แค่สีเทาๆ ที่ปลายอุโมงค์ [ตอนที่ 4 27/03]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สีเทาๆ ที่ปลายอุโมงค์ [ตอนที่ 4 27/03]  (อ่าน 1789 ครั้ง)

ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม










สวัสดีค่ะทุกคน เป็นการเขียนนิยายครั้งแรกและลงครั้งแรกที่นี่ หลังจากตามอ่านนิยายมาหลายปีดีดักได้

หากมีข้อผิดพลาดประการใด สามารถติเตือนแนะนําให้ความคิดเห็นได้เลยนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ

                       2k



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2018 21:47:55 โดย KK5993 »

ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สีดำ [1]





‘น่าสงสารนะคะ’

‘พี่น้องคู่นี้ยังเด็กทั้งคู่เลยนะคะ พึ่งจะ 30 กันเองได้มั้ง’

‘เห็นว่าคนน้องมีเด็กอยู่ในท้องด้วยค่ะ’

‘ตายจริง...แล้วสามีเค้าเป็นอะไรคะนั่น อยู่บนรถเข็นด้วย ชีวิตหนอชีวิต’

‘แล้วคุณภนัธนี่เป็นแค่อาด้วยนะ...พ่อแม่ของทั้งคู่เสียหมดแล้ว’

‘หมดตระกูลเลยสิคะเนี่ย’

‘ก็มีลูกอยู่นะคะ แต่ท่าทางก็ใช้นามสกุลของทางพ่อทั้งหมด’




“พี่หยงคะ...” มือที่แตะเพียงแผ่วลงบนบ่าทำให้ผมต้องละสายตาจากใบหน้าของผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจไปหาผู้พูด ครั้นเห็นใบหน้าหมองที่มีอาการคล้ายกับกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของเธอ ผมก็เพียงพยักหน้าน้อยๆ ให้

“ไปนั่งกับพวกเราทางนู้นเถอะค่ะ คุณป้าก็พึ่งกลับจากฝั่งครัวมาอยู่ด้วยกันเมื่อกี้” ผู้พูดยังคงพูดด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ารู้สึกแย่ นั่นยิ่งทำให้ก้อนขมๆ รวมเป็นกระจุกใหญ่ขึ้น ผมไม่อยากมองใบหน้าที่แสดงถึงแต่ความอนาถเวทนาส่งมาให้ของคนรอบข้างเท่าไหร่นัก แต่ก็คงไม่มีทางเลือก

“นะคะ” เมื่อถูกย้ำขออีกครั้ง ผมก็พยักหน้าให้ เตรียมจะลดมือลงกดปลดล็อกวีลแชร์

กึก!

“ไปครับคุณหยง” เสียงทุ้มแหบดังขึ้นเบื้องหลัง ผมหลับตาลงพยายามข่มความไม่พอใจจากการช่วยเหลือที่ผมไม่เคยต้องการ

ทำไมต้องทำเหมือนผมดูแลตัวเองไม่ได้

“เฮน่าเดินไปก่อนเถอะ” เสียงทุ้มดังขึ้นอีก ผมไม่รู้ว่าสีหน้าคนพูดเป็นแบบไหน แต่ถ้าให้เดาจากน้ำเสียงคงย่ำแย่ไม่ต่างกัน

“คุณ...” เมื่ออีกคนเดินนำห่างออกไป เสียงของตัวเองที่ผมไม่รู้ว่ามันจะอ่อนแรงเพียงนี้ก็เค้นออกจากลำคอได้ แต่แค่นั้นก็ทำให้วีลแชร์ที่กำลังเคลื่อนที่หยุดลงได้

อีกคนไม่ตอบรับอะไร แต่ผมคิดว่าเขาคงฟังอยู่

“ผมไปเองได้”

“คุณยังไม่กินข้าวตั้งแต่เมื่อวาน” อีกคนตอบกลับมาคนละเรื่อง นั่นเพิ่มพูนความหงุดหงิดในใจ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องมาห่วงหากันตอนนี้

เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้น

“ผมไปเองได้” ผมย้ำ คราวนี้เสียงของผมแข็งขึ้น มือที่กำอยู่ตรงที่วางพักแขนเกร็งขึ้น แต่เหมือนอีกคนไม่ฟังเพราะที่นั่งเริ่มเคลื่อนที่ไปต่อ

“คุณ!”

“รบกับปราชญ์รอคุณอยู่นะครับ ถึงพวกแกจะเด็ก พวกแกก็รู้ว่างานแบบนี้คืองานอะไร” เสียงทุ้มที่ผมไม่เคยสังเกตว่าทุ้มถึงเพียงนี้เอ่ยขัดและประโยคนั้นทำให้ผมกลืนคำพูดต่อไปลงคอ

ผมรู้ว่าพวกแกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สองวันมานี้จึงหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้า

ผมมันเป็นพ่อที่แย่...อ่อนแอ...ไร้ซึ่งความสามารถใดๆ ที่จะโอบกอดลูกๆ

“อืม” เมื่อก้อนแข็งๆ เริ่มตีตื้นมาที่หน้าอก ผมก็ทำได้เพียงตอบรับสั้นๆ คลายมือที่เกร็งแน่นออก พยายามทำใจที่ดิ่งเกินฉุดปีนขึ้นมาจากหลุดมืด แต่แล้วก็ต้องหันไปเงยหน้ามองคนข้างหลัง เมื่อทิศทางที่ควรไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เปลี่ยนไป

“ออกไปข้างนอกสักครู่ไหมครับ” คำถามที่ส่งมาไม่ต้องการคำตอบ เพราะร่างผมก็เคลื่อนไปตามแรงผลักของคนข้างหลัง ผมกลืนความขมขื่นลงคอแล้วหันกลับมามองข้างหน้าที่วิวเปลี่ยนไป

ผมไม่เข้าใจ ทำไมคนๆ นี้ถึงยังยืนหยัดได้ ทำไมหลังนั้นยังเหยียดตรง ทำไมไหล่นั้นยังผึ่งผาย ทำไมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมไม่เข้าใจจริงๆ

ภรรยาของเขา...ผู้หญิงที่เขากล่าวว่ารักสุดหัวใจ คนที่เขาจับมือประคองในยามเอ่ยคำสาบานรัก เพิ่งจากโลกนี้ไปเพียงสองวัน ทำไมถึงเข้มแข็งได้แล้ว

แล้วทำไมผมถึงทำไม่ได้เหมือนเขา...ทำไมล่ะ



มณีรัตน์  เตชุวัฒน์
ชาตะ 21 ม.ค. 25XX
มรณะ 30 ต.ค. 25XX
อายุ 34 ปี

วลีรัตน์ พรรณไพบูลย์
ชาตะ 5 เม.ย. 25XX
มรณะ 30 ต.ค. 25XX
อายุ 33 ปี




ทั้งๆ ที่สัญญาว่าปีใหม่จะพาเจ้าแฝด และลูกน้อยในครรภ์ไปเที่ยวด้วยกันแท้ๆ นัดแนะกันว่าสองครอบครัวเราจะไปด้วยกัน

ทั้งๆ ที่ผมสัญญาว่าจะตั้งใจทำกายภาพ เพื่อให้เดินได้คล่องก่อนปีใหม่

ทั้งๆ ที่ตื่นเต้นถึงเพียงนั้นที่จะได้ไปเที่ยวพร้อมกันกับครอบครัวพี่สาว

ทั้งๆ ที่จะเซอร์ไพรส์พี่ของตนว่ากำลังมีลูกคนที่สามในตอนนับถอยหลังสู่ปีใหม่

ทั้งๆ ที่...สัญญากันแล้ว


“ทริปปีใหม่นี้ ต่อให้คุณยังเดินไม่ได้ เราก็ยังไม่ยกเลิกนะครับ”

“เราจะไปทำไม” เสียงผมแหบแห้ง และรสชาติของน้ำตาช่างขมบัดซบ

“ม่านกับคุณฟ้าคงดีใจที่เราได้พาลูกๆ ไปเที่ยวนะครับ”

“ผมไม่ไป” เค้นเสียงออกมายากเย็นพอๆ กับหายใจในตอนนี้ ผมยังทำใจไม่ได้ ในยามที่ได้ยินชื่อของเธอ

อีกคนไม่ตอบกลับ ทำให้บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่ง เสียงสวดมนต์แว่วมาไกลๆ จากศาลา เหมือนคมมีดที่กรีดลงมาที่ใจ ตอกย้ำความจริงจนเกินรับ

“ม่านตื่นเต้นกับ...”

“หยุดพูดถึงคนที่ตายไปแล้วสักที!!!” ผมตะโกนก้อง หอบหายใจแรงจากการพยายามตะเบ็งเสียงในยามที่อ่อนแรง ดันตัวเองลุกขึ้นจากวีลแชร์แม้รู้ว่าต้องล้มลง

“คุณหยง!!!”

แรงปะทะเพราะล้มลงไม่ทำให้ผมเจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่ พยายามใช้สองมือที่สั่นเทาพยุงร่างกายให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าแม้ท่อนล่างจะไร้ซึ่งความรู้สึกเพราะอาการอัมพาต

“คุณหยงหยุดก่อนครับ คุณหยง!!”

ไปที่ไหนก็ได้...ไปจากที่ตรงนี้ ที่ๆ ความจริงยังคงปรากฏ

“คุณหยง!!”

ร่างของผมถูกกระชากให้หันกลับอย่างรุนแรง

เพื่อที่จะหันไปพบกับใบหน้าคมที่จ้องมองมาพร้อมน้ำตา แววตาที่สั่นเทาแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด คำพูดที่จะเอ่ยต่อไปจึงถูกกลืนหายไปในทันที


ในตอนที่ผมรับรู้ว่าน้ำตามันขมปร่า

ในตอนที่คิดว่าชีวิตตอนนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนไหนๆ

อีกคนก็คงไม่ต่างกัน...









     * * * * * * * * * * * * * * * * * *


       ฝากตอนแรกไว้ด้วยนะคะ *โค้งงงงงงงงงงงงงงง*

       :mew1:

       #แค่สีเทาๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2018 00:37:32 โดย KK5993 »

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารคุณหยง :sad4:

ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
นึกว่าจะไม่มีใครเจาะไข่แดง #แค่สีเทาๆ ซะแล้ว  :hao7:
ขอบคุณ xexezero นะคะ ไม่ต้องเศร้าน้าา เชื่อเรานะคะ เรื่องนี้หวานๆๆๆๆๆ
 :ruready




สีชมพู [1]


“แหม่ ฮานนี่โชคดีนะคะมาเจอพี่ม่านเนี่ย นี่พี่หยงดวงร้ายสุดๆ มาแต่งกับฟ้าผู้ทำงานบ้านใดๆ ไม่เป็น แถมกับข้าวกับปลาก็ทำได้ไม่เยอะอีก” เสียงของผู้หญิงข้างกายผมเอ่ยปากหยอกพี่สาวของตัวเองแต่เหมือนเป็นการกล่าวว่าแซะตัวเองไปกลายๆ ผมยิ้มรับคำภรรยาก่อนหัวเราะในลำคอ ยกมือขึ้นโยกหัวว่าที่คุณแม่ไม่แรงนักอย่างเอ็นดูเจ้าตัว

“ทำไข่เจียวให้พี่กินได้ก็พอแล้ว” ผมค้านเธอแล้วยิ้มหยอกไปอีกที ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวตรงข้ามก็ร่วมกันหัวเราะผสมโรงไปด้วย

“ก็เราน่ะ พี่บอกให้หัดทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนซะบ้างเถอะ นี่ฮานรู้ไหม เจ้าฟ้าน่ะคบกับหยงตั้งแต่ม่านกับหยงขึ้นมหา’ลัย ไอ้เราก็คิดนะ ท่าทางจะไม่รอด น้องสาวเรามันบ๊องๆ บวมๆ สรุปว่าคบยืดกันมาจน 9 ปี”

“โอ้ยยย นี่ไปไหว้พระตอนปีใหม่ทุกปีค่ะ ว่าขอให้ผ่านพ้นปีนี้ได้ด้วยเถิด อย่าเพิ่งหมดความอดทนกับฟ้าก่อนเลย”   คนพี่เผามา คนน้องก็เลยชงกลับจนหัวเราะกันลั่นโต๊ะ ผู้ชายสองคนตรงนี้เหมือนเป็นตัวประกอบให้สองพี่น้องเขาเม้าท์กันซะมากกว่าล่ะเนี่ย

“ว่าแต่ฮานเถอะ เงียบจังนะคะ นี่ฟ้าคิดว่าพี่หยงเงียบแล้วนะ เจอฮานเข้าไป สามีเรานี่กลายเป็นคนพูดเก่งเลย” ผมผินสายตาจากภรรยาไปหาคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ผู้มีว่าที่เป็นทั้งเพื่อนเขยและเขยร่วมบ้าน เนื่องจากม่านพี่สาวของภรรยาของผมก็คือเพื่อนที่กอดคอเมาเหล้ากันมาตั้งแต่สมัยมหา’ลัย

“ฟังม่านกับคุณฟ้าคุยกันก็สนุกดีครับ” เสียงทุ้มของคนตรงข้ามตอบกลับ ผมพยักหน้าเห็นด้วยน้อยๆ

“ไม่เอาๆๆ อย่าเรียกคุณเลยค่ะ เดี๋ยวก็จะกลายมาเป็นพี่เขยฟ้าแล้ว”

“ยัยฟ้า!” เพื่อนผมรีบร้องขัด ใบหน้าใสของเจ้าตัวที่แม้อายุจะปาไป 29 ปีแล้วก็ยังดูใสจนเห็นสีแดงของเลือดฝาดที่เริ่มลามไปทั่วใบหน้า

“เขินทำไมล่ะพี่ม่าน ยังไงก็ต้องจับคุณฮานให้อยู่นะคะ”

“ยัยฟ้าาา” เพื่อนผมครวญเสียงอ่อน ทุกคนบนโต๊ะเลยร่วมกันผสมโรงหัวเราะกันอีกยกใหญ่ นานๆ ทีจะเห็นผู้หญิงเก่งอย่างม่านเขินอายเป็น

“เรื่องนี้ควรบอกผมนะครับ ยังไงผมก็ไม่ปล่อยม่านไปหรอก”

“อุ้ย! แมนมาก” ภรรยาผมคงสนุกมาก รีบเอ่ยเป็นลูกคู่ไปอีก ผมเลยยกนิ้วโป้งให้เพื่อเป็นการแซวเพื่อนกลายๆ ด้วย

“เดี๋ยวเถอะๆๆ อย่าให้เห็นว่ามีกิ๊กเอ๊าะๆ กว่านะ ‘น้องฮาน’” ม่านชี้นิ้วคาดโทษคนข้างกายก่อนจะเน้นย้ำเสียงตรงคำว่าน้อง
อย่างชัดเจน เนื่องด้วยแฟนหนุ่มของเจ้าตัวอายุห่างกันกับพวกผมอยู่ 4-5 ปีได้ ผมได้แต่มองเพื่อนตัวเองยิ้มๆ มีมุมน่ารักเหมือนกันนะนี่ คบกันมา 10 ปีพึ่งจะเคยเห็น

“น้องฮานไม่กล้าหรอกครับ”

“โอ้ย ขนาดนี้แล้วก็จัดงานแต่งเลยค่ะ!”

“เดี๋ยวเถอะฟ้า ชอบไปขัดคนอื่นเขาจริง” ผมเอ่ยขัดภรรยาอย่างทีเล่น เจ้าตัวหันมายักคิ้วใส่ผมก่อนจะโดนมะเหงกด้วยน้ำมือผมจัดการไปหนึ่งที

“สมน้ำหน้า” และได้คำสรรเสริญจากพี่สาวอีกหนึ่งคำ




* * * * * * * * * * *




“รบ! ปราชญ์! อย่าวิ่งกันลูก เดี๋ยวชนข้าวของตกแตก” ผมมองภรรยาที่วิ่งตามลูกแฝดของพวกเราไปอย่างทุลักทุเล พื้นที่รอบบ้านค่อนข้างเล็กบวกกับมีผู้คนมากมายเดินเข้าเดินออกเพื่อจัดทำสถานที่ ทำให้ยิ่งเหลือพื้นที่ในการเดินน้อยไปอีก

“เอะอะกันมาตั้งแต่หน้าบ้านเลยนะ เจ้าแฝด” ว่าที่เจ้าสาวซึ่งควบตำแหน่งว่าที่คุณแม่โผล่หน้าลงมาจากชั้นบนของบ้าน ผมวางพวกของใช้เด็กแฝดลงตรงมุมหนึ่งก่อนมองสำรวจรอบบ้านหลังเล็กนี้ที่สมัยก่อนมาจนหลับตาเดินได้

“สวัสดีครับป้าม่าน” เสียงสาวแฝดแว่วๆ มาแต่ไกล ส่วนตัวของทั้งคู่นั้นวิ่งขึ้นไปหาคนบนบ้านเรียบร้อยแล้ว

“พี่ม่านค่อยๆ ลง เดี๋ยวลูกในท้องเจ็บ” ภรรยาผมรีบขึ้นไปรับพี่สาวตัวเอง ทำเอาอีกฝ่ายแยกเขี้ยวใส่

“พี่พึ่งท้องได้สองเดือนย่ะยัยฟ้า อะไรจะมากระทบกระเทือนขนาดนั้น”

“เอ้า ก็พี่ม่านแก่แล้ว ฟ้ากลัวกระดูกกระเดี้ยวจะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร”

“เดี๋ยวนะ ฉันเพิ่งจะ 33 ย่ะคุณน้อง แล้วเธอห่างกับพี่มากเลยนะแค่ปีเดียวเนี่ย แถมสามีเธอก็เพื่อนฉัน” คนพี่ตอบกลับมาเจ็บแสบไม่ต่างกัน ยังคงทะเลาะกันได้ทุกครั้งที่เจอหน้าไม่มีเปลี่ยนจริงๆ

“ป้าม่านกำลังจะมีน้องหรอครับ” นักรบแฝดคนแรกโพล่งถามเสียงใสแจ๋วหลังจากยืนฟังอยู่นาน อายุ 3 ขวบครึ่งก็พูดเก่งแบบชี้บอกได้เลยว่าใครเป็นแม่ ผิดกับแฝดคนน้องที่ทำแค่มองไปมองมาเท่านั้น

“ใช่ครับ แล้วเด็กๆ ก็ลงมาได้แล้วลูก หลบทางให้ป้ากับแม่ลงมาเร็ว” ผมไปรับสองแฝดตรงบันได ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาว่าที่เจ้าของบ้านอีกคน

“ฮานไปเอากับข้าวที่สั่งไว้น่ะ” ม่านเหมือนจะรู้ใจว่าผมคิดอะไรอยู่ แอบเคืองนิดๆ ที่ปล่อยให้เพื่อนผมอยู่บ้านคนเดียวทั้งๆ ที่มีผู้ชายที่ไม่รู้จักเดินเข้าเดินออกกันเต็มขนาดนี้ ถึงจะไว้ใจได้เพราะมาจากบริษัทออร์แกไนซ์งานแต่ง แต่ผมก็ไม่อยากให้ทิ้งผู้หญิงท้องอ่อนๆ ไว้คนเดียวแบบนี้

“ไม่ต้องมาทำหน้ายุ่งเลยหยง ก็ฟ้าบอกว่าถึงหน้าปากซอยกันแล้ว ฉันเลยบอกให้ฮานออกไปเอากับข้าว” แล้วก็เหมือนอ่านใจผมได้อีกที ว่าที่คุณแม่เลยรีบแก้ตัวให้ว่าที่สามี ส่วนภรรยาผมก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะต้อนลูกๆ ไปล้างมือกันที่ครัวรอกินข้าวกลางวันด้วยกัน

“อดห่วงไม่ได้” ผมสารภาพตามตรง ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันผ่านมาจนถึงวันนี้ก็  14 ปีแล้ว สองพี่น้องมีเพื่อนมีคนรอบกายไม่มากนัก เพราะเสียพ่อแม่ตั้งแต่10 ปีที่แล้ว ผมยังจำวันที่นั่งกอดทั้งสองคนที่น้ำตาเอ่อนองทั่วใบหน้าไว้ในอ้อมแขนได้อยู่เสมอ มันจึงมีความรู้สึกอยากปกป้อง อยากช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา อีกทั้งหลังจากพ่อแม่เสียไปทั้งสองคนก็ต้องเรียนไปทำงานไป ทำให้ห่างไกลจากชีวิตช่วงวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น แถมยังหัวแข็งทั้งพี่และน้องไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมที่เป็นเพื่อนกับม่านได้ 4 ปีและเป็นคนรักกับฟ้าได้ 3 ปีแล้วด้วย

“ขอบใจแกมานะหยง” ม่านเดินเข้ามากอด ดวงตาเจ้าตัวเอ่อคลอไปด้วยน้ำใส ผมกอดตอบแน่นๆ รับรู้ว่าถึงเวลา ปล่อยให้อีกคนเข้ามาดูแลเพื่อนรักคนนี้ได้แล้ว

“ขอบใจแกที่อยู่ข้างๆ ฉันกับน้องมาตลอด” อีกคนเอ่ยย้ำ ส่วนผมแค่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“อะไรกัน ทำไมมาทำซึ้งกันอยู่สองคนล่ะคะ” เสียงภรรยาผมเอ่ยเย้า ก่อนที่อ้อมแขนของเจ้าตัวจะตวัดรัดผมและพี่สาวเขาไว้ด้วยกัน

“ยินดีด้วยนะคะพี่สาวสุดที่รักของฟ้า เอาไว้คลอดเจ้าตัวน้อยได้สักปีเดี๋ยวเราไปเที่ยวด้วยกันเนอะ” ผมยิ้มรับคำนั้น และหวังให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ




* * * * * * * * * * *



“ค่อยๆ ขยับนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกผมอยู่ข้างเตียง มือก็ค่อยๆ ประคองตัวผมในขณะที่เตียงตั้งเอียงขึ้นให้นั่งพิงหลังได้อย่างถนัดๆ

“โอเคนะครับ”

“ครับขอบคุณมาก แล้วสองสาวกับเด็กๆ ไปไหนครับเนี่ย”

“ออกไปหาอะไรกินกันเมื่อกี้เองครับ” อีกคนเอ่ยตอบ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรับแก้วน้ำที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ค่อยๆ จิบจนหมดแก้วก่อนจะส่งคืนพร้อมเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วคนเด็กกว่าก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา

“เรื่องรถของคุณหยง ทางคู่กรณียินดีชดใช้ให้ทุกอย่างครับ เพราะคงซ่อมไม่ได้แล้ว ทางนั้นเขามีฐานะเลยจัดการซื้อคันใหม่ให้เลย เรื่องค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลนี่ก็ออกให้หมดครับ” ผมพยักหน้าเพื่อตอบรับข้อมูลที่ได้รับรู้ทั้งๆ ที่ยังมึนๆ งงๆ อยู่ ฮานเห็นผมเงียบๆ ไปเลยรินน้ำใส่แก้วให้ผมจิบอีกแม้ว่าจะเพิ่งกินไปสักครู่ก็ตาม ผมพยายามคิดถึงเหตุการณ์ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน

ที่ผมจำได้คือในช่วงดึกที่เพิ่งทำโอทีเสร็จ ผมขับรถกลับบ้านด้วยสติที่ไม่เต็มร้อยนักเพราะโหมโปรเจ็คใหม่ขติดต่อกันอยู่สองอาทิตย์ ขับไปแบบหลับๆ ตื่นๆ จนสติดับวูบไปกะทันหันและตื่นขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล

“ผมว่าทางผมก็ผิดนะ” ผมค่อยๆ พูดหลังจากเรียบเรียงความทรงจำ ถึงจะไม่ทั้งหมดที่คิดออกแต่ก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“แต่ทางนั้นเมาแล้วขับครับ หลักฐานชัดเจนมาก คุณหยงไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลย ยังไงทางนั้นก็ผิดแบบเห็นได้ครับ”

“เอาเป็นว่าถ้าทางนั้นเขามา ผมจะขอโทษเขาด้วยเหมือนกัน เพราะไม่รู้แน่ชัดจริงๆ ว่าใครผิด แต่เรื่องขาของผม...”
ผมหยุดพูดไปเมื่อมองไปที่ขาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของตัวเองทั้งสองข้าง ตั้งแต่ตื่นมาได้สามสี่ชั่วโมงนี้ ผมยังไม่สามารถขยับขาของผมได้เลย

“มันมีทางรักษาให้กลับมาเดินได้เหมือนเดิมครับ” อีกฝ่ายปลอบ และผมเองก็รู้ว่ามันมีทางหายแน่ๆ แต่เมื่อไหร่ล่ะ...

“ไม่เป็นไรนะครับคุณหยง เดี๋ยวผมช่วยไปรับไปส่งสองแฝดเอง” เมื่อผมเงียบไป อีกฝ่ายคงคิดว่าผมกำลังจิตตก อันที่จริงก็ใช่ แต่ผมไม่อยากวิตกกังวลจนเกินไป นิสัยของผมไม่ใช่คนขี้โวยวายหรือคิดอะไรก่อนล่วงหน้า

“ขอบคุณมากนะครับ คงต้องรบกวนคุณฮานรับส่งสองแฝดในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ก่อน เดี๋ยวผมทำเรื่องให้รถโรงเรียนมาคอยรับส่งก็คงไม่มีปัญหาแล้ว แถมถ้าเดินไม่ได้อย่างนี้ คงมีเวลาเลี้ยงลูกอยู่บ้านอีกนานเลยครับ” ผมพยายามพูดติดตลก ไม่อยากให้ใครๆ ต้องกังวลไปด้วย

“ไม่เป็นไรเลยครับ ภรรยาของผมก็พี่สาวของภรรยาคุณนะครับ” อีกฝ่ายยิ้มให้ ผมเองก็ยิ้มตอบน้ำใจนั้น ถึงจะรู้จักกันได้แค่ 4-5 ปี แต่ผมก็เชื่อมั่นแล้วว่าคนๆ นี้สามารถดูแลเพื่อนของผมได้แถมยังรักเพื่อนผมสุดหัวใจจริงๆ จาการที่ได้เห็นเจ้าตัวที่ปกติจะนั่งเงียบๆ เหมือนๆ กันกับผมร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กๆ ในวันที่ภรรยาของเจ้าตัวคลอดลูก สองขาที่ก้าววนไปวนไปอยู่หน้าห้องคลอดไม่ห่าง ทำเอาหลายๆ คนรวมถึงผมตื่นเต้นไปด้วย

ผมจะไม่ทำให้การเดินไม่ได้ของผมมาเป็นอุปสรรคหรือขัดขวางความสุขของครอบครัวพวกเราอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยๆ ก็ขอให้หายทันสิ้นปีหน้าเถอะนะ
สัญญาว่าจะไปเที่ยวกันแล้วนี่น่า...
 




 * * * * * *

ท่านใดพึ่งผ่านเข้ามา หยุดอ่านเรื่องนี้เพียงนิด เราขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ

หวังว่าจะสามารถทําให้มีคนคอยอ่าน คอยรอติดตามได้

หากมีข้อเสนอแนะใดๆ บอกกันได้เลยนะคะ

สําหรับตอนนี้จะเล่าถึงอดีตแบบผ่านๆ เท่านั้น

หากท่านใดงงเรื่องไทม์ไลน์ เดี๋ยวตอนหน้าจะทําออกมาให้ดูนะคะ

ปล. มีใครรู้ไหมคะว่าพระนายออกมาครบหรือยัง คึคึ

ขอบคุณค่ะ


 :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2018 15:35:30 โดย KK5993 »

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอคอยยยค่ะ :katai1: เราเดาว่าพระนายน่าจะมากันแล้ว ในใจแอบเชียร์ ฮานหยง(?) นะคะ//โดนถีบ555

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เปิดเรื่องออกมาก็เศร้าน่าดู แต่ก็น่าอ่าน น่าติดตามต่อค่ะ

ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตอนที่ 3 สีดํา [2]



มณีรัตน์  เตชุวัฒน์
ชาตะ 21 ม.ค. 25XX
มรณะ 30 ต.ค. 25XX
อายุ 34 ปี

วลีรัตน์ พรรณไพบูลย์
ชาตะ 5 เม.ย. 25XX
มรณะ 30 ต.ค. 25XX
อายุ 33 ปี



งานศพของสองพี่น้องตระกูลพรรณไพบูลย์จัดสวดตามธรรมเนียมศาสนาพุทธเพียงแค่สามวันเท่านั้น และเนื่องจากญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นแถมทั้งยังมีศักดิ์เป็นเพียงอาที่ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมากมาย งานจึงค่อนข้างเงียบเหงา อีกทั้งฝั่งครอบครัวของสามีคนพี่อย่างฮานไม่ได้ตั้งรกฐานอยู่ในเมืองไทย คนที่มาร่วมงานจึงมีแค่พี่ชายและน้องสาวของฮานเท่านั้น ส่วนสามีคนน้องอย่างหยงก็มีเพียงแค่แม่คนเดียวเท่านั้น บรรยากาศในงานจึงเป็นไปอย่างเศร้าอึมครึม จะมีคนมาร่วมงานกันอย่างหนาตาก็เพียงวันแรกเท่านั้นเนื่องจากคุณภนัธที่เป็นอาของทั้งคู่เป็นเจ้าของห้องสูทชื่อดังในแวดวงคนรวย

“แล้วจากนี้ สองครอบครัวเราจะยังไงต่อไปคะ” เฮน่าละสายตาจากกลุ่มควันสีเทาที่ลอยล่องสู่ท้องฟ้า มองใบหน้าของพี่ชายตนที่อุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมอก ไม่ต่างกับหยงที่นั่งอยู่บนวีลแชร์โดยมีสองแฝดนั่งอยู่บนตักของผู้เป็นพ่อ หญิงสาวสะท้อนในอก
เธอคิดว่าความสูญเสียครั้งนี้กัดกร่อนความสุขชั่วชีวิตของทั้งคู่ไปจนเกือบหมดแล้ว

ไม่มีใครตอบคําถามของเฮน่า เพราะต่างจมจ่อมอยู่กับห้วงความคิดของตน แล้วจู่ๆ เด็กหญิงตัวน้อยส่งเสียงสะอื้นไห้ขึ้นมาเบาๆ ท่ามกลางความเงียบนั้น

“แม่…ฮึก มัมจ๋า”

“โถ…ลูก” หญิงสาวผู้สูงวัยที่สุดในกลุ่มเบือนหน้าหนีน้ำตาของเด็กน้อย เธอเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าลูกชายของตน เนื่องด้วยฟ้าเป็นคนน่ารัก เสมอต้นเสมอปลาย คอยอยู่ข้างๆ ลูกชายของเธอเสมอ เป็นลูกสะใภ้ที่เธอรักเปรียบเสมือนลูกของตัวเองด้วยซ้ำ

“ฮันนี่ครับ แม่ของลูกต้องกลับไปเป็นนางฟ้าแล้วนะครับ มัมเหนื่อยมากๆ แล้ว ต้องให้มัมพักได้แล้วนะ” ผู้เป็นพ่อที่พยายามบังคับเสียงตนไม่ให้สั่นเอ่ยบอกเด็กหญิงตัวน้อยอายุขวบครึ่งที่ยังคงไม่สามารถเข้าใจเรื่องความเป็นความตายได้ ต่างจากสองแฝดที่น้ำตานองหน้าแต่ไร้เสียงสะอื้น ทั้งสองรู้ว่าแม่ได้จากไปและไม่มีทางกลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว จริงๆ คืออาจไม่รู้ความหมายของคําว่าตายนัก แต่วันที่พ่อเข้าพยายามมากอดพวกเขาทั้งๆ ที่ยังเดินไม่ได้ แล้วบอกทั้งเสียงสะอื้นว่าครอบครัวเราจะเหลือกันแค่นี้แล้ว แค่พ่อ คุณย่าและทั้งคู่ แค่นั้นก็เจ็บปวดเกินพอ เทียบเท่ากับการรู้ความหมายของคําว่าตายที่หลายๆ คนพูดให้ได้ยินแล้ว

การตายคือการจากลา

ลากันตลอดไป…ไม่ว่าจะอยากกอดแค่ไหน อยากได้ยินเสียงเพียงไร ก็ไม่สามารถทําได้อีกแล้ว

“พ่อครับ…” นักรบเอ่ยเรียกพ่อด้วยน้ำเสียงแผ่ว

“ครับ”

“แม่จะมีความสุขใช่มั้ยครับ”

หยงตาแดงก่ำ มือที่โอบกอดสองลูกน้อยไว้บนตักสั่นเทา พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าลูกๆ หากเมื่อมือของใครบางคนแตะลงบนไหล่เพียงแผ่วเท่านั้น น้ำตาที่หวังจะกลั้นไว้ก็รินรดออกมา

“พ่อครับ” สองแฝดร้องเรียกพ่อเสียงดัง ก่อนจะกอดพ่อไว้ด้วยสองมือเล็กๆ นั้นพร้อมร้องไห้สะอื้นออกมาเสียงดัง ฮานที่คราแรกเพียงแตะมือไว้เพียงนิดก็ส่งแรงบีบให้กำลังใจคนที่กำลังร้องไห้ออกมา สามพ่อลูกร้องไห้สะอื้นกันเสียงดัง แต่ฮานเชื่อว่านี่คงเป็นการแสดงความอ่อนแอครั้งสุดท้ายของหยงแล้ว เจ้าตัวพยายามไม่ร้องไห้ต่อหน้าลูกมาตั้งแต่วันแรกนี่จึงคงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

“แม่จะมีความสุขครับ แม่ฟ้าจะมีความสุขในที่ๆ ของแม่ฟ้านะ พวกเราก็ต้องมีความสุขนะลูกนะ”

“ครับพ่อ ฮืออออ  ครับ รบจะทําให้พ่อมีความสุข”

“ปราชญ์ก็จะมีความสุขครับ พวกเราจะมีความสุขครับ”

เสียงตะโกนปนเสียงสะอื้นของสองแฝดทําให้ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างต้องปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมากันทุกคน สองหญิงต่างวัยสบตากันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ ประคองกอดกันอย่างให้กำลังใจ ส่วนฮานเองก็ยังคงโอบอุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้ในขณะที่มืออีกข้างยังคงวางไว้ที่บ่าของคนบนวีลแชร์

ชีวิตที่เหลือก็ยังคงต้องดําเนินต่อ…
ลมหายใจที่ยังมีก็ต้องใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ที่สุด
หวังว่าม่านกับฟ้า…จะมีความสุขที่บนท้องฟ้านั้นนะ




* * * * * * * * * * * * * * * * * *



“พี่จะยังไม่กลับไต้หวันใช่ไหมคะ” เฮน่าถามพี่ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในมือเรียวของพี่มีรูปคู่กับพี่สะใภ้คนเก่งที่เฮน่านั้นรักและเคารพไม่ต่างจากพี่ๆ ทั้งสองของตัวเอง

“ไม่ล่ะ”

“แกคิดจะอยู่ไทยไปตลอดหรือเปล่า” พี่ชายคนโตถามต่อ เขาเป็นพี่ใหญ่ที่ไม่ค่อยพูด แต่ก็รู้จักน้องๆ ดีกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ดูท่าทางของน้องชายคนกลางแล้ว คงจะยังทําใจเรื่องภรรยาไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่ๆ

“ผมยังไม่รู้…ตอนนี้รอบๆ มันมีแต่ความทรงจํา มีแต่เรื่องของม่านเต็มไปหมด” ฮานกุมรูปในมือแน่น ในใจของเขาเจ็บปวดร้าวราน แต่ไม่รู้จะระบายมันออกมาอย่างไง อยากจะร้องไห้ออกมาแต่น้ำตามันไม่ไหล รู้แค่เจ็บ เจ็ฐจนเหมือนลมหายใจจะขาดหายไป

“ฉันเข้าใจแก จะอยู่ที่นี่อีกสักพักก็คงไม่เป็นไรหรอก อีกฝั่งเขามีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกนี่ ไปรับหลานแกมาอยู่กับฮันนี่ด้วยก็ได้ ยังไงก็ช่วยๆ กันไปก่อน” ชาร์ลตบบ่าน้องแรงๆ สงสารจับใจ แต่ก็รู้ว่าน้องคงไม่แสดงความอ่อนแอออกมา เขาเองก็คงไม่พูดอะไรมากกว่านี้

“ครับ”

ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของคนรักอีกครั้งผ่านรูปใบเก่าที่ถ่ายไว้เมื่อครั้งตกลงปลงใจคบหากัน ใบหน้าขาวใสยิ้มกว้างบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนสดใส และมั่นใจในตัวเอง

ม่านเป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจ แต่ก็มีความอ่อนหวานสมเป็นผู้หญิง ทํางานก็เก่ง งานบ้านก็ไม่เคยขาด ฮานไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้เจอผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ แต่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันก็สั้นเสียเหลือเกิน ฮานรู้ว่าคนเราหยุดความตายไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมาพรากจากเขาทั้งสองเร็วขนาดนี้

รูปตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ในตอนนั้นเองที่พี่และน้องขยับตัวเดินออกจากห้องเพื่อให้เวลาส่วนตัว เสี้ยววินาทีที่ได้เวลาของตัวเองคืนมา รอยยิ้มของม่านก็ถูกน้ำใสๆ กลบทับเสียจนมองไม่เห็น….

เจ็บ…เจ็บเหลือเกิน



******************



มาแล้วววว  มีใครรออยู่ไหมคะ?

ขอบคุณคุณ xexezero  นะคะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ หากมีตรงไหนติดขัดบอกได้ตลอดเลยนะคะ
ยินดีต้อนรับคุณ wan_sugi นะคะ ขอบคุณมากๆ ที่สนใจเรื่องของนักเขียนมือใหม่คนนี้ หวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ น้าาา

ท่านใหม่ๆ ที่ผ่านเข้ามา ขอบคุณมากกๆ เช่นกันที่แวะมาอ่านเรื่องนี้นะคะ

รั๊กกกกกกกกก

 :mew1:


 ปล. ตอนนี้สั้นไปหน่อย เดี๋ยวตอนหน้ามาแก้ตัวนะคะ


ออฟไลน์ hellfire

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นกำลัใจให้นะคะสู้ๆ

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามแน่นอนค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ยังจมอยู่ในทะเลน้ำตา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KK5993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สีขาว [1]



2 อาทิตย์แล้ว

เป็นสองอาทิตย์ที่ผมไม่รับรู้อะไรเท่าไหร่ ทําเพียงแค่นั่งบนวีลแชร์ ไม่ทํากายภาพ ไม่สนเรื่องบ้าน เอาแต่มองดูรูปของเพื่อนและภรรยาที่จากไป

ผมรู้ว่าชีวิตคนเราต้องเดินต่อ และผมก็ยังมีแม่ ทั้งเจ้าสองแฝดที่ยังอยู่เคียงข้าง ผมต้องเป็นหลักให้กับพวกเขา แต่…มันทํายากเหลือเกิน

รอยยิ้มของฟ้าสดใส จ้องมองมาข้างหน้า มองมาที่ผมผู้ซึ่งเป็นคนถ่ายรูปใบนี้เองกับมือ ในรูปเธอใส่ชุดสบายๆ พื้นหลังเป็นฉากทะเลที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นโผล่พ้นขอบทะเล

น่าตลกที่ผมเคยพูดไว้ว่า รูปของเมฆที่อยู่เบื้องหลังของเธอช่างเหมือนกับปีกของนางฟ้าที่กําลังสยาย บรรยากาศของรูปก็เหมือนกับฉากสวรรค์ในนิทานหลายๆ เรื่อง

วันนี้เธอขึ้นไปเป็นนางฟ้าอย่างที่ผมเคยพูดไว้แล้ว…

ผมตัดสินใจเก็บรูปถ่ายนั้นกลับเข้าไปที่อัลบั้มรูป รูปสุดท้ายของอัลบั้มนี้คือตอนที่นักปราชญ์นั่งตักผมบนวีลแชร์ และฟ้ากำลังอุ้มนักรบแฝดคนพี่ไว้อยู่ข้างๆ ผม พวกเราสี่คนพ่อแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 4 เดือนก่อน ที่นักรบกับนักปราชญ์เรียนชั้นอนุบาลวันแรก

“หยง” เสียงเรียกดังขึ้นจากทางหน้าประตู ผมเอี้ยวตัวมองเจ้าของเสียง ผู้หญิงผู้ซึ่งอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“สองแฝดกลับมาแล้วหรอครับแม่” แม่ดูแปลกใจที่ผมพูดประโยคยาวๆ นี้ครั้งแรกหลังจากวันพิธีเก็บกระดูก ก่อนรอยยิ้มของแม่จะปรากฏขึ้นมา ร่างโปร่งบางแต่ไม่ได้ซูบผอมนักเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะลูบผมของผมอย่างแผ่วเบา ผมรู้ว่าแม่ก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่แม่ก็คือแม่ ผู้เป็นคอยปลอบใจลูกเสมอแม้ตัวเองจะเสียใจพอกัน

“กลับมาแล้วล่ะ คุณฮานเขาเป็นคนไปรับเอง ไม่ได้ขึ้นรถโรงเรียนกลับมา” แม่ผละออกไป ก้มลงกดปลดล็อกล้อของวีลแชร์ แล้วอ้อมไปด้านหลังเพื่อเข็นผมออกไปข้างนอก ส่วนตัวผมเองก็ใช้มือทั้งสองเข็นล้ออีกแรงเช่นกัน

ตั้งแต่อุบัติเหตุรถชนเมื่อ 5 เดือนก่อน ผมเฝ้าทํากายภาพบําบัดมาอย่างอย่างอดทนไม่เคยอิดออด กำลังใจจากทุกคนคือแรงผลักดันชั้นยอด แต่ผมก็หยุดทําไปตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญของครอบครัว

ผมย้ายลงมานอนห้องข้างล่างเพราะคงขึ้นลงลําบากเกินไป แต่เดิมห้องนี้เป็นห้องเก็บของ ตอนมานอนใหม่ๆ ฟ้ากับสองแฝดก็แทบจะหอบข้าวของมานอนด้วยถ้าผมไม่ห้ามไว้ก่อนด้วยเหตุผลว่าห้องมันค่อนข้างจะเล็กคับแคบ ตอนห้ามนี่มีเสียน้ำตาร้องไห้กันด้วย เพราะสองแฝดไม่เคยนอนแยกกับพ่อแม่แม้ว่าจะ 5 ขวบแล้วก็ตาม

“พ่อครับบบ  สวัสดีครับ นักรบกลับมาแล้วครับ”

“สวัสดีครับ”

เสียงสองแฝดที่สามารถแยกออกได้เลยว่าใครพูดประโยคไหน ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงต่างกัน แต่ความต่างของการช่างพูดกับพูดน้อยแบ่งความเป็นสองแฝดได้เป็นอย่างดี

“สวัสดีคุณย่าด้วยครับ” ผมยิ้มรับลูกชายทั้งสอง เจ้าตัวแสบชะงักไปหน่อย เพราะสองอาทิตย์มานี้ผมไม่ได้พูดคุยกับลูกบ่อยนัก
ช่างเป็นพ่อที่แย่เหลือเกิน

“พ่อหายป่วยแล้วหรอครับ” นักรบปีนขึ้นมานั่งบนตักผมหลังจากหันไปไหว้คุณย่าของเจ้าตัวแล้ว ส่วนนักปราชญ์เดินเลี่ยงไปเก็บกระเป๋าที่โซฟาก่อนเดินตามมาสมทบ ผมตบตักอีกข้างให้แฝดคนเล็กขึ้นมานั่ง จริงๆ นักกายภาพไม่ให้ทําแบบนี้แต่แค่วันนี้คงไม่เป็นไรหรอก

“หายแล้วครับ พ่อขอโทษที่พ่อไม่ได้ดูแลลูกๆ เลย”

“ไม่เป็นไรครับ พ่อหายป่วยรบก็ดีใจครับ”

“ปราชญ์ด้วย” สองแฝดกอดผมจากคนละข้าง ผมหอมหน้าผากทั้งสองคนก่อนจะหันไปเห็นว่ายังมีใครอีกคนอยู่ด้วย

อ่า…แม่บอกว่าฮานมาส่งสองแฝดนี่นะ

“สวัสดีครับ” อีกฝ่ายไม่ทิ้งช่วงเวลาให้ผมงงนัก เอ่ยทักทายกันก่อนจะเดินเข้ามาในประตูพร้อมข้าวของเต็มมือ

“สวัสดีครับ” พอมาทักทายกันแบบไม่มีม่านกับฟ้า ผมก็รู้สึกแปลกๆ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา 5 ปีได้ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจอกันโดยไม่มีภรรยาของเราทั้งคู่เป็นสื่อกลาง

และครั้งต่อๆ ไปก็คงเช่นกัน

“รบกับปราชญ์บอกว่าอยากกินสุกี้ครับ เห็นว่าคุณฟ้ามีสูตรน้ำจิ้มเด็ดๆ”

“ฟ้าไม่อยู่ทําให้คุณชิมแล้วล่ะครับ” ผมตอบกลับไปเสียงเบา มองอีกฝ่ายถือของเข้าไปในส่วนครัวที่เปิดโล่งสามารถมองเห็นได้จากตรงนี้

แขกที่ดูเหมือนจะเคยชินกับหนทางในบ้านของผมเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง พร้อมอุ้มลูกๆ ที่นั่งอยู่บนตักของผมลงไป ก่อนจะยืนตัวตรงขึ้นแล้วทําสีหน้าจริงจัง

“ผมขอโทษที่ช่วงนี้เข้ามาวุ่นวายในบ้านของคุณหยงนะครับ ถึงคุณจะไม่รู้เพราะว่าไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก”

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบกลับทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจมากนักว่าอีกฝ่ายจะกล่าวขอโทษกันทําไม แล้วก็เงียบไปไม่ได้พูดอะไรต่อ สองแฝดไม่ได้อยู่ฟังด้วย เพราะคุณย่าเขาเรียกไปช่วยล้างผักในครัว

“ผมขอพูดอะไรบางอย่างได้ไหมครับ” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากสองแฝดเข้าไปง่วนกับการช่วยล้างผักแล้ว

“ครับ”

“ช่วงสองอาทิตย์ที่คุณหยงไม่ได้ออกมาข้างนอกเลย สองแฝดใจเสียมากนะครับ กลัวว่าคุณหยงจะหายไปอีกคนเหมือนแม่พวกเขา ผมรู้และเข้าใจคุณอย่างดีเลยครับว่ารู้สึกยังไง เพราะผมเองก็เป็นเหมือนกัน และผมก็รู้อีกเหมือนกันว่าคุณหยงเข้มแข็งพอที่จะก้าวผ่านไปได้ แต่อย่าลืมว่าคนที่ไม่เข้มแข็งเท่าเราเขายังต้องการคนช่วยนะครับ นักรบกับนักปราชญ์เป็นเด็กฉลาด เลยเลือกที่จะแสดงออกว่าไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคุณหยงมีเวลา คืนนี้อย่าลืมใช้เวลากับพวกแกนะครับ เขาคงอยากจะนอนกอดพ่อแล้ว…”

“คุณ…”

จบประโยคที่ยาวที่สุดที่ผมเพิ่งเคยได้ยินจากฮานผมก็จุกจนพูดไม่ออก เมื่อกี๊ผมเองก็ไม่ได้สังเกตลูกๆ ของตัวเองนักว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง คิดแค่ว่าพวกเขาคงจะสบายดีทั้งๆ ที่ลึกๆ ในใจก็รู้อยู่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ สองแฝดขาดแม่แล้วพ่อของพวกเขายังมาทําตัวบ้าบอห่างเหินไปอีกเป็นครึ่งเดือน มันเป็นเรื่องที่แย่และเป็นเรื่องจริงที่ผมเองก็รู้แต่ทําเป็นไม่เห็น

“ผมขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ขอบคุณที่ช่วยเตือนกันและขอบคุณที่มาดูแลเด็กๆ ให้ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง…”

“เกี่ยวครับ” ฝ่ายคนเด็กกว่าพูดแทรกเสียก่อนที่ผมจะได้จบประโยคตัวเอง น้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าผู้พูดค่อนข้างมีอารมณ์เล็กน้อยในคําพูดของผม

ทําไมล่ะ?

“เราเกี่ยวข้องกันนะครับคุณหยง ภรรยาคุณคือน้องสาวของภรรยาผม ถึงพวกเธอจะไม่อยู่แล้ว แต่เราไม่จําเป็นต้องตัดขาดกันนี่ครับ ทําให้มันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นี่” ในคราแรกอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง ก่อนจะแผ่วเสียงลงเหมือนกําลังข่มความรู้สึกบางอย่าง

“แค่ทําให้มันเหมือนตอนที่ม่านกับคุณฟ้ายังอยู่…” อีกฝ่ายเฉลยความรู้สึกนั้นออกมาผ่านประโยคที่ตามติดออกมา


เศร้า…เสียใจ…อาวรณ์

ผมมั่นใจว่านี่คือความรู้สึกของผู้ชายตรงหน้า

“เอาสิ” ผมพูดตอบเพียงสั้นๆ เอื้อมมือไปตบหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเข็นวีลแชร์ออกมา เพราะเหมือนอีกคนจะต้องการเวลาส่วนตัวในครานี้

ไม่ใช่แค่นักรบกับนักปราชญ์หรอกที่กำลังแสดงว่าไม่เป็นอะไร…



* * * * * * * * * * * * * * * *



“ลุงฮานครับ ทําไมลุงฮานไม่พาน้องน้ำผึ้งมาด้วย” นักรบหันไปถามแขกของบ้านหลังจากนั่งล้อมวงกินกันมาได้สักพัก น้ำผึ้งก็คือลูกสาวของม่านกับฮาน จริงๆ มีชื่อเล่นว่าฮันนี่ แต่ม่านก็ดึงดันอยากให้ลูกมีชื่อเล่นไทยๆ ด้วยเช่นกัน เลยกลายเป็นคนมีชื่อเล่นสองเวอร์ชั่น

น้องฮันนี่อายุได้ขวบปลายๆ แล้ว กําลังพูดได้ วิ่งเก่ง เจ้าจํานรรจาพอๆ กับแฝดพี่ลูกของผม ม่านเคยเล่าให้ฟังว่าบางทีลูกสาวก็พูดจนตัวเองหลับคาเตียง

มีที่ไหน…แม่นอนหลับพราะลูกพูดเก่ง

“น้องน้ำผึ้งไปอยู่บ้านคุณปู่คุณย่าครับ”

“ที่ไต้หวันหรอครับ” คราวนี้ปราชญ์ถามบ้าง ผมเพิ่งสังเกตว่าปราชญ์พูดเก่งขึ้น

“ครับ”

“แล้วลุงฮานไม่ไปหรอครับ”

“ลุงอยากอยู่ที่นี่ครับ เดี๋ยวน้องฮันนี่ก็มาอยู่กับลุง” อีกฝ่ายตอบกลับลูกๆ ผมอย่างไม่รําคาญ ผมเองก็อาศัยฟังเอาตอนนี้ เพราะเอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรของเจ้าตัวมากนัก

“อ้าว แล้วใครจะช่วยลุงฮานเลี้ยงน้องล่ะครับ”

จบคําถามของนับรบก็เกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะ คนถามมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่เข้าใจ แต่ผมที่ลอบมองสีหน้าของคนถูกถามที่แสดงความอ่อนไหวออกมาชั่วครู่แล้วก็ได้แต่ใจหาย

หลังม่านคลอดลูก เพื่อนของผมก็รับงานมาทําที่บ้านเพราะอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองเหมือนๆ กับฟ้า แต่บ้านเรายังมีแม่ของผมที่คอยช่วยเลี้ยง ฟ้าก็เลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่นัก แต่ฝั่งม่าน…ครอบครัวฮานอยู่ที่ไต้หวันกันหมด ก็เลยมีม่านเลี้ยงลูกอยู่บ้านคนเดียว

ตอนนี้ม่านไม่อยู่แล้ว…

“พามาอยู่กับแม่ก็ได้นะฮาน ตอนทํางานแม่ยินดีดูแลช่วย ยังไงสองแสบต้องไปโรงเรียนช่วงนี้ แถมหยงก็ยังไม่ได้ออกไปไหน ถ้าที่ฮานพูดออกมาว่าไม่อยากให้พวกเราต้องแยกย้ายกันไป ก็ถือเสียว่าคนคุ้นเคยช่วยกันนะ” แม่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่กำลังดิ่งลงอย่างนุ่มนวล ผมหันไปยิ้มให้แม่ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้อีกคนที่กําลังทําหน้าคิดไม่ตกอยู่

“ถ้าอยากให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนจริง สองครอบครัวเราก็ช่วยเหลือกันอยู่ตลอดนะ…พาน้องฮันนี่มาฝากไว้ที่นี่ก็ได้ครับ…ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ”







*********




ช่วงเวลาสีขาวเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นใหม่ รีเซ็ททุกอย่าง

ถ้าหากเสียคนรักไป คนเราจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการทําใจกันนะ?

อาจจะเดือน สองเดือน ปี สี่ปี หรือตลอดไป?

หยงกับฮานคงต้องเจอกับความเจ็บปวดในการสูญเสียครั้งนี้อีกเยอะ แต่ก็ควผ่านไปได้ด้วยดีล่ะมั้ง (มั้งอะไรล่ะหล่อนนน)

ขอบคุณคุณ xexezero คุณ wan_sugi และยินดีต้อนรับคุณ hellfire ที่แวะผ่านมานะคะ ถ้าไม่ลําบากมากไป อยากจะอ้อนขอให้อยู๋ด้วยกันนานๆ คอยดูการเปลี่ยนแปลงของบุคคลในเรื่องไปพร้อมกันนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอยากจะให้แวะบ่อยๆ เหลือเกิน ขอกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่คนนี้ด้วยนะคะ :mew1:

ฝากแท็กในทวิตเตอร์ด้วย~~ #แค่สีเทาๆ ใครจะเจาะไข่น้อ~~~

รักกกกกกกก ทุกคนค่ะ

พระเอกนายเอกออกครบรึยังหว่า...? คึคึคึ

 

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆต่อไปนะคะคุณหยง คุณฮานด้วยค่ะ คนอ่านเป็นกำลังใจให้นะคะ คุณนักเขียนเอก็สู้ๆนะคะ o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด