ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn หรือคบหาพูดคุยกันในเล้า
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0----------------------------------------------------------------------------------
รวมเรื่องแต่งของผมนายบี (Sadness)ครับ.......ฝากเรื่องอื่นๆด้วยนะครับเริ่มด้วย...แต่ลงท้ายด้วยรักเรื่องราวของพี่อาร์มแสนหล่อ ที่มาเทใจให้กับเด็กนัท จากการที่จะหนีงานหมั้น กลับหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
คนที่รักกับคนที่ดีมันต่างกันคนที่เคยโลเลกับความรัก หรือคนที่คิดจะโลเล ควรอ่านเรื่องนี้ เพราะมันคือความรักที่อาจจะทำให้หลายหัวใจต้องเจ็บ
เรื่องของคนสองคน...หรือหลายคนภาคแรกของเรื่องรัก ความผูกพันในวัยเด็ก ก่อเกิดเป็นรักในตอนโต
พี่ครับ...อย่าทำร้ายใจกันมากไปกว่านี้เลยความรักคือการเชื่อใจ แต่ถ้าไม่......คนที่น่าสงสารที่สุด ก็คือคนที่ระแวง
ต่างคน......ต่างหัวใจเพื่อน....ความรัก.....การเสียสละ
ไอ้หนูบีของคุณลุงใหญ่......ภาคสองต่อจากเรื่องของคนสองคน...หรือหลายคน เมื่อหนุ่มผู้อกหัก ต้องมาปราบเด็กจอมซน ความสดใสน่ารักก็เกิดขึ้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[1]
ผมนายเคเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ผมแอบชอบเพื่อนในคณะคนหนึ่ง แต่จนแล้วเพื่อนคนนี้ของผมก็ไม่เคยหันมาสนใจผมเลยสักครั้ง แม้ผมจะพยายามแสดงตัวว่าชอบมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหนีผมไปมากเท่านั้น ผมเคยแม้กระทั่งคบคนอื่นเพื่อประชด แต่ก็เท่านั้น เพราะเพื่อนผมคนนี้ก็ไม่เคยมาสนใจอะไร แถมยังตีตัวออกห่างผมอีก
ผมก็พอจะรู้ว่าเพื่อนผมคนนี้มันมีเจ้าของหัวใจแล้ว แต่ความรู้สึกในหัวใจมันห้ามกันยาก ผมก็ยังเฝ้ามองมันอยู่ตลอด แม้บางครั้งที่มันมาทำดีกับผม เพื่อประชดใครคนนั้นของมัน ผมก็ยังรู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า แล้วแบบนี้ผมจะเลิกรักมันได้ยังไงหละ
“มึงแพ้ น้ำโค้ก มึงแพ้ น้ำโค้ก.........” ระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับเรื่องของบี ในโรงอาหารของคณะโดยลำพัง ก็มีเสียงเคาะถ้วยเป็นจังหวะ พร้อมกับเสียงตะโกนสลับกันไปมาจากด้านหลัง มันทำให้ผมรำคาญไม่ใช่น้อย แต่ความรำคาญของผมไม่ได้หมดแค่นั้นนะสิ อยู่ๆเสียงเคาะถ้วยก็จบลง พร้อมกับสิ่งแปลกปลอมที่ลอยมาลงในแก้วน้ำของผม
- - ตะเกียบ - - เมื่อผมมองเห็นวัตถุแปลกปลอมนั้น จึงหันไปข้างหลังทันที แต่ความซวยของผมยังไม่จบ ตะเกียบอีกข้างซึ่งคาดว่าจะเป็นคู่ของสิ่งที่อยู่ในแก้วน้ำผม มันลอยมาจิ้มกลางหน้าผากผมก่อนจะตกลงมาในมือของผม ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เร็วกว่าใจคิด ผมตะโกนออกไปทันที
“ใครวะ!” สายตาผมกวาดมองไปรอบๆก็เจอกันกลุ่มเด็กนักศึกษาน่าจะปี 1 เพราะยังผูกไทด์กันอยู่ เด้กทั้งสามคนเมื่อเจอสายตาผมก็ถึงกับสะดุ้ง โดยเฉพาะคนที่นั่งหันมาประจันหน้ากับผม หน้าซีดกว่าใครเพื่อน เท่านี้ก็ไม่ต้องหาตัวต้นเหตุให้วุ่นวาย เพราะมันชี้ชัดขนาดนั้น
“แฮ่ๆๆๆ ขอโทษคร้าบบบ” เจ้าตัวต้นเรื่องยกมือไหว้ผม แต่ท่าของมันเหมือนลิงหลอกเจ้ามากกว่า ใบหน้าขาวๆซีดๆแบบนั้น ทรงผมรองทรงแบบถูกระเบียบ แถมยังแว่นกรอบดำทรงกลมนั้น ทำไมมันช่างขัดลูกหูลูกตาของผมได้ขนาดนั้นนะ
“ไปซื้อน้ำกับทิชชู่มา” ผมเอ่ยด้วยท่านิ่งๆ
“ว่ายังไงนะครับ” ไอ้เด็กนั่นมันลดมือลงมา แล้วถามผมแบบงงๆ
“หูหนวกหรือไง บอกให้ไปซื้อน้ำกับทิชชู่มา” ผมมองหน้ามันแล้วเหลือบไปมองแก้วน้ำของผมที่มีตะเกียบของไอ้เด็กนั่นปักอยู่
“อ๋อ...ครับๆๆ ....... ไอ้หมงส่วนของกูที่มึงแพ้พนัน เอาให้พี่เค้าแทนเลยนะ” ไอ้เด็กแสบนั่นตอบผมแล้วหันไปบอกเพื่อนมันต่อ
“นี่......นี่!” ผมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก เพราะเรียกครั้งแรกแล้วไอ้เด็กนั่นไม่สนใจ
“ใครบอกให้เพื่อนนายไปซื้อแทน” ผมเอียงคอจ้องหน้าไอ้เด็กแสบนั่น มันก็มองผมอย่างงงๆ
“อ้าวก็พี่จะเอาน้ำไม่ใช่หรือครับ” มันตอบผมกลับมาอย่างหน้าตาเฉย
“ใช่...เพราะบางอย่างที่มันไม่สมควรอยู่ในแก้ว มันดันมาอยู่ในแก้วนี้นะสิ!” ผมยกแก้วน้ำของผมขึ้นมาให้ไอ้เด็กแสบนั่นเห็น
“ก็นี่ไงครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนไปซื้อมาให้ หรือพี่ไม่ชอบโค้ก จะเอาน้ำอะไรครับ” มันยังมีหน้ามาถามผมแบบนั้นอีกหรอ
“ตะเกียบนี่ของใคร” ผมมองไปที่ตะเกียบแล้วถามกลับ
“ของผมครับ” มันยิ้มตอบกลับมา
“แล้วนายควรจะต้องรับผิดชอบไปซื้อมาคืนไหม” เสียงตะโกนของผม ทำให้หลายโต๊ะหันมามอง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร อยากพูดว่าอะไรก็ปล่อยไป
“ครับ...” ท่าทางตกใจและรีบร้อนลุกออกจากโต๊ะของไอ้เด็กนั่น ทำให้ผมพอใจในระดับหนึ่ง
“นี่ครับ” ไอ้เด็กนั่นเดินกลับมา พร้อมกับน้ำอัดลมหนึ่งแก้ว
“ตาบอดหรือไง....เห็นไหมว่านี่มันน้ำอะไร” ผมเหล่ตาไปมองแก้วที่มันเอามาให้ แล้วมองไปที่แก้วของตัวเอง เพราะผมไม่ทานน้ำอัดลมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทานแต่น้ำเปล่ามาตลอด
“อืม...ดูแล้วเหมือนจะเป็นน้ำเปล่าครับ” มันทำท่าคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบออกมา นี่มันจะรู้ไหมว่าผมว่าแดกดันมันอยู่ แต่ดูจากการตอบซื่อๆแล้ว มันคงคิดว่าผมถามจริงๆ
“ไปซื้อมาใหม่ น้ำแข็งเปล่าหนึ่งแก้ว กับน้ำเปล่าขวดหนึ่ง....แล้วไหนทิชชู่” ผมพูดอย่างข่มอารมณ์ พยายามพูดให้เคลียร์ที่สุด จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับไอ้เด็กนี่อีก
“ผมว่าตะเกียบผมมันลงไปในแก้วพี่อย่างเดียวนะครับ ไม่ได้ทำให้ทิชชู่พี่เปื้อนด้วย” คำพูดซื่อๆของมัน แต่ทำให้ผมสติแตกได้ดีทีเดียว
“แล้วไอ้น้ำก๋วยเตี๋ยวที่มันมาพร้อมตะเกียบอีกข้าง นายจะทำยังไงให้มันออกไปหละ” ผมเปิดหน้าผากให้มันเห็นร่องรอยที่มันทำไว้
“ก็ต้องเช็ดออกสิครับ....อ๋อๆๆ เข้าใจแล้ว พี่จะเอาทิชชู่มาเช็ดใช่ไหม” มันทำท่าดีใจที่คิดออกว่าต้องซื้อทิชชู่มาทำไม
“ถ้ารู้แล้วก็รีบไปสิ” ผมสั่งด้วยเสียงอันดัง ทำให้ไอ้เด็กนี่วิ่งไปซื้อให้ทันที เมื่อผมเหล่ไปทางเพื่อนๆมันที่เหลืออีกสองคน ก็เอาแต่นั่งก้มหน้า เฮ้อ...บื้อกันทั้งกลุ่ม
“ครบถ้วนนะครับ” ตอนนี้ของที่ผมต้องการทุกอย่างได้มาหมดแล้ว แต่ไอ้เด็กนี่มันยังไม่ยอมไปเสียที
“มีอะไรอีก” ผมถามแบบสุดทน
“คือ...ผมขอตะเกียบผมคืนได้ไหมครับ ผมจะเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวต่อ” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มตาหยีมาให้ผม มือของมันก็ชี้ไปที่ตะเกียบทั้งคู่ที่ผมปักไว้ในแก้วน้ำ
“ผมว่าผมไปหยิบใหม่ดีกว่านะครับ” ผมหันไปมองหน้ามันแบบไม่เชื่อหูตัวเอง หน้าตาบ่งบอกได้ว่าไม่สบอารมณ์ เหมือนมันจะรู้ตัวจึงพูดเลี่ยงก่อนจะเดินออกไป
นี่มันวันซวยอะไรของผมเนี่ย ที่ต้องมาเจอไอ้เด็กเวรแบบนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“กูบอกมึงแล้วอย่าเล่นก็ไม่เชื่อ” ไอ้หมงยังโวยวายไม่เลิก มันบ่นมาตั้งแต่กลางวันยันตอนนี้เลิกเรียนตอนเย็น มันก็ยังพูดถึงแต่เรื่องเดิม
“พอเหอะวะ กูรำคาญมึงละ ไอ้คุณพี่หน้าดุก็ไม่เอาเรื่องแล้ว ส่วนกูก็เป็นคนรับเคราะห์คนเดียวด้วย มึงจะบ่นอะไรนักหนาวะ” ผมเริ่มหงุดหงิดกับมันจริงๆ ยิ่งมันพูดผมก็ยิ่งนึกถึงไอ้หน้าดุๆของพี่คนนั้น สงสัยที่บ้านไม่เคยเปิดหนังตลกให้ดู หน้าถึงได้หงิกทั้งวัน
“ป๊าบ.......ไอ้จาใครเป็นคนต้นเรื่อง มึงนะสมควรรับไปเต็มๆคนเดียวนั่นหละ” ไอ้หมงมันเอาหนังสือฟาดหัวผมเต็มๆ แล้วยังว่าผมต่อไปอีก
“มึงเป็นญาติฝ่ายไหนของไอ้พี่หน้าดุนั่นวะ ถึงได้เข้าข้างมันนัก” ผมหละหมั่นไส้มันจริงๆ นี่ผมเป็นเพื่อนมันนะ ดันไปเดือดร้อนแทนคนอื่น
“ป๊าบ.....มึงไม่รู้จักพี่เค้าดีพอ” มันฟาดหัวผมอีกครั้ง พร้อมกับส่ายนิ้วชี้ไปมา
“มึงรู้จักด้วยหรือไงวะ” ผมลูบหัวตัวเองเบาๆ แรงฟาดของมันนี่ทำให้แว่นผมเกือบหลุด
“มีใครไม่รู้จักพี่เคเดือนคณะบริหารปี 3 บ้างวะ จริงไหมไอ้เรย์” ไอ้หมงมันตอบผมกลับมา พร้อมกับหันไปหาเสียงสนับสนุนจากไอ้เรย์ ซึ่งมันก็แค่เงยหน้าจากเกมส์ของมันมาตอบแค่ – อืม – คำเดียว
“กูนี่ไงไม่รู้จัก” ผมชี้ที่ตัวเอง แต่ก็ต้องลดมือลงเพราะไอ้หมงมันยกหนังสือขึ้นมาอีกรอบ
“นอกจากความหล่อที่สมกับความเป็นเดือนคณะแล้ว พี่แกยังมีโลกส่วนตัวสูงเสียจนใครก็เดาใจแกยาก และที่สำคัญเรื่องวิวาท พี่แกก็ไม่เคยยอมใครเหมือนกัน เพราะงั้นกูถึงกังวลไง กลัวพี่แกจะตามมากระทืบมึงทีหลัง” ไอ้หมงพูดอย่างไม่มีความล้อเล่น นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้ว ที่พี่แกไม่เอาเรื่องต่อ
“มึงรออยู่นี่นะ เดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อน” ผมกำลังนั่งกลืนน้ำลาย คิดไปเรื่อยกับความโหดของไอ้พี่เค ไอ้หมงมันก็เปลี่ยนเรื่องซะอย่างนั้น
“กูไปด้วย” ไอ้เรย์บอกไอ้หมง พร้อมกับลุกตามมันไป แต่ตากับมือก็ยังอยู่ที่เกมส์เช่นเดิม
ผมลุกเดินไปรอพวกมันที่บันไดทางลง แล้ววางหนังสือของตัวเองไว้กับของระเบียง ผมยืนรอพวกมันอยู่สักพักก็มีเสียงหนึ่งเบี่ยงเบนให้ผมสนใจขึ้นมา มันเป็นเสียงโทรศัพท์ แต่ที่น่าสนใจกว่าก็เพราะเสียงมันคุ้นๆนี่ครับ ผมจึงชะโงกหน้าลงไปดูด้านล่าง
“ว่าไง” ไอ้พี่เค มันทำท่าเหมือนจะเดินขึ้นมาชั้นที่ผมอยู่ แต่มันหยุดรับโทรศัพท์เสียก่อน
“....................................”
“ไม่ว่าง จะไปทำงานกับเพื่อน” เสียงดุๆของพี่เค ยังน่าหวาดเสียวอยู่เหมือนเดิม
“......................”
“แค่นี้ก่อนนะ คุยกับอาจารย์อยู่” พูดเสร็จพี่เคก็วางสายทันที นี่มันโกหกกันชัดๆเลยนี่หว่า พอพี่เควางสายก็ดันมองขึ้นมาด้านบนทำให้ผมตกใจรีบหันหลังกลับทันที และรู้สึกว่าแขนของตัวเองไปปัดโดนอะไรสักอย่าง เป็นไปอย่างที่คิด สมุดของผมตอนนี้ตกลงไปด้านล่าง ตำแหน่งที่พี่เคยืนอยู่ ผมไม่รอให้อะไรมันแน่ชัด ออกตัววิ่งใส่ตีนหมาทันที ทำไมผมต้องมาซวยสองรอบในวันเดียวด้วยวะเนี่ย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมรู้สึกว่ามีคนมองผมอยู่ด้านบน เมื่อผมวางสายจากนิวเสร็จเลยมองขึ้นไปดู แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือ สมุดหนึ่งเล่มที่ตกใส่หน้าผมเต็มๆ
“โอ๊ย...” เสียงร้องของผมบ่งบอกถึงความเจ็บที่ได้รับ เพราะไอ้สมุดเวรนั่นดันมาตกตรงสันจมูกผมพอดี
ผมเอามือลูบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหัวเสียรีบคว้าสมุดเล่มนั้นขึ้นมาดู
- - นินจา SC 032 - -
ชื่อของตัวการที่ทำให้ผมต้องเจ็บ ถูกเขียนไว้ด้านหน้าของสมุดเล่มนั้น
“นินจา......” ผมได้แต่คำรามออกมาเบาๆด้วยความแค้นเคือง
เด็กคณะวิทย์หรอ ไม่รอดแน่............
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้เป็นเรื่องของ เค - จา
ก็เพื่อนของบี จากเรื่องไอ้หนูบีของคุณลุงใหญ่....นั่นหละครับ
คนที่อ่านเรื่องหนูบีมาแล้ว อาจจะนึกออก
แต่ถ้าใครไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไรครับ
เพราะไม่ใช่เรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน
เอาเรื่องนี้มาลงเพราะต้องการจะเบรกให้ใจมันชุ่มชื่นหน่อย
กลัวจะสงสารหนูบีกับลุงใหญ่กันเกิน
แต่เรื่องนี้คงไม่ได้อัพทุกวันนะครับ
เพราะถ้าเอาเวลามาด้านนี้หมด กลัวทางฝั่งหนูบีจะเครียดกับการลุ้นเกิน
ถ้าเรื่องหนูบีจบเมื่อไหร่ จะมาอัพอย่างต่อเนื่อง
แต่ตอนนี้ขอเวลาหน่อยนะครับ
ฝากเรื่องใหม่อีกเรื่องด้วยนะครับ ^_________________^
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย