All credit go to Sanzo.
You can read her original version here.
http://miss-sanzo.livejournal.com/38292.htmlThis is not for commercial.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Love me less
แจจุงสวมแว่นกันแดด ดึงฮู้ดขึ้น ทันทีที่เขามาถึงสนามบิน มองไปรอบๆ แสงแฟลชติดประกายทำร้ายสายตา รู้สึกถึงมือของผู้จัดการที่แผ่นหลัง ดันให้เขาเดินก้าวไปข้างหน้า สุดปลายทาง รถจอดรออยู่นอกตัวสนามบิน
ถอนหายใจดังเมื่ออยู่บนรถ SUV ดึงหูฟังออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ ข้อความ 7 ข้อความจากพี่สาวสามคน บอกว่าพวกเธอกำลังจะถึงอพารต์เมนต์ของเขาแล้ว “พี่ชาย,บ่ายนี้ว่างหรือเปล่า” แจจุงถามผู้จัดการเขา เวลาเดียวกัน ตอบข้อความของพี่สาวสั้นๆ ‘กำลังไป’
“ทำไม?”
“ตอนนี้ครอบครัวผมรออยู่ที่บ้าน เตรียมกับข้าวเลี้ยงผมอยู่” แจจุงบ่น เลื่อนลง เห็นข้อความอีก 11 ข้อความ ชื่อผู้ส่ง คนที่เขาคิดถึงจนทรมาน ตลอดที่ต้องไปทัวร์คอนเสริต์ต่างประเทศ “คงจะดีถ้าพี่ไปด้วย”
“อย่าเลย ฉันไม่อยากไปรบกวนงานรวมญาติของนาย”
“เชื่อผมสิ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพี่ก็จะไปส่งผมที่บ้านอยู่แล้ว อยู่ต่อเถอะ” ขณะที่พูด ก็ส่งข้อความตอบคนรักของเขา บอกเขาว่าคิมแจจุงใกล้ถึงบ้านในอีกไม่กี่อึดใจ “..ถ่ายหนังอยู่สินะ ไม่มีทางที่จะได้รับข้อความตอบกลับหรอก” แจจุงบ่นกับตัวเอง ยัดมือถือกลับลงกระเป๋ากางเกง
.
.
“มา ฉันช่วย” ผู้จัดการแย่งจานไก่ทอดไปจากมือแจจุง มองหน้า แล้วพูด “ไปนั่งดื่มตรงนู้นเถอะน่า” ผู้จัดการพูดไป ก็ชี้นิ้วที่ปากตัวเอง แล้วชี้ไปยังกระป๋องน้ำผลไม้บนโต๊ะ “ก็..ก็ได้” แจจุงหัวเราะกับท่าทางของผู้จัดการ แน่นอน ว่าผู้จัดการต้องรู้สึกอึดอัดกับการที่เป็นคนเดียวที่ไม่ใช่ญาติในงานครอบครัวแบบนี้ แจจุงเดินผ่านไปยังห้องนั่งเล่น วางกระป๋องลงบนโต๊ะ ยื้อจานไก่ทอดกลับจากผู้จัดการ วางเคียงกับจานกับข้าวที่อยู่ก่อนหน้านี้ “พี่ กินสิ” แจจุงยื่นจานให้ ผู้จัดการพยักหน้า รอให้แจจุงกินมันพร้อมกัน
แจจุงไม่รู้ความคิดของผู้จัดการแม้แต่น้อย เขาเดินออกจากห้องนั่งเล่น เล่นอยู่กับหลานๆ กอดพวกแกแน่น โยนขึ้นไปในอากาศ เสียงหัวเราะดังลั่น จนผู้จัดการกังวลกับเสียงบ่นจากเพื่อนห้องข้างๆ ในขณะเดียวกัน เขามองไปรอบๆ เห็นอาหารที่วางเรียงกัน สูดลมหายใจรับกลิ่นของพวกมันเข้าไป เขารู้สึกราวกับอยู่ในภัตตาคารราคาแพง พร้อมโปรโมชั่นบุฟเฟต์ ของโปรดของเขาทั้งนั้น “กินสิ” น้องสาวคนหนึ่งของแจจุงพูด ยิ้มไปกับท่าทางของผู้จัดการ ตักต็อกโบกีรสเผ็ด และคิมบับทอดให้เขา ผู้จัดการเดินผ่านแจจุงที่งับแขนหลานสาววัยหนึ่งขวบครึ่ง นั่งลงในระยะห่างที่สบายใจ ก่อนจะเริ่มจัดการอาหารในจาน รสชาติฝีมือน้องสาวแจจุง อร่อยไม่ผิดจากที่คาดจริงๆ
“อยากให้ส่งอาหารพวกนี้ไปให้ยูชอนกับจุนซูไหม?” น้องสาวแจจุงคนหนึ่งถาม แลกเด็กน้อยที่กำลังจะร้องไห้จากแจจุงด้วยจานที่ล้นไปด้วยอาหารแทน
“ไม่เป็นไร พวกนั้นยุ่งอยู่” แจจุงตอบ “เก็บไว้ในตู้เย็นแหละ บางที ถ้าพวกนั้นมา พรุ่งนี้ค่อยอุ่นให้กิน”
“ดีละ ฉันทำไว้เพื่อพอดี อยู่ในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว” น้องสาวมองมาทางผู้จัดการ “ฉันมีเก็บไว้ให้คุณด้วยนะคะ”
“อ่า,ขอบคุณมากครับ” ผู้จัดการรีบโค้งหัว หวังว่าท่าทางของเขาจะไม่ดูแย่จนเกินไป
“เขาค่อนข้างขี้อายน่ะ” แจจุงหัวเราะ มองท่าทางของผู้จัดการ มือถือสั่น แจจุงวางจานลง หยิบมือถือออกมา “ฮัลโหล” ตอบแทบจะทันที
“เฮ้”
จะมีใครอีกบนโลกใบนี้ที่จะพูดคำว่า “เฮ้” ได้เซ็กซี่เท่าคนๆนี้อีก แจจุงคิด พลางถอนหายใจ กระซิบตอบ “ดีใจที่ได้ยินเสียงนาย” ลุกขึ้นยืน เดินผ่านไปยังห้องครัว หลีกหนีเสียงดังจากห้องนั่งเล่น เวลาที่ยุ่งวุ่นวายกันพวกเขาออกจากกัน เขาอยากได้ยินเสียงของยุนโฮชัดๆ “ไม่ได้ยินเสียงนายพูดว่า’เฮ้’แบบนี้เกือบสี่วันแหน่ะ” แจจุงบ่น พิงเข้ากับเคาน์เตอร์ในห้องครัว คิมแจจุงไม่ได้กลับบ้านนานเกือบสองสัปดาห์ และสี่วันที่ไม่มียุนโฮนั่น ยาวนานเหมือนตกนรก
“เฮ้ เฮ้ เฮ้” ยุนโฮหัวเราะ “อยากได้ยินแค่นี้น่ะหรอ?”
หัวใจแจจุงเต้นระส่ำเมื่อได้ยินคำถามนี้ น่าขำ ที่ยุนโฮสามารถทำเรื่องแบบนี้กับหัวใจเขาได้ “เอาจริงๆ สำหรับนายที่ปิดมือถือแทบตลอดเวลา แค่คำว่าเฮ้ก็พอแล้ว” แจจุงกระซิบ “ทำอะไรอยู่”
“ฉันมีเวลาพักสามชั่วโมงก่อนซีนต่อไปน่ะ กำลังคิดว่าจะแอบหลับซักงีบในห้องเปลี่ยนเสื้อ แล้วนายล่ะ ทำอะไรอยู่”
“กำลังกินข้าวอยู่กับพี่ๆน่ะ” แจจุงอยากชวนให้ยุนโฮมาร่วมโต๊ะด้วยกัน จากระยะห่างกองถ่ายที่ไม่ไกลจากอพารต์เมนต์เขามาก แต่เก็บคำชวนไว้ เพราะรู้ดีว่ายุนโฮอยากพัก
“ดีแล้วล่ะ กินเยอะๆนะ โอเค้? ไม่งั้นนายคงผอมกว่านี้แน่”
“ได้ส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” แจจุงย้อนกลับ
“แน่นอน หุ่นล่ำเหมือนเคย เพิ่มมาสองโลด้วยซ้ำ”
แจจุงถอนหายใจ เขารู้เรื่องนั่นอยู่แล้ว คืนก่อนหน้านี้ ตอนที่เขายังอยู่ต่างประเทศ คิมแจจุงนั่งค้นรูปยุนโฮในกูเกิ้ล ต้องยอมรับว่ายุนโฮหุ่นดีฟิตเปรี๊ยะ สวนทางกับเวลานอน
“อยู่บ้านอีกนานไหม?” ยุนโฮ “..ฉันจะเข้าไปชั่งน้ำหนักนาย”
แจจุงขำกับเหตุผลที่อีกฝ่ายยกขึ้นมา “…เดินทางอีกทีก็อีกหลายเดือนหน้า”
“เดี๋ยวฉันจะไปหา” ยุนโฮกระซิบ “ต้องวางสายแล้ว แล้วเจอกัน”
“โอเค” แจจุงตอบ รอจนกระทั่งได้ยินเสียงวางสาย ยุนโฮไม่แม้แต่จะเรียกชื่อเขา คิดว่าคงมีคนอยู่ใกล้ๆ ถึงอย่างนั้น แจจุงก็ยังอยากได้ยินชื่อของเขาจากปากยุนโฮ ถอนหายใจเสียงดัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้จัดการกับพี่สาว,ซุกจิน ยืนอยู่ข้างหลังเขา
“เมื่อกี้คุยกับใครน่ะ?” เป็นพี่สาวที่ถามก่อน แจจุงคิดว่าพี่สาวเขาคงรู้อยู่ก่อนแล้วโดยที่ไม่ต้องถาม
“พี่ไม่รู้จักหรอก” แจจุงโกหก วางมือถือลงกับโต๊ะ คว้ากระป๋องเบียร์ออกจากตู้เย็น ยื่นกระป๋องหนึ่งให้ผู้จัดการ
“คนที่ฉันไม่รู้จัก,ยุ่งอยู่หรอ?” ซุกจินยังถามต่อ แจจุงเลิกคิ้ว ปฏิเสธที่จะตอบ เธอบ่นต่อ “แจจุง บางทีมันก็ไม่เป็นไรหรอกนะที่เราจะเห็นแก่ตัวบ้างในเรื่องความรักน่ะ”
“พี่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?” แจจุงเดินสวนออกไป ชนไหล่ของเขาเข้าใส่เธอ
.
.
แจจุงพึ่งเริ่มทานมื้อค่ำเมื่อตอนที่กริ่งหน้าประตูดังขึ้น เขามองไปที่พี่สาวน้องสาวของเขาก่อน ถามพวกเขาว่าใครกำลังจะมาอีก?
“ฉันชวนคนที่ฉันเคยชอบมาน่ะ” ซุกจินตอบ วิ่งไปที่ประตู คนที่เคยชอบ? แจจุงขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ว่าคุณแต่งงานแล้วหรือครับ?” ผู้จัดการถาม เป็นตอนเดียวกันกับที่ทุกคนวิ่งออกจากห้องนั่งเล่น อยากที่จะเห็นหน้าแขกผู้มาเยือน “ลุงยุนโฮ!” เจ้าเด็กร้ายกาจกระโดดเกาะยุนโฮ ทั้งรอบขา รอบคอจนวุ่น ยุนโฮเคาะหัวของเจ้าพวกนั้นเบาๆ หัวเราะเมื่อเด็กพวกนั้นวิ่งหนีไปจากเขา พูดขอโทษที่ไม่มีของเล่นติดมือมาให้ ตบท้ายด้วยสัญญาว่าจะไม่ลืมในครั้งต่อไป หลานคนเล็กสุดของแจจุง โซฮยอง พอถูกยุนโฮเรียก ก็รีบคลานไปหาทันที
“ดีใจที่เห็นนายกินบ้าง” ยุนโฮพูดกับแจจุง อุ้มโซฮยองไว้ในแขน เดินเข้ามาหา “หืม? เยอะขนาดนี้ แน่ใจว่ากินหมดน่ะ?” รอยยิ้ม สัมผัสไล้ผ่านเส้นผมแจจุง เหมือนที่ทำกับหลานๆตัวแสบก่อนหน้านี้ “ฮะฮ่า” โซฮยองหัวเราะ พิงตัวเข้ากับอกของยุนโฮ มองดูแจจุงเบิกตากว้างตอบการกระทำของยุนโฮ “ดูสิ ลุงแจจุงกำลังกินอยู่ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหม?” ยุนโฮกดจูบลงบนหน้าผากโซฮยอง แจจุงพ่นลมหายใจแรง ไม่พอใจ ยุนโฮกลับหัวเราะ
“พระเจ้า,เธอนี่ยังหล่อไม่เปลี่ยนเลยนะ” ซุกจินบ่นพึมพำ มองดูลูกสาวตัวเล็กของเธอพิงเข้าหายุนโฮ
“พี่..อย่าลืมสิว่าพี่แต่งงานแล้วนะ” แจจุงตอบ ตักเค้กข้าวเข้าจานตัวเอง จ้องยุนโฮ สบตา
“แล้วไง?” ซุกจินยังไม่ถอย
“มันคงเป็นเพราะเครื่องสำอาง” ยุนโฮหัวเราะ จับใบหน้าตัวเอง “ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย ผมขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ” ส่งคืนโซฮยองให้ซุกจินหลังจากจูบเธอเบาๆ เดินตัดผ่านไปยังห้องน้ำ
“พี่โทรหาเขาหรอ?” แจจุงถามทันทีที่ไม่เห็นแผ่นหลังนั้น “เขามีเวลาพักไม่กี่ชั่วโมง ผมกำลังเอาใจใส่เขาในแบบของผมอยู่”
“ฉันก็กำลังเอาใจใส่นายในแบบของฉันอยู่” ซุกจินตอบ จิ้มนิ้วลงบนแก้มแจจุง “ดูสิ นายกำลังมีความสุข” เสียงหัวเราะของเธอ แจจุงคิดว่าไม่ต่างอะไรเลยจากปีศาจร้าย
“นั่น..ทงบังชินกิ ชองยุนโฮไม่ใช่หรอ?”
หันกลับไปมองตามเสียง แจจุงแทบจะลืมไปเลยว่าผู้จัดการของเขาอยู่ที่นี้
“สวัสดีครับ ผมชองยุนโฮ” ยุนโฮจับมือผู้จัดการหลังล้างหน้าเสร็จ แจจุงแนะนำเขาให้กับผู้จัดการรู้จัก ผ้าขนหนูสีเขียวมะนาวแทบจะพันรอบคอยุนโฮ เมื่อเงยหน้าขึ้นจากการโค้งทักทายอย่างสุภาพ “ตอนแรกผมนึกตั้งนาน นึกว่าเป็นพี่เขยของแจจุง ถึงว่า ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณ”
“ผมน่าจะแนะนำตัวกับคุณก่อน” ผู้จัดการรีบพูดตอบยุนโฮ รู้สึกเขินอายนิดหน่อยกับความสุภาพของอีกฝ่าย
“ทานอะไรรึยังครับ?” ยุนโฮถาม พร้อมจะตักลงจานให้
“ทานแล้วครับ ทานแล้ว” ผู้จัดการตบไหล่ยุนโฮเบาๆ มองไปยังแจจุงที่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคน แจจุงรู้สึกสนุกกับท่าทางของพวกเขาทั้งสองคน
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” แจจุงถามยุนโฮแทรกขึ้นมา ทำลายบรรยากาศอึดอัดนั่น
“ทุกอย่าง” ยุนโฮตอบ แจจุงพยักหน้า เดินออกไปเพื่อตักอาหารให้ ผู้จัดการกระซิบเบาๆ “แจจุง อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว”
แม้แต่ยุนโฮยังอดขำไม่ได้ “มันคงอึดอัดสินะครับ ครอบครัวแจจุงคนเยอะขนาดนี้” ยิ้มกว้าง ไม่ต่างกันสำหรับยุนโฮที่ต้องใช้เวลาสักพักเหมือนกันกว่าจะชิน เหตุการณ์คล้ายกันนี้เกิดขึ้นกับเขาเมื่อหลายปีก่อน
“นายนั่นแหละ ทำพี่เขาอึดอัด” แจจุงหัวเราะ ดึงผู้จัดการให้เดินไปด้วย
“งั้นหรอกหรอ…”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ!” ผู้จัดการรีบปฏิเสธ
“พี่ครับ” ยุนโฮแตะไหล่ผู้จัดการเบาๆ “ผมน่ะ เป็นคนใจดี โอ๊ะ ผมเรียกคุณว่าพี่ได้ใช่ไหมครับ?” ยุนโฮยิ้ม ดึงให้ผู้จัดการนั่งลงบนโซฟาข้างๆเขา
เพอร์เฟคต์.ไม่มีคำไหนเหมาะกับยุนโฮมากไปกว่านี้อีกแล้ว แจจุงคิดเรื่องนี้เป็นหมื่นๆครั้ง ในขณะที่ยื่นจานให้ยุนโฮ ผู้ซึ่งพูดคุยกับผู้จัดการได้ราวกับเพื่อนเก่ารู้จักกันมานาน โดยมีโซฮยองที่กำตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ เกาะขาแน่น
เขานั่งลงข้างๆยุนโฮ มองดูพี่สาวที่นั่งอยู่บนพรม รอบๆตัวมีลูกๆของพวกเธอนอนแผ่หมดแรงหลังจากวิ่งเล่นกันอยู่นาน เด็กพวกนั้นนั่งฟังเรื่องเล่าคนรักตัวแสบของยุนโฮ อย่างจริงจัง ก่อนจะถอนหายใจเสียงดังเมื่อยุนโฮจบเรื่องไว้อย่างค้างคา แถมยังโฆษณาหนังเรื่องใหม่ที่เล่นเองตบท้ายอีก
“ยุนโฮ เธอนี่มันโง่จริง” มินคยอง “ไปตกหลุมรักผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“พี่สาวไม่ต้องห่วง ผมไม่เครียดกับมันขนาดนั้นหรอก” ยุนโฮยกจานขึ้นจากตัก จานที่แจจุงเป็นคนวางมันไว้ “ถึงอย่างนั้นผมก็รู้นะ ว่าเขารักผมจริงหรือเปล่า” หันไปมองที่แจจุง ยิ้ม พูด “ขอบคุณนะ”
คำขอบคุณนั้น สำหรับจานอาหาร แจจุงรู้ แต่ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มที่ทำให้พวกพี่สาวเขาหัวเราะคิกคักเหมือนกัน แจจุงหันหน้าหนีจากพี่สาว มองไปยังหลานของเขา ตอนนั้นเอง ที่ถูกยุนโฮแอบติดกิ๊บบนหัว
“อะไรของนาย?” แจจุงเกือบตะโกนออกมาซะแล้ว จับกิ๊บที่อยู่บนหัว
“นั่นกิ๊บของหนู” หลานสาวคนหนึ่งที่นอนกลิ้งอยู่ ลุกขึ้นมา กระโจนลงบนตักของแจจุง เอื้อมมือดึงมันออกจากหัวแจจุง หัวเราะเสียงดัง กดจูบลงบนริมฝีปากแจจุง ที่เธอคงคิดว่ามันน่ารักดี “ยุนอา-“ แจจุงหยุดเธอด้วยการกอดเธอแน่น จนเธอวิ่งหนีออกไปจากอ้อมกอดของเขา
“ความผิดนาย” แจจุงจัดผมของเขากลับทรงเดิม มองเห็นว่ายุนโฮยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่เขาโดนแกล้ง
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ยุนโฮตอบ ตักอาหารเข้าปาก โซฮยองปีนขึ้นขายุนโฮ ดมกลิ่นอาหาร
“โซฮยอง” ซุกจินเคาะหัวเธอเบาๆ “อย่าสนใจเธอเลย ยุนโฮ เธออิ่มแล้ว แค่อยากกวนเธอเฉยๆ”
“ถามจริงเถอะ ยุนโฮ ทำไมคนในบ้านฉันถึงชอบนายขนาดนี้กันนะ” มิคยองยิ้มถาม
“นั่นคำชมหรือเปล่าครับ?” ถามกลับ มองแจจุง “อาจเป็นกรรมพันธุ์” ยิ้มอีกแล้ว ตอนที่ป้อนมันฝรั่งเข้าปากโซฮยอง ทำหน้าเลียนแบบเด็กน้อยตอนที่เธอกิน น่ารักชะมัด ยากเป็นบ้า แจจุงคิดขึ้นมาได้ สำหรับการมียุนโฮอยู่ตรงหน้า แต่สัมผัสไม่ได้ มันช่างเป็นเวลาที่ยากเย็นสำหรับเขาจริงๆ
“อย่าดีใจไปนักเลย” แจจุงอุ้มโซฮยอง หน้าต่างบานใหญ่ในห้องนั่งเล่นคือปลายทาง ให้เธอมองวิวทิวทัศน์ของเมือง เพื่อปล่อยให้ยุนโฮได้จัดการอาหารอย่างสงบสุข จากตรงนี้ แจจุงเห็นยุนโฮผ่านเงาสะท้อน คนรักที่กำลังหัวเราะอยู่กับครอบครัวของเขา ผู้จัดการของเขา ยุนโฮเป็นแบบนี้ตลอด ชอบทำตัวเจ๋งตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าสมาชิกครอบครัวคิม แต่พออยู่ด้วยกันสองคน กลับกลายเป็นเด็กน้อยที่โดนตามใจจนชิน บ่นอู้อี้เรื่องนู่นนั้นนี่ ถึงแจจุงจะบ่นอย่างนั้น แต่มันก็เป็นความลับที่เขาจะเก็บไว้ในใจของเขาเพียงคนเดียว “ลุงยุนโฮความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ไม่ได้เจ๋งแบบที่เห็น อย่าโดนหลอกจากแค่สิ่งที่เห็นภายนอกนะ โซฮยอง” กระซิบความลับแผ่วเบาให้หลานตัวน้อยฟัง
“ไม่..เจ๋ง เยย” โซฮยองพูดตาม
“…ใช่,ไม่เจ๋งเลย” แจจุงพูด “เวลาที่เห็นหน้าลุงยุนโฮ ก็พูดแบบนี้ใส่ไปเลยนะ ไม่เจ๋งเลย”
“ไม่ เจ๋ง เยย” โซฮยองพูดซ้ำ หาวปนมากับคำพูด พิงศีรษะของเธอเข้ากับไหล่แจจุง หลับตาลง
“สอนอะไรให้เธอน่ะ?” ยุนโฮมายืนข้างๆ เคี้ยวอาหารในปาก “ถึงฉันจะไม่เจ๋งเลย แต่นายก็ยังหยุดมองฉันไม่ได้อยู่ดี” ยุนโฮยิ้ม ตักอาหารเข้าปากต่อ
แจจุงอดหัวเราะไม่ได้ “ฉันไม่ได้มองนายเพราะนายเจ๋ง แต่เพราะว่า…”
“เพราะคิดถึงฉัน?” พูดแทรกขึ้นมา เป็นเวลาที่อาหารเกลี้ยงจาน “หืม? คิดถึงฉันใช่ไหม?” ยุนโฮกระซิบ ราวกับอ่านความคิดในหัวแจจุงได้ “แน่นอนอยู่แล้ว” ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ แจจุงเลิกคิ้ว รอคำว่า ‘ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน’จากยุนโฮ แต่กลับได้ยินคำว่า “แน่นอนอยู่แล้ว” แทน ลอกเลียนทั้งประโยคก่อนหน้านี้มา ยุนโฮยิ้ม ไม่พูดในสิ่งที่แจจุงต้องการจะฟัง แจจุงได้แต่ถอนหายใจ
“…น่ารัก” ยุนโฮบ่นพึมพำ “ลุงแจจุงนี่น่ารักไม่แพ้หนูเลย,โซฮยอง”
“อยากมีลูกหรอ?” แจจุงถาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แจจุงถามคำถามนี้กับยุนโฮ มันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในอดีต
“ตั้งท้องให้ฉันซักคนสิ”แจจุงได้แต่มองรอยยิ้มบนหน้ายุนโฮ คนที่เต็มไปด้วยคำตอบหลายแบบที่จะเลี่ยงการตอบอย่างตรงไปตรงมาสักที
เดินเข้ามาใกล้ ลูบหัวเด็กน้อย กระซิบแผ่วเบา “ถ้านายตั้งท้องได้ ฉันขอสักห้าคน”
แจจุงกระแทกศอกใส่ท้องยุนโฮ มองเห็นสายตาพี่สาวทุกคนจับจ้องอยู่ บางทีอาจจะรู้สึกตกใจที่เห็นพวกเขาสองคนยืนใกล้กันขนาดนี้ ทั้งๆที่ระยะห่างอันเหมาะสมจะถูกรักษาไว้ตลอดเมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว “เขามองเราอยู่” แจจุงกระซิบ ส่งโซฮยองให้ยุนโฮ
“ขอบคุณ” ส่งจานคืน อุ้มเด็กไว้ในแขน ส่งยิ้มให้กับเด็กน้อย แจจุงเห็นความสุขในสายตานั้น หัวใจของเขาหลอมละลาย แน่นอน ว่าบางทีมันก็รู้สึกเจ็บ เป็นความเจ็บเฉพาะแบบที่เกิดขึ้นเสมอ เมื่อมีเด็กอยู่ใกล้ๆยุนโฮ เมื่อยุนโฮเล่นกับเด็กพวกนั้น หรือแม้แต่อุ้มพวกแกไว้ในแขน
.
.