(เรื่องสั้น) หนึ่งวันธรรมดาของผม up 2/4/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) หนึ่งวันธรรมดาของผม up 2/4/60  (อ่าน 1685 ครั้ง)

ออฟไลน์ rendict

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เพิ่งเคยเอาลงเป็นครั้งแรก ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะคะ  :o8:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2017 21:28:34 โดย rendict »

ออฟไลน์ rendict

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนึ่งวันธรรมดาของผม

         เสียงว้ากหนักๆของนักร้องเพลงร็อควงโปรดที่ดังอยู่เหนือหัวทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมควานไปบนหัวเตียงเพื่อจัดการกับต้นตอของเสียงนั้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา เกือบนาทีกว่าที่ผมจะกวาดมือไปเจอโทรศัพท์เจ้ากรรม ผมกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกก่อนจะปรือตามองเวลาบนหน้าจอ
         
         5.31
         
         ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินสะโหลสะเหลหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ
         
         เย็นชิบหาย.. คือคำแรกที่ดังขึ้นในหัวผมทันทีที่ยื่นนิ้วไปสัมผัสน้ำจากฝักบัว ผมทำใจอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะกลั้นใจอาบจนเสร็จภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ผมพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวเดินออกมาจากห้องน้ำ เคาะประตูปลุกเจ้าน้องชายตัวดีอยู่พักหนึ่ง จนเจ้าตัวตะโกนตอบกลับมาเสียงงัวเงียถึงได้เข้าห้องไปแต่งตัว
         
         เสื้อนักเรียนเปื้อนคราบจางๆที่แขวนอยู่หน้าตู้ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องน่าอายที่เคยเกิดขึ้น ผมยิ้มขำให้กับความคิดนั้นก่อนจะเปิดตู้แล้วจัดการแต่งตัว ตรวจดูของในเป้ให้เรียบร้อยก็ออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงน้องชายกำลังอาบน้ำอยู่ก็หายกังวลว่ามันจะไม่ตื่น
         
         ผมก้าวเท้าลงมาชั้นล่างก็เห็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน ส่วนแม่กำลังเคี่ยวซุปหม้อใหญ่สำหรับขายในวันนี้ ผมบอกอรุณสวัสดิ์ทั้งสองคนก่อนจะเข้าไปช่วยเอาไก่ขึ้นแขวน เสร็จแล้วก็เดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับพ่อ
         
         “กินนะ ป๊า” ไม่ทันรอคำตอบรับ ปาท่องโก๋เนื้อนุ่มก็เข้ามาอยู่ในปากผมเป็นอันเรียบร้อย พ่อเหลือบตามองผมอย่างหน่ายๆแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ
         
         “ตี๋เล็กมันตื่นรึยังล่ะ” แม่หันมาถามผมทั้งที่มือยังไม่หยุดทำงาน
         
         “ตื่นแล้วนะ ม๊า ได้ยินเสียงมันอาบน้ำอยู่อะ” พูดยังไม่ทันจบดี ตี๋เล็กก็สะลึมสะลือลงมาพร้อมกระเป๋าจาคอปแบนๆของมัน มันนั่งลงข้างๆผมแล้วหยิบปาท่องโก๋กินทั้งๆที่ยังไม่ได้ทักทายใครซักคำ ผมเห็นพ่อถอนหายใจเบาๆ เก็บหนังสือพิมพ์ลงแล้วจัดการกับเจ้าปาท่องโก๋แสนอร่อยในจานบ้าง สงสัยจะกลัวพวกผมกินหมด
         
         “เฮียจะไปยังอะ” มันถามผมโดยที่ไม่คิดจะหันมาสนใจผมซักนิด มือก็กำลังกิน ส่วนตาก็สนใจแต่โทรศัพท์ในมือ น่าให้พ่อตบกะโหลกซักที ได้แต่บ่นๆมันในใจก่อนจะหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนัง
         
         5.57
         
         “เออ จะไปแล้วเนี่ย”
         
         “วันนี้กลับด้วยดิ เลิกแล้วโทรบอกนะ” มันพูดทั้งๆที่มือก็ยังยัดของกินเข้าปาก ตาก็ยังจ้องมือถือเหมือนเดิม ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เห็น ผมจัดการใส่รองเท้าให้เรียบร้อย คว้าเป้ขึ้นสะพายบ่า แล้วหันไปไหว้พ่อกับแม่
         
         “ไปแล้วนะ ป๊าม๊า”
         
         “เออ ระวังตกท่อล่ะ ป๊าขี้เกียจไปขุดขึ้นมา” ทันทีที่จบประโยคของพ่อ น้องชายกับแม่ผมก็ปล่อยก๊ากกันทันที ..อืม ล้อได้ล้อไปครับ ใครไม่ตกท่อบ้างให้มันรู้ไป ผมหันไปทำหน้าเซ็งใส่ทั้งสามคนก่อนจะก้าวออกจากบ้านทันที ตกทีเดียวล้ออะไรกันนักหนา ระหว่างบ่นพึมพำในใจก็ได้ยินเสียงไอ้ตี๋เล็กมันตะโกนมาว่า เดินระวังนะเฮีย เลยชูนิ้วกลางใส่มันโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
         
         เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้วครับ ตอนนั้นผมอยู่มอสาม ก็เป็นวันธรรมดาๆที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเพื่อไปยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ไม่รู้ว่าทำไม้ ทำไม ฝาท่อหน้าป้ายรถเมล์ที่เคยสมบูรณ์ดีทุกวัน วันนั้นมันถึงได้เหลือแค่เสี้ยวเดียว แน่นอนครับว่าคนเดินไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างผม.. ก็ตกสิครับ ถามได้!
         
         ผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่าอายที่สุดที่ผมเคยทำเลย คนแถวนั้นทุกคนหันมามองที่ผมอย่างอึ้งๆ ผมก็อึ้งครับ แต่อึ้งได้แป๊ปเดียวก็รู้สึกเจ็บแทน ไอ้ฝาท่อเสี้ยวที่ยังเหลืออยู่มันขูดขาผมจนเลือดซิบ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี รุ่นพี่คนนึงเดินเข้ามาช่วยดึงผมออกจากท่อ ผมก้มหน้าก้มตาอย่างอับอาย พี่เขายืนคุ้ยกระเป๋าเป้ตัวเองอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะหยิบเสื้อนักเรียนที่ดูใหม่มากตัวหนึ่งออกมาช่วยเช็ดทั้งน้ำโคลนและเลือดออกให้ผม
         
         พี่เขามัดเสื้อไว้กับขาผมแล้วบอกว่า เลือดจะได้ไม่หยดเลอะเทอะ ผมบอกขอบคุณเขาเร็วๆแล้วรีบวิ่งกลับบ้านทันที ใครจะอยู่ให้อายไปมากกว่านั้นล่ะครับ.. อา แต่นั่นก็เป็นความผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งของผม หลังจากจัดการซักเสื้อตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเอาเสื้อไปคืนให้ที่ใคร ผมไม่เห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าเขาเป็นรุ่นพี่จากเสื้อนักเรียนของเขาที่มีสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนที่ปักอยู่ ที่ทำให้รู้ว่าเป็นของมอปลาย ไม่มีทั้งชื่อและชั้นปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนนี้ ป่านนี้เขาอาจจะเรียนจบไปแล้วรึเปล่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
         
         คิดอะไรเพลินๆ รถสองแถวก็พาผมมาอยู่ที่ป้ายรถเมล์จุดเกิดเหตุเหมือนทุกเช้า แน่นอนว่าหลังจากที่ผมตกท่อเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นฝาท่อก็กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมอีกครั้ง ผมมองฝาท่อเพื่อนรักอย่างนึกขำในใจแล้วเดินเข้าซอยโรงเรียนไป
         
         โรงเรียนผมอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ ระหว่างทางเดินเข้าไปก็มีร้านต่างๆมากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านน้ำ ร้านการ์ตูน โรงเรียนกวดวิชา ผมก้มลงเก็บใบปลิวที่คนข้างหน้าทิ้งลงพื้นอย่างหน่ายใจ เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงถังขยะแล้ว เอาไปทิ้งให้ถูกที่ไม่ได้หรือยังไงกันนะ ก็ได้แต่บ่นในใจล่ะนะครับ ขืนพูดไปก็คงจะโดนด่าว่าเสือก
         
         ทันทีที่คนที่เดินอยู่ตรงหน้าผม เขาเลี้ยวเข้าร้านอาหารไป ผมก็ได้เจอกับความยากลำบากอย่างหนึ่งในชีวิต ผมคิดว่าคุณก็คงเคย เดินตามคนที่ไม่ได้รูดซิบกระเป๋าเป้ ลำบากยังไงหรอ ตรงที่คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขาตั้งใจเปิดไว้ หรือว่าไม่รู้ตัว หรือระหว่างบอกให้เขาปิดกับไม่บอกอันไหนจะทำให้เขาอายน้อยกว่ากัน แต่หนังสือที่กำลังจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ ทำให้ผมรีบเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อเขาไว้
         
         “หืม..” เขาหันมามองหน้าผมอย่างตกใจปนงง
         
         “เอ่อ.. กระเป๋า ปิดมั้ยครับ?” ตาคมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบหมุนกระเป๋าตัวเองมารูดซิบปิดให้สนิท ผมรอจนเขาปิดเสร็จถึงได้ก้าวเท้าต่อ ผมเหลือบตามองคนตัวสูงกว่าที่ตามมาเดินขนาบข้างผมอย่างงงๆ เหมือนเขาสัมผัสได้เลยหันมา
         
         “ขอบคุณนะครับ น้อง” ผมพยักหน้าให้เขายิ้มๆ เขาหน้าขึ้นสีหน่อยๆ สงสัยจะอายล่ะมั้ง เขายังเดินขนาบผมมาเรื่อยๆ คือมันก็ดีที่เขาช่วยบังแดดให้ผม แต่ว่าการเดินชิดกับคนที่ไม่สนิทบนทางเดินแคบๆก็ทำให้ผมค่อนข้างอึดอัดใจ ผมเลยตัดสินใจแวะซื้อน้ำจรวดเพื่อรอให้เขาไปก่อน แต่ดูเหมือนจะคิดผิด จนแล้วจนรอดเขาก็ยังยืนรอผมเพื่อที่จะเดินไปพร้อมกัน ผมได้แต่ลอบถอนหายใจเบาๆ
         
         “ดื่มน้ำอัดลมแต่เช้า จะปวดท้องเอานะ” ผมที่ก้มหน้าก้มตาดูดน้ำอยู่หันไปมองต้นเสียง ซึ่งเขายิ้มมองมาก่อนอยู่แล้ว
         
         “อา หรอครับ” ผมยิ้มแห้งๆตอบเขาไป ระหว่างทางเขาก็ยังคงชวนผมคุยไปเรื่อยๆ อันที่จริง การคุยกับคนแปลกหน้าคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดเท่าที่คิดแฮะ แถมยังรู้สึกใจหายนิดๆเมื่อใกล้ถึงตึกเรียนประจำของตัวเอง ผมหยุดยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้น ซึ่งเขาก็หยุดเช่นกัน
         
         “เอ่อ ผม.. ถึงแล้ว” ผมส่งยิ้มพร้อมกับผงกหัวให้แล้วหันหลังกำลังจะขึ้นบันได
         
         “เดี๋ยว น้อง!” ผมหันกลับมาก็เห็นเขารีบค้นกระเป๋าตัวเองพร้อมกับพึมพำว่ารอแป๊ปนึง ผมนึกขำในใจ เมื่อนึกถึงใครอีกคนนึงที่ยืนค้นกระเป๋าด้วยท่าทีรีบร้อนต่อหน้าผมแบบนี้เหมือนกัน สิ่งที่เขาหยิบมาให้ผมก็คือ ขนมปังไส้กรอกแบนๆที่ดูเหมือนจะโดนหนังสือทับ
         
         “มันอาจจะแบนไปหน่อย แต่รองท้องไว้น่าจะดี จะได้ไม่ปวดท้องนะ” เขาพูดออกมารัวๆ ผมยังไม่ทันได้ขอบคุณ เขาก็รีบยัดใส่มือผมแล้ววิ่งหายไป ผมได้แต่ทำหน้างงๆแล้วขึ้นบันไดไป
         
         ทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าห้องเรียน สาวๆก็วิ่งมารุมล้อมผมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ วันดีคืนดีไม่เห็นเคยจะสนใจผมเลย
         
         “ตี๋ใหญ่ แกรู้จักพี่ประธานด้วยหรอ!” ห๊ะ .. ใครวะ ดูเหมือนคำพูดในใจของผมจะสามารถบรรยายออกมาทางสีหน้า พวกเธอเลยรีบเสริม “คนที่เดินมากับแกเมื่อกี้อ่ะ แกรู้จักหรอ? รู้จักกันนานรึยัง!?” ผมร้องอ๋อเบาๆก่อนจะตอบ
         
         “อ๋อ รู้จักกันเมื่อกี้นี้เอง” ผมว่า “เขาชื่อประธานหรอ? แปลกดีว่ะ”
         
         “ไม่ใช่ย่ะ! แกบ้าไปแล้วตี๋ใหญ่ เขาเป็นประธานนักเรียนนะ! แกจำหน้าเขาไม่ได้หรือไง!?” เสียงแหลมๆตะโกนใส่หูผม หะ .. เอาจริงอะ ? ประธานนักเรียนดูมึนๆอย่างนี้โรงเรียนจะรอดมั้ยเนี่ย ผมนึกขำอยู่ในใจ
         
         “จำได้ดิ แกล้งถามไปงั้น มุกไงมุก” ผมแถหน้าด้านๆก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำโดยมีสาวๆเดินตามมาเป็นขบวนเหมือนเปิดฮาเร็ม ไนท์ เพื่อนสนิทที่มีโต๊ะประจำอยู่ข้างผมหันมาถุยใส่คำแถของผม แล้วหันไปกดเกมของมันต่อ ผมเลยจัดการดีดเหม่งมันไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู
         
         “สรุปว่าแกเพิ่งรู้จักพี่เขา แล้วพี่เขาเอาขนมปังมาให้แกทำไมอ่ะ?” ผู้หญิงนี่หูตาไวแถมสงสัยไม่เข้าเรื่องจริงๆครับ เขาเอาขนมปังให้ผมทำไมผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเลย สุดท้ายผมก็เลยแต่ตอบพวกเธอไปว่าไม่รู้ แต่ก็ยังคงมีคำถามมากมายมาให้ผมตอบอย่างกับเกมตอบคำถามชิงรางวัลยังไงอย่างงั้น ไอ้ไนท์ดูท่าจะรำคาญกับคำถามมากมายที่เสียงดังรบกวนเกมมัน มันเลยจัดการกอดคอผมไปใกล้ๆแล้วบอกสาวๆ
         
         “ปล่อยเมียผมนั่งพักหน่อยเถอะคร้าบ ให้ผมได้สวีทกับมันหน่อย” แถมทำท่าเหมือนหอมแก้มอีกนิด พวกเธอก็รีบวิ่งกลับไปนั่งโต๊ะตัวเองพร้อมกับจับกลุ่มกรี๊ดเบาๆกันทันที ผมมองตามพวกเธออย่างขำๆหลายรอบแล้วครับที่ไนท์มันทำแบบนี้ แล้วก็ได้รับปฏิกิริยาตอบรับแบบนี้จากสาวๆเหมือนเดิม ผู้หญิงสมัยนี้นี่แปลกนะครับ สรุปพวกเธอชอบหรือไม่ชอบให้พวกผมทำแบบนี้กันแน่
         
         “ขอบใจว่ะ” ผมหันไปขอบคุณมันแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะ รู้สึกเหมือนหน้าโดนอะไรบางอย่าง เลยเหลือบตามอง .. ขนมปังไส้กรอกที่สุดของความแบน ผมมองมันอย่างขำๆ เก็บลงใต้โต๊ะแล้วฟุบนอนต่อ
         
         “สรุปว่ามึงไปรู้จักพี่แกได้ไงวะ” มันหยุดกดเกมแล้วหยิบแก้วน้ำของผมที่วางไว้บนโต๊ะไปกินรอคำตอบ ผมเลยจัดการเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง ผมเล่าจบพอดีกับที่มันกินน้ำผมหมดแก้ว ผมเลยบ่นมันไปที มันเลยบอกว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะไปอุดหนุนร้านข้าวมันไก่เป็นค่าตอบแทน อยากจะถุยใส่หน้าจริงๆครับ ไปบ้านผมทีไรก็เห็นมันได้กินฟรีตลอดนั่นล่ะ
         
         “เดี๋ยวถ้าเจอกูต้องไปล้อพี่แกหน่อยแล้ว เรื่องลืมปิดกระเป๋าเนี่ย” ไนท์พูดไปหัวเราะไป ผมเลิกคิ้วมองมันแบบงงๆ ซึ่งดูเหมือนมันจะเข้าใจคำถามของผม
         
         “กูเป็นกรรมการนักเรียนนะเว้ย จะไม่รู้จักประธานนักเรียนได้ไงวะ?” เออจริงด้วย .. ผมลืมไปเลยแฮะ ก็หน้ามันไม่ได้เข้ากับอะไรแบบนี้เลยนี่นะครับ  หน้าแบบมันถ้าเป็นหัวหน้าแก๊งโจรก็ว่าไปอย่าง
         
         “มึงกำลังด่ากูด้วยสายตา” เบื่อมันก็ตรงนี้ล่ะครับ รู้ทันไปซะทุกเรื่อง มันยีหัวผมแรงๆทีนึงแล้วกลับไปกดเกมต่อ ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆจากกลุ่มสาวๆ แต่พอผมหันไปก็เห็นเธอนั่งคุยกันปกติ สงสัยผมจะหูฝาด?
         
         ผมนั่งเรียนตั้งแต่เช้ายันเย็นอย่างตั้งใจบ้าง เล่นบ้าง แต่หลับค่อนข้างมาก ทันทีที่โทนเสียงกล่อมเด็กของอาจารย์วิชาเคมีพูดคำว่า วันนี้พอเท่านี้แหละ ผมก็รู้สึกสดใสขึ้นมาทันตา ผมหันไปมองไนท์ที่เก็บข้าวของเตรียมพร้อมจะออกจากห้องทุกเวลาอย่างขำๆ ก่อนจะรีบเก็บของตามมัน พออาจารย์เดินออกไปไม่ถึงครึ่งก้าวทั้งห้องก็เหมือนนกแตกรัง บางคนก็ยืนจ่อประตูแทบจะเดินแทรกอาจารย์ออกกันเลยทีเดียว ยังดีที่พวกมันยังพอมีสำนึกอยู่บ้าง
         
         ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาน้องชาย ระหว่างรอให้คนเดินออกจากห้องไปก่อน เสียงเพลงรักหวานปนน้ำเน่าของมันยังดังเป็นเสียงรอสายเหมือนเดิม รอไม่นานมันก็รับ
         
         “ว่าไง เฮียเลิกแล้วหรอ? อยู่ไหนอ่ะ? ตี๋อยู่โรงอาหาร เฮียจะให้ตี๋ไปหาหรือเฮียจะมา เฮ้ย.. ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวตี๋เดินไปเอง เจอกันหน้าห้องเฮียแล้วกัน แค่นี้นะ”  ... ผมยังไม่ได้พูดสักคำ ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เดิมเพื่อรอมัน
         
         “น้องหรอ” ไนท์หันมามองผมแล้วหัวเราะ ผมได้แต่พยักหน้าใส่มัน ไม่แปลกที่มันจะรู้ เวลาผมโทรหาไอ้ตี๋เล็กทีไรนะ ต้องโดนมันตัดสายใส่ทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดอะไรทุกที
         
         ผมนั่งว่างๆเลยก้มลงไปดูความเรียบร้อยใต้โต๊ะ เลยเห็นว่าผมลืมขนมปังใส่กรอกแบนๆไว้ โชคดีนะที่ก้มมองไม่งั้นมดขึ้นแน่ ผมคิดในใจแล้วหยิบมันใส่กระเป๋า เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจ้าน้องชายจอมป่วนยืนรออยู่หน้าห้อง พร้อมกับใครอีกคนที่ผมเพิ่งได้รู้จักเมื่อเช้า
         
         “เฮีย นี่ลุงรหัสผมชื่อกันต์ เฮียกันต์ นี่เฮียผมชื่อตี๋ใหญ่” ตี๋เล็กแนะนำให้ผมรู้จักกับลุงรหัสมันทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับไนท์ ผมรู้สึกว่าตี๋เล็กกับไนท์มันยิ้มแปลกๆยังไงไม่รู้นะวันนี้
         
         เห็นไอ้เจ้าน้องชายมันบอกว่าจะพาลุงรหัสไปกินข้าวมันไก่ ผมเลยชวนไอ้เพื่อนตัวดีให้ไปด้วยกัน แน่นอนว่ามันตกลงแบบไม่อิดออดเลยสักนิด ผมเลยถามตี๋เล็กต่ออีกนิดว่าพี่รหัสสุดสวยมันไปไหน ก็ได้ความมาว่าไปต่างจังหวัดยังไม่กลับ เดินไปสักพักเจ้าน้องชายกับเพื่อนรักของผมก็เดินกอดคอคุยกันอย่างสนุกสนานทิ้งผมไว้กับเขา
         
         “ขนมปังอร่อยมั้ย?” เขาถามผมขณะที่เรากำลังเดินออกจากโรงเรียน
         
         “ยังไม่ได้กินเลยครับ”
         
         “เอ้อ! พี่กันต์ผมได้ข่าวว่าเดินเปิดกระเป๋ารับลมหรอ” อยู่ดีๆไนท์มันก็หันมาแล้วพูดเสียงดัง ส่งสายตาล้อเต็มที่ ส่วนตี๋เล็กก็หันมาขำเต็มที่กับข่าวใหม่ที่มันเพิ่งได้รู้
         
         “อย่ายุ่งน่า” เขาขยี้หัวตัวเองแก้เก้อ ก่อนจะหันมามองผมแบบคาดโทษ ขยี้หัวผมเบาๆ แล้วถาม “ขายกันหรอ?” ผมเลยได้แต่หัวเราะให้เขา
         
         “ฮั่นแหน่!!” อยู่ดีๆเจ้าเพื่อนกับน้องก็หันกลับมาล้อเลียนเสียงดัง ถึงผมจะรู้สึกว่าคำนี้มันดูไม่เข้ากับสถานการณ์นี้เลย แต่พอเห็นเขาหน้าแดงที่น่าจะเป็นเพราะอายเรื่องลืมปิดกระเป๋าก็เลยได้แต่หัวเราะตามไปด้วย
         
         พวกเรานั่งสองแถวเพื่อกลับบ้านผม ซึ่งใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาทีก็ถึง ทันทีที่ถึงบ้านไนท์มันก็วิ่งเข้าไปอ้อนแม่กับพ่อผมทันที โดยมีลูกชายแท้ๆของเขาสองคนกับรุ่นพี่หนึ่งคนยืนมองด้วยความเอือม ทำอย่างกับแม่ผมเป็นแม่มันงั้นแหละ
         
         ทันทีที่แม่รู้ว่าตี๋เล็กพาลุงรหัสมันมาแถมไนท์ลูกรักของแม่จะมาทานข้าวด้วยวันนี้ แม่ก็เลยตัดสินใจปิดร้านกันตั้งแต่ยังไม่หกโมง แม่จัดการหั่นไก่มาตัวครึ่งให้พวกเรากินกัน ซึ่งผมคิดว่า..มันดูจะมากไปนะ แต่ก็นั่นแหละครับลูกรักเขามาทั้งทีต้องจัดเต็มอย่างนี้ล่ะ ผมกับน้องชายต้องมาทำหน้าที่ยกข้าวไปเป็นเสิร์ฟให้พวกคุณชายสามหนุ่มสามมุมเขากินกัน หมายถึง พ่อ ไนท์ กับเขาน่ะครับ
         
         พอทุกอย่างจัดวางครบแล้วทุกคนก็ทรุดตัวลงนั่งกินข้าวกันอย่างสนุกสนานดูเหมือนจะยกเว้นผมกับตี๋เล็กที่กลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะพ่อที่กำลังคุยกับเขาเรื่องสมัยตัวเองเป็นประธานนักเรียนอย่างออกรส แม่ก็เอาแต่ตักกับข้าวใส่จานไอ้ไนท์แถมยังคุยกระหนุงหนิงกันซะจนน่าหมั่นไส้ ผมก็เลยได้แต่หันไปสบตากับตี๋เล็กอย่างเซ็งๆ
         
         ดูเหมือนคนข้างๆผมจะรับรู้ได้ถึงรังสีหวงพ่อของผมเลยหันมายิ้มให้แล้วตักไก่มาวางใส่จานผม บางทีเขาอาจจะลืมไปว่าผมต่างหากเป็นลูกเจ้าของร้าน ถึงได้ทำตัวเป็นเจ้าบ้านแบบนี้ ผมอมยิ้มให้กับไก่ชิ้นนั้น ก่อนตักเข้าปาก
         
         “เมียครับ ไก่ชิ้นเมื่อกี้หวานกว่าปกติรึเปล่า?” ไนท์พูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน เอานิ้วเขี่ยๆแขนผมแล้วยิ้มล้อเลียน  ผมเลยได้แต่ตอบ “ไอ้บ้า” กลับไปแล้วค้อนใส่มัน รู้สึกวันนี้หน้าร้อนแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ สงสัยจะไม่สบายล่ะมั้ง?
         
         ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปล้างจานทันทีที่ทานหมดแล้ว เหลือบไปเห็นจานของวันนี้ที่ยังล้างไม่หมดอยู่ในกะละมัง เห็นว่าแม่ของพี่ที่จ้างมาเขาล้มในห้องน้ำทำให้ต้องรีบไปกลับดู ผมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆข้างกะละมังเพื่อเตรียมตัวล้างจาน
         
         “พี่ช่วย” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับจานเปล่าใบนึงในมือ “อิ่มแล้วหรอครับ?” ผมถามกลับไป เห็นเขาทานไปนิดเดียวเอง มัวแต่คุยกับพ่อผมนั่นแหละ “หรือไม่อร่อย?”
         
         “ไม่อร่อยที่ไหนกันล่ะ พี่กินจนท้องจะแตกแล้วเนี่ย สงสัยต้องมาฝากท้องที่นี่บ่อยแล้วล่ะ” เขายิ้มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อีกตัวข้างๆกัน จุ่มจานลงไปในกะละมัง ผมเห็นว่าไหนๆมือเขาก็เลอะแล้วเลยบอกให้เขาล้างน้ำสะอาดส่วนผมจะถูน้ำยาเอง ไม่นานตี๋เล็กกับไนท์ก็ช่วยกันยกจานที่เหลือเข้ามา
         
         “อ้าว มานั่งหวานกันอยู่ตรงนี้เองหรอจ้ะหนุ่มๆ” ไนท์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนผมกับเขา โดยมีน้องชายผมยืนหัวเราะเป็นลูกไล่
         
         “พี่ไนท์รีบวางแล้วไปได้แล้ว เฮียผมเขาได้สามีใหม่แล้ว พี่มันก็แค่ของเก่า” พอตี๋เล็กพูดจบไนท์มันก็รับมุกโดยการทรุดลงไปกับพื้นแล้วแกล้งร้องไห้ทันที “ฮึก.. ไม่หล่อ ใจดี สปอร์ต ประธานนักเรียนบ้างให้มันรู้ไป!” มันแหกปากอยู่สักพักจนผมเริ่มทนไม่ไหวยกฟองน้ำล้างจานในมือมาเตรียมโยนใส่มัน ไอ้ตี๋เล็กเห็นผมเงื้อมมือมันก็รีบลากไอ้เพื่อนตัวดีออกไปทันที
         
         ผมหันไปมองเขาที่กำลังหัวเราะกับมุกงี่เง่าของเจ้าสองตัวนั้น จากที่แอบหมั่นไส้เล็กๆก็เผลอยิ้มตามเขาไปซะได้ พอเขาหันมาสบตาก็ดันรู้สึกร้อนๆขึ้นมาซะอีก ผมจำได้ว่าข่าวเขาว่าอากาศในช่วงสองสามวันนี้จะเย็นลงนะ ผมที่เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีไข้หรือเปล่าเลยหันไปถามเขา
         
         “พี่ร้อนมั้ย ?” เขาเงยหน้าจากกะละมังมามองผม แล้วส่ายหน้า “พี่ว่าอากาศเย็นออกนะวันนี้ เห็นเขาบอกจะเย็นไปอีกสองสามวันแน่ะ เราเป็นไข้รึเปล่า?” เขาหยิบผ้าแถวๆนั้นมาเช็ดมือก่อนจะแปะหลังมือลงบนหน้าผากของผม ดูเหมือนอากาศมันจะร้อนขึ้นอีกแล้วนะ
         
         “ตัวอุ่นๆนะ อย่าลืมไปกินยาด้วย” นั่นไง.. ผมว่าแล้ว ก็ว่าอยู่ว่าวันนี้มันร้อนกว่าทุกวัน นี่ผมไปเอาเชื้อหวัดมาจากใครอีกล่ะเนี่ย ผมหันไปกำลังจะขอบคุณเขา แต่ดูเหมือนว่าผมไม่ควรจะทำอย่างนั้นเลยสักนิด หน้าของผมกับเขามันอยู่ใกล้กันเกินไป ผมกับเขาจ้องตากันอยู่พักนึง จนกระทั่งมีเสียงตี๋เล็กร้องโวยวายว่าโดนไนท์แกล้ง ผมถึงได้สติหันกลับไปก้มหน้าก้มตาล้างจานเหมือนเดิม
         
         หลังจากล้างเสร็จเขาก็อาสาเอาน้ำไปเททิ้ง ผมเลยยืนเอาผ้าสะอาดเช็ดจาน ไม่นานเขาก็กลับเข้ามา ผมกับเขาเลยเดินกลับไปร่วมวงนั่งคุยกับคนอื่นๆ
         
         “ไนท์จะค้างมั้ยลูก” แม่ผมถามมัน ส่วนเจ้าบ้านที่ดีอย่างผมก็ได้แต่ส่งสายตาไล่มันกลับบ้านไปซะ ไนท์มันหันมาเห็นก็หัวเราะก่อนจะทำหน้าตาน่าหมั่นไส้แล้วพูด
         
         “ไม่ค้างครับ ม๊า เมียไล่ผมแล้ว”
         
         “แล้วกันต์ล่ะลูก” แม่ผมส่ายหน้าเบาๆให้กับมุกบ้าๆบอๆของไนท์ แล้วหันไปถามเขาแทน
         
         “ผมต้องตามไปดูแลไนท์มันครับ กลัวมันฉุดใครกลับบ้าน” เขาพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้ายิ้มๆ ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงก็ได้แต่ร้องโวยวายว่าโดนทุกคนรังแก เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนกันอีกยก
         
         ผมกับตี๋เล็กโดนไล่ให้ไปส่งทั้งสองคนตรงหน้าปากซอย รอจนมีรถมานั่นแหละถึงได้เวลาบอกลากันสักที ผมกับตี๋เล็กยืนโบกมือให้ทั้งสองคนตามปกติ แต่ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเขาพูดอะไรสักอย่าง ตอนที่กำลังเดินผ่านผมไป คำที่ทำให้ผมเดินอมยิ้มกลับบ้าน จนโดนตี๋เล็กด่าว่าบ้า 
         
         กลับถึงบ้านก็รีบไปเอาขนมปังไส้กรอกแบนๆนั่นมาแช่ตู้เย็นไว้ก่อนมันจะเน่าในกระเป๋า พออาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน ก็เหลือบไปเห็นเสื้อตัวเดิมที่แขวนอยู่ เสื้อนักเรียนของโรงเรียนผม ซึ่งเป็นไซส์ที่ไม่แน่ใจว่าอีกกี่ปีผมถึงจะใส่ให้พอดีได้ มองเสื้อไปอยู่ดีๆก็นึกถึงคำๆนึงที่ได้ยินมาเมื่อกี้
         
         มันอาจจะเป็นความเพ้อหรืออาการหูฝาดของผมเอง แต่จะด้วยเวททมนตร์หรืออะไรก็ตามแต่ คำๆนั้นก็สามารถทำให้ผมรู้สึกอย่างที่ได้ยินมาไปตลอดทั้งคืน

"ฝันดีนะครับ"
         .
         .
         .
         .
         จะว่าไป ผมคงหน้าเด็กขนาดที่เขามองทีเดียวก็รู้ว่าเป็นรุ่นน้องเลยสินะ..?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2017 19:27:25 โดย rendict »

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
น่ารักมากกก รอตอนต่อไปน้าา :katai5: :pig4:

ออฟไลน์ ณัฐฐา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่กันต์ของน้อง แง  :hao6:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รอตอนต่อไปค่ะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
น่ารักกก รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณประธานจะใช่คนที่เคยช่วยตี๋ใหญ่ตอนตกท่อรีเปล่าน๊า?   :hao3:

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีแอบเขินด้วย น่ารักจัง

ออฟไลน์ rendict

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนึ่งวันพิเศษของเขา
   
         ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงด้วยความเคยชิน หลับตานอนรอให้นาฬิกาปลุกดังขึ้นเหมือนทุกวัน ถึงได้เอื้อมมือไปกดปิด ผมดันตัวเองขึ้นนั่งปรับสายตาอยู่บนเตียงพักหนึ่งถึงได้ลุกเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นๆทำให้ผมรู้สึกตื่นเต็มตามากขึ้น ผมจัดการตัวเองเสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว แล้วกลับเข้าห้องไปแต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน
   
         เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวสุดฮิตดังขึ้นทันทีที่ผมแต่งตัวเรียบร้อย หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความที่เหมือนเดิมแทบทุกวัน ‘เฮียออกไปแล้วคร้าบบบ’ ผมเปิดข้อความนั้น แล้วกดส่งสติกเกอร์รูปทหารทำท่าตะเบ๊ะกลับไปพร้อมกับที่เหลือบมองเวลาบนหน้าจอ
   
         5.58
   
         ตรงเวลาเหมือนเดิมเลยนะ ผมคิดในใจ อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคนที่ถูกพูดถึง เจ้าตัวจะรู้รึเปล่านะ ว่ามีไส้ศึกอยู่ในบ้านแบบนี้ ผมคว้าเป้ขึ้นสะพายก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องพ่อแม่เพื่อบอกว่าจะไปโรงเรียนแล้ว พวกท่านอือออตอบกลับมาว่าให้เดินทางปลอดภัย

         “กันต์ๆ” ขณะที่ผมกำลังปิดรั้วบ้านอยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากบ้านข้างๆ หันไปก็เห็นพี่สะใภ้กวักมือเรียก ถึงได้เดินไปหา

         “รอแป๊ปนึงนะ” เธอบอกให้ผมยืนรอ ส่วนเธอเดินเข้าไปในพื้นที่เล็กๆที่เหลืออยู่หน้าบ้าน ซึ่งทั้งสองสามีภรรยาคู่นี้แปรสภาพให้เป็นร้านกาแฟขนาดย่อม มีขายทั้งกาแฟกับพวกขนมเค้กขนมปัง แล้วก็ยังมีพวกอาหารเช้าง่ายๆอีกด้วย ผมยืนรอแค่แป๊ปเดียวเธอก็เดินออกมาพร้อมกับขนมปังไส้กรอกสองชิ้นในมือ

         “ชิมให้หน่อย นี่พี่เพิ่งลองสูตรใหม่ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง” เธอบอกพร้อมกับยื่นมันให้ผม

         “โห นี่พี่กะใช้ผมเป็นหนูลองยาใช่ปะเนี่ย”
         
         “ประมาณนั้นล่ะย่ะ” เธอแกล้งค้อนใส่ผมแล้วพูดต่อ “ไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันพี่ไม่รู้ด้วยนะ” หลังจากยิ้มล้อเลียนแล้วยีหัวผมจนพอใจเธอก็กลับเข้าร้านไปเตรียมของต่อ

         ทุกคนเคยถามผมเหมือนกันว่า ทำไมต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้ทั้งที่บ้านก็อยู่ถัดจากโรงเรียนไปแค่ไม่ถึงสองซอย เพราะเมื่อก่อนผมเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่ม‘ยิ่งใกล้ยิ่งสาย’ แต่ตั้งแต่เหตุการณ์ในเย็นวันหนึ่งเมื่อสองปีก่อน ผมก็กลายเป็นคนที่ตื่นเช้าขึ้นมาแบบไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก
   
         เหตุการณ์ที่ว่านั่นคือ ระหว่างที่ผมกำลังยืนรอเพื่อนจีบสาวอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น อยู่ดีๆก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินผลุบลงไปในท่อ ทุกคนที่อยู่แถวนั้นนิ่งอึ้งแล้วหันไปมอง ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หันไปมอง ทั้งสงสารทั้งขำ แต่ที่สุดแล้วผมก็กลั้นใจไม่ให้หัวเราะออกมาแล้วเข้าไปช่วยดึงน้องเขาขึ้นจากท่อ
   
         ความรู้สึกตลกเล็กๆก็หายไปทันทีเมื่อเห็นว่าขาขาวๆนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำเน่าและเลือดที่ไหลซิบ ผมรีบค้นกระเป๋าตัวเองเพื่อมาอะไรมาช่วยเช็ดให้ น้องดูตกใจแต่ก็บอกขอบคุณผมเบาๆ ผมเอาเสื้อนักเรียนมัดขาเขาไว้ไม่ให้เลือดมันไหลจนดูน่ากลัว แล้วบอกให้เขากลับบ้านดีๆ เขาลุกขึ้นพยักหน้าแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที

         ผมยิ้มขำให้กับความน่ารักของน้องเขา ยืมมองจนน้องวิ่งลับตาไป ก็หมุนตัวกลับไปหาเพื่อนซึ่งหายไปกับสาวเรียบร้อยแล้ว ผมถอนหายใจกับความรักเพื่อนของมัน สบถด่าอยู่ในใจสองสามคำก็ตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ก็เปลี่ยนใจเดินกลับเข้าโรงเรียนแทน

         หลังจากแจ้งเรื่องซ่อมแซมท่อระบายน้ำเสร็จ ผมก็ได้ฤกษ์กลับบ้านเสียที ระหว่างทางผมรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง จนกระทั่งถึงบ้านแล้วเห็นหน้าแม่นั่นแหละ ถึงได้คิดออกว่า ..นั่นมันเสื้อที่เพิ่งจะใส่ได้ไม่ถึงเทอมเลยนี่หว่า!

         วันถัดมาผมก็ถูกลุงรหัสซึ่งเป็นประธานนักเรียนบังคับให้ไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อช่วยกรรมการนักเรียนเตรียมงานเทศกาลประจำปี  เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมต้องไปแต่เช้า ผมได้เจอกับน้องคนนั้นทุกวัน บางวันก็มากับน้องชาย บางวันก็มาคนเดียว น้องไม่ใช่คนที่ดูเด่นอะไร ผมว่าน้องชายของน้องยังดูเด่นซะกว่า แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นน้องเขาได้ถึงแม้จะอยู่ห่างกันมากก็เถอะ และผมก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่า ทำไมทุกวันหลังจากนั้นผมถึงได้ตื่นเช้าเพื่อที่จะไปนั่งรออะไรบางอย่างหรือใครบางคนที่ป้ายรถเมล์เสมอ

         ผมชอบที่จะได้เห็นสีหน้าของน้อง มันเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันสักวัน บางวันน้องก็เดินฮัมเพลงเบาๆ บางวันน้องก็ทำหน้าหงุดหงิดกับเศษขยะบนพื้น โดยที่สุดท้ายน้องก็เก็บมันไปทิ้งทุกที นั่นทำให้ผมอยากมานั่งรอดูว่าวันต่อๆไปน้องเขาจะทำอะไรน่ารักๆอีกบ้าง และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมานั่งรอ ทุกอย่างเป็นไปเหมือนปกติจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น

         6.14

         “ไอ้กันต์! อยู่ไหนวะ เข้ามาในโรงเรียนด่วนเลยมึง งานเข้า!” เสียงโหดๆของรองประธานที่ส่งมาตามสายแทบจะทำให้อารมณ์ดีๆในเช้าที่อากาศสดใสของผมแทบจะหมดลง

         “มีอะไรวะ”

         “ไฟล์งานพรีเซ้นต์งบหาย! กูจำได้ว่าเคยเซฟใส่แฟลชไดร์ฟมึงไว้ มึงรีบเข้ามาเร็วๆ งานนี้เร่งใช้ตอนเจ็ดโมง! ” มันพ่นคำพูดใส่ผมรัวๆจนแทบจะจับใจความไม่ได้

         “เจ็ดโมง? นี่มันเพิ่งกี่โมง มึงจะรีบไปไหนวะ นี่กูยังไม่ออกจากบ้านเลย” ผมโกหกเสียงเรียบทั้งๆที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนมาได้พักหนึ่งแล้ว

         “อย่าตอแหล เลิกสโตรกน้องเข้าซักวันเถอะ เข้ามาเร็วๆ!” ผมถอนหายใจแล้วบอกว่าเดี๋ยวเข้าไป ผมปลอบใจตัวเองเบาๆว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็ได้เจอ แล้วตัดใจเดินต่อ พอเห็นว่ามีรุ่นน้องหลายคนเดินแซงหน้าผมไป ผมถึงได้รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเดินเอื่อยผิดปกติ ผมยังคงหวังจะได้เห็นหน้าใครบางคนก่อนเข้าเรียน

         ผมเดินไปจนถึงหน้าร้านอาหารตามสั่งก็เจอกับเพื่อนเก่าที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้า ยืนคุยกับมันสักพักใหญ่ๆก็นึกได้ว่ายังไม่ได้คืนร่มที่มันให้ยืมมา ผมเลยบอกให้มันเปิดซิบหยิบร่มในกระเป๋าผมไป มันด่าผมนิดหน่อยว่ายืมของมันไปยังให้มันเปิดเองหยิบเองอีก ผมเลยหัวเราะแล้วบอกมันไป “กูคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

         “เห้ย กูเจอของดี ขอนะ?” ระหว่างที่กำลังปิดกระเป๋าให้ผม มันก็หยิบขนมปังไส้กรอกออกมาให้ผมดูแล้วถาม ผมพยักหน้าบอกให้มันเอาไปแล้วบอกมันว่ามีอีกอัน ระหว่างที่มันค้นกระเป๋าผมเพื่อหาขนมปังอีกชิ้น โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น พอกดรับก็ได้ยินเสียงโหดๆเสียงเดิมดังมาบอกว่าให้เข้าไปเร็วๆ ผมเออออไปก่อนจะวางสาย

         พอหันไปหาไอ้เจ้าของร่มก็เห็นในมือมันมีแค่ร่มกับขนมปังไส้กรอกชิ้นเดียว

         “อีกอันไม่เอาหรอวะ?”

         “โคตรแบน มึงเก็บไว้กินเองเถอะ” ผมพยักหน้าแล้วบอกมันว่าจะไปแล้ว มันก็ทำหน้าแปลกๆแล้วพยักหน้าให้ผมแบบขำๆ ผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเลยมุ่งหน้าเข้าโรงเรียนต่อ

         จู่ๆผมก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงเบาๆที่แขนเสื้อ พอหันกลับไปเจอเจ้าของแรงที่ดึงเสื้อไว้ผมก็แทบจะช็อคตายอยู่ตรงนั้น ผมพยายามคิดคำที่จะพูดกับคนตรงหน้าอยู่พักนึงสุดท้ายก็ได้แค่คำว่า

         “หืม ?”
         
         “เอ่อ.. กระเป๋า ปิดมั้ยครับ?” เจ้าของเสียงหันมามองผมนิดนึงแล้วหันกลับไปมองกระเป๋าผม ผมรู้สึกว่าสมองสามารถตีความได้ช้าปกติไปหลายวิ แต่พอผมเข้าใจก็รีบปลดเป้มาสะพายข้างเดียว พอเห็นว่ามันเปิดซะอ้าซ่าก็หัวเราะเบาๆ ทั้งที่ในใจอยากจะเดินกลับไปด่าไอ้เพื่อนเวรที่บังอาจเปิดกระเป๋าผม วันหลังผมจะเอาขนมปังบูดไปให้มันกิน หรือไม่ถ้าเจอหน้าอยากจะขอกระโดดถีบสักที

         น้องยืนรอจนผมปิดกระเป๋าเสร็จถึงได้เดินต่อ แน่นอนว่าผมไม่พลาดโอกาสที่จะได้เดินข้างน้อง เดินไปได้สักพักน้องหันมามองหน้าผมประมาณว่า ‘ไอ้นี่มันมาเดินข้างกูทำไมวะ’ สมองผมพยายามประมวลผลอย่างหนักหน่วงเพื่อจะหาคำพูดที่ดีที่สุดมาพูดกับน้องเขา

         “ขอบคุณนะครับ น้อง” ผมรู้สึกได้ถึงความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ น้องเขาจะสงสัยรึเปล่าว่าทำไมผมถึงรู้ว่าเขาเป็นรุ่นน้อง ผมเริ่มรู้สึกเหงื่อแตกและคิดคำแก้ตัวต่างๆนานาขึ้นมาทันที แต่สุดท้ายเหมือนน้องเขาจะไม่ได้สนใจอะไร ได้แต่ยิ้มตอบกลับมา

         ผมตัดสินใจแล้ว.. วันนี้แหละที่สวรรค์เปิดทางให้ผม ผมจะต้องเดินเข้าโรงเรียนกับน้องเขาให้ได้! ยังคิดไม่ทันเสร็จน้องก็หยุดแวะร้านขายน้ำ ผมแทบจะก้าวเลยไปแล้วแต่ก็หมุนตัวกลับมายืนรอน้องได้ทัน

         น้องทำหน้างงหน่อยๆเมื่อหันมาแล้วยังเห็นผมยืนอยู่ ผมแอบเห็นน้องลอบถอนหายใจเบาๆ รู้สึกใจแป้วนิดๆแฮะ แต่ด้วยความหน้าด้านของผมทำให้ผมรีบตามไปเดินคู่กับน้องเขาต่อ เสมือนว่าผมกับน้องเป็นคนรู้จักกันทันที ผมพยายามคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำ ก่อนที่โอกาสดีๆนี้จะหมดไป

         “ดื่มน้ำอัดลมแต่เช้า จะปวดท้องเอานะ” คำพูดโง่ๆหลุดออกไปจากปากผมอย่างไม่ทันตั้งตัว น้องหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแก้เก้อ
 
         “อา หรอครับ” น้องส่งยิ้มแห้งๆให้ผม ถึงจะเป็นแค่ยิ้มแห้งๆ แต่มันก็ทำให้ผมได้ใจหาเรื่องชวนน้องเขาคุยต่อ ถึงแม้พอนึกย้อนกลับมา จะมีแต่ประโยคประหลาดๆก็เถอะ แต่ดูเหมือนยิ่งได้คุยกันน้องจะเริ่มสบายใจกับผมมากขึ้นนะ
ผมรู้สึกว่าทางเดินเข้าโรงเรียนมันช่างสั้นเหลือเกิน เหมือนเวลาแห่งความสุขของผมใกล้จะจบลงเมื่อผมเห็นตึกประจำของน้องเขาอยู่ตรงหน้า นึกขึ้นมาได้ว่าผมเดินเลยห้องกรรมการนักเรียนมาแล้ว แต่ขอโทษเถอะเพื่อนๆ นี่มันโอกาสที่ร้อยปีจะมีครั้งของผมเลยนะ ขอให้ผมได้เดินไปกับน้องนานๆหน่อยเถอะ 

         คงไม่ต้องถามว่าทำไมผมถึงรู้ว่าห้องไหนก็ในเมื่อผมเดินตามน้องเขาเข้ามาทุกวันถึงน้องเขาจะไม่เคยรู้ น้องหยุดเดินเมื่อเดินแทบจะเลยบันไดทางขึ้น แล้วหันมามองหน้าผม

         “เอ่อ ผม.. ถึงแล้ว” น้องพูดเบาๆผงกหัวให้ผมแล้วหันหลังไปทันที เห้ย.. ไม่นะ ผมต้องพูดอะไรสักอย่าง อะไรดีวะ ขณะที่ผมกำลังเครียดกับการคิดหาข้ออ้างเรียกน้อง มือก็จับกระเป๋าแน่น .. รู้แล้ว!

         “เดี๋ยว น้อง!” พอน้องหันกลับมาผมก็รีบบอกให้น้องรอแป๊ปนึง ส่วนตัวเองก็ค้นของในกระเป๋าให้วุ่น สุดท้ายผมก็เจอของที่ต้องการ ขนมปังไส้กรอก ..แบนอย่างที่เพื่อนผมบอกจริงด้วย

         “มันอาจจะแบนไปหน่อย แต่รองท้องไว้น่าจะดี จะได้ไม่ปวดท้องนะ” ผมบอกให้น้องรับไปแต่น้องก็ทำหน้างงๆ ผมเลยรีบยัดใส่มือน้องแล้วรีบเดินไปก่อนที่น้องจะปฏิเสธมัน แต่เหมือนผมจะลืมอะไรไป ..

         ทันทีที่ผมคิดได้และวิ่งกลับมาถึงห้องกรรมการ ผมก็เจอกับไอ้รองประธานหน้ายักษ์ยืนกอดอกทำท่าเหมือนจะกินหัวผม มันด่าผมนิดหน่อยก่อนจะรีบเอาไฟล์งานไปดู ไม่ถึงห้านาทีมันก็บอกเรียบร้อยแล้วไปนั่งกดเกมในมือถือ นั่นไง มันจะรีบให้ผมเข้ามาทำไมในเมื่อมันก็ใช้เวลานิดเดียวในการตรวจความเรียบร้อย ผมคิดอย่างเซ็งๆว่าวันนี้เจอแต่เพื่อนทำพิษตั้งแต่เช้า ก่อนจะนึกได้ว่า ถ้าไอ้รองมันไม่ให้ผมรีบเข้ามา ไอ้เพื่อนเลวนั่นไม่แกล้งเปิดกระเป๋าผม ผมคงหาทางคุยกับน้องเขาไม่ได้

         “ไอ้แว่นน กูรักมึงงง” ผมก็รีบเข้าไปกอดมันแน่นๆทีนึง มันหันมาด่าแล้วถีบผมออก ผมก็ได้แต่หัวเราะให้มัน มันมองผมแบบเอือมๆแล้วถาม

         “คนเมื่อกี้ใช่มั้ย เอาซะเดินเลยห้องเลยนะมึง” อ้าว มันเห็นด้วยเว้ย ผมนึกขอบคุณที่มันเข้าใจและไม่วิ่งออกมาลากผมกลับห้อง ผมพยักหน้ายิ้มๆแล้วถาม “น่ารักใช่มั้ย ?”

         “ก็ทั่วไปว่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงไปไม่ถึงมึงแน่” มันขยับแว่น ยิ้มน่าถีบ แล้วกลับไปกดเกมต่อ ผมหยิบกระดาษไม่ใช้แล้วมาขยำปาใส่หัวมัน

         “อย่ามา คนนี้กูหวง” มันหัวเราะทันทีที่ผมพูดจบ แล้วบอก “กูบอกอยู่ว่าถ้าเป็นผู้หญิง”

         วันนี้ทั้งวันผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างสดใส เป็นวันเรียนที่มีความสุขเสียเหลือเกิน ถึงงานที่สภาจะเยอะ ผมก็ทำแบบไม่บ่น มีการบ้านหรืองานอะไรมาผมก็ยิ้มรับ จนทุกคนหาว่าผมบ้า

         ถึงคาบพักไอ้หลานรหัสตัวดีที่ควบตำแหน่งสายลับให้ผมก็เดินเข้ามาในห้องสภา มันทักผมนิดหน่อยก่อนจะลงไปนอนกองบนโซฟา ทุกคนในห้องมองมันแบบเอือมๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถึงมันจะไม่ใช่กรรมการนักเรียน ชอบมาตากแอร์ฟรี แต่มันก็ช่วยงานหลายๆอย่าง

         “ไอ้ตี๋เล็ก” ผมเรียกมัน กวักมือเรียกเป็นท่าประกอบ มันเลิกคิ้วมองผมทำท่าเหมือนจะไม่ลุก แต่สุดท้ายก็ยอมลุกมาคุยกับผม

         “กูอยากกินข้าวมันไก่”

         “ยอมแล้วหรอ เฮียกันต์” มันยิ้มล้อเลียนผม ความจริงผมเพิ่งจะได้สายลับคนนี้มาเมื่อเร็วๆนี้เองครับ น้องรหัสผมเพิ่งพามันมาให้ผมรู้จักเมื่อสองสามเดือนก่อนผมจำหน้ามันได้ทันทีที่เห็น และทันทีที่มันเห็นหน้าผมมันก็พูดทันทีว่า ‘อ้าว พี่ที่ชอบเดินตามเฮียผมนี่’ ผมแทบจะเอาหัวโขกกำแพงทันทีที่มันพูดคำนั้น มันเห็นด้วยหรอ ..แล้วน้องเขาจะรู้รึเปล่าวะ หรือน้องจะหาว่าผมเป็นไอ้โรคจิตรึเปล่า

         ‘พี่ชอบเฮียผมใช่ปะ’ คือคำแรกทีมันพูดกับผมหลังจากที่พาแยกตัวจากน้องรหัสมาได้ น้ำที่กำลังดูดอยู่แทบจะพุ่งออกมาใส่หน้ามัน

         ‘อืม..’ ผมตอบกลับไปง่ายๆ มันเองก็พยักหน้ารับอย่างไม่แปลกใจจนผมสงสัย

         ‘โธ่ เฮียกันต์ ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่จะมีผู้ชายมาชอบเฮียผม อีกอย่างถึงเฮียจะชอบเฮียผม ก็ใช่ว่าเฮียผมจะชอบเฮียนี่’ ถ้าผมเป็นพี่ชายมันผมควรจะดีใจหรือเสียใจที่ได้รับการชื่นชมแบบนี้จากน้องชายกันนะ.. ว่าแต่น้องเขารู้รึเปล่าวะ ว่าผมเดินตาม

         ‘โอ้ย เฮียแกไม่รู้หรอก วันๆเอาแต่เดินมองขยะบนพื้นไม่รู้หรอกใครเดินตาม ใครมองอยู่อ่ะ แต่ขนาดชอบเดินมองพื้นยังตกท่อได้ โคตรเด๋อ’ มันแซวพี่ชายตัวเองแล้วหัวเราะ คำพูดมันทำให้ผมเริ่มใจชื้น มันถามผมว่าอยากให้มันช่วยพาไปรู้จักมั้ย ผมได้แต่ปฏิเสธแล้วบอกมันไปตามใจจริงของผมว่า ผมอยากหาทางรู้จักน้องด้วยตัวเองมากกว่า มันก็พยักหน้าแล้วบอกว่ามันจะเป็นสายข่าวช่วยบอกเวลาที่เฮียมันออกจากบ้านก็แล้วกัน

         ความจริงแล้ววิธีที่จะรู้จักกับน้องมีเยอะแยะครับ รุ่นน้องในสภาคนนึงก็เป็นเพื่อนสนิทกับน้องเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกแหละครับ ถ้าเป็นไปได้และผมยังเหลือเวลาอยู่ผมก็ยังอยากหาเหตุการณ์ที่จะรู้จักกับน้องอีกครั้งด้วยตัวเองไม่ใช่ให้ใครมาสร้างให้ และในเมื่อตอนนี้ผมได้เจอกับเหตุการณ์การพูดคุยกันครั้งแรกแล้ว คราวนี้ผมก็จะขอรุกหนักล่ะ!

         พอถึงช่วงเย็นไอ้ตี๋เล็กมันก็พาผมเดินไปหน้าห้องพี่ชายมัน น้องเดินออกมาพร้อมกับไนท์รุ่นน้องในสภาที่เป็นสายอีกคนของผม เจ้าหลานรหัสแนะนำให้ผมรู้จักกับพี่ชายมัน แล้วก็บอกว่าวันนี้จะพาผมไปที่ร้านข้าวมันไก่ของบ้านของทั้งสองคน น้องพยักหน้ารับก่อนจะชวนเพื่อนสนิทของตัวเองไปด้วย ไนท์มันตอบตกลงก่อนจะหันมาส่งสายตาแปลกๆให้ผม ผมได้แต่ตีหน้ายุ่งใส่มัน

         เดินไปได้สักพักรุ่นน้องตัวดีทั้งสองคนก็เดินกอดคอคุยกันไปแค่สองคน ตั้งใจเปิดโอกาสให้ผมกับน้องเต็มที่ ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าเอาขนมปังให้น้องไป

         “ขนมปังอร่อยมั้ย?”

         “ยังไม่ได้กินเลยครับ” น้องยิ้มตอบ เดินไปไม่นาน ไนท์มันก็หันกลับมา แล้วพูดอะไรที่ผมอยากโดดถีบที่สุด

         “เอ้อ! พี่กันต์ผมได้ข่าวว่าเดินเปิดกระเป๋ารับลมหรอ” ผมขยี้หัวตัวเองแบบเซ็งๆแล้วบอกมันว่า อย่ายุ่ง ส่วนตี๋เล็กก็หันมาปล่อยก๊ากพร้อมถามว่า”จริงอะ? เฮีย” อยู่นั่นแหละ

         “ขายกันหรอ?” ผมหันไปขยี้หัวคนปล่อยข่าวเบาๆ เจ้าตัวก็ได้แต่หัวเราะกลับมาเป็นคำตอบ เห็นผมทำอย่างนั้นไอ้สองตัวข้างหน้าก็หันกลับมาร้อง “ฮั่นแหน่!” ล้อเลียนผมซะเสียงดัง เอาซะผมรู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมาเลย

         ระหว่างทางเดินไปขึ้นรถสองแถวผมแทบจะลืมตัวคว้ามือคนข้างๆมาจับหลายรอบ แต่คิดแล้วคงจะไม่ดีถ้าจะมีผู้ชายสองคนมาเดินจับมือกัน อีกอย่างผมยังหาเหตุผลที่ดีพอจะขอน้องจับมือไม่ได้ เพราะงั้นผมถึงได้แต่ บีบมือเตือนตัวเองจนมือชื้นเหงื่อ

         พอไปถึงบ้านน้องผมก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ ไนท์มันวิ่งเข้าไปกอดแถมทักทายพ่อแม่น้องเสียอย่างกับมันเป็นลูกแท้ๆของเขา ส่วนลูกในไส้ทั้งสองคนได้แต่ยืนทำหน้าเอือม ผมเดินเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ของน้อง คุณพ่อท่านก็เรียกให้ผมนั่งคุย แล้วถามเรื่องนู่นนี่จนรู้ว่าผมเป็นประธานนักเรียนก็เลยคุยกันยาว ดูเหมือนเมื่อก่อนท่านก็เคยเป็นประธานนักเรียนเหมือนกัน

         ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ข้าวและกับทั้งหมดมาวางอยู่บนโต๊ะด้วยฝีมือของลูกเจ้าของบ้านทั้งสองคน ทำเอาผมรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไม่ได้ไปช่วย พอทุกคนพร้อมคุณพ่อก็บอกให้เริ่มทานกันเลย ระหว่างที่ทานผมที่ยังคงคุยกับคุณพ่อก็รู้สึกเหมือนมีคนมอง หันไปก็เจอน้องมองอยู่ ผมเลยตักไก่ชิ้นนึงวางใส่จานน้อง หันกลับไปก็เจอคุณพ่อทำสายตาแปลกๆใส่ เลยนึกได้ว่าไม่น่าจะทำอย่างนั้นเลย

         ผมยิ้มแห้งๆให้คุณพ่อแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย พักนึงน้องก็ลุกถือจานเดินหายไปในครัว

         “เราใช่มั้ย ที่เจ้าตี๋เล็กมันไลน์ไปรายงานทุกเช้าเนี่ย” คุณแม่หันมาถามคำถามที่ทำให้ผมแทบช็อค ผมนิ่งไปพักก่อนพยักหน้ารับแล้วตอบ “ครับ”
 
         “ป๊าพูดตามตรงนะ ว่าไม่ได้สนับสนุน” คุณพ่อมองผมนิ่งๆแล้วพูด ทำเอาผมใจแป้ว แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้ผมดีใจจนหยุดยิ้มไว้ไม่ได้ “แต่ป๊าก็ไม่ได้ห้าม ถ้ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”

         “ก็อย่างที่ป๊าเขาว่านั่นแหละลูก ถ้าไม่ใช่เรื่องไม่ดีป๊ากับม๊าก็ไม่ว่าอะไรหรอก” คุณแม่ยิ้มให้ “จะทำอะไรก็ให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่แบบนี้ดีแล้ว แต่ม๊าจะเตือนไว้อย่างนะ.. เจ้าตี๋ใหญ่น่ะมันความรู้สึกช้า” ผมไม่รู้ว่าผมไปเอาความโชคดีนี้มาจากไหน ที่ทำให้ผมได้เจอกับครอบครัวที่เปิดใจยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ขนาดนี้ ผมรู้ว่าท่านทั้งสองคนคงไม่เต็มใจนัก เพราะถึงยังไงน้องก็เป็นลูกชายคนโตของบ้าน

         “ผมขอโทษ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ” ผมหันไปสบตาคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อตบบ่าผมทีนึงแล้วบอกให้ผมเอาจานไปเก็บ ผมยิ้มให้คุณพ่อแล้วถือจานเดินไปทางเดียวกับที่น้องเดินไป ส่วนไนท์กับตี๋เล็กก็โห่แซวซะผมเกือบลืมตัวหันไปด่า

         “พี่ช่วย” ผมเดินเข้าไปก็เจอน้องนั่งล้างจานอยู่ น้องเงยหน้ามองผมแล้วถามว่าอิ่มแล้วหรอ

         ผมนั่งลงเก้าอี้ไม้ข้างๆน้องช่วยน้องล้างน้ำสะอาด พักนึงไนท์กับตี๋เล็กก็เดินเข้าพร้อมกับจานที่เหลือ หยอดมุกปัญญาอ่อนใส่กันมุกสองมุก ตี๋เล็กถึงได้ลากไนท์ออกไปเพราะพี่ชายมันกำลังจะโยนฟองน้ำใส่ ผมได้แต่หัวเราะกับความปัญญาอ่อนของเจ้าสองคนนั้น

         “พี่ร้อนมั้ย ?” น้องถามคำถามที่ทำเอาผมแทบหัวทิ่มกะละมัง ถามแบบนี้ผมคิดนะครับ อยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่า จะร้อนเพราะเรานั่นแหละ แต่ก็ได้แต่ตอบกลับไปว่าไม่ร้อน พอนึกได้ว่าน้องอาจจะเป็นไข้เลยหยิบผ้ามาเช็ดมือแล้ววัดอุณหภูมิจากหน้าผาก

         “ตัวอุ่นๆนะ อย่าลืมไปกินยาด้วย” ผมบอกไป น้องพยักหน้าแล้วก้มลงล้างจานต่อ เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้น้องถึงได้หันกลับมาอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่รู้เพราะอะไรหน้าของผมกับน้องถึงได้ใกล้กันขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจ้องตาน้องอยู่นานเท่าไหร่ แต่เสียงของเจ้าหลานรหัสตัวดีที่โวยวายอะไรสักอย่างข้างนอก ทำให้น้องรีบหันกลับไปล้างจาน

         ผมอมยิ้มให้กับหูและแก้มแดงๆที่สามารถเห็นได้จากด้านข้าง พอล้างเสร็จผมก็เอากะละมังไปเทน้ำทิ้งตามที่น้องบอก พอเดินกลับเข้ามาน้องก็ชวนผมไปนั่งคุยกับคนอื่นๆ ผมตามไปถึงความจริงผมจะอยากอยู่กับน้องสองคนก็เถอะ

         นั่งคุยกันอยู่ไม่นานกับไนท์ก็ได้เวลากลับบ้าน คุณแม่บอกให้ตี๋เล็กกับพี่ชายมันไปส่งพวกผม  ไม่เกินห้านาทีเราก็มาถึงหน้าปากซอย รอรถอยู่พักหนึ่งก็ได้เวลาที่ต้องโบกมือลากันแล้ว ผมพูดอะไรบางอย่างเบาๆให้ได้ยินกันสองคนตอนเดินผ่านน้อง

         ผมไม่รู้ว่าน้องจะได้ยินรึเปล่า แต่ผมก็ได้พูดมันออกไปแล้ว ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องในวันนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบที่ตัวเองพูดไปทั้งคืน

“ฝันดีนะครับ”

         .
         .
         .
         เช้าวันรุ่งขึ้นทันทีที่ผมเจอพี่สะใภ้ เธอก็ถามผมว่าขนมปังไส้กรอกรสชาติเป็นยังไงบ้าง..



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ติดตามต่อค่ะ


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
สตอร์คเกอร์นี่นา  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด