คณิตจิตป่วน
[/color][/size]
ผมเรียนวิทยาศาสตร์ เอกคณิตศาสตร์ นอกจากจะเรียนคณะที่เขาไม่ค่อยจะเรียนกันแล้ว หรือเรียกว่าคณะพักของเด็กแอดมิชชั่น ยังต้องมาเรียนในเอกที่เขาบอกว่าหางานยากอันดับต้นๆ ก็เขาบอกกันมาสิครับว่า เรียนเลข เป็นอะไรได้นอกจากเป็นครู ผมนี่ลุกขึ้นเลยครับ
ผมเห็นด้วย
ก็มันจริงนี่ครับ แต่อยากกว่า กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงฝั่งฝันไหม เพราะนี่ก็ขึ้นปี 2 ละ หลังจากที่ลองแอดมิชชั่น บัญชีตามที่อยากเรียน แต่ก็ชวด เลยจำใจยอมรับในโชคชะตาของตัวเองที่ต้องมารันทดเรียนวิทยาฯ เอกคณิตฯ แบบนี้
พอเรียนไปเรียนมา ผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงทำหน้าแขยงทุกทีเวลาพูดถึงคณะวิทยาศาสตร์ ก็เพราะว่าพวกผมเรียนถึงขั้นแก่นไงครับ ถ้าใครคิดว่าเรียนเลขแบบผมแล้วจะเจอตัวเลขนะ เลิกคิดไปได้เลย พิสูจน์สูตรล้วน พิสูจน์จนต้องเข้าใจว่ามันมายังไง เอากับเขาสิครับ
แต่ว่าผมเลิกพูดถึงอันพวกนั้นดีกว่า เรามาพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันกันดีกว่าครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าคลาสชั้นเรียนเพราะว่าผมมีหน้าที่ติวให้กับน้องๆ ปี 1 ในวิชาแคลคูลัส เพราะเหตุที่ว่าทำคะแนนไว้ท็อปในปีที่แล้ว เด็กทุนในคณะเลยให้ผมมาช่วย ทั้งที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรแม่งกับทุนของเขาเลย เพื่อนเคยยุให้ขอทุน แต่ผมไม่ขอ ไม่ใช่ผมหยิ่งหรอกครับ
ผมเหนื่อย
เป็นเด็กทุนห่าเหวอะไร ต้องมานั่งปวดหัวเพราะกลัวหลุดทุน สู้เรียนสบายๆ แต่เกรดงามๆ แบบผมดีกว่าเยอะ อิอิ
“สวัสดีครับน้องๆ วันนี้เรามาเริ่มกันเลยเนอะ...จะได้ไม่เสียเวลา”ว่าแล้วผมก็จับไมค์ขึ้นโซโล่กันเลย มีเวลาที่สองชั่วโมงเท่านั้น แรปได้ผมแรป ข้ามได้ผมข้าม แต่ก็เน้นตรงจุดสำคัญ
“ตรงนี้เลยตอบเท่าไรครับ ลิมิต...”ผมเงยหน้าจากกระดาษที่ตัวเองเขียนขึ้นโปรเจ็คเตอร์ แล้วถามรุ่นน้องหน้าตาน่ารักที่นั่งเรียงรายกันอยู่หน้าสลอน แต่
“...”
ขออภัยค่ะ ไม่มีเสียงตอบรับจากสิ่งที่คุณต้องการค่ะ
เสียงภรรยาน้อยพ่อผมเวลาที่ผมจะโทรฯ ไปหาพ่อแล้วพ่อปิดเครื่อง ผมก็งงทุกครั้งว่าทำไมพ่อถึงไม่รับเอง หรือให้แม่รับ ไม่พอใจอย่างมากที่พ่อเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มารับโทรศัพท์ - -
แต่อันนั้นไม่ใช่ประเด็น
“กลัวตอบผิดกันละสิ ไม่ต้องกลัว ข้อนี้ตอบ 0 นะครับ”ผมบอกแล้วเขียนวิธีทำให้ดู
“ขออนุญาตครับพี่”อยู่ๆ ก็มีเสียงน้องคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ครับ”ผมเลิกคิ้วแล้วมองหน้าน้องเขา แววตาสีดำเข้ม คิ้วหนา ริมฝีปากหนา จมูกโด่งเป็นสันนั้น ทำให้ผมใจกระตุกทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง คือจะพูดว่าหล่อก็ได้ครับ น้องมันหล่อมาก ยิ่งอยู่ในชุดนักศึกษาผูกเนคไทแล้ว ผมว่าส่วนสูงของมันคงไม่ต่ำกว่า 180 เป็นแน่
“ผมว่าข้อนี่พี่คิดผิดครับ”โอ้โห...ภาพเจนเถียงกับครูอังกฤษในเรื่องฮอร์โมนเข้ามาเป็นฉากๆ เลยครับ แต่ผมเป็นแค่นักศึกษารุ่นพี่ จะมาปาช็อคใส่ไม่ได้ แล้วจะบอกน้องว่า
“พี่เรียนเลขมา 14 ปีตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง การจะเทคลิมิตต้องดูตามบริบทของโจทย์ จะมาเทคมั่วๆ ซั่วๆ ไม่ได้” แต่ก็ได้แค่คิดครับ กลัวว่าตัวเองจะหน้าแตกก่อน ผมเลยก้มลงมองโจทย์อีกครั้งแล้วก็ลองทำ ผมก็ว่ามันก็ได้ 0 ไอ้เด็กหล่อ ห่าคนนี้นี่
“พี่ว่าได้ศูนย์นะครับ คนอื่นว่ายังไงครับ”ผมเลิกคิ้วถามน้องๆ ในห้องนั้น ทุกคนก้มหน้าก้มตามองดูโจทย์อย่างเคร่งเครียด
“มันต้องหาค่าไม่ได้ครับ”น้องมันบอกแล้วลุกขึ้นเดินทำหน้านิ่งมาหาผม มึงคิดว่ามึงหล่อมากหรือไง
เออ ! มึงหล่อ
น้องหล่อมันวางกระดาษดังตึง ตรงหน้าผม ผมนี่แทบสะดุ้ง พร้อมกับเสียงฮือฮาในห้อง ก่อนที่น้องมันจะชี้จุดที่มันต้องการจะอธิบาย
“พี่ผ่านแคลคูลัสปีหนึ่งมาได้ยังไง เรื่องแค่นี้ยังสะเพร่า ส่วนมันเป็นศูนย์ครับ แล้วเลควิธีอื่นๆ ก็เหมือนกัน เลยหาค่าไม่ได้”ไอ้สัส ไอ้เด็กเวรนี่ ถ้าไม่ติดว่ามึงหล่อนะ ในตัวมึงจะไม่มีอะไรดีเลย ไอ้เด็กปีหนึ่งเปรต ผมหันขวับลงมองโจทย์แล้วทำตามความเข้าใจของตัวเองอีกครั้ง แล้วสิ่งที่ผมเจอนี่ผมแทบลุกขึ้นจ้องตากับน้องมันเลยครับ ผมจองเข้าไปในดวงตาของมันอย่างไม่ยอมแล้วบอกว่า
“ใช่ครับ พี่ผิดเอง น้องเก่งมากๆ เลย เดี๋ยวพี่มีของรางวัลให้นะ แต่ตอนนี้ติดไว้ก่อน”ผมบอกแล้วยิ้มให้มันแห้งๆ คือน้องมันถูกจริงๆ ครับ และผมก็สะเพร่าเอง การทำโจทย์เลขต้องรอบคอบอย่างมาก จะมาผิดแบบนี้ ถือว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ที่จะไม่ได้ใบประกาศเกียรติคุณ
ไอ้น้องนั่นถอนหายใจแล้วหยิบกระดาษของตัวเอง เดินกลับเข้าที่นั่งไป ผมได้แต่คิดในใจ ตอนกูถามทำไมมึงไม่ตอบ นี่มึงกะมาตอบตอนกูเฉลยให้กูหน้าแตกใช่ไหม ไอ้เวร
“อย่าลืมมาทวงด้วยนะ ว่าแต่น้องชื่ออะไร อยู่เอกอะไรอ่ะ”ผมถามใส่ไมค์ ผมตั้งใจจะให้น้องจริงๆ ครับ ไม่ใช่เพราะความพิศวาส
หรอกนะ แต่เพราะว่าน้องมันเก่งและเป็นนโนบายของผมที่จะสนับสนุนเด็กไทยที่มีความสามารถ
“ทอย เคมีครับ”น้องมันตอบ
“อ่อ น้องทอย ทุกคนปรบมือให้น้องทอยคนเก่งและสุดหล่อของเราหน่อยเร็ว”ผมเชิญชวนเด็กทั้งห้อง แล้วทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม ผมก็ปล่อยน้องกลับเลย ก่อนที่ผมจะเก็บของของตัวเองนิดหน่อยแล้วก็เดินออกจากห้องสอนเพื่อไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ข้างล่าง
“ไอ้พลัส ว่าไงมึง ติวเสร็จแล้ว ?”ไอ้มีนเพื่อนผมเลิกคิ้วขึ้นถาม ผมเลยพยักหน้า พลัสคือชื่อของผมเองครับ นอกจากจะเรียนเลขแล้ว ยังมีชื่อเล่นที่เหมาะเหมงกับเอกอีก แล้วชื่อจริงที่แปลว่าเพิ่มพูนอะสักอย่างนี่อีก ด้วยชื่อ “ทวีพัฒน์” เหมือนฟ้ากำหนดมาให้ผมเรียนด้านนี้โดยเฉพาะ
“แล้วไปไหนต่อ”ไอ้มีนถามผม
“แดกข้าว”
“งั้นป่ะ”มันลากแขนผมไปทันที
“เฮ้ย เบาๆ กูเดินเองได้ไอ้สัส”
“ก็มึงช้า”มันบอกก่อนที่ผมจะสะบัดแขนตัวเองออกอย่างสะดีดสะดิ้ง กูเป็นผู้ชายรักนวลสงวนตัว ผมเดินลงมาหน้าตึก ก็เห็นไอ้น้องหน้าหล่อนั่นยืนรออะไรอยู่ ผมเลยทัก
“อ้าว น้องทอย รอใครครับ”ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนกัน แต่ผมรู้สึกอยากคุยกับน้องเขามากๆ
“รอรถรางครับ”น้องมันบอก แล้วหันไปมองถนน
“อ่อ วันนี้เก่งมากนะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนพี่ด้วย อย่าลืมเตือนเรื่องของรางวัลล่ะ”ผมย้ำ
“พี่ก็อย่าสอนผิดบ่อยสิครับ”มันหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้านิ่งๆ
“พี่จะพยายาม”
“ไม่ใช่พยายามแต่ต้องทำ”
“รู้แล้วน่า”
“ในฐานะติวเตอร์หรืออาจารย์ มันไม่ควรสอนอะไรผิดๆ ให้กับนักเรียนนักศึกษาครับ”กูว่ากูเริ่มจะทนไอ้น้องน่านิ่งสุดหล่อนี่ไม่ไหวละ มึงจะเอาไง มึงว่ามา กูพร้อมสู้ มาดิมา !
“คร้าบ ขอบคุณครับพี่เตือน หน้านิ่งต่อไปเถอะน้อง ขอให้โดนฉุด”ผมบอกแล้วเดินออกมาทันที ผมเปลี่ยนใจไม่ให้ของรางวัลมันได้ไหมอ่ะ
กูเริ่มหมั่นไส้มันแล้ว วันรุ่งขึ้นผมแวะเข้าร้านกิฟท์ช็อปหน้าหอเล็กน้อยเพื่อหาของรางวัลให้ไอ้น้องทอยของเล่นอะไรนั่น แต่เดินวนอยู่แปดรอบ ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรมันดี คุณลองนิ่งผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ หน้าตี๋ๆ แต่ไม่ติ๋มแล้วหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์ดูสิครับ ดูของในร้านกิฟท์ช็อปนี่มันไม่มีอะไรเข้ากับหน้าน้องมันเลยสักอย่าง
สงสัยผมต้องไปซื้อดีวีดีเสียงอีสาน ตลกตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้านอะไรเทือกนั้นให้มันดู เผื่อมันจะยิ้มออกมาได้บ้าง แต่ที่นี่ไม่มีไง ผมเลยเดินไปเจอพวงกุญแจตุ๊กตาหน้ามึนตัวหนึ่ง ซึ่งผมว่าน่ารักดี แล้วคิดว่าหน้ามันเหมือนไอ้น้องทอยหน้ามึนนั่น ผมเลยหยิบมาแล้วไปจ่ายตังค์ ก่อนจะไปที่มหา’ลัยทันที เพราะว่าจะไม่ทันคลาสแรกอยู่แล้ว
เรียนคลาสเช้าเสร็จก็ถึงเวลาพักกลางวัน ผมเดินลงจากตึกพร้อมกับเพื่อนๆ ในเอก แล้วก็แยกไปกับไอ้มีนที่มากับผม ผมคุยจ้อกับมันไปเรื่อยๆ โดยที่พลันสายตาไปสังเกตเห็นทอยเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก เธอเงยหน้าคุยหงุงหงิงกับมันอยู่ ผมได้แต่เบะปากอย่างหมั่นไส้
“ทอยจ๋าวันนี้ว่างไหม ?”น้องผู้หญิงถาม
“ไม่”มันตอบหน้านิ่งๆ
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ”
“ไม่”
“มะรืน”
“ไม่”
“วันเสาร์”
“ไม่”
“อาทิตย์?”
“ไม่”
“ตอนเย็น”
“ไม่”
“ถ้าขอเป็นแฟนจะปฏิเสธไหม ?”
“ไม่...เฮ้ย”ไอ้ทอยร้องเสียงหลงทันทีเมื่อโดนน้องผู้หญิงแกล้ง เธอดูจะชอบอกชอบใจใหญ่ “ไปไหนก็ไป ไปกวาง เราจะไปกิน
ข้าว”น้องทอยหันไปไล่หญิงสาวอย่างตัดรำคาญ ผมมองหน้ามันที่ไล่น้องเขาแล้วก็อดสงสารน้องเขาไม่ได้ โธ่ น้องสาว มันไม่รักมาหาพี่ก็ได้
“ทอยอ่ะ เราแค่อยากให้ทอยช่วยติวแคลฯ ให้เราหน่อยแค่นั้นเอง”น้องกวางบอกกับมัน ทอยถอนหายใจก่อนที่หางตามันจะจ้องมาที่ผม
“พอดี...เราไม่ว่าง เรานัดติวกับพี่พลัสไว้”ไอ้ทอยเดินเข้ามาหาผม แล้วยืนข้างๆ ทันที ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ อย่าๆ อย่าเอากูไปเกี่ยวกับสถานการณ์ ไม่นะไม่
“งั้นดีเลย พี่พลัสติวให้กวางด้วยสิ”น้องกวางวิ่งเข้ามาเกี่ยวแขน
“อะ...อะไรนะครับ ?”ผมเลิกคิ้ว
“ไม่ได้หรอก พี่พลัสต้องไปติวที่หอเรา เป็นหอชาย กวางขึ้นไม่ได้”ไอ้ทอยพูด ผมหันหน้าไปมองหน้ามันแล้วเลิกคิ้วถามว่า
“มึงจะเล่นอะไร ?”
“ก็...”น้องกวางจะพูด
“ใช่ไหมพี่พลัส พี่พลัสบอกทอยว่าจะติวตอนนี้เลยนี่ งั้นไปเถอะ ป่ะ ขอโทษนะกวาง”ไอ้ทอยพูดจบมันก็ลากแขนผมออกมาทันที ไอ้มีนยังไม่ทันได้มีบทบาทในการสนทนาครั้งนี้ มันก็ถูกผมทิ้งไว้กลางทางเสียแล้ว
กูขอโทษมีน กูยังไม่ได้พูดอะไร กูก็โดนออกมาแล้ว (พูดเสียงตีญ่า)
ไอ้ทอยลากผมมาที่หน้าคณะ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านอะไรจากผมเลยสักนิด เล่นเอาผมเหนื่อยและหอบ ไอ้น้องห่านี่ นอกจากหน้านิ่งแล้วยังป่วนหัวผมเล่นจนจะกระเจิงละ
“เฮ้ย ช่วยบอกพี่ทีดิ๊ว่าทำอะไร”ผมเลิกคิ้วถาม
“ตัดรำคาญ”มันพูดหน้านิ่งๆ ตามสไลต์มัน
“รำคาญใคร”ผมเลิกคิ้ว
“ไม่มี”
“เอ้า..”งงสิครับคุณผู้ชม โงงงง “อะไรของมึงวะ”ผมพึมพำ “แล้วนี่พี่มีเรียนต่อนะ แค่นี้ใช่ป่ะ งั้นโชคดี...”ผมจะเดินออกไป
“อ้อ เกือบลืม อ่ะนี่”ผมยื่นตุ๊กตาที่ซื้อเมื่อเช้าให้มัน “ของรางวัล”ผมยิ้มทอยรับไปอย่างงงๆ แล้วมองอย่างพินิจอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ชอบอ่ะ ขอเปลี่ยนได้ป่ะ”มันพูดแล้วมองหน้าผมหน้านิ่งๆ กูอยากจะเอาอะไรกรีดหน้ามึงจริงๆ ทอย หน้านิ่งได้กวนบาทากูสุดๆ
“เปลี่ยนเป็นอะไร”ผมเลิกคิ้วถาม
“พี่ต้องติวแคลฯ ให้ผมจนจบเทอมนี้”
“อะไรนะ? !!!”เสียงดังลั่นถนนหน้าคณะเลยครับ ตกใจจริงๆ “พูดเล่นใช่ไหม พี่รู้น่า”ผมตบไหล่มันอย่างเป็นเชิงตลก
“ผมพูดจริง”มันพูดกับผมด้วยหน้านิ่งๆ จริงจัง เออกูเชื่อก็ได้
“เอาจริงดิ”ผมยังไม่เชื่อมันครับ มันพยักหน้าด้วยหน้ามึนๆ ของมัน คือกูอยากรู้ไงทอย ว่าหน้าหล่อๆ อย่างมึงเวลายิ้มจะหล่อขนาดไหน
“งั้นขอตุ๊กตาคืน”ผมแบมือ
“ให้ผมแล้ว รู้เปล่าว่าถ้าลิงได้กล้วยแล้วมันจะได้คืนยาก”มันบอก
“หมาได้กระดูกมากกว่า”ผมบอกแล้วยิ้มหัวเราะ
“ลิงน่ารักกว่าเยอะ”กูให้มุกนี้มึงไม่ผ่าน มึงไม่ได้แสดงหน้าตาน่ารักอะไรเลย หน้ามึงมีอยู่หน้าเดียว ตลอดเวลา จะทำตัวน่ารักก็ช่วยน่ารักให้จริงด้วยครับ น้องทอย !
“เออ ติวก็ติว”ผมบอกแล้วยิ้มๆ ไม่รู้ทำไม ผมก็อยากจะเห็นรอยยิ้มของมันสักครั้งเหมือนกัน แต่แค่เริ่มเทอมนี้ ผมก็หัวปั่นกับไอ้เด็กเวรนี่แล้วครับ ป่วนจิต ป่วนใจผมได้ตลอดจริงๆ
มิดเทอมตัวร้าย
ผมอยู่ที่ห้องไอ้ทอยครับ กำลังนั่งสอนกฎโลปิตาลให้มันอยู่ แต่ดูท่าผมไม่ได้สอนอะไรมันมากหรอก มันเข้าใจอยู่แล้ว
“ดิฟล่าง ดิฟบน คิดเลขแล้วได้เท่าไร”มันทำหน้างงเล็กน้อยหลังจากที่ผมถามไป “สองบวกสองเนี่ย เท่ากับเท่าไร ? เก่งมาตั้งนาน เรื่องง่ายๆ อย่าโง่นะโว้ย สองบวกสองเท่ากับเท่าไรเนี่ย”ผมบอกแล้วย้ำ
“หัวใจ”“ห๊ะ !!”คือมันตอบได้หน้านิ่งมากครับ
“ก็ผมโง่เรื่องหัวใจไง”มันบอกผม คือผมกับมันจะเรียกว่าสนิทก็สนิทนะครับ คือเจอกันทุกวันที่คณะ ผมมาติวให้มันทุกครั้งที่มีสอบเก็บคะแนน บางวันดึกก็นอนที่ห้องมัน เป็นแบบนี้จนชิน ผมแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ ผมต้องมาทำอะไรให้คนอื่นอย่างที่ไม่เคยทำ ผมจะรำคาญทุกครั้งที่มีใครขอให้ผมช่วยทำอะไร แต่ผมไม่เคยคิดจะรำคาญมันเลยสักครั้งที่มันขอให้ช่วย
ผมเต็มใจด้วยซ้ำ
“หน้าอย่างทอย ไม่โง่หรอกมั้ง หน้าตาก็ดี”ผมบอกแล้วหัวเราะ
“คนหน้าตาดี แต่ผมไม่รู้ว่าความรักคืออะไรนี่พี่”มันบอกแล้วเกาหัว
“เดี๋ยว นี่พี่มาติวให้ทอยนะ ไม่ได้มาสอนเรื่องหัวใจ”ผมว่าไอ้น้องคนนี้เริ่มจะป่วนจิตผมไปเรื่อยๆ แล้วครับ
“ก็ผมเก่งแล้วอ่ะ แต่ผมอยากเก่งเรื่องหัวใจบ้าง”มันบอกแล้วทำหน้ามึนๆ
“โอเคๆ”ผมหัวเราะ “อย่างแรกนะ ช่วยทำหน้าให้มันมีอารมณ์มากกว่านี้หน่อยได้ไหม ก็หน้าแบบนี้ไงคนอื่นถึงไม่เคยเข้าใจทอยสักที”
“ก็ผมรำคาญ”
“รำคาญใคร ?”
“คนที่มาจีบ”
“แล้วไม่ชอบ ?”ผมเลิกคิ้ว
“รำคาญ”มันส่ายหน้าแล้วตอบ ผมถอนหายใจ
“แล้วชอบใครบ้างป่ะ”ผมถาม
“ก็เหมือนจะมี”มันตอบหน้านิ่ง
“แล้วชอบยังไง”ผมเลิกคิ้วอีกครั้ง ตอนนี้วิชาแคลคูลัสถูกวางกองทิ้งไว้ข้างหลังแล้วครับ
“ก็...”มันทำหน้าเหมือนจะคิด แต่มันก็มีน่าเดียว ไอ้คุณชายหน้าเดียว ไอ้คุณชายทอย
“ขอได้ประหน้านิ่งๆ แบบนี้ ไหนยิ้มดิ๊”ผมบอกแล้วยิ้มกว้างให้มัน
“ไม่ชอบยิ้ม”มันบอกสั้นๆ หน้านิ่งๆ
“ยิ้มๆ”ผมเอื้อมมือไปแตะมุมปากมันทั้งสองข้างแล้วฉีกออกเป็นรอยยิ้ม แต่มันก็ดูฝืนๆ
“ลำบากน่า”มันบอกเสียงรำคาญ
“ยิ้มดิ”ผมบอกแล้วทำหน้ากวนๆ ให้มันไป “ยิ้มหน่อยน้า ทอยคนหล่อของคณะ ยิ้มน้า เดี๋ยวมีรางวัลให้”ผมทำเสียงอ้อน แล้วทำหน้าตาตลกๆ ใส่มันไปครับ ไม่ว่างจะเอียงหัว เล่นหน้าเล่นตา แลบลิ้น ตาเหล่
“คึ...”แล้วมันก็ได้ผม ไอ้ทอยหลุดหัวเราะออกมาแล้วยิ้มกว้างแบบ
หล่อชิบหายวายวอด
หล่อวัวตายความล้ม
ถ้าใครได้เห็นมันยิ้มต้องมีเป็นลมล้มพับกันไปบ้างล่ะ เหมือนผมตอนนี้ ที่จ้องรอยยิ้มของมัน แปลกนะครับที่ผมอยากเห็นมันยิ้มให้คนอื่น แต่ผมอยากเก็บรอยยิ้มของมันไว้คนเดียว เก็บไว้แบบเวลานี้ ตอนนี้
“พี่...”
“...”
“พี่พลัส...”
“...”
“พี่พลัสครับ !!!”ไม่รู้ว่าผมจ้องมันนานเท่าไร แต่ผมสะดุ้งตอนมันเรียกผม
“ห๊ะๆ มีอะไร”ผมถามแล้วทำหน้าเลิกลัก
“พี่ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดง”ทอยถามผม แล้วจิ้มที่หน้าตัวเอง โอยตายๆ หน้าตามึนๆ ของมันทำให้ผมถึงจ้องได้นานขนาดนั้นนะ
“เปล่าๆ มาติวต่อเถอะ”ผมบอก
“ติวอะไรพี่วันนี้จบแล้ว”ทอยบอกกับผม
“อ้าวหรอๆ”
“ไปกินข้าวกัน”มันชวนผม “หิวป่ะ ?”ทอยถามผม ผมพยักหน้า ทำไมใจเต้นแรงขนาดนี้วะ หยุดเต้นเร็วก่อนได้ไหม เลือดมันสูบฉีดเกินไปแล้ว ร้อนหน้าฉิบหายด้วย
ผมกับทอยขี่รถมาที่ตลาดเล็กๆ ในซอยหา เพื่อหาอะไรกินแล้วเราก็จบที่ร้านอาหารตามสั่งร้านเดิมที่พวกผมมากันประจำเป็นเวลาตลอดเดือนกว่าที่ติวให้กัน
“อ้าวพลัส มากับน้องทอยอีกแล้วหรอ”เสียงเพื่อนในเอกคนหนึ่งถามขึ้น ทอยค่อนข้างจะป๊อบในคณะครับ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำตัวเด่นห่าเหวอะไรเลย แต่ด้วยหน้าที่ดึงดูดทำให้มันค่อนข้างจะดัง
“อื้อ”ผมตอบสั้นๆ
“แหนะ...เป็นอะไรกันหรือเปล่า มาด้วยกันบ่อยๆ แบบนี้”เพื่อนผมชี้หน้า ผมรู้สึกร้อนขึ้นหน้าทันที
“เฮ้ย เปล่า แค่ไปติวให้น้องเฉยๆ”ผมบอกแล้วยิ้มหัวเราะ
“พี่พลัสกินเหมือนเดิมป่ะ”ทอยถามผมพร้อมกับกระดาษในมือ ผมพยักหน้า
“อ่ะ...เออๆ เหมือนเดิม”ผมบอกไป ทอยมันรู้ครับว่าคำว่า เหมือนเดิม ของผมคืออะไร เพราะไม่ว่าจะมากี่ครั้งผมก็สั่งเหมือนเดิมทุกครั้งที่มา
“ฮั่นแน่...รู้ด้วยว่าเหมือนเดิมคืออะไร มากกว่ารุ่นน้องแล้วมั้ง”เพื่อนผมยังแซวไม่หยุด ไอ้ห่าทอย มึงช่วยมาแยแสกูหน่อยได้ไหม
“ไม่มีอะไรจริงๆ เราขอตัวนะ”ผมบอก แต่ว่าไปเจอเพื่อนอีกคนที่เป็นผู้ชายในคณะแล้วค่อนข้างสนิทกัน
“อ้าวพลัส มากินข้าวหรอ”เสียงเขาถาม
“อื้อ ภีมล่ะ ?”ผมถามกลับ
“มากินข้าวเหมือนกัน นั่งไหนอ่ะ”ภีมถาม ผมเลยชี้ไปที่โต๊ะไอ้ทอยที่นั่งอยู่
“มากับน้องทอยหรอ ?”ภีมถามผมแล้วยิ้มให้กว้างๆ
“อื้อ”ผมบอกแล้วยิ้มกลับ
“งั้นขอนั่งด้วย...”
“ป้าครับ ใส่กล่องกลับครับ”เสียงไอ้ทอยบอกแล้วลุกขึ้นเดินมาหาผม ก่อนจะมายืนข้างผม สักพักป้าเขาก็เอาข้าวใส่กล่องมาให้ ทอยรับมาแล้วก็จ่ายตังค์พอดี ก่อนจะจับแขนผมแล้วลากออกไปทันที ผมนี่งงเลย
“เฮ้ยจะไปไหน?”
“กลับ”มันบอกสั้นๆ
“เฮ้ยทำไมไม่กินที่ร้าน”ผมถาม
“รำคาญคน”มันบอกแล้วลากผมไม่หยุด
“ภีมๆ...เราขอตัวนะ เฮ้ย อย่าเร็วดิ เดินไม่ทัน”ผมโวยวาย ผมนี่งงมากเลยครับอยู่ดีๆ มันก็ลากผมกลับโดยไม่ถามผมสักคำ ไอ้ห่าเวรนี่ก็ตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ โว้ยยยยย
ไม่นานก็มาถึงหอ ไอ้ทอยไม่พูดพร่ำ มันจัดการนั่งกินข้าวในกล่องอย่างเงียบๆ โดยที่ผมไม่กล้าพูดกับมัน เวลามันเงียบมันจะน่ากลัวมากครับ ผมยังไม่กล้าคุยกับมันเลย
“อ่ะ..เอ่อ กินข้าวเสร็จแล้ว พี่ว่าพี่กละ...”
“นอนนี่แหละ...”มันพูดสั้นๆ สายตาจดจ้องอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คของมัน
“พี่ไปนอนหอพี่ดีกว่า มันยังไม่ดึก”ผมบอกอย่างเกรงใจ
“บอกให้นอนก็นอนดิวะ”ทอยบอกกับผม ผมนี่ตกใจเลยครับโหมดนี้ของมันน่ากลัวมาก น่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
“กะ...ก็ได้”ผมบอก
เวลาเลยมาจนถึงเที่ยงคืน ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงที่ประจำทันที สักพักก็ได้ยินเสียงทอยเดินไปปิดไฟ ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนล้มตัวนอน ทอยยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ผมก็ไม่กล้าชวนคุย จนตอนนี้ผมนอนห่มผ้า มีแต่เสียงแอร์ทำงานดังอยู่แค่นั้น กับเสียงลมหายใจของผมกับมัน
แต่อยู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงวงแขนแกร่งที่เอื้อมมาโอบเอวผมไว้ พร้อมกับหน้าที่ซุกอยู่ทางด้านหลัง
“ทะ...ทอย”ผมร้องพูดชื่อน้องติดๆ ขัดๆ
“ไม่ชอบเลย”มันพูดสั้นๆ สไตล์มัน
“ไม่ชอบอะไร”ผมถาม
“ไม่ชอบที่พี่คุยกับพี่ภีม”มันบอกกับผม ผมเลยพลิกตัวหันไปมองหน้ามัน สายตาของผมจ้องกับมันอยู่ในความมืด
“ทำไมจะคุยไม่ได้ พี่กับภีมเป็นเพื่อนกัน”ผมบอก
“ก็ไม่ชอบ...มันรู้สึก...”ทอยบอกกับผม “แปลกๆ”
“แปลกยังไง ?”ผมถาม ตอนนี้ผมจ้องตาทอยอยู่ในความมืด แต่ผมก็ยังเห็นดวงตาของมันชัดเจน แม้ทุกครั้งที่จ้องมันจะไม่แสดงความรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าแววตาของทอยแตกต่างออกไป
“มันแปลก...ตรงนี้”ทอยเอื้อมมือมาจับผมมือแล้วไปทาบที่อกข้างซ้ายของมัน ผมรับรู้ได้ว่ามันเต้นแรงจนผิดปกติ “แต่ผมไม่ชอบที่พี่คุยกับพี่ภีมจริงๆ นะ”ทอยบอกกับผม ผมเลยถอนหายใจ
“หึงหรือไง ?”ผมถาม
“ผมไม่รู้ว่าหึงคืออะไร ?”อยากจะบ้าตาย ให้มันได้อย่างนี้สิ มึน อึน ซึน ยังไงก็อย่างนั้น ผมมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีมากที่มันบอกว่าไม่ชอบที่ผมคุยกับคนอื่น แต่คนที่บอกกับผมเองมันยังงงๆ อยู่เลย ผมก็ไม่สามารถเชื่อได้หรอกว่ามันจะชอบผมหรือเปล่า
“แล้วทำยังไงถึงจะเข้าใจ”ผมถามแล้วหัวเราะเบาๆ
“ก็มันคืออะไรอ่ะพี่ หึงอ่ะ”ผมล่ะอยากดึงหน้าตาหล่อของมันทิ้งจริงๆ ผมว่าถ้าเกิดมันรู้จักบริหารเสน่ห์ของมันนิดหน่อยก็คงจะป่วนหัวใจสาวๆ ไปทั่ว ขนาดตอนนี้ มันยังป่วนหัวจิตหัวใจของซะกระเจิงเลย
“ก็แบบ...”ผมจะอธิบาย “เวลาเราเห็นคนที่ชอบหรือแฟน ไปคุยกับคนอื่นแล้วเราไม่ชอบอ่ะ แบบที่ทอย...”ผมกำลังจะพูดแต่มองหน้ามัน
“ก็ผมยังไม่ชอบใคร”จบกัน โอเค งั้นนอน
“โอเค งั้นนอนเถอะ”ผมบอกแล้วหันกลับไปนอนเหมือนเดิม
“พี่บอกก่อนดิว่าคืออะไร ?”ไอ้นี่มันอายุเท่าไรแล้วครับ
“เดี๋ยวอยู่ๆ ไปเข้าใจเองแหละ ตอนนี้นอนเถอะ”ผมบอกแล้วก็นอนหลับไปทันที
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ทอยเข้าใจจริงๆ ครับ ผมไม่รู้จริงๆ แต่ที่น้องบอกว่ามันยังไม่มีคนชอบผมนี่โคตรของโคตรเฟลเลย มันจะป่วนใจผมมากเกินไปแล้วจริงๆ ผมว่าที่มันบอกว่ามันโง่เรื่องหัวใจ สงสัยจะจริงแหละครับ มันโคตรของโคตรโง่เลย ยังไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง แต่ทีกระชากผมออกจากคนอื่นล่ะทำได้ ดีจริง ไอ้เด็กเวร
ไฟนอลนั้น ฉันตายมาเยือนแล้วครับทุกคน ใช่แล้วเข้าสู่ช่วงไฟนอลของภาคการเรียนที่ 1 ช่วงที่นักศึกษากำลังจะบ้าคลั่ง เหมือนกับผมตอนนี้ที่กำลังจะบ้ากับไอ้เด็กที่อยู่ตัวติดกันมาตลอด 4 เดือน
“ก็ทำไมพี่ต้องไปกอดคอกับพี่ภีมด้วยล่ะ”ผมกับมันยืนทะเลาะกันกลางตึกใหญ่ของคณะเลยครับ
“แล้วเพื่อนกันกอดคอกันไม่ได้หรือไง ?”ผมเท้าเอวถามมัน เอาวะวันนี้เป็นไงเป็นกัน กูจะยอมหักล้างกับมึงตรงนี้แหละ
“ก็ผมไม่ชอบ”มันบอกหน้าตานิ่งๆ
“ทำไมถึงไม่ชอบ”ผมถาม
“ก็แค่ไม่ชอบ”ให้ตายเถอะทอย ทำไมมึงถึงได้เข้าใจเรื่องนี้ยากนักวะ กูเหนื่อยแล้วนะ ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานี่กูอยู่กับมึงตลอด รู้สึกดีกับมึง แต่เป็นมึงที่เข้าใจอะไรยากชิบหาย กูปวดหัวแล้วโว้ยยยยย ตายเป็นตายวันนี้
“งั้นก็อยู่อย่างนี้ต่อไปแล้วกัน”ผมบอกแล้วหันหลังจะเดินกลับออกไป
“แต่ผมชอบพี่”ประโยคเสียงดังฟังชัดดังลั่นกลางคณะ ทักสายตาจับจ้องมาที่ผมแล้วก็ทอย ซึ่งเหมือนจะหยุดเวลาที่อย่างไว้ตรงนั้น แล้วผมก็อยากจะหยุดมันไว้แบบนี้เหมือนกัน หัวใจผมกำลังพองโตกับคำคำนั้น มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ ก็แค่
รู้สึกดี
“อะ...อะไรนะ”ผมเลิกคิ้วถามมัน
“ผมชอบพี่”มันบอกด้วยหน้าเดียวของมันอีกนั่นแหละ ก่อนจะเดินมาหาผม “พี่พลัส ผมยอมรับก็ได้ว่าหึง ผมไม่ชอบให้พี่ไปคุยเล่น กอดคอกับคนอื่น แล้วผมก็รู้ว่าตลอดเวลาผม กับพี่อยู่ในสถานะที่คลุมเครือมาตลอด ผมขอโทษ”มันพูดเหมือนรู้สึกผิด
“เฮ้ยจะขอโทษทำไม ?”ผมหัวเราะ ตอนนี้เหมือนทุกอย่างถูกสต๊าฟไว้หมดแล้วครับ
“พี่พลัส เป็นแฟนกันนะ”ผมเบิกตากว้างทันทีที่มันพูดคำนี้ออกมา ทั้งตกใจแล้วก็ดีใจ
“อะ...อะไรนะ !!!”ผมร้อง พร้อมกับเสียงฮือฮาดังลั่นคณะที่ทุกคนจ้องมา
“ผมจะได้บอกได้ไงว่าพี่เป็นแฟนผม คนอื่นจะได้ไม่ต้องมายุ่ง”มันพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ผมล่ะอยากจะตบหน้ามัน ขอเป็นแฟนได้หน้านิ่งมาก
“ไหนยิ้มก่อน”ผมบอกมัน มันก็ยิ้มแบบฝืนๆ แล้วก็ไม่ใช่รอยยิ้มแบบที่มีให้กับผม “ยิ้มให้มันธรรมชาติสิ”ผมบอก
“แบบไหนอ่ะ ผมทำไม่เป็น”กูต้องสอนมึงทุกอย่างใช่ไหม ? ผมล่ะเหนื่อยใจ
“งั้นตกลง”ผมบอกกลับไป พอผมบอกนั่นไง อย่างที่ผมคิด ไอ้ทอยยิ้มกว้างแบบที่ยิ้มให้ผมวันนั้น ยิ้มแบบที่ผมชอบให้มันยิ้ม ไม่ต้องยิ้มบ่อยๆ แต่แค่ยิ้มให้ผมดูบ้างก็พอ
“จริงๆ นะครับ”ทอยร้องออกมาอย่างดีใจ
“อื้อ”ผมบอกแล้วหัวเราะกับท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่น
“เย่...ทุกคนครับ คนนี้แฟนผมนะ ใครห้ามยุ่งด้วย”โอยยย ตายๆ มันเล่นประกาศแบบนี้เลย ดังไปทั้งมหา’ลัยแน่ๆ งานนี้
“เฮ้ยจะบ้าหรอ”ผมบอกแล้วหัวเราะกับท่าทางของมัน ตอนนี้เด็กน้อยของผมไม่โง่เรื่องหัวใจอีกแล้วครับ แต่ต่อไปนี้ผมจะบอกว่า แฟนผมคนนี้โคตรขี้หึงเลยครับ
“พี่พลัส ผมเคยเห็นในทีวี เวลาผู้ชายของผู้หญิงเป็นแฟนแล้วตอบตกลง ผู้ชายหอมแก้มผู้หญิงทุกทีเลยอ่ะ”มันจับมือผมแล้วหันมาพูด
“เฮ้...”
ฟอดดดดดดด ไม่ทันแล้วครับ เล่นหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว ผมนี่อึ้งไปพร้อมกับทุกคนในคณะเลยครับ ไม่ได่มีแค่คณะผม แต่คณะอื่นที่มาเรียนที่คณะผมด้วย ให้ตายเถอะ ถึงจะโง่เรื่องหัวใจแค่ไหน แต่มันก็เร็วทุกครั้งจะตักตวงการการถึงเนื้อถึงตัวผม ไม่ว่าจะกอด จับแก้ม ลูบหัว หรือหอมแก้ม ก็มันเล่นแบบนี้ไง มันทำแบบนี้ ก็มันเล่นปั่นป่วนหัวใจผมตลอดผมถึงได้
รักมัน
ENDTalk : เปิดเรื่องสั้นอีกเรื่อง เรื่องนี้เป็นซีรีส์ครับ เป็นซีรีส์สไตล์เด็กวิทยาฯ ฮ่าๆๆ ก็เพราะคนเขียนเรียนวิทยาฯ
จะทะยอยมาทีละเอกนะครับ หวังว่าทุกคนคงชอบ มีอะไรติชมกันได้
ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะ ... แต่งด้วยความอยากล้วนๆ
ถ้าชอบ แชร์ ก็ติด #นักวิทย์วุ่นรัก ด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆ ครับบบบบบบ