เห็นมะ ไม่ได้ทนกันนานซะหน่อย
******************************************************************
ตอนที่ 57"พายสงสัยอะไรกันแน่ อยากได้ยินอะไรงั้นเหรอ ไม่เชื่อว่าพี่รักพายจริงๆ หรือ...ไม่อยากยอมรับความรู้สึกตัวเองง่ายๆ"ช่างเป็นคำตอบที่ผมนึกไม่ถึง จริงๆ
"ไม่นึกนะเนี่ยว่าคุณจะถามกลับแบบนี้ ผมคิดว่าคุณจะตอบแบบตรงไปตรงมาเหมือนทุกครั้งเสียอีก แสดงว่าการคาดเดาของผมมีส่วนถูกใช่มั้ย"ดูท่าคืนนี้ผมคงจะไม่ได้นอนง่ายๆ สงสัยว่าคนบางคนคงอยากถกปัญหาเรื่องความรู้สึก
"ใช่ คำตอบคือใช่ทั้งสองอย่าง แล้วยังไง พี่รักพาย นี่คือความจริง และพี่นพสั่งไม่ให้พี่บังคับอะไรพายอีก นี่ก็จริงเหมือนกัน แต่มันสำคัญตรงที่เหตุผลแรก ถ้าพี่ไม่รักพาย พี่จะยอมฟังพี่นพเหรอ ที่พี่ยอมไม่ใช่เพราะคำสั่ง แต่เป็นเพราะเหตุผลที่สั่งต่างหาก"
" อ้อ....เหตุผลนั้นคงสำคัญมากเลยสินะ แต่นั่นผมไม่สนใจหรอก ที่ผมถามไม่ใช่เพราะไม่อยากยอมรับอะไร แต่เป็นเพราะมันยากเกินกว่าจะเชื่อ และมันแปลกเกินไป คุณบอกว่าคุณรักผม รักผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ ก่อนที่จะข่มขืนผม หรือว่าหลังจากนั้น หรือว่าหลังจากเอาตัวเองกลับมาวุ่นวายกับผมอีก ตลอดมาผมไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่คุณบอกได้เลย อะไรทำให้คุณแปลกไปล่ะในเมื่อคุณบอกว่ารัก เมื่อก่อนกับตอนนี้ทำไมมันต่างกันนัก!!!"ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ตะโกนใส่เขามา นานเหมือนกัน คำถามของเขายั่วอารมณ์ผมได้เหมือนเคยสิน่า
"....... พายต้องการอะไร ทำไม ไปเจอมันแค่แว้บเดียวก็กลับมาโวยวายคาดคั้นเอากับพี่ มันจะตายเลยนึกสงสารรึไง อยากกลับไปหามันนักรึไง พายถามอะไรพี่ก็ตอบเสมอ ถ้าพายเชื่อสักนิด ก็คงไม่นั่งสงสัยเรื่องพวกนี้หรอก"
"คุณมันก็ ดีแต่คิดอยู่แค่นี้ พูดได้แค่นี้ ถ้าผมๆๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผมรึไง เปล่า! เพราะคุณ! พวกคุณทั้งสองคนนั่นล่ะ!!!"ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าห้องนอน ปิดประตูเสียงดังเท่าที่จะทำได้ อีกฝ่ายคงรู้ว่าคราวนี้ผมหงุดหงิดมากแค่ไหนถึงได้ไม่ตามเข้ามาพูดจากวน ประสาทอะไรอีก หลังจากนั่งสงบอารมณ์ก็เริ่มคิดได้ว่าเขาพูดถูกบางส่วน เพราะว่าผมไปพบทิว ผมถึงได้อารมณ์เดือดกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาแบบนี้ ผมสงสารทิวงั้นเหรอ...คงใช่ หรือบางที...อาจไม่
หลังจากอาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวนอน เจ้าของห้องก็เดินเข้ามานั่งอีกฝั่งบนเตียง ผมยังคงหลับตาเพื่อพยายามทำให้ตัวเองหลับอยู่
" พี่ขอโทษที่เมื่อกี้พูดรุนแรงกับพาย แต่พายควรจะฟังที่พี่พูดบ้าง อย่างน้อยก็เรื่องเพื่อนของพาย ทางที่ดีอย่าไปเจอกันอีก"ผมก็นึกว่าเขาจะมาพูดเรื่องอะไร ที่แท้ก็ยังเห็นความคิดแบบเดิมๆ การกระทำแตกต่างไปแต่ความคิดก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด
"พรุ่งนี้ตอนเช้าผมจะไปเยี่ยมทิวก่อนไปเรียน และคุณก็ห้ามผมไม่ได้ด้วย"
"เฮ้อ...เมื่อไหร่พายจะฟังที่พี่พูดบ้าง มันไม่มีอะไรดีหรอกนะ เวลานี้พายควรปล่อยให้ฝ่ายนั้นทำใจยอมรับความจริง"
"ความจริงอะไร"
"ก็ความจริงที่พายไม่ใช่ของมัน ไม่มีวันกลับไปหามันอีกแล้วไง"
"...ผมว่า...คุณคงเข้าใจอะไรผิด ผมจะไม่มีวันแยกจากทิว นี่คือเรื่องจริงที่คุณควรยอมรับ"
"พาย!! จะพูดดีๆ กับพี่บ้างไม่ได้เลยรึไง ใช้เหตุผลคุยกันบ้างได้มั้ย"
"..... ผมเหนื่อย จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ผมยังยืนยันคำเดิม...ผมจะไปหาทิว"ผมดึงผ้าห่มคลุมหัวแล้วนอนหันหลัง ให้ เสียงสบถพร้อมกระแทกเท้าก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตู แม้จะไม่ดังเท่าผม แต่ก็คงทำไปด้วยอารมณ์เดียวกัน
เมื่อคืนผมไม่รู้ว่าตัวเองข่ม อารมณ์ได้แล้วหลับไปตอนไหน ตื่นขึ้นมาก็เหมือนเช้าเมื่อวาน ใครอีกคนตื่นก่อนนานแล้ว ผมถอนหายใจช้าๆ ขณะทานอาหารเช้าแบบอเมริกันง่ายๆ ที่อีกฝ่ายลงมือทำ น่าแปลกที่เพียงแค่นี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเงยหน้ามองเขา
"เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโดฯ หมอนั่นแล้วกัน"เขาพูดขณะดื่มกาแฟ ผมทำเพียงขานรับในลำคอเบาๆ
บรรยากาศ ในรถมีแต่ความอึดอัด ผมไม่รู้ว่าระหว่างเรามันดีขึ้นหรือแย่ลง แต่มันคงใกล้จะถึงขีดสุดขึ้นทุกทีแล้ว วันนี้ผมนั่งนิ่งอยู่ในรถนานกว่าเมื่อวาน
"พี่จะมารับไปส่งมหาฯลัยตอนบ่ายนะ"
"ไม่มีงานรึไง"
"ไม่เป็นไร เสร็จแล้วก็โทรมาแล้วกัน"
"อืม...ตามใจนะ งั้น...ผมไปล่ะ"
"อย่าลืมโทรมาล่ะ"
"... แล้วผมจะโทรหา"ผมพูดจบก็เดินออกจากรถ ถึงจะเดินเข้ามาในตัวตึกแล้ว แต่รถที่มาส่งก็ยังคงจอดนิ่ง ผมคิดว่าเขาคงรอให้ผมเดินลับสายตาไปก่อนเขาถึงจะขับออกไป ไม่แปลกเลยที่ผมเดาความคิดและการกระทำเขาออก
ผมเดินมาถึงหน้า ห้องของทิว จิ๋วเป็นคนมาเปิดประตู เพราะต่อมีเรียนเช้า ผมเห็นจิ๋วเทข้าวต้มใส่ชามไว้เลยอาสายกเข้าไปให้ทิวเอง ตอนแรกจิ๋วก็ลังเลว่าจะปล่อยให้ผมพบทิวดีมั้ย แต่ผมคะยั้นคะยอจนจิ๋วใจอ่อน แต่ก็ยังไม่วางใจให้ผมเข้ามาอยู่กับทิวเพียงลำพัง
"ทิว....ทิวลุก มากินข้าวต้มหน่อยนะจะได้กินยา"จิ๋วเดินไปนั่งใกล้ขอบเตียงเพื่อช่วยพยุงทิว ให้ลุกขึ้นนั่ง ผมยืนนิ่งอยู่ข้างประตูเพื่อรอให้จิ๋วบอกกับทิวก่อนว่าผมมาหา
" วันนี้มีคนมาเยี่ยมด้วย ทิวต้องกินข้าวเยอะๆ นะ ห้ามดื่มเหล้านะวันนี้"จิ๋วดึงหมอนไปรองแผ่นหลังให้ทิวได้นั่งพิงหัวเตียง สบายๆ ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นท่าทางระโหยโรยแรงของคนที่เคยเข้มแข็ง
" วันนี้มีเรียนบ่าย จิ๋ว...ขับไปส่งหน่อยนะ"น้ำเสียงแหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำมานาน ทิวคงไม่ได้ฟังที่จิ๋วพูดถึงได้ไม่ถามว่าใครมาเยี่ยม
"ทิว...ไม่ต้องไปเรียนหรอกนะ รอให้หายดีก่อนค่อยไป ยังมีไข้อยู่เลย"
"ไม่ได้ๆ เดี๋ยวพายเป็นห่วง จิ๋วไม่รู้อะไร พายไม่ชอบคนขาดเรียน ไม่ชอบคนโดดเรียนด้วย"
" ทิว...ทิวหันไปดูสิว่าใครมา"จิ๋วจับมือทิวเบาๆ แล้วหันมามองผมที่ยังยืนอยู่ใกล้ประตู สายตาที่ผมมองไม่เห็นในตอนแรกเริ่มเหลียวมามองจนเราสบตากัน เหมือนทิวจะไม่แน่ใจว่าผมยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ แต่เพียงไม่นาน ร่างของคนที่นอนอยู่เมื่อครู่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางผมอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือที่ครั้งล่าสุดได้ทำร้ายผมไว้อย่างเจ็บปวดจนเจียนตายกลับยื่นมาสัมผัส ผิวแก้มแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึก ปลายนิ้วสั่นระริกของมือทั้งสองข้างที่กุมแก้มผมไว้ขยับเบาๆ
" พาย....พายร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพาย บอกทิวมา เดี๋ยวทิวไปจัดการให้"ทิวพูดด้วยเสียงแหบพร่า น้ำตารินไหลอาบแก้มไม่ต่างจากผม ถึงจะคิดว่าตัวเองนั้นเข้มแข็ง แต่ครั้งนี้ผมกลับห้ามน้ำตาตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เรี่ยวแรงที่มีมลายหายไปจนแทบยืนไม่อยู่ ผมทรุดนั่งลงบนพื้น ทิวก็รีบนั่งประคองผมไว้พร้อมละล่ำละลักถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเหมือนเคย
"พายอย่างร้องไห้ อย่าร้องนะครับ ทิวจะปกป้องพายเอง"
"....ทิว......."
"ครับ ว่าไงครับ"
"......... หิวมั้ย...จิ๋วซื้อข้าวต้มไว้ให้กิน ทิวกินหน่อยนะ"ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ลืมคำพูดที่คิดจะพูด คำที่อยากบอก เป็นเพราะน้ำตาของทิว หรือเพราะคำพูดของทิวกัน
"พาย กินข้าวมารึยังล่ะ กินด้วยกันนะ"ทิวรีบดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปนั่งบนเตียง รับชามข้าวต้มจากจิ๋วมาแล้วตักเตรียมป้อนผมเต็มที่
"เดี๋ยวๆ ทิวนั่นล่ะกิน พายกินมาแล้ว"
"พาย...กินกับเขามาแล้วเหรอ"ผมหลงคิดว่าทิวกำลังอยู่ในโลกของตัวเองอย่างที่จิ๋วบอกเสียอีก ไม่นึกว่า...จะถามผมแบบนี้
".....ใช่ พายกินข้าวเช้าพร้อมเขามาแล้ว ทิวเองก็ต้องกินบ้างนะ"
"......แล้วพาย...จะไม่กินพร้อมทิวอีกแล้วเหรอ"
" ทิว...กินข้าวเถอะนะ ไม่ได้สำคัญว่าพายจะกินกับใคร พายกินแล้ว ทิวไม่ต้องเป็นห่วง ทิวเองก็ต้องกิน พายจะได้ไม่เป็นห่วง"ผมแย่งชามข้าวต้มมาถือไว้แล้วเป็นคนใช้ช้อนตักเพื่อป้อนทิว
"......ข้าวเที่ยงล่ะ พายจะกินพร้อมทิวมั้ย ในตู้เย็นมีของสดเต็มเลย พายทำกับข้าวให้ทิวกินหน่อยนะ แล้วตอนบ่ายเราค่อยไปเรียนพร้อมกัน เลิกเรียนแล้วก็แวะกินข้าวก่อนกลับ ทิวจะขับไปส่งพายเอง"
"ทิวยังดูไม่แข็งแรงอยู่เลย เอาไว้ทิวดีขึ้นค่อยไปเรียนนะ วันนี้ก่อนพายไปเรียนพายจะทำกับข้าวกินกับทิวกับจิ๋วดีมั้ย"
"สัญญานะ"
" สัญญา อ่ะ ข้าวต้มจะเย็นหมดแล้ว กินให้หมดนะ"ผมยกช้อนไปจ่อไว้ใกล้ปาก ทิวยิ้มให้ผมครั้งแรกก่อนจะอ้าปากให้ผมป้อนเข้าไป จิ๋วเดินอมยิ้มออกไปนอกห้อง ปล่อยให้ผมนั่งป้อนข้าวทิวตามลำพัง ถึงร่างกายจะดูโทรมกว่าเมื่อก่อน แต่สีหน้าแววตาตอนนี้ก็เหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง ผมอยากให้ทิวหายเร็วๆ อยากให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า ไม่อยากได้ยินคำพูดที่ฟังเหมือนเลื่อนลอยแบบตอนนี้เลย
หลังจากทิวทานข้าวต้มจนหมดชาม จิ๋วก็จัดยามาให้ทิวกิน ยาส่วนมากก็จะเกี่ยวกับโรคกระเพาะ ยาบำรุง วิตามิน ตอนแรกเห็นยาเกือบสิบเม็ดผมก็ตกใจ แต่พอรู้ว่าส่วนมากเป็นยาบำรุงก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง
"ทิวอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ตอนเที่ยงพายจะได้ทำให้"ผมตะโกนถามทิวหน้าห้องน้ำ ทิวก็ตะโกนตอบกลับมา
"ทิวกินอะไรก็ได้ พายอยากกินอะไรก็ทำเลย ถ้าขาดอะไรก็บอกจิ๋วให้ไปซื้อให้นะ"
ผมเดินออกมาเช็คของในตู้เย็นที่มีอาหารสดแน่นเต็มตู้อย่างที่บอก ผมคิดว่าจะทำราดหน้า เพราะง่ายและทิวก็ชอบกินด้วย ผมกับจิ๋วช่วยกันหยิบเรียงขวดเบียร์ที่หยิบจากตู้เย็นมาใส่ลัง เหล้าก็เก็บใส่กล่อง เบียร์กระป๋องผมก็หาถุงมาใส่
"ทำอะไรกันน่ะ"
"ก็พวกนี้ไง พายไม่ชอบให้ทิวดื่มเลย พายให้จิ๋วเอาไปแบ่งเพื่อนคนอื่นแล้วกันนะ"
" ได้สิ ทิวไม่ดื่มแล้วล่ะ เอาไปให้หมดเลยนะ ว่าแต่เที่ยงนี้พายจะทำอะไรให้ทิวกินล่ะ"ทิวเดินเช็ดผมมายืนมองลังเบียร์ที่ วางอยู่บนโต๊ะ
"ราดหน้ารวมมิตรดีมั้ย"
"ดีครับ อีกตั้งนานกว่าจะได้เวลาเรียน พายมาดูหนังด้วยกันมั้ย มีหนังใหม่ๆ เยอะเลย ทิวซื้อมาแต่ยังไม่ได้เปิดดูเลยสักเรื่อง"ทิวอ้อมมาถึงมือผมให้เดินตามมา นั่งบนโซฟา ส่วนตัวเองก็ลงไปนั่งรื้อซีดีมาเรียงให้ผมดูว่าอยากดูเรื่องไหน ผมก็จิ้มมั่วๆ ไปเพราะไม่ค่อยได้สนใจเรื่องหนังมานาน จิ๋วเดินเข้าไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมายึดพื้นที่หน้าทีวี ส่วนทิวเดินมานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับผม
ทิวฝืนนั่งอยู่ได้ไม่ นานก็ต้องเอนตัวลงนอนแล้วหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ผมหยิบหมอนอิงใบเล็กสอดให้ทิวหนุนนอนให้สบายขึ้น มือของคนที่หลับกุมมือผมไว้แน่น ที่เคยคิดไว้ว่าสองคนนี้เหมือนกันนั้นคิดไม่ผิดเลย คำพูดอาจไม่เหมือนกัน ต้องยอมรับว่าทิวเป็นคนที่นุ่มนวลมากกว่า แต่ความหมายของคำพูด ความคิด การกระทำ สองคนนี้เหมือนกันเสียจนผมนึกขำ ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนแม่เหล็กที่ขั้วเดียวกันแล้วผลักกัน ทั้งที่เหมือนกันขนาดนี้ กลับตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างโจ่งแจ้ง
ก่อนเที่ยงผมลุกไปทำราดหน้าโดยมีจิ๋วเป็นลูกมือ จิ๋วบอกว่าต่อกำลังจะกลับมา ผมเลยทำเผื่อให้ด้วย พอทำเสร็จทิวก็ตื่นพอดี เรานั่งกินกันหน้าทีวี ผมตักราดหน้าใส่ชามให้ทิวเยอะกว่าคนอื่น ทิวน่าจะผอมลงหลายกิโล ต้องรีบขุนให้กลับมาเหมือนเดิม
"ทิวกินเยอะๆ นะ พายทำน้ำผึ้งผสมมะนาวไว้ด้วย ทิวเสียงแห้งๆ ก็ผสมน้ำอุ่นจิบบ่อยๆ นะ"ผมพูดไปยิ้มไปเมื่อเห็นทิวตั้งหน้าตั้งตากิน
" อื้ม ทิวเจ็บๆ คอเหมือนกัน แต่ตัวไม่ร้อนแล้วนะ"ทิวยกมืออังหน้าผากตัวเองแล้วลงมือกินต่ออย่างตั้งใจ มองไปที่จิ๋วก็ดูจะดีใจที่เห็นทิวกินได้เยอะแบบนี้ เรานั่งกินกันไปสักพักต่อก็กลับมา จิ๋วลุกไปตักราดหน้าใส่จานแล้วมานั่งรวมกัน ผมรู้ว่าต่อยังไม่ค่อยพอใจผม แต่ทำไงได้ ผมปล่อยให้ทิวเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน
"เดี๋ยวพายต้องไปเรียนแล้วนะ ทิวกินยาแล้วพักผ่อนเยอะ ถ้าว่างพายจะมาหาบ่อยๆ"ผมหยิบกระเป๋าเป้แล้วเดินมาใส่รองเท้าหน้าประตู
"เดี๋ยวทิวไปส่ง"ทิวรีบวิ่งมายืนใส่รองเท้าอยู่ข้างผม ต่อกับจิ๋วมองมาด้วยสายตาที่พยายามห้ามปราม
"ไม่เป็นไร พายไปเองได้ ทิวพักผ่อนเถอะ"ผมจับมือทิวที่กำลังจะเปิดประตูเอาไว้
".....เขามารับเหรอ"
" ไม่รู้สิ....คิดว่างั้น"ผมไม่รู้จริงๆ แต่คิดอย่างนั้นจริงๆ เช่นเดียวกัน ทิวค่อยๆ ปล่อยมือจากลูกบิดประตูช้าๆ แล้วพลิกมือมากุมมือผมไว้
"อืม....งั้นทิวโทรหาพายบ้างได้มั้ย"
" ได้สิ โทรมาได้ตลอดเวลาเลย แต่อย่าโทรเวลาเรียนแล้วกัน พายไม่รับแน่ๆ"ผมพูดจบทิวก็หัวเราะออกมา ผมเห็นทิวยิ้มออกมาก็เริ่มสบายใจมากพอที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิวยืนมองผมเดินไปที่ลิฟต์ จนลิฟต์ปิดลงภาพของทิวถึงได้หายไป ภายในวันเดียวกัน...ผมเดินหันหลังให้คนถึงสองคน
*******************************************************************
3p ไปเลยดีมั้ยพาย
ป.ล.คนแต่งมัวแต่นั่งดมยาดมพม่าเลยแต่งช้า....