ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
(OS) Red fox
ชริณ x หมาจิ้งจอก
ปล. ชื่อเพราะ ๆ ไม่ได้หาเองนะคะ เอามาจากคุณ @NITAAJI_ พาเอามาดัดแปลงนิดหน่อย ขอบคุณจ้า
เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ชริณหวาดระแวงการออกจากบ้านเป็นที่สุด.... เหมือนมีบางอย่างกำลังรออยู่ข้างนอก คอยจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา... ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่มีทางออกจากบ้านเด็ดขาด แต่ตอนนี้...วินาทีนี้...เขาจะต้องเสี่ยง เพราะกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!
“เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดไปทำงานเต็มตัวพูดกับตัวเอง พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยอาการกระสับกระส่าย อยากออกไปทำงานแทบตาย แต่ตอนนี้เขาออกไปไม่ได้
เพราะมีเจ้าจิ้งจอกแดงคอยเฝ้ามองหน้าประตูบ้านเขาอยู่!
จริง ๆ มนุษย์ไม่ควรกลัวจิ้งจอกหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ ต้องเป็นเจ้าพวกสัตว์มากกว่าที่ต้องหวาดกลัวมนุษย์ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงตามมาตรฐานชายไทย มั่นใจในระดับหนึ่งว่าตัวเองไม่ค่อยกลัวอะไร ไม่ว่าจะเป็นงู ตุ๊กแกหรือสัตว์แปลก ๆ พวกอสรพิษ ที่คนส่วนใหญ่ต่างหวาดกลัวกัน เขาก็ไม่กลัว ใจกล้าสุดในกลุ่มเพื่อนแล้ว แต่สุดท้ายชรินก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าจิ้งจอกแดงต่างถิ่นอย่างง่ายดาย
ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกแดงเป็นเช่นนี้ทุกตัวหรือเปล่า…
ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเขาได้ย้ายงานประจำมาอยู่สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เขาก็เช่าเป็นบ้านพักแทนที่จะอยู่ในหอพักแออัดเหมือนคนอื่น ๆ เพราะความชอบส่วนตัว แม้ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นถือว่าสูงเมื่อเทียบกับของไทยและยิ่งอยู่โตเกียว แต่สำหรับเขาก็ยังอยู่ในระดับที่พึงพอใจ
โชคดีที่ชริณได้บ้านพักราคาถูก แต่แลกมากับบ้านที่ถูกปลูกห่างไกลจากครัวเรือนหลังอื่นนิดหน่อย เพราะเจ้าของเดิมชอบอยู่แบบสันโดษ และอยู่เกือบชานเมือง หากจะเข้าไปบริษัทเขาต้องจัดสรรเวลาดี ๆ แค่บ้านนี้ไม่มีผีเขาก็โอเค
วันแรกที่ย้ายของเข้าบ้าน เขาโคตรรู้สึกดี เรียกได้ว่าชีวิตเหมือนฝันที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ชริณคลุกคลีกับประเทศญี่ปุ่นจนอยากมาลองใช้ชีวิตที่นี่ผ่านหนังสือการ์ตูนมังงะทั้งหลายแหล่ รวมถึงหนังผู้ใหญ่ด้วย มันเป็นความฝันที่เขาเคยวาดฝันไว้ครั้นในวัยเด็ก พอโตขึ้นมาอายุเลยสามสิบมานิดหน่อย เขาก็สามารถทำความฝันให้กลายเป็นจริงได้
ขณะที่กำลังยกข้าวของย้ายเข้าที่พักอาศัยซึ่งไม่มีอะไรเลย นอกจากเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว เครื่องอำนวยความสะดวกและเอกสารเกี่ยวกับงานนิดหน่อย หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวเล็กค่อย ๆ เดินออกมาจากโพรงป่าหลังบ้านเขาด้วยท่าทีหวาดกลัว
เพียงวูบเดียวเขาก็เกิดความสงสารเจ้าจิ้งจอกน้อยนี้จับใจ มันดูผอมกระจ้อยร่อยเหมือนไม่ได้มีอะไรลงท้องมานาน พวงหางก็ดูไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น หูของมันลู่ไปข้างหลัง พยายามเข้าใกล้เขาอย่างหวั่น ๆ นั่นชริณรู้ได้ทันทีว่าที่เจ้าตัวนี้พยายามเข้าใกล้เขาทั้ง ๆ ที่กลัวจับใจ คืออยากมาขออาหารเขากิน
ด้วยนิสัยของคนไทยชอบเห็นใจ ขี้สงสารสัตว์โลกเป็นที่สุด เขาไม่รอช้ารีบวางข้าวของแล้วเข้าไปหาอาหารที่สุนัขจิ้งจอกพอจะกินได้ให้มันกิน ประทังความหิวโหย เพียงเท่านั้น....ชีวิตอันแสนสงบสุขของชริณก็เปลี่ยนไปตลอดกาล....
ชริณค่อย ๆ แง้มเปิดประตูออกอย่างช้า ๆ ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจะต้องมาคอยหลบเลี่ยงสุนัขจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวเล็กดูไร้พิษสงแต่แสบยิ่งกว่ามดคันไฟ เมื่อเห็นข้างหน้าบ้านโล่ง ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าจิ้งจอกน้อย เขาก็ไม่รอช้า รีบคว้ากระเป๋าทำงานเตรียมเผ่นทันที
แอ๊! แอ๊!
ไม่ทันจะได้ปิดประตูบ้านให้สนิทดี เจ้าจิ้งจอกตัวแสบที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้ รีบวิ่งมาตะครุบขาเขาแล้วงับขากางเกงสแลคของเขาไว้แน่น พร้อมกับล้มตัวอย่างรู้งาน ชริณมองเจ้าสัตว์ป่าด้วยความตกใจ ดูเหมือนมันรู้เวลาที่เขาต้องออกไปทำงานเวลานี้ ถึงได้แอบสุ่มโจมตีจากพุ่มไม้และทุกอย่างก็เข้าทางเจ้าจิ้งจอกแดงหมด เพราะชริณหลงเชื่อว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้
มันส่งเสียงร้องเสียงดัง ความโกลาหลระหว่างมนุษย์และสัตว์เกิดขึ้นทันที เมื่อชริณพยายามดึงตัวเจ้าจิ้งจอกออกให้พ้นขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็พยายามเกาะแข้งเกาะขาเขาแน่นยิ่งกว่าตัวตุ๊กแก
“ปล่อยสิโว้ยย ไอ้จิ้งจอกบ้า!”
แอ๊! แอ๊!
มันส่งเสียตอบรับอย่างรู้งาน พร้อมกับใช้ลำตัวพันแข้งพันขาชริณยิ่งกว่าเดิม นั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิดหนักจะงัดเจ้าตัวนี้ออกจากตัวเขาได้ยังไง ไม่รู้ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ชริณตัดสินใจเข้าไปเอาอาหารในบ้านมาให้มันกิน เจ้าจิ้งจอกแดงก็คอยมาหาเขาเช้า เย็น ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่คิดอะไร ยังคงคิดว่ามันมาขออาหารกินอยู่ จึงได้ให้ไปซ้ำสอง แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์
“ฉันกำลังจะไปทำงานสายนะ” เพราะยิ่งแงะร่างเจ้าจิ้งจอกน้อยมากเท่าไร มันก็ยิ่งเกาะแน่น เขาจึงตัดสินใจปล่อย แล้วคุยกับมันดี ๆ เผื่อมันจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง
มันจ้องเขาตาแป๋ว ลุกขึ้นนั่งอย่างสงบเสงี่ยม เมื่อเขาไม่พยายามงัดร่างมันออกให้พ้นตัว พวงหางสวยแกว่งไสวไปมา เหมือนหมาบ้านที่กำลังให้รอเจ้าของเล่นด้วย แต่มันคงจะลืมไปว่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าและเขาไม่ใช่เจ้าของมัน!
“เอางี้ไหม หลังเลิกงานฉันจะซื้อของอร่อย ๆ มาให้กิน” ชริณยื่นข้อเสนอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนใจดีแต่ในความเป็นจริง ตอนนี้แทบฆ่าเจ้าจิ้งจอกแดงตรงหน้าได้ด้วยซ้ำ
“.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงคออย่างฉงน มันไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบเหมือนอย่างทุกที แต่ล้มตัวนอนหงายท้องแล้วพยายามใช้เท้าหน้าสะกิดเขาให้เล่นพุงมัน
แต่ชริณกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!
เขาไม่มีเวลาและอารมณ์จะมาพูดเสียงที่สองกับสัตว์โลกที่น่ารักอีกต่อไป ชริณลูบหัวมันเบา ๆ ให้เคลิ้มได้ที่แล้วเริ่มออกตัววิ่งสุดแรงเกิด ทิ้งให้มันนอนหงายพุงทำหน้างงอยู่อย่างนั้น
“นี่ไปออกกำลังกายถึงค่อยมาทำงานเหรอวะ” เมื่อมาถึงบริษัทใหญ่ เพื่อนร่วมงานและร่วมสัญชาติอย่างไอ้เมฆก็เอ่ยทักทันที หลังเห็นชริณมาทำงานในสภาพเหงื่อซกอีกแล้ว
“เออ ช่วงนี้กูฟิตหุ่น”
“เย—เข้ พี่เขาฟิตหุ่น”
“ทำไมกูจะออกกำลังกาย ฟิตหุ่นแบบผู้ชายเขาทำกันไม่ได้หรือไง” ชริณย้อนถาม
“....ยังชอบซากุระอยู่เหรอวะ”
“.....”
“เขามีแฟนแล้วนะมึง” บรรยากาศของบทสนทนาเปลี่ยนไป เมื่อเมฆพูดถึงซาโต้ ซากุระ เพื่อนร่วมงานคนสวยสัญชาติญี่ปุ่น แค่พูดถึงเธอยังไม่พอ ไอ้เมฆยังซ้ำเดิมเขา ตอกย้ำสถานะว่าซากุระมีแฟนแล้วอีก นั่นยิ่งไม่ต่างจากการเหยียบบาดแผลในใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วซ้ำเข้าไปอีก
“เดี๋ยวเขาก็เลิกกัน” ชริณพูดเพียงสั้น ๆ อย่างเท่ ๆ ให้เพื่อนตบมืออย่างชื่นชมในความเลว ไม่ว่ายังไงก็ช่าง เขาถือคติไว้อย่างหนึ่งว่า ขนาดแต่งงานกันยังหย่ากันได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่คบ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เลิกและเขานี่แหละจะเป็นมือที่สามเอง!
ถึงต่อหน้าเพื่อนจะปากเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องแอบมาซดเหล้าแถวบ้านด้วยความช้ำใจ ชริณนั่งเท้าคางพลางจิบสาเกประจำท้องถิ่นที่อิซากายะอย่างเหม่อลอย นึกตัดพ้อถึงความใจร้ายของซากุระในใจ รู้ว่าเขาชอบแค่ไหน ยังจะให้ความหวังอีก ใจร้ายกว่านี้ไม่มีใครเกินเธอแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งจิบ เขารินสาเกยกดื่มเป็นหนที่สอง ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองว่าสักวันหนึ่งสองคนนั้นจะเลิกกัน แต่ก็เหมือนรอรถไฟที่สนามบิน เหมือนจะมีโอกาสได้ครอบครองเธอ แต่มันก็เลือนลางและไม่รู้ความหวังนั้นจะเป็นจริงตอนไหน
หลังจากดื่มจนแทบคุมสติไม่อยู่แล้ว ชริณก็เดินออกจากร้านด้วยสภาพโซซัดโซเซ จวนจะล้มอยู่ร่อมรอ เขาพยามยามประครองสติ เดินสะเปะสะปะไปตามเส้นทางแสงไฟสีเหลืองนวลคอยส่องนำทางให้ จนในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านพักของตัวเองด้วยสภาพที่ปลอดภัย แต่สติไม่ค่อยมี
ก่อนจะเปิดประตูบ้าน ชริณก็เปิดกระเป๋าทำงานตัวเอง หยิบถุงขนมสุนัขออกมา เมื่อนึกได้ว่าตนเองได้ให้คำสัญญากับเจ้าจิ้งจอกน้อยเอาไว้ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ซื้อมา แต่ไหน ๆ ก็เดินผ่านร้านสะดวกซื้อมาแล้วก็อดแวะไม่ได้ เผื่อของกินจะช่วยให้เจ้าจิ้งจอกแดงเลิกยุ่งกับเขาสักระยะ
เขาหันมองซ้ายขวา มองหาเจ้าตัวดีที่ชอบมาวอแวตอนไปทำงาน แต่กลับไร้เงาของมัน ด้วยความที่อยากจะนอนเต็มที เพียงเท่านั้นชริณก็โยนซองนั้นไว้หน้าบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แกะห่อขนม ถ้าเจ้าจิ้งจอกฉลาดนัก เดี๋ยวมันก็คงหาวิธีเจ้าซองขนมนี้ได้เอง ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นก่อนจะประคับประครองร่างกายตัวเองเดินเข้าบ้านพัก
เมื่อมาเข้ามาด้านในชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อสองสามเม็ด ถอดถุงเท้าโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ตอนนี้เขาอยากจะนอนเป็นที่สุดแล้ว เปลือกตาก็ใกล้ปิดแล้ว เขาโหยหาโซฟานุ่ม ๆ เป็นที่สุด
หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่ในสภาพนอนสบายได้แล้ว ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบกระโดดขึ้นโซฟา คว้าหมอนนอนได้ที่ทันที ในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับในเวลาไม่ถึงสามนาที ทิ้งให้จิ้งจอกตัวน้อยที่แอบเข้ามาผ่านหน้าต่าง จ้องมองตาแป๊วอยู่มุมห้องท่ามกลางความมืด....
ชา-ริน ซัง หลับไปแล้ว?
นั่นคือสิ่งที่จิ้งจอกตัวน้อยสงสัย มันเอียงคอมองจากมุมห้องด้วยความฉงน อยากเดินเข้ามาสำรวจแทบตาย แต่ก็กลัวเจ้าของบ้านไล่ตะเพิด ขนาดเมื่อเช้ายังวิ่งหนีมันเลย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ ดูเหมือนโชคชะตารู้เห็นเป็นใจให้ชาริน ซังลืมปิดหน้าต่างบ้าน ทำให้จิ้งจอกแดงอาศัยความตัวเล็กลอดเข้ามาผ่านช่องแคบ ๆ ได้
เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจ้าจิ้งจอกจึงกล้าเสี่ยง มันค่อย ๆ เดินย่างเท้าออกมาจากความมืด มันใช้จมูกของตัวเองสูดดม ฟุดฟิดกลิ่นกายของชาริน ซังผ่านมือหนาที่ตกจากโซฟาลงมาอย่างระแวดระวัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตามแบบฉบับจิ้งจอก จ้องมองใบหน้าหล่อโดยที่มีแสงจันทร์กระทบลงมาผ่านหน้าต่างบ้าน ทำให้มองเห็นสัดส่วนใบหน้าของอีกคนได้อย่างชัดเจน
เพียงเท่านั้นหัวใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เกิดอาการเต้นแรงอีกครั้ง....
การที่สัตว์ตกหลุมรักมนุษย์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และไม่ควรอย่างยิ่ง แต่จิ้งจอกน้อยเชื่อว่าตัวเองสามารถทำได้...มันลองส่งเสียงแอ๊ ๆ ตามแบบฉบับของเจ้าจิ้งจอกอีกครั้ง มันครางดังในลำคอ จ้องหน้าชาริน ซังไม่กะพริบเผื่ออีกคนจะตื่นขึ้นมา แต่ก็มีแค่ความเงียบตอบกลับมา
เพียงเท่านั้นมันก็รับรู้ได้ทันทีว่าสวรรค์ได้ให้โอกาสแล้ว ไม่รู้โอกาสแบบนี้จะมีอีกกี่ครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันก็ไม่รอช้า ต้องรีบจัดการตัวเองให้เสร็จภายในราตรีนี้ อีกทั้งถือเป็นการขอบคุณชาริน ซังที่คอยให้อาหารและความช่วยเหลือมาตลอด
จิ้งจอกน้อยกระโดดขึ้นไปบนโซฟานุ่ม เตียงเดียวกับชาริน ซังมันขึ้นไปนั่งบนอกของมนุษย์หนุ่มอย่างไม่กลัวตาย ก่อนร่างของจิ้งจอกแดงตัวจ้อยจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ จากขนสีน้ำตาลแดงยาวสลวยก็ค่อย ๆ สั้นขึ้น จมูกและปากยาวยืดก็ค่อย ๆ ลดลง ลำตัวขยายใหญ่ขึ้น
...จนในที่สุดก็อยู่ในร่างมนุษย์หมาจิ้งจอกโดยที่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายและกำลังนั่งทับตักแกร่งพนักงานออฟฟิศ
ตำนานที่เล่าขาน แต่ไม่เคยมีหลักฐานมารองรับ เพราะไม่เคยจับตัวมนุษย์หมาจิ้งจอกได้เป็น ๆ เสียที สุดท้ายก็กลายเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก แต่ใครจะรู้เล่าว่ามนุษย์หมาจิ้งจอกมีอยู่จริงและเหลือแค่เขาเพียงตัวเดียว...
ดูเหมือนสวรรค์ได้มอบภารกิจใหญ่หลวงให้กับเขา หากสิ้นชีวิตนี้ไป เชื้อสายของมนุษย์หมาป่าก็สูญสิ้นจากโลกนี้เช่นกัน เพราะเหลือเพียงตัวเดียวที่มีเชื้ออยู่ ทำให้ธรรมชาติได้สร้างสองเพศไว้ในตัวเดียวกัน ทางเดียวที่เผ่าพันธุ์จะอยู่รอดคือเขาต้องท้อง
เมื่อคืนร่างเป็นมนุษย์จิ้งจอก สะโพกอิ่มก็เริ่มเสียดสีขยับเป็นจังหวะ ไม่สนใจว่ามนุษย์ใต้ร่างต้องการคำขอบคุณนั้นไหม เสียงหวานเริ่มครางฮึมฮัมในลำคอ เขามีเวลาไม่มากนัก ต้องทำจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง
“ค—ใคร” ชริณถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาหนักอึ้งไปหมดแทบไม่อยากจะลืมตาด้วยซ้ำ แต่ก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังนั่งทับตนเองและเสียงเสียดสีของผ้า ดังเป็นระยะ ๆ
“น้องเอง” คนที่แทนตัวว่าน้องเอ่ยตอบ ขณะที่ช่วงล่างก็ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ปลุกเร้าอารมณ์ทั้งคนใต้ร่างและของตัวเอง
“อะ...อา น้องไหน ลูกคนเดียว”
“น้องนี่ไง....นอนนะ น้องจะจัดการเอง” คนตัวเล็กพูด ก่อนจะประกบจูบแผ่วเบา หมายให้มนุษย์ใต้ร่างเคลิ้มหลับ ตลอดทั้งคืนนี้น้องจะตอบแทนให้พี่เอง
เมื่อการเสียดสีช่วงนั้นได้ที่แล้ว จนภายใต้กางเกงของชาริน ซังมันคับพองเหมือนถูกสูบลมเอาไว้ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวหมายจะปลดเปลื้องกางเกงให้ แต่ต้องเจอปัญหาโลกแตกของสัตว์ เมื่อเปิดเข็มขัดไม่เป็น! น้องจ้องเข็มขัดด้วยความฉงนใจ ลองเอานิ้วถู ๆ ดูมันก็ไม่ออก พยายามกระชากก็ไม่ออก สุดท้ายก็ได้นั่งมองอย่างจนปัญญา
“พี่..พี่จ๋า ช่วยน้องด้วย น้องเปิดไม่ออก” มนุษย์หมาจิ้งจอกพูดแผ่ว ลองเสี่ยงปลุกชาริน ซังดู เรื่องสืบพันธุ์มันสำคัญต่อเผ่าพันธุ์ของเรา หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือตื่นมาพร้อมกับสติที่หายไป มนุษย์จิ้งจอกผู้นี้ก็ต้องวิ่งหายเข้าไปในป่าลึกและก้มหน้ารับชะตากรรมว่าต้องสูญพันธุ์
“เปิดอะไรวะเนี่ย” ชรินพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญทั้ง ๆ ที่ไม่ลืมตา สติก็พร่าเลือนเต็มทีแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อย่างว่า ภาพในหัวคือซาโต้ ซากุระแจ่มชัด
“เปิดตรงนี้....” ว่าจบเจ้าจิ้งจอกน้อยก็จับที่หัวเข็มขัดมน “เปิดให้น้อง น้องจะทำให้พี่สบายตัว” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ มองคนที่เริ่มคิ้วขมวดเพราะความไม่สบายตัวอย่างลุ้น ๆ
เมื่อได้ยินว่าต้องการอะไร ชรินก็ปลดเข็มขัดให้อย่างไม่เฉลียวใจว่าตนเองกำลังพูดกับใคร เพราะเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง…
ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับยิ้มอย่างดีอกดีใจ เมื่ออุปสรรคเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว น้องไม่รอช้ารีบปีนป่ายขึ้นไปทับตักแกร่งตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ปัญหาหนที่สองจะตามติด ๆ
“เข้ารูไหนวะเนี่ย” น้องพูดกับตัวเอง เพราะธรรมชาติคัดสรรและสร้างให้มีสองเพศในตัวเดียวกัน ทำให้เกิดความสับสนว่าควรเข้าตรงไหนดี แม้จะทำตามสัญชาตญาณ แต่มันก็ไม่ได้บอกละเอียดนัดและนี่ก็คือครั้งแรกที่ได้ทำภารกิจ รู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการเหลือเกิน
สุดท้ายก็ต้องทำการสุ่มทางเข้า มนุษย์หมาจิ้งจอกตัวน้อยหลับตาปี๋ ค่อย ๆ จับส่วนร้อนผ่าวของอีกฝ่ายสอดเข้ามาในร่างตน กลีบปากบางถึงกับเม้มแน่นเพราะความเจ็บแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเพราะความกระสันอย่ากมากมาย จึงพยายามทำให้มันเข้ามาจนสุดความยาว
“อือ....” น้องครางฮือในลำคอ เมื่อเริ่มขยับสะโพกอิ่มตามสัญชาตญาณ ความต้องการหมุนเกลียวเหมือนเป็นลูกพายุกำเนิดอยูในร่าง จากจังหวะที่เชื่องช้าก็กลายเป็นเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณความต้องการ ประกอบกับเสียงคำสั่งคนใต้ร่างที่จับใจความได้ว่าให้ทำเร็วกว่านี้
“พี่จ๋า น้อง....น้อง” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นขณะที่กำลังบอกความรู้สึกตนเองในตอนนี้ให้มนุษย์ใต้ร่างได้รับรู้ ฝ่ามือร้อนของมนุษย์หนุ่มเอื้อมมาจับบั้นท้ายนุ่มนิ่มที่ขยับช้าเกินไป จนเป็นฝ่ายควบคุมเสียเอง ภาพของซากุระยิ่งชัดเจน หลังความต้องการเริ่มใกล้มาถึงฝั่งฝันอยู่ในไม่ช้า ก่อนที่บางอย่างจะฉีดพุ่งเข้าไปในร่างของคนในฝัน พร้อม ๆ กับมนุษย์จิ้งจอกที่ซบลงอกแกร่งอย่างหมดแรง
“ดี...ดีที่สุด” ชรินละเมอพูด ก่อนจะโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของซากุระ หญิงสาวที่ได้ครอบครองแค่ในความฝันเอาไว้แน่น
_______________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
ไร้สาระมากอะ 555555
ชอบก็อย่าลืมเมนต์เด้อ เผื่อคนให้ความสนใจเยอะจะได้ทำเป็นเรื่องยาว