เส้นขอบฟ้าที่ 4783 by alpha
‘นายรู้ไหม จริงๆ แล้วคนเราเกิดมามีหัวใจอยู่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งอยู่ที่ใครอีกคนบนโลกใบนี้’
นั่นคือเหตุผลที่ผมออกเดินทาง เพื่อตามหาอีกครึ่งที่อยู่ที่ใครอีกคนบนโลกใบนี้ ผมไม่ได้เพ้อเจ้อ ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริง รู้สึกแม้กระทั่งจังหวะการบีบเต้นของมัน เพียงแต่ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใด หรือใครเป็นเจ้าของมัน ไม่รู้กระทั่งว่าหากผมเจอเจ้าของมันแล้วเขาจะมอบครึ่งนึงของหัวใจให้ผมหรือเปล่า
ผมได้แต่เดินไปเรื่อย ผ่านที่ต่างๆ มากมาย ผ่านเรื่องราว ผ่านผู้คน
‘ฉันอยู่ที่ ขอบฟ้า’ เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจ เป็นพลังขับเคลื่อนเดียวที่ทำให้ผมก้าวขาอันเหนื่อยล้ามุ่งหน้าไปเรื่อยๆ
ณ เส้นขอบฟ้าที่ 581 ผมเจอนักเดินทางอีกคน เขาเป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง และเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาบอกกับผมว่าที่จุดนี้สำหรับเขาแล้วเป็นเส้นขอบฟ้าที่ 4783 ผมตัวชา ผู้ชายคนนี้อายุคงอายุไม่มากกว่าผมเกินปีหรือสองปี ผมสงสัยเหลือเกินว่าเขาเริ่มออกเดินทางมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผ่านพบอะไรมาบ้าง และตัวผมเองยังเหลือหนทางภายหน้าอีกสักเท่าไหร่ ต้องเดินถึงขอบฟ้าที่ 4783 เลยไหม
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง เป็นครั้งแรกของการเดินทางที่ผมตัดสินใจหยุดพัก เป็นคืนที่หนาวเหน็บท่ามกลางพายุฝนถึงแม้ว่าเราสองคนจะกอดกันแน่นก็ยังไม่วายจะสั่นเทิ้ม ผมตื่นขึ้นพบกับรอยยิ้มบนใบหน้าของคนข้างกายที่สะท้อนแสงแห่งรุ่งอรุณ ใจผมเต้น หัวใจที่เป็นครึ่งหนึ่งของผมเต้นแรงเหลือเกิน เวลาผ่านไปจากวันกลายเป็นเดือน จริงๆ แล้วผมควรจะถึงเส้นขอบฟ้าที่ 700 ได้แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ยังคงอยู่ที่เส้นขอบฟ้าที่ 581 เหมือนเดิม ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงหยุดการเดินทางเอาไว้เนิ่นนานแบบนี้ ทั้งที่เป้าหมายของผมนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาทั้งชีวิต อันที่จริงแล้วผมไม่มีเวลาแม้แต่นาทีเดียวที่จะสูญเสีย
ผมตัดสินใจว่าวันพรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางอีกครั้ง
‘นายเป็นเจ้าของอีกครึ่งหนึ่งของเรานะ’ เขาคนนั้นพูดทั้งน้ำตา เมื่อผมเอ่ยคำลา
....
ใจของผมคืออีกครึ่งนึงที่เขาออกตามหาอย่างนั้นเหรอ
ถึงอย่างไรก็ตาม...วันรุ่งขึ้นมาถึงและผมก้าวขาออกเดินทางต่อ ด้วยร่างที่ไม่มีหัวใจ ... ใช่แล้วผมให้อีกครึ่งของใจของผมกับเขาคนนั้นไป ตอนนี้ในอกผมกลวงโบ๋ จังหวะก้าวขาของผมอัดแน่นด้วยความสับสน ในเมื่อชายคนนั้นได้หัวใจของผมที่เขาออกตามหาแล้วทำไมเขายังคงเศร้า ยังคงเสียน้ำตา เรียกร้องให้ผมอยู่เคียงข้างกัน
คราวนี้ถึงผมจะได้หัวใจอีกครึ่งนึงมาหัวใจของผมก็ยังไม่เต็มน่ะสิ... แล้วสุดท้ายแล้วผมจะมีความสุขไหม หรืออันที่จริงผมไม่ควรให้หัวใจใครคนนั้นไปเลย
การไม่มีหัวใจก็ดีตรงที่ความท้อแท้กัดกินได้แค่ท่อนขา และในเมื่อไม่มีจิตใจให้กัดกร่อน ผมจึงเดินทางได้เร็วกว่าใคร ผมผ่านขอบฟ้าแล้วขอบฟ้าเล่าโดยไม่หยุดพัก แต่เมื่อตัวเองถึงขอบฟ้าที่ 4783 ผมก็คิดถึงเขาคนนั้นขึ้นมาจับใจ อยู่ดีๆ น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา แต่ในเมื่อไม่มีอะไรอยู่ในอกแบบนี้ ผมจึงไม่สามารถที่จะเศร้าหรือเหนื่อยล้าได้ ผมจำใจก้าวขาต่อ
หลายปีผ่านไป ผมมาถึงขอบฟ้าที่ 10000 พอดี ไม่เคยมีนักเดินทางคนไหนสามารถเดินทางหมื่นขอบฟ้าได้เร็วเท่าผมมาก่อน แต่ถึงจะเก่งกาจขนาดนั้นผมก็ยังค้นหาหัวใจอีกครึ่งนึงของผมไม่เจอสักที
จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม
ผมล้มลง ณ จุดขอบฟ้าที่ 30102 ขาของผมยับเยินจนไม่สามารถก้าวต่อได้
ผมกำลังจะตาย....
‘ไหวไหมนาย’ ชายอีกคนนึงเดินมานั่งข้างๆ ใช่แล้ว!! ผมรู้ ผมรู้ทันที
‘นายมีใจอีกครึ่งนึงของเราอยู่’
‘ใช่ฉันรู้ ถ้านายต้องการเราก็จะให้ ว่าแต่นายจะต้องการมันจริงๆ เหรอ’
‘ทำไมล่ะ เราออกเดินทางมาเป็นหมื่นขอบฟ้าเพื่อค้นหามันนะ’
‘ถ้านายได้ไปแล้วนายจะมีความสุขงั้นเหรอ’
‘... ไม่รู้เหมือนกัน’
‘ถ้านายได้หัวใจไปแล้วไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน นายจะมีความสุขอย่างนั้นเหรอ’
ผมทั้งหัวเราะทั้งน้ำตา
ผมลุกขึ้นอีกครั้ง บอกลาคนที่ครอบครองหัวใจอีกครึ่งหนึ่งของผม และจากมาโดยที่ในอกยังว่างเปล่า
หัวใจอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้หากเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
จุดหมายต่อไปของผมคือเส้นขอบฟ้าที่ 4783
ขอบคุณที่รับฟังฮะ