไม่เด่นไปทางไหนสักทาง


   “ผมอยากให้คุณสนใจและค้นหาผมเหมือนที่คุณพยายามเพื่อเชส... ฉะนั้นผมจะไม่บอกคุณหรอก แต่คุณช่วยเดินเข้ามาในชีวิตผมต่ออีกหน่อยได้ไหม ผมอยากให้คุณรู้จักผมมากกว่านี้ด้วยตัวคุณเอง แล้วตัดสินใจว่าคุณจะเซย์เยสกับผมไหม”


   ทั้งที่กาแฟในแก้วหมดไปแล้ว แต่ผมยังคงพยายามที่จะดูดมันขึ้นมา คงเป็นการกระทำที่ดูน่าขำจนคุณกริมม์หลุดขำ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมประหม่าลึกจนต้องเปิดฝาแก้วออก หยิบก้อนน้ำแข็งโยนเข้าปาก เคี้ยวกรุบๆ จนชาไปทั้งกระพุ้งแก้ม แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้ผมสงบสติลงได้เลย


   “ผมไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน”


   “คุณกลัว?”


   “ก็คุณเป็นผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย มันไม่ง่ายนักหรอก เรื่องของเราจะดำเนินไปยังไง แล้วปลายทางมันจะจบลงแบบไหน ถ้าหากผมปล่อยใจให้ถลำลึกไปกับคุณแล้วผมต้องเสียใจล่ะ... ผมมีสิทธิ์กลัวไม่ใช่เหรอคุณกริมม์”


   “ผมไม่อาจสปอยด์เรื่องราวของเราในวันข้างหน้าได้ และผมก็ไม่สามารถขอให้คุณคิดถึงแต่ภาพความสุขอันสวยงามทั้งที่ยังเดินไปไม่ถึง แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกดีๆ มอบให้ผม คุณอย่ากลัวได้ไหมที่จะจับมือผมแล้วเดินไปตามเส้นทางที่เราเลือก”


   เป็นประโยคคำพูดที่สร้างความคุ้นเคย คล้ายเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่มันยากเกินกว่าจะคิดออก ในจังหวะที่ผมครุ่นคิด คุณกริมม์ได้เอื้อมมือมากุมมือที่เปียกชื้นเพราะน้ำแข็งของผม เขาบีบกระชับแน่นพร้อมตรึงสายตามั่นคงมองมา


   “ผมจะทำให้คุณตะลึงด้วยรอยยิ้มยินดีกับความรู้สึกของผมที่มีให้คุณ... คุณแค่เชื่อมั่นในตัวผม เพราะนั่นคือกำลังใจที่มีค่าที่สุดสำหรับผม”


   เหมือนผมกำลังนึกออก... ประโยคคลับคล้ายคลับคลาเหล่านี้


   แต่ก็เหมือนมีม่านหมอกบางๆ กั้นอยู่


   “เลิกใช้คำพูดวาดฝันให้ผมได้แล้วน่า”


   คุณกริมม์ยิ้ม “จำได้ใช่ไหม พิมพ์ลงในต้นฉบับด้วยนะ”


   “นี่! กวนตีนเหรอ”


   “คุณชอบลืม ผมกลัวคุณจะลืมผมอีก”


   ส่วนผมก็กลัวว่าหัวใจจะพองโตจนระเบิด ในคืนนั้นจึงพาตัวเองมานอนที่ห้องนั่งเล่น ไม่อาจวางใจแล้วปล่อยตัวเองให้อยู่ใกล้คุณกริมม์มากไปกว่านี้ กลัวว่าจะเผลอไผล ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาด้วยความไวแสง


   ผมยังอยากมีสติเพื่อการตัดสินใจ ยังอยากมีเวลาเพื่อได้เรียนรู้ ยังอยากรู้จักคุณกริมม์ให้มากกว่านี้


   ผมจึงได้รู้ว่า ‘กริมม์’ เป็นชื่อจริงๆ ของเขา


   คุณกริมม์อายุ 32 ปี แม้จะอายุมากกว่าผมสิบปี แต่เขามีความหล่อสมาร์ท และเซ็กส์แอพพีลอย่างที่หาได้ยากจากคนอายุยี่สิบต้นๆ อย่างผม ครอบครัวพ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่ฝรั่งเศส ส่วนเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ก่อนจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในอังกฤษ และเลือกเส้นทางชีวิตที่ชอบมากกว่ากลับไปช่วยธุรกิจครอบครัว


   เขาบอกผมเพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือเขาบอกว่าค่อยๆ เรียนรู้กันไป


   “เข้าไปนอนในห้องด้วยกันเถอะ” เสียงกระซิบในความมืดดังใกล้หูผม ทุ้มลึกแต่อ่อนโยน  “อย่าดื้อ”


   “คนจะนอน อย่ากวน” ผมแกล้งส่งเสียงงัวเงียออกไป ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง กันไออุ่นจากลมหายใจของเขาที่กระทบใบหน้าผมจนเกร็ง


   แต่ผมคิดผิด ความเกรงใจไม่เคยอยู่ในสารบบของคุณกริมม์ เขากระชากผ้าห่มออก ผมอ้าปากเตรียมพร้อมต่อว่า แต่กลับช้ากว่าริมฝีปากที่พุ่งเข้ามาบดเบียด ความตกใจพาให้ร่างชะงักงัน เปิดโอกาสให้เขาสัมผัสลึกเข้ามา ปลายลิ้นฉ่ำชื้นพัวพันดูดกลืน ยิ่งเบี่ยงหน้าหนีเขายิ่งสอดลึกมอบสัมผัสร้อนอุ่น...


   เป็นดีฟคิสที่ตีกระเจิงความคิดของผมจนพ่ายแพ้


   “รังเกียจไหม”


   ผมได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองดังก้อง “ก็... ค่อนข้างดี”


   “อย่าหนีผม”


   แค่ถอยห่างมาตั้งหลักเฉยๆ คุณกริมม์ต่างหากที่ทำตัวเหมือนเด็กถูกทิ้ง ตามมาเกาะเเกะเอาแต่ใจ นี่เป็นแผนการของเขาหรือเปล่าที่ตอแยให้ผมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมชักสงสัยแล้วสิ


   “ขอผมจูบคุณอีกครั้งได้ไหม”


   “เพื่อ?”


   “อยากให้คุณรู้สึกมากกว่าเลเวล ‘ค่อนข้างดี’ เหมือนผม... ที่มีความสุขมากที่ได้จูบคุณ”


   คำพูดของเขาชวนใจละลาย ทำให้ผมเคลิ้มฝัน เหมือนตัวเองอยู่ในไอหมอกสีขาว รอบกายมองไม่เห็นใคร ทำให้ในสายตาและความคิดมีเขาเพียงหนึ่งเดียว


   “คุณตอบคำถามผมหนึ่งข้อ” คุณกริมม์พยักหน้า “คุณลิลิตเป็นแฟนเก่าคุณรึเปล่า”


   “แฟนเก่าเชสโน่น”


   เชสเป็นผู้ชายงั้นเหรอ?


   ช่างสิ เพราะที่ผมสนใจมากที่สุดในตอนนี้ คือผู้ชายตรงหน้าที่เฝ้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน


   “จูบผม... คุณกริมม์”

++++++++

หวังว่าจะอมยิ้มกับตอนนี้นะคะ  ที่จริงเป็นพาร์ทที่ชอบมาพาร์ทหนึ่งของเรื่องเลย

ปล. ฝากเรื่องสั้นเรื่อง ' MSN กระดาษ '  ที่กำลังตีพิมพ์ในเล่ม Y Do You Love Me? เล่ม 3 กับ สนพ. everY ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านคุณกริมม์ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2017 22:47:53 โดย Boorina »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
“จูบผม... คุณกริมม์”
มันออกจะเพ้อๆ เรื่องน่ารักมากค่า อัพเร็วด้วย ตามเช็คทุกวัน ขอสมัครเป็นแฟนคลับน๊า   :m1:

ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นอีกหนึ่งตอนที่น่ารักมากจริงๆค่า :-[ เขาจูบกันแล้ว ต่อไป... :oo1:

ขอบคุณค่ะ

PersephoNE.

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ว้าววววว. เขินจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0





   การใช้ชีวิตในแต่ละวันเริ่มยาก...

   มันยากที่หัวใจของผม แค่นั่งใกล้กันก็ทำผมประหม่า แค่ถูกเขาพูดกวนประสาทก็ทำให้มีความสุข ผมไม่ใช่เกย์ แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่ถูกผู้ชายเดินหน้าหว่านเสน่ห์ใส่ ผมชอบผู้หญิง แต่กลับชอบที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองจมอยู่ในอ้อมกอดของคนที่แอบปีนขึ้นเตียงผม หรือจะเป็นตอนที่เขาขโมยจูบผมตอนหลับ รวมทั้งตอนที่ผมเคลิ้มจนยอมให้เขาจูบ

   ผมชอบน้ำเสียงของเขาที่ร่ายออกมาให้ผมพิมพ์ลงไปในต้นฉบับ มันได้จังหวะอารมณ์และลุ้นมากกว่าฟัง Audio Book เป็นไหนๆ เหมือนเขากำลังเล่านิทานก่อนนอนให้ผมฟัง รู้ตัวอีกทีผมก็เสพติดการที่มีเสียงของเขาดังคลออยู่ใกล้ๆ ไปแล้ว

   หลายครั้งที่ผมพยายามฝืนปฏิเสธ กรอกหูตัวเองว่ามันเป็นผลข้างเคียงของความใกล้ชิดที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ผมต้านทานไม่ไหว ยอมรับก็ได้ว่าเหมือนจะชอบเขาอยู่นิดๆ เหมือนกัน

   แต่มันมากพอให้เกิดเป็นความรักรึเปล่า ข้อนี้ยังต้องใช้เวลาในการหาคำตอบ ผมกลัวว่าหากตอบตกลงไป แล้วมาพบในภายหลังว่าผมไม่ได้รู้สึกมากพอ ผมจะทำให้เขาเจ็บ เพราะผมสัมผัสได้ว่าความอ่อนโยนที่ได้รับนั้นมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ

   การคิดวกวนอยู่คนเดียวทำให้ผมปวดหัวหนัก จนต้องหาคนมารับฟัง...

   “พี่นักแปลเขาเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

   ผมพยักหน้า “รู้ได้ไงวะอลัน”

   “ถ้าเป็นผู้หญิง เขาอ่อยขนาดนั้นพี่คงจับปล้ำไปแล้วแหละ”

   “ถือว่ามึงฉลาดกว่าเบ้าหน้ามึนๆ ของมึง... เขาตอดกูจนกูจะละลายไปทั้งตัวแล้วเนี่ย”

   “ดูพี่ชอบเขาดีนี่ แล้วจะมาปรึกษาผมทำไม อย่างกับรู้ว่าผมแนวนี้”

   “สรุปมึงแนวนี้จริงดิ?” ผมค่อนข้างตะลึงไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเป็นจริงอย่างที่คุณกริมม์เคยบอก

   “ผมว่าผมอ่อยพี่ชัดเจนแล้วนะ อย่าบอกว่าไม่เคยรู้” ผมพยักหน้า “โหย บื้อว่ะ”

   “ไอ้เวร ว่ากู เดี๋ยวจะโดนไม่น้อย ดูเบ้าหน้ามึงก่อนเถอะ ก็ดูหล่อๆ แมนๆ พอกับกูเนี่ย ใครจะคิดวะ”

   แต่ก่อนจะได้ด่ามันมากไปกว่านี้ มือถือผมได้ดังแทรกขัดจังหวะ เป็นคุณกริมม์ที่ส่งไลน์มาด้วยเรื่องไร้สาระอย่างเคย แต่นั่นทำให้ผมเผลอยิ้มจนถูกไอ้เด็กอลันมันเบะปากใส่ ก่อนมันจะลุกเดินไปยังร้านน้ำภายในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
   
   11Nov.   :    อยากไปเกาะหัวใจมรกตฝั่งพม่า
   9Sep.           :    ทำงานให้เสร็จก่อนครับ
   11Nov.   :    ทำไมชอบขัด
   9Sep.           :    ก็คุณชอบอู้
   11Nov.   :    รีบกลับบ้านนะ ผมซื้ออาหารญี่ปุ่นไว้รอ
   9Sep.          :    คุณกลับถึงบ้านแล้วเหรอ
   11Nov.   :    ยังเลย รอจ่ายเงินอยู่ที่ รพ.
   
   จากนั้นคุณกริมม์จึงส่งรูปภาพมาให้ผม เป็นภาพที่คุณหมอสาวกำลังจัดการกับเฝือกอ่อนที่มือคุณกริมม์ ที่น่าหมั่นไส้ก็คือคุณกริมม์ยิ้มหน้าบาน ส่วนคุณหมอเธอเขินจนแก้มแดงกว่าปาก ดูท่าทางน่าจะสนิทสนมกันดีถึงได้มีการขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เหอะ!

   11Nov.   :   ดีใจไหม มือผมหายแล้ว
                 แต่ยังใช้งานหนักไม่ได้นะ   
                 เงียบ
                 หึง?

   เปล่าโว้ย แค่อารมณ์ไม่ดี ก่อนผมจะคว้าคออลันที่เดินกลับมาพร้อมเป็ปซี่สองกระป๋องมาถ่ายภาพคู่แล้วส่งกลับไปให้คุณกริมม์

   9Sep.           :    น่ารักไหม เด็กอลันที่เล่าให้ฟัง
   11Nov.   :    มือผมใช้การได้แล้วนะ
   9Sep.           :    ก็ดีใจด้วย
   
   โถๆๆๆ พ่อคุณ ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน ซึนว่ะ

   11Nov.   :    มือผมพร้อมแล้วสำหรับคุณ
                 รีบกลับมานะ
   9Sep.            :    ผมตรงเวลาเสมอ
                 มือคุณหายแล้วก็ลองฝึกใช้งานบ้าง
                 อย่าให้ผมเมื่อยนิ้วคนเดียว   

   
         ในขณะที่กำลังหรี่ตาโฟกัสข้อความตอบกลับมาของคุณกริมม์ที่ชวนให้ผมงง ได้บังเกิดเสียงหัวเราะก๊ากจากคนข้างกายที่ถึงขั้นเอามือกุมท้องแล้วซบไหล่ผมเหมือนพวกประสาทเสีย

   “อะไรของมึงเนี่ยอลัน”

   “พี่แม่ง โง่ได้ใจ ถึงว่าผู้ชายติด”


   “พูดให้เคลียร์ดิ!”

   “เขาจะล่อตูดพี่น่ะสิ”

   ไอ้ฉิบหายคุณกริมม์ ไอ้ลามก ไอ้ทะลึ่ง เกลียดว่ะ!

   แล้วดูที่ผมตอบกลับเขาไปสิ  โอ้ย เวรตะไลมากชีวิตผม เดี๋ยวแม่ทำให้มือเดี้ยงทั้งสองข้างเลย

   11Nov.   :    แค่ชั่วโมงเดียวที่ห่างกัน
                  ผมก็คิดถึงเตียงของเราแล้ว

   “โอ้ยยยยยย ร้ายว่ะ ขี้หวงขั้นสุด มีการเดาว่าผมต้องแอบส่องหน้าจอพี่ เขาถึงได้ส่งมากันท่าแบบนั้น มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมว่าพี่รับเขาเป็นแฟนเถอะ”

   “บ้า มึง คนเพิ่งรู้จักกัน”

   “อย่าสะดิ้งพี่เก้า หน้าแดงขนาดนั้นแล้วยังทำเป็นใส”

   หน้าผมแดงเหรอ ไม่รู้สิ แต่ใจเต้นแรงเป็นจังหวะกลองเลยแฮะ



++++++++++

งือ  ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^ ดีใจที่ชอบกัน
ถึงจะเป็นแนวเนิบๆ ตามประสาผู้ใหญ่ที่โตๆ แล้ว ไม่หวือหวา
แต่ก็หวังว่าจะละมุนพอให้ทุกคนยิ้มได้ค่ะ


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กร๊าก..กกกกก น้องเก้าเป็นคนซื่อ น่าย๊าก..กกกก   :m4:

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
   มีคนยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้าน...


   คนหนึ่งเป็นผู้หญิงวัยทำงาน คาดว่าน่าจะเป็นคนไทย ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มฝรั่งผมสีน้ำตาลอ่อน แต่งตัวสมาร์ทดูดี ทั้งสองคนหันมาส่งยิ้มให้ผมตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ


   “มาหาใครเหรอครับ”


   “ใช่น้องเก้าที่มารับจ็อบช่วยงานคุณกริมม์รึเปล่าคะ” ผมพยักหน้ารับ “พี่ชื่อลิลิต เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ร่วมงานกับคุณกริมม์ ส่วนนี่คือคุณแอรอน เอ่อ เป็นบรรณาธิการงานเขียนของคุณกริมม์ค่ะ”


   “ใช่ครับ... สวัสดีครับ เชิญเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนครับ พอดีว่าคุณกริมม์ไปโรงพยาบาล ไปพบหมอตามนัดน่ะครับ”


   ผมพาพวกเขามานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น นำน้ำนำขนมมาเสิร์ฟก่อนจะผละตัวออกมาโทรหาคุณกริมม์ แต่เหมือนแบตเตอร์รี่มือถือปลายทางจะหมดทำให้ติดต่อไม่ได้ ผมได้แต่ยืนงงอยู่ที่สนามหญ้า ค่อยๆ ลำดับความคิดถึงผู้หญิงที่ชื่อลิลิต


   เธอสวย... และเธอเหมือนจะสนิทกับคุณกริมม์ไม่น้อยถึงได้มาหากันถึงบ้านแบบนี้


   และสิ่งที่ผมบังเอิญเห็นยิ่งตอกย้ำความคิดของผม


   เพราะเมื่อเช้าผมได้เปิดม่านหน้าต่างภายในห้องของคุณกริมม์เพื่อรับแสง ทำให้ในตอนนี้ผมมองเห็นคุณลิลิตเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของคุณกริมม์ และเหมือนกำลังเปิดใช้คอมพิเตอร์จอโตบนโต๊ะ


   ถ้าไม่สนิทกันมาก จะกล้าบุกเข้าไปถึงในห้องนอนงั้นเหรอ?


   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เหมือนคนคุ้นเคย เหมือนคนเคยคบกัน


   ‘เฮ้อ... ไม่รู้นะ แต่เคยเห็นคุณลิลิตเธอร้องไห้ใส่คุณกริมม์ เหมือนทั้งสองคนรู้จักกันดีจนถึงขั้นสนิทสนมกัน’


   จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของพี่ปิ่นขึ้นมา เล่นเอาหัวใจผมเริ่มหน่วงทีละน้อย


   มันคือความรู้สึกไม่ชอบใจ อิจฉา  หรืออะไรกันแน่


   “เหมือนคุณยังคิดถึงเขาอยู่นะ”


   “ฉันคิดถึงเขาเสมอค่ะ แต่ก็ละอายใจที่จะทวงย้อนความสัมพันธ์ค่ะ” คุณลิลิตตอบเสียงแผ่วในจังหวะที่ผมเดินผ่านเข้าไป แต่เหมือนเธอไม่สนใจว่าจะมีคนนอกอย่างผมรับรู้เรื่องราวของเธอ เพราะเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ คงคิดว่าผมหน้าบื้อฟังไม่รู้เรื่องล่ะมั้ง เธอจึงพูดต่อไปว่า “ฉันเคยขอโอกาสเขาแล้วค่ะ แต่เขาใจแข็งมาก”


   “ในเมื่อเขายังโสด คุณมีสิทธิ์ที่จะตื๊อ”


   “แต่เหมือนเขาจะเจอแรงบันดาลใจของเขาแล้ว... แล้วฉันยังจะไปกล้าหวังให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยังไง”


   คำพูดของคุณลิลิตส่อเค้าความหมายว่า... เธอกับคุณกริมม์เคยคบกัน?


   ใช่ ผมฟังไม่ผิดแน่ ผมมั่นใจ


   แม้ผมจะเป็นนักศึกษาไทยแท้ ไม่เคยเรียนภาคอินเตอร์ หรือกระทั่งไปเที่ยวต่างประเทศ แต่บ้านผมทำร้านอาหารซีฟู้ดอยู่ที่หัวหิน ลูกค้าร้อยละแปดสิบเป็นชาวต่างชาติ ผมช่วยงานพ่อแม่ที่ร้านตั้งแต่เด็ก พูดจ้อกับฝรั่งปร๋อตั้งแต่ประถม



   ไหนจะติดนิยายเชสจนซื้อ Audio Book ที่แพงหู่ฉี่เพราะบรรยายโดยนักบรรยายมืออาชีพมาฟังวนเป็นร้อยๆ รอบ จนทำให้ผมสอยคะแนนสอบ TOEIC มา 932 คะแนน


   ฉะนั้นแค่สนทนาพื้นๆ ทำไมผมจะฟังไม่ออก


   แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ... ทำไมคุณกริมม์ต้องโกหกผมด้วย ทำไมต้องบอกว่าคุณลิลิตเป็นแฟนเก่าของเชส


   แค่เริ่มต้น... เขาก็หลอกผมแล้ว


   “น้องเก้าจ๊ะ พี่ฝากของให้คุณกริมม์หน่อยได้ไหม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลับมาง่ายๆ พี่เองก็ไม่ได้โทรนัดเขาล่วงหน้าด้วย” คุณลิลิตเดินมาคุยกับผมซึ่งยืนบื้ออยู่ในครัวเพื่อสงบสติอารมณ์ “รบกวนฝากบอกคุณกริมม์อีกนิดด้วย ว่าพรุ่งนี้คุณแอรอนจะมาพบอีกครั้ง เดี๋ยวค่ำๆ จะส่งข้อความขอนัดอีกทีค่ะ”


   “ได้ครับ”   


   ทั้งสองคนกลับไปแล้ว จึงเหลือผมนั่งเหม่อมองของที่วางอยู่บนโต๊ะ


   หนึ่ง... เป็นหนังสือฉบับแปลภาษาไทยเรื่องหนึ่งของเชส ซึ่งฉบับภาษาอังกฤษวางขายตั้งแต่ต้นปี มีโน้ตสอดแนบอยู่ใต้ปกหน้าว่า


   ‘เล่มตัวอย่างค่ะ รอคอนเฟิร์มนะคะกริมม์’


   สอง... ซองเอกสารสีน้ำตาลที่ผมจำได้ว่าคุณแอรอนเขาถือติดตัวมา ทว่ามันปิดผนึกหนาแน่น ทำให้มือผมชะงัก ไม่กล้าที่จะสอดเสือกเรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้ แต่ความคุ้นเคยชื่อของบรรณาธิการหนุ่มคนนั้น รวมทั้งหน้าตาของเขา ได้กระตุ้นต่อมไร้สำนึกของผมให้ทำงาน


   สิบนาทีหลังจากนั้นผมได้ปิดประตูบ้านแล้วก้าวเดินจากมา พร้อมข้อความไลน์ที่ส่งถึงคุณกริมม์



   9Sep.   :   บก.หนังสือชุด G.Ares No.XI มาหาครับ  คุณนักเขียนคนดัง





****** ใกล้จบแ้ลว - แต่แพลนไว้ว่าจะเขียนเซตนี้อีกสองเรื่อง ซึ่งตัวละครเกี่ยวข้องกันค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยังไม่ทันได้หวานหยดมดขึ้น จะจบแล้วอ่อ???  :m17:

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ชอบบบบบบ มันละมุนดีต่อใจเหลือเกินนน จะจบแล้วขอตอนพิเศษ​เพิ่มด้วยจะดีมากๆเลยค่ะ ติดตามค่ะ ><

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด