ตอนที่ 2 พาหมามาส่ง
ผ่านไปสองอาทิตย์ประสาคนมีเพื่อนเยอะอย่างไอ้เด็กเปรตก็มาโรงบาลพร้อมเฝือกที่ลายพร้อย ทั้งเขียนให้กำลังใจ เขียนด่า ปะปนทับถมจนอ่านไม่ออก ผมก็เข้าใจว่ามันเรื่องปกติที่เวลาใครเข้าเฝือกคนรอบข้างก็พยายามมาเขียน แต่ในสายตาหมออย่างผมนี่มันออกจะขัดใจอยู่บ้างจริงๆ
“นี่มันก้อนอะไร ทำไมเลอะเทอะจริง”
“คนมันเพื่อนเยอะไง หล่อด้วย เลยมีคนมาเขียนให้กำลังใจเยอะไงลุง”
“อ้อ .. รวมถึงคำว่า ‘ขอให้มีผัวไวๆ’ นี่ด้วยใช่มั้ย?”
สะดุ้งสิมึง หึหึ
“เพื่อนแกล้งหรอก!”
“เป็นเกย์หรือเรา”
“เปล่า เขาเรียกไบเซ็คชวล เอ๊ะ แล้วทำไมลุงต้องถามผมด้วย”
“อ้าว เผื่อโดนเราอ่อยไง”
“โหยยยยยยยยยยย อย่างผมไม่อ่อยลุงหรอก”
“อุตส่าห์รอให้อ่อยอยู่นะเนี่ย”
ผมแกล้งพูดลอยๆให้มันตกใจเล่น มันก็หน้าเหวอเลย ไอ้ตี๋เอ้ย
“ห๊ะ ?”
“ล้อเล่น อยู่เฉยๆ จะผ่าเฝือกออก ทำตัวไม่นิ่งผ่าโดนขาไป หาขาใหม่มาเปลี่ยนให้ไม่ได้หรอกนะ”
“ลุงก็ระวังแล้วกัน! ยิ่งแก่ๆสายตาฝ้าฟางพลาดมาผมจะฆ่าปาดคอลุงจริงด้วย”
“คุณพยาบาลช่วยแจ้งความเลยนะครับถ้าผมหายไป ฆาตกรอยู่นี่แน่ๆ”
พยาบาลมองหน้ากันหัวเราะคิกคัก มันก็ทำหน้าอยากจะเขมือบหัวเข้าไปในบางมันเหมือนกันถ้าทำได้ ผมหยุดสนใจมันสักครู่มาดูแลขามันที่จะต้องเปลี่ยนไปใส่เฝือกแข็งอันใหม่ มันก็ให้ความร่วมมืออย่างดีไม่รู้เพราะกลัวผมไปผ่าโดนขามันด้วยรึเปล่า
“เอาล่ะเรียบร้อย เฝือกอันใหม่ พยายามอย่าให้เฝือกแตก ห้ามลงน้ำหนักฝั่งนี้ โอเค๊ ?”
“รู้น่า ไม่อยากขาเบี้ยวหรอก ไปได้ยังอ่ะ”
“แปปนึง”
ผมล้วงกระเป๋าเสื้อกราวตัวเองหยิบปากกาเมจิกสีดำหัวใหญ่ออกมา แล้วบรรจงจับขามันมาเขียนตัวบรรจงเต็มบรรทัดหัวกลมชัดเส้นมั่นคง
‘หายไวๆนะจอมยุทธเบียร์’
“เฮ้ยยยย ลุงรู้ชื่อผมได้ไง ไม่ดิ ลุงมาเขียนเฝือกผมได้ไง ใครให้เขียนนนนนนนนนนนน เปลี่ยนเฝือกให้ผมใหม่เลยนะ ! ลุงแม่งงงง”
ผมแทบขำก๊ากที่เห็นมันโวยวาย นี่อุตส่าห์ลงทุนซื้อปากกาเมจิกมาเขียนแกล้งมันโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย ได้ผล ลงทุนไปไม่กี่สิบบาทคุ้มค่า !
“อ่าว ปกติหมอที่ใส่เฝือกให้เขาก็เขียนให้กันทั้งนั้นล่ะ ถือเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์จากหมอที่รักษาไง ไม่รู้หรอ ?”
เริ่มแสบสีข้างแล้วสิกู …
“หรอวะ ทำไมเพื่อนผมเคยแขนหักไม่เห็นหมอมันเขียนให้เลย”
“อ๋อ .. มันธรรมเนียมคนละโรงบาลกัน อันนี้ของหมอที่นี่ เข้าใจเปล่า ? เอกลักษณ์อ่ะ”
“หลอกกูปะวะ …”
มันบ่มงุบงิบกับตัวเอง แต่ดูจะไม่กล้าเถียงสงสัยจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ช่างมัน ! ก๊ากกก สะใจได้แกล้งเด็ก
“ยังไม่กลับอีก?”
ผมพึ่งออกเวรก็เจอมันนั่งกดโทรศัพท์อยู่บนที่นั่งโรงพยาบาลที่จัดไว้เป็นแถวยาว เลยเดินเข้าไปทักซะหน่อย
“ฝนตกอ่ะ ลุงมีเวลามาเดินเล่นด้วยหรอ?”
ก็อยากจะบอกมันเหมือนกันว่าผ่านมาสองชั่วโมงแล้วนะตั้งแต่มันมาเปลี่ยนเฝือก แต่มันคงจะงอมแงมกับเกมส์ ‘คุ้กกี้รัน’ ในมือจนลืมเวลาไปหมด
“ออกเวรแล้ว ให้ไปส่งมะ?”
“ลุงจะหลอกผมไปฆ่าอ่ะดิ”
มันละสายตาจากมือถือขึ้นมาเบ้หน้าใส่ร้ายผมเรียบร้อย เออดีนะมึงคนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ
“เพ้อเจ้อ จะไปไม่ไป”
“ไป! อยากกลับไปเล่นเกมส์แล้วว่ะ”
“พูดให้เพราะๆดิ๊”
“ห๊ะ ?”
“ยังไงฉันก็แก่กว่า จะเรียกลุงก็ไม่ได้ว่าเพราะคงติดปากไปแล้ว แต่ก็ต้องมีหางเสียงเข้าใจมั้ย ?”
มันขมวดคิ้วไปมา เสร็จแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะยิ้มแฉ่งจนตาเล็กยิ้บหยี
“คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
เฮือก ! … เหมือนมีลมลูกใหญ่พัดผ่านหัวใจไปวูบหนึ่งจนใจสั่น หรือวันนี้จะกินกาแฟเยอะไปวะกู ? ผมกวักมือให้มันเดินตามมา แต่มันก็กระเตื้องช้าๆเพราะต้องใช้ไม้เท้าพยุง ดูท่าจะยังไม่ถนัดใช้ด้วย
“มาๆ เดี๋ยวช่วย”
“ห๊ะ .. เอ๊ะ”
มันสะดุ้งเพราะผมสอดแขนโอบเอวมันช่วยพยุง
“เทน้ำหนักมาทางฝั่งพี่ จะได้ช่วยพยุงไง ถือไม้เท้าอันเดียวพอ อีกอันส่งมานี่”
มันก็ส่งมาให้ผมทั้งงงๆนั่นล่ะ ผมก็รับมาถือก่อนจะเริ่มปฏิบัติการพยุงคนขาเป๋ไปทางลิฟเพื่อขึ้นไปชั้นจอดรถ ผมรู้สึกว่าตัวมันเกร็งเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ผมช่วยจนมาถึงรถ ก็จัดการพามันไปนั่งข้างคนขับจนสำเร็จ
“หออยู่ไหนล่ะ”
ผมถามเมื่อรถกำลังเลี้ยวออกจากประตูโรงพยาบาล แต่มันก็ยังทำหน้าตื่นๆมองไปรอบๆรถ ก่อนจะร้องว้าวออกมาเพราะชุดเครื่องเสียง
“รถเค้ามีมาให้หรอ มีทีวีด้วยอ่ะ ลุงดูได้หรอ ขับรถไปดูไปอันตรายนะ”
แม่งตอบคนละเรื่องเลยครับ !
“อ๋อ ทำเอง ทีวีนี่ไม่เชิงใช้ดูหรอก มันไว้กดๆเลื่อนเพลง จอมันเป็นทัชสกรีน”
ผมกดเปิดเพลงบนจอทัชสกรีนที่ติดอยู่ตรงคอนโซลหน้ารถให้ดู มันก็ลองขอจิ้มมั่ง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันเล่นเปลี่ยนเพลงรัวๆจนผมเคาะเหม่งมันทีนึง มันถึงร้องอูยๆแล้วหยุดกดเล่น
“แล้วตกลงหออยู่ไหน”
“ไม่ไกลอ่ะ ตรงข้ามมหาลัยผมพอดี”
“อ้อ … ฝั่งประตูไหน?”
“เหนือ!”
“หือ? รัฐศาสตร์ ?”
“เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสส”
“เอก?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
“จะสร้างสงครามระหว่างประเทศมากกว่ามั้ง”
“โหยดูถูก เทอมก่อนได้เกรด 3.7 นะ ไม่ใช่ง่ายๆนะว้อยยยยย”
“บอกให้พูดเพราะๆ”
“ครับลุงครับ ครับ ครับ ครับ”
“ทำดีมาก เอาไปสองดาว?”
“เอ๊ะ ทำไมไม่ได้สามดาว?”
ผมเกือบจะขำก๊ากออกมาอีกรอบ กลั้นไว้กร อย่าหลุด เดี๋ยวเสียการปกครอง !
“เป็นเด็กอนุบาลหรออยากได้สามดาวน่ะเรา”
“เออว่ะ”
“หึหึ”
มันทำหน้าเศร้าสลดบ่นงุบงับแต่ผมก็ได้ยินชัดแจ๋วอยู่ดี
“แม่งพลาดว่ะเบียร์ เชี่ยเอ้ย พลาดดดด ไอ้ลุงแม่ง”
“บ่นไร บอกให้พูดเพราะๆไง”
“หะ .. เอ่อ ครับ แหะๆ หูดีจังนะลุง แก่แล้วประสาทหูไม่เสื่อมลงบ้างหรอ”
เสียงมันเริ่มแผ่วลงในปลายประโยค
“หือ ว่าไงนะ ?”
“ปะ เปล่าค๊าบบบบ รถเยอะเนอะลุงเนอะ”
ผมพามันมาถึงหอพักเอกชนที่อยู่ลึกเข้ามาในจากถนนใหญ่สองซอย หอนักศึกษาสมัยนี้ทำออกมาดูดีทั้งนั้น เพราะต้องการแย่งลูกค้าที่เป็นนักศึกษาให้เข้าพักให้มากที่สุดหรือจนเต็ม
“ส่งแค่นี้ก็ได้ ขึ้นลิฟต์ไปนิดเดียว เดี๋ยวผมขึ้นไปเอง”
“เออน่ะมาถึงแล้ว อย่าดื้อ”
ผมบังคับลากถู เอ่อ พยุงมันจนมันก็ยอมผมในที่สุด ห้องไอ้เบียร์อยู่ชั้นห้า ไม่ไกลจากลิฟเท่าไหร่ มันล้วงๆกระเป๋าคาดไหล่แบบที่ผู้ชายใช้กันจนเจอกุญแจดอกเล็ก
“โอเคถึงแล้ว ขอบคุณมากนะคร้าบบบบ ลุงขับรถกลับดีๆนะ ถนนมันลื่น”
“อือ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ เข้าห้องได้แล้ว”
มันยกมือไหว้ผมตลกๆ แล้วเข้าห้องไป จากสายตาก็เห็นว่ามีผู้ชายอีกสองคนกำลังนั่งเล่นคอมคนละเครื่องสายตาไม่ได้ละไปจากจอ แต่ตะโกนโหวกเหวกถามไอ้เบียร์ประมาณว่า เป็นไง หมอว่าไง กลับมาไง ทำไมนาน แต่ก็ดูไม่ได้สนใจคำตอบจริงจังเพราะมัวแต่ก้มหน้ารัว
นิ้วลงบนคีย์บอร์ด
ไอ้เบียร์ก็ยิ้มแห้งส่งมาให้ เพราะมันรู้ว่าผมคงเห็นว่าห้องมันรกมาก ไม่สิ ต้องบอกว่ามากกกกกกกกกกกกกก ไอ้เด็กพวกนี้มันซกมกจริงๆ
- - ----------------------------------------------------------- - -
คิคิคิคิคิคิ