Page 01 : บก.ขอคุย
พี่เอ้ บรรณาธิการ(มั้ง) เป็นมนุษย์หญิงล่ำ ที่สเกลเพศแม่สูสีกับเพศพ่อ แต่อย่าเรียกแกว่าสาวหล่อเชียวนะ แม่คุณจะปรี๊ดแตกสวดยับสามบ้านแปดบ้าน พร้อมคำถามสุดคลาสสิก “ฉันไม่เหมือนผู้หญิงตรงไหน!!”
สิปป์ศิลป์เคยอธิบายเป็นแผนภูมิต้นไม้อย่างง่าย ถึง “สิบคุณลักษณะเด่นที่บก.เอ้ควรเป็นทอม” พร้อมแปะชาร์จที่ว่านี้กลางห้องประชุมใหญ่ เพื่อเป็นการตอบคำถามดังกล่าวอย่างชัดเจน เล่นเอาคุณบก.(เหรอ?)เกือบงัดวิชามวยที่ทวดเคยสอนออกมาวาดลวดลาย ดีที่น้องๆ ในออฟฟิศห้ามไว้ทัน ไม่งั้นหัวไอ้สิปป์อาจไม่เหลืออยู่บนบ่าแล้วก็ได้
แล้วทำไมผู้หญิง(?)อย่างพี่เอ้ถึงทุ่มตัวมาทำหนังสือเกย์... มีหลายเสียงที่วิเคราะห์กันมา แต่ที่น่าสนใจที่สุด ก็คือข้อสันนิษฐานว่า ลึกๆ แล้วพี่เอ้แม่งคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วย! เพราะลองสังเกตดูเถอะ ถึงสเกลเพศผู้จะตีคู่กับเพศเมีย แต่เฮีย เอ๊ย! เจ๊แกก็ยังมองผู้ชายอยู่ดี แต แต๊ แต่... แต่ทำไมเจ๊แม่งไม่ทำตัวเป็นผู้หญิงปกติวะ?
“ฉันมันไม่เหมือนผู้หญิงปกติตรงหนาย!” บอกแล้วว่าเป็นคำถามคลาสสิก เหมือนคำโปรยเปิดตัวสินค้ายังไงอย่างงั้น
“แล้วทำไมพี่ถึงทำหนังสือเกย์อ่ะ” เคยมีคนใจกล้าไปถามแกตรงๆ แกก็ตอบแบบตรงๆ เหมือนกันว่า
“ฉันเป็นสาววาย”
แต่จนแล้วจนรอด ผู้ชายอีกหกคนในออฟฟิศ ก็ยังไม่มีใครเข้าใจว่าไอ้ “สาววาย” ที่แกว่ามันหน้าตาเป็นยังไง อ้อ...จะมีก็แต่ไอ้สิปป์นี่แหละ ที่เหมือนจะเข้าใจอะไรลึกซึ้งหน่อย
“เจ๊แม่งอยากให้ผู้ชายได้กันเหรอวะเฮ่ย” ก็ฟังจากคำนิยามแล้ว คงสรุปนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ แม้บก.เอ้จะบอกว่า มันเป็น “รักบริสุทธิ์ที่ข้ามพ้นกฎเกณฑ์ทางเพศ” ก็ตาม
จริงๆ สิปป์ศิลป์ไม่เดือดร้อนหรอก อย่างน้อยหนังสือเกย์ที่บก.เอ้ทำก็ทำให้เขามีข้าวมีน้ำประทังชีวิต แม้เงินเดือนนักเขียนมันจะน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่ากลับไปเป็นครูบ้านนอกล่ะวะ ทีมงานคนอื่นๆ ก็โอเค ถึงจะต้องปวดกะโหลกกับไอ้พี่เก็ตบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าราบรื่น และมันเกือบจะสมบูรณ์มากทีเดียวถ้า...
“ไอ้สิปป์จ๋า วันนี้แกไม่ชวนคุณตากล้องของแกไปดินเนอร์เหรอจ๊ะ คริคริ”
อ่า...ถ้าอิเจ๊บก.สาววายแม่งไม่จิ้นกูกับตากล้องทุกวันน่ะเฮ่ย! ......................Gayscale Magazine......................
หลังจากแก้พรู๊ฟของเล่มล่าสุดเรียบร้อย ทีมงาน Gayscale ก็ต้องเริ่มทำข้อมูลของเล่มต่อไปทันที จริงๆ มันก็มีเวลาพักอยู่สัก 2-3 วันล่ะนะ และเป็นสองสามวันที่ไอ้ลิปป์ขอนอนชดเชยให้กับเดือนที่ผ่านมา เป็นกระบวนการคืนแพนด้าสู่เชียงใหม่ จัดการให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เต็มที่นะพวกมึง... เพราะอีก 27 วันต่อจากนี้ มึงจะไม่ได้ออกมาซ่อมแซมกันแล้ว T__T
ตามปกติแล้วสิปป์ศิลป์จะไม่ลืมปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดตลอดช่วงเวลาอันแสนสุข เขาเป็นคนหลับยากแต่ดันตื่นง่าย แค่เสียงก็อกแก็กของห้องข้างๆ ก็ปลุกชายหนุ่มได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเสียงอันเซ็กซี่ของนักร้องสาวผิวเข้ม ที่กรีดเสียงร้องพร้อมแรงสั่นจากสมาร์ทโฟนข้างเตียงหรอก
“เชี่ย! โอ๊ยยยย ความสุขของกู หมดกัน” คนกำลังทำพิธีกรรมคืนแพนด้าลืมตาขึ้นมาอย่างหัวเสียง มือเรียวคว้าไปที่ไอ้ตัวก่อเรื่อง พอเห็นชื่อ ‘เมตตา’ โชว์หน้าจอ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบื่อๆ
“เออ!” กระแทกเสียงเล็กน้อยให้ปลายสายรู้สึกผิด แต่มีเหรอที่ไอ้เมตมันจะรู้สึก หึ! น้อยไปสิ
“หลับอยู่เหรอคะคุณแฟน สามีขอโทษนะคะที่โทรปลุก” ครับ...พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออกฉันใด ไอ้เมตแม่งก็ไม่เคยหยุดปากหมาฉันท์นั้น
“อย่าเยอะ รีบๆ พูด กูจะไปทำพิธีต่อ” ว่าพลางหาววอดๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เอาเข้าจริงๆ ก็นอนต่อไม่ได้แล้วล่ะ อูย...ตื่นปุ๊บก็หิวเลยนะกูเนี่ย
“ไม่ต้องส่งหลินปิงแล้วมึง แดกข้าวกัน มีโปรเจคด่วน เซลล์ใช้ให้กูมาคุยกะมึงอ่ะ”
คนบนเตียงกรอกตาไปมา คอยดูนะ กูจะไปเบิกค่าอายครีมจากบก.!
“เออๆๆ ที่เดิมละกัน” ตากลมเหลือบมองนาฬิการูปนกไขลาน “อีกครึ่งชั่วโมงนะ”
เมตตาจอดไอ้เต่าเขียวมะกอกไว้ริมถนน ไม่ลืมตรวจล็อคประตูเป็นครั้งสุดท้าย เพราะทิ้งเครื่องมือหากินราคาเหยียบแสนให้นอนนิ่งอยู่เบาะหลัง ชีวิตตากล้องที่หลายคนว่าเท่นักเท่หนา เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่า ถึงจะเท่..แต่แม่งแดกไม่ได้นะครับ! เงินทุกบาทแทบจะหมดไปกับอุปกรณ์เสริม อันนั้นก็ดี อันนี้ก็โดน แค่ร่มขาวอันเดียวก็เกือบพันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลนส์เทพที่ต้องรับเป็นสิบๆ จ๊อบกว่าจะซื้อได้สักอันหนึ่ง สรุปว่าถ้ารถโดนทุบ กล้องโดนขโมย ชีวิตนี้ของพี่เมตคงไม่เหลืออะไรอีกเลย
เดินยังไม่ทันถึงร้าน วินมอไซค์คันหนึ่งก็โฉบตัดหน้าชนิดว่าห่างจากตาปลาไปไม่กี่มิล ไอ้ตัวดีหน้าทะเล้นกระโดดผลุงลงจากรถ พร้อมยื่นแบงค์ยี่สิบให้สองใบ เมตตากอดอกยืนมองนักเขียนประจำกอง ที่สภาพตอนนี้ไม่เหลือเค้าคนในอาชีพแม้แต่น้อย
“ตัดผมใหม่เหรอ” สายตาที่มองผ่านกล้องอยู่เป็นนิจจับจ้องที่ผมสีน้ำตาลอ่อนดูแปลกตา
“อื้อ แนนนี่พาไปตัดมาเมื่อวาน เป็นไง เด๋อมะ” ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟยืนขยี้หัวไปมา จริงๆ ไม่อยากตัดเลยเหอะ แต่กลัวแฟนโกรธ ชีวิตนี้มีแฟนจูงจมูกก็ต้องเดินตามกันไป
“ย้อมด้วย?”
“อื้อ”
“เอ่อ...ดูแปลกดี” คนปากหมาที่ดูเหมือนจะพูดน้อยกว่าปกติกล่าวแค่นั้น ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใต้สไตล์โฟล์คซอง เจ้าของร้านเป็นคนคอน หน้าดุแต่ใจดี พอแกเห็นเมตตากับสิปป์ศิลป์ก็รีบให้เด็กจัดโต๊ะประจำให้อย่างรู้งาน
“หล่อขึ้นเป็นกองเลยนิ่คุณสิปป์” เด็กเสิร์ฟเอ่ยชม ส่วนหนึ่งก็พูดจากความรู้สึก อีกส่วนก็หวังทิปงามๆ ด้วยนิดหน่อย คนถูกชมยิ้มเขิน พลางยกมือปิดหูแบบทุกครั้งที่รู้สึกเก้ๆ กังๆ เมตตาเลยชิงโอกาสนั้นสั่งอาหารไปสามสี่อย่าง ก่อนจะเริ่มคุยงานตามที่นัดมา
“รู้หรือเปล่า ว่ากานต์กับแอนดรูว์เค้ายอมรับแล้วว่าเป็นแฟนกันน่ะ” สองคนที่ว่านี้คือดาราชายสุดฮอตของช่องน้อยสี กับนักร้องฮิพฮอพที่เพิ่งออกอัลบั้มเมื่อเดือนที่แล้ว
นักเขียนประจำกองดูดน้ำเป็ปซี่จนหมดแก้ว ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นคำถาม “รักโปรโมท?”
“เหอะ...ใครมันอยากจะโปรโมตกับผู้ชายด้วยกัน” เมตตาตอบพลางกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟให้เอาเป็ปซี่มาเพิ่ม
สิปป์ศิลป์ยักไหล่ แม้ในใจนึกจะตอบว่า มึงไงไอ้เมต โปรโมทกูประเคนความวายให้บก.ทุกวี่ทุกวัน “แล้วยังไงอ่ะ”
“พี่เอ้อยากให้เราดึงคู่นี้มาขึ้นปก แล้วทำเป็นสกู๊ปพิเศษ งานนี้ออกทริปอีกแล้วว่ะ” ออกทริปหมายถึงการไปถ่ายต่างจังหวัด จะว่าดีมันก็ดี ตรงได้ไปที่แปลกใหม่บ้าง แต่จริงๆ มันจะเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า เพราะทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลา โดยใช้คนให้น้อยที่สุด เหมือนวิ่งผลัดสี่คูณร้อยก็ไม่ปาน
ไข่พะโล้พร้อมข้าวสวยร้อนๆ ถูกยกมาเป็นอันดับแรก สิปป์ศิลป์จัดการตักไข่ใส่จานตัวเอง หากไม่ลืมตักหมูชิ้นโตใส่จานคนตรงข้าม ก่อนจะร้องถามเรื่องที่สงสัย “แล้วเซลล์เกี่ยวไรวะ”
“พอดีรีสอร์ทเปิดใหม่ที่อัมพวาเค้าอยากลงทายอิน ก็เลย...”
“จะเอาดาราคู่เกย์ไปถ่ายที่นั่น?” ตากล้องดีดนิ้วเปาะ เป็นอันว่าคำตอบของสิปป์ศิลป์ถูกต้อง พอดีกับหมึกย่างขมิ้นควันหอมฉุยถูกลำเลียงมาเป็นเมนูถัดไป คราวนี้เมตตาจิ้มหนวดหมึกสีเหลืองนวลใส่จานของอีกฝ่ายบ้าง คนชอบหนวดหมึกยิ้มจนตาหยี หากคำพูดต่อมาทำเอาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“แต่รีสอร์ทแม่งมีงบน้อย เค้าเลยขอให้ส่งทีมงานไปแค่สองคน รวมกับดารา ผู้จัดการ แล้วก็คอสตูม ทริปนี้แปดคนถ้วน”
“ฉิบหาย!” นักเขียนอุทานเสียงดังลั่น นรกจะมาเยือนก็คราวนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทีมงานสองคนที่ว่าก็คือเขากับเมตตา นอกจากที่เขาต้องเก็บข้อมูลแล้ว ยังต้องช่วยไอ้เมตถือไฟ เพราะมันไม่มีผู้ช่วยไปด้วย ไหนจะต้องเซตฉาก ประสานงาน บางทีอาจต้องแต่งหน้า ทำผม และอีกสารพัดที่ไม่อยากจินตนาการ ชีวิตของนักเขียนนิตยสารเกย์ช่างรันทดเหลือแสน พากูไปลงวงเวียนชีวิตทีเถอะ T___T
แม่สาวผิวสีเปล่งเสียงจากโทรศัพท์อีกครั้ง สิปป์เหลือบตามองหน้าจอ พอเห็นเป็น “บก.” ก็พยักพเยิดให้อีกคนรับแทน งอน! โทษฐานโยนงานหินมาให้ ถ้าออกทริปเสร็จ เตรียมจองโรงพยาบาลไว้ให้ไอ้สิปป์ได้เลย ซี้แหงแก๋
“ครับพี่เอ้... อ้าว เป็นสามีที่ดีไงพี่ แฟนผมเหนื่อยอยู่ครับ ฮ่าๆๆ อยู่ไหนเหรอ อยู่บน โอ๊ย! แม่งทำร้ายกูอ่ะ โทษๆ ครับพี่ แหม...เค้ารักกันหรอกถึงหยอกกันเล่น หึหึ อยู่ร้านคอนครับพี่ นี่ก็กำลังคุยกับเรื่องออกทริปนั่นแหละ ได้ครับ..ครับ สวัสดีครับ”
“เดี๋ยวพี่เอ้ก็จิ้นตายห่า” เจ้าของโทรศัพท์บ่นมุบมิบ ไม่ต้องนึกเลยว่าปลายสายจะวางโทรศัพท์ไปด้วยหน้าตาแบบไหน คงจะละเมอเพ้อถึงพี่เมตกับน้องสิปป์เป็นวรรคเป็นเวรแน่นอน
“ไอ้ ‘จิ้น’ นี่มันคืออะไรวะ มึงคุยกับพี่เอ้มากไปป่ะ มีศัพท์แปลกๆ อยู่เรื่อย” ถามเสร็จก็คว้ามือถือเครื่องเดิมมาไว้ที่ตัวเอง ก่อนจะกดเข้าเกมอย่างคุ้นเคย
“กูต้องสะสมคลังศัพท์ระดับพี่เอ้ไว้เยอะๆ เว้ย เดี๋ยวนี้กลุ่มคนอ่านไม่ใช่แค่เกย์แล้วนะมึง สาวๆ อย่างพี่เอ้นี่อ่านกับเพียบ”
“จริงดิ่?”
“ว่างๆ เข้าไปดูเฟสบุคของเพจเรามั่งไป สาววายแม่งยกขบวนมากดไลค์เป็นพัน” พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองที่ดันไปชวนคู่กรณีเข้าเพจ เดี๋ยวมันได้รู้กันพอดี ว่าส่วนหนึ่งที่สาวๆ มาไลค์น่ะเป็นเพราะ “บก.ขอคุย” ที่ท่านบก.(แต่ในนาม)สุดที่รัก บรรจงพิมพ์เมาท์มอยถึงนักเขียนและตากล้องประจำกอง ว่าแอบมีโมเมนต์น่ารักกุ๊กกิ๊กยังไงบ้าง ทำเอาสาววายตั้งแต่รุ่นเล็กยันอาม่าตามติดยิ่งกว่าคอลัมน์ประจำของนิตยสารเสียอีก แต่ก็เอาเถอะ มียอดไลค์ไปนำเสนอลูกค้า โฆษณาจะได้ขายได้ง่ายๆ นี่เป็นการเสียสละเพื่อบริษัทอย่างใหญ่หลวงเลยนะไอ้สิปป์เอ๊ย
“แล้วนี่งานที่จะคุยจบแล้วเหรอ” เจ้าของมือเรียวที่กำลังเติมข้าวเป็นจานที่สองร้องถาม รู้สึกหมั่นไส้ไอ้ตากล้องขี้เก็กตะหงิดๆ เล่นไปสิไอโฟนกูน่ะ เล่นเข้าไป ทำไมไม่ซื้อใช้เองละโว้ย!
“มึงไปเคลียร์ตารางมา ออกทริปสองวัน แล้วอย่าลืมนัดดาราล่ะ” ด้วยความที่เป็นหนังสือหัวเล็กๆ ลีบๆ พนักงานในออฟฟิศเลยมีน้อย คนหนึ่งรับหน้าที่หลายอย่าง อย่างเขาเองนอกจากเป็นนักเขียนประจำแล้วก็ต้องประสานงาน นัดคิวดารา ตามต้นฉบับนักเขียนฟรีแลนซ์ และอื่นๆ จิปาถะ จนบางทีก็อยากแยกร่างทำงานมันซะให้รู้แล้วรู้รอด
“อย่าลืมบอกแนนนี่ด้วยล่ะ ด้วยความหวังดีนะจ๊ะ สามีเป็นห่วง” เอ่อ...ขอบคุณสามีที่ช่วยเตือนถึงภรรยาของผม ถุย!! มันจะซับซ้อนไปมั้ย แต่ก็ต้องขอบคุณมันที่เตือนแหละนะ คราวที่แล้วไปเชียงใหม่สามวัน ลืมโทรบอกแฟนจ้า แฟนงอนไปเกือบอาทิตย์ มารู้เอาวันที่ 6 ว่าโดนงอน เห้อ...คนมันงานยุ่งจริงๆ นะให้ตายสิ
“อุบ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” อยู่ๆ ไอ้คนเล่นเกมก็ขำขนน้ำตาเล็ด ทำเอาไอ้สิปป์งงเป็นไก่ตาแตก
“อะไรวะแม่ง” ไอ้เมตที่หัวเราะจนตัวงอทำปากพะงาบๆ พลางชี้ที่หน้าจอมือถือ เจ้าของตัวจริงเลยคว้ามาดูเสียเองด้วยความสงสัย
Gayscale Magazine ไม่กี่วินาทีที่แล้วบก.ขอคุยมาแล้วจ้า.... วันนี้มามืดหน่อย แต่รับรองว่ามาพร้อมความฟินเต็มเปี่ยม ยังจำคุณนักเขียนกับตากล้องของเราได้มั้ยคะ ขอเท้าความหน่อยละกัน นักเขียน ส. กับ ตากล้อง ม. เค้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัยนู่นแน่ะ นับๆ นิ้วแล้วก็เกือบ 6 ปีแล้วล่ะค่ะ ด้วยพร้อมลิขิตทำให้ทั้งคนได้มาทำงานที่เดียวกัน ซึ่งก็คือนิตยสารเล่มนี้ คนนึงก็ผิวขาวตาโต อีกคนก็หล่อเข้มสไตล์เด็กแนว โฮะๆๆ ยิ่งเคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งทำงานด้วยกันง่าย เรียกว่าไปไหนไปกัน บางทีผู้ช่วยตากล้องจัดมุมยังไงก็ไม่โดนใจ คุณนักเขียนเค้าก็เดินเข้าไปช่วยจัด แบบนี้เรียกว่ารู้ใจกันก็คงไม่ผิดใช่มั้ยคะ >.< บก.แลเห็นรัศมีสีม่วงที่แวววาวเบาๆ เลยชอบแซวมัน เอ๊ย..เค้าสองคนบ่อยๆ อิตากล้องก็ช่างรับมุข ชอบแทนตัวเองว่าสามีอยู่เรื่อย อย่างล่าสุด บก.โทรไปหาคุณนักเขียน ปรากฏว่าคุณตากล้องเป็นคนรับค่า พร้อมมุขเซอร์วิสสาววายอย่างเราแบบเบาะๆ แต่ขอบอกว่าฟินกระจายยย ก็แบบ “อยู่บน อยู่ล่าง” อะไรแบบเนี้ย เป็นใครใครก็จิ้นถูกมั้ยคะ เอาล่ะค่ะ บก.ขอคุยเพียงเท่านี้ก่อน ก่อนจากกัน วันนี้เอาคอลัมน์ดีๆ อย่าง GAYCUMENTARY มาฝากกันด้วย รับรองอ่านสนุกค่ะ ก็ฝีมือคุณนักเขียนตาโตนี่คะ รับประกันความมันส์แน่นอน!! กดที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยจ้า
“พี่เอ้เล่นกูอีกแล้วววว” คุณนักเขียนร้องครางอย่างอ่อนใจ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หมดกัน ชีวิตหนุ่มหล่อ
ทำนิตยสารเกย์ ก็ใช่ว่ากูจะเป็นเกย์นะโว้ยยยย!!.
TBC.
//ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่มาให้กำลังใจนิตยสารหัวใหม่นะคะ จะพยายามอัพอย่างต่อเนื่องค่ะ ^^
กราบบบบบ