Chapter 25: You are shining in my eyes ถัดจากวันทำบุญครบรอบการเสียชีวิตของเจ้าสัวหรงหยางเค่อไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของหรงหยางเซิง ไป๋เฟิงอี๋รู้จากฮั่วเซียงหลิงว่าวันเกิดของหรงหยางเซิงทุกปี หรงหยางเค่อมักจะจัดให้มีการทานข้าวมื้อใหญ่ในครอบครัว แต่ปีนี้บิดาบุญธรรมสิ้นบุญไปแล้ว คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานก็คงไม่มี และแน่นอนว่ามารดาเลี้ยงอย่างฮั่วเซียงหลิงก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ
หรงหยางเซิงเช่นกัน
แม้บิดาแท้ๆ ของไป๋เฟิงอี๋จะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เขายังเด็ก แต่เขาก็ยังมีมารดาที่รักและคอยเป็นห่วง ได้เป็นคุณชายอยู่สุขสบายในตระกูลหรง ทว่าหรงหยางเซิงตอนนี้กลับยิ่งโดดเดี่ยว ไป๋เฟิงอี๋ยังจำสายตาของชายหนุ่มตอนที่อีกฝ่ายถามเขาว่ามารดาตนสวยหรือไม่ ดวงตาสีดำสนิทที่ปกติมักจะเย็นชา แต่คราวนี้กลับแฝงความเศร้าเพราะบิดามารดาของชายหนุ่มล้วนจากไปแล้วทั้งคู่ สิ่งที่เหลืออยู่กลับกลายเป็นธุรกิจและศักดิ์ศรีของตระกูลหรงที่อีกฝ่ายต้องแบกรับไว้บนบ่าทั้งที่ความจริงหรงหยางเซิงเพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบสองเท่านั้น
“เรื่องสัญญาจ้างซีรีส์เรื่องใหม่ ทางบริษัทให้ฝ่ายกฎหมายช่วยดูให้แล้วนะ คิดว่าน่าจะเรียบร้อยแล้วส่งมาให้นายเซ็นได้ช่วงต้นสัปดาห์หน้า” เหลายี่เดินมาแจ้งข่าวกับไป๋เฟิงอี๋ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพักเพื่อรอถ่ายแฟชั่นเช็ตใหม่ ไป๋เฟิงอี๋พยักหน้าแล้วถามกลับบ้าง
“เรื่องที่ผมไหว้วานให้พี่ช่วย เรียบร้อยดีไหมครับ”
“วางใจเถอะ ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว” เหลายี่ยักคิ้วให้ไป๋เฟิงอี๋ที่ยกยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ ในเมื่อผู้จัดการส่วนตัวการันตีเสียขนาดนี้ เขาเองก็ไม่ควรต้องกังวลใจอีก
“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ” ไป๋เฟิงอี๋ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางยกนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา กว่าจะไปถึงที่นัดหมายก็น่าจะพอดีกับที่นัดหรงหยางเซิงเอาไว้
เหลายี่ส่ายหน้ามองอากัปกริยาร่าเริงของไป๋เฟิงอี๋ด้วยความเอ็นดู ดูท่าคืนนี้คงเป็นนัดที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่จริงจังกับงานอย่างไป๋เฟิงอี๋คงไม่ยอมยกเลิกตารางงานทั้งหมดเพื่อฉลองวันเกิดให้คนๆ เดียวเป็นแน่ คนที่ตกอยู่ในห้วงความรัก โลกก็มักจะสดใสแบบนี้นี่เอง
รถของบริษัทมาจอดส่งไป๋เฟิงอี๋ที่ริมแม่น้ำสายหลักบริเวณชานเมือง ชายหนุ่มบอกให้คนขับรถกลับไปก่อนได้เลย เพราะกว่าเขาจะเสร็จธุระก็คงอีกนาน ไป๋เฟิงอี๋มาก่อนเวลานัดนิดหน่อยจึงตัดสินใจเดินทอดน่องขึ้นไปรับลมเย็นๆ บนสะพาน
ช่วงต้นฤดูหนาว อากาศเริ่มเย็นลงมากและท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ แม้จะอยู่ในชุดเสื้อสเว็ตเตอร์คอเต่าและสวมทับด้วยโค้ทตัวยาว แต่ลมเย็นที่โชยมาปะทะผิวกายทำให้ก็ยังอดสั่นสะท้านนิดๆ ไม่ได้อยู่ดี ไป๋เฟิงอี๋จึงยกมือขึ้นกอดอกแล้วลูบแขนไปมาพลางมองท้องฟ้ายามราตรีที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีน้ำเงินกำมะหยี่เป็นสีดำสนิทในเวลาอันรวดเร็ว
“รอนานไหม” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ไป๋เฟิงอี๋จึงหันไปส่งยิ้มให้ แต่ยังไม่วายแอบแดกดันเล็กๆ
“รอจนตัวจะแข็งเป็นก้อนหินอยู่แล้วเนี่ย”
“ไหน ขอพิสูจน์หน่อยว่าจริงหรือเปล่า” หรงหยางเซิงขยับเข้าใกล้ แต่ไป๋เฟิงอี๋รีบถอยกรูด หรงหยางเซิงอาจต้องการแกล้งเขาเล่น แต่เขาดันคิดจริงและเขินจริงนี่น่ะสิ
“พอเลยๆ อาหยาง นี่อยู่ในที่สาธารณะ ยังจะมาเล่นอะไรแบบนี้อีก”
“กลัวว่าแฟนๆ จะมาเห็นไป๋เฟิงอี๋โดนลวนลามอย่างนั้นเหรอ” หรงหยางเซิงพูดหน้าตาย แต่ไป๋เฟิงอี๋เกือบยิ้มไม่ออก ยังโชคดีที่แถวนี้ค่อนข้างสลัวและไม่มีคนพลุกพล่าน ไม่อย่างนั้น ถ้าหากมีใครมาเห็นว่าเขาเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายอีกคนล่ะก็ เขาคงได้กลายเป็นข่าวดังแน่ๆ สมัยนี้เรื่องส่วนตัวของนักแสดงชื่อดังขายเป็นข่าวทำเงินได้เสมอนั่นแหล่ะ
หรงหยางเซิงมองท่าทางขัดเขินของคนตรงหน้าแล้วก็เผยรอยยิ้มตรงมุมปาก ไป๋เฟิงอี๋ตวัดตาค้อนขวับแล้วทำปากบึนโดยไม่รู้ตัว
“เลิกยิ้มได้แล้ว”
“เอาล่ะๆ เลิกแกล้งนายก็ได้” ท่าทางแง่งอนของอีกฝ่ายไม่ได้ดูขัดตา ออกจะดูน่ามองในสายตาของหรงหยางเซิงด้วยซ้ำ “ว่าแต่ชวนมานี่ที่ มีอะไรหรือเปล่า”
“ลองทายดูสิ” หรงหยางเซิงมองไป๋เฟิงอี๋ที่กำลังกอดอกแล้วเอียงคอจ้องใบหน้าตนอย่างรอคอยคำตอบ
“เพราะวันนี้วันเกิดฉัน?” คราวนี้เป็นหรงหยางเซิงที่เป็นฝ่ายจ้องกลับบ้าง สายตาคมกริบทว่าร้อนแรงทำให้ไป๋เฟิงอี๋อุ่นวาบบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
“ทายเก่งนี่”
“แล้วไหนล่ะของขวัญ” หรงหยางเซิงแกล้งแบมือทวง แต่ถึงแม้ไป๋เฟิงอี๋จะไม่ได้มีของขวัญอะไรมาให้ แค่อีกฝ่ายจดจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเขา แค่อยู่เป็นเพื่อนในวันที่เขาไม่เหลือใคร เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่หรงหยางเซิงต้องการ
ไป๋เฟิงอี๋เหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็พบว่าถึงเวลาสักที ชายหนุ่มแกล้งกระแอมไอแล้วบอก
“หลับตาสิ เดี๋ยวฉันจะเสกของขวัญมาให้” หรงหยางเซิงยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย “3... 2... 1 ลืมตาได้แล้วอาหยาง” หรงหยางเซิงลืมตาขึ้นมอง
‘ฟิ้วววววววว... ปังๆๆๆ’
พลุหลายชุดถูกยิงขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะสาดลำแสงเป็นลวดลายสวยงามตัดกับท้องฟ้าสีดำสนิท พลุลูกแล้วลูกเล่าถูกจุดจากเรือหลายลำที่ลอยอยู่กลางแม่น้ำใหญ่ ไป๋เฟิงอี๋ชี้ชวนให้หรงหยางเซิงดูพลุเหล่านั้นจากบนสะพาน ดูท่าทางไป๋เฟิงอี๋จะตื่นเต้นกว่าเขาที่เป็นเจ้าของวันเกิดเสียอีก รอยยิ้มสดใสของคนตรงหน้าทำให้หรงหยางเซิงเองก็กลั้นยิ้มไม่ได้เช่นกัน
หลังพลุที่เตรียมมาถูกจุดจนหมดและท้องฟ้าก็กลับเป็นมืดสนิทตามเดิม หรงหยางเซิงหันไปทางไป๋เฟิงอี๋ที่รอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้า
“ไม่คิดว่านายจะลงทุนเพื่อฉันถึงขนาดนี้”
“ยังไม่หมดนะ” ไป๋เฟิงอี๋ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็หยิบเอาไฟเย็นสองอันที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อโค้ทออกมาจุด แล้วส่งให้หรงหยางเซิงไปหนึ่งอัน “ก่อนไฟดับ อธิษฐานขอพรสิ”
“อืม มาอธิษฐานด้วยกัน” ไป๋เฟิงอี๋พยักหน้าก่อนทั้งคู่จะหลับตาลงอธิษฐานขอพร เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งแสงจากไฟเย็นก็ดับลงพอดี
“สุขสันต์วันเกิดนะอาหยาง” ไป๋เฟิงอี๋ยิ้มแล้วสบตาเจ้าของวันเกิดด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นด้วยความจริงใจ “ขอให้นายมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ตระกูลหรงต่อจากนี้ต้องพึ่งพานายแล้ว”
หรงหยางเซิงพยักหน้า แววตาที่ทอดมองไป๋เฟิงอี๋เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ถูกส่งตรงมาจากหัวใจ ทั้งขอบคุณและตื้นตันกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำเพื่อตนมาตลอด และวันนี้เขาก็แน่ใจเสียทีว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่ตนมีให้กับไป๋เฟิงอี๋นั้นหมายความว่าอย่างไร
“ขอบคุณนะอาเฟิง ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ แล้วก็ขอบคุณ... ที่รักกัน”
ไป๋เฟิงอี๋ครางอืมในลำคอ ชายหนุ่มหลับตาลง อยากซึมซับความรู้สึกแบบนี้ให้นานเท่านาน ลมหนาวที่พัดโชยปะทะร่างทำให้ไป๋เฟิงอี๋ต้องลืมตาขึ้น ตั้งใจจะจัดชายเสื้อโค้ทที่ถูกลมพัดให้เข้าที่ ทว่าเมื่อเบือนหน้าไปทางหรงหยางเซิงกลับพบว่าใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“อาหยาง...”
ริมฝีปากของไป๋เฟิงอี๋ถูกผนึก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้างก่อนค่อยๆ สงบลงเมื่อปลายนิ้วของหรงหยางเซิงไล้ไปตามสันกรามของเขา เรียวลิ้นของชายหนุ่มแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม หยอกเย้าลิ้นเรียวของไป๋เฟิงอี๋เบาๆ แล้วควานเกี่ยวความหวานล้ำเก็บไว้ทุกอณู เนิ่นนานกว่าหรงหยางเซิงจะเป็นฝ่ายผละออกก่อน
“นาย...” ไป๋เฟิงอี๋กัดริมฝีปากแน่น ยากเหลือเกินที่จะบังคับลมหายใจที่กำลังหอบหนักให้เป็นปกติ
“จะร้องเรียกให้คนช่วยเพราะโดนลวนลามเหรอ”
“ใครจะไปทำอย่างนั้นกันล่ะ” ไป๋เฟิงอี๋ตวัดเสียงถาม ใบหน้าหล่อเหลาซับสีเลือด แม้แถวนี้จะค่อนข้างมืดแต่เพราะหรงหยางเซิงอยู่ใกล้จึงสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย
ไป๋เฟิงอี๋เหลียวมองไปรอบตัว เมื่อไม่เห็นใครนอกจากพวกเขาที่กำลังยืนชมวิวอยู่บนกลางสะพาน ชายหนุ่มก็ค่อยวางใจ ท่าทางระมัดระวังตัวของไป๋เฟิงอี๋ทำให้หรงหยางเซิงนึกรู้
“ไม่มีใครเห็นหรอก นายไม่ต้องกังวล”
“อืม” ไป๋เฟิงอี๋พยักหน้านิดๆ ยังไม่ค่อยกล้าสบตาคู่สนทนาอยู่ดี จูบเมื่อกี้ไม่ว่าหรงหยางเซิงจะตั้งใจหรือไม่ แต่สำหรับเขาแล้ว มันจะเป็นความทรงจำที่เขาเก็บเอาไว้ในซอกมุมลึกที่สุดในหัวใจ... จูบอ่อนโยนที่ยืนยันว่าเรื่องคืนนี้ไม่ใช่ความฝัน แต่มันได้เกิดขึ้นจริง
“อาหยาง เมื่อกี้นายขอพรว่าอะไร” ไป๋เฟิงอี๋เปลี่ยนเรื่องพูดแก้เขิน
“ถ้าบอกนาย กลัวเดี๋ยวจะไม่สมหวัง”
“โธ่...” ไป๋เฟิงอี๋ครางเสียงอ่อนแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
“น้ำค้างลงแล้ว เรากลับกันเถอะ”
ไป๋เฟิงอี๋พยักหน้าก่อนเดินเคียงคู่หรงหยางเซิงไปยังรถของอีกฝ่ายที่จอดอยู่ริมแม่น้ำอีกด้าน โดยไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวของพวกตนตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่งและกล้องถ่ายรูปแบบเลนส์ซูมที่จับภาพทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากเมื่อคืนกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหรงก็เป็นเวลาดึกแล้ว เช้านี้ไม่มีตารางงานถ่ายแบบตอนเช้า ไป๋เฟิงอี๋จึงนอนตื่นสาย แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังก่อกวนต่อเนื่องเป็นสิบสาย ทำให้ไป๋เฟิงอี๋ต้องงัวเงียขึ้นมากดรับในที่สุด
คนที่โทรมาคือเหลายี่ ผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าตอนนี้มีรูปหลุดคนหน้าคล้ายไป๋เฟิงอี๋จูบกับผู้ชายคนหนึ่งว่อนอินเทอร์เน็ต รูปดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ตอนนี้ ไป๋เฟิงอี๋แทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แม้จะยังไม่เห็นภาพต้นเรื่องแต่ก็เดาได้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เขาจูบกับหรงหยางเซิงเมื่อคืนนี้จะต้องถูกปาปารัซซี่แอบถ่ายภาพได้อย่างแน่นอน ไป๋เฟิงอี๋เม้มริมฝีปากแน่น สิ่งที่เขากลัวบัดนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว เหลายี่รู้ว่าไป๋เฟิงอี๋กำลังรู้สึกเช่นไร แต่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากกว่าก็ยังมีสติพอที่จะสั่งห้ามไม่ให้ไป๋เฟิงอี๋เคลื่อนไหวโดยพลการ แล้วบอกว่าตนจะแวะเข้าไปหาชายหนุ่มที่คฤหาสน์ตระกูลหรงเพื่อปรึกษาหาทางรับมือกับเรื่องนี้
หลังวางสายจากเหลายี่ ไป๋เฟิงอี๋รีบกดเข้าไปดูในแอปพลิเคชั่นสื่อสังคมออนไลน์ รูปดังกล่าวเป็นรูปหลุดของเขาจริง ทว่าภาพที่ถ่ายมาได้ค่อนข้างมืดทำให้ตอนนี้เกิดกระแสโต้เถียงกันอย่างกว้างขวางว่าคนในภาพคือไป๋เฟิงอี๋จริงหรือไม่ แม้แฟนคลับบางส่วนจะปกป้องเขาแล้วเถียงแทนว่าไม่น่าใช่ แต่กระแสส่วนใหญ่ก็ตัดสินไปแล้วว่าไป๋เฟิงอี๋ นักแสดงยอดนิยมที่เป็นขวัญใจของสาวๆ ทั้งประเทศมีรสนิยมชมชอบเพศเดียวกัน
เหลายี่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลหรง ไป๋เฟิงอี๋รอที่ห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าเคร่งเครียดของผู้จัดการส่วนตัวทำให้ไป๋เฟิงอี๋เดาได้ว่าเรื่องนี้คงรับมือได้ไม่ง่ายนัก
“ที่บริษัทรับรู้เรื่องภาพหลุดแล้ว และตอนบ่ายก็คงมีการจัดแถลงเรื่องนี้กับสื่อ”
“ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเฉยๆ ไม่ได้เหรอครับ” เหลายี่ส่ายหน้า
“นายเป็นนักแสดงที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงนะอาเฟิง ปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวทุกอย่างของนายมีสายตาหลายคู่จับจ้อง แถมครั้งนี้ไม่ใช่รูปหลุดกับผู้หญิง แต่เป็นผู้ชาย ถ้าหากทางต้นสังกัดไม่ออกมาจัดการดับไฟเรื่องนี้ ทุกอย่างมันอาจจะยิ่งเลยเถิดจนคุมยากนะ นายก็น่าจะรู้ว่าสื่อน่ะน่ากลัวแค่ไหน”
“แล้ว... มีใครรู้ไหมว่าผู้ชายอีกคนคือ...”
“ไม่มีคนอื่นรู้เรื่องนี้” ไป๋เฟิงอี๋ถอนหายใจบาง นี่น่าจะเป็นข่าวดีเพียงอย่างเดียวของวันนี้กระมัง “แต่ว่า...” เหลายี่ถอนหายใจก่อนตัดสินใจบอกไป๋เฟิงอี๋ไปตามตรง “เรื่องงานของนายคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้น” แม้จะนึกเดาได้ลางๆ แต่ไป๋เฟิงอี๋ก็ยังไม่พร้อมรับฟังความจริงจากปากเหลายี่อยู่ดี
“ฉันพยายามแก้ปัญหาด้วยการบอกว่าคนในรูปก็แค่คนหน้าคล้ายกับนาย แต่ทางบริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้าไม่อยากเสี่ยง ก็เลยติดต่อเข้ามายกเลิกสัญญาที่ยังค้างเกือบทั้งหมดเมื่อเช้านี้หลังจากมีรูปหลุดได้ไม่นาน รวมถึง... การถอดชื่อนายออกจากบทพระเอกของซีรีส์ที่กำลังจะเปิดกล้องด้วย”
ไป๋เฟิงอี๋ตัวชาพูดอะไรไม่ออก กฎหมายปัจจุบันยังไม่เปิดกว้างต่อความสัมพันธ์รักร่วมเพศ พอเกิดมีภาพหลุดออกมาเด่นหราทั่วอินเทอร์เน็ตแบบนี้ หน้าที่การงานในฐานะนักแสดงของเขาก็เสี่ยงโดนแบนจากสื่อกระแสหลักไปด้วย ไม่คิดเลยว่าชื่อเสียงที่เพียรสั่งสมมาตลอดเป็นปีกลับเปราะบางและถูกใครบางคนที่ไม่หวังดีทำลายลงได้เพียงชั่วข้ามคืน
“อาเฟิง เกิดอะไรขึ้นลูก เพื่อนแม่ส่งรูปมาให้ดู ทำไมถึงได้..” ฮั่วเซียงหลิงรีบก้าวเท้าลงบันไดมาหาผู้เป็นลูกชาย ผู้จัดการส่วนตัวก็อยู่ที่นี่ด้วย น่าจะกำลังคุยกันถึงเรื่องนี้พอดี
ภาพที่ถูกส่งต่อมาจากเพื่อนทำให้ฮั่วเซียงหลิงร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ
“แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ไป๋เฟิงอี๋เอ่ยเสียงเครียด แม้จะพยายามบอกให้ผู้เป็นมารดาใจเย็น แต่น่ากลัวว่าจะเป็นเขาเองที่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
“อาเฟิง บอกแม่มาว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่ คนในภาพนี้ไม่ใช่ลูกใช่ไหม ลูกคงไม่...”
“คนในภาพเป็นผมเอง” ไป๋เฟิงอี๋ไม่อยากโกหกมารดาจึงเลือกที่จะเอ่ยความจริงที่แม้แต่เหลายี่ยังตกใจ ฮั่วเซียงหลิงเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ลูกชายของเธอจูบกับผู้ชายอีกคน!
“มะ... ไม่จริงใช่ไหมอาเฟิง บอกแม่มาสิว่ามันไม่จริง” อาการนิ่งเงียบของไป๋เฟิงอี๋กลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ฮั่วเซียงหลิงปากคอสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ “ผู้ชายอีกคนเป็นใคร”
“แม่...”
“บอกแม่มาอาเฟิง” ฮั่วเซียงหลิงจับไหล่ไป๋เฟิงอี๋แล้วบีบแน่น เมื่อผู้เป็นบุตรชายส่ายหน้าไม่ยอมตอบ ฮั่วเซียงหลิงจึงยิ่งโมโห “บอกมาสิว่ามันเป็นใคร อาเฟิง แม่สั่งให้พูดไง ไม่ได้ยินที่แม่สั่งเหรอ”
“ผมเอง” ฮั่วเซียงหลิงชะงักเมื่อเห็นหรงหยางเซิงอยู่ที่ประตูห้องโถง ท่าทางเหมือนชายหนุ่มเพิ่งจะรีบร้อนกลับมาจากข้างนอกเพราะอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดสูทเนื้อดี หรงหยางเซิงก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋เฟิงอี๋ ทว่าดวงตาสีดำสนิทกลับยังคงประสานสายตากับฮั่วเซียงหลิงอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง...
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ผู้ชายในภาพคนที่กำลังจูบอาเฟิงก็คือผมเอง”
(โปรดติดตามต่อในรูปเล่ม / E-book)
Aislin: ขออนุญาตตัดจบเท่านี้นะคะ ในส่วนที่เหลืออีก 9 ตอน + 3 ตอนพิเศษ สามารถติดตามได้ในแบบรูปเล่มหรือแบบ E-book นะคะ
โดยรูปเล่มยังเปิด pre-order อยู่ถึง 20 เม.ย. 63 นี้ ส่วนอีบุ๊คจะเปิดให้สนับสนุนยอดโหลดหลังจากรูปเล่มเรียบร้อยแล้วค่ะน่าจะช่วงวันที่ 11 พ.ค. 63 เป็นต้นไป สนใจเชิญไปดูรายละเอียด pre-order ที่
คลิ๊ก หรือติดตามความคืบหน้านิยายผ่านแฟนเพจ
www.facebook.com/aislin.napoon หรือ Twitter (
@aislin_novel) (
#รักอีกครั้งก็ยังเป็นนาย) ได้เลยจ้า
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆ นะคะ ที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ ถ้านิยายมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะเน้อ
ปล. เนื่องจากเว็บเล้าเป็ดเก็บเฉพาะนิยายที่โพสจนจบ เดี๋ยวผ่านไปสามเดือนเราจะมาลบนิยายทิ้ง ยังไงขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตาม ซาบซึ้งมากๆ เลยค่ะ ^0^
ปล. (สุดท้ายจริงๆ) ตอนนี้ยอดจอดนิยายต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก คงขาดทุนแน่ๆ เพราะปกจ้างวาดแพงมาก เลยแอบคิดไม่ได้ว่านิยายเรามันแย่ขนาดไม่มีใครสนใจเลยเหรอ แงงงงง (T^T) แต่อิซลินก็ยังจะทำเล่มต่อไป เพราะอยากให้นักอ่านที่อยากสะสมรูปเล่มได้มีเก็บไว้เป็นที่ระลึก ยังไงถ้าใครสนใจ รบกวนอุดหนุนหน่อยนะคะ ตอนนี้ถ้าใครมีนิยายเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็น rare item เลยจ้า / ไหว้ย่อละเด้อ