-๓-
Fangto
ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยง
เล็กเนื้ออร่อยจริงๆ
พายุจริงหรอ
ดีใจที่ยุชอบ
Fangto
ไปเรียนแหละ
พายุครับ
เราจะกันไม่ถึงสองวันดีแต่เค้าทักไลน์ผมสองรอบแล้วทำไม่ผมรู้สึก......
“มึงยิ้มอะไรคนเดียวว่ะยุ มึงช่วยเครียดกับพวกกูหน่อยอีกสิบนาที่จะสองแล้วนะ ” ผมยิ้มอยู่หรอผมยิ้มอยู่สินะ
“มึงเลิกอ่านเถอะ มึงอ่านตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกมึงจำได้หรอกนะ ทำใจให้สบายนะเพื่อนว่าน เพื่อนพิม”
“อ่าว กราบ”
“มึงก็ซิ่วตอนปีสองนิทันป่าวว่ะ”
“ไอ้พิมแล้วมึงจะซิ่วไปไหน ”
“วิศวะไง”
“เดียวถาปัตย์แค่มีคอนมึงยังไม่รอดแล้ววิศวะมีทั้งแคลคูลัส สถิตเหี้ยอะไรเยอะแยะแล้วมึงจะรอมมั้ยฮ่ะ”
“ออจริงว่ะลืม คิดแค่ว่าเอาคณะที่สาวๆกรี้ด ลืมไปเลย งันอยู่เหมือนเดินแล้วเกาะมึง มึง ไม่ให้เอฟก็พอ ”
“รักพวกกูจริงๆ”
“ยุมึงกับกูรู้จักกันแค่สองคนใช่ม่ะ”
“อืม”
“เฮ้ย! นี่กูพิมไงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ”
“เออยุที่มึงรับปากเด็กออกไปที่จะไปถ่ายรูปให้เค้านิงานมึงเสร็จแล้วหรอว่ะ มึงเอาเวลาไหนไปทำว่ะ มึงรีบหรอ” ใจเย็นว่าน
“ยัง ยังไม่ได้ทำ”
“อ่าวแล้วมึงไปรับป่าวเค้าอ่ะนะ”
“อืม ก็กูคิดว่าจะทำวันนี้เลย จะได้ว่างเสาร์นี้ไง”
“กูไปด้วยสิ ไปเป็นเด็กยกไฟก็ได้”
“ไม่ได้ใช้ไฟ ถ่ายข้างนอกกลางวันด้วย”
“กูไปขนของก็ได้”
“กูพกกล้องกับแฟรชไปแค่นั้น”
“ไอ้เหี้ยนั้นก็ไม่ได้นู้นก็ไม่ได้ ยังไงก็ก็จะไปอ่ะ”
“ก็ไปสิไม่ได้ว่าอะไร”
“แล้วที่มึงเถียงกูมาขนาดนั้นคืออะไรว่ะ”
“ก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ให้ไปแต่ที่พูดไปคืออธิบายก็ตอบตามจริงตามที่มึงถามเลยว่าน ผมจริงใจไง
“ไปไหนกันหรอ”
“เสือก!”
“ยุกูยืมใบคัตเตอร์หน่อยของกูหมดแล้วว่ะ”
“แปบนะหาก่อน อ่ะนี่”
“ไอ้ยุมือมึงเป็นแผลอีกแล้วว่ะ แผลเก่ายังไม่ทันหายแผลใหม่มาอีก” แผลหรอแค่มีดบาดเอง
“เออเย็นนี้มึงจะไปซื้อของตัดโมเพิ่มกันป่าวว่ะ ”
“ไป”
“แต่กูไม่ไปว่ะดูแล้วของน่าจะพอถ้าไม่พอก็โด่พวกมึงใช้ก่อน”
“ตลอดอ่ะมึงเนีย เออยุกูยืมตังมึงก่อนนะ สิ้นเดือนเงินมาแล้วเดียวกูคืน”
“เออ ได้สิ”
“รักมึงจังน้องยุของพี่พิม” ไม่เป็นไร
“ร้อยละร้อย”
“ไอ้หน้าเลือด” นี่เพื่อนไงพิม
: ร้านขายเครื่องเขียน
“ได้ของครบยังมึง”
“อืม ครบแล้ว”
“เออป่ะงันไปจ่ายตังฝากจ่ายให้กูด้วย”
“อืมๆ ยกของมา”
จ่ายเงินเสร็จผมกับพิมก็เดินกลับคณะกัน เด็กถาปัตย์ไปจับจ่ายร้านเครื่องเขียนจนพี่เจ้าของร้านกับแฟนได้เงินไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี แต่ตัดมาที่เด็กถาปัตย์ตาดำๆอย่างพวกผมแค่เที่ยวในประเทศยังไม่เคยจะมีปัญญาที่จะไปเรื่องไปเที่ยวต่างประเทศนิตัดไปได้เลยแต่ถ้าพูดเรื่องเงินลงขวดพวกมันก็จะตอบนั้นมันคนละส่วนกัน ห้ามเอามายุ่งกันหรอมาคิดให้ปวดหัว แล้วก็จะสำนึกกันได้ตอนใกล้จะสิ้นเดือน ตัวอย่างก็มีให้เห็นก็ไอ้คนข้างๆผมนี่แหละไม่ต้องหาตัวอย่างอื่นไกล เอาจริงๆเงินที่ซื้อกระดาษในแต่ละเดือนยังเยอะกว่าค่ากินในแต่ละเดือนอีก ถ้าผวกผมกินกระดาษได้คงดีแต่ถ้าเจอกันอีกที่ตอนที่พวกผมอยู่ปีห้า ผมอาจจะหน้าตาเหมือนปลวกก็ได้
“แวะซื้อข้าวก่อนดีม่ะ จะได้ไม่ต้องออกมาอีกรอบ”
“ก็ดีนะ งันเดียวกูโทรหาไอ้ว่านก่อน ถ้าซื้อไปแล้วมันเห็นเดียวมันจะบ่นว่าไม่มีน้ำใจอีก”
“อืมได้ๆ เอาร้านนี้แล้วกัน”
“มึงสั่งยังยุ”
“จกแล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งรอสั่งพร้อมกัน จะกินอะไรได้จดให้”
“กูเอาหมูผัดพริกแกง ไอ้ว่านเอาข้าวผัดไข่”
“เออ เสาร์นี้ว่านมันจะไปเป็นเด็กยกของให้มึงหรอ กูว่าไปเป็นภาระมากกว่า น้ำหน้าอย่างมันเนีย”
“ก็ไม่ขนาดนั้น มึงจะไปด้วยป่ะ” อาจจะยิ่งกว่านั้น
“ก็อยากไปนะแต่ไม่ว่างว่ะ แม่ให้กลับบ้าน บอกจะตัดกูออกจากตระกูล ด้วยความที่กูเป็นลูกที่ดีอาทิตนี้เลยต้องกลับบ้านไง ดีไม่เหมือนมึงแม่งบ้านใกล้มอ” หรอบ้าน ใช่บ้านที่มีแค่พี่ศรีที่รอ
“ไปข้าวได้แล้ว”
“ไอ้ว่านข้าข้าว 50”
“เฮ้ยกูเคยกินร้านนี้ 40 มาจากไหนอีก 10 บาทว่ะ”
“ค่าเดินกูไง จ่ายมาช่วงนี้กูจน”
“ติดไว้ก่อนกูก็จน ไอ้เหี้ย!”
วันนี้วันเสาร์มีงานต้องออกไปข้างนอกนี่น่าแล้วตอนกี่โมงแล้วเนียยังไม่อยากตื่นเลย พี่ศรีนอนสบายเลยนะ
“พี่ศรี ลุกไปดูนาฬิกาดิกี่โมงแล้ว”
พอลืมตามานอกจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในห้องแล้ว พอหันไปข้างๆตัว กลับเจอกับก้อนขาวๆที่ยุบพองตามการหายใจของนาง เห็นแล้วหมั่นไส้สบายจริงๆเลยนะ
“ยังนอนอีก พี่ศรีดูนาฬิกาให้หน่อย” ยังยังนอนอีก ลุกไปดูให้หน่อยก็ไม่ได้
“ใช้นั้นไม่ได้หรอ งันวันนี้ก็เทอาหารกินเองแล้วกันนะ” นั้นไงมีการลืมตาขึ้นมามองแล้วหาวใส่อีก หน้าตาดูรําคาญมากมายเหมือนไปรบกวนการนอนของพี่ศรี รู้สึกผิดเลย
เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยวววววว!!
นั้นร้องอีก อ้อนอีก เป็นแบบนี้ทุกพี่ศรีเป็นแมวที่ถ้าพี่ศรีรู้ว่าถ้าผมตื่น พี่ท่านก็จะร้อง ร้อง ร้อง จนกว่าผมจะ
“รู้แล้วๆ ตื่นแล้วนี่ไง ลุกตามมาสิแล้ว” ไม่ใช่อะไรหรอกกันครับ นอกจากเทอาหารให้ พอเทได้อาหารใหม่ๆจากซอง พี่ท่านก็เงียบ ถ้าพี่แกร้องไม่หยุดแค่เทอาหารให้ใหม่ พี่ศรีก็จะเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน
อ่ะพึ่ง 7:30 เองนี่ กลับไปนอนต่อได้มั้ยนะ เมื่อคืนก็นอนดึก เวลานัดก็ตั้งบ่ายโมง แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้นอนต่อลงมาหาอะไรกินข้างล่างดีกว่า มีแต่มาม่า ตอนที่ผมกำลังจะกดน้ำร้อน
เมี้ยวววว เมี้ยว
นั้นไงครับมาอีกแล้ว
“เอา เอาไปแค่นี้พอนะ กินอาหารคนมากมันไม่ดีรู้มั้ยพี่ศรี รู้ว่ามันไม่ดีก็เลิกหัดขอได้แล้ว ” ถ้าพี่ศรีตอบผมได้คงตอบมาม่าดิบเท่านั้นที่เราต้องการ
12:12 น.
“พี่ศรีเฝ้าดีๆนะ ใครไม่น่าไว้ใจก็ขู่ไม่กล้าเข้ามาเลยนะ แต่อย่ากัดละ เดียวจะเสียค่าพยาบาล พี่ศรีจะเจ็บตัวอาจจะโดนทำร้ายกลับด้วย แล้วอย่าไปกินอาหารคนแปลกหน้านะเข้าใจมั้ย ไปแล้วนะ เย็นกลับมาเดียวซื้อปูอัดมาฝาก ไปแหละไปแหละ”
เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยววววววววววว
นั้นไงเด็กดีของผม
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ดดดดดด
“ว่าไงว่าน ”
“ ยุมึงอยู่ไหนออกมายัง”
“ออกมาแล้ว กำลังไปหาไรกิน”
“ไปกินไหนๆ กูได้ไปหามึง ได้ไปพร้อมกัน”
“ร้านเตี๋ยวเนื้อ เจ้หมู”
“ไม่คิดจะเปลี้ยนร้านเลยรึไงมึง”
“เออ ถึงร้านแล้วจะให้สั่งรอมั้ย”
“คนเยอะม่ะ”
“มาก”
“งันสั่งเล็กแห้งเนื้อพิเศษ”
“โอเคเจอกัน”
“ป้าครับเล็กเนื้อพิเศษกับเล็กแห้งเนื้อพิเศษครับ” รอสักสิบห้านาที่ก๋วยเตี้ยวก็มาเสิร์ฟ
“ได้นานยังว่ะ”
“พึ่งได้กูยังไม่ได้กินสักคำ”
“อ่อ เจ้เอาน้ำมะตูมแก้วนึงครับ มึงเอาไรป่ะ”
“ไม่”
กินจนหมดชามผมก็เงยออกจากชาม อ่ะ
“ว่าน นั้นโต๊ะหนังมึงนั้นน้องเนมคนดีของมึงนิ”
“มึงเลิกพูดถึงมันได้ม่ะ”
“เฮ้ย เรียกน้องมันว่ามันเลยหรอว่ะไหนเมื่อศูกร์ที่แล้วมึงยังน้องเนมยังงันน้องเนมยังงี่อยู่เลย ทำมันนี้เรียกน้องห่างเหินแบบนั้นว่ะ”
“มึงเข้าใจม่ะว่า จริงใจก็เสียตัง จริงจังก็เสียใจ” คมสัด
“โดนหลอกหรอว่ะ”
“ ไอ้ห่ายุ ไอ้เหี้ยนี่รู้แล้วยังตอกย่ำกูอีก” พอดีอาทิตก่อนมันไปจีบน้องเค้า แล้วเหมือนน้องเค้า แล้วเพื่อนผมสาเปย์ด้วยที่นี่มันคงคิดว่าได้แน่ ก็เปย์หมดหน้าตัก แต่ไม่เกินสี่วันดันไปเจอน้องกับแฟนน้องเค้าเพื่อนหน้าหมาเลย ตอนแรกก็ปากหมาตอนนี้ไปเป็นหน้าหมาแล้ว
“เอาน่ามึง จะถึงเวลาแล้วป่ะๆจ่ายตัง” ตอนเดินออกมาจากร้านผมก็เห็นมันแอบหันไปมองโต๊ะน้องเค้า ปากมันก็ว่าน้องไปงัน แต่ผมว่ามันก็เสียใจนะ มันก็คงชบน้องเค้าพอตัวอยู่
: ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
“มึงนั้นต๊ะมันไว้ชั้นไหน”
“สตูถ่ายภาพ”
“เออไม่เคยเข้าไปเลยว่ะ อยู่มาจะสองปี” เดินมันสักพักก็ถึงสตูถ่ายภาพ
“นี่ไงมึงเข้าไปดิถึงแหละมึงจะได้เคยมา”
“ครับ ครับ” พอเปิดประตูเข้าไปทุกคนที่อยู่ในสตูหันมามองกันหมด ผมกับว่านหยุดนิ่งไม่กล้าขยับเลย เขินเลยครับ
“ว๊ายยุมาแล้วววว อีว่านมึงมาทำไมเนีย”
“ห่าต๊ะสองมาตรฐานมาก ที่ยุเรียกเสียงหวานที่กูมีคำนำหน้านะ”
“เรื่องขอกู มาๆยุเข้ามา ยุมาไวจังมาก่อนเวลาอีก”
“พอดีจะมาจักแสงก่อน ได้ไม่เสียเวลามาก”
“โอ้ยพ่อยุพ่อคนดีของน้องต๊ะ เออแล้วมึงมาทำไรว่านมาแล้วทำตัวมีประโยชน์รึป่าวเนีย”
“โฮ่ ต๊ะกูนี่ผู้จักการส่วนตัวของคุณพายุนะครับ”
“ว่านงันมึงกลับเลย กูว่าไม่มีมึงยุทำงานสะดวกกว่าเยอะ”
“เพื่อนยุดูต๊ะมันทำกับเค้าสิ ไอ้ห่านี่ก็ขำอีกช่วยเพื่อนสิ” ฮ่าๆ มันก็เถียงกันทุกครั้งที่เจอแหละครับ ที่จริงต๊ะมันเรียนรุ่นเดียวกับพวกผมแต่คนละสาขาแต่ก็รู้จักกันหมดในคณะคนน้อยสวนใหญ่เลยรู้จักกันหมด
“ว่ายมานี่ มาเย็นในฉากดิ จะเช็กแสงหน่อย”
แซะ แซะ
“โอเคได้แหละ ต๊ะเราพร้อมแล้วนะ ถ้าแบบพร้อมก็ถ่ายได้เลยนะ”
“อ่าคอยแปบนะแฟงมันไปเข้าห้องน้ำ”
“ฮ่ะ แบบเป็นใครนะ”
“ก็”
แก๊ก!
“เออนั้นไง” อ๊ะ!
“อ่าวยุ”
“อ่าวรู้จักกันหรอ”
“รู้จักสิ เนอะยุ เนอะ”
“อืม”
“งันดีเลย จะได้คุยกันง่าย ฮ่าๆ ” อ่า เจอกันอีกแล้ว
“อยู่ดีดีก็ได้ถ่ายรูปด้วยกันเฉยเลยเนอะ”
“ไหนๆ ก็มากันพร้อม จัดเตรียมอะไรพร้อมแล้วงันเริ่มงานกันเลยแล้วกัน”
“อืม” ผมรู้สึกประมาทจัง
“ถ่านเราออกมาหล่อๆเลยนะ ไม่สิยุถ่ายเราออกมาหล่อทุกทีอยู่แล้วใช่ม่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย เราว่าแฟงก็พูดเกินไป” ตัวแบบดีอยู่แล้วตังหาก
“งันเริ่มเลยแล้วกัน”
“ครับ”
เอาจริงๆการทำงานกับแฟงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เหมือนเค้ารู้ว่ามุมไหนหรือการมอง การสื่อสารทางสายตาควรเป็นแบบไหนจำทำให้เค้าและเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นให้โดดเด่น เค้าสามารถสื่อสารทางสายตาได้ดีมามากจนเกินไป การสือสารทางสายตาได้ดีจริงๆ มันเลยทำให้การทำงานเป็นไปได้สวยราบรื่นไปด้วยดีดูแล้วการถ่ายแบบครั้งนี้อาจจะเสร็จก่อนเวลาที่ตั้งเอาไว้ซะอีก ถ่ายไปได้สามชุด ต๊ะก็บอกว่าพักก่อน ไม่ต้องรีบเวลาเหลืออีกเยอะ ต๊ะพูดอย่างอารมณ์ดีที่งานออกมาดีไม่มีอะไรให้ต้องแก้ไขหน้างานให้หน้าปวดหัว ทุกคนเลยพักแยกย้ายกันไปพักครั้งชั่วโมงคงกลับมาเริ่มงานกันต่อ พอเห็นว่าพักว่านมันก็ชวนผมไปร้านกาแฟข้างๆคณะ ที่จริงในสตูที่ถ่ายงานกันก็มีน้ำมีขนมเลี้ยง แต่ผมว่าว่านมันคงอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก ใช่ว่าวันนี้ว่านมันจะมาเป็นเพื่อนแล้วนั่งเฉยๆ แต่วันนี้ว่านมันช่วยจับนู้นยกนี่ให้ช่วยให้ผมสะดวกขึ้นเยอะเลย
“จะไปไหนหรอยุ”
“ไปร้านกาแฟข้างๆคณะ แฟงจะเอาอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไรเดียวเราลงไปด้วย แต่ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบนะ ไปทั้งชุดแบบนี้คนคงมองแน่ๆ” ก็จริงถ้าไปร้านกาแฟทั้งชุดที่ใช่ถ่ายแบบนี้ มันก็แค่ชุดที่คนส่วนใหญ่ไม่ใส่แบบนี้ในชีวิตประจำวัน ถ้าใส่ก็คงใช้ชีวิตยากอยู่หน่อยๆ
“รอเราแปบนึงนะ”
“ได้ๆ”
“อ่า สนิทกันจังเลยนะมึงสองคนเนีย”
“หรอก็เพื่อนไง”
“หรอ ออ ออ ออ เออกูจะถามมึงตั้งแต่กูเห็นหน้าไอ้แฟงแหละที่มึงรับงานนี้เพราะมึงรู้ว่าแบบคือไอ้แฟงไอ้คนที่ชอบเดินมาเข้ากล้องมึงใช่ม่ะ”
“กูไม่รู้จริงๆ กูก็พึ่งรู้พร้อมมึงเนียแหละว่าแบบที่กูต้องถ่ายคือแฟง”
“หรอ!!!!!
”อ่ะ”
“ประพร้อมแล้ว”
ตลอดเวลาที่กำลังเดินไปร้านกาแฟนี่ขนาดเปลี่ยนชุดแล้วคนที่มาทำงานคณะผู้คนก็ยังมองแฟงมันตลอดทางอยู่ดี พวกผมรู้ว่าคนที่คณะไม่ได้มองพวกผมสองคนหรอกเพราะคนเหล่านั้นต่างรู้จักผมสองคนว่าเป็นพี่หรือน้องในคณะแต่แฟงไม่ใช่คนในคณะ แถมมาในสภาหน้าผมจัดเต็ม บางที่คนมองอาจจะไม่ใช่เพราะชุดแต่อาจจะเพราะคนที่ชื่อแฟงมากกว่า ผู้คนต่างมันมามองตลอดทางที่เดินไปยังร้านกาแฟ แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ได้สนใจ หรือยินดียินร้ายอะไรกับสายตาที่มองมายังเค้า
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง
“สวัสดีค่ะรับอไรดีคะ”
“อืมผมขอชาเขียวครับ”
“ผมชาเย็นหวานน้อยครับ”
“ผมก็ขอชาเย็นหวานน้อยครับ”
“ออเดอร์มี ชาเขียวเย็นหนึ่ง ชาเย็นหวานน้อยสอง ทั้งหมดสามแก้วนะคะ ร้ายยี่สิบบาทค่ะ”
“นี่ครับ”
“ค่ะ รอเคื่องดื่มสักครู่นะคะ”
เมื่อผมหาที่นั่งเพื่อรอเครื่องดื่มได้ ต่อมความอยากรู้ของเพื่อนว่าก็ทำงานทันที
“มึงชอบกินชาเย็นเมือนไอ้ยุหรอ” นั้นไง
“ป่าวเห็นยุกินเลยกินตาม”
“หรอ แล้วมึงทำไมไม่ลองกินตามกูบ้างล่ะ”
“ก็เคยกินตามยุตอนนั้นเลือกไม่ได้ว่าจะกินอะไร เลยกินตามมรายุกำลังกินแล้วมันอร่อย ก็เหมือนตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าจะกินน้ำอะไรดี ก็เลยเลือกกินเหมือนที่ยุกินเพราะยังไงมันก็ต้องอร่อย”
“กูเห็นมันกันอะไรเดิมๆตลอด” แฟงมันก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้ม ยิ้มตอบไป แต่ความว่านมันก็ยังไม่หยุดแค่นั้น
“ไอ้ยุมึงยื่นมือมึงมานี่สิ”
“มึงจะทำอะไรอีกว่าน” ถึงผมจะบ่นแต่ผมก็ยื่นมือออกไปให้ว่านมันอยู่ดี
“นั้นไงวันนี้มึงได้แผลมาอีกแล้ว แผลเก่ายังไม่ทันหาย แผลที่เก่ากว่ารอยก็ยังไม่หายดี” มันก็บ่นไปจับมือผมพลิกไปพลิกมาซ้ายทีขวาที
“มึงควรเลิกใช้คัตเตอร์ในการตัดโมแล้วหันมาใช้กรรไกรว่ะกูว่า แล้วมึงก็ควรเลิกใช้ได้แล้วนะใบดำเนีย ถ้ามึงไม่เลิกสักวันนิ้วมึงต้องขาดแน่ๆ”
“เออน่า มึงไม่รู้หรอว่าเด็กถาปัตย์ถ้าไม่เคยโดนคัตเตอร์บาดก็เหมือนไม่ได้เรียนถาปัตย์นะมึง ยังไม่ชินอีก” เนอะ
“มึงมันเกินที่ควรจะเป็นไอ้ห่า”
“ชาเขียวเย็นหนึ่งชาเย็นหวานน้อยสองได้แล้วค่ะ”
“มึงกับไอ้ยุนั่งนี่แหละเดียวกูไปยกมาให้”
“ยุกับเพื่อนสนิทกันจังนะ”
“กูรู้จักกันตั้งแต่อนุบาลแล้วนี่นา”
“คงเป็นเพื่อนจริงๆสินะ” อ่ะ
“แฟงว่าอะไรนะ”
“อ่อ บอกว่าเป็นเพื่อนกันมานานเลยนะ”
“อ่อ ครับ”
“อ่ะ นี่ชาเย็นของมึง นี่ก็ของมึง เป็นไงชามึงอร่อยสมกับที่แดกตาไอ้ยุมั้ย”
“อร่อย เนอะยุ” อย่าลากผมเข้าไปสิ
“ผมว่าเราออกมานานแล้วพวกเรากลับไปสตูกันเถอะเดียวต๊ะมันจะคอยนาน เอพวกต๊ะมันจะกินอะไรรึป่าวว่ะ”
“ไม่ๆก่อนลงมากูถามมันแล้วมันบอกว่าไม่เอาอะไร”
“’งันก็ไปกันเถอะ”
หลังกลับมาจากร้านกาแฟไม่ถึง 10 นาทีก็เริ่มถ่ายง่านกันต่อ ถึงผมจะบอกว่าการถ่ายแบบรอบนี้มันราบรื่นมันก็จริงแต่มันมีหนึ่งสิ่งที่ทำให้การทำงานมันไม่ได้ราบรื่นร้อยเปอร์เซ็น ตรงที่สายตา สายตาที่เค้าใช้มอง ทุกครั้งที่เค้ามองมายังกล้องมันเหมือนเค้าให้สายตานั้นมองผมอยู่ มันทำให้ผมนั้นละถ่ายผิดถ่ายถูกจนบางครังควบคุมโฟกัสภาพผิดที่ผิดจุดเป็นว่าเล่นให้ตายสิ
ตั้งแต่ถ่ายภาพให้ใครต่อใครผมผมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมเลยต้องสั่งให้เค้าโพสโดยที่ให้ใช้สายมามองไปทางอื่น แต่ถายไปสักพักเค้าก็กลับหันมามองกล้องเหมือนเดิมอยู่ดี
ขอโทษนะต๊ะ
ถ่ายไปใกล้จะเสร็จว่านมันก็ขอตัวกลับไปก่อนมันบอกว่าพิมโทรตามให้ไปช่วยงาน ที่จริงผมก็บอกว่าถ้าถ่ายงานเสร็จแล้วจะไปช่วยแต่ว่ามันกลับบอกผมว่าไม่ต้องมาทำงานให้เต็มที่แล้วค่อยเอาเงินที่ได้มาเลี้ยงพวกมัน ผมรู้สึกว่างานที่จะไปช่วยก็ไม่ใช่งานของผม แต่งันที่จะต้องเอาไปเลี้ยงพวกมันกลับเป็นเงินของผม ทำไมมันเป็นแบบนั้นเล่า
“ถ่ายออกมาได้ดีสุดๆไปเลยแก ขอบคุณมากจริงๆ ที่มาช่วยอ่ะนี่ค่าจ้างของยู ส่วนนี้ของแฟงนะ เดียวโปรเจคหน้าข้อใช้บริการอีกหลายๆรอบนะสองหนุ่ม”
“ถ้าว่างนะ ไม่ต้องเป็นงานจ้างงานฟรีกูก็มาถ้าว่างนะ”
“ถ้าเป็นตากล้องคนนี้ก็ว่างเสมอนะ”
“แม่ะ อีแฟงอีตอแหล”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลับแหละ บ๊าย”
ตอนที่ผมกำลังเดินกลับว่าจะไปดูพิมว่าทำงานถึงไหนแล้วเสร็จรึยัง แต่กลับเห็นแฟงวิ่งมาทางผม ที่จริงผมเดินออกมาก่อนเพราะตั้งใจจะไปหาพิมเลยรีบออกมาก่อน เลยทำให้แฟงรีบวิ่งมาทางผม แต่ว่าแฟงวิ่งมาทำไมนะ
“ยุรอด้วยๆ”
“วิ่งทำไมมีอะไรรึป่าว”
“ว่างมั้ย”
“ทำไมหรอ”
“ก็เห็นว่าตอนนี้ฟ้าสวยแล้วก็ยังไม่เย็นมาก เลยอยากไปชวนถ่ายรูปเล่น แบบอยากโดนถ่ายรูปอีก”
“ได้สิ”
“แล้วเราจะไปถ่ายรูปตรงไหนดีน่า”
“ไปแถวตลาดข้างๆมอมั้ย ถ่ายแบบแนวสตรีท มันน่าจะเข้ากับชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้นะ”
“ที่ไหนก็ได้แล้วแต่ตากล้องเลย ป่ะ”
ขอโทษนะพิมให้ว่านมันช่วยไปก่อนแล้วกันนะ ถ้าเกิดไม่ทันจริงๆเดียวดึกๆค่อยไปช่วยแล้วกัน
ขอโทษนะเพื่อนพิม
อ่ะ!
ทีแรกพวกผมสองคนนั้นเดินถ่ายรูปมันก็สนุกดีเหมือนกันเดินถ่ายรูปเล่น ต่อให้โลเคชั่นมันจะเป็นยังไงผมว่าเค้ามักจะโดดเด่นออกมาเสมอ แต่ตอนที่กำลังยืนดูรูปในกล้องกันอยู่ดีๆ แฟงกลับนำมือมาจับที่แก้มของผมพอฝ่ามือของแฟงมาสัมผัสโดนแก้มของผมมันทำให้ผมนั้นสะดุงตกใจแล้วไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจแฟงก็ตกใจตามผมไปด้วย
“อ่าขอโทษทีนะยุคคือพอดีเห็นแก้มของยุแดงมากเลยน่ะ เห็นแล้วเลยอยากลองจับดู แต่ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”
“อืม พอดีอากาศมันร้อนแก้มเลยแดง” พอผมตอบออกไปแบบนั้นแฟงกลับขำออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เท่ดีว่ะ ไม่ค่อยจะเหมือนใครดี แบบนี้ต้องขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย แก้มมันแดงมากจริงนะ ยุมองกล้องหน่อยเร็ว” พอแฟงได้รูปสมใจอยาก แฟงก็ชวนไปหาอะไรกินเพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว แล้วคงเห็นว่าผมร้อนมากมั้งเลยพามากินที่ร้านที่ติดแอร์เห็นแฟงบอกว่าร้านนี้อร่อยแน่นอน (มากด้วย)
“รูปที่ถ่ายสักวันรึสองวันเดียวส่งให้นะ”
“อ่าวทำไมล่ะ วันนี้ส่งได้เลยแบบวันนั้นไม่ได้หรอ”
“ได้แต่เราอยากขอเอาไปแต่งก่อน”
“ที่จริงไม่ต้องแต่งก็ได้นะเราเชื่อใจตากล้องอยู่แล้ว ” เค้ามองหน้าผมแล้วยิ้มให้ผมอีกแล้ว
“ส่วนรูปที่ไปถ่านในสตูวันนี้ถ้าแฟงอยากได้ก็ไปขอที่ต๊ะเลยนะ เราส่งให้ต๊ะไปแล้วน่ะ”
พอกินอิ่มแล้วกำลังจะแยกย้ายกันกลับแฟงกลับชิงไปจ่ายเงินค่าอาหารก่อนแล้วยังบอกว่าค่าอาหารวันนี้เป็นค่าจ้างถ่ายรูปวันนี้ ผมก็ไม่รูปจะทำยังไงก็เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับไปได้เท่านั้นทั้งๆที่จริงไม่จำเป็นเลยเพราะผมเต็มใจที่จะถ่ายให้จริงๆ พอออกมาจากร้านแฟงก็ขอแยกตัวกลับทันที บอกว่าจะรีบไปเปลี่ยนชุดเพราะมีซ้อมบาสตอนสองทุ่ม แล้วก็เดินกลับไปที่หอทันที แต่ผมกลับเกิดอยากกินชาเย็นขึ้นมา แล้วร้านดันอยู่ทางเดียวกับทางกลับไปยังหอขอแฟงทำให้เหมือนผมกำลังเดินตามเค้ายังไงยังงัน
“นี่เดินตามผมหรอ จะกลับหอกับผมหรอคุณตากล้อง”
“ป่ะ ป่าว เราแค่จะไปซื้อชาเย็นละ ละแล้วร้านมันก็ต้องเดินไปทางนี้ตังหากเล่า”
“ก็นึกว่าเดินตามจะกลับหอด้วยซะอีก งันก็เดินไปพร้อมกันเร็ว”
“ชาเน็นหวานน้อยแก้วนึงครับ”
“สองเลยครับ” ที่สั่งตามผมหรืออยากจะกินเองนะ
“แล้วนี่จะไปไหนต่อ”
“ไปหอเพื่อน่ะ ไปดูว่างานเสร็จรึยังเห็นว่านมันไปช่วยแต่ก็เงียบไปเลย”
“สนิทกันจังเลยน่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพื่อนกันก็ต้องสนิทกัน แล้วก็อยากให้จบพร้อมๆกันเลยต้องช่วยๆกันถ้าช่วยได้”
“อ่ะนี่ได้แล้ว กลับดีๆนะไปแล้วไปซ้อมสายเดียวจะโดนบ่นอีก”
“ครับ ”
พอกำลังจะโทรหาพิมว่างานไปถึงไหนแล้วก็มีคนส่งไลน์เข้ามาก่อนแล้วไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่พึ่งจะได้แยกกันไปถึงห้านาที
Fangto
ลืมบอกวันแข่งอย่าลืมไปเชียร์เราด้วย
พายุเมื่อไร
ถ้าไม่ติดงานอะไรนะ
Fangto
สิ้นเดือนหน้าไง
งานกีฬามอไง
วางเถอะ นักกีฬาต้องการกำลังใจ
พายุครับ
Fangto
ดีมาก
ไม่กวนแล้ว
บาย
นักกีฬาต้องการกำลังใจงั้นหรอ แค่ประโยคนี้ทำไมอ่านแล้วมันถึงร้อนๆที่แก้มนะเหมือนแก้มโดนเอาของร้อนมาแนบเลย
อ่ะจะโทรหาพิมนี่หว่าลืมเลยพอโทรออกถือสายยังไม่ทันจะหมดตู๊ดแรกพิมมันก็รับทันที
“ยุช่วยกูด้วยยยยยยย”
ให้ตายสิ ว่านมันได้ไปช่วยไอ้พิมมันจริงๆรึป่าวเนียทำไมพิมมันได้รับโทรศัพท์ด้วยเสียที่ร้องขอชีวิตแบบนั้นเล่า