เสื้อกาวน์เก่าๆ......กับเราสองคน
ตอนที่ 100
จดหมายถึงพระจันทร์ โดย หมอติ๊บฉลองครบ 100 ตอน แต่ดูจากต้นฉบับแล้วยังไม่ครึ่งเรื่องเลยยยย
ยังไงมาเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยของผมด้วยน่ะคับ
พอดีขอตอนนี้มาจากไดอารี่หมอตื๊บ
ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าเขียนได้น่ารักมากกก
มาติดตามกันเลยน่ะคับ อย่าลืมให้กำลังใจหมอติ๊บเขาด้วยล่ะกันนนนน
จดหมายจากพระจันทร์
สวัสดีดวงตะวัน
คืนนี้มีดาวเต็มฟ้าทอประกาย
ภาระฉันจึงไม่มีมากมาย
พอมีเวลานั่งเขียนถึงเธอ
อยู่สบายไหมตะวัน
เราไม่ค่อยได้เจอะกันเลยใช่ไหม
ทั้งทั้งที่ฟ้าเดียวกันเหมือนใกล้
แต่เพราะภาระของเราต่างกัน
แม้จะไม่ได้พบเจอเธอ
ก็รู้เสมอว่าเธออยู่ตรงไหน
และฉันก็รู้ว่างานเธอหนักเพียงใด
เธอต้องดูแลใครใครมากมาย
อยากบอกเธอว่าคิดถึง
มีฉันซึ่งยังเป็นห่วงเสมอ
แม้ฉันไม่รู้เมื่อไหร่จะพบเธอ
แต่ฝันถึงเธอทุกคืน
รู้ไว้พระจันทร์ดวงนี้รอพบเจอ
และคิดถึงเธอเหลือเกิน
สมัยเด็กๆย่าเคยนั่งตะบันหมากอยู่ที่ชานบ้านในตอนค่ำหลังจากเสร็จสิ้นจากอาหารค่ำ
ป้ายังคงนั่งทำเครื่องจักสานเหมือนทุกคืน ซึ่งติ๊บก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วมันจะเป็นอะไร
ติ๊บยังคงนอนใกล้ๆกับย่าและนอนนับเดือนนับดาวไปตามประสาเด็กบ้านนอกห่างไกลแสงสี
หรีดหริ่งเรไรที่ส่งเสียงระงมในตอนกลางคืน ราวกับบทเห่กล่อมที่ขับขานจากธรรมชาติบ้านเรา
จำได้ว่า.......ย่าเคยบอกกับติ๊บว่าถ้าคิดถึงพ่อก็ขอให้มองดูดวงจันทร์
เพราะบนดวงจันทร์มียายจันทร์ที่คอยตำข้าวอยู่ให้เห็นในทุกๆคืน
คนที่อยู่บนดวงจันทร์ก็จะมีแต่คนขยันเพราะต้องมาตำข้าวในตอนค่ำมืดดึกดื่นอยู่ทุกคืนเลย
พ่อแคนของกะติ๊บเป็นคนขยันเพราะฉะนั้นพ่อก็คงอยู่บนดวงจันทร์นั่นด้วยซินะ
ว่าแต่ย่าจ๋า.........เมื่อไหร่หนอที่จะเป็นวันที่พ่อออกมาตำข้าวแทนยายจันทร์ ติ๊บจะได้เห็นพ่ออีกครั้งหนึ่งมั้ยนะ
นอกจากดวงจันทร์แห่งความขยันแล้ว
ย่ายังบอกด้วยว่าถ้าคิดถึงแม่ก็ขอให้มองไปที่ดวงดาวเพราะดวงดาวมันสวย ใครๆก็อยากสวยเหมือนดวงดาว
แม่มอญของกะติ๊บเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
แม่คงเป็นดาวดวงที่ส่องแสงสุกสกาวระยิบระยับดวงโตที่อยู่ทางทิศเหนือของบ้านเราเป็นแน่
แล้วถ้าติ๊บตะโกนเรียกไปแม่จะได้ยินติ๊บไหมนะ ติ๊บคิดถึงแม่จังเลย...........
พ่ออยู่บนดวงจันทร์ แม่อยู่บนดวงดาว
บางคืนหนูมองเห็นทั้งดวงจันทร์และดวงดาวอยู่บนฟากฟ้าในเวลาเดียวกัน
บางคืนหนูมองเห็นเพียงแค่ดวงจันทร์ที่ทอแสงสว่างไสวอยู่บนฟากฟ้าเพียงลำพัง
บางคืนหนูมองเห็นแสงระยิบระยับจากหมู่ดาวนับร้อยนับพันบนฟากฟ้าเหนือชายคาบ้านของเรา
และบางคืนที่หนูมองไม่เห็นทั้งดวงจันทร์ และดวงดาว มันมืดมิด วังเวงและทำให้หนูรู้สึกโดดเดี่ยวที่ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มองลงมาเพื่อคุ้มครองดูแลหนู
ถ้าเป็นอย่างนั้น หนูคงจะเป็นดั่งดวงพระอาทิตย์ดวงกลมนั้น
ทอแสงอ่อนๆในตอนเช้า ดูเป็นเด็กน่าทะนุถนอม อ่อนโยน
กร้าแกร่งและร้อนแรงในตอนกลางวัน ก่อนจะหมดแรงล้าในตอนเย็นรอการพักผ่อน
แต่ในทุกวันที่ผ่านไป หนูยังคงเฝ้ารอการมาเยือนของดวงจันทร์กับดวงดาวเสมอ
บางทีเราอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เพราะว่าเราก็ยังคงรับรู้การมีอยู่ของกันและกันเสมอ
และนอกจากนี้ย่าก็ยังสอนเอาไว้ว่า
ไม่ว่าในคืนที่มืดมิดเพียงใด
พระจันทร์และดวงดาวจะยังคงหน้าที่เดิมเสมอๆ หากแต่มีเพียงกลุ่มเมฆบดบังจึงทำให้หนูไม่สามารถมองเห็นได้
เหมือนกับที่พ่อและแม่คอยเฝ้ามองและดูแลหนู
หนูอาจจะไม่ได้เห็นพ่อแม่ในวันนี้ แต่ว่าพ่อแม่ก็ยังคงรักและเฝ้ามองลงมายังหนูเสมอๆ
พ่อแม่ไม่ได้จากหนูไปไหน แต่พ่อแม่ยังอยู่กับกะติ๊บเสมอๆไม่ว่าเวลาใด
ย่าบอกว่าหนูมีคิ้วและดวงตาที่มีประกายเหมือนกับดวงดาวบนฟากฟ้าเช่นเดียวกับแม่ของหนู
ย่าบอกว่าหนูมีจมูกที่แหลมเชิดและปากกระจับแต่ก็ช่างพูดจาพาทีเหมือนพ่อตอนเด็กๆไม่มีผิด
เห็นไหมว่า พ่อกับแม่ไม่ได้จากหนูไปไหนเลย พ่อกับแม่ยังอยู่ข้างๆหนูเสมอ
ถ้าเป็นเช่นที่ย่าบอกจริงในตัวของหนูคงมีมากกว่าพ่อกับแม่แล้วละ
เพราะตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูมีเลือดนักสู้ เข้มแข็ง อดทนและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเหมือนกับที่ป้าเป็นไม่ต่างกันเลย
ในขณะเดียวกันหนูก็มีความจริงใจและโอบอ้อมอารีให้แก่คนรอบข้างเหมือนที่ย่าเป็นอยู่เปี๊ยบเลย
เพราะฉะนั้นไม่ว่าหนูจะอยู่ที่ใดในโลกใบนี้
หนูก็จะมีพ่อ แม่ ป้า และย่า อยู่เป็นส่วนหนึ่งและคอยคุ้มครองให้ความรักความเอ็นดูแก่หนูอยู่ทุกที่ใช่มั้ยจ๊ะ
วันนี้หนูเลือกเขียนจดหมายถึงดวงจันทร์
เพราะหนูอยากส่งจดหมายนี้ไปบอกกับพ่อว่า.....
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนที่หนูไม่มีโอกาสได้พบหน้าพ่อ
แต่พ่อยังอยู่กับหนูเสมออยู่เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของหนู อยู่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของหนู ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม
แต่สิ่งเดียวที่หนูอยากรู้ตอนนี้คือ พ่อสุขสบายดีหรือไม่อย่างไรเท่านั้นเอง
ตอนนี้ป้าทำงานหนักมาหลายปีแล้ว จนมีอาการปวดหลังปวดข้ออยู่บ่อยๆ
แต่ตอนนี้หนูให้ป้าเลิกทำไร่ยาสูบแล้วน่ะป้าจึงหันมาปลูกข้าวโพดกับผักต่างๆไว้ไปขายที่ตลาดแทน
เป็นงานเล็กๆน้อยๆที่ป้าทำได้ และหนูก็ไม่อยากขัดใจแก
ส่วนย่าตอนนี้ก็แก่มากแล้ว
แต่ย่ายังทำงานบ้านทุกอย่างเหมือนเดิม บ่อยครั้งที่หนูโดนดุเพราะแอบไปนึ่งข้าวเหนียวแทนย่า
แม้แต่หญ้าตรงหน้าบ้านย่าก็ยังไม่ให้มันมีโอกาสขึ้นมาแม้แต่ต้นเดียว
เพราะย่าบอกว่าเดี๋ยวพวกงู พวกตะขาบจะมากัดหนูเอา บางทีหนูก็รู้สึกว่าย่ายังไม่แก่เลย
ส่วนลูกของพ่อเองยังเข้มแข็งและพร้อมจะปกป้องดูแลป้ากับย่าและทำหน้าที่หลานที่ดีเสมอ
แม้บางครั้งจะเหนื่อยล้ากับปัญหาที่พร้อมจะถาโถมเข้ามาให้เราเหนื่อยล้าอยู่เสมอ
แม้บางครั้งจะต้องเจอกับความกดดันมากมาย จากสิ่งต่างๆรอบตัว
แม้บางครั้งจะรอนท้อกับการเผชิญสิ่งต่างๆที่โหดร้ายบนโลกใบนี้เพียงลำพัง
แม้บางครั้งจะเหนื่อยจนคิดจะถอดใจ เพราะคิดว่าก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ไหวแล้ว
แต่กะติ๊บอยากบอกพ่อกับแม่ว่า
ลูกยังอยู่ไหว ลูกยังอยู่ได้ ยังยิ้มได้ เพื่อรอสักวันที่เราทั้งสามคนจะมีโอกาสได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าโอกาสนั้นมันจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
แต่สิ่งเดียวที่อยากบอกพ่อกับแม่ตอนนี้คือ
ไม่ว่าพ่อกับแม่จะอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้
แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยจากติ๊บไปไหน ยังอยู่กับติ๊บที่นี่เสมอ ที่ตรงหัวใจ..................