Race Luxe
เคยเห็นผู้ชายในแบบที่เซ็กซี่ไหม
ถ้าเคย นิยามคำว่าเซ็กซี่ของคุณเป็นแบบไหน สูงล่ำ ตาคม ผิวเข้ม มีกล้ามหน้าท้องหนาแน่น หรือว่า...สูงโปร่ง เอวบาง สะโพกกลมกลึง ดวงตามีเสน่ห์
ถ้าเป็นประเภทที่สองล่ะก็
เราคือพวกเดียวกัน
ผมกำลังจ้องความเซ็กซี่ประเภทที่สองคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากเรือนจำ จังหวะก้าวขาแต่ละก้าวดูเย้ายวนและชวนให้มองอยู่ตลอดเวลา
ใบหน้างามระบายยิ้มยั่วเมื่อเห็นผม ดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววซุกซนไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด เส้นผมละเอียดดุจแพรไหมกำลังปลิวไปตามแรงลมที่พัดผ่าน มันยาวเลยบ่าลงมาและดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจกับการไม่ตัดมันเสียด้วย
ผมพูดแบบนี้หลายคนอาจจินตนาการไปถึงผู้หญิงสวยๆสักคน แต่เปล่าเลย ‘เรซ’ ที่กำลังเดินมานี้เป็นผู้ชาย ชายแท้ๆที่มีใบหน้างดงาม
“ทนคิดถึงฉันไม่ไหวสินะ” ทันทีที่มาถึงเรซก็ยกมือเรียวบางของตัวเองโอบรอบลำคอของผมอย่างยั่วยวน สุรเสียงดุจมนตราสะกดทุกคนให้นิ่งฟังสิ่งที่เขาพูด
เจ้าหน้าที่ข้างหลังผมจ้องเขาตาค้างจนแทบถลน
เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดใจ
“นายคงรู้มาบ้างแล้วว่าต้องทำยังไง” ผมแกะมือเรซออกจากคอ พยายามข่มใจไม่ให้เต้นไปตามจังหวะยั่วเย้าของเขา
“ช่วยนายปิดคดีนี้แลกกับลดโทษลงสี่เดือน งานหมูๆ เราเคยร่วมงานกันแล้วนี่ แถมยังเข้าขากันดีเสียด้วย”
ผมจับนิ้วชี้ที่เขี่ยอยู่บนอกผมออก จ้องตอบดวงตาซุกซนเหมือนแมวป่านั่นด้วยแววตานิ่งเฉยของตัวเอง
เรซเป็นอาชญากรที่ถูกจับข้อหาต้มตุ๋นหลอกลวงและโจรกรรม เป็นตีนแมวมืออาชีพ นักทำของปลอมมือหนึ่ง ผมจับเขาเข้าคุกเมื่อสองปีก่อน พูดแบบนี้คุณคงรู้แล้วว่าผมทำอาชีพอะไร
ผมได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากที่สามารถจับอาชญากรตัวร้ายอย่างเรซได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกใครเลยก็คือ…
เขาเป็นแฟนเก่าผม
“คดีโจรกรรมเครื่องเพชรครั้งนี้พวกคนร้ายทิ้งปริศนาเอาไว้ให้ด้วย คดีที่เกิดขึ้นล่าสุดเกิดตอนสัปดาห์ก่อนเครื่องเพชรมูลค่าเกือบร้อยล้านเกือบโดนขโมยไปในงานโชว์…”
ผมหยุดพูดกะทันหันแล้วหันกลับไปมองเรซ เจ้าหน้าที่สองคนที่รั้งท้ายสุดหันมามองหน้าผมงงๆ พวกเขาไม่เข้าใจว่าจู่ๆผมหยุดไปทำไมทั้งที่ควรจะรีบ
เรซทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ผมจึงแบมือไปตรงหน้าเขา ผมรู้...ไม่มีตาหลังผมก็รู้ว่าเรซไม่มีทางเดินตามมาแบบปกติแน่ แล้วยิ่งไม่มีทางเงียบฟังโดยไร้ข้อกังขาแบบนี้ เขามันขี้สงสัย เหมือนพวกแมว
“รู้ทันตลอดเลย” หัวขโมยหน้าใสล้วงกระเป๋าตัวเองออกมาส่งกระเป๋าสตางค์สองใบให้ผม เจ้าหน้าที่สองคนข้างหลังมองหน้ากันเลิกลัก ตบกระเป๋าเสื้อตัวเองดูเพื่อตรวจสอบ
ไม่เจอหรอก...สองใบนี้แหละของพวกเขา
“เอาคืนไปแล้วเก็บดีๆ” ผมโยนกระเป๋าคืนสองคนนั้น จากนั้นหันกลับมามองตัวเจ้าปัญหา
“อะไร” เรซเลิกคิ้วสูงมองหน้าผมเหมือนคนบริสุทธิ์ แต่ผมรู้...ไม่ใช่แค่สองใบนี้แน่
“เชอะ!” เรซล้วงเอาโทรศัพท์มือถือ บัตรเจ้าหน้าที่ คริสตัลทับกระดาษ กับเงินจำนวนหนึ่งออกมาใส่มือผม
“เอาอีก”
“อะไรเล่า!” เจ้าหัวขโมยเริ่มโวย อย่างเรซไม่มีทางฉกมาได้แค่นี้แน่ตลอดทางเดิน มันยังไม่หมด “ใจร้ายสุดๆเลย” เรซบ่นหน้างอก่อนจะล้วงบัตรเครดิต คีย์การ์ดของตึก และปืนกระบอกหนึ่งออกมา
ผมหันไปมองเจ้าหน้าที่สองคนข้างหลัง พวกนั้นตาเหลือกค้าง คงไม่รู้สินะว่าเรซมือไวแค่ไหน ไม่ทันมองเจ้าแมวขโมยนี่ก็ได้ของมาเก็บไว้เต็มตัวแล้ว
“อันสุดท้าย” ผมมองลงไปที่ข้อเท้าเล็กๆนั่น
“ไอย์!” ทุกครั้งที่เห็นเรซจนแต้ม ผมจะยิ้ม และครั้งนี้ก็เหมือนกัน คงเป็นชิ้นสุดท้ายแล้วจริงๆเจ้าตัวถึงได้กระเง้ากระงอดขนาดนี้ เรซยอมหยิบมีดออกมาจากข้อเท้าส่งเข้ามือผมอย่างจำใจ จากนั้นก็กอดอกหันหน้าหนีผมเหมือนเด็กโดนแย่งขนม
ผมส่งของพวกนั้นให้เจ้าหน้าที่แล้วกำชับให้เดินห่างๆเจ้าตัวเอาไว้ เรซไม่ใช่เล่นๆ ไม่งั้นจะรอดมาได้ยังไงตั้งหลายปีก่อนมาเจอผม
“เจ้าหน้าที่ซัมเมอร์ ทุกคนกำลังรอคุณอยู่” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมสืบคดีนี้กับผมเดินเข้ามาหาเมื่อมองลงมาเห็นเรายังไปไม่ถึงไหน
“เรากำลังจะไป” ผมหันไปยิ้มบางๆให้เรซ แมวขโมยน้อยยังงอนไม่หาย ไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ
“อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้สัปดาห์ก่อนที่งานโชว์เครื่องเพชร สร้อยคอที่มีจี้เพชรไนท์สตาร์เกือบโดนขโมยไป”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าเกือบ” ครั้งนี้เรซหันมาสนใจคดีแล้ว เจ้าตัวถามขึ้นตามวิสัยทันทีที่ผมพูด
“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้” ผมเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป ทุกๆท่านที่นั่งอยู่ในนี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทุกคนมีสีหน้าคร่ำเคร่ง หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนผายมือมาทางผม
“ทุกๆท่าน ผมขอแนะนำเจ้าหน้าที่ไอยเรศ ซัมเมอร์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการคดีอาชญากรรมพิเศษที่รับผิดชอบคดีนี้อยู่ เจ้าหน้าที่ซัมเมอร์จะเป็นคนรายงานข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ให้ทุกๆท่านได้ทราบ เชิญเจ้าหน้าที่ซัมเมอร์…”
“ขอบคุณครับ” ผมเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะประชุม มองหัวหน้าตัวเองเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเกริ่น “อย่างที่ทุกท่านทราบนะครับว่าคนร้ายรายนี้…”
“กลุ่ม” เสียงหวานขัดขึ้น ผมมองไปที่แมวขโมยน้อยที่ตอนนี้นั่งอ่านรายงานข้อมูลอย่างสนใจ
“คนร้าย ‘กลุ่ม’ นี้ ได้ลงมือมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งจะทิ้งปริศนาไว้ให้เราเพื่อบอกใบ้การลงมือครั้งต่อไป คนร้ายกลุ่มนี้มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองสูง พวกเขาเชื่อว่าตัวองอยู่เหนือกว่ากฎหมายบ้านเมืองและตำรวจ เราเริ่มเข้าใกล้พวกมันได้มากขึ้นจนกระทั่งงานโชว์เครื่องเพชรเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกมันส่งสาสน์มาเตือนเราว่าจะลงมือ แต่มันไม่ได้เอาเครื่องเพชรไปอย่างที่พวกเราคิด”
“หมายความว่ายังไงไม่ได้เอาไป” หนึ่งในนั้นถามขึ้น ผมหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทีหนึ่ง เจ้าหน้าที่คนนั้นลุกออกไปและกลับมาอีกครั้งพร้อมตู้กระจกที่บรรจุสร้อยเพชรไนท์สตาร์ไว้
ผู้คนในห้องประชุมยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งลูกน้องผมอีกสี่คนที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ามาพร้อมตู้บรรจุสร้อยเพชรไนท์สตาร์แบบเดียวกันเปี๊ยบ
เรซตาวาว ลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองกล่องเพชรอย่างสนใจ “ของเลียนแบบ!”
“ใช่ พวกมันลอบเข้ามาในงาน ดับไฟ จากนั้นเอากล่องใส่เครื่องเพชรแบบเดียวกันมาวางเรียงไว้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังมองไม่ออกว่าชิ้นไหนเป็นของจริง”
“ขอดูได้ไหม” เรซเกาะตู้กระจกอย่างสนใจสมเป็นพวกคลั่งของแวววาว
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าของจริงยังอยู่ในนี้ มันอาจจะเอาไปแล้วและทิ้งแต่ของปลอมไว้ก็ได้”
“ไม่หรอก พวกนี้ทระนงตัว สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นการยอมรับ พวกเขาต้องการประกาศให้โลกเห็นถึงความสามารถต่างหาก” เรซใช้น้ำเสียงทรงเสน่ห์ของตัวเองดึงดูดทุกคนให้เงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาอย่างสนใจ เจ้าตัวยังคงไม่รู้ เดินวนลูบไล้ตู้กระจกเหมือนเจอขุมทรัพย์ล้ำค่า
“เขาพูดถูกแล้ว สาสน์ในครั้งนี้ที่ถูกทิ้งไว้ คือถ้าเราหาเพชรของจริงเจอพวกมันจะใบ้ให้ว่าตัวเองเป็นใคร”
“พวกมันไม่ทำหรอก”
“ทำสิ” เมื่อหนึ่งในนั้นไม่เชื่อเรซก็แย้งขึ้นอีก เจ้าหน้าที่คนนั้นถึงกับพูดไม่ออก ไอ้แต่อ้าปากค้างหันมามองผมอย่างขอคำอธิบาย
“ทุกๆท่านผมขอแนะนำ...นี่เรซ ลักซ์” เสียงฮือฮาดังขึ้นในห้องประชุม ชื่อเสียงของเรซดังมากในเรื่องฉ้อฉลโจรกรรม แม้จะถูกจับได้ปีกว่าแล้วแต่ชื่อเสียงเขาก็ยังไม่ลดเลือนเลย
“ถึงว่าหน้าคุ้นๆ”
“เขามาทำอะไรที่นี่”
“เรซจะมาช่วยเราในคดีนี้ อย่างที่บอกไว้ ถ้าหาเพชรของจริงได้เราจะเข้าใกล้พวกมันขึ้นไปอีก”
“หรืออาจจะจับได้เลย” เจ้าแมวขโมยหน้าขนเหยียดยิ้มร้าย ผมเกลียดรอยยิ้มนี้ของเรซพอๆกับที่เรซเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของผม เพราะนั่นหมายถึงตอนนี้เรานำหน้าอีกฝ่ายได้ก้าวหนึ่งแล้ว
“เรซ ลักซ์จะอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ซัมเมอร์จนกว่าเราจะไขคดีนี้ได้ เพื่อแลกกับการลดหย่อนโทษสี่เดือน” หัวหน้าของผมอธิบายเพิ่ม ผมเก็บแมวที่เกาะตู้กระจกไม่ปล่อยเอาไปนั่งกับที่
“เรามีเวลาเท่าไหร่”
“พวกนั้นจะมาเอาเพชรภายในหนึ่งสัปดาห์ หากเรายังหาเพชรของจริงไม่เจอ”
“หนึ่งสัปดาห์เจ้าหน้าที่ซัมเมอร์ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบเรซต้องกลับเข้าคุกและไม่มีการลดหย่อนโทษใดๆ ส่วนคุณคงต้องไปทำงานที่แผนกอื่นแทน” หนึ่งในคนใหญ่คนโตที่นี่พูดขึ้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเพชรนี้โดยตรงและไม่ชอบขี้หน้าผม ดังนั้นเชื่อเถอะว่าที่เขาพูดมานั้นเขาทำจริงแน่
“น้อมรับความเสี่ยง” คนตอบไม่ใช่ผมแต่เป็นเจ้าแมวต่างหาก เจ้าตัวนั่งเท้าคางดวงตาสุกใส สาบานได้ว่าผมเป็นหางฟูๆแกว่งไปมาอยู่ข้างหลัง
เรซชอบความเสี่ยง อะไรที่น่าตื่นเต้นทำเขาสนอกสนใจได้เสมอ
“ไม่เอาน่า จะปล่อยให้ฉันนอนคนเดียวที่นี่จริงเหรอ” หลังจบการประชุมผมมาส่งเรซที่ห้องขังในสถานี มันเอาไว้กักตัวชั่วคราวสำหรับนักโทษที่เพิ่งจับมาได้ แต่เรซไม่มีที่ให้อยู่ เขาอันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้เป็นอิสระ และยิ่งอันตรายใหญ่ถ้าปล่อยให้ไปนอนกับผมที่บ้าน
“ฉันไม่หลงนายหรอกเรซ เรารู้ไส้กันดี” ผมแกะมือปลาหมึกออกจากลำคอแล้วยัดแมวดื้อเข้ากรง เรซเกาะลูกกรงมองผมตาละห้อย
“นายไม่มาเยี่ยมฉันเลย”
“พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”
“ใจร้าย”
“ราตรีสวัสดิ์เรซ” ผมตัดบทสั้นๆแล้วเดินจากมาก ผมรู้เขาอยู่ได้ ไม่สบายนักแต่ก็ดีกว่าในเรือนจำแน่ เรซตัดพ้อเรื่องผมไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลยตั้งแต่เขาถูกจับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไปแต่ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมกับเรซ เราสองคนเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันอยู่ ผมใช้อำนาจที่มีย้ายเรซไปเรือนจำที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด นั่นถือเป็นเรื่องปรานีที่สุดแล้วที่ผมทำเพื่อเขาได้ หน้าสวยๆอย่างนั้นถ้าต้องตกไปอยู่ในเรือนจำที่เต็มไปด้วยนักโทษชายหื่นกระหายแค่คิดผมก็แทบทนไม่ไหว
“เหมือนกันจนแยกไม่ออกเลย” วันถัดมาผมกับเรซมาที่ห้องนิรภัยที่ใช้เก็บเพชรไนท์สตาร์ เรซใช้แว่นขยายมองดูเครื่องเพชรห้าชิ้นที่หน้าตาเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวมาชั่วโมงกว่าได้แล้ว ใบหน้าสวยยับย่น เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบไปไว้ด้านหลังเป็นช่อเดียวเผยให้เห็นใบหน้าเนียนใสเต็มดวงหน้า
“พักก่อนไหม” ผมเสนอ แต่เรซส่ายหน้า เขาขี้สงสัยและชอบหมกมุ่นหาคำตอบให้ได้ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมหยุด
เคยมีครั้งหนึ่งที่เรซไม่ยอมกินข้าวกินปลาจนเป็นลมไปเพราะพยายามไขเกมปริศนาที่ผมซื้อมาให้แต่สรุปว่าเกมนั้นมันผิด ภายหลังมีคนออกมาตั้งกระทู้หาคำตอบจนคนสร้างเห็นข้อผิดพลาดและออกมาชี้แจงว่าเกิดข้อผิดพลาดที่โรงพิมพ์ทำให้ตัวอักษรขาดหายไปตัวหนึ่ง เรซโมโหใหญ่ ตอนนั้นเจ้าตัวจะวิ่งไปเอาเรื่องคนสร้างเกมให้ได้
“ขำอะไร” แมวขโมยเงยหน้ามาถามผมอย่างสงสัย
“นึกถึงเมื่อก่อน” ผมบอกเบาๆ เรซนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะรู้ว่าผมหมายถึงเรื่องไหน
“น้ำหนักฉันลดไปสามกิโลเพราะเกมบ้านั่น” ปากก็บ่นไปแต่สายตาก็ยังจ้องหาจุดต่างของเครื่องเพชร “จำได้ว่าตอนนั้นนายอุ้มฉันจนตัวลอยเลยเพราะไม่อยากให้ฉันไปเอาเรื่องกับคนสร้างเกม”
เรซยังจำได้ ผมกอดเขาไว้จากด้านหลัง นึกภาพตอนแมวโมโหแล้วเราต้องคว้าไว้สิครับ นั่นแหละเรซ ขู่ฟ่อๆจนขนพองยังไงก็จะไปให้ได้จนผมต้องลากเข้าห้องนอนแล้วหยุดเขาไว้ด้วยการกระทำที่...
เอาเป็นว่าเรซไม่ได้ไปไหนเลยทั้งวัน
ในขณะที่ผมนั่งนึกย้อนอดีตของเราอยู่นั้น จู่ๆ แมวขโมยตรงหน้าผมก็หยุดชะงักไป
“เจออะไรแล้วเหรอ”
“…หายไป งั้นเหรอ”
“...??” ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่เรซดูจะสนใจกับทฤษฎีที่ตัวเองค้นพบเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้อธิบายกับผมแต่เอาสร้อยทุกเส้นมานั่งจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นเรซเป็นแบบนี้ เดาว่าอีกไม่นานคงคิดออกและคงตามมาด้วยความหิวตามเคย
ผมลุกออกจากเก้าอี้เพื่อออกไปซื้อขนมมาเตรียมไว้ให้ บอกเจ้าหน้าที่เฝ้าเขาไว้ให้ดีที่สุดอย่าคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เรซ ‘ไว’ กว่าที่พวกเขาคิด ถ้าไม่ใช่คนที่ทันเขาทุกก้าวคงงัดข้อกับเขาไม่อยู่
หลังไปไม่นานผมก็กลับมาพร้อมของกินถุงโต เรซตาวาวเมื่อเห็นมัน เขาแทบตะครุบเอาของกินทุกอย่างจากมือผมไปอย่างหิวโหย
“สรุปว่า...” ผมถามขึ้น
“มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า” แมวขโมยตัวน้อยยัดขนมปังชิ้นใหญ่เข้าปากทีเดียวแทบไม่เคี้ยว...มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แปลว่าส่องให้ตายยังไงก็ไม่เจอจุดต่างสินะ
“แสงโพลาไลซ์ช่วยได้ นายรู้วิธีนี่” ใช่ ผมรู้วิธี แต่ไม่เคยคิดถึงมันเลยจนกระทั่งเรซพูด ใช้แสงสังเคราะห์ช่วยในการหักเหของแสงอาจทำให้เราเห็นจุดต่างของมัน
“เก่งมาก เรซ” ผมเอ่ยชม รู้สึกเหมือนเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นอีกนิดแล้วแม้จะยังไม่ได้ผลการตรวจออกมาเป็นรูปธรรมก็ตาม
“ต้องมีรางวัลกันหน่อยนะ” เสียงหวานเอ่ยยั่ว ท่อนขาเรียวของเรซขยับขึ้นไขว่ห้าง เจ้าตัวเท้าคางมองผม แลบลิ้นเลียครีมที่ติดอยู่มุมปากอย่างจงใจยั่ว
ผมส่ายหน้า ไม่มีทางที่ผมจะเต้นไปตามเกมของเรซ ไม่มีทางแม้ท่าทางเขาตอนนี้จะทำผมใจสั่นแค่ไหนก็ตาม
ภายหลังได้รับคำแนะนำจากเรซ ผมส่งเจ้าหน้าที่เอาเครื่องเพชรไปตรวจสอบแล้วก็บิงโก! เราเจอเครื่องเพชรของจริงแล้ว มันถูกเก็บไว้ในส่วนที่ดีที่สุดของสำนักงานแห่งนี้ และมากกว่านี้...เรายังสามารถระบุตัวคนร้ายในคดีนี้ได้ด้วย
สร้อยเพชรอีกสี่อันหลังถูกนำไปตรวจสอบจะพบจุดต่างภายในก็คือมันจะมีจุดเล็กๆเรียงต่อกันเป็นรูปดาวเหนือ มีแก๊งค้าของปลอมข้ามชาติอยู่แก๊งหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าแบบเดียวกันนี้อยู่ ส่วนใหญ่ทำคดีเล็กๆที่ไม่เป็นที่จับตามอง สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานที่เรซว่าคนร้ายต้องการให้คนรู้จักเลยหันมาก่อคดีโจรกรรมแบบนี้
ผมส่งลูกน้องตามสืบเรื่องของแก๊งนี้เงียบๆ แต่เราทำอะไรมากไม่ได้เพราะหลักฐานยังเบาบางเกินไป เราไม่สามารถขอหมายศาลเข้าค้นที่ของพวกนั้นได้เพียงเพราะพบจุดเล็กๆบนเครื่องเพชร มันอาจใช้อ้างได้ว่าเป็นเพียงความบังเอิญ
“มีความเคลื่อนไหวไหม” ผมกดเครื่องสื่อสารถามลูกน้องที่อยู่รอบๆ ตอนนี้เรากำลังจับตาดูพวกนั้นอยู่รอบๆ ผมกับเรซปักหลักกันที่โรงแรมเล็กๆโทรมๆที่อยู่ตรงข้ามกับตึกของพวกนั้น ลูกน้องผมกระขายออกไปรอบๆ ปลอมตัวเป็นคนเดินถนนบ้าง โฮมส์เลสบ้างเพื่อคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมัน
เรซเงียบไปหลังจากเราจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาขอออกไปสูดอากาศข้างนอกกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ผมซึ่งยุ่งๆอยู่ช่วงนั้นเลยไม่มีเวลาใส่ใจเขานัก แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว พร้อมกลิ่นเหล้าหึ่งเลย
“เกิดอะไรขึ้น”
“เขาขอแวะดื่มที่บาร์ใกล้ๆนี้” เจ้าหน้าที่ที่ไปกับเรซรายงาน ผมมองสภาพแมวจอมยั่วที่ตอนนี้ไม่เหลือคราบตัวแสบอีกแล้ว ลูกน้องผมกลับออกไป ทิ้งผมไว้กับเรซเช่นเดิม
ผมมองภาพหัวขโมยที่นอนอยู่บนที่นอนแล้วส่ายหน้า “เมาแต่หัววันเลยหรือไง”
“ใจร้าย...” หืม? ละเมอเหรอ “ไอย์...ใจร้าย...”
“เรซ” ผมเรียกเบาๆ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่แค่ละเมอหรือหลอกด่า เรซค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ขับผิวขาวๆของเขาให้น่ามองยิ่งขึ้น โดยเฉพาะดวงตาปรือๆนั่น
“ไอย์ไม่มาเยี่ยมเลย” เจ้าแมวค่อยๆยืนขึ้นจากเตียงแล้วเดินโซเซมาหาผม “ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง”
“เมาแล้ว” ผมรับตัวเรซที่ทิ้งน้ำหนักลงมากอดคอผมไว้ ยืนก็จะไม่อยู่ๆแล้วยังจะมาว่าคนอื่นเขาอีก
“ฉันยอมให้นายจับเลยนะ ยอมทิ้งอิสรภาพเพื่อนาย...” ผมรู้ว่าเขายอม คนอย่างเรซ ลักซ์ ไม่มีทางจับได้ง่ายๆแน่ถ้าไม่ยอมแพ้เอง แต่เขาทำเพราะรักผม เหมือนที่ผมไม่ไปเยี่ยมเขาเพราะรักไง เขาไม่รู้หรอกว่าในเรือนจำมีกี่คนที่ผมส่งเข้าคุก ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเรซกับผมมีความสัมพันธ์กัน เขานั่นแหละจะแย่
“ไปนอนได้แล้ว” ผมหันไปมองนอกหน้าต่างเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อแน่ใจว่าพวกนั้นยังไม่เคลื่อนไหวผมก็พาเรซไปยังที่นอน
“รู้ไหมว่าฉันเหงาแค่ไหน รู้หรือเปล่าไอย์คนบ้า”
“...รู้”
“ในนั้นลำบากมากเลย” ...ฉันรู้ว่านายลำบาก แต่ช่วยทนอีกหน่อยได้ไหม ที่ผมทำก็เพื่อช่วยเขา เขาทำผิด เขาต้องรับโทษ ผมช่วยเขาได้เพียงเท่านี้
ไม่นานคนเมาที่ประคองอยู่ก็เริ่มหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูตัดพ้อ แต่มันฟังดูเซ็กซี่มากเมื่อออกมาจากเรซ
“ฉันรู้ว่านายเองก็คิดถึงฉันนะ” เรซหันหน้าเขาหาตัวผม ส่งแขนสองข้างมาโอบลำคอผมไว้แล้วขยับกายเข้ามาชิด เขากำลังเมาแล้วยั่ว แมวของผมไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “รำลึกความหลังกันหน่อยดีไหม”
“ฉันมีงาน”
“นิดเดียวน่า...ไม่ลอง’ชิม’หน่อยเหรอ” ผมพยายามแข็งใจมาโดยตลอดตั้งแต่เรซย่างเท้าออกจากเรือนจำ ทุกอย่างของเขาชวนมอง ตั้งแต่รูปร่าง การเคลื่อนไหว น้ำเสียง...เรซเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่มากโดยเฉพาะตอนเมาอย่างนี้
“ไอย์...” ผมมองแมวน้อยที่คลานขึ้นไปบนเตียงช้าๆแล้วมองผมอย่างยั่วยวน ทั้งที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่วอกแวก ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางให้เขายั่วได้อีก
แต่ก็นั่นแหละ ไม่เคยมีใครต้านเสน่ห์ของเรซ ลักซ์ ได้
ผมหันไปมองนอกหน้าต่างทีหนึ่งอย่างชั่งใจ แต่แล้วเสียงเรซก็กระตุ้นผมอีกครั้งทำให้ผมละทิ้งทุกอย่างตรงหน้าตามเขาขึ้นเตียงไป
Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ปลุกผมขึ้นมาจากห้วงนิทรา มือผมปัดป่ายหาโทรศัพท์ที่อยู่ไหนสักที่ตรงหัวเตียงจากนั้นก็กดรับ
“ครับ...อะไรนะ!” เพียงแค่ได้ยินประโยคเดียวจากปลายสายผมก็สะดุ้งวาบ ข้างตัวผมว่างเปล่า ไร้เงาเรซ ลักซ์อยู่ในห้องแห่งนี้
ผมโดนหลอก เรซหลอกผมเข้าจนได้!
“ผมจะไปเดียวนี้ จัดทีมไว้เราจะบุกทันที” ผมตัดสายทิ้งไป ลูกน้องผมโทรมาตาม บอกว่าเรซออกไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งคู่หายเข้าไปในร้านเหล้าที่เรซไปดื่มมาเมื่อเย็น
ผมรีบแต่งตัว หยิบอุปกรณ์ทุกอย่าง กุญแจมือผมหายไป เรซน่าจะขโมยมันไปด้วย เจ้าแมวนี่ไม่เคยไปมือเปล่า เขาต้องได้หยิบฉวยอะไรไปบ้างเล็กน้อยไม่งั้นจะนอนไม่หลับ
“เป็นยังไง”
“ล้อมไว้แล้วค่ะ ไม่มีใครเข้าออกได้”
“บุกเข้าไปเลย”
“ไม่มีหมาย?”
“เรซเป็นอาชญากร เขายังไม่พ้นโทษ เข้าไปเลย” ผมสั่งก่อนจะนำหน้าเข้าไป เจ้าหน้าที่หลายคนตามผมเข้ามา ภายในร้านตกอยู่ในการควบคุมภายในเวลาไม่นาน
“ข้างบน ค้นทุกชั้น”
“เจอแล้วครับ อยู่ชั้นสาม” เสียงจากพลซุ่มยิงที่ผมให้ประจำไว้ห่างๆรายงานมา
“ไป!” ผมวิ่งขึ้นไปก่อน เริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาลางๆ เรซไม่โง่ เขาไม่เดินโทงๆเข้ามาให้ใครเห็นง่ายๆหรอกถ้าคิดจะหนีจริง
เขาไม่ได้หนี แต่มาช่วยจับโจร!
“FBI ทุกคนอย่างขยับ!”
ปัง!
เสียงปืนดังลั่นแต่นั่นไม่ใช่ของพวกผม นาทีที่ผมเห็นภาพตรงหน้าร่างกายผมชาวาบ ร่างกายทุกส่วนของผมแทบหยุดทำงาน เรซอยู่ที่ริมหน้าต่าง บนหน้าอกเขามีเลือดค่อยๆไหลซึมออกมา
“เรซ!!” ผมพุ่งเข้าไปรับร่างโปร่งที่กำลังล้มลง เจ้าหน้าที่ที่เหลือเข้าจับกุมคนร้ายที่ยิงเรซ ผมเคยเห็นเขา เขาเป็นหัวหน้าแก๊งดาวเหนือ
“ตอนมาดื่มได้ยินพวกนั้นคุยกันน่ะ…” เรซพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เขารู้ว่าเรามีแผน...มันเป็นกับดัก...แค่กๆ”
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ผมประคองเรซไว้ด้วยมืออันสั่นเทา ลูกน้องผมโทรเรียกกำลังเสริมและรถพยาบาล ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดแต่ตอนนี้ตรงหน้าผมกลับมีแค่เรซ ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงเรซ
เสียงที่แผ่วจนดูเปราะบางชนิดที่แตะนิดเดียวก็แตกสลายได้
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ต้องพูด” ผมย้ำคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา นั่งประคองร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไว้ขณะที่เสียงรถตำรวจและรถพยาบาลดังเข้ามา
เรซนิ่งไปแล้ว ผมได้แต่กอดเขาไว้ในอ้อมแขนจนกระทั่งมีคนมาดึงผมออกไป
การสรุปคดีที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ค่อนข้างลำบาก เราไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน ที่ทำได้คือการจับตามองอยู่ห่างๆ พวกดาวเหนือรู้ทันแผนของเรา สถานที่ที่ได้รับรายงานมาเป็นของปลอม หัวหน้าแก๊งดาวเหนือสารภาพแล้วว่าต้องการจะล่อพวกผมเข้าไปในนั้นแล้วจัดฉากใส่ร้ายพวกผม ต้องขอบคุณเรซที่ไปได้ยินแผนของมันเข้าจึงรู้ว่าฐานปฏิบัติการของพวกมันแท้จริงอยู่ชั้นบนของร้านที่ไปดื่มมา การบุกจับเรซไม่จำเป็นต้องใช้หมายศาล เขาเป็นนักโทษอยู่แล้ว และนั่นทำให้เราสามารถเข้าไปในที่ส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องรอ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานการทำขิงเลียนแบบมากมาย ส่วนใหญ่มีมูลค่าสูงลิ่ว มีเพชรปลอมที่คาดว่าเป็นต้นแบบของไนท์สตาร์อยู่ด้วย พอนำไปวิเคราะห์ก็พบจุดสังเกตเช่นเดียวกับสี่อันก่อนนี้
เป็นอันปิดจ๊อบ ไม่ต้องสืบสาวให้มากกว่านี้ก็รู้แล้วว่าเป็นพวกมัน ดาวเหนือทุกคนถูกจับ ไนท์สตาร์ของจริงถูกส่งไปให้เจ้าของของมันอย่างปลอดภัย…
ปัง!
“หัวหน้า!”
“มีอะไร” ผมถามลูกน้องคนหนึ่งที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นะ ไนท์สตาร์หายไป”
“ว่าไงนะ”
“พวกเรากำลังจะนำส่ง แต่พอเข้าไปในห้องเก็บหลักฐานกลับไม่พบอะไรเลย”
“เป็นไปได้ยังไง”
“กล้องวงจรปิดตอนที่เกิดเหตุก็ตรวจไม่พบอะไรเช่นกันครับ...แต่มีนี่” ลูกน้องคนนั้นของผมยื่นบางอย่างมาให้
ชิ้นส่วนของเกมปริศนา
“ไอ้ตัวแสบ” ใบหน้าผมฉีกยิ้มออกมาทันทีที่รับของมาไว้ในมือ
“ทำยังไงดีครับ นี่อาจจะเป็นกลุ่มโจรกลุ่มใหม่ที่…”
“ฉันออกไปข้างนอกนะ” ผมไม่รอให้ลูกน้องเสนอความเห็นหรือทักท้วงใดๆ คว้าเสื้อนอกของตัวเองกับชิ้นส่วนนั้นเดินออกจากห้องไป
เรซ...แมวแสบนี่ไม่เคยเดินออกไปมือเปล่าจริงๆ
เรซยังไม่ตายครับ เขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกือบสองสัปดาห์จึงถูกปล่อยกลับเข้าเรือนจำ นึกไม่ถึงว่าจะซ่าขโมยไนท์สตาร์แล้วทิ้งหลักฐานไว้แบบนี้
“กะแล้วว่านายต้องมา” น้ำเสียงน่าฟังดังออกมาจากปากคนที่ดูดีไม่สร่าง เรซอยู่ในชุดเรือนจำสีส้ม แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหม่นหมองเลย เขายังน่ามองอยู่เหมือนเดิม
“ร้ายนักนะ”
“โทษกันเฉย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ขโมยของกลางมีโทษนะจะบอกให้”
“ผมพูดจริงๆ ผมไม่ได้เอาไป” เรซแบมือออกตรงหน้าแล้วยักไหล่ แววตาเขาดูเหมือนไม่โกหก ถ้าเขาโกหกผมต้องจับได้
“จริงเหรอ”
“ใช่...ฉันไม่ได้เอาไป แต่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“ที่ไหน”
“คงต้องมีค่าเปิดปากกันหน่อยมั้ง” แมวจอมยั่ว ผมหัวเราะเบาๆทีหนึ่งอย่างไม่แปลกใจ พยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าพวกเราออกจากห้องไปก่อนจากนั้นก็เดินอ้อมมายืนข้างหลังเรซ เจ้าตัวยังคงนั่งไขว้ห้างสบายใจไม่แม้แต่จะหันมามองว่าผมจะทำอะไร
ผมซ้อนทับด้านหลังเรซ ค้ำมือไว้ที่โต๊ะกักแมวแสบไว้ในกรงที่สร้างขึ้นเอง เรซหันมามองอย่างสนใจ จังหวะที่เขาหันมาผมประกบปากปิดทุกคำพูดของเขา นานแค่ไหนที่ไม่ได้จูบลึกซึ้งขนาดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแค่ไม่มีมาเยี่ยมเฉยๆจำทำให้ผมโหยหาเขาได้
เรซดูพึงพอใจมาก เขาคิดถึงผมอย่างไม่ปิดบัง เจ้าแมวยั่วตกหลุมรักผมจนโงหัวไม่ขึ้นเลยสินะ
เรซจับหน้าผมไว้อย่างอ้อนๆ “เหลือปีกว่า รอหน่อยนะ”
“ก็รอมาตลอดไม่ใช่หรือไง”
“ไนท์สตาร์...อยู่ในตู้เหมือนเดิมนั่นแหละ เลื่อนกระจกออก...”
“เหมือนทริกที่นายใช้สมัยก่อน” เรซชอบเอากระจกเงามาสะท้อนตู้ให้เหมือนเป็นตู้เปล่าเวลาอยากซ่อนของ “แมวใครแสบสุดๆ”
“ที่ทิ้งชิ้นส่วนก็แค่อยากให้มาหา”
“ก็มาแล้วนี่ไง”
“รอนะ...ปีกว่าเอง”
“รอครับ...รอมาตลอด และก็จะรอตลอดไป” ผมสอดมือไปกอดเอวคอดไว้อย่างทะนุถนอม กดจูบครอบครองริมฝีปากเรียวที่โหยหามาตลอด ผมพลาดเองที่คิดว่าการห่างกับเขาจะดีกับเราทั้งคู่ มันไม่ดีเลยจริงๆ ผมคิดถึงเขา และเขาก็คิดถึงผม เราเสียเวลาไปเป็นปีเพราะผมมัวแต่คิดมาก หลังจากนี้ผมจะมาเยี่ยมเรซบ่อยๆ หากมีงานผมจะเสนอชื่อเขาเป็นคนแรก
เคยหลงเสน่ห์ผู้ชายที่เซ็กซี่กันไหมครับ
ถ้าเคยล่ะก็
เราคือพวกเดียวกัน
.
.
.
Endสวัสดีค่ะ
เราไม่เคยมาลงที่นี่มาก่อนเลยปกติเป็นสายอ่าน พอลองถึงรู้ว่ายากเหมือนกัน เล่นเอาหัวปั่นไปพักใหญ่เลย
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร แค่อยากเขียนอะไรบ้าง ประจวบกับกำลังดูซีรีส์White collar เลยอยากเขียนแนวนี้
ฝากตัวด้วยนะคะ