*(จบแล้ว)*Virus ผมเรียกมันว่า'ซอมบี้' (ลงใหม่)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *(จบแล้ว)*Virus ผมเรียกมันว่า'ซอมบี้' (ลงใหม่)  (อ่าน 3645 ครั้ง)

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
01
คุณเคยโดนถามด้วยคำถามนี้รึเปล่า?
‘ถ้าหากว่าซอมบี้มีอยู่จริงๆและเดินอยู่ตามท้องถนน คุณจะทำอย่างไร?’
ตอนนั้นผมทำได้เพียงแค่หัวเราะเบาๆแล้วตอบคำถามแบบเล่นๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องถามตัวเองด้วยคำถามนี้ซ้ำอีกหน

3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
        ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปตามท้องถนนใจกลางเมือง วันนี้อากาศสดใสเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันแต่มีบางอย่างผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งคนทั่วไปคงจะไม่สังเกตเห็นเสียเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างก็ดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเองไม่มีหยุดหย่อน
         ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ใช้ชีวิตที่แสนเบื่อหน่ายทำงานงกๆในบริษัทที่เล็กๆ ผมมีชื่อที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก 'ภาคิน' หรือ ภาค คือชื่อผม ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะเรียกว่าภาคเพราะง่ายกว่า ผมยกนาฬิกาเรือนเก่าขึ้นดูมันบอกเวลาว่าตอนนี้พักเที่ยงแล้ว
“พี่นันครับ ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ”ผมบอกหัวหน้าสาวของผม หล่อนพยักหน้ารับ ผมเลยเอ่ยชวนเธอตามมารยาท
“ไม่เป็นไรหรอกภาค”ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เมื่อเขาไม่อยากไปกับเราจะไปตื้อเขาทำไม ผมเดินออกมานอกบริษัทตรงดิ่งไปยังร้านประจำหน้าบริษัท
“วันนี้จะทานอะไรดีละจ๊ะ”คุณป้าท่าทางใจดีถามขึ้น ขณะที่ผมนั่งลง
“เหมือนเดิมครับ”คุณป้ายิ้มก่อนจะเดินจากไป ระหว่างที่รออาหารที่สั่ง ผมก็สังเกตเห็นชายนิรนามท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง ชายคนนั้นเดินโซซัดโซเซมุ่งหน้ามาที่ร้านที่ผมนั่งอยู่
คนเมา นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่แล้ว....
“กรี๊ดดดดด ด”ผู้ชายคนที่ผมคิดว่าเขาเมาเดินโซเซก่อนจะ ‘กัด’ เข้าที่แขนผู้หญิงคนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างแรง! ผมยืนขึ้นอย่างตกใจ ขาผมสั่นเกินกว่าจะวิ่งเข้าไปช่วยหล่อนได้ เหมือนกับอีกหลายๆคนที่ต่างก็ช็อคไม่ต่างกัน ผู้หญิงคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้ผมได้สติวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ
       ผมกับเรวิน  เพื่อนร่วมงานที่เผอิญวิ่งออกมาพร้อมกัน เรวินช่วยกันแยกทั้งสองออกจากกัน ผู้หญิงในอ้อมกอดผมสั่นกลัว ส่วนผู้ชายที่ผมคิดว่าเขาเมาก็ดิ้นรนไปมา พร้อมกับเสียงกัดฟันครางครืนน่าสยดสยอง และผมก็ต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อชายที่ผมคิดว่าเขาเมากัดเข้าที่แขนของเรวินจนเรวินรีบปล่อย ชายคนเดิมบัดนี้ไม่ได้เดินโซเซอีกแล้ว กลับวิ่งตรงมาทางผม ผมที่ขาสั่นวิ่งไม่ออกกลับต้องตกใจเมื่อร่างที่เคยสั่นอยู่ในอ้อมกอด
                     ผู้หญิงที่ผมลืมไปชั่วขณะหล่อนนิ่งเกินไป ผมก้มหน้าลงมอง บัดนี้ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง ลมหายใจที่ควรจะมีกลับหายไปเสียดื้อๆเหมือนระบบระวังภัยผมเพิ่งจะทำงาน ผมรีบปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขน ประจวบเหมาะที่ชายที่ผมคิดว่าเขาเมากระโจนใส่ผมพอดิบพอดี ผมล้มลงและพยายามตะเกียดตะกายเพื่อลุกขึ้น คนที่อยู่รอบข้างพากันกรีดร้องจนหูของผมอื้ออึง เหตุการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวายเมื่อเรวินเพื่อนร่วมงานของผมกระตุกเกร็ง ท่าทางเหมือนชายที่ผมคิดว่าเขาเมาไม่มีผิด
.
.
    ผมไม่รู้ว่าผมวิ่งมาไกลแค่ไหน ผมวิ่งมานานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้คงมีแต่หนี ใครจะคิดว่าชีวิตประจำอันแสนเบื่อหน่ายจะถูกทำลายลงเร็วแบบนี้ สิ่งเดียวที่ผมคิดตอนนี้คือ ผมอยากกลับบ้าน!
   ผมหยุดวิ่งเมื่อมองเห็นทางเข้าหมู่บ้าน บ้านของผม ผมหวังว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘ซอมบี้’ จะยังไม่แพร่มาถึงที่นี่ เพราะที่นี่ห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร แต่ผมคงลืมคิดไปว่าที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น
 “นี่มันอะไรกัน”ผมพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อซักนิดเดียว เมื่อหมู่บ้านที่ผมคิดว่าปลอดภัยมีซอมบี้เต็มไปหมด!!
.
.
.
อีกฝากหนึ่งของประเทศนี้
          ในขณะที่ในเมืองหลวงกำลังเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ที่สถานบันวิจัยแห่งนี้ก็เกิดเรื่องเช่นกัน เทย์ตันนักวิจัยร่างสูง ใช้โอกาสที่ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายกับเชื้อไวรัสที่หลุดออกไป เก็บของที่พอจะใช้ได้ในห้องนี้ ใช่! เพราะเชื้อไวรัสที่พวกเขากำลังพัฒนากลับถูกมือดีฉกไปซะงั้น แล้วไอ้คนที่เอาไปก็คงไม่รู้ถึงความสามารถของมันป่านนี้มันก็คงกลายเป็น ‘ซอมบี้’ ไปแล้ว เทย์ตันเก็บทุกอย่างที่สำคัญใส่กระเป๋าทั้งเอกสารทุกๆอย่าง และที่สำคัญเขามีแอนตี้ไวรัสอยู่ในมือ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ ถึงยังไงเขาก็ต้องปกป้องมัน
      เสียงกรีดร้องนอกห้องเงียบไปแล้ว ร่างสูงที่เก็บของเสร็จแล้วแง้มบานประตูเบาๆ สิ่งที่เขาต้องระวังอีกอย่างคือ ‘เสียง’ พวกมันไวต่อเสียงมาก แถมมันไม่ได้เดินอุ้ยอ้ายเหมือนกับในหนังซอมบี้หลายๆเรื่อง มันวิ่งและเร็วมากด้วย!
“ชิ!”ร่างสูงสถบออกมาเมื่อเห็นว่าด้านนอกยังคงมีพวกซอมบี้เดินกันเลื่อนกลาด เขาจะทำยังไงดี เขาก็เป็นคน คนที่กลัวตายไม่ได้บ้าดีเดือดถึงขนาดที่จะวิ่งฝ่าวงล้อมออกไปถึงแม้ว่ามันจะมีเพียงทางรอดเดียวที่พระเจ้าหยิบยื่นให้เขา
‘คิดสิวะ คิดๆ’เขาได้แต่แต่กู่ร้องในใจ มือหนาขยี้เส้นผมสีเทาของตัวเองอย่างแรง
เคร้ง!
  ร่างสูงหันขวับไปทางต้นเสียงก็พบว่ามืออีกข้างของเขาปัดไปโดนบางอย่างร่วงลงสู่พื้น มันคือท่อนเหล็กขนาดพอดีมือ ถึงจะสงสัยว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ร่างสูงก็ขยับเดินไปหยิบมา เพราะเสียงนั้นมันดังมากพอที่จะทำให้เหล่าซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยิน พวกมันที่กำลังกัดกินซากศพของนักวิจัยหันขวับไปทางต้นเสียง พวกมันเหล่านั้นลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งราวกับว่าตรงหน้ามี    อาหารอันโอชะรอพวกมันอยู่
     ร่างสูงของเทย์ตันกลืนน้ำลายลงคอ การที่มีอาวุธเพียงแค่ท่อนเหล็กจะไปสูงอะไรกับเหล่าซอมบี้ที่ตอนนี้พยายามจะดันประตูเข้ามา เขาถอยกรูไปติดฝาผนัง โชคยังดีที่มีหน้าต่างให้หายใจได้บ้าง
‘อะไรนะ หน้าต่างเหรอ’เขารีบมองตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่นั่นทันที ทำไมเขาไม่คิดแต่แรกนะ!

   ร่างสูงไม่รอช้าปีนออกไปด้านนอกหน้าต่างทันที แต่เพราะความชะล่าใจเกินไปทำให้ไม่ทันคิดว่านอกหน้ามันจะมีที่ให้เขาหนีหรือไม่?! แน่นอนคำตอบคือไม่มี! เขาหันกลับไปมองด้านในห้องอีกครั้ง หวังว่าจะมีทางอื่นแต่ก็หวังสลายเพราะว่าเหล่าซอมบี้พังประตูเข้ามาได้สำเร็จและกำลังตรงมาทางเขา ให้ตายสิว่ะ!
    เทย์ตันหันรีหันขวางไม่รู้จะทำไงดี เหล่าซอมบี้ก็เหมือนจะลองเชิงมันค่อยๆเดินมาใกล้เรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็มองเห็นที่ๆเขาน่าจะไปได้ แต่มันต้องกระโดด แต่นี่ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว
พรึ่บ!!
   ร่างสูงกระโดดไปยังพัดลมแอร์เครื่องเก่าที่ติดอยู่ระหว่างหน้าต่าง พูดง่ายๆคือมันอยู่คั่นกลางระหว่างหน้าต่าง ประจวบเหมาะที่ซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังคว้าตัวเขาพอดี ทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดีเพราะเขาไม่รู้ว่าไอ้เจ้าพัดลมแอร์นี่มันทำงานอยู่มากี่ศตวรรษแล้ว มันโทรมมาก และดูเหมือนว่าอันอื่นๆก็เช่นกัน
.
.
“บัดซบเอ๊ย!”ชายร่างหนาสถบอย่างหัวเสีย  เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว เขากำลังดื่มกาแฟรอบเที่ยงอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองนี้ อยู่ดีๆก็มีกลุ่มคนแปลกๆเดินเข้ามา จะบอกว่ามันเป็นคนก็ไม่น่าใช่ เพราะสภาพมันไม่น่าใช่คนเสียเท่าไหร่ พวกมันวิ่งโร่เข้าไปกัดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นเมื่อคนที่โดนกัดเริ่มจะกระตุกเกร็งและสุดท้ายก็กลายเป็นพวกมันภายในไม่ถึงนาที เขาที่รอดมาได้กับคนอีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ภายในสำนักงานของร้านกาแฟ เรามีเพียงปืนไม่กี่กระบอกเท่านั้น
“เจโล ชั้นกลัว”หญิงสาวอกโต แซนดร้า หล่อนเดินเข้ามากอดแขนบุรุษร่างหนาเจ้าของชื่ออย่างออดอ้อน แต่ร่างหนาไม่มีเวลามาปลอบขวัญหญิงสาวตอนนี้
“ปล่อยก่อน แซนดร้า”ร่างหนาเอ่ยเสียงเรียบ หญิงสาวจึงยอมปล่อยถึงจะไม่เต็มใจมากนัก
“เราจะเอาไงต่อ”เจโลถามขึ้น ทุกคนเงียบ พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต
“ในโรงรถมีรถของฉันอยู่”หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟเอ่ย เจโลพยักหน้ารับก่อนจะขบคิด
“ที่นี่มีวิทยุสื่อสารมั้ย?”ชายคนหนึ่งถามขึ้น
“มี อยู่ตรงนั้น”หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟตอบ นิ้วเรียวชี้ไปที่วิทยุเครื่องเก่าที่ตั้งอยู่มุมห้อง
“นายจะเอาไปทำอะไร”แซนดร้าเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
“ฉันคิดว่า น่าจะมีข่าวที่ทำให้เรารู้ว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไร”พูดจบมือบางก็เปิดเครื่อง หมุนปรับคลื่นไปมา

 ‘ประกาศหาผู้รอดชีวิต ประกาศหาผู้รอดชีวิต ตอนนี้ไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว ขอย้ำ มันแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว หากท่านได้ฟังรายงานนี้ โปรดอยู่ในความสงบอย่าตื่นตกใจ ติ๊ด---’
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี้ย!”แซนดร้าเอ่ยอย่างสิ้นหวัง ชายร่างบางตบวิทยุสื่อสารเบาๆแต่เครื่องคงจะเก่ามากจึงดับวูบไป
“เราต้องออกไป”ร่างหนาพูดขึ้น แซนดร้าหน้าถอดสีเอ่ยโวยวายทันที
“เจโล คุณจะบ้าเหรอ”
“ไม่หรอก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันบ้ากว่ามากรู้มั้ย!”ร่างหนาตะคอกกลับไม่ยอมกัน
“หยุดน่าทั้งสองคน”หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟเอ่ยปราม
“แล้วเราจะออกไปได้ยังไง ด้านนอกมีแต่เจ้าพวกนั้นเกลื่อนไปหมด”ชายร่างบางพูดถามอีกครั้ง
“เราจะทำแบบนี้...”

“มันจะได้ผลเหรอ เจโล”ชายร่างบางถามเพื่อความแน่ใจนี่มันเสี่ยงเกินไป
“แน่นอน ถ้าเราร่วมมือกัน”ร่างหนาพูดต่อก่อนที่เจโลกับริก(ชายร่างบาง)จะหยิบปืนขึ้นมาคนละกระบอก เจโลให้หญิงสาวทั้งสามแซนดร้า มาเรีย(หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟ) และเพื่อนของแซนดร้าที่เขาไม่ทราบชื่อ รวบรวมอาหารที่มีมาใส่กระเป๋า
“พร้อมนะ”เจโลเอ่ย ริกพยักหน้าถึงจะไม่เต็มใจเสียเท่าไหร่
    ร่างหนาเปิดประตูออก พยายามให้มีเสียงน้อยที่สุด มือหนาขยับโบกเมื่อเห็นว่าในร้านกาแฟไม่มีซอมบี้อยู่ ทั้ง 5 เดินออกไปอย่างระมัดระวัง
กร๊อบ!
   แซนดร้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อหล่อนเผลอเหยียบเศษกระจก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ ราวกับหยุดเวลาซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกร้านกาแฟมองพวกเขาเป็นตาเดียว!!
“วิ่ง!!”เจโลไม่รีรอกระตุกแขนหญิงสาวที่กำลังช็อกกับภาพที่เห็นให้วิ่งตามตนเองไป มือข้างที่ถือกระบอกปืนเหนี่ยวไกใส่ซอมบี้ที่วิ่งเข้าจนหัวขาดกระจุย
“ยิงที่หัวนะ ริก”ร่างหนาตะโกนบอกทั้งๆที่เขาวิ่งไม่หยุด เมื่อทั้ง 5 ออกมาจากร้านกาแฟได้แล้ว ก็พบกับโรงรถที่มีรถคันสวยของมาเรียจอดอยู่ ทุกคนรีบขึ้นไปนั่ง จังหวะนั้นเอง
“กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เพื่อนของแซนดร้ากำลังถูกลากไป แซนดร้ารีบรุดไปช่วยแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กับที่มีเพียงอาการสั่นระริก เจโลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปดึงหญิงสาวกลับขึ้นบนรถ
    มาเรียสตาร์ทเครื่องยนต์ ก่อนที่รถคันหรูจะพุ่งทะยานออกไป ภายในรถไม่มีผู้ใดเอ่ยปากพูด เจโลทำเพียงกอดร่างหญิงสาวไว้แนบอก ใช่ว่าเขาจะเป็นคนตายด้านเสียเมื่อไหร่ คนตายต่อหน้าต่อตาแบบนั้นจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็ทำไม่ได้
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดี ร่างโปร่งกุมขมับแน่น ตอนนี้ผมอยู่ทางเข้าหมู่บ้านใช้เวลาหลายนาทีคิดหาทางออก
‘ผมควรจะหาอาวุธ’คิดเหมือนมันจะหาได้ง่ายๆอย่างนั้นเชียวหรือ ผมหันหน้าไปมาจนไปเห็นปืนกระบอกหนึ่งที่เหน็บอยู่ข้างเอวยามรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ตอนนี้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว เสี่ยงไปผมส่ายหน้ากับความคิดตัวเอง จนเหลือบไปเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งจอดอยู่ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นแรง ก่อนจะขยับก้าวเดินเบาๆไปที่มอเตอร์ไซด์นั่น โชคดีของผมที่กุญแจยังเสียบคาอยู่เลย ผมพนมมือขอบคุณพระเจ้าก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์แล้วขับออกไป ผมไม่คิดที่จะกลับบ้านอีกเพราะดูเหมือนว่ามันจะอันตรายเกินไป
    ผมขี่มาได้ไกลพอสมควร ผมมองซ้ายขวาก่อนจะดับเครื่อง มองให้แน่ใจว่าไม่มีซอมบี้โผล่มากัดเข้าให้ มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอฟดูทีวีโดยไม่ลืมที่จะหยิบหูฟังมาใส่ ไม่รู้ว่าเขาดูหนังซอมบี้มากไปหรือเปล่าแต่กันไว้ดูกว่าแก้เสมอ
‘ประกาศหาผู้รอดชีวิต ประกาศหาผู้รอดชีวิต ตอนนี้ไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว ขอย้ำ มันแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว หากท่านได้ฟังรายงานนี้ โปรดอยู่ในความสงบอย่าตื่นตกใจ’
โอ้ นี่มันยิ่งกว่าในหนังเสียอีกนะ ผมไม่รู้จะพูดว่าไงดี คือมันช็อก เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ดีนะที่พ่อกับแม่ผมท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่งั้นผมคงทำใจไม่ได้เมื่อเห็นพวกท่านกลายเป็นซอมบี้เดินไปตามถนน
    ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์อีกครั้ง เป้าหมายของผมคือ สำนักงานของเมือง ผมคิดว่าถ้าไปที่นั่นอาจจะมีผู้รอดชีวิตเหมือนผมก็ได้ แต่ก่อนอื่นเลย...
   ผมคงต้องหาปั้มซักแห่งก่อน!
.
.
.
ครืน ครืน
เสียงพัดลมแอร์ดังครางครืนน่าสงสาร มันไม่ได้ถูกสร้างมาให้ใช้งานแบบนี้ เทย์ตันไม่รู้ว่าเขากระโดดลงมากี่ชั้นแต่เขาก็ต้องกระโดดมันต่อไป มือหนากำท่อนเหล็กแน่นบางทีเขาคงต้องต่อสู้บ้าง เขากระโดดจากพัดลมแอร์ตัวด้านบนลงไปหาอีกตัวด้านล่าง เขามองลงไปก็พบเหล่าซอมบี้จำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านล่าง ร่างสูงกลืนน้ำลายรีบเงยหน้าขึ้น เขาก็ต้องตะลึง...
เมื่อเหล่าซอมบี้ด้านบนร่วงกรูมาทางเขา!
“นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะเฟ้ย!”ร่างสูงกัดฟันกรอด ถ้าเขากระโดดลงไปก็ตาย จะยืนอยู่ตรงนี้ก็ตาย จะทำไงดีว่ะ!
“จะยืนบื้อตรงนั้นอีกนานมั้ย มาเร็ว”แต่เหมือนสวรรค์จะเห็นใจเขา แลมโบกีนี่คันงามขับตรงดิ่งมาที่เขา เสียงหญิงสาวร้องเรียกตน เขารีบกระโดดลงไปทันที หญิงสาวเจ้าของรถก็ขับบึ่งออกไปทั้งๆที่เขายังอยู่บนหลังคา!

แลมโบกีนี่คันสวยจอดลงตรงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เทย์ตันค่อยๆไถลตัวลงมา เขามีคำถามมากมายที่จะถามหญิงสาวคนนี้ แต่หล่อนกับไม่แยแสใบหน้าที่มีแต่คำถามของเขา แต่กวักมือให้เข้าบ้านไปกับหล่อนแทน
“ฉันคือคิม มิโดริน ยินดีที่ได้รู้จัก”หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวเสียงนุ่ม คิมทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวแพงกลางห้อง ก่อนจะผายมือเชิญหนุ่มร่างสูงให้นั่งลง
“ผมชื่อเทย์ตัน คลาวด์ ยินดีที่รู้จักครับ”ร่างสูงนั่งลงตามคำเชิญ ลอบมองหน้าหญิงสาวด้วยความสงสัย
“จะสงสัยอะไรนัก หืม?”ราวกับอ่านใจร่างสูงออก ร่างโปร่งถามออกมา
“คุณเป็นใคร”
“ฉันเป็นนักวิจัยเหมือนกับคุณนั่นแหละ แต่อยู่คนละแผนก”คิมตอบ ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามคำถามใหม่
“คุณรู้เรื่องที่ไวรัสถูกขโมยไปแล้วใช่มั้ย?”คิมพยักหน้ารับ มือบางผสานวางไว้บนตัก ก่อนคิมจะเอ่ยเสียงเครียดเล็กน้อย
“ไม่ใช่ถูกขโมยหรอก มันถูกนำออกไปให้กับองกรณ์ที่มีชื่อว่า ทรายด์”ร่างสูงขมวดคิ้ว องกรณ์นี้เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาบ้าง แต่เขาก็มึนงงอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกัน
“ทรายด์มีเป้าหมายที่ยังยึดครองโลกนี้”คิมตอบออกมาในที่สุด
“…”
“สิ่งที่มันต้องการตอนนี้ มันได้ไปแล้วคือโลก และสิ่งต่อมาคือสิ่งนายมีแอนตี้ไวรัส!”
.
.
.
 “เราจะไปไหนกันต่อ”มาเรียถาม ตาก็มองถนนไปด้วย
“สำนักงานเขตของเมืองนี้”เจโลตอบ ตอนนี้แซนดร้าหายสะอื้นแล้ว ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะสั่นกลัวอยู่ก็เถะ
“เราคงต้องแวะปั้มซักแห่งแถวนี้ก่อน”มาเรียเอ่ยขึ้นมา เพราะสัญญาณกระพริบว่าน้ำมันใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว
“ขับไปอีก 50 เมตรครับ ผมพอจะจำได้ว่าถนนสายนี้มีปั้มตรงไหน”ริกตอบ มาเรียหันมาส่งยิ้มเชิงขอบคุณให้
   ขับมาระยะทางตามที่ริกบอกก็พบปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง มาเรียจอดรถที่บริเวณตัวจ่ายน้ำมัน เจโลกระชับด้ามปืน เขาจะเป็นคนลงไปเติมเอง
“ระวังตัวด้วย”ริกเอ่ย ร่างหนาพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวลงไปเบาๆ
    ร่างสูงหันไปมาราวกับระวังภัย มือหนาส่งสัญญาณให้กับริกที่เดินตามมา ก่อนจะขยับปากไม่มีเสียงว่า
‘นายจัดการไอ้ตัวทางซ้ายให้ฉันหน่อย’ริกพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ยกปืนพกในมือขึ้น ย่างเท้าเข้าไปใกล้ในระยะที่สามารถยิงได้ ส่วนร่างหนาก็กำลังเล็งซอมบี้อีกตัวหนึ่งอยู่ เจโลก้าวเดินไปที่หัวจ่ายน้ำมันอย่างเบาที่สุด ก่อนจะเสียบหัวจ่ายเข้ากับถังน้ำมันรถได้สำเร็จ ร่างหนาชะล่าใจจนเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“เฮ้อ!”
พรึ่บ! ซอมบี้ตัวหนึ่งและรอบๆหันมามองร่างสูงเป็นตาเดียว!
“แฮ่ โฮกก!”ซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้เขาส่งเสียงออกมา ริกลนลานทันที ร่างสูงจึงเหนี่ยวไกปืนไปที่หัวของซอมบี้ตัวนั้น
ปัง! ปัง! ปัง!
และตามด้วยอีกหลายนัด ทั้งริกและเขาต่างกระหน่ำยิงพวกซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาไม่ลดละ ร่างหนาหันไปถามคนในรถเสียงดัง
“มาเรียเสร็จรึยัง!”มาเรียส่ายหน้าไปมา ร่างสูงหันไปมองริกก่อนจะส่ายหน้า
“เราคงต้องถ่วงเวลาไว้ก่อน”ร่างหนาพูดออกมาในขณะที่มือและตาทำหน้าที่ยิงซอมบี้ไม่หยุด

       หญิงสาวนั่งกอดเข่าสั่นกลัวอยู่ภายในรถ การที่เห็นเพื่อนสาวถูกฝูงซอมบี้ลากไปต่อหน้าต่อตาทำให้ หล่อนแทบจะสติแตก มือบางทั้งสองถูกยกขึ้นมากุมกลุ่มผมสีน้ำตาล แซนดร้ารู้ดีว่าทั้งริกและเจโลต่างก็ปกป้องหล่อนได้ทั้งนั้น แต่ภายในจิตใจหล่อนไม่อาจจะหักห้ามความกลัวที่เกิดขึ้นได้
“เสร็จแล้ว”เสียงของมาเรียดังขึ้น ปลุกให้สติที่กำลังจมดิ่งของหญิงสาวกลับมา แซนดร้าลด กระจกตะโกนบอกกับสองหนุ่มที่กำลังกระหน่ำยิงซอมบี้อยู่ว่าน้ำมันเต็มถังแล้ว มือบางปลดล็อคประตูเพื่อเปิดให้ร่างสูง แต่หญิงสาวคิดผิด
งั่ม!
   แซนดร้าตกตะลึง มือที่กำลังเปิดประตูออกชะงักกึก หญิงสาวรู้สึกถึงแรงมหาศาลที่ฉุดร่างของหล่อนให้ร่วงลงกับพื้น สติเหมือนจะกลับมาหญิงสาวจึงกรีดร้อง
“กรี๊ดดดดดดดด”ร่างบางของหญิงสาวตะเกียดตะกาย มือเรียวบางยื่นออกมาขอความช่วยเหลือ เจโลเหนี่ยวไกไปที่ฝูงซอมบี้ที่ลากหญิงสาวไม่ยั้ง มือหนาคว้าจับมือเรียว ก่อนจะออกแรงดึง แต่แล้ว...
“กรี๊ดดด อ่อก!”ร่างหนาตะลึงนิ่งค้าง เมื่อภาพที่แซนดร้าถูกดึงกระชากจนร่างของหล่อนขาดสองท่อน!
“ไม่!!!!!!”ร่างหนาแทบจะถลาตัวเข้าไปในฝูงซอมบี้ ถ้าไม่ติดที่ริกรั้งตัวเจโลเอาไว้ ลำแขนบางๆลากร่างสูงกลับมาที่รถก่อนจะจับร่างสูงยัดเข้าไป ริกส่งสัญญาณให้มาเรียออกรถ หญิงสาวทำตามแทบจะทันที
   ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยออกมา ร่างหนาพรูลมหายใจออกอย่างแรง มือหนากุมใบหน้าคมเข้มอย่างเครียดจัด ริกมองร่างหนาด้วยความเห็นใจมือบางตบไหล่หนาให้กำลังใจเบาๆ
“หล่อนไปดีแล้ว”เจโลไม่ตอบอะไร มีเพียงสีหน้าเจ็บปวดที่สื่อออกมาเท่านั้น
“อีกไม่ถึง 10 นาทีเราจะถึงสำนักงานเขตกันแล้ว”
.
.
.
   ผมไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปดีรึเปล่า? คุณก็คิดดูสิปั้มน้ำมันที่มีสภาพซอมบี้เดินกันขวักไขว่ยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้า ผมก้มลงมองหน้าปัดอีกครั้ง สัญญาณบอกว่าน้ำมันได้หมดลงแล้ว ทำเอาผมไปไม่เป็น ถ้าจะให้ทิ้งรถไว้นี่แล้วเดินไป เสี่ยงใช่ย่อย ถ้าจะเข้าไปเติมตอนนี้เสี่ยงยิ่งกว่า!!
   ผมค่อยๆเข็นรถมอเตอร์ไซด์เข้าไปช้าๆ พยายามให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ผมเดินผ่านซอมบี้ตรงหนึ่งมันหันมาหาผมพอดี โชคยังดีที่ลูกตาทั้งสองข้างของมันหายไปไหนไม่รู้ทำให้ไม่เห็นผมที่อยู่ตรงนี้
.
.
ฟู่ววว! ไม่กล้าถอนหายใจออกมา ถอนหายใจในใจก็ได้ และแล้วมันก็ราบรื่นเมื่อผมเดินมาถึงหัวจ่ายน้ำมัน
กริ๊ก!
ผมเสียวสันหลังวาบเมื่อผมเปิดฝาถังน้ำมันแรงไปนิด เหล่าซอมบี้กระตุกนิดๆแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจอะไร ขณะที่ผมกำลังรอให้น้ำมันเต็มถังอยู่นั้นเอง
ก้า! ก้า!
‘ร้องหาพ่อง!!!’ผมกู่ร้องในใจ ซอมบี้เหล่านั้นหันมามองผมกันเป็นแถว
“ชิบหาย”ผมสถบออกมาเมื่อเห็นซอมบี้รอบๆกำลังออกตัววิ่งมาทางผม ผมรีบดึงหัวจ่ายทิ้ง ปิดฝาถังปิดเบาะรถ ขึ้นคร่อมและขับบึ่งออกไป ไม่สนใจแล้วว่าจะเจอซอมบี้เดินบนถนนกี่ตัว
‘ชนแม่งเลย!!!’
    ผมบึ่งรถไปสำนักงานเขต ผมรู้ทางดีเพราะผมค่อนข้างที่จะมาบ่อย ด้วยผมขับรถเร็วเกินไป และความประมาทของผมเองที่ไม่คิดว่าจะมีรถสวนมาทำให้รถมดเตอร์ไซด์ของผมชนกับรถที่สวนมานั่นอย่างจัง ทั้งรถทั้งตัวผมไถลไปกับพื้น สติผมเริ่มเลือนลางได้ยินเสียงโวยวายแต่ผมเจ็บเกินจะลืมตา แล้วสติผมก็ดับวูบไป..
.
.

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ขึ้นหัวข้อว่าจบ แต่ลงไม่จบ?

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
02
“จะทำไงดีว่ะเนี้ย!”ริกเอ่ยอย่างตื่นตระหนกเมื่อรถของเขาชนกับรถมอเตอร์ไซด์ที่สวนมาพอดิบพอดี ร่างหนาก็เครียดไม่แพ้กัน
“หมอนั่นโดนกัดรึเปล่า?”มาเรียถามขึ้น ริกจึงทำการตรวจดูก่อนจะส่ายหน้า ร่างหนาจึงบอกให้ริกพาไปด้วยได้
   ทั้งหมดจึงกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง พวกเขาทิ้งรถมอเตอร์ไซด์ไว้ตรงนั้น ภายในรถไม่มีใครเอ่ยอะไรอีกเช่นเคยมีเพียงเสียงแกะห่อพลาสติกของคุณหมอจำเป็นที่ทำแผลให้ร่างโปร่งที่สลบอยู่ ร่างหนาลอบมองคนที่สลบอยู่อย่างสังเกต ถ้าในเวลาปกติเขาคงจะจีบร่างโปร่งไปแล้ว เพราะใบหน้ารูปไข่ติดหวานนั่นแถมเอวคอดน่ากอดนั่นอีก
   เจโลสะบัดหน้าไล่ความคิดแปลกๆออกไป สถานการณ์แบบนี้มันใช่เวลามาคิดอะไรแบบนี้มั้ย!? แถมอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายเสียด้วย
“อือ อ”ร่างโปร่งครางออกมา เปลือกตาบางเปิดขึ้น เขารู้สึกมึนนิดๆ จึงเอามือกุมหัวเอาไว้
“เป็นอะไรมากมั้ย?”ริกถามขึ้น  มือก็ลูบๆคลำๆไปมา
“เฮ้ย!! พวกคุณเป็นใคร!?”ภาคินเอ่ยถามเสียงสั่น กอดตัวเองไว้แน่น
“ผมชื่อ ริก ส่วนคนที่นั่งข้างคุณชื่อ เจโล คนที่ขับรถอยู่ ชื่อมาเรีย พวกเราเป็นผู้รอดชีวิตแล้วกำลังจะไปสำนักงานเขตครับ”ริกตอบอย่างเป็นมิตร ถึงร่างโปร่งจะงงๆแต่ก็พยักหน้างึกงัก
“ผมชื่อ ภาคินจะเรียกว่าภาคก็ได้”
“คุณจะบอกผมได้มั้ย? ว่าคุณกำลังจะไปไหน?”ริกถามขึ้น
“ผมจะไปสำนักงานเขตเหมือนกัน”ภาคินตอบพลางเหลือบมองร่างหนาที่นั่งข้างตนอย่างเกร็งๆเพราะรังสีความไม่ชอบหน้าแผ่กระจายจนรู้สึกได้
“โอ้วว งั้นก็ไปกับเราเลยสิ”ริกยิ้มเป็นมิตร ภาคินจึงยิ้มตอบรับเจื่อนๆพลางคิดในใจ
‘ถ้าฉันไม่ไปด้วยแล้วฉันจะไปยังไงว่ะ’
“ถึงแล้ว”มาเรียเอ่ยขึ้น
       ร่างโปร่งมองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆเพราะสถานที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัยดูเหมือนว่าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
บรื๊น!!
        มาเรียเหยียบคันเร่งก่อนจะพุ่งเข้าไปในสำนักงาน ชนประตูที่เป็นรูโหว่เข้าไปภายใน รอบๆสำนักงานดูสงบไม่มีเหล่าซอมบี้เดินไปมา แต่ร่างหนาก็ไม่ชะล่าใจ เจโลเป็นคนแรกที่เปิดประตูรถเพื่อไปดูลาดเลา นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีซอมบี้อยู่ จึงส่งสัญญาณให้อีกสองคนออกจากรถเดินตามมา ส่วนมาเรียจะทำหน้าที่เฝ้ารถเอาไว้
แอ๊ดด!
      เจโลเปิดประตูบานเก่าออก กระชับปืนในมือไว้แน่นค่อยๆเดินเข้าไปในตึกอย่างช้า จนพบกับห้องๆหนึ่งที่ดูเหมือนว่าคนจำนวนมากเคยอยู่ที่นั่นเพราะมีทั้งเศษถุงอาหารและ ‘ศพ’ ของ ใครสักคนเกลื่อนไปหมด
“นี่มันอะไรกัน...”ภาคินเอ่ยอย่างอ่อนแรง ร่างกายไม่มีแรงเสียอย่างนั้น แล้วจะมีที่ไหนปลอดภัยอีกล่ะ!
“เจโล ภาคมานี่เร็ว!”ริกเอ่ยอย่างตื่นตระหนก ตรงหน้าเขาคือทหารนายหนึ่งที่หายใจรวยรินเต็มที
“คุณหายใจลึกๆนะครับ”ริกพูดบอก มือก็พยายามกดชีพจร
“พ...พอ แค่ก ไม่ต้องครับ”
“ไม่ต้องฝืนครับผมจะช่วยคุณ”ทหารนายนั้นส่ายหน้าไปมา จับมือบางมากอบกุมไว้
“มะ ไม่เป็น...ไร คะ...คุณต้อง....ฟัง..ผม หะ...ให้ดี”
“…”ริกพยักหน้ารับ พร้อมตั้งใจฟัง
“วะ...ไวรัสที่แพร่กระจาย....ตอนนี้มีทางแก้ แค่ก!!”ทหารหนุ่มพ่นเลือดออกมา แต่ริกไม่นึกรังเกียจยังคงกอบกุมมือทหารหนุ่มแน่น
“ที่...สถาบันวิจัย ห่างจากที่นี่ไปอีก 5 กิโล แค่กๆ มีขีปนาวุธ”
“…”
“พวกนาย อึก ต้องไปหาคนที่ชื่อเทย์...ตัน แค่กๆ”ทหารหนุ่มเอ่ยไม่ทันจบก็เริ่มกระตุกไม่ช้าชีวิตก็ดับลง ริกหลับตาช้าๆไว้อาลัยให้กับทหารหนุ่มสักพัก
“ได้ยินกันแล้วใช่มั้ย?”ริกหันไปถามเจโลและภาคิน ทั้งสองพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ทั้งสามจะมุ่งหน้าไปสถาบันวิจัย
.
.
.
   ร่างสูงอึ้งไม่รู้จะพูดอะไร เทย์ตันจ้องหน้าหญิงสาวอีกครั้งแววตาอีกฝ่ายไม่มีแววล้อเล่นเลย
“แล้วผมต้องทำอย่างไร?”ร่างสูงถามออกมาเสียงเครียด
“ทำสิ่งที่นายควรทำ”หญิงสาวตอบ ร่างสูงกัดริมฝีปากว่าจะบอกหญิงสาวตรงหน้าดีหรือไม่แต่เขาก็ตัดสินใจบอกออกไป
“แอนตี้ไวรัสที่ผมพัฒนาตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์”
“หือ นายว่าไงนะ!”
“มันยังไม่เคยทดลองมาก่อนว่าจะได้ผลหรือไม่ คิดว่านะ”ร่างสูงตอบอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่
“หรือว่านายคิดว่าจะมีคนเคยทดลองมัน”ราวกับถูกอ่านใจ เทย์ตันพยักหน้าก่อนจะตอบ
“ดร.ภาคี”เขาตัดสินใจเล่าในที่สุด เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกันก็ได้

ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ,ลอนดอน
       ‘ภาคี’ เป็นนักวิจัยที่มีพรสวรรค์ เขามักจะทำการทดลองต่างๆเกี่ยวกับชีววิทยาจนเขาไปพบบางสิ่งเข้า เขาเรียกมันว่า ‘ไวรัสซอมบี้’ เขาใช้เวลาศึกษาจนได้รู้ถึงความมหัสจรรย์ของมันแต่เขาก็ทิ้งมันไปเพราะเขาแต่งงาน และไม่นานเกินรอเขาก็ได้ลูกชาย แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อลูกชายเขากำลังจะจากเขาไปด้วยโรคร้ายแรง
“หมอเสียใจด้วยครับ น้องอาจจะไม่รอด”ภาคีแทบล้มทั้งยืน มือหนาตระกองกอดภรรยาที่ร้องไห้ใจสลาย
      แต่ในขณะที่เขากำลังเสียใจ เรื่อง ‘ไวรัสซอมบี้’ ก็เข้ามาในหัว เขากลับมาบากบั่นวิจัยมันต่อกับทรายด์ผู้ช่วยร่วมอุดมการณ์ ทั้งสองช่วยกัน จนตัวอย่างแรกสำเร็จไปด้วยดี และเพื่อป้องกันความผิดพลาดภาคีจึงได้สร้างแอนตี้ไวรัสขึ้นมาด้วย
“ขอให้ได้ผลที”ภาคีพึมพำออกมา ก่อนจะตัดสินใจฉีดตัวอย่างแรกของไวรัสซอมบี้เข้าไปในร่างของลูกชายตัวน้อย ผลไปเป็นดังคาดการเอาไว้ ไวรัสซอมบี้ฆ่าโรคร้ายให้หายได้และมันก็พยายามกัดกินเด็กน้อยเช่นกัน ไม่รอช้าภาคีก็ฉีดเข้าไปอีกเข็มหนึ่งมันคือ ‘แอนตี้ไวรัส’
       สุดท้ายแล้วเด็กน้อยก็รอดตาย โรคร้ายหายไป เพียงแต่จะต้องฉีดแอนตี้ไวรัสทุกๆสามวัน
“ทรายด์ ชั้นจะขอถอนตัว”ภาคีบอก
“ทำไมล่ะ คุณก็รู้ว่าถ้างานวิจัยนี่ไปได้สวยเราจะร่ำรวยมหาศาล”ภาคีส่ายหน้า ไม่ยอม ทำให้ทรายด์รู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก และภาคีก็ทำจริงอย่างที่พูดคือถอนทุกอย่างออกมา ทำให้ทรายด์ไม่มีแนวร่วมเพราะเป็นแค่ผู้ช่วยนักวิจัยจึงไม่มีความเชื่อถือ เขาแค้นจึงจ้างมือปืนไปฆ่าครอบครัวของภาคี โชคดีที่ภาคีได้ส่งหนูน้อยลูกของเขาให้ไปอยู่กับตายายที่เมืองไทยพร้อมกับแอนตี้ไวรัสทั้งหมด ก่อนที่ตนกับภรรยาจะถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น
.
.
.
“แล้วเด็กคนนั้นเป็นใคร?”คิมเปิดปากถามออกมา
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”เทย์ตันก็จนปัญญา
“ฉันคิดว่ามันใช่ได้ผล”หญิงสาวเอ่ย คิมยื่นมืออกไปด้านหน้าส่งสายตาเชิงบอกให้ร่างสูงเปิดกระเป๋าเพื่อนำแอนตี้ไวรัสออกมาให้ตนดู
“นี่ครับ”ร่างสูงหยิบให้อย่างจำใจ คิมรับมาดู ใบหน้าหวานจับจ้องไปที่น้ำสีใสในหลอดทดลองอย่างสนอกสนใจ
“ฉันคิดว่าสถาบันวิจัยที่นายหนีออกมาน่าจะมีคำตอบให้เรานะ”หญิงสาวเอ่ย
“ไม่หรอกครับ เพราะว่าตอนนี้ที่นั่นคงมีซอมบี้เกลื่อนกลาดแน่ๆ”ร่างสูงพูดจบ ก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว คิมลุกขึ้นยืน ริมฝีปากบางยิ้มร้ายๆออกมา
“ฉันชอบเรื่องซอมบี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!!”
.
.
.
“แฮกๆ”ร่างโปร่งรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก ภาคินยกมือขึ้นมาจับเข้าที่หน้าอกตัวเอง ตั้งแต่ออกจากสำนักงานเขตก็สักพักหนึ่งแล้ว เป็นร่างหนาที่เห็นความผิดปกติของร่างโปร่ง
“นายเป็นอะไร!”ร่างหนาเอ่ยเสียงดัง จนทั้งริกและมาเรียที่ขับรถอยู่หันมามอง
“นะ...ในกระเป๋า”ร่างโปร่งเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น มือที่ไม่ได้กุมหน้าอกชี้ไปที่กระเป๋ากางเกงของตน  เจโลไม่รอช้าล้วงหยิบของในนั้นออกมา พบว่ามันมีเหรียญและเข็มฉีดยาจำนวนหนึ่ง

 “อึก...ส่งมาให้ผม”ร่างโปร่งคว้าเข็มฉีดยาจากมือของเจโล ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้น!
“จะทำอะไรน่ะ”ร่างหนาร้องห้าม พยายามยื้อแย่งเข็มฉีดยามาจากร่างโปร่ง
“แฮกๆ ผมต้องฉีดมัน...”ร่างโปร่งสบจังหวะที่ร่างหนาเผลอ แทงเข็มลงบนข้อพับกดฉีดน้ำสีใสนั้นลงไป ก่อนที่อาการจะเริ่มดีขึ้น
“...”ริกมองอย่างสงสัย
“นี่อะไร”เจโลถาม พลางชูเข็มฉีดยาอีกสองเข็มขึ้นมา
“…”ร่างโปร่งเม้มปากก่อนจะพยายามยื้อแย่งมัน แต่ร่างหนาก็หลบหลีกได้อยู่ดี
“โอเคๆ ฉันยอมแล้ว”มือเรียวหยุดยื้อแย่งเข็มฉีดยา ก่อนจะเอาประสานวางบนตัก
“ไหนบอกมาสิ”ร่างหนาเมื่อเห็นท่าทางของร่างโปร่งก็ไม่คิดจะแกล้งอีกต่อไป
“ฉันอ่อนแอมาตั้งแต่ยังเด็ก นายก็เห็นแล้วเมื่อกี้ว่าถ้าฉันไม่ได้ฉีดมันจะเป็นอย่างไร”
“แล้วไอนี่มันยาอะไร?”
“คุณยายบอกฉันว่าวิตามิน”ร่างโปร่งตอบ ภาคินรู้เพียงว่าคุณยายให้เขาฉีดมันตั้งแต่เด็กๆ
   ร่างหนาจ้องใบหน้าซีเรียสของร่างโปร่งแล้วถอนหายใจ มือหนาโยนเข็มฉีดยาอีกสามเข็มลงบนตักของภาคิน
“ถ้านายจำเป็นต้องใช้มัน ฉันคืนให้ก็ได้”ร่างโปร่งอมยิ้ม ก่อนที่จะเก็บเข็มฉีดยาใส่กระเป๋า
    ช่วงเวลาแห่งความสงบมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนร่างโปร่งตามไม่ทัน  เขาได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของมาเรียดังเข้ามาในโสตประสาท และรู้สึกว่าตัวเองหมุนคว้างกลางอากาศ รู้สึกถึงแรงบางอย่างกอดรัดเขาแน่น จนทุกอย่างจบลง...

“ยัยนั่นบ้าไปแล้ว”เจโลสถบออกมา เขาติดแหง็กกลับหัวอยู่ในรถพร้อมทั้งในอ้อมกอดมีภาคินที่สลบอยู่ เขาพยายามที่ดันตัวออกไปแต่มันยากพอสมควรเพราะขาเขาดันติด ร่างหนาเลยดันร่างโปร่งในอ้อมแขนออกไปก่อนอย่างน้อยๆอะไรมันได้สะดวกขึ้น ร่างหนาหงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อพยายามเท่าไหร่ก็เอาเขาออกจากซอกนั่นไม่ได้ ร่างหนาได้กลิ่นน้ำมันรั่วไม่ช้าก็เร็วมันต้องไหม้เป็นจุนแน่นอน
“อือ อ”ภาคินลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ
“ถ้าตื่นแล้วก็มาช่วยฉันหน่อยเซ่!”ร่างหนาตะคอก ร่างโปร่งสะดุ้งรีบหันไปทางต้นเสียงทันที มือเรียวรีบรุดดึงร่างหนาอย่างสุดแรง
“อึกก”เจโลกัดฟันแน่น เมื่อเขาหลุดออกมาได้ ขาของเขาคงจะใช้การไม่ได้อีกซักพัก
“ลุกไหวมั้ย?”ภาคินประคองร่างหนาขึ้น เจโลเบ้หน้าเมื่อเขายืนขึ้นความเจ็บแปลบก็เข้ามาทันที
“ทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่เหอะ!”ร่างหนาตัดสินใจพูดออกมา หากร่างโปร่งแบกเขาไปด้วยมีแต่จะเป็นภาระเท่านั้น
“เรามาด้วยกันนะ เพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางทิ้งนายแน่ๆ”ร่างโปร่งตอบอย่างมุ่งมั่น มือเรียวยกแขนหนาพาดไหล่ ประคองร่างหนาเดินไปตามถนนที่ร่างโปร่งก็นึกสังหรณ์ใจว่าเรื่องร้ายๆคงยังไม่จบลงแน่ๆ
ตูม!!
  เสียงระเบิดดังขึ้น ทำเอาร่างโปร่งหันไปมอง ภาคินเริ่มหวั่นใจเพราะเสียงของมันดังมากทีเดียวเหล่าซอมบี้อาจจะได้ยินมันก็ได้
“เราต้องรีบแล้ว”เจโลเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“อื้อ!”
.
.
.
“นายจะกลัวอะไร มีฉันอยู่ทั้งคน”หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ร่างสูงไม่มีความมั่นใจเลยซักนิดเดียว พากเขากำลังจะออกไปที่สถาบันวิจัย ที่ๆเขาเพิ่งหนีมานั่นแหละ เทย์ตันรู้สึกเข็ดกับฝูงซอมบี้พอสมควร ร่างสูงจึงพยายามบ่ายเบี่ยง
“เราควรพักก่อนดีมั้ย?”ร่างสูงเสนอ
“รู้เอาไว้นะ ยิ่งตกกลางคืนยิ่งอันตราย”คิมเอ่ยเสียงเฉียบ มือเรียวบางหยิบปืนพกส่งให้ร่างสูง เทย์ตันรับมา ในชีวิตเขายังไม่เคยได้สัมผัสไอของพรรค์นี้ แต่ตอนนี้เขาคงเรื่องมากไม่ได้
“ครับ”
“ไปกัน!”คิมบอก ก่อนจะเหน็บดาบญี่ปุ่นคู่ใจไว้ข้างเอว
   หญิงสาวเลือกขับรถกระบะไป ร่างสูงอดที่จะทึ่งกับความรวยเวอร์ของหญิงสาวไม่ได้ ไอ้รถสิบกว่าคันในโรงจอดรถ ถ้าเป็นในยามปกติเขาคงจะจีบหล่อนไปแล้ว อะไรจะรวยขนาดนั้น
“ทำไมเป็นรถกระบะ”เทย์ตันถามออกมา   เมื่อคิมขับรถออกมาได้พักหนึ่งแล้ว
“ก็เผื่อมีคนรอดชีวิตไง ถ้าเอาแลมโบกีนี่มา คงจะจุไม่หมด”แล้วไม่เอาลีมูซีนมาล่ะ ร่างสูงคิดแต่ไม่พูดออกมา หญิงสาวราวกับอ่านใจได้อีกแล้ว
“มันยาว แถมมันเด่นเกินไป”
ตูม!!!
    เสียงระเบิดดังระงม คิมเหยียบเบรกแทบจะทันที ใบหน้ามนจ้องไปที่ซากรถยนต์ที่ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ตาคู่คมกวาดมองไปรอบๆจนไปเจอกับสองร่างที่ประคองกันเดินเข้ามาใกล้
บรื๊นๆ!!
  หญิงสาวหยิบคันเร่งไม่รอช้า มุ่งตรงไปที่สองร่างนั้นทันที
เอี๊ยดด
  เสียงเหยียบเบรกรถชวนแสบเก้าหู ทำเอาร่างโปร่งของภาคินฉงน จู่ๆก็มีรถกระบะมาจอดตรงหน้าพวกเขา ประตูรถเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยก้าวลงมา
“ถูกกัดมารึเปล่า”คำถามนั้นทำให้ภาคินสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ ทั้งสองส่ายหน้าเกือบจะทันที หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะผายมือ
“ถ้าไม่งั้นก็ไปกับเรา ดูเหมือนเพื่อนของนายจะบาดเจ็บอยู่นะ”หญิงบอกอีก

   ภายในรถไม่มีใครเอ่ยอะไร เทย์ตันรับหน้าที่หมอชั่วคราว ดีที่เขานำอุปกรณ์ทำแผลมาด้วยตามคำแนะนำของคิม มือหนาพันผ้าพันแผลลงบนขาของเจโลอย่างคล่องแคล่ว  คิมขับรถต่อไป นัยน์ตาคมเหลือบมองร่างโปร่งเป็นระยะๆโดยไม่พูดอะไร
“คุณเป็นใคร?”ร่างโปร่งรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวเหลือบมองตนเป็นระยะๆ จึงตัดสินใจถามออกมา
“ฉันชื่อคิม”คิมไม่ตอบคำถามของร่างโปร่งแต่เลือกที่จะแนะนำตัวเองแทน
“ทำไมถึงช่วยพวกเรา”
“นายนี่คำถามเยอะจังนะ”หญิงสาวไม่ตอบคำถามแต่หัวเราะในลำคอเบาๆ ร่างโปร่งหน้าเครียดเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม
“เอาเหอะน่า ฉันไม่พานายไปขายหรอก เพราะฉะนั้นบอกชื่อของนายมาได้แล้ว”
“ผมชื่อภาคิน ส่วนนั่นเจโล”ร่างโปร่งตอบก่อนจะชี้ไปที่ร่างหนาด้านหลัง
“นายสองคนจะไปไหนกัน?”
“สถาบันวิจัย”
“ที่เดียวกันนี่ พวกเราก็จะไปเหมือนกัน”หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะหันไปสนใจถนนต่อ
    ระยะทางจากนี้ไปคงอีกไกล หญิงสาวคิด ก่อนจะเหลือบมองหน้าปัด น้ำมันเต็มถัง ค่อยยังชั่วหน่อย!
จ็อกกกกก!
“อูยย”ร่างโปร่งกุมท้องตัวเอง ใบหน้ามนแดงซ่านด้วยความอับอาย
“ฉันมีขนมปังอยู่ด้านหลัง เทย์ตันหยิบมาหน่อย”หญิงสาวพูดบอก ร่างสูงจึงหยิบถุงขนมปังยื่นไปให้หญิงสาว
“ฉันขับรถอยู่ไม่เห็นรึไง”คิมเอ็ดร่างสูง ทำให้เทย์ตันส่งไปให้ร่างโปร่งที่อยู่ตรงหน้าแทน
    เหมือนกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เมื่อมือหนาเผลอแตะบนมือของร่างโปร่งที่เอื้อมมารับ ร่างสูงเงยหน้ามอง ร่างโปร่งก็ทำเช่นกัน ทั้งสองจ้องตากันพอสมควรจน
“อะแฮ่ม!”ร่างหนาของเจโลส่งเสียงเตือนออกมา ร่างโปร่งรีบรับถุงขนมปังมาทันทีแล้วหันกลับมานั่งตามเดิน ส่วนร่างสูงก็เอนหลังพิงไปที่เบาะรถ ใบหน้าเริ่มแดงระรื่น
‘เคยเห็นที่ไหนนะ’ใบหน้าของร่างโปร่งนั้นร่างสูงคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนร่างสูงไม่อยากจะคิดอีก
     เจโลมองทั้งสองคนสลับไปมา เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้ ร่างหนาส่งสายตาข่มขู่ไปให้เทย์ตันเป็นระลอกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเพราะกำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่

          ใจกลางเมืองเคยมีผู้คนคับคั่งตอนนี้เงียบสงบราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เหล่าซอมบี้มากมายกระจัดกระจายไปมา บางตัวกำลังกัดกินซากบางอย่าง ลึกลงไปใต้ดิน ราวกับว่ามีคนรู้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาคนนั้นคือ ‘ทรายด์’ เขาได้ทำการสร้างที่หลบภัยใต้ดินเอาไว้รองรับพวกเศรษฐีหน้าโง่ทั้งหลายที่เขาเสนอขายแอนตี้ไวรัสและตกหลุมพรางของเขาอย่างง่ายดาย 
“ท่านคะ ของพร้อมแล้วค่ะ”เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้น ร่างสูงเด่นของทรายด์ยิ้มร้ายออกมา
“ส่งไปได้เลย”
     ของที่ว่านั่นคือ ‘แอนตี้ไวรัส’ เจ้าพวกเศรษฐีโง่เง่าทั้งหลายคงจะยังไม่รู้ว่า ตัวเองจะกลายเป็น ‘หนูทดลอง’ ในไม่ช้าก็เร็ว
.
.
.

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
03
รถกระบะคันใหญ่แล่นไปตามถนนที่มีเหล่าซอมบี้เดินกันประปราย
“ขนมปังหมดแล้วเหรอ น้ำล่ะ?”หญิงสาวถามขึ้น  เทย์ตันจึงคว่ำกระติกน้ำลงเพื่อแสดงให้ดูว่ามันไม่เหลือแล้ว
“ฉันว่าเราคงต้องแวะหาเสบียงกันก่อนแล้วล่ะ”ทั้งสามพยักหน้าอย่างจำใจ
   ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วทุกที่ หญิงสาวหวั่นใจเล็กน้อยที่ขับรถมายังไม่เจอร้านสะดวกซื้อซักแห่งเลย
“ตรงนั้นครับ!”ร่างโปร่งเอ่ยอย่างดีใจ มือเรียวชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่กี่ช่วงตึก
“อืม”หญิงสาวมุ่งตรงไปทันที
    เมื่อรถจอดสนิทดีแล้ว หญิงสาวกับร่างโปร่งอาสาจะไปเอาเสบียงเอง ร่างสูงยื่นไฟฉายให้คนละกระบอก เพราะเทย์ตันไม่ได้ไปด้วย ร่างสูงจึงเปลี่ยนมาที่นั่งคนขับแทนเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น
“คุณช่วยเอายาแก้ปวดมาด้วยได้มั้ย?”เทย์ตันบอกหญิงสาว อาการของเจโลไม่ดีเท่าไหร่ ร่างหนาหน้าซีดๆและพยายามกัดฟันทนความเจ็บปวดอยู่
“ได้ๆ”หญิงสาวตกปากรับคำ ก่อนจะเดินนำร่างโปร่ง มือเรียวผลักประตูออกเบาๆ มืออีกข้างกระชับไฟฉายในมือสาดแสงไปทั่ว ดูจนแน่ใจว่าไม่มีซอมบี้ป้วนเปี้ยนอยู่
    ภาคินอดสงสัยในตัวหญิงสาวไม่ได้ ร่างโปร่งเดินไปยังชั้นที่วางอาหารแห้ง กอบโกยอาหารใส่กระเป๋าใบโต สายตาเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะ เขาไม่เข้าใจ หล่อนดูไม่เหมือนผู้หญิงธรรมดา พูดไม่ถูกเหมือนกันแต่ก็เอาเหอะ ร่างโปร่งปลงตกก่อนจะหยิบๆคว้าๆอาหารใส่กระเป๋าโดยไม่ได้มองซักเท่าไหร่  ภาคินชะงักเมื่อมือของเขาสัมผัสกับบางอย่างนุ่มๆหยุ่นๆ มันรู้สึกเหนียวหนืดน่าขยะแขยง เขาจึงเอาไฟฉายส่องไปเพื่อดูว่ามันคืออะไรกันแน่
“เฮือก!”ขนทั่วร่างลุกขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ บางอย่างในมือเขาดูเหมือนมันจะมีชีวิต มันหมุนไปมา ก่อนที่ดวงตาของมันเหลือกโปนขึ้นมา ร่างโปร่งผงะตกใจสุดขีด ขว้างใจสิ่งนั้นออกไปอย่างสุดแรงเกิด
เพล้ง!!!
     เสียงกระจกแตกทำให้ภาคินมีสติขึ้นมา ไอ้ตัวบ้านั่นมันคืออะไร? แค่คิดเขาก็ขนลุกแล้ว ร่างโปร่งเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนเท้าเอวมองเขาอย่างตำหนิ
“นายทำดีมาก นายกำลังเรียกซอมบี้มาทั้งฝูง!”
ร่างโปร่งอยากจะพูดเหลือเกินว่า ‘ขอโทษครับบ!’
“เราจะทำอย่างไรกันดี?”ภาคินถามเสียงสั่น ร่างโปร่งกระชับปืนในมือแน่นๆ ดีนะที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ซอมบี้จะช้าลงในความมืด แต่ก็ไม่น่าวางใจเพราะคนอย่างพวกเขาก็มองไม่เห็นเหมือนกัน
“เดินตามฉันมานิ่งๆ”คิมคว้ามือเรียวกระตุกให้เดินตาม ทำเอาร่างโปร่งสงสัยอีกครั้งว่า หล่อนเอาความแมนมาจากไหนนักหนา หน้าที่นี้น่าจะเป็นของเขาสิ แต่ก็พูดไม่ได้
“หยุด”หญิงสาวหยุดเดิน เมื่อเห็นซอมบี้เดินผ่านหน้า เจ้าตัวหน้าเละเทะเดินเข้ามาใกล้ มันทำจมูกฟูดฟิดไปมาในระยะประชิด คิมทำหน้าแหยง มือเรียวอีกข้างดึงดาบญี่ปุ่นเล่มงามออกจากปลอกดาบ ก่อนจะตวัดดาบฟันฉัวะลงบนคอของซอมบี้ตัวนั้นอย่างเงียบเชียบ ร่างโปร่งอดจะทึ่งในตัวหญิงสาวไม่ได้ หล่อนไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดที่จะตวัดดาบ หญิงสาวเดินต่อไปจนสามารถออกมาจากร้านได้ หล่อนถอนหายใจอย่างไม่ระวังตัว
“ระวัง!”
ปัง! ปัง!
         ควันที่ลอยออกมาจากปืนพกในมือร่างโปร่งเป็นคำตอบอย่างดี ชั่วขณะที่ คิมถอนหายใจมีซอมบี้ตัวหนึ่งกระโจมเข้ามา ร่างโปร่งจึงตัดสินใจยิง ‘มั่วๆ’ ออกไป
“ดีนี่”หญิงสาวยิ้มหวาน มือเรียวกระตุกมือบางให้เดินตาม คิมส่งสัญญาณให้เทย์ตันสตาร์ทรถรอ ร่างโปร่งย้ายตัวเองมานั่งด้านหลัง ส่วนคิมไปนั่งข้างคนขับ ร่างสูงเมื่อเห็นว่าคนครบแล้วจึงทำการออกรถ
“เอ้านี่! ยา”หญิงสาวโยนยาจำนวนหนึ่งให้กับร่างโปร่ง ภาคินรับมา เมื่อมองมือตัวเองก็พาลไปคิดเรื่องไอ้ตัวบ้านั่นเข้าจนได้ ร่างโปร่งขนลุก เช็ดมือข้างนั้นกับกางเกงจนมือแดงไปหมด
“เจโลกินนี่หน่อย แล้วค่อยกินยา”ร่างโปร่งพูดออกมาน้ำเสียงเป็นห่วง เทย์ตันเหลือบมองตรงกระจกหลังคนขับแล้วอดหงุดหงิดใจไม่น้อย
“โอเค”ร่างหนารับขนมปังมาแกะกินอย่างอ่อนแรง จังหวะที่ร่างโปร่งหันไปคุ้ยหาน้ำดื่ม เจโล กระตุกยิ้มเยาะออกมาให้เทย์ตันเห็น ร่างสูงเห็นแล้วก็ชักจะอารมณ์เสียขึ้นมาเสียดื้อๆ
“อ่ะ กินยาก่อนจะได้หายเจ็บ”ร่างโปร่งที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นฉนวนในสงครามยังคงเอาอกเอาใจร่างหนาต่อไป ส่วนหญิงสาว รายนั้นกำลังอมอมยิ้มไว้ในปาก ทำเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
.
.
.
สถาบันวิจัยในเวลานั้น
    รถตู้สีดำจอดที่หน้าประตูสถาบันวิจัย ประตูเปิดออกพร้อมๆกับเหล่าผู้คนที่สวมชุดกันรังสี พวกเขาฉีดควันบางอย่างออกมาใส่ซอมบี้ที่วิ่งเข้ามา มันชะงักก่อนพวกมันจะพากันล้มพับไปนอนกับพื้น ผู้คนเหล่านั้นเปิดทางให้กับ ร่างสูงโปร่งของ ‘ทรายด์’ ใบหน้าคมสันกระตุกยิ้มร้ายๆออกมาที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาดูผลงานและมาเอา ‘แอนตี้ไวรัส’ ตัวจริงด้วย
“กดชั้นสิบสาม”ร่างสูงโปร่งบอก บุรุษชุดขาวก่อนที่ลิฟต์จะมุ่งหน้าไปชั้นที่เขาต้องการอย่างรวดเร็ว และเป็นดังที่คาดพอประตูลิฟต์เปิดออกก็มีฝูงซอมบี้ในชุดขาวกรูเข้ามา คนของเขาฉีดควันบางอย่างใส่พวกซอมบี้อีกครั้งเปิดทางให้เขาเข้าไปที่ห้องเก็บตัวอย่างแอนตี้ไวรัส
   ร่างสูงโปร่งเปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บตัวอย่างก็ต้องฉงนใจ เข้าให้เลขาสาวที่เดินทางมาด้วยกับบุรุษชุดขาวอีกสองคนค้นหาแอนตี้ไวรัสจนทั่ว แต่ปรากฏว่ามันไม่มี!
“ดูเหมือนว่ามันจะถูกนำออกไปแล้วค่ะ”เลขาสาวเอ่ย ก่อนจะยกชั้นวางหลอดทดลองที่บัดนี้ว่างเปล่า
“เอกสารก็ไม่อยู่ครับ”ร่างสูงโปร่งขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงสภาพนิ่งเฉย
“บอกคนของเราว่าเราจะปักหลักอยู่ที่นี่ ”บุรุษชุดขาวพยักหน้ารับเจ้านายของตน ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงเลขาสาวกับร่างสูงโปร่ง
“ท่านมีแผนอะไรเหรอคะ”เลขาสาวพูดออกมา พร้อมกับดันแว่นสายตามองเจ้านายตนอย่างรู้ทัน
“ฉันเชื่อว่าคนที่เอามันไปต้องกลับมาแน่นอน อ้อ เธอไปหารายชื่อผู้วิจัยแอนตี้ไวรัสตัวนี้มาหน่อย”
“ค่ะ”เลขาสาวรับคำก่อนจะเดินออกไปอีกคน เหลือเพียงร่างสูงโปร่งที่เงยหน้ามองไปมุมห้องก่อนจะยิ้มร้ายออกมา
‘หึ เรื่องนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น’
      สิ่งที่ร่างสูงโปร่งมองอยู่นั้นคือ ‘กล้องวงจรปิด’
.
.
.
   ร่างโปร่งนั่งโงนเงนไปมาจวนจะหลับเต็มที ตอนนี้ร่างสูงได้ย้ายตัวเองมานั่งเบาะหลังกับภาคินและเจโลเรียบร้อย ส่วนหญิงสาวก็กลับมาขับรถอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เขาขับไปหลายชั่วโมง
“อือ อ”ร่างโปร่งเอนไปทางร่างสูงก่อนที่ดูเหมือนจะถูกกระชากแขนให้มาทางฝั่งร่างหนาแทน
“ชิ”เทย์ตันสถบออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะจ้องหน้าเจโลที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เขม็ง แล้วก็ทำให้ร่างสูงกลับมาขบคิดกับตัวเองอีกครั้ง เทย์ตันลอบมองใบหน้าร่างโปร่งยามหลับใหล แล้วมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
     ใบหน้าเนียนรูปไข่ ดวงตาสีสวยที่ตอนนี้มีเปลือกตามาปิดกั้น จมูกรั้นหน่อยๆดูก็รู้ว่าคงเอาแต่ใจไม่น้อย ริมฝีปากสีแดงฉ่ำนั่นทำเอาร่างสูงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่เขาแอบชอบมานานตั้งแต่ยังเด็กน้อย
    เทย์ตันสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป จะเป็นไปได้อย่างไร อีกอย่างคนที่เขาแอบชอบเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยแน่นอน
“มองอะไร”ร่างหนาเอ่ยเสียงเข้ม เขารู้สึกหึงหวงร่างโปร่งอย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นสายตาที่ร่างสูงของเทย์ตันมองมา เขาก็รู้สึกอยากต่อยหน้าอีกฝ่ายซักทีสองที
“เปล่า”
“นี่ เทย์ย่าหยิบกาแฟให้ฉันหน่อยซิ”หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างขบขัน
“อย่ามาตั้งชื่อประหลาดๆให้ฉันนะ”ร่างสูงอดจะหงุดหงิดไม่ได้แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบของที่หญิงสาวต้องการส่งไปให้
“ขอบใจ เทย์ย่า555”หญิงสาวรับมาดื่มอย่างอารมณ์ดี
“…”ร่างสูงส่ายหน้าระอาใจ
“จะถึงแล้วอดทนกันหน่อยล่ะ”หญิงสาวพูดบอก ร่างสูงถูจมูกตนเองไปมา ดูเหมือนว่าจะได้กลิ่นลางร้ายโชยมาไม่น้อยเลยทีเดียว

       บรรยากาศอันแสนวังเวง เงียบสงบ ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อๆ พอถึงสถาบันวิจัยจะเป็นอย่างไรต่อ
“ฉันได้ยินมาว่า ที่สถาบันวิจัยนั่นมีเครื่องยิง ขีปนาวุธ”หญิงสาวเอ่ยออกมา ท่ามกลางความเงียบสงบ เทย์ตันขมวดคิ้ว
“แล้วมันเกี่ยวอะไร”ขีปนาวุธเนี่ยนะ เขาจะเอามันไปทำอะไรเล่า!
“...”หญิงสาวยักไหล่ ไม่ตอบคำถาม ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในสถาบันวิจัย
“เรามาถึงกันแล้ว!”


“ท่านคะ มีรถน่าสงสัยขับเข้ามาในสถาบันวิจัยค่ะ”เลขาสาวเดินเข้ามาท่าทีตื่นตระหนก
“มากันแล้วสินะ”ร่างสูงโปร่งยิ้มร้าย มือหนาวางเอกสารที่อ่านอยู่ลงบนโต๊ะ
“เราควรจะออกไปต้อนรับพวกเขากันหน่อย ว่าไหม?”

           ร่างโปร่งถูกปลุกพร้อมๆกับร่างหนา ภาคินขยี้ตาด้วยความงัวเงียจนร่างหนาต้องปัดมือบางออกก่อนที่ร่างโปร่งจะขยี้ตาจนแดง
“ไปกันได้แล้ว”หญิงสาวเอ่ยขึ้น ทั้งสามพยักหน้ารับ ก่อนจะพากันลงจากรถ
“อึก”ร่างหนากัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง ขาเขายังเจ็บอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากที่จะเป็นภาระให้ร่างโปร่ง
“นายไหวนะ”ร่างโปร่งเอ่ยถามอย่างห่วงใย มือเรียวบีบไหล่หนาอย่างให้กำลังใจ
พรึ่บ!!
  แสงไฟจากอาคารถูกเปิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ร่างโปร่งยกมือมากันเพราะมันค่อนข้างแสบตา และไม่กี่วินาทีต่อมาร่างโปร่งก็ต้องตะลึงเมื่อพวกเขากำลังโดนล้อมด้วยบุรุษชุดขาว!
“สวัสดี ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้นะ คุณ ‘เทย์ตัน’”ร่างสูงโปร่งของบุรุษเดินเยื้องย่างเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน
“ชิ”หญิงสาวสถบออกมาอย่างหัวเสีย มือเรียวดึงดาบญี่ปุ่นคู่ใจออกมาเตรียมต่อสู้
“ผมต้องขอบคุณ คุณมากนะครับคุณผู้หญิงที่นำ ‘หนูทดลอง’ มาเพิ่มให้ผมอีกตั้งสองคน”ทรายด์ยิ้มยียวน สายตาคมกริบกวาดมองอีกสามคนที่เหลือ จนไปหยุดอยู่ที่ร่างโปร่ง
“คุณ...”ร่างโปร่งที่ตอนนี้ถูกจ้อง เขาไม่ชอบสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวของทรายด์เลยแม้แต่นิดเดียว ร่างโปร่งเลือกที่จะถอยไปหลบหลังเจโล
“หึ เราคงต้องต้อนรับกันอย่างดีเสียแล้วสิ”พูดจบ มือหนาตบมือเบา บุรุษชุดเขาก็เข้าล็อคตัวทั้งสี่คน
“ปล่อยนะเว้ย”เจโลตะคอก เขาพยายามเบี่ยงตัวเพื่อที่จะขัดขืนแต่ด้วยสภาพร่างกายไม่อำนวยเขาทำอะไรไม่ได้มาก
“อื้ออ”ร่างโปร่งดิ้นสุดกำลัง แต่แรงแค่นั้นจะไปสู้อะไรกับชายร่างยักษ์ได้ มันอุ้มเขาฟาดบ่าเดินนำหน้าเข้าไปในสถาบันวิจัย เจโลพยายามมาช่วยเขาแต่ร่างหนาถูกเตะจนล้มลงกับพื้น ส่วนคิมหญิงสาวกำลังใช้ดาบฟันบุรุษชุดขาวอย่างไม่ยอมแพ้ ส่วนร่างสูงพยายามวิ่งมาช่วยเขาสุดกำลัง แต่มันก็สายไปเพราะเขาถูกพามาถึงห้องๆหนึ่งแล้ว
ตุบ!!
  ชายร่างยักษ์วางเขาลงอย่างแรง มือแกร่งจับเข้าที่แขนของเขานำมาไขว้หลังทำการใส่กุญแจมือล็อคไว้อย่างแน่นหนา ร่างโปร่งเหนื่อยที่จะดิ้นหนี ยอมถูกจับแต่โดยดี ชายร่างยักษ์เดินออกไปทำให้ร่างโปร่งสบโอกาสที่จะหาทางหนีได้ ร่างโปร่งเดินวนไปมา ห้องนี้เป็นห้องที่มีกระจกใสรอบห้อง แถมในห้องก็ไม่มีอะไรซักอย่าง ที่ๆพอจะหนีได้คือช่องลมด้านบนแต่มันเล็กเกินไปที่เขาจะออกไปได้
“อย่าคิดที่จะหนีเลย”ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ ภาคินเหลือบมองก็พบว่าประตูต้องใช้คีย์การ์ดเปิดจากด้านนอกเท่านั้น
“คุณต้องการอะไร?”ร่างโปร่งถามหยั่งเชิง
“รู้มั้ย? ว่านายหน้าตาเหมือนใครบางคนที่ฉันรู้จัก”ทรายด์เอ่ยออกมาพลางเดินวนไปรอบๆตัวร่างโปร่ง
“ผมไม่เคยรู้จักคุณ ผมว่าคุณคงจะจำผิดคนแล้ว”
“หึ ไม่ผิดหรอก”ทรายด์เพียงเข้ามาทักทายร่างโปร่งเท่านั้น สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ต่างหากที่จะเป็นของจริง
“ปล่อยนะเว้ย!!”เสียงของเจโลดังขึ้น ร่างหนาถูกมัดมือมัดเท้า ชายร่างยักษ์แบกเขาเข้ามาในห้องข้างๆร่างโปร่ง
“คุณจะทำอะไร!!”ร่างโปร่งหันมามองทรายด์ ใจเขาเริ่มกระสับกระส่ายเมื่อเห็นเจโลถูกจับนอนลงบนเตียงผ่าตัด
“หึๆ นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น”ภาคินหน้าตึง เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งออกนอกห้องไปตอนไหนไม่รู้
“อ้ากกกกกกกก!!!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเจโลดังกระหึ่ม ภาคินไม่รู้จะทำอย่างไรดี กายบางกระแทกเข้ากับกระจกที่กางกั้นอย่างแรง แต่ดูเหมือนจะไม่สะเทือนเลยซักนิด น้ำสีใสคลอรอบๆดวงตาก่อนจะไหลออกมาอย่างช้าๆ เขากระแทกกระจกอีกครั้ง พลางมองร่างหนาที่กระตุกใบหน้า สีหน้าทุรนทุราย พวกมันฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปในตัวของเจโล บุรุษชุดขาวอีกคนแปะบางอย่างไว้บนอกแกร่งข้างซ้ายมันคือที่วัดการเต้นของหัวใจ ก่อนที่สารบางอย่างจะถูกฉีดเข้าไปอีก!
“พอได้แล้ว!!!”ร่างโปร่งกัดฟัน กายบางทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขาไม่รู้จะช่วยร่างหนาอย่างไร คำว่าสิ้นหวังเขารู้ซึ้งถึงคำนี้แล้วจริงๆ
     เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างหนายังคงถูกฉีดสารบางอย่างอยู่ เสียงร้องด้วยความทรมานและเสียงอ้อนวอนดังไม่ขาดสาย ร่างสูงโปร่งส่งยิ้มร้ายกาจออกมาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่ตนทำลงไป
“ท่านคะ ตัวอย่างที่ส่งไปก่อนหน้ามาถึงแล้วค่ะ”เลขาสาวพูดบอก ก่อนจะส่งเอกสารไปให้ร่างสูงโปร่งที่รู้สึกจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ฉันจะไปอ่านในห้องทำงาน สั่งคนไปเก็บตัวอย่างเลือดจากเด็กคนนั้นด้วยล่ะ”เลขาสาวรับคำของผู้เป็นนาย สั่งบุรุษชุดขาวเข้าไปเก็บตัวอย่างเลือดของร่างโปร่งทันที
“พะ พวกคุณเข้ามาทำอะไร!!”ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน น้ำตายังเกาะพราวอยู่บนแก้มนวลทั้งสองข้าง
“อยู่นิ่งๆ”บุรุษชุดขาวตอบ ก่อนที่บุรุษชุดขาวอีกสองคนจะพากันล็อคตัวร่างโปร่งเอาไว้
“ปล่อยนะเว้ย!!”ร่างโปร่งดีดดิ้นไม่ยอม เขาสะบัดตัวอย่างแรง
ฉึบ!
  บุรุษชุดขาวกดเข็มฉีดยาลงบนคอของร่างโปร่ง ภาคินรู้สึกมึนหัวก่อนที่สติเขาจะดับวูบ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นแขน

ฉัวะ!!
“พวกน่ารำคาญ!”หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ มือบางตวัดดาบฟันฉับลงบนศีรษะของบุรุษชุดขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดง พวกสวะแบบนี้ไม่จำเป็นต้องลังเลในการฆ่าทิ้งเลยซักนิด
“คิม!!”ร่างสูงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเขากำลังโดนชายร่างยักษ์รุม
“นี่ก็อีกคน”หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้งอย่างทำใจ ขาเรียวตวัดข้ามศพที่นอนตายเกลื่อนกลาดไปหาร่างสูง มือบางตวัดดาบฟันอย่างรวดเร็วจนร่างสูงมองแทบไม่ทัน หญิงสาวตวัดดาบอีกครั้งเก็บดาบเปื้อนเลือดเข้าปอกดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวเสียงดัง
คลิ๊ก!
   ชายร่างยักษ์ที่รุมร่างสูงต่างพากันล้มลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมทั้งมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาไม่ขาดสาย
“เธอเป็นใครกันแน่”ร่างสูงถามออกมาอย่างสงสัย
“หึ”หญิงสาวยักไหล่ไม่ตอบคำถาม
“เราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ร่างสูงก็ไม่เซ้าซี้ เพราะว่าเขาค่อนข้างห่วงร่างโปร่งไม่น้อยเลยทีเดียว

“อือ”ร่างโปร่งลืมตาขึ้นมา เสียงร้องของเจโลเงียบไปแล้ว เขารู้สึกปวดหนึบบริเวณแขนทั้งสองข้าง
ผลัก!
   ประตูเปิดออกมา พร้อมกับร่างสูงโปร่งของทรายด์ที่เดินเข้ามา
“ฉันมีข่าวดีจะมาบอกเธอ”ร่างสูงโปร่งเริ่มพูด ภาคินเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างคับแค้น ถ้าเขามีแรงพอเขาคงจะลุกขึ้นเตะหน้าหมอนี่แรงๆซักที แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนเขาหลับไปคงจะมีอะไรเกิดขึ้น พวกมันคงฉีดอะไรซักอย่างให้เขาเป็นแน่
“เลือดของเธอ...มีค่ามาก”
“หมายความว่ายังไง?”
“มันคือแอนตี้ไวรัส!”ร่างสูงโปร่งยิ้มกริ่ม มือหนาตบมือเบาๆชายชุดขาวก็เดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์
“เอาเลือกมาให้หมด”ร่างสูงโปร่งยิ้มเหี้ยมเกรียม ทรายด์ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นดาดฟ้าทันที เลขาสาวส่งกระเป๋าที่ด้านในบรรจุด้วยเลือดของร่างโปร่ง มันคือแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์เมื่อมันถูกผสมเข้ากับแอนตี้ไวรัสที่เทย์ตัน นักวิจัยของเขาพัฒนา ขอบคุณนายมากเทย์ตัน ขาเรียวก้าวขึ้น ฮ.ที่บินมาจอด เลขาสาวรายงานผลของการวิจัยอีกอย่างหนึ่ง แต่ก็น่าผิดหวัง...
“กำจัดทิ้งซะ”

    ร่างสูงเดินนำหน้าร่างของหญิงสาว เขาเคยมาที่นี่ตอนที่เขาทำงานอยู่ ร่างสูงกัดฟันเมื่อแอนตี้ไวรัสถูกทรายด์เอาไปจนได้
“แน่ใจว่า พามาถูกทาง”หญิงสาวเอ่ยยียวน ร่างสูงหันมาแยกเขี้ยวใส่
“เดินไปอีก พวกนั้นน่าจะจับพวกภาคินไว้ที่ห้องทดลองสาร”
   และก็เป็นอย่างที่ร่างสูงคาดการณ์ เทย์ตันส่งสัญญาณให้หญิงสาวเข้าไปช่วยเหลือร่างโปร่งส่วนเขาจะไปช่วยเจโลเพราะฝั่งร่างโปร่งดูจะรับมือยากกว่าและอีกอย่าง หญิงสาวคงจะแบกคนตัวใหญ่อย่างเจโลออกมาไม่ไหว
          ร่างสูงหยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ห้องนี่คงจะต้องใช้คีย์การ์ดเปิดเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ ให้ตายสิแล้วเขาจะเอาคีย์การ์ดมาจากไหน ร่างสูงหันซ้ายขวา เขาคงต้องใช้วิธีแบบบ้านๆแล้วล่ะ
ชึบ!
         มือหนาล็อคคอบุรุษชุดขาวคนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าพอดี ร่างสูงไม่รีรอลากร่างนั้นออกไปหาที่ๆเปิดจุดบอดกล้องวงจรปิดก่อนจะเฉือนคอบุรุษชุดขาวผู้โชคร้ายนั้นจนขาดใจตาย ร่างสูงขมุบขมิบปากขอโทษ ก่อนจะหยิบเสื้อขาวกับแว่นตามาใส่โดยไม่ลืมหยิบคีย์การ์ดมาด้วย และทำเป็นเนียนๆเดินเข้าไปรูดเข้าห้องนั่นอย่างสบาย
“อึก”ร่างสูงใช้มือสับลงที่คอของบุรุษชุดขาวที่อยู่ในห้องจนสลบไป เขารีบมาดูอาการของเจโลอย่างเร็ว จอมอนิเตอร์บอกว่าการเต้นของหัวใจของร่างหนาช้าลง เทย์ตันหน้าถอดสี ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าร่างหนาเสียเท่าไหร่แต่ถ้าอีกฝ่ายตายไปคงไม่ดีแน่ๆ
“เฮ้!”ร่างสูงพูดเสียงดัง มือหนาตบเบาๆข้างแก้ม จนร่างหนาได้สติ
“แฮกๆ”สีหน้าทรมานนั้น ร่างสูงอดที่จะสงสารไม่ได้ เทย์ตันรีบดึงสายที่ระโยงรยางค์ออกจากตัวร่างหนาทันที
ปัง!
  ร่างสูงฉะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เทย์ตันจับบริเวณแขนเสื้อที่มีรอยไหม้ของกระสุน เขาจ้องเขม็งก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น อีกฝ่ายเป็นผู้ชายร่างบาง ร่างสูงได้เปรียบอย่างชัดเจน
“ทิ้งอาวุธ!”เสียงลื่นหูบอก ร่างสูงปล่อยมีดพกในมือ ก่อนจะชูขึ้นบอกประมาณว่า ยอมแล้ว
“ใจเย็นๆ”ร่างสูงเอ่ยออกมา พยายามขยับกายเข้ามาใกล้
“อยู่นิ่งๆไม่งั้นฉันยิงแน่!”ร่างบางพูดขู่ จังหวะนั้นเองร่างสูงก็เข้าไปล็อคแขนเรียวนั้น มือหนาปัดปืนพกออกจากมือเรียวตอนนี้ร่างบางถูกร่างสูงจับอย่างสมบูรณ์
“โถ่เว้ย!”ร่างบางสถบออกมา เทย์ตันหยิบสายน้ำเกลือมามัดแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้
“อยู่ตรงนี้ไปก่อน”ร่างสูงลุกไปเก็บปืนของร่างบางมาใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วหันไปสนใจร่างหนาอีกครั้ง
ติ้ดดดดด
    ร่างสูงตัวชาวาบเมื่อหัวใจของร่างหนาหยุดเต้นไปแล้ว เทย์ตันคว้าที่ปั้มหัวใจมาอย่างคล่องแคล่วเปิดเครื่องปั้มไปหลายครั้งหัวใจของร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเต้นอีกครั้ง
ปัง!
  เสียงประตูเปิดพร้อมกับร่างโปร่ง ภาคินเดินมาอย่างโซเซโดยมีคิมประคอง
“ฉันเสียใจ”ร่างสูงบอกก่อนจะส่ายหน้า
“ฮึก...เจโล”ร่างโปร่งซบหน้าลงบนแขนแกร่งเย็นชืด มือเรียวเขย่าแรงๆเพื่อให้ร่างหนาตื่นขึ้นมาหาเขาอีกครั้ง ร่างโปร่งร้องไห้อย่างใจสลาย หญิงสาวส่งสายตาบอกให้ร่างสูงเดินออกมา เขาคงต้องให้ร่างโปร่งอยู่คนเดียวซักพักโดยที่ไม่ลืมลากร่างบางอีกคนที่เขามัดออกมาด้วย

“นี่ใคร?”หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย
“อาซึกิ”ร่างสูงตอบ ร่างบางถลึงตาใส่ร่างสูงอย่างเหวี่ยงๆ
“รู้จัก?”
“อืม”ร่างสูงไม่อยากจะพูดถึงมันเสียเท่าไหร่ ตอนนี้เขาคิดแค่เรื่องร่างโปร่งที่อยู่ในห้อง
“นายทำงานที่นี่งั้นสินะ”ร่างสูงพยักหน้า
“แล้วไง”
“ขีปนาวุธอยู่ที่ไหน?”

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
04
        ร่างโปร่งยกมือหนามากอบกุมไว้ การที่เห็นคนๆนี้ตายต่อหน้าต่อตา เขาทำใจไม่ได้ทั้งๆที่เขาบอกกับตัวเองไว้แล้วว่า ยังไงซะคนๆนี้ไม่สามารถที่จะอยู่กับเขาตลอดไปแต่เขาไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ภาคินคิดว่าทฤษฎีสะพานแขวนนั่นอาจจะเป็นความจริงก็ได้ ที่รู้สึกดีๆในช่วงเวลาร้ายๆ
แอ๊ด!
   ประตูเปิดออกร่างโปร่งไม่ได้สนใจ เทย์ตันก็ปวดใจเช่นกันที่เขาช่วยเจโลไมได้
“ภาค เราต้องไปกันแล้ว”ร่างสูงเอ่ยออกมา มือหนาดึงแขนเรียวบังคับให้ลุกขึ้น ร่างโปร่งหันมองทั้งน้ำตา
“ผมไม่ไป...ฮึก..ฮืออ ทำไมต้องเป็นเขาด้วยย ทำไมไม่เป็นผม ฮือ”ภาคินร้องออกมาอย่างน่าสงสารมือบางทุบอกของร่างสูงอย่างแรง เทย์ตันทำได้แค่กอดภาคินเอาไว้ จุมพิตลงบนขมับเนียนเพื่อปลอบประโลม
“หยุดร้องได้แล้ว ไอ้บ้านี่ก็คงไม่อยากให้นายร้องไห้นัก”ร่างสูงอ้างออกมา มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างแผ่วเบา
“ผมขอลาเขาก่อนนะ”ร่างโปร่งพูดบอก เขาผละออกจากอ้อมกอดของร่างสูง มือบางหยิบผ้าผืนใหญ่มาหนึ่งผืน ภาคินยิ้มขมขื่น เขาขยับปากกระซิบข้างหูหนาเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา ก่อนจะละมาที่ใบหน้าจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากเย็นชืด ก่อนจะคลุมหน้าของร่างหนาเอาไว้
“ปะ...ไปกันเถอะครับ”ภาคินยิ้มทั้งน้ำตา ขาเรียวเดินออกจากห้อง ร่างโปร่งตั้งมั่นว่าเขาจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว

‘ฉันรักนาย’


“ที่นี่ไม่มีขีปนาวุธอะไรนั่นหรอกนะ”อาซึกิเอ่ย ร่างบางยังถูกมัดอยู่
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น ถ้ามันมีจริงพวกทรายด์ก็เอามันไปแล้ว”หญิงสาวออกความเห็น หล่อนอดสงสารร่างโปร่งไม่ได้แต่ในเวลานี้ถ้าพวกเขามัวเศร้าโศกเสียใจการตามหาขีปนาวุธก็คงจะล่าช้าไปไกล
“ผมมีคำถาม”ร่างโปร่งหยุดร้องไห้แล้วยกมือขึ้นขออนุญาต หญิงสาวพยักหน้า ตอนนี้พวกเขานั่งล้อมวงอยู่บนพื้น
“เชิญ”
“ทำไมทรายด์ถึงบอกว่าเลือดของผมเป็นแอนตี้ไวรัสละครับ”นี่เป็นสิ่งร่างโปร่งสงสัยเป็นอย่างมาก
“อืม ตอนที่ฉันเข้าไปช่วยนาย พวกทรายด์กำลังเจาะเลือดนายพอดี ทำไมกันนะ”ร่างสูงคิดตาม หรือว่า...
“ภาคิน พ่อแม่คุณทำงานอะไร”
“ไม่รู้หรอกฉันอยู่กับยายตั้งแต่ยังจำความไม่ได้”คำตอบนั้นทำเอาร่างสูงกับหญิงสาวมองหน้ากันทันที
“ทำไมเหรอครับ”ร่างโปร่งถาม ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มออกมา
“พวกเรากำลังคิดว่าเจอคนที่ตามหาแล้วล่ะ!”
.
.
.
“สวัสดีทุกท่าน”ร่างสูงโปร่งเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตาคมมองจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพ ‘หนูทดลอง’ ของเขาที่อยู่ตามที่ต่างๆ
“แกเอายาบ้าอะไรมาให้ฉัน!”เศรษฐีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทรายด์หน้าอีกฝ่ายก่อนจะยิ้ม
“ผมก็ให้ในสิ่งที่คุณต้องการไงครับ”ทรายด์ตอบแบบไม่ยิงดียิงร้าย
“ฉันไม่น่าเชื่อไอบ้าอย่างแกเลย อ้ากกกก!”เศรษฐีคนเดิมกล่าวต่อ ก่อนจะร้องลั่น ร่างของเขากระตุกเกร็ง ลมหายใจอ่อนลง น้ำลายฟูมปาก
“เกิดอะไรขึ้น!”เศรษฐีคนอื่นๆเอ่ยอย่างตระหนก
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะอีกไม่นาน...”ร่างสูงเว้นช่องว่างก่อนที่เศรษฐีทั้งหลายจะมีอาการแบบเดียวกันจนหมด
“พวกแกจะกลายเป็นอสูรกายสมใจ!!!”
“ท่านคะ ได้เวลาแล้วค่ะ”เลขาสาวกระซิบบอกร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมระบายยิ้มร้ายออกมา
“ผมคงต้องไปก่อนนะครับ”
.
.
.
     รถกระบะคันเดิมเคลื่อนที่ไปตามถนน จุดมุ่งหมายคือบ้านของเทย์ตันเพราะอยู่ใกล้ที่สุด หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าไปในซอยเล็กๆ น่าแปลกที่แถวนี้ไม่มีแม้แต่ซอมบี้ซักตัวเดียว
“นั่นครับ หลังที่มีรั้วลวดหนามน่ะ”ร่างสูงชี้ให้หญิงสาวดู คิมหันไปมองร่างสูงอย่างตั้งคำถาม
“ผมเป็นนักวิจัย เพราะฉะนั้นต้องระวังภัยเป็นพิเศษ”หญิงสาวทำหน้าไม่เชื่อก่อนจะขับรถเข้าไป ร่างสูงดึงรีโมทออกมา ก่อนปุ่มสีแดง ทำให้ประตูรั้วเปิดออก
“แน่นหนาเหลือเกินนะ”
“ใช่สิ ผมอยู่คนเดียวนะ”
   หญิงสาวจอดรถไว้ในโรงรถ ร่างสูงเดินนำเข้าบ้าน ตามด้วยร่างบางของอาซึกิที่ร่างสูงพามา หญิงสาวอดที่จะถามไม่ได้ว่า เอามาทำไมทำไมไม่ฆ่าทิ้งซะ แต่คำตอบที่ได้คือความเงียบ
“มีอะไรกินบ้างมั้ย?”คิมถาม แต่หญิงสาวพาร่างของตนมาที่ตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว
“บ้านนายใหญ่ดีนะ”ร่างโปร่งพูดขึ้น เขานั่งลงบนโซฟาตัวยาวด้วยท่าทีซึมเศร้า
“หิวมั้ย?”
“นิดหน่อย”ที่จริงร่างโปร่งหิวมากต่างหาก แต่เขาค่อนข้างจะเกรงใจร่างสูง
“ทำไมไม่ถามฉันบ้าง”อาซึกิพูดขึ้นบ้าง ร่างสูงหันไปจ้องร่างบางเขม็ง ก่อนจะพ่นถ้อยคำร้ายกาจออกมา
“ฉันไม่อยากคุยกับนายเลยซักประโยคเดียว!”อาซึกิสะอึก แต่ร่างบางก็ปั้นยิ้มยียวนกลบเกลื่อนในใจที่กำลังเจ็บปวด ร่างบางจ้องมองร่างสูงที่นั่งห่างเขาราวกับว่ารังเกียจเดียดฉันท์กันมากมาย พลางคิดในใจว่าเขาผิดมากมายขนาดนั้นเลยรึไง?
“ออเหรอ ฉันเกือบลืมไปแล้วเชียว ไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่พร่ำบอกว่ารักฉันอย่างนั้นอย่างนี้”
ผลัก!
   ร่างสูงโกรธจัด ซัดหน้าร่างบางอย่างไม่ออมแรง อาซึกิมองด้วยสายตาเจ็บปวด แต่ริมฝีปากก็พ่นวาจาทำร้ายใจตัวเองออกมาเรื่อยๆ
“พอแล้วๆ”ร่างโปร่งพูดขึ้นบ้าง มือเรียวรั้งแขนของร่างสูงเอาไว้ไมให้กระโจมใส่อีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง
“ฮึ่ย!”ร่างสูงเดินฮึดฮัดออกไป
“นายเจ็บปวด ฉันรู้”
“คนอย่างนายจะไปรู้อะไร!”ร่างบางสะบัดหน้า กายบางผุดลุกขึ้น เขาต้องการที่ๆสงบซักพัก มือบางคว้าเปิดห้องๆหนึ่งที่เคยเป็นห้องนอนของเขา ใช่! เขาเคยอยู่ในบ้านหลังนี้มาก่อน
“ไม่เปลี่ยนเลย”ร่างบางอดจะอึ้งไม่ได้ ที่ข้าวของทุกอย่างของเขายังวางอยู่ที่เดิม อาซึกิทรุดตัวลงบนเตียงนุ่ม ยกขาทั้งสองข้างมากอดไว้ ใบหน้าหวานซบลงบนหน้าขาทั้งสองข้าง
“มันไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย...”ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ร่างสูงไม่อยากจะพูดถึง เทย์ตันคงจะเกลียดเขามาก เมื่อ 5 ปีก่อน ทั้งเขาและร่างสูงเคยคบเป็นคนรักกัน ร่างบางรักร่างสูงมากส่วนร่างสูงก็รักร่างบางมากเช่นกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเลิกกันเป็นเพราะเขาเองเขาจำเป็นต้องมีคนใหม่ด้วย ‘เหตุผล’ บางอย่าง ทำให้เทย์ตันเจ็บปวด นี่มันก็ผ่านมานานมากแล้วทำไมร่างสูงถึงไม่ลืมคนอย่างเขาซักที ทั้งๆที่เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างสูงมีความรู้สึกกับร่างโปร่งคนนั้น แต่ทำไมยังทำสีหน้าแบบนั้นใส่เขาอีก ‘สีหน้าเจ็บปวด’

“ฉันเจอนี่ ตอนที่เข้าไปช่วยนาย”หญิงสาวหยิบเข็มฉีดยาออกมาให้ร่างโปร่ง
“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีมันผมคงจะแย่”
“ทำไมเหรอ”
“ผมต้องฉีดมันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ เพราะผมร่างกายอ่อนแอ”หญิงสาวเลิกคิ้ว ก่อนจะยื่นให้ร่างสูงเอาไปพิจารณา
“ฉันขอเอาไปตรวจดูได้มั้ย?”ร่างโปร่งพยักหน้า
“แต่คุณต้องเอากลับมาให้ผมนะ พรุ่งนี้ผมคงต้องฉีดมัน”เทย์ตันพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน
“นายจะนอนก็ได้นะ นี่ก็ดึกแล้ว”หญิงสาวบอกกับร่างโปร่ง ใบหน้าหวานเงยมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ปรากฏว่ามันก็ดึกจริงๆนั่นแหละ
“อืม”

รุ่งเช้า
     แสงแดดส่องประกายเข้ามาในห้องจนร่างบางตื่นจากนิทรากาล อาซึกิบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง นี่เขาหลับทั้งๆที่ยังร้องไห้ ร่างบางมองตัวเองในกระจกอย่างอึ้งๆเมื่อสภาพเขาจัดว่าโทรมมากเลยทีเดียว
          ร่างบางตัดสินใจเดินทอดกายลงมาจากห้องนอน สายตากวาดมองร่างโปร่งที่ยังคงหลับใหล กับหญิงสาวที่กำลังทำอะไรซักอย่างอยู่ในครัว
“เฮ้!”ร่างบางเอ่ยทักหญิงสาว คิมเหล่มองด้วยหางตาก่อนจะทักกลับเช่นกัน
“ว่าไง”
“หิวแล้ว”หญิงสาวยิ้มก่อนจะตักไข่ดาววางไว้บนจานที่มีทั้งเบคอนและไส้กรอกน่ากิน
“นายช่วยไปปลุกภาคินหน่อยสิ ฉันจะลงไปหาเทย์ย่าซักหน่อย”
“เทย์ย่า?”ร่างบางทำหน้างง ในบ้านนี้ยังมีผู้หญิงคนไหนอีกเหรอเนี้ย
“เร็วๆเข้า เดี๋ยวก็เย็นหมด”ถึงจะสงสัยไม่น้อย แต่ร่างบางก็เดินมาปลุกร่างโปร่งแต่โดยดี
“นี่ๆนาย”มือบางเขย่าเบาๆ ร่างโปร่งยังมือขึ้นปัดมือบางที่จับอยู่ก่อนจะครางอย่างขัดใจ
“อือ อย่ากวน”
“ตื่นเว้ย!!”ร่างบาตะโกนข้างหู จนร่างโปร่งตกใจตื่น
“อะไรๆ”ร่างโปร่งลุกพรวดสีหน้าตื่นตระหนกหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น
“ยัยผู้หญิงให้ฉันมาปลุกนายไปกินข้าว”
“…”
“ยังมาทำหน้าเอ๋ออยู่ได้รีบลุกสิ ฉันหิวนะเว้ย!”ร่างบางตะคอกอีกครั้ง ภาคินผุดลุกขึ้นทั้งๆที่ยังตื่นไม่เต็มตา เขาเดินตามร่างบางเข้าไปในครัวก็พบกับร่างสูงและหญิงสาวที่ดูท่าจะดีใจอะไรบางอย่าง
“มาๆนั่งกินกัน”หญิงสาวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงชักสีหน้าใส่อาซึกิที่นั่งตรงข้ามตน อารมณ์ดีๆพาลหายไปเสียดื้อๆ
“ดีใจอะไรกัน”ร่างโปร่งถามขึ้นเมื่อเขากินอาหารเช้าจนหมดแล้ว
“นายรู้มั้ยว่าที่อยู่ในเข็มนั่นมันคืออะไร?”
“ก็ยา”ร่างโปร่งตอบ ยายของเขาบอกว่ามันเป็นยาที่จะช่วยให้เขาร่างกายแข็งแรง
“มันคือแอนตี้ไวรัสฉบับไม่สมบูรณ์”
“มันจะเป็นไปได้ไง!”ภาคินถามเสียงดัง เขามั่นใจว่ามันเป็นยาบางอย่างมาตลอด
“อึก...”ความเจ็บปวดพุ่งจี๊ดขึ้นมา มือบางกุมหน้าอกตัวเองแน่ ลมหายใจขาดห้วงจนร่างสูงรู้สึกได้
“เอาเข็มมาให้ผม”ร่างโปร่งคว้าไปที่เข็มก่อนจะแทงเข้าที่ต้นแขนอย่างแรง น้ำสีใสในเข็มพุ่งเข้าไปในร่างกาย ร่างโปร่งหายใจเป็นปกติ อาการเจ็บที่หน้าอกได้หายไป เขาเชื่อนิดๆแล้วว่าไอ้สิ่งที่เขาฉีดเข้าไปทุกสามวันมันคงจะเป็น แอนตี้ไวรัส
“จากที่ฉันเอาเลือดนายไปตรวจสอบ...”
“เดี๋ยวนะ คุณเอาเลือดผมมาจากไหน?”ร่างสูงหันมามองหน้าหญิงสาวทันที
“ฉันก็หยิบมาด้วย เผื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ไง”
“พบว่า ในเลือดนายมีเชื้อซอมบี้ไหลเวียนอยู่จำนวนหนึ่ง”ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง ภาคินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“ส่วนยาที่นายฉีดนั้นจะไปทำลายเชื้อซอมบี้พวกนั้น จะพูดว่าทำลายก็ไม่ถูกนะ เหมือนกับว่าพวกมันถูกระงับมากกว่า และข่าวดีก็คือในบ้านฉันมีแอนตี้ไวรัสที่ฉันวิจัยอยู่จำนวนหนึ่ง ฉันจึงเอามันมาผสมกับเลือดของนาย”
“…”
“แอนตี้ไวรัสจึงสมบูรณ์ ฉันจึงอยากจะทดลองบางอย่าง”
“จะฉีดแอนตี้ไวรัสนั่น เข้าไปในตัวผม?”
“เก่งนี่ แต่มันมีความเสี่ยงไม่น้อยเลย ฉันไม่รู้ว่าถ้าเชื้อซอมบี้ในตัวนายถูกทำลายจนหมดนายจะเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ทำไม?”
“ก็เพราะว่า...”ร่างสูงเล่าถึงเรื่องราวของดร.ภาคีให้ร่างโปร่งรับฟัง เป็นครั้งแรกที่ร่างโปร่งได้ยินเรื่องของพ่อของตัวเองเพราะตั้งแต่เขามาอยู่กับยาย ยายของเขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องของพ่อให้เขาฟังเลยแม้แต่นิด
“ฉันจะลองเสี่ยง”ร่างโปร่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เทย์ตันจึงไม่อยากจะขัดใจ ร่างสูงขอตัวเข้าไปนำอุปกรณ์สำหรับฉีดยาออกมา
“นายแน่ใจรึไง?”อาซึกิถามขึ้น ถึงเขาจะไม่ชอบขี้หน้าร่างโปร่งมากนักแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“ใครเป็นห่วงนายมิทราบ!!”ร่างบางสะบัดหน้าใส่
“จ้าๆ”ภาคินตอบอย่างเอ็นดู ถึงร่างบางจะซึนไปหน่อยแต่ก็น่ารักไม่ใช่น้อย
“ว่าแต่นายชื่ออะไร”ร่างบางถามออกมา หันหลังให้ร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังล้มตัวนอนลงบนโซฟาเตรียมตัวที่จะฉีดแอนตี้ไวรัส
“ภาคินหรือนายจะเรียกว่าภาคก็ได้ไม่ถือ”
“ฉันชื่ออาซึกิ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหน้านายแต่ก็ ยินดีที่รู้จักนะ!”พูดจบร่างบางก็เดินหนีไปสวนทางกับร่างสูงที่เดินมาพอดี
“หมอนั่นมากวนอะไรอีกล่ะ”ร่างสูงพูดพลางนำสำสีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดที่บริเวณข้อพับ
“ไม่หรอก ฉันสงสัยนิดหน่อย ทำไมนายถึงไม่ชอบอาซึกิล่ะ”ร่างสูงเหล่มอง มือหนาก็ดูดแอนตี้ไวรัสฉบับสมบูรณ์ใส่เข็ม
“เอาไว้ฉันจะตอบ”ร่างสูงใช้นิ้วดีดเบาๆที่ปลายเข็ม ก่อนจะกดปลายเข็มเข้าไปที่ข้อพับร่างโปร่ง
“อึก...”ร่างโปร่งรู้สึกว่าร่างกายร้อนไปหมด ร่างสูงฉีดน้ำสีใสจนหมดก่อนจะถอนเข็มออก ตาคมจับจ้องดูอาการของร่างโปร่ง
   ภาคินรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก เขาบิดตัวไปมา ขาเหยียดเกร็ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น กายบางสั่นเทิ้ม ร่างสูงทำได้เพียงกอบกุมมือบางเอาไว้ถ่ายเทกำลังใจไปให้
“แฮกๆ”ผ่านไปหลายชั่วโมงอาการทรมานของร่างโปร่งหายไปแล้ว ตอนนี้ร่างโปร่งเพียงแค่หายใจติดขัดเท่านั้น
“นายต้องสู้มัน”ร่างสูงเอ่ยให้กำลังใจอย่างแข็งขัน


“น้ำ ขอน้ำ”เสียงที่ดังแผ่วๆทำให้ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาไม่รู้ฟุบหลับไปตอนไหน
“ได้ๆ”ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว รินน้ำมาหนึ่งแก้ว
“อึกๆ”ร่างโปร่งรับไปดื่มก่อนจะส่งแก้วเปล่าไปให้
“เป็นไงบ้าง”
“รู้สึกมึนหัว”
“เดี๋ยวฉันจะมาเจาะเลือดนายเพื่อเอาไปตรวจนะ”
“อืม”

   ภาคินรู้สึกมึนหัวอย่างแรง คงเพราะเขาฉีดแอนตี้ไวรัสเข้าไปในร่างกายมากเกินไป หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร
“กินนี่หน่อย นี่มันเที่ยงแล้ว”คิมบอก มือบางส่งช้อนไปให้ ภาคินรับมาก่อนจะค่อยๆตักโจ๊กเข้าปาก
“อ่ะ นี่เทย์ย่าบอกว่าถ้ามีอาการก็กินยานี่ซะ”
“...”ถึงจะขำกับชื่อที่หญิงสาวเรียกเทย์ตัน มือเรียวรับห่อยามาดู
“ขอบคุณครับ แล้วนี่คุณอาซึกิไปไหน?”
“ไม่รู้สิ แล้วนายจะถามถึงทำไม ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่ชอบขี้หน้านายนะ”
“ไม่หรอกครับ ที่จริงแล้วเขาเป็นคนใจดี”คำตอบนั้นทำเอาหญิงสาวเหวอกับความมองโลกในแง่ดีของภาคิน
“ฉันไม่คุยกับนายละ พ่อพระ พรุ่งนี้พวกเราจะบุกฐานทัพของทรายด์เตรียมตัวดีๆละ”คิมลุกขึ้นยืน หล่อนอดที่จะเห็นใจร่างโปร่งไม่ได้ ดูก็รู้ว่าคนอย่างภาคินไม่เคยแม้แต่จะจับปืนมาก่อน แต่เรื่องแบบนี้มันช่วยไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาสามารถโค่นทรายด์ลงได้ เชื้อไวรัสที่ทรายด์ปล่อยออกมา ‘คงจะ’ หยุดแพร่กระจาย ไปชั่วหนึ่ง
“ครับ”ภาคินตอบรับ
ปัง!!
 ภาคินสะดุ้ง เกือบทำช้อนที่ถืออยู่หลุดมือ ใบหน้าหวานหันไปทางต้นเสียง ปรากฏร่างสูงของเทย์ตันเดินออกมาจากห้องใต้ดินมองเขาก่อนจะวิ่งมาหา
“สำเร็จแล้ว!! เชื้อในตัวนายถูกกำจัดไปจนหมดเรียบร้อยแล้ว”เทย์ตันตาเป็นประกาย
“จริงเหรอ”ภาคินดีใจอย่างห้ามไม่อยู่ มือบางวางช้อนลงในชาม ก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้ง
“ฉันทำแอนตี้ไวรัสมาเผื่อด้วย คิมไปเรียกอาซึกิให้หน่อยบอกว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”เทย์ตันผละจากภาคิน เดินตรงมาทางหญิงสาว
“เธอก็ต้องฉีดมันด้วยนะ”คิมพยักหน้ารับ หญิงสาวเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เคาะประตูห้องที่อาซึกิอยู่
“นี่นาย”
“มีอะไร!”เสียงหวานแหวลั่น มือบางวางโทรศัพท์มือถือลง อาซึกิตัดสินใจติดต่อไปหาทรายด์
“เทย์ตันมีเรื่องจะคุยกับนาย เร็ว!”คิมตะโกนบอก แต่ท่าทางเจ้าของห้องจะไม่ยอมมาเปิดประตูง่ายๆ
ตึง!!
 อาซึกิชะงักเมื่อประตูห้องลอยละลิ่วเข้ามาด้วยแรงมหาศาล หญิงสาวเดินเข้ามา ดวงตาสีสวยจ้องเขม็งไปยังร่างบางที่กุมโทรศัพท์มือถือแน่น
“โอ๊ะโอ!”คิมหัวเราะอย่างสนุกสนาน กายบางเดินเข้าไปหาอาซึกิจนรู้สึกถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายรอบๆตัวหญิงสาว
“นายกำลังคุยกับใครเอ่ย?”อาซึกิกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนจะตอบเสียงสั่น
“กะ...ก็พยายามติดต่อพี่ชาย”คิมยิ้มอีกครั้ง มือเรียวฉกโทรศัพท์มือถือของอาซึกิมาถือไว้ หน้าจอปรากฏว่าร่างบางยังไม่วางสาย
“ฮัลโหล”
(นั่นใคร นี่เบอร์อาซึกินี่)ปลายสายพูดออกมาอย่างสงสัย
“ที่ลอนดอนอากาศเป็นไงบ้าง...ทรายด์”หญิงสาวยิ้มออกมา อาซึกิเหงื่อตก หล่อนรู้งั้นเหรอ!?
(อ้อ! ฉันก็นึกว่าใครที่แท้ก็เธอเอง...คิม)ปลายสายเป็นทรายด์ไม่ผิดแน่ คิมคิ้วกระตุก หล่อนรู้สึกไม่ชอบไอ้หมอนี่เอามากๆ
“ดูเหมือนฉันจะจับสายของนายได้แล้วนะ”หญิงสาวพูดบอกก่อนจะหันหน้ามองอาซึกิที่หน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
(หึๆ คนที่แม้แต่ทำงานที่มอบหมายให้สำเร็จไม่ได้ก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่)ปลายสายเอ่ยอย่างเย็นชา
“ฉันจะทำอะไรกับหนุ่มน้อยคนนี้ก็ได้ใช่มั้ย?”
(หึ!)อีกฝ่ายตัดสายไปเสียอย่างนั้น หญิงสาวโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง มือเรียวยกขึ้นกอดอกอย่างใช้ความคิด
“ลงมากับฉันเดี๋ยวนี้เลย”คิมกระชากแขนอาซึกิรั้งให้อีกฝ่ายลุกขึ้น หญิงสาวเดินออกมาก็พบเทย์ตันยืนพิงฝาผนังด้วยท่าทีนิ่งๆ
“ได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย?”หญิงสาวเอ่ยถาม เทย์ตันพยักหน้า คิมจึงผลักอาซึกิไปให้เทย์ตัน
“งั้นนายอยากจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่นาย!”
.
.
.

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
05
  สถาบันวิจัยในเวลานี้กลับมีซอมบี้เดินกันขวักไขว่ ร่างในห้องทดลองกระตุกเกร็งอีกครั้ง มันส่งเสียงร้องครวญครางจนเหล่าซอมบี้ด้านนอกต่างพากันเดินมาอออยู่หน้าห้องเต็มไปหมด
“โฮกกก!”ผ้าที่คลุมหน้าถูกดึงออก ร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เกล็ดสีเงินทะลุผิวหนังออกมา ร่างหนาดิ้นทุรนทุรายส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดออกมา ดวงตาที่เคยเป็นสีดำบัดนี้กลายเป็นสีแดงสด เกล็ดสีน้ำเงินทะลุผ่านทุกที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าของร่าง เสียงบางอย่างย้ำเตือน ร่างหนาสะบัดหัวไปมาเสียงหวานๆที่ดังก้องนั่นเป็นของใครกัน
‘ฉันรักนาย’
“อ้ากกกก!”มือที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงินกุมใบหน้าที่โป่งนูนออกมาอย่างเจ็บปวด เหล็กหนางอกออกมาจากใบหน้า มีเหล็กมากมายงอกออกมาจนคลุมใบหน้าเหลือไว้เพียงดวงตาสีแดงสด
“ฮึ่ม!”สิ่งที่ตนต้องทำมีเพียงอย่างเดียวที่ถูกมอบหมาย
“ต้องฆ่ามนุษย์!”
.
.
.
“นายจะทำอย่างไร?”หญิงสาวถาม เทย์ตันเหลือบมองอาซึกิด้วยสายตานิ่งๆ ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ไม่รู้”
“ให้ฉันฆ่าเขารึเปล่า”คิมออกความเห็น เทย์ตันส่ายหน้า มือหนาหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดบริเวณข้อพับของหญิงสาว
“ทำไมไม่ฆ่าฉันซะล่ะ”อาซึกิถามออกมา เทย์ตันจ้องเขม็ง ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมา มือหนาหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุแอนตี้ไวรัสเข้าไป กดจะฉีดให้กับหญิงสาว
“กดไว้”เทย์ตันบอก คิมย่นหน้าเจ็บ มือบางกดสำลีตามที่เทย์ตันบอก
“ไม่จำเป็น!”อาซึกิสะบัดหน้าหนี ขยับตัวหนีเทย์ตัน ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง
“ตามใจเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องมาขอให้ช่วย”เทย์ตันเอ่ยอย่างไร้เยื้อใย มือหนาเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋า
“…”อาซึกิส่งสายตาตัดพ้อไปให้ เทย์ตันเมินหน้าไม่สนใจ
“เราต้องมาวางแผนกันก่อน”หญิงสาวเอ่ยออกมา คิมหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า มันคือแบบแปลนเมืองใต้ดินของทรายด์
“เธอมีมันได้ยังไง?”อาซึกิเอ่ยอย่างตกใจ คิมยิ้มกริ่ม
“ฉันจิ๊กมาน่ะ”
“เธอเป็นอะไรกับทรายด์กันแน่!”อาซึกิถามเสียงดัง หญิงสาวหน้าเครียดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะปั้นยิ้ม
“เป็นความลับ”เทย์ตันมองหญิงสาวแต่ไม่พูดอะไร  ใช่ว่าร่างสูงจะไม่สงสัยในตัวหญิงสาวคนนี้แต่ถ้าหล่อนไม่หันคมดาบใส่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดคุ้ยอดีตที่เจ้าตัวพยายามปกปิดไว้
“เอาล่ะ มาดูกัน”คิมกางแปลนไว้บนโต๊ะ
“มีทางเข้าทางเดียวคือ ตรงนี้”นิ้วเรียวของหญิงสาวชี้ไปที่ตึกของทรายด์
“เราต้องเข้าไปทางนี้ ลงไปชั้นใต้ดิน”คิมบอก หญิงสาวแบ่งหน้าที่ให้ทั้งสาม ภาคินจะเป็นจะรวบรวมเสบียง เทย์ตันจะเป็นคนเก็บแอนตี้ไวรัสเอาไว้ ส่วนหญิงสาวกับอาซึกิ(ที่ไม่เต็มใจ)จะอยู่หน้า
“แล้วเราจะไปยังไง?”เทย์ตันถามเพราะตึกของทรายด์อยู่ลอนดอน ถ้าจะขับรถไปเกรงว่าจะไม่ถึงจุดหมาย
“ฉันส่งสัญญาณไปให้พรรคพวกของฉันแล้ว อีกไม่กี่นาทีจะมี ฮ.มารับเรา”หญิงสาวว่าพลางก้มดูนาฬิกา
“เธอเป็นใครกันแน่ คิม”เทย์ตันถามออกมา คิมยิ้มก่อนจะตอบกลับมาเหมือนดั่งเคย
“ความลับ”
    ไม่กี่นาทีต่อมา ฮ.ที่ว่าก็มา หญิงสาวไต่บันไดลิงขึ้นไป ตามด้วยเทย์ตัน ภาคิน คนสุดท้ายคืออาซึกิ ฮ.บินไปไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงลอนดอน
“น่ากลัวแฮะ”เทย์ตันมองเหล่าซอมบี้ที่ออกันอยู่ที่บนตึกอย่างขนลุก
“จะกลับมั้ย? คุณนักวิจัย”หญิงสาวเอ่ยอย่างหยอกเย้า
  ฮ.ลงจอดบนดาดฟ้าของตึกทรายด์ คิมพูดคุยกับคนขับเล็กน้อยก่อนจะเดินมาสมทบกับทั้งสามคนที่ลงมาก่อนหน้า
“คุยอะไรกับคนขับ”
“อ๋อ ฉันบอกเขาว่า ถ้าเราไม่กลับมาให้บินขึ้นไปได้เลย”
“อ่ะนี่เผื่อได้ใช้”หญิงสาวยื่นบางอย่างให้กับภาคิน
“ขอบคุณครับ”ภาคินรับไว้แล้วใส่ไว้ในกระเป๋า
“ทุกคนพร้อมนะ”หญิงสาวเอ่ยถาม ทั้งสามพยักหน้ารับ
“งั้นไปกันเลย!”
.
.
.
“ท่านคะ มีผู้บุกรุกที่โซนเอค่ะ”ทรายด์ยิ้มกริ่ม
“พวกมันมากันแล้วสินะ งั้นส่งพวก ‘หนูทดลอง’ ออกไป”
“รับทราบ”
“หึๆ แล้วคุณจะได้รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร คิม”

 เลขาสาวสั่งการบุรุษชุดขาวทั้งที
“ปล่อยงานทดลองที่ 100 ไปที่โซนบี”บุรุษชุดขาวเอ่ยอย่างแข็งขันก่อนจะออกไปทำหน้าที่

‘เงียบมาก’
  หญิงสาวคิดในใจ มือบางกระชับด้ามปืนในมือแน่น ในตึกที่เต็มไปด้วยซอมบี้แบบนี้มันออกจะเงียบเกินไปหน่อย
   เทย์ตันรับรู้ถึงความสงสัยของหญิงสาว เขาเองก็สงสัยไม่แพ้กัน พวกเขาค่อยๆลงจากบันไดโซนบีเพื่อไปยังโซนเอ
กึก!
คิมชะงัก มือบางส่งสัญญาณให้อีกสามคนหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน หญิงสาวฟังจนแน่ใจว่าเสียงหายไปแล้วจึงส่งสัญญาณให้เดินต่อ
จ๋อม! จ๋อม!
เสียงหยดน้ำประหลาดดังขึ้นด้านหลังของภาคิน ทั้งสี่หันมองก่อนจะชะงักค้าง
‘นี่มันตัวบ้าอะไร’ภาคินกู่ร้องในใจ
      ตัวมันใหญ่ ใหญ่มากๆเลยล่ะ เกล็ดสีน้ำเงินตามลำตัวกับของเหลวบางอย่างที่ไหลออกมา ใบหน้าของมันถูกปกคลุมด้วยโลหะหน้าเหลือไว้เพียงแต่ดวงตาสีแดงที่จ้องเขม็ง ภาคินค่อยๆขยับกายถอยห่างอย่างใจเย็น หญิงสาวดึงดาบออกจากปลอกดาบตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะสู้ไอ้ตัวยักษ์นั่นได้หรือไม่ก็ตาม
“วิ่ง!”หญิงสาวตะโกนเสียงดัง คิมตวัดดาบใส่ชายร่างยักษ์อย่างแรง ถึงมันจะดูไม่ใช่มนุษย์ก็เถอะ
“โฮกกกก”มันขู่คำราม ก่อนจะเหวี่ยงหมัดใส่จนหญิงสาวร่วงไปนอนกับพื้น
‘ขนาดมันแตกต่างกันเกินไป’
 หญิงสาวคิด คิมควรที่จะหนีไปตั้งหลักก่อนแต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ หญิงสาวลุกขึ้นประจันหน้า ริมฝีปากสีสดถุยน้ำลายผสมเลือดลงพื้น มือที่ยังกุมดาบไว้แน่นตวัดใส่ชายร่างยักษ์อีกครั้ง
ตุบ!
“อัก!”คิมปาดเลือดออกจากมุมปาก หล่อนเฉือนไปลึกทีเดียว และก็เป็นอย่างที่คิดแผลสมานกันอย่างรวดเร็ว
 จะทำอย่างไรดีเนี้ย!?
.
.
.
“แฮกๆ”ภาคินหอบหายใจ เขาวิ่งมาไกลพอสมควร ภาคินหันซ้ายขวาก็ไม่พบเทย์ตันหรืออาซึกิ ดูเหมือนว่าเขาจะวิ่งหลงมาคนเดียวซะแล้วสิ
“ตรงนี้มันส่วนไหน”ภาคินนึกถึงแบบแปลนที่คิมให้เขาดู ตรงที่เขาวิ่งมาอยู่บริเวณโซนเอแล้ว ภาคินเดินไปตามทางเรื่อยๆมือบางกระชับด้ามปืนในมือแน่น ไฟตามทางกระพริบจนภาคินสงสัยว่าอีกไม่นานมันคงจะดับเป็นแน่ มือบางจึงล้วงหยิบไฟฉายที่เขาเอามาด้วยมาถือเตรียมไว้
“โฮกกก”เสียงบางอย่างดังขึ้น ภาคินหันไปมองด้านหลังของตนก็ต้องผงะ เมื่อเห็นชายร่างยักษ์ที่มีโลหะปิดบังใบหน้าแถมมีเมือกสีเขียวห่อหุ้มร่างกาย
“ให้ตายสิ”ภาคินเอ่ยอย่างสิ้นหวัง ขาเรียวตั้งท่าจะวิ่งอีกครั้ง แต่ต้องชะงัก
“ต้องฆ่ามนุษย์”
“…”
“ต้องฆ่ามนุษย์”เสียงทุ้มที่คุ้นเคย ภาคินชะงักน้ำตาเอ่อคลอ เขาจำเสียงนี้ได้ไม่มีวันลืม
“เจโล”
.
.
.
“พะ พอก่อน!”อาซึกิพูด ร่างบางๆของเขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ
“ภาคินอยู่ไหน”เทย์ตันไม่ได้สนใจอาซึกิ เขาหันซ้ายขวาก็ไม่พบ สงสัยว่าอีกฝ่ายคงวิ่งหนีไปคนละทางกับพวกเขาเป็นแน่
“ทำไมนายต้องเย็นชากับฉันขนาดนี้”อาซึกิถามเสียงสั่น เทย์ตันมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ
“ถามตัวเองสิ”

  ภาคินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะวิ่งหนีอีกฝ่ายหรือไม่ ความรู้สึกนี้ เสียงนี้เป็นของเจโลแน่นอน
“นี่ฉันเอง ภาคินไง”ภาคินขยับเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามอีกครั้ง ร่างยักษ์เดินเข้ามา ก่อนจะจู่โจมภาคินโดยไม่ทันตั้งตัว
ปัง!! ปัง!
  ภาคินหลบได้ทัน ก่อนจะสาดกระสุนใส่อีกฝ่าย ถึงจะเป็นเจโล ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีสติเหลืออยู่เลยเขาคงจะต้องใช้กำลัง
  บาดแผล รอยกระสุน ผสานกันอย่างรวดเร็ว ภาคินมองอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะโดนจับขว้างไปชนกับฝาผนังอย่างจัง
“อึก!”ภาคินพยายามลุกขึ้น เขาสะบัดหัวไล่ความมึนงง แต่อีกฝ่ายนั้นเร็วกว่าจับเขาทุ่มลงกับพื้น ในขณะที่กำลังถูกอีกฝ่ายจับฉีกเป็นชิ้น ภาคินคิดว่าอาจจะดีก็ได้
“ฉันรักนาย”ภาคินเอ่ยก่อนจะหลับตาลง ยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
  ชายร่างยักษ์หยุดชะงักมือที่กำลังจะฉีกร่างข้างใต้ให้แหลกเป็นเสี่ยงๆเสียงในจิตใต้สำนึกดังขึ้นราวกับตอกย้ำเตือน
‘ฉันรักนาย’
“อ๊ากกกก”ภาคินลืมตาขึ้นมอง อีกฝ่ายทันที มือหนากุมศีรษะที่มีเกราะบดบัง ท่าทางทรมาน
“หยุด”เสียงครางต่ำ ภาคินพอจับใจความได้
“อึก!”ชายร่างยักษ์กระชากคอของภาคิน ก่อนจะชูขึ้นสูงจนภาคินลอยตัวขึ้น ร่างโปร่งหายใจติดขัดเหมือนว่าจะแหลกคามือชายร่างยักษ์ให้ได้
“หยุดซักที!”เสียงบอกรักยังคงก้องในหัว จนชายร่างยักษ์เหวี่ยงภาคินไปชนผนังอีกครั้ง
“อึก...”ภาคินพ่นเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง เขาไม่มีแรงจะลุกขึ้นอีกแล้ว ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มก่อนที่ดวงตาจะปิดลง
“ฉันรักนาย”
“อ้ากกกกก”

    คิมคิดว่าไอ้ตัวที่กำลังสู้ด้วยอยู่นี่ หล่อนคงไม่มีทางชนะแน่ๆ หญิงสาวครุ่นคิดแต่ร่างกายก็ขยับต่อสู้ไม่หยุด หล่อนลองเฉือนซ้ำๆแต่แผลมันก็สมานอย่างรวดเร็วอยู่ดี
‘ถ้าตัดล่ะ?’หญิงสาวไม่มีเวลาลังเลแล้ว ในจังหวะที่ชายร่างยักษ์พลาดพลั้ง คิมตวัดดาบบั่นแขนของมันอกจนขาดเป็นสองท่อน ชายร่างยักษ์ใช้จังหวะที่คิมชะล่าใจ ใช้แขนอีกข้างซัดหญิงสาวจนตัวปลิว
“อัก!”หญิงสาวถึงกับงอตัวด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ดีที่ทำให้หล่อนรู้ว่า
‘แขนมันไม่สามารถงอกใหม่ได้’หญิงสาวยิ้มร้ายออกมา
.
.
.
   เทย์ตันหน้าเครียดทันที โซนที่เขาวิ่งมานี่เป็นโซนเอแน่นอน เขาเชื่อว่าภาคินคงจะอยู่ในโซนเอนี่เหมือนกัน
“นี่!”เสียงใสตะโกนเรียกไม่หยุด อาซึกิมองตามหลังเทย์ตันที่เดินนำออกไปไม่รอเขา
“…”เทย์ตันไม่ได้สนใจเสียงนั้น ใช่ว่าเขาจะเกลียดอาซึกิอย่างที่พยายามแสดงออกทุกครั้ง เขาเพียงแค่กลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจที่ตอกย้ำว่าเขายังคงรักร่างบางคนนี้
“นี่ เทย์ตัน รอฉันก่อนสิ!”อาซึกิพยายามเรียกอีกครั้ง เทย์ตันยอมชะลอฝีเท้ารอ เขาไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะ
“เราจะไปทางไหนกันต่อ”อาซึกิถามออกมา
“ตรงไป”เทย์ตันตอบ ก่อนจะเดินนำไปอย่างเคยชิน อาซึกิถอนหายใจ เทย์ตันคงเกลียดเขามาก อาซึกิเดินห่างจากเทย์ตันพอสมควร ถ้าร่างสูงไม่อยากจะอยู่ใกล้เขา เขาก็จะไม่เข้าไป
ฟุบ!
“เทย์ตัน ระวัง!!”เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก มีอะไรบางอย่างกระโจมใส่ร่างสูง อาซึกิผลักเทย์ตันออกทำให้โดนบางอย่างนั้นกระโจมใส่เต็มๆ เทย์ตันที่ล้มลงเพราะถูกร่างบางผลักมึนงง อาซึกิใช้มีดพกปาดคอเจ้าสิ่งนั้นจนมันแน่นิ่งไป
“ซอมบี้พันธุ์ไหนกันเนี้ย!?”อาซึกินิ่วหน้ามองบาดแผลที่เจ้าตัวนั้นฝากไว้บนต้นแขนขวา มือบางผลักเจ้าสิ่งนั้นให้ห่างจากตัวไม่ได้สนใจแผลนั่นเสียเท่าไหร่นัก
   เจ้าสิ่งนั้นมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์แต่พออาซึกิฆ่ามัน ร่างกายก็กลายสภาพเป็นของ ‘วุ้น’ และมันเหนียวหนืดจนน่าขนลุก
“เป็นไงบ้าง”เทย์ตันถามออกมา มือหนาวางเป้ที่สะพาน เปิดมันแล้วหยิบผ้าพันแผลออกมา อาซึกิมองมือที่กำลังพันแผลให้เขาก่อนจะยิ้มอ่อน
“ไม่ต้องหรอก แผลแค่นี้เอง”เทย์ตันส่งสายตาดุๆไปให้ ร่างสูงหยิบเข็มฉีดยาที่เต็มไปด้วยแอนตี้ไวรัสออกมา
“ฉันไม่เป็นไรน่า เพราะงั้นไม่ต้องฉีดหรอก”
“เงียบปาก”
.
.
.
   ความรู้สึกเหนียวๆที่ล้อมรอบตัวของภาคินทำให้ต้องฝืนลืมตามอง มือบางขยับจับเข้ากับบางอย่างเหนียวหนืด ภาคินลุกขึ้นนั่งช้าๆก้มลงมองเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือ
“ว๊ากกกก!”ภาคินร้องตะโกนสุดเสียง เจ้าสิ่งที่อยู่ในมือเขาเหมือนเป็นฝันร้าย ไอก้อนนั้นขยับเบาๆภาคินขนลุกทั่วร่าง เขาสะบัดมือไปมาจนมันร่วงหล่นลงพื้น
“ฮึ่ม!”ภาคินชะงัก นี่มันอะไรกันอีก ตื่นมาเจอไอ้ก้อนนั้นยังไม่พออีกเหรอ? ภาคินหันไปมองต้นเสียงก็ต้องผงะ เขาจำได้ว่าเขาสลบไปหลังจากถูกเหวี่ยงชนผนัง ใบหน้ามนจ้องหน้าชายร่างยักษ์อย่างเกรงๆ ความรู้สึกนี้ชายคนนี้เป็นเจโลไม่ผิดแน่ ภาคินขยับกายถอนหนีเมื่อชายร่างยักษ์เข้ามาใกล้
“โฮกกก!”มันส่งเสียงคำรามในลำคอ ยื่นใบหน้าที่มีโลหะครอบอยู่ไปใกล้ ภาคินกลืนน้ำลายหลับตาแน่น เขาจะถูกกินมั้ยนะ?
“เอ๋?”ชายร่างยักษ์ทำเพียงแค่ใช้จมูกโด่งที่แข็งเพราะมีโลหะห่อหุ้มแตะที่ปลายจมูกเขา ภาคินหรี่ตามอง ดวงตาทั้งสองประสานกัน มือบางสั่นระริกยกขึ้นแตะใบหน้าที่ห่อหุ้มด้วยโลหะนั้นอย่างทะนุถนอม มันส่งเสียงออกมาแต่ก็ไม่ได้หันหน้าหนี ภาคินรู้สึกว่าชายร่างยักษ์จะไม่ทำร้ายเขา
“เจโล”ถึงแม้อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้แต่ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มออกมา
“ดีใจที่นายยังไม่ตาย”ถึงแม้จะกลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว ก็ไม่ทำให้ภาคินรู้สึกรังเกียจหรืออย่างไร มือบางลูบเกล็ดสีน้ำเงินลื่นมือนั่นไปมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งพิงอกชายร่างยักษ์เอาไว้ ยกแขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงินมากอดไว้อย่างหวงแหน
“ขออยู่แบบนี้ซักพักนะ เจโล”
“โฮกก”เสียงครางนั้นเป็นคำตอบอย่างดีทีเดียว

“ให้ตายสิว่ะ!”หญิงสาวสถบออกมา ถึงจะรู้ว่าจุดอ่อนของมันอยู่ตรงไหนแต่มันก็เล่นงานยากอยู่ดี เพราะการที่จะฟันหัวของมันให้ขาดเป็นสองเสี่ยงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่ายๆ
“โฮกกกก”มันส่งเสียงคำรามอย่างท้าทาย หญิงสาวยิ้มร้าย
“มาจบเรื่องนี้กันดีกว่า!”คิมกระโจมเข้าใส่ ตวัดดาบใส่เป็นครั้งสุดท้าย ชายร่างยักษ์ก็เช่นกัน หญิงสาวถลาไปอีกทางมือบางเก็บดาบญี่ปุ่นลงในปลอกเกิดเสียงดังกริ๊ก!
ซู่!
ศีรษะของชายร่างยักษ์ค่อยๆร่วงลงสู่พื้น หญิงสาวยิ้มร้ายก่อนจะกุมท้องของตน
“เจ็บชะมัดเลย”คิมเปิดเสื้อเพื่อดูตรงหน้าท้องของตน ปรากฏเป็นรอยสีม่วง
.
.
.
   อาซึกิเมินหน้าหนีหลอดฉีดยาที่กำลังถูกกดแนบลงไปบนต้นแขนของตนอย่างกลัวๆ เทย์ตันส่ายหน้าอ่อนใจ ของที่ควรจะกลัวกลับไม่กลัวแต่ของที่ไม่ควรจะกลัวกลับกลัวซะงั้น
“ขอบใจ”เทย์ตันพูดบอก มือหนาเก็บทุกอย่างลงในกระเป๋า อาซึกิพยักหน้า
“ไหวแน่เหรอ? หน้าซีดๆ”ใบหน้านวลซีดลงจนเทย์ตันหวั่นใจ มือหนาสะพานเป้ไว้ด้านหน้า ก่อนจะคุกเข่าลง
“ทะ ทำอะไร?”อาซึกิเอ่ยอย่างสงสัย
“ขึ้นมา”
“มะ ไม่เป็นไร ลำบากเปล่าๆ”เทย์ตันส่งสายตาดุๆไปให้อีกฝ่ายอีกครั้ง
“อย่าให้พูดซ้ำอาซึกิ ยูอิจิ”ชื่อจริงที่ถูกเอ่ยขึ้นมาแสดงถึงระดับอารมณ์ของร่างสูงว่าตอนนี้กำลังจะระเบิด อาซึกิจึงยอมขี่หลังร่างสูงอย่างจำใจ
“ขอบคุณนะ”อาซึกิเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้ามนซบลงที่ไหล่หนา เทย์ตันไม่ตอบอะไร จนในที่สุดเขาก็มาถึงทางเข้าเมืองใต้ดิน

  ภาคินถอนหายใจ เขาจะอยู่แบบนี้ไปตลอดไม่ได้ ร่างโปร่งเพิ่งจะรู้ว่าไอ้ก้อนที่เขาเจอตอนแรกนั้นมันเป็นก้อนเดียวกับที่เขาเจอไม่กี่วินาทีที่แล้ว ภาคินลุกขึ้นยืน มือบางส่งให้ชายร่างยักษ์จับ
“ไปกันเถอะ เจโล”ชายร่างยักษ์จับมือบางยันตัวลุกขึ้นมา ก่อนจะส่งเสียงครางเครือในลำคอ
“แฮกๆ”เดินมาได้ซักพัก ภาคินก็ต้องหยุดเดิน ด้วยเพราะเขาถูกซัดใส่ผนังอย่างแรงไปตั้งหลายหนด้านในเขาคงจะช้ำแน่ๆ ชายร่างยักษ์หยุดเดิน หันกลับมามองภาคินด้วยสายตาที่ร่างโปร่งรู้ทันทีว่าเป็นห่วงเป็นใยเขา
“ไม่เป็นไรๆ”ภาคินบอกก่อนจะเดินต่อ มือบางกอบกุมมือหนาที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงินไว้แน่นๆถึงแม้จะไม่ใช่ร่างหนาคนเดิมแต่เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหายไปอีกแล้ว
ผลัก!
  ภาคินรู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาชน แต่โชคดีที่เขากุมมือชายร่างยักษ์ไว้แน่นทำให้ไม่ล้มไปกับพื้น

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
06
“เฮ้ย!!”อีกฝ่ายลุกขึ้นก่อนจะถอยห่างอย่างรวดเร็ว
“ภาคินถอยห่างจากเจ้านั่นเร็ว!”คนที่เขาชนไม่ใช่ใครอื่น หญิงสาวนามว่าคิมนั่นเอง
“ไม่เป็นไรครับ นี่เจโลเอง”ภาคินเอ่ย มือบางลูบแขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงินนั้นเบาๆ บอกชายร่างยักษ์ด้วยสายตาว่า ‘ไม่เป็นไร’
“โฮกกก”ชายร่างยักษ์ครางในลำคอตอบรับ
“เดี๋ยวนะ ภาคินหมอนั่นไม่ใช่เจโลหรอกนะ”หญิงสาวเอ่ย เพราะในสายตาหล่อน ชายร่างยักษ์นั่นคืออสูรกายที่พร้อมจะทำลายทุกๆอย่าง แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนเรื่องนี้
“ไปเร็ว เดินไปอีกนิดก็จะถึงประตูทางเข้าเมืองใต้ดินแล้ว”หญิงสาวปัดเรื่องอสูรกายออกไป เดินนำหน้าภาคินไปอย่างรีบเร่ง ภาคินเดินตามไปพร้อมกับชายร่างยักษ์

“ทำไมนายถึงเกลียดฉันนัก”อาซึกิถาม ตอนนี้พวกเขาทั้งสองนั่งรอหญิงสาวอยู่ที่ประตูทางเข้า
“...”
“เพราะเรื่องที่ฉันทิ้งนายไปงั้นเหรอ?”อาซึกิพูดออกมา เทย์ตันหันมามองด้วยสายตาเจ็บปวดถึงที่สุด
“นายทำเหมือนฉันเป็นไอ้โง่อาซึกิที่เอาแต่รักนายอยู่ฝ่ายเดียว”เทย์ตันเอ่ยอย่างเจ็บปวด ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองเป็นสิ่งที่เทย์ตันไม่อยากจะพูดถึงมันอีกแล้ว เพราะเขามันโง่เอง โง่ที่คิดว่าอาซึกิจะรักเขาบ้างแต่เปล่าเลยอาซึกิทำเพียงหลอกใช้เขาเท่านั้น ที่เขายอมวิจัยแอนตี้ไวรัสให้ทรายด์ก็เพราะอาซึกิขอทั้งนั้น
“นายไม่ได้โง่ ฉันต่างหากที่โง่”อาซึกิพูดบอก มือบางประคองใบหน้าของเทย์ตันขึ้นมาสบตา
“ถ้าเรารอดไปได้ฉันจะสารภาพทุกอย่าง บอกสาเหตุทุกอย่างที่ฉันจำเป็นต้องทิ้งนาย”สิ่งที่เทย์ตันตกตะลึงคือ น้ำตา
อาซึกิกำลังร้องไห้เพราะเขา
 มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกโดยไม่พูดอะไร นัยน์ตาของเทย์ตันว่างเปล่าจนน่าใจหาย อาซึกิปาดน้ำตาทิ้ง
ตึก!
  เสียงฝีเท้าดังขึ้น เทย์ตันผละออกจากอาซึกิก่อนจะลุกขึ้นยืน พอเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาก็โล่งใจ แต่เมื่อเห็นเงาสูงใหญ่ของชายร่างยักษ์ที่มากับภาคินก็ต้องผงะร้องออกมาอย่างตะหนก
“นี่มันอะไร”เทย์ตันกระซิบถามหญิงสาว คิมตอบออกไป
“นั่นคือเจโล”
“หา!?”เทย์ตันอ้าปากหวอทันที ก่อนจะเพ่งสายตามองชายร่างยักษ์ จะว่าไปความรู้สึกมันก็เป็นไอ้หมอนั่นจริงๆนั่นแหละ
“เราต้องรีบแล้ว”หญิงสาวบอกปัด มือบางผลักประตูทางเข้าให้เปิดออก มือบางหยิบปืนที่เหน็บอยู่ที่ข้างเอวมาใช้แทนดาบคู่ใจเพราะใช้ง่ายและเร็วกว่า หญิงสาวเดินนำหน้าเช่นเคย คิมเดินไปตามทางเดินอย่างระมัดระวัง
ติ๊ง!
 เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น คิมชะงัก ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมๆกับเหล่าซอมบี้ชุดขาวที่กรูกันออกมา
“ไม่ยอมให้เข้าอย่างราบรื่นเลยสินะ!”หญิงสาวตะโกนอย่างเหลืออด คิมยิงหัวซอมบี้เหล่านั้นอย่างไม่ลังเล อาซึกิที่ยังหน้าซีดอยู่ก็ระดมยิงช่วยหญิงสาวด้วยเช่นกัน
“โฮกกก”ชายร่างยักษ์สะบัดตัวเองออกจากเหล่าซอมบี้ที่รุมเข้ามาหาตนเอง ชายร่างยักษ์ปลายตามองภาคินที่ยืนยิงซอมบี้อยู่เคียงข้าง ถึงเขาจะจำไม่ได้ว่าคนๆนี้เป็นใครแต่จิตใต้สำนึกเขากำลังบอกว่า ‘คนๆนี้เป็นคนสำคัญของเขา’
“เยอะเกินไปแล้วเว้ย!”เทย์ตันสถบออกมา เขาดึงแม็กกาซีนออกก่อนจะเสียบเข้าไปใหม่ ก่อนจะรับรู้ถึงอาซึกิที่เอาหลังมาชน
“ชิ!”อาซึกิสถบออกมา มือบางควานหาบางอย่างในกระเป๋า เมื่อพบก็ยิ้มกริ่ม ปากบางกัดสลักออกแล้วโยนไปที่หน้าประตูลิฟต์ที่มีซอมบี้อยู่เยอะที่สุด ก่อนจะตะโกนเสียงลั่น
“หมอบ!”เสียงใสพูดจบทุกคนหมอบลงทันที ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังกระหึ่ม!
“ไป!”หญิงสาวพูด ที่อาซึกิขว้างไปคือระเบิดแสงที่ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ทั้งหมดมาถึงลิฟต์อย่างปลอดภัย คิมกดลิฟต์ดิ่งลงไปทันที
“ยังไงก็ไม่ไว้ใจ”เทย์ตันเหล่มองชายร่างยักษ์อย่างพินิจพิเคราะห์ ถึงภาคินจะบอกว่าเป็นเจโล แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะจำร่างโปร่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เอาน่าๆ”หญิงสาวพูด มือบางดึงดาบออกจากฝักเตรียมพร้อมเมื่อลิฟต์มาถึงจุดหมาย
“พร้อมนะ!”คิมพูด ทั้งสามพยักหน้า ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก...


“พวกมันมาถึง ชั้นใต้ดินแล้วค่ะ”เลขาสาวพูดบอก ทรายด์ยังคงปั้นหน้ายิ้มแต่เลขาสาวรู้ว่าในใจของเจ้านายของตนร้อนรนอยู่ไม่น้อย
“แล้ว ‘หนูทดลอง’ ที่ส่งไปล่ะ”
“ถูกคุณคิมฆ่าทิ้งหนึ่งตัวแล้วก็แปรพักตร์หนึ่งตัวค่ะ”เลขาสาวเอ่ยออกมาอีก ทรายด์เลิกคิ้วสงสัย
“เธอทำให้ฉันประหลาดใจอีกแล้วนะเด็กน้อย”
“…”
“เพิ่มกำลังยาม”
“รับทราบค่ะ”
‘เก่งไม่เบานี่ คุณผู้หญิงถ้าคุณมาถึงนี่ได้ผมคงต้องใช้สิ่งนั้นแล้วสินะ’

    สิ่งที่ภาคินเกลียดที่หนึ่งคือไอ้ก้อนเหนียวหนืดที่เขาประสบมันถึงสองครั้ง และครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สาม!
“นี่มันตัวอะไรว่ะ!”เทย์ตันเอ่ยออกมา สีหน้าบ่งบอกว่าขยะแขยงอย่างชัดเจน
   ห้องที่อยู่ตรงหน้าเป็นห้องทำงานที่แสนจะธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมีก้อนเหนียวหนืดขยับไปมาเต็มไปหมด! หญิงสาวเอาเท้าเขี่ยก้อนที่อยู่ตรงหน้า จนเจ้า ‘ก้อน’ นั่นค่อยๆหันมามอง
    ดวงตาสีแดงเบิกกว้างจนแทบถลนออกมา ริมฝีปากที่ประกอบด้วยเขี้ยวยาวแยกเขี้ยวใส่ก่อนมันจะส่งเสียงร้องแสบแก้วหู! นำพาให้เจ้าก้อนอื่นๆหันมาแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างพร้อมเพรียง!
“เชี่ย!”เทย์ตันมองมันแล้วขนลุกซู่ บรรยากาศชวนสยองทำให้ทั้งสี่ไม่มีใครพูดออกมา
ปัง! ปัง!
  อาซึกิตัดสินใจยิงไปที่ดวงตานั่นสองนัด มันผงะไปก่อนที่จะกลับเป็นเหมือนเดิม หญิงสาวคิดอย่างหนักใจยิงไม่ตายแบบนี้ คงฟันไม่ขาดแน่
“เราต้องใช้แผนบีแล้วล่ะ”คิมพูดออกมา ก่อนจะเตรียมตัวออกวิ่ง เทย์ตันหันมาถามอย่างงุนงง
“อะไรคือแผนบี?”
“วิ่ง!!!!”หญิงสาวตะโกนก่อนที่จะวิ่งนำไปก่อนใคร คิมกระโดดข้ามก้อนนั่นไปอย่างฉิวเฉียด ดูเหมือนก้อนนั่นจะเร็วขึ้นตอนนี้มันกำลังเคลื่อนที่ หญิงสาวไปถึงประตูมือบางหมุนลูกบิดปรากฏว่ามันล็อค!
“ให้ตายสิว่ะ!”หญิงสาวสถบก่อนจะถอดรองเท้าปาใส่เจ้าก้อนนั่นอย่างหงุดหงิด เหล่าก้อนเหนียวหนืดแตกกระจายไปคนละทิศคนละทางดูท่าทางจะไม่ชอบรองเท้าของหญิงสาวเสียเท่าไหร่
“พวกนายถอดรองเท้าขว้างมัน”หญิงสาวบอกออกไป เทย์ตันถอดรองเท้าปาใส่ก้อนนั้นทันที ปรากฏว่ามันได้ผล เจ้าก้อนนั้นแตกกระจัดกระจายไปคนละทาง เมื่อเห็นว่ามันได้ผล อาซึกิและภาคินจึงทำตามบ้าง จนทั้งหมดมาที่ประตูได้อย่างง่ายดาย
“เจโล พังประตูให้หน่อยได้มั้ย?”ภาคินพูดขอ ชายร่างยักษ์ส่งเสียงตอบรับในลำคอ ก่อนจะยกขาถีบประตู
ปึง! ประตูที่น่าสงสารถูกถีบลอยอย่างง่ายดาย
“หึ”เทย์ตันยิ้ม สุดท้ายก็มีประโยชน์สิน่า
กริ๊ก!!
  กระบอกปืนนับสิบจ่อไปที่ทั้งสี่ หญิงสาวยกมือขึ้นอย่างสุดเซ็งปล่อยปืนร่วงลงพื้นอย่างจำนน คนอื่นๆก็ทำเช่นกัน
พรึ่บ!
 เชือกเส้นหนารัดรึงที่ข้อมือของหญิงสาว คิมแสดงอาการตื่นตกใจ แต่ในใจนี่กำลังแสยะยิ้มร้ายกาจ ใครจะให้จับตัวได้ง่ายๆถ้าไม่มีแผนล่ะ!

‘จะมียามเฝ้าตรงประตูตรงนี้ เราจะยอมให้จับตัวเพื่อที่จะได้เข้าไป ฉันรู้จักทรายด์ดีหมอนั่นจะต้องอยากที่จะข่มเราแน่นอน’

เป็นไปตามที่คิมคาดการแต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว คนที่ทรายด์อยากพบมีเพียงแค่คนเดียวนั่นคือหญิงสาว ส่วนคนอื่นๆพวกมันนำไปขังไว้ที่ไหนซักแห่ง
“ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งนะ คุณผู้หญิง”ทรายด์เอ่ยก่อนจะยกยิ้มร้าย คิมยิ้มตอบ
“ฉันไม่อยากจะเห็นหน้านายซักนิด ไอ้โรคจิต”หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาทำราวเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้ถูกมัดอยู่และเป็นแขกของที่นี่
“ปากคอเราะร้ายเหมือนเดิมเลยนะ”ทรายด์หัวเราะ แต่ดวงตาแข็งกระด้าง
“มีธุระอะไรกับฉันกันแน่”หญิงสาวถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที ทรายด์โบกมือไล่บุรุษชุดขาวกับเลขาสาวให้ออกจากห้อง สิ้นเสียงประตูร่างสูงของทรายด์ก็ขยับเข้าไปคร่อมร่างหญิงสาว
“ตอบฉันมาทรายด์”คิมไม่สะทกสะท้านอะไรกับท่าทีคุกคามของทรายด์
“เธอมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามหรือไง”มือหนาบีบแก้มหญิงสาวอย่างแรง คิมร้องเฮอะในลำคอ บีบแก้มแค่นี้จะไปเจ็บอะไรตอนสู้กับตัวประหลาดพวกนั้นเจ็บกว่าเยอะแยะ
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”ทรายด์พูดออกมา สายตาของหญิงสาวที่แสดงออกว่าเกลียดขี้หน้าเขาทำให้เขาเจ็บร้าวไปหมด
“มันเป็นสิทธิ์ของฉันที่จะมองแบบนี้กับนาย”หญิงสาวตอบกลับ มือเรียวหมุนข้อมือไปมาหวังให้เชือกที่แขนคลายบ้างแต่ดูเหมือนพวกมันจะมัดหญิงสาวแน่นเกินไป คิมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ มือบางค่อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เมื่อสัมผัสได้ถึงโลหะ คิมก็หยิบมันขึ้นมา มันคือมีดพก

 
“เราจะเอาไงกันต่อ?”เทย์ตันถามขึ้น พวกเขาถูกจับแยกกับหญิงสาวพวกมันเอาทั้งสามมาขังไว้ในห้องขังเก่าๆ
“ไม่รู้”อาซึกิตอบ กายบางทรุดตัวลงนั่งพื้นเย็นเฉียบ ก่อนที่เทย์ตันและภาคินจะนั่งลงตามไปด้วย
“พวกนายมาใหม่เหรอ?”เสียงบางอย่างดังขึ้นหลังของเทย์ตัน ร่างสูงผงะตกใจ เขาหันไปมองก่อนจะโล่งใจ
“คุณเป็นใครครับ”ภาคินถามขึ้น ถึงเขาจะกังวลเรื่องของเจโลแต่ตอนนี้การตั้งสติคือสิ่งที่ดีที่สุด
“ฉันเป็นนักวิจัยขีปนาวุธ”
“นี่สรุปว่ามันมีขีปนาวุธจริงๆสินะ”เทย์ตันพรูลมหายใจออกมา มีเค้าลางความวุ่นวายลอยมาอีกแล้ว
.
.
.
   ร่างสูงใหญ่ถูกพาไปยังห้องทดลอง ก่อนที่เขาจะถูกพามาพวกคนชุดขาวฉีดบางอย่างทำให้ร่างกายเขาขยับไม่ได้ดั่งใจ
“มันหลุดจากการควบคุม”บุรุษชุดขาวอีกคนพูด
“ฉีดเจ้านั่นเข้าไป”พูดจบเข็มฉีดยาก็เสียบทะลุเข้ามา เขาไม่รู้สึกเจ็บหรอก เมื่อของเหลวนั่นเข้ามาในร่างกายของเขาหมดแล้วแล้ว เขารู้สึกสมองมันว่างเปล่า สิ่งที่รู้สึกเพียงอย่างเดียวที่เหลือคือ ต้องฆ่า!


“ขีปนาวุธนั่นใช้ทำอะไร”อาซึกิถามอย่างสงสัย
“มันมีเพื่อใช้ยามฉุกเฉินน่ะ”ชายชราพูดบอก
“...”
“มันมีใช้ตอนที่เชื้อซอมบี้ระบาดทั่วโลก”เทย์ตันเลิกคิ้ว ทำไมเขาไม่รู้ถึงเรื่องขีปนาวุธมาก่อน
“ตอนนี้ก็ระบาดแล้วนะ”ภาคินตอบ
“งั้นพวกเธอต้องไป”
“รู้ พวกเรามีแผนหนีอยู่แล้ว แต่พวกเราไม่รู้ว่าขีปนาวุธอยู่ที่ไหนเพราะไม่มีในแปลน”เทย์ตันตอบ เพราะในแบบแปลนนั้นไม่มีห้องที่เก็บขีปนาวุธนั้นอยู่เลย
“มันอยู่ที่ตึกเอ แต่ตอนนี้ตึกนั้นเต็มไปด้วยซอมบี้”ชายชราหน้าเครียดทันที เทย์ตันก็เช่นกัน ให้ตายเหอะ! มีที่ตั้งเยอะให้ไปอยู่ทำไมไปสร้างไอของพรรค์นั้นไว้ที่นั่นฟะ!
“เราต้องแยกกันไป ภาคินนายไม่ต้องไปนายต้องไปช่วยเจโลแล้วก็ไปช่วยคิมโอเคนะ”ภาคินพยักหน้าเพราะตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว
“อ้าวนี่ปืน”เทย์ตันส่งปืนให้ภาคิน เขาแอบเก็บไว้เผื่อยามฉุกเฉิน ตอนนี้ก็ฉุกเฉินเหอะ!
“อย่าลืมนะพ่อหนุ่ม ขีปนาวุธอยู่ในตึกเอ ชั้นบนสุดห้องที่มีประตูแบบใส่รหัส พอขึ้นไปได้นายจะเห็นมันก่อนใครเพื่อนเลย รหัสคือ 8 2 5 6 x y อย่าลืมเชียวนะ”ชายชราย้ำอาซึกิพยักหน้ารับ
“เอาล่ะเริ่มแผนหนีได้!”


“เอามือออกจากหน้าฉัน”หญิงสาวเอ่ย
“เหอะ เธอไม่อยู่ในสถานะที่จะออกคำสั่งกับฉันได้”ทรายด์ยิ้มร้าย มือบางเร่งตัดเชือกก่อนจะสำเร็จ
“หึๆ”คิมหัวเราะในลำคอ
ผลัก! ขาเรียวเตะเข้ากลางระหว่างขาของทรายด์อย่างจัง ร่างสูงโปร่งถึงกับทรุดลงกับพื้น ใบหน้าเหยเกนั่น ดูก็รู้ว่าจุกมากมายเพียงใด
“ฉันมีสิทธิ์เสมอรู้มั้ย?”หญิงสาวลุกขึ้นยืน หยิบดาบญี่ปุ่นของตนขึ้นมา
“เรามาจบเรื่องนี้กันเหอะทรายด์ มันยืดเยื้อเกินไปแล้ว”ทรายด์ที่หายจุกแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มร้าย
“เอาสิ!”
.
.
.
“อั่ก อ่อกๆ”ภาคินกลืนบางอย่างเข้าไป ก่อนจะลงไปนอนทำท่าชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปาก
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”อาซึกิร้องเสียงหลงออกมา มันดังมากพอที่จะทำให้บุรุษชุดขาวที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาดู
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”อาซึกิตะโกนไม่หยุด มือบางเขย่าลูกกรงเพื่อให้บุรุษชุดขาวเปิดประตู
“อ่อกๆ”ภาคินยังกระตุกไม่หยุด
“ทำอะไรอยู่ช่วยเขาสิว่ะ”เทย์ตันตะโกนบอก ทำให้บุรุษชุดขาวรีบเร่งเปิดประตูเข้าไปช่วย
ผลัก!
  ร่างสูงใช้หลังมือสับลงไปที่คอของบุรุษชุดขาวผู้โชคร้าย
“ไปเลยเร็ว!”ภาคินลุกขึ้นยืนก่อนจะคลายฟองนั่นทิ้ง มือบางจับกระชับปืนแน่น เขาต้องไปทางด้านบนส่วนพวกเทย์ตันจะไปทางอื่น
“โชคดีนะ!”เทย์ตันหันมายิ้มให้ ร่างสูงวิ่งไปอีกทางหนึ่งตอนนี้มีเพียงเขาอยู่เพียงคนเดียว
“เอาว่ะ!”

  หญิงสาวดึงดาบญี่ปุ่นออกจากปลอก กายบางกระโจมเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง ทรายด์ยิ้มร้าย เขาเบี่ยงตัวหลบดาบที่หญิงสาวฟัดฟันใส่อย่างง่ายดาย
“ทำได้แค่นี้?”หญิงสาวคิ้วกระตุก
ตึง
“อั่ก!”ทรายด์ใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอเตะเข้าไปกลายลำตัวของหญิงสาวอย่างแรง คิมจุกนิดๆแต่มันก็ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น หญิงสาวตวัดดาบใส่อีกครั้งและครั้งนี้ก็โดนทรายด์เข้าเต็มๆ ร่างสูงโปร่งกัดฟันกรอดมองรอยขาดที่เสื้อและเลือดที่ไหลออกมา


“ตรงนี้ไงทางเข้าตึกเอ”อาซึกิชี้ไปยังทางเดินเล็กที่เชื่อมตึกนี้กับอีกตึกหนึ่ง นี่แน่ใจนะว่านี่สร้างอยู่ใต้ดิน
ปัง! ปัง!
  เทย์ตันยิงบุรุษชุดขาวที่วิ่งเข้ามาหาพวกเขา มือหนาคว้ามือบางมากุมไว้ อาซึกิมองเทย์ตันอย่างงงๆ
“อะไร”
“จับไม่ได้”เทย์ตันหันหน้าหนี อาซึกิเห็นริ้วสีแดงบนแก้มจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
   ทั้งสองวิ่งมาจนถึงทางเชื่อม เทย์ตันเอาหลังพิงประตู นัยน์ตาคมลอดส่องเหล่าซอมบี้ทางหน้าต่างเล็กๆที่ติดกับประตู เทย์ตันหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า มันคือกระดิ่ง
“เอามาทำอะไร?”
“ชู่ว!”เทย์ตันไม่ตอบ มือหนาแง้มประตูเปิดออกเล็กน้อยก่อนจะโยนกระดิ่งไปไกลๆ
กริ๊ง! กริ๊ง!
  เสียงกระดิ่งดังพอจะทำให้ซอมบี้ที่เดินอยู่แถวนั้นวิ่งไปหาต้นเสียง เทย์ตันใช้จังหวะนั้นรีบเปิดประตูวิ่งไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล
“ร้ายไม่เบานะ”อาซึกิบอกเมื่อเขาเข้ามาในลิฟต์ได้แล้ว เทย์ตันกดไปชั้นบนสุดทันที

  ตอนนี้ภาคินกำลังหลบอยู่หลังกำแพงเขาได้ยินเสียงบางอย่างออกมาจากห้องที่มีบุรุษชุดขาวคุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่เขาจะเข้าไปยังไงล่ะ ในขณะที่ภาคินกำลังคิดอยู่นั้น นักวิจัยคนหนึ่งก็เดินผ่านมา รู้แล้ว! ภาคินล็อคคอนักวิจัยคนนั้นก่อนจะลากไปยังห้องๆหนึ่งที่เขาสำรวจแล้วว่าไม่มีใคร
“อัก!”ภาคินลองใช้สันมือฟัดไปที่หลังคอเหมือนเทย์ตันและมันได้ผลนักวิจัยคนนี้สลบไปทันที
“ฮึบ!”ภาคินจัดการถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะนำมาสวม มือบางดึงแว่นตามาสวมด้วยเพื่อความแนบเนียน และไม่ลืมหยิบเอกสารที่อีกฝ่ายถือมาติดมือไปด้วยพร้อมป้ายชื่อ
  ภาคินออกจากห้อง เดินไปทางห้องที่เป็นเป้าหมายอย่างเนียนๆ บุรุษชุดขาวสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ได้สังเกตอะไร เขาจึงเดินเข้าไปอย่างง่ายดาย ร่างโปร่งชะงักกับภาพตรงหน้า ตรงหน้าเขามีกรงสัตว์เป็นยี่สิบกรง! แถมด้านในยังขังชายร่างยักษ์ที่คล้ายกับเจโลเต็มไปหมด ให้ตายแล้วเขาจะรู้มั้ยว่ากรงไหน!
“โฮกกก”พวกมันส่งเสียงครางพร้อมยื่นมืออกมาทันทีเมื่อเขาเดินผ่าน ภาคินครุ่นคิด พวกเขาถูกจับมาในวันนี้เพราะฉะนั้นกรงที่ขังร่างหนาคงจะต้องเป็นกรงสุดท้าย ภาคินไล่หาตั้งแต่กรงแรกจนถึงกรงสุดท้าย ความรู้สึกคุ้นเคยทำให้ภาคินรู้ได้เลยว่าชายร่างยักษ์ที่อยู่ในนั้นเป็นเจโลแน่นอน
“รอแปบนะ ฉันจะช่วยนายออกมา”ชายร่างยักษ์ไม่ตอบ ถึงภาคินจะคิดว่ามันผิดสังเกตเพราะทุกครั้งที่เขาพูดเจโลมักจะครางตอบรับเสมอแต่ตอนนี้เงียบไป แต่เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ ภาคินมองแป้นใส่รหัสเปิดล็อคลูกกรงด้วยสีหน้าเครียดๆ มือบางลองกดมั่วๆดูไป
ติ้ด!
สัญญาณร้องเตือนว่ารหัสผิดพลาด คุณสามารถกดได้อีก 4 ครั้ง!
“แล้วอะไรล่ะว่ะ”ภาคินสอดส่องสายตาไปทั่วจนไปเจอกับเลข 5 หลักที่ถูกแปะไว้มุมกรง มือบางกดลงไปทันที
ตึง!
บทจะง่ายมันก็ง่ายอย่างนี้เลยเหรอ!?
“เจโล”ภาคินเปิดประตูออก เสียงหวานเรียกชายร่างยักษ์ ก่อนที่เจโลจะครางตอบรับ
“ฆ่า!”
ตึง!
“อ่อก!”ภาคินตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ เจโลก็กระโจมใส่เขา เหวี่ยงเขาไปชนกับผนัง มือใหญ่จับหมับไปที่ลำคอก่อนจะชูขึ้นจนภาคินลอยอยู่เหนือพื้น
“ปะ ปล่อย!”ภาคินตะเกียดตะกาย มือบางทุบมือใหญ่อย่างแรง ก่อนจะถูกเหวี่ยงเข้าผนังอีกครั้ง
“อูยย!”ภาคินนิ่วหน้า ด้านในของเขาคงจะระบมไปหมดแล้ว
“นี่ฉันเอง ภาคินนายจำฉันไม่ได้เหรอ!?”ภาคินถามออกมา พลางกระโดดหลบหมัดที่ชายร่างยักษ์ต่อยออกมา

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
07
“เกิดอะไรขึ้น!”บุรุษชุดขาวสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องรีบรุดวิ่งเข้ามา
ปัง! ปัง!
  ภาคินจำเป็นต้องฆ่าทั้งสองทิ้ง ชายร่างยักษ์เล่นทีเผลอจับภาคินเหวี่ยงลงกับพื้น
“อัก!”เลือดสีเข้มไหลออกมาจากหัวของภาคิน ร่างโปร่งเบลอนิดๆ ก่อนจะรับรู้ว่าชายร่างยักษ์ดึงเขาเข้าไปกอดรัดเพื่อจะฆ่าให้ตาย ภาคินเจ็บร้าวไปทั่วตัวเขาคงจะมาได้เท่านี้ มือบางตกลงข้างตัว แต่ก่อนตายเขาคงจะต้องบอกอะไรกับเจโลเสียก่อน
“ฉันรักนายนะ”ชายร่างยักษ์ชะงักกึก อ้อมแขนที่กอดรัดภาคินคลายออกจนคนตัวเล็กร่วงลงพื้น จู่ๆอาการปวดหนึบก็เกิดขึ้น ชายร่างยักษ์กุมหัวที่ปกคลุมไปด้วยโลหะแน่นก่อนจะส่งเสียงดังลั่น
“อ้ากกกกก!”คำๆนั้นมันลอยไปลอยมาในหัว ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไปที่ภาคินที่นอนอยู่กับพื้น คุ้นเคย คุ้นเคยอะไรอย่างนี้? แล้วนี่อะไร ไอ้หยดน้ำประหลาดๆที่ออกมาจากดวงตานี่

‘ฉันรักนายนะ’ อ่า เสียงนี้เหมือนได้ยินมาจากที่ไหนนะ เสียงที่นุ่มคุ้นหูแบบนี้ ชายร่างยักษ์คุกเข่าลง มือใหญ่ประคองภาคินให้ลุกขึ้นก่อนที่เขาจะกอดร่างนั้นไว้อย่างทะนุถนอม ภาพต่างๆไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด จำได้แล้ว เขาจำได้หมดแล้ว...
“ภะ...ภาค”เสียงทุ้มพยายามเอ่ยเรียก แต่ภาคินกลับนอนนิ่ง
“…”
“ฉะ...ฉัน จะ...จำนะ...นายดะ...ได้แล้วนะ”
“…”
“ขะ...ขอโทษ”ใบหน้าที่มีโลหะห่อหุ้มซบลงไปที่อกบางปล่อยหยาดน้ำตาให้ร่วงไหลรินลงมาจนเปียกชุ่ม
“ไม่รับคำขอโทษ”เสียงหวานเอ่ยออกมาแผ่วๆ มือบางลูบเบาๆบนศีรษะที่เต็มไปด้วยโลหะนั่น
“ภะ...ภาค”
“ชู่ว! นิ่งซะ ฉันยังไม่ตาย”ภาคินยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจ
‘เจ็บไปทั้งตัวเลยแฮะ’

   ลิฟต์เปิดออก เทย์ตันค่อยๆเดินออกจากลิฟต์ชั้นนี้เป็นชั้นบนสุด แต่มันออกจะเงียบไปหน่อย
“นั่นไงล่ะ”อาซึกิกระซิบเบาๆ เทย์ตันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องที่ชายชราบอก กดรหัสเข้าไปก่อนจะรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ!”เทย์ตันถอนหายใจเฮือกใหญ่
   อาซึกิเดินไปมาอย่างสำรวจ เขาแน่ใจว่าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั่นคือขีปนาวุธที่ว่านั่นแน่นอน
“เดี๋ยวแล้วเราจะยิงขึ้นฟ้ายังไง? เราอยู่ใต้ดินไม่ใช่เหรอ?”อาซึกิถามอย่างสงสัย เทย์ตันไม่ตอบ
“เราคงต้อง…”

“นี่มันบ้าชัดๆเลยนะเทย์ตัน!”อาซึกิเอ่ยออกมา ตอนนี้พวกเขาอยู่ในลิฟต์กำลังจะกลับไปที่ตึกบัญชาการ
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง? เราคงต้องแบกไอ้เจ้านี่ไปด้วยอยู่แล้ว”เทย์ตันบอก เพราะว่าเขาตัดสินใจจับเครื่องยิงขีปนาวุธใส่รถเข็นแล้วเข็นมาด้วย
“คุ้มกันฉันด้วยนะ”เทย์ตันบอก อาซึกิพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
“เป็นไงเป็นกัน!”

   หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นทุกทีดูเหมือนว่าทรายด์จะไม่ยอมเปิดช่องโหว่ให้เล่นงานได้เลย
“ทำอะไรอยู่ คุณผู้หญิงหรือว่ายอมแล้ว”ทรายด์เอ่ยอย่างยียวน หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะตวัดดาบอีกครั้ง และก็เป็นอีกครั้งที่ทรายด์หลบได้
“...”ขาเรียวเตะเข้าที่กลางลำตัวของทรายด์ แต่เขาก็หลบได้อย่างหวุดหวิด
ปัง! ปัง!
          คิมยิงปืนไปที่ไหล่ของทรายด์ นัดแรกทรายด์หลบได้แต่นัดที่สองกระสุนฝังอยู่ที่ต้นแขนอย่างจัง ทรายด์กัดฟันกรอดด้วยความโมโห หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบหมัดแห่งความโมโหนั่นอย่างทันท่วงที
“แสบนักนะ! นังตัวดี!”ทรายด์ตะคอกออกมาเสียงดัง
“แล้วเธอจะรู้สึกว่าเธอกำลังคิดผิดที่ทำร้ายฉัน!”หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อทรายด์ล้วงเอาเข็มฉีดยาที่ภายในหลอดเต็มไปด้วยน้ำสีน้ำเงินก่อนจะกดฉีดไปที่ต้นคอ!
“นายทำบ้าอะไร ทรายด์!”
“อ่า~เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ”


“อูยย!”ภาคินส่งเสียงครางออกมาแผ่วเบา เมื่อพยายามดันตัวขึ้นโดยมีเจโลช่วยประคอง
“ขะ...ขอโทษ”เจโลเอ่ยอย่างสำนึกผิด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจช้อนกายบางขึ้นมา อุ้มอีกฝ่ายในท่าอุ้มเจ้าสาว
“อะ...”ภาคินหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะถ้าเขาเดินเองคงเดินไม่ไหว
“เลี้ยวไปทางซ้าย”มือเรียวชี้ให้ร่างหนาดู เจโลพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเดินตามที่ภาคินบอก น่าแปลกที่แถวนี้ไม่มีบุรุษชุดขาวเดินป้วนเปี้ยน
   ภาคินมาถึงห้องเก็บบางอย่างซึ่งเขาแค่ใจว่ามันเป็นที่เก็บแอนตี้ไวรัสแน่ๆ เขาบอกให้เจโลวางเขาลง ร่างหนาก็ทำตามคำขอแต่มือก็คอยประคับประคองเขา จนภาคินส่ายหน้าระอา ก็ว่าอยู่ว่าทำไมแถวนี้ไม่มีคนเฝ้าเหมือนที่อื่นๆเพราะห้องนี้มันเป็นแบบแสกนม่านตา ภาคินหน้าเครียดลง เขาจะทำไงดี แล้วสมองก็มีหน้าชายที่เขาทุบหัวไปเมื่อก่อนหน้านี้ น่าจะได้นะ!
“เจโล อุ้ม!”ภาคินบอก เจโลยิ้มเอ็นดูแต่ภาคินไม่มีทางเห็นหรอกเพราะหน้าเขามีหน้ากากเหล็ก
“ปะ...ไปทางไหน”แล้วภาคินก็นำทางไปยังที่ที่เขาลากนักวิจัยที่โชคร้ายไปซ่อน

“ดีจังยังนอนอยู่ที่เดิม”ภาคินเอ่ยอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะบอกให้เจโลลากอีกฝ่ายกลับไปที่ห้องอีกครั้ง
“มันคงจะได้ผลนะ”ถึงไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ ภาคินใช้นิ้วเปิดตาอีกฝ่ายไปยังช่องแสกนม่านตา
ติ๊ง!
   ภาคินแทบจะกระโดดแต่ด้วยสังขารไม่เอื้ออำนวยจึงทำได้แค่ตบมือรัวๆ สัญญาณสีเขียวปรากฏขึ้นบนหน้าจอก่อนที่ประตูจะเปิด ภาคินเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ค่อยๆเดินเข้าไปทีละก้าว ไม่ได้กลัวอะไรหรอก แต่เขาฝืนเดินเข้าไปต่างหาก เจโลเดินเข้ามาประคองโดยไม่ลืมลากนักวิจัยที่โชคร้ายคนนั้นเข้ามาด้วย
“อยู่นี่ไง!”ภาคินเอ่ยอย่างดีใจ นัยน์ตากลมโตมองถาดที่ใส่แอนตี้ไวรัสที่มีอยู่หลายหลอด มือบางกวาดสายตามองก่อนที่จะเจอกระเป๋าใบหน้าซึ่งเป็นของนักวิจัยผู้โชคร้าย(อีกแล้ว)ภาคินยิ้มแหย ก่อนจะคว้ามาเทของที่อยู่ในนั้นออกจนหมดก่อนจะแทนที่มันด้วยแอนตี้ไวรัสทั้งหมด
“ไปกัน”ภาคินบอก เจโลพยักหน้า ก่อนจะโน้มตัวหมายจะอุ้ม แต่ภาคินปฏิเสธ
“ขี่หลังดีกว่า นายลากหมอนี่มาด้วยนะ”เจโลก็ไม่ขัดใจ ย่อตัวลง ยอมให้ภาคินขี่หลังแต่โดยดี

“มันเกะกะ รู้มั้ย? ไอ้บ้าเทย์ตัน!”อาซึกิตะโกน มือบางกระหน่ำยิงเหล่าบุรุษชุดขาวไม่หยุด
“เออน่า”เทย์ตันบอกปัด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกเกะกะ แต่ทำไงได้ไอ้เครื่องบ้านี่มันจำเป็น!
“มานี่!”อาซึกิวิ่งไปยังที่กำบังใหม่ กวักมือเรียกให้เทย์ตันวิ่งตาม
“อีกนานมั้ย? ที่จะไปถึงห้องของทรายด์”เทย์ตันถามขึ้น ศีรษะหน้าก้มหลบลูกกระสุนปืนไปด้วย
“เดินไปตามทางนี้ ฉันจะสกัดพวกนี้ไว้เอง!”อาซึกิพูดพลางยิงโต้ตอบบุรุษชุดขาวไปด้วย
“…”
“ฉันไม่เป็นไรน่า”เทย์ตันพยักหน้า มือหนาขยี้ผมอาซึกิอย่างแรง
“เจอกันที่ด้านบนนะ”เทย์ตันบอกก่อนจะรีบเข็นขีปนาวุธไปตามทางที่อาซึกิบอก
“เจ้าบ้า!”ใบหน้ามนยิ้มเขิน อาซึกิสะบัดหน้า โยนปืนที่หมดลูกกระสุนทิ้งแล้วหยิบปืนอันใหม่ออกมา
“ไอ้พวกนี้ก็กัดไม่ปล่อยจริงๆเว้ย!”


ฟุบ!
  หญิงสาวล้มลงกับพื้น คิมกัดฟันก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น เพราะบางอย่างที่ทรายด์ฉีดเข้าไปแท้ๆ จู่ๆอีกฝ่ายก็มีกำลังมหาศาล และรวดเร็วขึ้นมากจนหล่อนจับการเคลื่อนไหวไม่ได้
“ทำได้แค่นี้เหรอ คุณผู้หญิง”ฝ่าเท้าหนาเหยียบลงมาบนแผ่นหลังบาง ทรายด์กดเท้าลงจน คิมไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ถ้าเป็นปกติไม่มีทางที่ทรายด์จะทำแบบนี้กับหล่อนได้ แต่ว่าเพราะหญิงสาวผ่านการต่อสู้มาก่อนหน้าร่างกายทั้งล้าและเหนื่อยแถมยังบาดเจ็บไม่น้อยด้วย
“ถุย!”คิมถ่มน้ำลายลงพื้น นัยน์ตาเรียวมองเห็นมีดพกของตนหล่นอยู่กับพื้น หญิงสาวคว้ามาก่อนจะจับมันแทงลงไปบนเท้าของทรายด์ที่เหยียบแผ่นหลังของตนอย่างแรง แรงจนขนาดที่ว่ารองเท้าทะลุ!
“โอ๊ย!”ทรายด์ชักเท้าหนี ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืน
“เหอะ!”คิมยิ้มเย้ย ถึงแม้ว่าหลังของเธอก็โดนมีดแทงด้วยแต่ก็ไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่
“แสบนักนะ”ทรายด์สถบออกมา ก่อนจะดึงมีดออกจากเท้าอย่างไม่กลัวเจ็บ เข็มฉีดยาอีกอันถูกดึงออกมา ด้านในบรรจุด้วยน้ำสีเขียวก่อนที่ทรายด์จะฉีดมันเข้าไป
“นี่ต่างหากของจริง”หญิงสาวเบิกตากว้างอีกครั้ง มองร่างของชายหนุ่มที่ขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะกลืนน้ำลาย
‘งานนี้ถ้าฉันไม่ตายก็พิการแน่อ่ะ!’

   เสียงการต่อสู้ดังขึ้นในห้องไม่หยุดหย่อน ภาคินไม่รู้ว่าตนจะเข้าไปช่วยหญิงสาวดีรึเปล่าแต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นตัวถ่วงเขามากกว่า
ผลัก!
 เจโลผลักภาคินออกอย่างกะทันหัน ภาคินมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ ก่อนที่กระสุนปืนจะสาดเข้ามา
“อึก”เจโลครางออกมา กระสุนไม่ได้ทำให้เจ็บเสียเท่าไหร่ แต่บางอย่างที่ไม่ใช่กระสุนที่ลอยมาปักอยู่กลางหลังทำให้เจ็บไม่น้อย
“ฉันไม่อนุญาตให้พวกนายผ่านทางนี้”เลขาสาวของทรายด์เอ่ยออกมา มือบางขยับแว่นสายตาขึ้นลง อีกมือหนึ่งมีมีดสั้นอยู่ในมือ
“เธอ!”ภาคินตะโกนออกมา มือบางดึงมีดที่ปักอยู่กลางหลังเจโลออก ก่อนจะปากลับไปแต่เลขาสาวหลบได้อย่างง่ายดาย
“หลีก!!!!!”เทย์ตันวิ่งฝ่าวงล้อมเข้ามา ร่างสูงขยิบตาส่งสัญญาณให้ภาคิน ภาคินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกระซิบข้างหูของเจโล ก่อนที่เจโลจะช้อนตัวภาคินขึ้นมาและวิ่งตามเทย์ตันไป
“อย่าปล่อยให้หนีไปได้!”หญิงสาวสั่งการ เลขาสาวขยับกายเพื่อออกวิ่งแต่ก็ต้องกระโดดหลบกระสุนที่มาจากด้านหลังซะก่อน!
“คู่ต่อสู้ของเธอคือฉัน!”อาซึกิประกาศกร้าวก่อนจะสาดกระสุนใส่เลขาสาวไม่ยั้ง
“ไก่อ่อนอย่างเธอน่ะเหรอ”เลขาสาวยิ้มเยาะ หล่อนกลิ้งตัวหลบกระสุนที่สาดมาอย่างง่ายดาย


“อุก”หญิงสาวถอยกายชนกำแพง ทรายด์เสียสติไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงิน จะว่าไปก็คล้ายๆเจโลเหมือนกัน! คิมหอบหายใจตอนนี้หล่อนพิงหลังกับผนัง ขอตั้งหลักแปบนึงนะ เดี๋ยวออกไปสู้นะ
“เจอตัวแล้ว~~”หญิงสาวผงะ คิมหันไปมองก่อนจะชะงักตัวแข็งทื่อ นี่มันเกินไปแล้ว มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะเฮ้ย! หญิงสาวกลืนน้ำลายที่เหนียวๆนั่นลงคอ ทรายด์กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยังไม่พอ ลำคอของมันยังยืดหดได้ด้วย! คุณพระ!
“...”ดาบญี่ปุ่นในมือตวัดไปมา ฝากบาดแผลไว้ตามลำคอ ก่อนที่จะหญิงสาวจะทดลองตัดคอนั่นจนขาดเป็นสองท่อน แต่ดูว่ามันไม่ได้ผล เพราะคอมันงอกกลับมาได้!
“แล้วฉันจะสู้มันได้ไงล่ะว่ะ!”คิมสถบออกมาเสียงดัง ก่อนจะตั้งสติใหม่ ดาบญี่ปุ่นในมือตวัด หญิงสาวจ่อปลายดาบไปด้านหน้า คงต้องมีจุดอ่อนบ้างสิน่า

 
“แฮกๆ”เทย์ตันหอบหายใจ พวกเขาวิ่งมาไกลพอสมควรแถมไม่มีบุรุษชุดขาวตามมาอีกต่างหาก
“เราต้องกลับไปโซนเอครับ”ภาคินตอบ เขากำลังทบทวนเส้นทาง
“อ่าฮะ”เทย์ตันตอบ ไอ้เครื่องที่เขาเข็นอยู่นี่คงจะพาขึ้นบันไดไม่ไหวแน่
“จากที่ผมนึกออก เดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่เมตรน่าจะมีลิฟต์ที่พาเราไปโซนเอได้”ภาคินบอก 
   เป็นไปตามที่ภาคินบอกเพราะด้านหน้ามีลิฟต์อยู่ เทย์ตันกดเรียกลิฟต์ส่วนภาคินยกปืนขึ้นจ่อที่หน้าประตูลิฟต์ทันทีและหวังว่าจะไม่มีอะไรมากับมันนะ
ตึง!
 ประตูลิฟต์เปิดออกข้างในนั้นว่างเปล่า ภาคินถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าไปในลิฟต์ เทย์ตันกดชั้นสูงสุดทันที
“เดี๋ยวเราต้องผ่านโซนเอไปโซนบีแล้วเราจะเจอทางขึ้นไปดาดฟ้า”ภาคินบอกอีก
“นายนี่จำแม่นเชียวนะ”เทย์ตันเอ่ยชม
“แน่นอน”

“ฉันน่ะ ไม่ได้อ่อนแล้วนะ!”อาซึกิตะโกน กายบางตีลังกาหลบมีดที่หญิงสาวขว้างมา
“หึ”เลขาสาวหัวเราะในลำคอ ก่อนจะมองอาซึกิอย่างดูถูกดูแคลน อาซึกิรู้สึกโมโหสายตาที่หญิงสาวมองมาที่ตน สนับมือถูกสวมเข้าไปในมือ อาซึกิทิ้งปืนในมือลงพื้นก่อนจะกระโจมเข้าไปต่อสู้ระยะประชิด ปลายมีดเฉือนข้างแก้มของอาซึกิจนเลือดไหล ไม่ต่างอะไรกับใบหน้าของหญิงสาวที่เหยเกเพราะโดนต่อยเข้าที่ช่วงท้อง
“ไม่เบา”เลขาสวยเอ่ยชม
“แต่ยังอ่อนหัด”อาซึกิฉะงักเมื่อถูกอีกฝ่ายแทงด้วยมีดด้วยมืออีกข้าง
“อัก!”เลือดมากมายไหลออกมา
‘นี่เขาแพ้เหรอ?’
‘ ไม่!’
‘ ไม่!’
‘ ไม่มีทาง!’
   มือบางยกขึ้นมากำบริเวณที่ข้อมือของเลขาสาวบังคับไม่ให้หญิงสาวเอามีดออก อาซึกิยิ้มร้าย มือบางล้วงปืนอีกกระบอกจ่อหน้าผากเลขาสาวระยะประชิด หญิงสาวหน้าซีดพยายามดึงมืออกจากมืออาซึกิแต่ก็ไม่ได้ผล
“ฉันจะไม่แพ้!”
ปัง!

   คิมไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี ทรายด์กลายเป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์แล้ว ถึงจะรู้จุดอ่อนของมันก็ใช่ว่าจะจัดการการง่ายๆ
  หญิงสาวกลิ้งตัวหลบหางที่เต็มไปด้วยแหลมคมที่ฟาดลงมา ก็บอกไปแล้วไงว่า หมอนี่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว จุดอ่อนของมันคือ หัวใจ แต่ไอ้หัวใจที่ว่าเนี้ย!มันเข้าไปไม่ง่ายเลยนะ!
‘แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี’
   วิธีที่ว่านั่นเป็นวิธีบ้านๆเลยล่ะ วิ่งเข้าไปแทงมันโต้งๆเลย แต่ใครจะไปยอมทำว่ะ! หญิงสาวคาดคะเนหาทางอื่นแต่ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นทางเดียว คิมกลืนน้ำลายก่อนจะมองหางยาวที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม
‘โดนเข้าไปนี่ ถึงตายมั้ยอ่ะ?’
 มันไม่ปล่อยให้หญิงสาวพักหายใจได้นาน หางยาวตวัดอีกครั้ง คิมกระโดดหลบ เอาก็เอาว่ะ หญิงสาวจึงวิ่งเข้าไปทันที
“อูย!”คิมร้องออกมา เมื่อหางของมันตวัดมาโดนเต็มๆ
‘นี่ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะเว้ย!!!’

  ประตูลิฟต์เปิดออก เทย์ตันเข็นรถเข็นเดินออกมาก่อน เขามองซ้ายขวาก่อนจะพยักหน้า ภาคินบอกให้เจโลเดินออกไปได้
  และคำพูดที่ว่า ‘ตอนมายากลำบาก ตอนกลับฉลุย!’ ก็เข้ามาในหัวของภาคินเพราะตอนนี้เขามาถึงโซนบีแล้ว
“มันโล่งไป”เทย์ตันเอ่ย
“ฉันก็ว่างั้น”ภาคินตอบรับ มันโล่งผิดปกติเกินไป
ก้า! ก้า!
 เสียงสิ่งมีชีวิตที่ภาคินเกลียดมันสุดหัวใจเมื่อมันเคยทำให้เขาลำบากมาแล้ว เทย์ตันหันไปมองก็ต้องตกใจ เมื่อเจ้าอีกามันไม่ใช่อีกาธรรมดา
  จะงอยปากของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงสดที่เทย์ตันคิดว่ามันต้องเป็นของซอมบี้ซักตัวที่อีกาตัวนี้ไปกินแน่นอน มันจะไม่ยากอะไรถ้ามันมีเพียงตัวเดียว แต่นี่มาเป็นฝูง
ก้า! ก้า!
  เจ้าตัวที่อยู่ด้านหน้าเริ่มกางบินตรงมาหาภาคิน มือบางหยิบปืนขึ้นมาก่อนจะยิงมันจนร่วงลงไป ก่อนที่ตัวอื่นๆจะบินตาม!
“มันมีเยอะเกิน!”เทย์ตันบอก พลางยกแขนขึ้นมากันใบหน้าจากอีกา
“ไปตรงไหนต่อ โอ๊ย!”
“มันจะมีทางขึ้นครับ!”เทย์ตันพยายามมองหาทางขึ้น อีกาพวกนี้จิกเขาจนเป็นแผลทั่วทั้งตัวอยู่แล้ว
“มานี่เร็ว!”เทย์ตันบอก ร่างสูงตัดสินใจวิ่งฝ่าออกไป โดยไม่ลืมลากรถเข็นตามมาด้วย จนถึงทางขึ้นที่เป็นบันได เทย์ตันหมุนลูกบิดปรากฏว่ามันล็อค!
“ถอยออกมาครับ!”ภาคินบอก เทย์ตันถอยออกมา แขนหน้าก็คอยปัดไล่อีกาที่รุมเขาอยู่ไปด้วย
ผลัก! ปัง!
  ประตูที่น่าสงสารลอยออกไปต่อหน้าเทย์ตัน ร่างสูงรีบไปทันที ก่อนจะลากรถเข็นไปด้วยอย่างทุลักทุเล ถ้าไม่ใช่เครื่องยิงขีปนาวุธล่ะก็เขาไม่เอามาให้ลำบากหรอกนะ
“ปิดประตู!”ภาคินเอื้อมมือไปปิดประตูทันที
“วางฉันลงก่อน เจโล”เจโลทำตาม วางร่างของภาคินลงถึงแม้ว่าจะเซๆอยู่ก็เถอะ ภาคินบอกให้เจโลใช้ตัวดันประตูเอาไว้ ร่างหนาก็ทำตาม
“นายแบกอะไรมาด้วย”ภาคินถาม
“เครื่องยิงขีปนาวุธ”เทย์ตันยกเครื่องลงตั้งกับพื้น เครื่องมันคล้ายจรวดเลย
“บ้าจริง!”
“มีอะไร?”เทย์ตันทุบแป้นที่อยู่บนตัวเครื่องอย่างโมโห
“ต้องใส่รหัสผ่าน!”


“แฮกๆ”อาซึกิหอบหายใจ มือบางดึงมีดที่เสียบอยู่ที่ช่วงท้องออกอย่างล้าๆ กายบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“เป็นไงล่ะ”ใบหน้าหวานปรากฏยิ้มร้ายออกมา ในยามที่สายตาจับจ้องไปที่เลขาสาวที่บัดนี้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
“เลือดออกเยอะไป”อาซึกิบ่นออกมา มือบางเปิดเสื้อของตนออกหน้าซีดๆ
“ให้ตาย”
‘คงไปไหนไม่ได้ซักพัก’
 “ไหนขอผมดูหน่อยครับ”เทย์ตันถอยออกมา เปิดทางให้ภาคินเข้ามาดูที่หน้าจอเล็กๆที่อยู่บนเครื่องยิงขีปนาวุธ ภาคินมองก่อนจะพิมพ์บางอย่างบนแป้น
‘A-n-t-i-B-a-b-y’

ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
08
ติ้ง!
  สัญญาณสีเขียวดังขึ้น เทย์ตันมองภาคินอย่างอึ้งๆ
“นายรู้รหัส?”
“เปล่าครับ แค่รู้สึกว่าคุณยายเคยพูดถึงเครื่องนี่ให้ฟัง”เทย์ตันทำหน้าเอือม
“เอาล่ะ มาดูซิว่าเจ้าหนูนี่ใช้ยังไง?”
.
.
.

‘บัดซบเอ๊ย!’
  หญิงสาวถ่มเลือดลงพื้น ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างเซๆ ทางเดียวที่จะเอาดาบแทงเข้าไปในหัวใจได้ต้องทำให้มันล้มลง ซึ่งแล้วจะให้หล่อนทำยังไง เพราะขนาดเข้าใกล้ยังทำได้ยากเลย คิมกวาดสายตาไปรอบๆห้องแล้วก็เห็นบางอย่างที่น่าจะใช้การได้
  คิมวิ่งเข้าไปที่โต๊ะทำงานของทรายด์ เจ้าสัตว์ประหลาดเห็นดังนั่นจึงตวัดหางมาหาหญิงสาว คิมสไลด์ตัวหลบ ก่อนจะกระโดดม้วนตัวบนอากาศไปหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงาน มือบางเปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา
‘เชือกชนิดเหนียวไม่ขาดง่ายๆ!’
  หญิงสาวมัดเชือกเป็นบ่วงอย่างรวบเร็ว คิมหายใจลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปรอบๆตัวเจ้าสัตว์ประหลาดหาจังหวะโยนบ่วงไปรัดคอมัน ในขณะนั้นเองก็ต้องหลบหางที่มันฟาดมันไปด้วย

  อาซึกิได้ยินเสียงโครมครามเขาเดาได้อยู่ว่าหญิงสาวกำลังต่อสู้กับบางอย่าง ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปช่วย แต่อีกใจหนึ่งเขาไม่อยากฝืนสังขารตัวเอง 
“เฮ้อ!”แต่ใจฝ่ายดีก็ชนะ อาซึกิค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ หยิบมีดสั้นของหญิงสาวที่เขาสู้ด้วยติดมือไปด้วย มือบางเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ
‘นี่มันตัวอะไรกันว่ะเนี้ย!’
   ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือ ภาพของหญิงสาวกำลังสู้กับเจ้าตัวประหลาดตัวโต คิมกำลังใช้เชือกรัดคอเจ้าตัวประหลาดนั่น พยายามจะผลักให้มันล้มลงกับพื้น
“อย่าเอาแต่ยืนเฉยเซ่มาช่วยกันก่อน!”หญิงสาวตะโกนออกมา อาซึกิตื่นจากภวังค์ มือบางปามีดไปที่เจ้าตัวประหลาดจนมันชะงักถอยหลัง หญิงสาวจึงสบโอกาสใช้เท้ายันมันลงพื้นได้สำเร็จ
“จบกันซักที!”คิมขึ้นคร่อมบนตัวสัตว์ประหลาด มือบางแทงดาบญี่ปุ่นลงในตำแหน่งหัวใจอย่างแรง
“โฮกกก”เจ้าสัตว์ประหลาดดิ้นทุรนทุรายไปมาก่อนจะนิ่งไป หญิงสาวดึงดาบออก ก่อนจะค่อยๆลงจากตัวสัตว์ประหลาด
“กว่าจะตาย”คิมบ่นออกมา อาซึกิยืนนิ่งเมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดมันขยับตัวลุกขึ้นมา!
“ยินดีด้วย มันยังไม่ตาย!”หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองก่อนจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกผนังเสียงดังลั่น
‘เหี้ยแล้วไง!’


    เสียงกดแป้นพิมพ์ดังสนั่นในความเงียบ ภาคินวางกล่องที่ตนใส่แอนตี้ไวรัสไว้บนพื้นข้างเทย์ตัน ก่อนจะค่อยๆเดินไปหาเจโลที่นั่งพิงประตูดาดฟ้า
“ชันเข่าซิ”ภาคินบอก เจโลก็ทำตาม ก่อนที่ภาคินจะทรุดตัวลงนั่งระหว่างขาของคนตัวใหญ่
“คิมจะเป็นไงบ้างนะ”ภาคินเอ่ยออกมา มือบางจับมือหนามากอดเอวตนไว้ทั้งสองข้าง
“...”ใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหะของเจโลก้มลงมองภาคิน
“นายคิดมั้ย? ว่าหลังจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกันรึเปล่า?”
“…”เจโลส่ายหน้าช้าๆ เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง แต่เขาจะไม่บอกภาคิน
“นายก็รู้ว่า ฉันรักนาย”ภาคินพูด
“ฉะ...ฉันรู้”
“ฉันอยากจะอยู่กับนายตลอดไปหลังจากนี้”
“ฉันจะ...ยะ...อยู่กับนะ...นายทะ...ทุกที่”

“เฮ้! สองคนนั่นจะสวีตกันอีกนานมั้ย? มานี่เร็ว”เทย์ตันเอ่ยแซว จนภาคินหน้าแดงก่ำ
“ไปกันเถอะ”ภาคินลุกขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปให้เจโล
“...”ภายใต้หน้ากากโลหะนั้น มีรอยยิ้มหวานปรากฏขึ้น
.
.
.
  อาซึกิใจเต้นระรัว อาการเจ็บแปลบจากแผลที่โดนแทงยังมีอยู่ ตอนนี้เขาหลบอยู่หลังโซฟา ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดกำลังเดินไปมาอยู่กลางห้อง ขาเรียวขยับก้าวเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ดวงตากลมโตจ้องไปที่โต๊ะทำงานของทรายด์ที่ตั้งอยู่ ในนั้นอาจจะมีอะไรบางอย่างที่จะช่วยเขาได้

“จะทำไงดี”หญิงสาวพึมพำออกมา คิมจนปัญญาอย่างแท้จริงแล้ว ไอ้ตัวประหลาดนี่คงจะฆ่าไม่ตายแน่ๆ
  ดาบญี่ปุ่นในมือสั่นระริก คิมพยายามทบทวนว่าหล่อนจัดการสัตว์ประหลาดตัวก่อนหน้ายังไง
‘หัวไง ตัดหัว!’
หญิงสาวสูดหายใจ ตั้งท่าเตรียมพร้อม
“ย๊ากกกกก!”ขาเรียววิ่งตรงไปที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ก่อนที่หญิงสาวจะกระโดดหลบหางของสัตว์ประหลาด จนเข้าไปใกล้พอที่จะตัดส่วนหัวมันได้ มือบางตวัดดาบอย่างไม่ลังเล
ฟุ่บ!
  ศีรษะของเจ้าสัตว์ประหลาดร่วงลงพื้น เลือดสีเข้มพุ่งออกมาเจิ่งนองไปทั่ว หญิงสาวจ้องมองมันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์และหวังในใจว่ามันคงจะตายแล้วนะ
กริ๊ก!
 เสียงบางอย่างกับสัมผัสเย็นวาบที่ขมับทำให้คิมมองบางอย่างที่จ่อขมับของตนอยู่ด้วยหางตา
“อาซึกิ!”หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย หล่อนน่าจะเชื่อที่เทย์ตันบอกตั้งแต่แรกว่าอาซึกิเชื่อไม่ได้!
“555 ขอโทษนะคนสวยฉันจำเป็นต้องทำ”อาซึกิเอ่ยก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย
“อาฮะ”หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“จะยิงก็ยิงเลยสิ”คิมท้าทาย มือบางล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างกวนๆ
“อย่างท้า”อาซึกิยิ้มเย็น นิ้วโป้งขึ้นนกปืนในมือก่อนจะเหนี่ยวไก
“ลาก่อน!”
.
.
.
“พวกนายเห็นช่องนี้มั้ย?”เทย์ตันชี้ไปที่ช่องสำหรับใส่อะไรบางอย่าง
“อืม”ภาคินพยักหน้า
“มันจากที่ฉันวิเคราะห์ดูแล้วมันคือที่ใส่แอนตี้ไวรัส”
“แล้วไง?”เทย์ตันมองภาคินด้วยสายตาหน่ายๆ
“แต่มันเป็นแบบสแกนลายนิ้วมือไงล่ะ”ภาคินทำหน้างง เป็นแบบสแกนลายนิ้วมือแล้วเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?
“โธ่ นายเป็นลูกของดร.ภาคีไงเล่า! บางทีมันอาจจะเปิดได้ก็ได้นะ เพราะฉันลองแล้วลายนิ้วมือของฉันใช้ไม่ได้”
“แต่นายบอกกับฉันว่า พ่อของฉันตายตั้งแต่ฉันยังเด็ก”
“แต่ตอนที่เขาสร้างเครื่องนี้เขาคงยังไม่ตาย”ภาคินร้องอ๋อออกมา ในที่สุดความพยายามของร่างสูงในการอธิบายก็สำเร็จซักที ภาคินวางนิ้วหัวแม่มือไว้บนช่องสแกนลายนิ้วมือเล็กๆก่อนที่มันจะส่งเสียงแล้วก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
   เทย์ตันจับหลอดทดลองที่ใส่แอนตี้ไวรัสแล้วใส่ลงไปในช่องนั่นจนหมด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะช่วยโลกได้จริงๆหรือเปล่า?”เทย์ตันเอ่ยขึ้น ตอนนี้เครื่องกำลังโหลดอยู่
“อืม”ภาคินดึงมือหนามากอบกุมไว้แน่น กระชับจนแน่ใจว่าเจโลจะไม่หายไปไหน ใบหน้าภายใต้หน้ากากโลหะยิ้มอ่อนโยนที่ภาคินไม่มีวันได้เห็น
ติ๊ดด!
 เสียงสัญญาณดังขึ้นเครื่องพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธแล้ว เทย์ตันหันไปมองภาคินก่อนจะขยับปากพูดบางอย่าง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายต้องทำใจรับมันให้ได้นะ”
.
.
.
แชะ! แชะ!
 หญิงสาวยิ้มขำออกมา เมื่ออาซึกิเหนี่ยวไกปืนปรากฏว่ามันไม่มีลูก คิมจับมือของอาซึกิก่อนจะบิดอย่างแรงแล้วนำไปไขว้หลัง
“โอ๊ย!”อาซึกิครางออกมาอย่างเจ็บปวด หญิงสาวกดอาซึกิให้หมอบนอนกับพื้น
“คิดว่าเล่นกับใครอยู่? หืม”คิมกระตุกยิ้มเหี้ยม จิตสังหารรุนแรงจนอาซึกิหวั่นใจไม่ได้
คลิ๊ก!
  คิมใส่กุญแจมือทั้งสองข้างของอาซึกิ หญิงสาวลากเก้าอี้ตัวหนึ่งก่อนจับให้ชายหนุ่มนั่งลงแล้วมัดด้วยเชือกอีกที
“เอาล่ะ เรามาคุยกันหน่อยนะ”หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงตรงหน้าอาซึกิ
“เหอะ!”
“นายรู้อะไรเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสบ้าง”
“ก็รู้เหมือนที่เธอรู้”อาซึกิยักคิ้วอย่างกวนๆ
“เรื่องขีปนาวุธล่ะ?”
“ก็นะ ไหนๆก็จะตายอยู่แล้ว ฉันจะบอกให้ก็แล้วกัน”
“…”
“ถ้ายิงขีปนาวุธออกไปแล้ว เชื้อซอมบี้จะหายไป จากโลกนี้โดยสมบูรณ์ ซอมบี้ทุกตัวจะหายไปในทันที และแน่นอนว่าคนที่โดนฉีดสารกลายพันธุ์ก็จะหายไปด้วยเช่นกัน!”หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที มือบางหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมากดเบอร์ที่เทย์ตันให้ไว้ก่อนหน้าทันที
“รับสิว่ะ!”คิมสถบอย่างหัวเสีย เมื่ออีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์
“หึๆๆๆฮ่าๆๆๆ”อาซึกิหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คิมหันมามองด้วยแววตาขุ่นมัว ขาเรียวเตะอีกฝ่ายจนล้มลงทั้งเก้าอี้
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!!”
“ยังไงก็ไม่ทันแล้ว”

   เทย์ตันกดปุ่ม ‘Enter’ ขีปนาวุธถูกยิงขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงรู้สึกถึงบางอย่างที่สั่นอยู่ในกระเป๋าจึงหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวที่โทรเข้ามา
“มีอะไร?”
“…”
“ว่าไงนะ!”เทย์ตันตะโกนออกมา ก่อนจะหันมองภาคินอย่างกังวล
“เป็นอะไรเหรอ”
“นายจำที่ฉันบอกได้ใช่มั้ย? ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายต้องยอมรับมัน”

ตูม!
   เสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมกับละอองบางอย่างร่วงโปรยลงมา ภาคินยกมือขึ้นรับละอองนั่น ก่อนจะหันไปหาเจโล
“เจโล!!”ร่างกายของเจโลคืนสภาพเดิม ใบหน้าที่มีหน้ากากโลหะหายไปแทนที่ด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ภาคินจำได้ดี เจโลล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างอ่อนแรง ภาคินทรุดตัวลงนั่งมือบางกุมมือหนาไม่ปล่อย
“ทะ...ทำไม ฮืออ”น้ำสีใสคลอหน่วง ภาคินกระพริบตาไล่หยดน้ำนั่นออกไป เจโลไม่ตอบมือหนาอีกข้างยกขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกให้
“ไหนนายบอกฉันว่าจะอยู่กับฉันทุกที่ไง!!!”ภาคินตะโกนออกมาทั้งๆที่น้ำตาไหลไม่หยุด ไม่เอาแล้ว อย่าจากไปอีกเลย
“ฉัน...จะอยู่กับนายทุกที่”รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าคมสัน ภาคินปล่อยมือที่กุมอยู่มาปิดหน้าร้องไห้
“ฉันไม่...อยากหะ...เห็นน้ำตาของนาย”
“ฮึก”มือหนายกมือลูบหัวภาคิน
“อย่าร้องไห้เลยนะ คนดี”
“มันห้ามได้ที่ไหนกัน!”ภาคินดึงร่างหนาขึ้นมากอดแน่น ซบหน้าลงบนไหล่หนา ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ลาก่อนนะ”เจโลกระซิบข้างหูแผ่วเบา ตาคมปรือปิดลง พร้อมๆกับลมหายใจที่หยุดไป
“ฮือออออ”
   ภายในบรรยากาศเงียบสงัดมีเพียงเสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจดังก้องไปทั่ว เทย์ตันมองภาคินอย่างเห็นใจแต่เขาก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปในตรงนั้นได้
   มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เจโลตายไปแล้วและพื้นกลับมาในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยเชื้อซอมบี้ที่พวกทรายด์ฉีดเข้าไป เขาก็ลืมนึกไปว่าถ้ากำจัดเชื้อไวรัสไปจนหมดแล้วเจโลจะเป็นอย่างไรต่อไป
“ขอโทษ...”

บทส่งท้าย

2 ปีต่อมา
   ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ถูกสร้างเป็นศูนย์หลบภัยผู้อพยพชั่วคราว ถึงเชื้อซอมบี้จะถูกกำจัดไปหมดแล้วก็ตามแต่ในเมืองก็ยังอันตรายอยู่ดี ภาคิน เทย์ตันและคิมถูกช่วยเอาไว้ด้วยฮ.ของทางการ ภาคินไม่ลืมที่จะให้พวกเขาพาเจโลกลับมาด้วย
   บ้านของภาคินตั้งอยู่บนเนินสูงห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล ทุกๆเช้าภาคินจะทำอาหารมาแจกผู้คนที่อพยพมาจนกลายเป็นกิจวัตร
“ภาคิน!”
“วะ...ว่าไง”ภาคินสะดุ้งไอ้อาการเหม่อๆนั่นหายไปหมดแล้ว
“เหม่ออะไร?”เทย์ตันถามขึ้น ตอนนี้พวกเขานั่งปูเสื่ออยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่
“เปล่า”ภาคินตอบออกมา เทย์ตันรับรู้ถึงความเสียใจที่แสดงออกมาของภาคิน จนเข้าแอบหมั่นไส้ไอ้บ้าเจโลไม่ได้
“ไม่เป็นไรน่า”เทย์ตันตบไหล่ของภาคิน ก่อนจะส่งกำลังใจให้ ภาคินรับรู้ถึงกำลังใจนั้น ริมฝีปากกระตุกยิ้มออกมา
“คิมเป็นไงบ้าง”เทย์ตันทำท่านึกก่อนจะตอบ
“เธอระดมคนเข้าไปกวาดล้างในเมืองน่ะ ตอนนี้กำลังฉายเดี่ยว”ภาคินหัวเราะขำเบาๆ คิมเป็นผู้หญิงที่แปลกคนหนึ่งที่เขาเคยพบเจอมา หล่อนไม่เกรงกลัวสิ่งใดในความคิดเขาอ่ะนะ แถมยังมีความเป็นผู้นำสูงมากจนผู้ชายอย่างเราๆยอมแพ้ราบคาบ
“อาซึกิล่ะ?”
“หมอนั่นสารภาพกับฉันทุกอย่างตามที่ตกลงกันไว้ ฉันเลยปล่อยให้คิมจัดการ”
“แล้ววันนี้คิมจะว่างมาทานมื้อค่ำกับฉันมั้ยเนี้ย?”ภาคินเอ่ยออกมายิ้มๆ
“แน่นอนน่า”เทย์ตันหัวเราะ ก่อนจะล้มตัวนอนแผ่

    อากาศตอนเย็นค่อนข้างจะเย็นสมชื่อ ภาคินใส่เสื้อกันหนาวเดินออกจากบ้าน มือบางถูกันไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย
“ฉันมาแล้วนะ เจโล”ภาคินเอ่ยก่อนจะยิ้มบางๆ ภาคินทรุดตัวลงนั่งข้างๆหินสลักที่อยู่เหนือหลุมศพมือบางลูบมันไปมา
“วันนี้หนาวนะ นายว่ามั้ย?”ภาคินกอดตัวเอง หินสลักที่เขาซบอยู่เย็นเฉียบ
“…”
“วันนี้ฉันเอาดอกไม้มาด้วยล่ะ”ภาคินหยิบดอกForget me notช่อใหญ่มาวางไว้
‘Forget me not ในภาษาดอกไม้แปลว่า อย่าลืมฉัน’
“…”
“ฉัน”ภาคินปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ริมฝีปากบางจุมพิตที่หินสลักนั่นอย่างแผ่วเบา
“…”
“ฉันรักนาย...”
   ภาคินลุกขึ้นยืน เขามองหินสลักอีกครั้งก่อนจะยิ้มบางๆ ก่อนที่ภาคินจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เสียงบางอย่างก็ดังข้างหู…
‘I will be with you everywhere…….’
  ภาคินหันไปมองก็ไม่พบใคร ภาคินยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าบ้านอย่างไม่ได้สนใจ

‘I will be with you everywhere…….’
‘ฉันจะอยู่กับนายทุกที่’



.
.
.
.
.
.
.
จบบริบูรณ์



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
Virus ผมเรียกมันว่า ‘ซอมบี้’: ตอนพิเศษ

ฉันและนาย (เจโลXภาคิน)
เป็นเรื่องราวในโลกคู่ขนานที่ทั้งสองคนรักกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
           
             บ้านหลังหนึ่งในย่านธุรกิจ เช้านี้ไม่ได้วุ่นวายเพราะมันเป็นเช้าวันหยุด อะไรๆก็ไม่เหมือนวันทำงานแต่ที่จะเหมือนกันคือแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า
              ภาคินปรือตามอง มือบางยกขยี้ดวงตาแรงๆสองสามที ริมฝีปากบางยกยิ้ม เมื่อเห็นมือหนาที่กอดรัดตนอยู่ไม่ปล่อย กายบางนอนตะแคงหันไปหาคนตัวโตที่หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข
“ถ้าจะมองกันขนาดนี้ เดี๋ยวคิดค่ามองเลยนะ”ภาคินหน้าขึ้นสีทันที มือบางตีไหล่แกร่งบ่นงุบงิบในลำคอที่เจโลแกล้งหลับ
“คนบ้า!”ใบหน้าที่แดงระรื่นของคนรัก ทำให้เจโลอดที่จะดึงอีกฝ่ายมากอดแล้วฟัดแก้มนิ่มๆนั่นให้หายหมั่นเขี้ยว
“พอเลย”มือบางผลักคนตัวโตออกก่อนจะยันกายลุกขึ้น
   เสื้อเชิ้ตหลวมๆที่เจโลค่อนข้างแน่ใจว่าข้างในคงไม่ได้ใส่อะไรเลย ปรากฏแก่สายตา เรียวขาขาวๆที่มีรอยรักสีแดงเป็นจ้ำๆ เมื่อคนตัวบางขยับก้าวเดินเชิ้ตก็จะขยับตามจนเห็นไปไหนต่อไหน เจโลกลืนน้ำลาย มือหนาลูบหน้าตัวเองแรงๆ
“ลุกได้แล้วครับ วันนี้เราจะไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่ของผมไม่ใช่เหรอ” (อนึ่ง เพราะเป็นโลกคู่ขนานพ่อแม่ของภาคินยังคงมีชีวิตอยู่)
“อ่าอืม”เจโลลุกขึ้นบ้าง ถึงจะเสียดายนิดๆเพราะตอนนี้ภาคินแต่งตัวแล้ว
     เขาและภาคินคบกันมาได้ 3 ปีแล้วทางฝ่ายของเจโลนั้นไม่มีปัญหาอะไร แม่ของเขาท่านชื่นชอบภาคินมาก แต่พ่อกับแม่ของภาคินเข้าหน้ากับเขาไม่ติดเสียเท่าไหร่ หรือเพราะเขาเป็นแค่เจ้าของอู่ซ่อมรถเก่าๆที่รายได้ต่อเดือนไม่ดีพอกันแน่
“คิดอะไรอยู่ครับ”ภาคินถาม คนตัวบางสวมกอดคนที่ตัวโตกว่าทางด้านหลัง เจโลยิ้มบาง ก็เป็นซะแบบนี้ใครเขาจะไม่หลงกัน
“เปล่าหรอก”เจโลหมุนตัวกอดตอบภาคิน
“หิวรึเปล่าครับ”ภาคินถาม เจโลส่ายหน้า
“ไว้ไปกินกับพ่อแม่นายทีเดียวก็ได้”ภาคินก็ไม่เกี่ยง ก่อนจะเขย่งปลายเท้ากดจมูกเข้าที่ข้างแก้มของคนตัวโต
“หึ”และก็โดนเจโลฟัดไปอีกหนึ่งรอบ

     เฟอร์รารี่คันงามขยับจอดที่หน้าบ้านหลังนอกเมือง มือบางเปิดประตูออกมาก็เห็นพ่อและแม่ของตนที่ออกมายืนต้อนรับ ภาคินยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินไปสวมกอดมารดาของตนที่อ้าแขนรอแล้ว เจโลมองอย่างยิ้ม คนตัวโตขนกระเป๋าเดินทางออกมาจากรถ
“สวัสดีครับ”เจโลเอ่ยทักทายบ้าง ภาคี พ่อของภาคินทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่ท่านก็พยักหน้ารับส่งๆ ท่าทางหยั่งกะคุณพ่อหวงลูกสาว
“สวัสดีจ๊ะ”คุณแม่ของภาคินเอ่ยทักทายอย่างใจดี ก่อนที่ท่านจะเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน
“ผมซื้อพายองุ่นของโปรดแม่มาฝากครับ”ภาคินยกถาดพายไปให้มารดา ลิลิน แม่ของภาคินยิ้มหวานก่อนจะลูบหัวของภาคินอย่างเอ็นดู
“ส่วนนี่แตงโมครับ นำเข้าจากประเทศไทย”ภาคินยื่นแตงโมที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้วให้บิดาของตน ภาคีเหลือบมองใบหน้าของลูกชายก่อนจะถอนหายใจ รับแตงโมมากินโดยไม่พูดอะไร
“เจโลมาพอดีเลย ไปกับแม่หน่อยสิ”คนตัวโตที่ลงมาจากชั้นสองของบ้านพยักหน้ารับ เขาเอาของไปเก็บและเข้าห้องน้ำมานิดหน่อย
   คุณแม่ของภาคินเดินนำมายังโรงรถข้างบ้าน มีรถเก่าหลายคันและแต่ละคันก็ถูกดูแลรักษาอย่างดี แสดงว่าไม่พ่อหรือแม่ของคนตัวเล็กชอบรถแนวนี้มากๆ
“ไม่รู้ว่าเจ้าเต่ามันเป็นอะไร”ลิลินชี้ไปยังรถเต่าคันเก่าของตน
“ได้ครับ เดี๋ยวผมดูให้”เจโลหยิบชุดช่างฟิตมาสวมเพราะเขาไม่อยากให้เสื้อที่เขาใส่มีคราบน้ำมัน มือหนาเปิดกระโปรงรถ ตรวจดูอย่างคล่องแคล่ว ลิลินมองว่าที่ลูกเขยของตัวเองยิ้มๆ ดูก็รู้ว่าเจโลเป็นคนขยันขันแข็ง ผิวสีแทนแบบนี้แสดงว่าสู้แดดและมีความอดทน หล่อนให้ผ่านตั้งแต่ว่าที่ลูกเขยคนนี้มาขอคบกับภาคินลูกชายของหล่อนแล้ว แต่ก็เหลืออีกด่านที่ยังผ่านไม่ได้คือภาคี สามีของหล่อนไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจโลเสียเท่าไหร่ แต่หล่อนรู้ดีว่าภาคี พยายามทำใจยอมรับเรื่องที่ลูกมาคบกับผู้ชายด้วยกันอยู่
“คุณแม่ครับ เจ้าเต่าไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่ฝืดครับ ผมหยอดน้ำมันให้แล้ว เดี๋ยวคุณแม่ลองสตาร์ทดูนะครับ”ลิลินยิ้มรับก่อนที่จะเข้าไปสตาร์ทรถ
“ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”เจโลยิ้ม มือหนาถอดชุดช่างฟิตออก อากาศค่อนข้างร้อน เจโลนำชุดนั้นใส่ลงในตะกร้าผ้าก่อนจะเข้าไปในบ้าน
“ไปไหนมาหรือครับ”ภาคินถาม มือบางคว้าผ้าเช็ดหน้าก่อนจะบรรจงเช็ดรอยเปื้อนสีดำบนใบหน้าคมคาย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก แม่นายให้ฉันไปดูรถให้น่ะ”ภาคินพยักหน้ารับ เจโลเลยโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆอย่างแกล้งๆ
“อะแฮ่มๆ”ภาคินผลักคนตัวโตออก ใบหน้าหวานแดงก่ำ เจโลมองบิดาของภาคินอย่างสุดเซ็ง เมื่อไหร่จะยอมรับผมได้ซักทีคุณพ่อตา!

“อ่ะนี่”ลิลินหยิบตะกร้าปิกนิกส่งให้ลูกชายของตน
“แม่จะไม่ไปกับผมจริงๆเหรอ”ภาคินถาม ลิลินส่ายหน้า
   เจโลไม่ได้ไปปิกนิกที่ไหนไกลหรอก แค่สวนหน้าบ้านเท่านั้นเอง คนตัวโตปูผ้าก่อนจะวางตะกร้าปิกนิกลง มือหนากวักเรียกคนตัวบางที่ร่ำลาซะเวอร์ให้มานั่งด้วยกัน
“ฉันอยากกินแซนวิช”ภาคินส่งแซนวิชไปให้แต่เจโลส่ายหน้า
“ป้อน”ภาคินหน้าแดงก่ำไปถึงหู แต่ก็ยอมป้อนตามที่คนตัวโตต้องการ ทั้งคู่สลับกันป้อนจะตะวันคล้อยบ่าย

“มานั่งตรงนี้มา”เจโลชี้ไปที่ระหว่างขาของตัวเอง ภาคินหน้าแดงก่ำส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่เอา”
“น่าๆ ไม่มีใครเห็นหรอก”ภาคินกรอกตาไปมา แต่ก็ยอมไปนั่งตามที่คนตัวโตต้องการ
“นะ นี่!”ภาคินโวยออกมา เมื่อเจโลกอดเขาซะแน่น ใบหน้าคมวางบนไหล่บาง ภาคินถอนหายใจ ถึงยังไงเขาก็สู้ลูกอ้อนของเจโลไม่ได้อยู่ดี ยอมๆไปนั่นแหละดีแล้วล่ะ
“นายมีความสุขรึเปล่า”เจโลถามออกมา ริมฝีปากหนาจูบเบาบนต้นคอขาวที่ล่อตาล่อใจ ทิ้งรอยสีแดงเล็กๆเอาไว้
“ก็ดีนี่”ภาคินตอบ มือบางขยับหยิกแขนของคนตัวโตอย่างแรงโทษฐาน ที่จูบคอเขา
“ฉันรักนายมากๆเลย”
“หึ ฉันก็รักนายเหมือนกัน”

   เจโลเป็นคนทำอาหารเย็นวันนี้ เขาเลือกทำสตูเนื้อเพราะได้ยินจากภาคินว่า ภาคีค่อนข้างชอบมัน
“จะกินได้เร้อ!”ภาคีอดที่จะแขวะว่าที่ลูกเขยไม่ได้ เจโลทำเพียงยิ้มรับไม่ได้โมโหอะไร พ่อตาเขาก็เป็นอย่างนี้แหละ ปากร้ายแต่ใจดี มือหนาปรุงรสอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างก็เป็นอันเสร็จ
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ”ภาคินเอ่ยออกมา มือบางจับช้อนตักสตูเข้าปาก ปรากฏว่ารสชาติมันอร่อยมากทีเดียว
“อร่อยดีนะ”ลิลินเอ่ยชม เจโลยิ้มรับขอบคุณ
“ก็งั้นๆแหละ”ภาคีเอ่ยแขวะออกมา ไม่อยากยอมรับหรอกว่า อาหารที่ลูกเขยทำอร่อยเอามากๆ เจโลทำได้แค่ยิ้มแหยๆไปให้
   มื้อเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ค่อนข้างที่จะดึกแล้ว ภาคินชี้ชวนให้เจโลออกมาดูดาวนอกระเบียง ดวงดาวมากมายอยู่บนท้องฟ้า สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะไม่ได้อยู่ในเมืองล่ะมั้ง
“ไม่เย็นรึไง”เจโลถาม มือหนาหยิบผ้าห่มออกมาด้วยก่อนจะคลุมไปบนร่างของภาคิน คนตัวบางหันมายิ้มให้
“พรุ่งนี้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนะ”เจโลยิ้มอย่างเอ็นดู เพราะที่นี่เป็นนอกเมืองไม่มีตึกรา บ้านช่องสูงใหญ่มีแค่ไร่ข้าวโพด ฉะนั้นจะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่แปลก
    ทั้งคู่ย้ายตัวเองมานอนคุยกันบนเตียงเพราะเจโลให้เหตุผลว่า ข้างนอกอากาศค่อนข้างหนาวแล้ว
“นายอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่มั้ย?”เจโลถามออกมา
“ทำไมเหรอ”
“บางทีฉันคิดว่านายน่าจะชอบที่นี่มากกว่าไงล่ะ”เจโลเอ่ยยิ้ม มือหนาจับม้วนเส้นผมที่เริ่มยาวแล้วของภาคินเล่นไปมา
“แล้วอู่นายล่ะ ที่ทำงานฉันอีก”ภาคินคิดหนัก ใจหนึ่งก็อยากจะมาอยู่ที่นี่ แต่อีกใจหนึ่งก็ห่วงงาน
“อู่ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอกนะ เพราะลูกน้องฉันก็มี สั่งงานไว้ได้ ถ้าด่วนจริงๆฉันก็จะขึ้นไปเมืองหลวง”
“อืม แต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆนี่นา”ภาคินเอ่ยออกมา เจโลอมยิ้มนิดๆ
“ใครว่าจะให้นายอยู่เฉยๆกันล่ะ”เจโลยิ้มกริ่ม ก่อนจะขยับตัวขึ้นคร่อมคนตัวเล็กกว่า
“นี่! นะ นายจะทำอะไร”ใบหน้าหวานแดงก่ำ ริมฝีปากบางเม้มแน่น เจโลยิ้มหวาน
“คืนนี้ ขอนะ”ไม่รอให้ภาคินปฏิเสธ เจโลจัดการบดจูบลงไปปิดเสียงของคนตัวบางให้กลายเป็นเสียงครางอื้ออึง ลิ้นร้อนไล้เลียริมฝีปากบางไปมา ก่อนที่ภาคินจะยอมอ้าปากเพื่อรับลิ้นของอีกฝ่ายเข้ามา
“อื้อ อืม”มือบางขยำแขนเสื้อของเจโลจนยับยู่ยี่ เสียงจูบยังคงดังกึกก้องจน ใบหน้าของภาคินแดงหนักกว่าเดิม
     เจโลถอนจูบออกมา มือหนาเช็ดน้ำเชื่อมสีใสที่เปรอะรอบปากบาง ภาคินเม้มปากที่บวมเจ่อแน่น ใบหน้าแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ เจโลยิ้มอย่างเอ็นดู มือหนาปลดกระดุมเสื้อของภาคินออกแต่ก็ไม่ได้ถอดแต่อย่างไร เขาอาจจะโรคจิตก็ได้ที่ชอบเวลาคนตัวเล็กสวมเพียงเชิ้ตตัวเดียว เจโลถอดกางเกงของภาคินออก คนตัวเล็กปิดหน้าของตนอย่างอับอาย เมื่อรู้สึกว่าขาของตนถูกแยกออกกว้าง ถึงแม้จะมีอะไรกันหลายครั้งหลายคราแต่ใจก็อดเต้นระรัวไม่ได้ เจโลยิ้มขำกับท่าทีแบบนั้น มือหนาสะกิดยอดอกสีหวานเบาๆ เสียงครางเครือดังออกมา ทำให้คนตัวโตได้ใจ โน้มหน้าลงไปชิม
“อือ อ๊าส์”มือบางขยำเส้นผมของเจโลเมื่ออีกคนไล้ลิ้นเลียไปมาบนยอดอกของเขา เจโลทำสลับกันทั้งสองข้างจนยอดอกของภาคินเต็มไปด้วยน้ำเชื่อมสีใส
“อื้ออ”ภาคินเบ้หน้า เมื่อคนตัวโตขบกัดลงไปที่หน้าท้องแบนราบเพราะเขาค่อนข้างเจ็บนิดๆ
“หึๆ”เจโลหันมาสนใจ แก่นกายของคนตัวเล็กแทน มือหนาขยับจับเอาไว้ ก่อนจะรูดขึ้นลงไปมา ภาคินส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด เจโลยิ้มหื่น นิ้วเรียวแตะเบาๆที่ช่องทางด้านหลังก่อนจะขยับสอดเข้าไป
“อื้อ อืออ”ความกระสันเสียวเกิดขึ้นทันที ยิ่งนิ้วของเจโลหมุนควงไปมา โดนจุดที่ภาคินต้องเกร็งตัว
“มะ ไม่! อ๊า”นิ้วที่สองถูกสอดเข้าไป เจโลขยับเข้าออกเบาๆ
“ไม่อะไรครับ หืม”เจโลถามออกมา ก่อนจะโน้มไปมอบจุมพิตร้อนแรงให้กับคนตัวเล็ก ทั้งๆที่นิ้วเรียวยังไม่หยุดขยับ
“มะ ไม่เอานิ้ว เข้ามา อา”ภาคินปรือตามองคนตัวโตด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำด้วยหยาดน้ำตาที่คลอด้วยความเสียวซ่าน เจโลแทบกัดลิ้นตาย สภาพยั่วยวนแบบนี้ใครจะทนได้ล่ะว่ะ
    ถุงยางอนามัยถูกสวมเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะแค่เขาเห็นภาคินกลางกายก็ตื่นอย่างห้ามไม่อยู่ แก่นกายใหญ่ถูกจ่อเข้าที่ช่องทางที่เต้นตุบตับ เจโลค่อยๆสอดตัวเข้าไป พลางมองใบหน้าหวานของภาคินที่ขมวดคิ้วมุ่น
สวบ!
“อ๊า อือ อ๊ะ!”เจโลกดตัวเข้าไปรวดเดียว ทำให้ภาคินสะดุ้งกอดคนตัวโตไว้แน่น
“ขยับนะ”พูดจบ เจโลก็เริ่มซอยสะโพกเข้าออกจากเบาๆ จน เริ่มรุนแรงขึ้น
“อ๊ะ อ๊า”ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นมา ภาคินไม่อยากจะพูดเลยว่ามันรู้สึกดี มือหนากอบกุมแก่นกายเล็กเอาไว้รูดรั้งตามจังหวะรักที่บรรเลงไม่หยุด จนในที่สุด...
“อ๊างง”ภาคินครางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหอบหายใจ เจโลขยับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระตุกปลดปล่อยออกมา
“อืมมม”
“ออกไปเลยนะ”ภาคินเอ่ยออกมา มือบางตีเบาๆที่ไหล่แกร่ง
“หึๆ”เจโลกดจมูกหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ก่อนจะถอนตัวออก
      ทั้งสองเข้าไปอาบน้ำ ภาคินโดนคนตัวโตรังแกอีกรอบในห้องน้ำจนตอนนี้เหนื่อยจนหลับไปแล้ว เจโลดึงภาคินมากอดแน่น ก่อนจะโน้มไปกดจูบริมฝีปากเบาๆย้ำๆหลายๆที
“รักนะครับ ราตรีสวัสดิ์”

รุ่งเช้า
“ภาคิน ตื่น”แรงเขย่าที่แขนทำให้คนตัวเล็กลืมตาตื่นขึ้นมา มือบางยกขึ้นบิดขี้เกียจ
“กี่โมงแล้ว”
“ตี 5”เจโลตอบ ก็เพราะว่าภาคินอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้น
“ครับๆ”ภาคินพูดก่อนจะทำท่าล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ไม่ดูแล้วเหรอ?”
“เพราะใครกันล่ะ ที่ทำให้ผมเพลีย”ภาคินแหวใส่ คนตัวเล็กตื่นเต็มตาแล้ว ก่อนจะยันกายขึ้นเพื่อไปที่ระเบียง
“ตกลงว่าไง”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องที่จะย้ายมารึเปล่า”เจโลยิ้ม ภาคินยิ้มตาม ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น
“แล้วแต่นายเลย”ภาคินตอบอย่างเอาใจ ขยับเข้าไปซุกซบคนตัวโต เจโลหัวเราะเบาๆ มือหนายกขึ้นขยี้ไปมา
“หึๆ”
   ดวงอาทิตย์ลูกใหญ่ปรากฏแก่สายตา ภาคินองภาพตรงหน้าอย่างต้องมนตร์ เขาคิดว่าการที่เขาได้รักและรู้จักเจโลเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ในชีวิตของเขาเลย ภาคินไม่รู้ว่าจะรักผู้ชายคนไหนได้เท่าเจโลหรือไม่ คนตัวเล็กไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อนยกเว้นพ่อกับแม่
“ฉันรักนาย”เจโลหันมายิ้มให้ ก่อนจะกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง แล้วกระซิบถ้อยคำหวานหู

“I Love you, My dear.”


ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
Virus ผมเรียกมันว่า ‘ซอมบี้’: ตอนพิเศษ

คิม หญิงสาวปริศนา
เป็นเรื่องราวก่อนที่จะไปช่วยเทย์ตัน และความสัมพันธ์ของเธอกับทรายด์

    หญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากสำนักงาน คิมรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ หล่อนเป็นนักวิจัยคนหนึ่งใน     แล็ปของทรายด์ชายร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าคมคายหล่อเหลาเอาการ
“ส่งตัวอย่างนี้ไปที่ศูนย์วิจัยไวรัส”หญิงสาวยื่นเอกสารให้บุรุษชุดขาว ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าห้องของทรายด์
“นัดไว้รึเปล่า”เลขาสาวเอ่ยถามออกมา คำถามเดิมๆที่ถามอยู่ทุกวันที่หล่อนมาที่นี่
“เหอะ เธอน่ะไม่เบื่อรึไง?”คิมเอ่ยเสียงขึ้นจมูก มือบางผลักประตูออกก่อนจะพบกับร่างสูงโปร่งของทรายด์
“ว่าไง คุณผู้หญิง”ทรายด์เอ่ยทักทาย มือหนาโอบเอวบางพาเดินไปรอบห้อง
“ปล่อยเลย”คิมกรอกตาไปมา สะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของทรายด์ เจ้าของร่างสูงโปร่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“งานล่ะ”
“อืม ฉันให้คนเอาไวรัสมาแล้วแต่ฉันไม่คิดว่ามันจะใช้งานได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอกนะ”คิมบอก หล่อนแอบหยิบฝังเมืองใต้ดินใส่กระเป๋ากันหนี
“ค่าจ้าง”หญิงสาวแบมือตรงหน้าทรายด์ จนอีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะผิวปากและประตูก็เปิดออกพร้อมกับบุรุษชุดขาวที่ถือกระเป๋าสีดำเข้ามา
“ตามที่ตกลง คุณผู้หญิง”ทรายด์ยิ้ม คิมเปิดกระเป๋าออกดู ก่อนจะคลี่เงินในนั้นเพื่อตรวจเช็ค
“หึ”หญิงสาวแย่งกระเป๋ามาถือไว้ พอดีกับที่หลอดบรรจุไวรัสมาถึง ทรายด์หยิบขึ้นไปมองอย่างหลงใหลก่อนจะเก็บเข้าที่เดิม
“จะไปแล้วเหรอ”ทรายด์เอ่ยทักขึ้นมา เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังเดินออกจกห้องไป
“ใช่ ฉันหมดธุระจากที่นี่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะกลับล่ะ”คิมเอ่ยอย่างไม่แยแส หล่อนรู้ว่าทรายด์คิดยังไงกับตัวเอง แต่เพราะว่าคิมมีบางคนในใจแล้วจึงไม่สนใจที่จะรักตอบทรายด์เลยซักนิด
“เธอก็รู้นี่คุณผู้หญิง ว่าฉันไม่มีทางปล่อยเธอแน่”
“เหอะ คุณคิดผิดแล้ว ฉันไม่ผูกมัดกับใครทั้งนั้น ตัดใจซะเถอะนะ”หญิงสาวเดินจากไปทิ้งไว้เพียงทรายด์ที่ระบายโทสะกับข้าวของในห้อง
“เราได้เห็นดีกันแน่ คิม!”

  หญิงสาวเดินออกจากสำนักงานด้วยอารมณ์ขุ่นๆ หล่อนรู้อยู่แก่ใจว่า ทรายด์ค่อนข้างจะ ชื่นชอบตนมากพอสมควร แต่ในเมื่อหัวใจดวงนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว หล่อนไม่ใช่คนสองใจถึงทรายด์จะดีเพียงใดก็ตาม
“คุณคิมครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”บุรุษชุดขาววิ่งออกมา คิมขมวดคิ้ว
“มีอะไร”
“บอส บ้าไปแล้วครับ ตอนนี้เขาอยู่บนฮ.”คิมไม่เข้าใจที่บุรุษชุดขาวพูดบอกแต่อย่างใด แต่ขาเรียวก็พาตัวเองวิ่งขึ้นบันไดจนมาถึงดาดฟ้า
“ทรายด์!”
“หึๆ คุณผู้หญิง”คนตัวสูงยิ้มรับ มือหนาหยิบหลอดไวรัสออกมาจากกระเป๋า
“นายจะทำอะไรกันแน่”หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นว่าทรายด์จะโยนมันลงพื้น
“ทำในสิ่งที่ควรไงครับ”ทรายด์กระตุกยิ้มร้ายกาจ คิมไม่ทันได้เอ่ยห้ามปราม คนตัวสูงก็โยนหลอดที่บรรจุไวรัสลงไปด้านล่าง ด้านล่างตึกที่มีบุรุษชุดขาวและนักวิจัยเดินกันขวักไขว้ คิมอ้าปากค้างมองลงไปด้านล่าง ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือ บุรุษชุดขาวเริ่มติดเชื้อ
“นาย!”คิมหันกลับมาก็ไม่พบทรายด์แล้ว เสียงฮ.ดังขึ้นอยู่เหนือหัว หญิงสาวรู้สึกโมโห ไวรัสที่หล่อนวิจัยนั้นถ้านำมาใช้ในการรักษาจะเป็นการดีแต่ถ้านำมาใช้ในทางที่ผิดจะให้ผลคือหายนะ! ทั้งๆที่ทรายด์สัญญากับหล่อนแล้วว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด
“ชิ!”คิมสถบออกมา วันนี้ไม่ได้เอาดาบญี่ปุ่นคู่ใจมาด้วย มือเรียวหยิบปืนออกมาจากกระเป๋า หล่อนคิดในใจว่าด้านล่างต้องเต็มไปด้วยซอมบี้แล้วเป็นแน่แท้
       
        หญิงสาวเดินไปตามทางเดินโดยแนบกายติดกับผนัง มือเรียวกระชับปืนในมือแน่น ชั้นนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจนักเพราะเป็นชั้นที่ทรายด์สั่งคนทดลองอะไรแปลกๆ
ติ้ง!
   เสียงลิฟต์ดังขึ้น คิมได้กลิ่นลางร้ายมาเยือนและมันก็มาจริงๆ พอประตูลิฟต์เปิดออกเหล่าซอมบี้ที่อัดแน่นอยู่ในนั้นต่างกรูกันเข้ามา หญิงสาวกรอกตาไปมา มือเรียวขยับยิงหัวของซอมบี้อย่างชำนาญ ต้องขอบคุณเกมซอมบี้ชื่อดังที่ทำให้มีวันนี้
ปัง!! ปัง!!
  คิมวิ่งฝ่าออกไปจากฝูงซอมบี้อย่างรวดเร็ว จนสามารถเข้ามาในลิฟต์ได้
“บัย!”หญิงสาวยิ้มยียวน โบกมือไปมา
    ภายในลิฟต์ คิมรู้สึกอึดอัด อาจเพราะสภาพด้านนอกมีแต่ฝูงซอมบี้กระมัง คิมกดลิฟต์ไปยังลานจอดรถ คิดว่าอาจจะมีรถสักคันที่ยังใช้ได้อยู่
   ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวค่อยๆเดินออกมา กระชับด้ามปืนในมือแนบแน่น ลานจอดรถโล่งจนคิมเกิดอาการสงสัย บรรยากาศน่าสงสัยลอยคลุ้งไปหมด คิมกรอกตาบน ปัดความสงสัยออกไป จนเห็นรถคันหรูของตัวเองจอดอยู่
“ดีล่ะ!”
    รถคันหรูเคลื่อนออกจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานไปข้างหน้า หล่อนไม่สนใจว่าจะชนซอมบี้ไปกี่ตัว เหวี่ยงชนผนังจนเป็นรูเมื่อเธอดริฟ เมื่อออกมาจากตึกได้ คิมถอนหายใจ เมื่อขับออกมาได้สักพัก นัยน์ตาเรียวสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งยืนอยู่บนพัดลมแอร์ คิมยิ้มขำมองร่างสูงโปร่งแล้วส่ายหน้า ไม่น่าจะรอดแฮะ ลมหายใจพรูออกมา หญิงสาวเกิดอาการอยากจะเป็นคนดีขึ้นมากะทันหัน เลยบึ่งรถเข้าไปช่วย....
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด








ออฟไลน์ youpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • https://m.facebook.com/profile.php?id=1666327586936224
Virus ผมเรียกมันว่า ‘ซอมบี้’: ตอนพิเศษ

หากเราย้อนเวลาได้ (เทย์ตันXอาซึกิ)
บางครั้งมนุษย์ก็สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความรัก ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะหวนกลับมาทำร้ายตนก็ตาม

“ไง”เทย์ตันส่งเสียงทักทาย ตรงหน้าเขาก็คืออาซึกิที่ถูกขังในสถานที่กักกันชั่วคราว แผ่นพลาสติกใบกางกั้นระหว่างคนทั้งสอง ใบหน้าเรียวสวยของอาซึกินั้นถ้าดูเผินๆ อีกฝ่ายไม่ได้หยี่ระอาที่ตัวเองไม่ได้รับอิสระเลย แต่ถ้าจ้องลึกไปในดวงตานั่นแล้วล่ะก็ เทย์ตันรู้ว่าอาซึกิโหยหาอิสรภาพมากมายแค่ไหน
“มาทำไม”เสียงหวานเอ่ยถามเย็นชา แต่ดวงตาสั่นระริก
“มาเยี่ยม”เทย์ตันตอบเพียงแค่นั้น ใบหน้าหวานของอาซึกิหันมาหาเขา นัยน์ตาสั่นๆนั่น ทำเอาใจของเทย์ตันอ่อนยวบ
“จะมาเยาะเย้ยกันรึไง!”อาซึกิตะหวาดออกมา มือบางกำแน่น
“ฉันอยากรู้ แค่คำถามเดียว”
“…”
“นายเคยคิดที่จะรักฉันบ้างไหม?”
“…”อาซึกิเงยหน้าขึ้นมองเพดาน กระพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อคลอ ก่อนจะกระตุกยิ้มฝืนออกมา พลางแสร้งหัวเราะเยาะเย้ย
“ฟังให้ดีนะ คนโง่ ฉันไม่เคยคิดแม้จะรักนาย!”
“...”หัวใจของเทย์ตันกระตุก เหมือนมีเข็มนับพันเล่มเสียบทะลุ ใบหน้าคมฝืนยิ้มออกมา
“ขอบคุณที่ตอบคำถามนะครับ”
   เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้น เทย์ตันลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไป เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแผ่วเบา
“ถึงนายไม่รักฉันเลย แต่ฉันก็ยังจะดื้อรักนาย”

“ฮึก ฮืออ ออ”มือบางถูกยกขึ้นปิดใบหน้าหวาน น้ำสีใสมากมายไหลลงมา
‘ดีแล้วล่ะ’
   อาซึกิรู้ตัวดีที่เขาพูดออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นคำโกหก ปากเขาอยากจะบอกว่ารักเทย์ตันใจจะขาด รักตั้งแต่พบหน้าครั้งแรก ถึงแม้จะต้องทำตามคำสั่งของทรายด์แต่หัวใจเขาก็ยังรักเทย์ตันเสมอ
 .
.
.
หลายปีก่อน
   คนตัวบางเดินเรื่อยๆไปบนทางเท้าลอนดอนในยามเช้าช่างวุ่นวายเสียนี่กระไร
ตุบ! พลั่ก!
“เฮ้ย!”อาซึกิเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อมีอะไรบางอย่างชนเขาจนล้มไปนั่งกับพื้น
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรมั้ย?”มือหนาฉุดให้อาซึกิลุกขึ้น นัยน์ตากลมโตสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอย่างไม่ตั้งใจ เป็นครั้งแรกที่หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา ราวกับเวลาทั้งโลกหยุดลง มือทั้งสองของเทย์ตันกุมกระชับแขนบางไม่ยอมปล่อย จนเป็นอาซึกิเองที่ได้สติกระแฮ่มไอขึ้นมา
พรึ่บ!
   เทย์ตันปล่อยแขนบาง มือหนายกขึ้นลูบท้ายทอยอย่างอายๆ
“ไปดื่มกาแฟกันมั้ย?”เทย์ตันถาม คนตัวบางกระพริบตาปริบๆก่อนจะพยักหน้า
    ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้เริ่มขึ้น จากเพื่อนกลายเป็นคนรู้ใจ จากคนรู้ใจก็ได้เลื่อนกลายเป็นคนรักในเวลาไม่นาน
“ฉันได้งานใหม่แล้ว”เทย์ตันพูดบอก อ้อมแขนแกร่งกอดรัดร่างของอาซึกิไม่ยอมปล่อย
“ดีจัง! นายพยายามได้ดีนี่”อาซึกิเอ่ยตอบรับยิ้มๆ ใบหน้าหวานหันไปมองก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวานให้กันและกัน


“อาซึกิ”
“ครับ บอส”
“นายไม่ได้สนใจกฎของเราเลยใช่มั้ย?”
“ผมรักเขาครับ เพราะฉะนั้นผมจะขอลาออกเอง”มือบางวางซองสีขาวลงบนโต๊ะ

“อึก!”อาซึกิรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก กายบางลุกขึ้นจากเตียงไปยังห้องน้ำ อาซึกิไอออกมา คนตัวเล็กตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเลือดสีสดไหลออกมา

“คุณเป็นโรคชนิดใหม่ที่ไม่มีทางรักษา หมอไม่สามารถระบุได้ว่าคุณจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหมอขอเสียใจด้วยนะครับ”

“เราเลิกกันเถอะ เทย์ตัน”
“ทำไม อาซึกิ เพราะอะไร”
“เพราะฉันไม่เคยรักนายไงล่ะ ฉันหลอกนายมาตลอด”
“ไม่จริงใช่มั้ย บอกฉันว่ามันไม่จริง!!”
“หึ ไอ้โง่เอ๊ย!”

‘ขอโทษนะ เทย์ตัน’
‘ขอโทษ’


“ลาก่อนเทย์ตัน”กายบางทรุดตัวลงนอนกับพื้น ผู้คนในชุดตำรวจรีบอุ้มร่างของอาซึกิขึ้นอย่างร้อนรน
“คนไข้ไม่หายใจแล้วครับ”






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด