CHAPTER 8 : “ยอดชายนายพระเอก”
ผมลืมตา...เพราะได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ของเฮียนุ้ก ตัวมันยังนอนอยู่บนเตียงเพียงแต่คว้ามือถือมาพูดเสียงกระซิบคงเกรงใจผมจะตื่น
“ขอโทษทีค่าาา พี่ก็รีบโทรกลับหาออยล์แล้วไงครับ โอเคๆๆ ไปง้อกันที่โรงเรียนน้าา ยังเช้ามืดอยู่เลย” พูดจบก็กดวางสาย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมหลับตาลงปิดสนิท เฮียนุ้กไม่รู้ว่าผมตื่นและนอนหันหลังฟังอยู่
เสียงที่นอนสวบสาบเพราะคนข้างเคียงลุกออกไป หายไปในห้องน้ำสักพักก็กลับมา แต่หนนี้ย้ายมานั่งบนเตียงฝั่งที่ผมหันหน้ามา ผมยังแกล้งไม่ตื่น รู้สึกได้ว่ามีนิ้วมือไล่เกลี่ยไรผมที่ปิดหน้าผากออก นิ้วโป้งไล้ลูบมาตามแก้มจนหยุดตรงมุมปากมีรอยแผลช้ำจากเหตุการณ์เมื่อคืน เสียงก้มตัวลงมา ลมหายใจอุ่นร้อนรดอยู่บนหน้าใกล้เต็มที คราวนี้ผมใจเต้นรัวลืมตาขึ้นกะทันหัน เห็นหน้าเพิ่งตื่นของเจ้าตี๋อยู่ใกล้มากกว่าทุกครั้ง ใกล้จนเห็นหน้าผมในแววตา ใกล้เห็นผิวอาบแดดแดงละเอียดลออบนใบหน้า
“ทะ....ทำอะไร?” ผมเสียงสั่น
“ตื่นแล้ว ไปใส่บาตรกัน” หืมมมม...เช้านี้มาแปลก
“อะ...อะไรนะ?” ผมคิดว่ามันละเมอ
“ปากเหม็น! ไปแปรงฟันแล้วไปใส่บาตรกัน เร็วดิ เดี๋ยวสาย” ไม่พูดเปล่า มันดึงผ้านวมออกแล้วรั้งต้นแขนผมลุกขึ้นนั่ง เปลี่ยนมาดึงข้อมือจูงไปถึงอ่างล้างหน้า
“คราวนี้มีแผลมุมปากเหมือนกันเลย” ผมกำลังอมแปรงสีฟัน โดยมีไอ้คนที่แปรงเสร็จแล้ว เอาคางเกยไหล่ผม มองเงาเราสองคนในกระจกบานใหญ่ คนนึงแผลอยู่มุมปากซ้ายเพราะโดนต่อย อีกคนแผลมุมปากขวาเพราะโดนตบ เอาเป็นว่าดูเหมือนนักเลงหัวไม้ทั้งคู่
“เท่นักหรือไงล่ะ” ผมพูดหลังจากบ้วนปากเสร็จเรียบร้อย
“ไปเหอะ เดี๋ยวค่อยกลับมาอาบน้ำไปโรงเรียนกัน” แล้วเราสองคนก็ออกไปจากบ้านทั้งชุดนอนนั่นแหล่ะครับ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มขาสามส่วนเหมือนกันทั้งสองคน ยังกับชุดคู่รักแหนะ
ท่าทางเวลาเฮียนุ้กเอาอาหารใส่บาตร แม้แต่หลวงพี่ที่มารับบิณฑบาตรยังต้องอมยิ้ม มันดูเป็นคนละคนกับเวลาปกติ ถอดรองเท้าพนมมือแต้นั่งยองลงกับพื้นเรียบร้อย ผิดกับตี๋โหดที่ผมเห็นจนชินชา อยู่กันมานานไม่เคยเห็นมุมนี้ของเฮียเค้าเลยนะเนี่ย
“ตอนใส่บาตร มึงจ้องอะไรกูนักหนาห๊ะ?” อ้าวว...เห็นด้วยหรา
“มาใส่บาตรบ่อยเหรอ?” ผมถามกลับ เรากำลังเอ้อระเหยเดินตลาด หาซื้อของกินเล่น เพิ่งจะหกโมงครึ่ง นานๆ ทีจะมีโมเม้นท์มหัศจรรย์แบบนี้ เพราะผมชอบ...ตื่นสาย
“ก็ทุกครั้งที่มีโอกาส” เฮียนุ้กตอบ เดินเคี้ยวหมูปิ้ง อีกมือถือห่อข้าวเหนียว ขัดกับลุคเท่มันมาก แม่ค้ามองตาเชื่อมกันทั้งตลาด
“ไม่ต้องชวนมาบ่อยนะ ขี้เกียจตื่นเช้า” ผมแกล้งบ่น หันไปเห็นคุณชายเค้าปากเลอะละครับ
“ไอ้นี่หนิ อย่างี้เค้าเรียกบอกบุญไม่รับรู้ป่าว ไม่ชอบมาเหรอ ทำแล้วสบายใจดีนะ”
“คนใส่เยอะแยะ พระก็ของเหลือบานเบิกอ่ะดิ” ผมยังเถียงอีก
“ฮ่าๆ ไอ้คนนี้หนิ กูเคยถามหลวงพี่แล้วว่า ถ้าของที่ใส่บาตรเหลือเอาไปทำอะไร ท่านบอกว่าขนไปให้บ้านสังคมสงเคราะห์ แต่เวลาเราตั้งใจให้อะไรใครไปแล้ว ไม่ไปคิดว่าเค้าจะเอาไปทำอะไรต่อ ก็จะสบายใจเราเองไม่ใช่หรือไง” เฮียนุ้กคนนี้ผมไม่รู้จัก! คนที่เดินเคี้ยวหมูปิ้งปากเลอะ แล้วอธิบายธรรมะ
“ปากเลอะแหนะ” ผมชี้บอก
“เช็ดให้หน่อย” พลางยกมือให้ดูว่าไม่ว่าง ถือไม้เสียบหมู กับห่อข้าวเหนียวอยู่ เลยต้องจำใจเอามือเช็ดคราบเลอะที่มุมปากให้จนสะอาด รู้ตัวอีกทีคนถูกเช็ดยิ้มเผล่ แถมคนรอบข้างยังมองอมยิ้มมาอีกต่างหาก
“กลับเหอะ” ผมเริ่มหน้าแดง อายสิครับ ทำยังกับเป็นแฟนกันอยู่กลางตลาด ความเคยชินโดยแท้
..............................
ณ โรงเรียน
“ออยล์ฝากพี่นิวดูแลพี่นุ้กนะคะ ทำไมปากไปแตกมาอีกคนแล้วล่ะ?!!” เสียงหวานกระเหง้ากระหงอดใส่ผม ทันทีที่จอดรถได้ น้องออยล์ก็ตรงเข้ามาทันทีเหมือนรออยู่
“แหน้...ออยล์ เรื่องส่วนตัวพี่นิวเค้า อย่าเสียมารยาทสิคะ ไปเร็ว...พี่ไปส่งที่ห้องเรียน” เฮียนุ้กคว้าแขนน้องออยล์ไป ผมหรี่ตามองตาม ขยับจมูกฟุดฟิด วันนี้ภาพตรงหน้าค่อนข้างขัดใจยังไงชอบกล
................................
“ปากไปโดนอะไรมาไอ้นิว?” นี่ก็อีกคน สาระแนจัง คนยิ่งหงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้อยู่
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ผมบอกบีที่ยังจับผมพลิกหน้าพินิจพิจารณา
“โอ๊ยยยย ต้องเล่าเลย สงสัยอกจะแตกแล้ว ตั้งแต่ตอนเข้าแถว” สกิลเสือกเกินสิบคะแนน
“พ่อตบ” ผมบอกมันเสียงห้วนสั้น ขี้เกียจขยายความให้วุ่นวาย
“ว้ายย เรื่องไรอ่ะ?” ยังไม่จบ
“พี่ระ” บีเป็นอีกคนที่พอรู้เรื่องความโหดของคุณนเรนทร์
“อีโจ๊ะสินะ” มันเดาเรื่องได้รวดเร็วเสมอ ถึงเป็นเพื่อนรักกันได้ แค่มองตาก็รู้แล้วว่าต้องพูดอะไร
“อืม” ผมยังหงุดหงิดไม่หาย
“หน้าหล่อๆ ผัวกู เกือบหมดหล่อแหน่ะ” เห้อออ...อีประสาท
ผมนั่งเงียบไม่คุยกับใครมาหลายชั่วโมง วันนี้ในจิตใจมันแปลกประหลาด ไม่อยากพูดคุยกับใครเลยครับ กับบีก็พูดคำตอบคำ มันคงคิดว่าผมหงุดหงิดเรื่องพ่อ แต่ผมแน่ใจตัวเองว่าไม่ใช่ แค่ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไรกันแน่ ใจพาลคิดแต่จะเห็นเฮียนุ้กจูงออยล์เมื่อเช้าตลอดเวลา จนกระทั่งคาบเรียนสุดท้าย...
“นาวี....นาวี....นายนาวี คุณหัวหน้าห้องคะ!!”
“ไอ้นิวอาจารย์เรียกค่ะ” บีโบกสมุดใส่หัวผมที่ก้มหน้ามองหนังสือ แต่ใจเหม่อลอยไปไหนไม่รู้
“คะ...คร้าบบบบบบ” ผมขานตอบไป
“นั่งเหม่อนะเราน่ะ เดี๋ยวจัดกลุ่มเพื่อนที่จะช่วยงานละครเวทีครูไปสักสิบคน แล้วเย็นนี้ไปประชุมด้วยกันที่ห้องพักครูนะคะ” อาจารย์ดวงกมลสั่งผม
“คะ....คร้าบบบบบ” ผมขานตอบไปงงๆ
“แล้วเพื่อนอย่าเกี่ยงกันให้หัวหน้าห้องลำบากใจนะจ๊ะ งานนี้งานใหญ่ของโรงเรียน ถ้าผ่านไปด้วยดีครูจะให้คะแนนพิเศษในวิชาของครูเอง” อาจารย์ยิ้มใจดี แต่ผมรู้ว่าที่เห็นยิ้มๆ แบบนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิดชัวร์ เหนื่อยแน่งานนี้.....
.................................
เย็นนั้นผมไลน์บอกพี่นายว่าไม่กลับด้วย ต้องคุยกับอาจารย์ต่อ เดี๋ยวคงให้แม่บีไปส่ง แต่ไม่ได้บอกอีกคนเพราะคิดว่าสถานการณ์ปกติแล้วมันคงแยกตัวไปจู๋จี๋กับน้องออยล์ แล้วปิดเสียงมือถือเพื่อเข้าประชุมกับอาจารย์ เรียกเพื่อนจนครบทีมก็พากันเดินไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมที่ห้องพักครู....
งานของพวกผมที่อาจารย์ไหว้วานหรือเรียกว่าบังคับนั่นแหล่ะ ก็คือ...โรงเรียนนี้จะต้องมีการจัดแสดงละครเวทีทุกปี เพื่อเปิดขายบัตรให้คนนอกเข้ามาชม เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าเมืองไทยรัชดาลัยกรุงเทพหรอกนะครับ แต่เป็นงานการกุศลที่เหล่าพ่อแม่ผู้มีอันจะกินในจังหวัด มีโอกาสผลักดันลูกตัวเองขึ้นแสดงความสามารถ ประชันกันเต็มสตรีม ยังต้องไปขอแรงเด็กเล็กระดับประถมมาร่วมแสดงด้วย ค่าบัตรหลังหักค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่ว่าปีนั้นโรงเรียนจะนำไปช่วยเหลือเรื่องใด ซึ่งปีนี้มอบให้บ้านจิตปัญญาผู้ประสบปัญหาทางจิตในตัวจังหวัดนี่เอง...
“เป็นหน้าที่ของม.4 นะคะที่ต้องเป็นหลักในการช่วยครู รุ่นพี่เค้าทำกันมาแล้วทั้งนั้น” อาจารย์ขยับแว่นตามองพวกเราที่นั่งรายรอบโต๊ะ
“ซึ่งปีนี้เรื่องที่พวกเราจะทำกันก็คือ....Little Mermaid” หา....!! เงือกน้อยผจญภัยเนี่ยนะ หลายคนหัวเราะคิกขึ้นมา
“อาจจะเห็นว่าเป็นการ์ตูนวัยใส แต่ครูต้องการให้น้องเล็กๆ ดึงพ่อแม่มาดู และเพื่อให้ดูมีสาระสักหน่อย ขอทำเป็นแบบละครเพลง” หว่าวววว...เดอะมิวสิคัล ซะด้วยยย
“นักแสดงในเรื่องต้องมีความสามารถพิเศษคือทั้งร้องและเต้นได้ นางเอกครูเล็งไว้แล้วคือ...สโรชา” อาจารย์เพ่งลอดแว่นไปที่บี โดนล่ะ...อีเงือก!
“ไม่เอาค่ะ” บีบอกทันควัน ส่ายหัวจนหางม้าที่ผูกไว้สะบัดไปมา
“งั้นวิชาครูก็ลำบากหน่อยค่ะ” อาจารย์ขู่ไปงั้น เอาเรื่องนี้มาปนเรื่องเรียนไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ” อีนี่ก็เล่นตัวไปงั้นเช่นกัน มันชอบจะตาย ได้โชว์สกิลร้องเต้นเล่นดนตรี
“ดีค่ะ ส่วนตัวละครอื่น หลักๆ ก็.....” อาจารย์ก้มหน้าอ่านรายชื่อนักแสดงตามกระดาษจด โดยไม่สนใจว่ามีใครสมัครใจหรือทำหน้าตาอยากตายแค่ไหน สรุปคือบทนำทั้งหมดตกแก่เพื่อนผม...
ริญ เพื่อนเนิร์ดอ้วน ได้เป็นแม่มดปลาหมึกตัวร้ายครับ (หน้าซีดทีเดียว)
ไอ้อั๋น รับบท ปูเสฉวนเสนาบดีพูดมาก (กะพริบตาปริบๆ)
ไอ้วิน ตัวเล็กได้บทปลาลิ้นหมาเพื่อนนางเอก (หน้าเหมือนจะร้องไห้)
นอกนั้นอาจารย์จะให้พี่ม.5 บ้าง รุ่นน้องม. ต้นบ้างเล่นด้วย เพื่อนทุกคนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องหน้าผม เหมือนผมพาพวกมันมาตายตรงนี้ทีละคน
“ส่วนนี่คือรายชื่อ บทพระเอกที่เป็นเจ้าชาย เต้นไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ขอให้ร้องเพลงได้ก็พอ ให้นาวีจัดการนะคะ” ผมเหลือบมองรายชื่อในมือก็แทบกุมขมับ ในกระดาษแผ่นสยองขวัญนั้นมีชื่อไอ้สี่จตุรเทพอยู่ครบทุกคน
“เอาพี่ม.6 เหรอครับ เค้าจะสอบกันไม่ใช่เหรอครับอาจารย์” ผมแย้งไป
“ทราบค่ะ แต่ครูอยากให้เป็นม. 6 สักคน ยังไม่มีม.6 ช่วยเล่นเลย เธอต้องไปตื้อมาให้ได้นะคะ” ข้ออ้างทั้งนั้นครับ อาจารย์อยากได้พวกมันคนใดคนหนึ่งเพราะมันหล่อ! ละครจะดังได้โดยไม่ต้องโปรโมทมากมาย ผมกุมขมับ
“ส่วนนาวีไม่ต้องรับบทอะไรเลยนะคะ ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ เป็นผู้ช่วยครู ครูจะกำกับเอง เดี๋ยวครูให้ใส่ชื่อเป็นพอร์ตงานระดับจังหวัดเอาไปสมัครเรียนได้” อืม...เบ๊งี้สินะ
“แต่ถ้าไม่ได้พระเอกมา ครูหักคะแนนจิตพิสัยสิบคะแนนนะคะ และการสอบวิชาครูก็จะออกให้ยากมาก” นั่น....ถึงจะน้อยแต่ก็ขู่ได้ผล ทุกคนพุ่งเป้าหาผม อาจารย์ดวงกมลสอนคณิตและพ่วงหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมโรงเรียน เธอมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการคะแนน!
...................
การประชุมจบเกือบหกโมงเย็นครับ ทุกคนแยกย้ายออกจากห้อง ผมเดินมองแผ่นกระดาษรายชื่อบรรดาเจ้าชายอยู่ คิดหนักมากทีเดียว ในสี่คน มีสองคนที่ต้องตัดออกแน่นอน ไอ้นาวคือคนแรกที่ผมจะไม่ไปขอร้องอะไรมันเด็ดขาด ถึงมันจะร้องเพลงเพราะที่สุดในบรรดาสี่คนนี้ คนต่อไปที่ต้องตัดคือพี่ระ ไม่มีทางจะเจอหน้ากันอีกในเร็ววันนี้แน่ เหลือแค่สองคน “พี่นายกับเฮียนุ้ก” ไอ้เฮียโหดมันไม่เอาด้วยแน่ มันไม่ชอบการโชว์ตัวแบบไหนทั้งสิ้น ลุงวิทยาเล่าว่า มันเคยโดนแม่ตัวเองบังคับขึ้นเวทีเต้นตอนประถม งอนไม่พูดกับแม่ไปหลายวัน เหลือคนเดียวคือพี่ชายสุดที่รักของผมเอง...พี่นายง่ายที่สุดแล้ว
เดินคิดอะไรเพลินออกมาถึงหน้าห้องพักครูพร้อมเพื่อน ฟ้าเริ่มมืดสลัวแล้ว ผมเกือบสะดุดขาใครคนนึงที่นั่งอยู่ตรงระเบียงยื่นขาออกมาขวางไว้
“จะกลับยัง? รอนานละ” เฮียนุ้กถามเสียงห้วน จนเพื่อนรีบมองหน้าผม แล้วเดินหนีกันไปหมดแม้แต่บีก็ไม่รอ มานั่งรอตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย เลิกเรียนตั้งแต่สี่โมงเย็น
“ไม่ได้บอกให้รอหนิ” ผมบอกมันไป เสียงห้วนพอกัน พักนี้ตอนไม่เห็นหน้ามันผมหงุดหงิด แต่ยิ่งเห็นหน้าก็หงุดหงิดยิ่งกว่า คำถามเดิมคือ...ผมเป็นอะไร?
“จะกลับเย็นไม่โทรมาบอกวะ? กูโทรหามึงเป็นสิบรอบก็ไม่รับ!” มันยังต่อว่าผมอีก ผมควักมือถือมาดู เออ..จริงด้วย สายไม่ได้รับจากมันบานเบิก
“ใครใช้ให้เฮียมารอวะ เดี๋ยวกลับเอง” ผมว่ามันคืนมั่ง แล้วเดินเลยมันมา โทรหาคนที่บ้านให้มารับดีกว่า
“งอนไรวะ?” เฮียนุ้กลุกตามมาคว้าข้อมือผม
“เปล่าเว้ย!!” ผมสะบัดข้อมือออก หงุดหงิดชะมัด เดินหนีมันลงมาข้างล่างตึก ฟ้ามืดแล้ว
“อย่างอนดิเห้ย ใครต้องงอนใครวะเนี่ย?” ใคร?...ใครงอนอะไร?! เฮียนุ้กตามมาล็อกคอผม แล้วเปลี่ยนมาจูงข้อมือ ลากไปยังรถช็อปเปอร์ที่จอดรอหน้าอาคารเรียน ผมจำใจต้องใส่หมวกกันน็อค ขึ้นซ้อนมันกลับมาบ้านจนได้
พอเราสองคนถึงบ้านก็เจอย่าหยาในชุดกระโปรงผ้าไหม สงสัยเพิ่งกลับจากบริษัท กำลังนั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่ข้างล่างพอดี ผมเลยเดินเข้าไปกอดหนึ่งที
“กินข้าวเลยมั้ยจ้ะ น้องนุ้กกินข้าวกับย่าหยานะลูก” ย่าหยาชวนเฮียนุ้ก
“เดี๋ยวนิวขึ้นไปอาบน้ำก่อนครับ” ผมไม่มองไปทางมัน บอกแล้วกำลังหงุดหงิด
“น้องงอนอะไรก็ไม่รู้ครับย่าหยา” ไอ้คนขี้ฟ้อง! ช่างพูดจริงวะ!
“เปล่าเว้ย พูดอะไรของเฮียเนี่ย!” ผมหันขวับไปแว้ดใส่มัน แล้วรีบเดินหนีขึ้นบ้าน
พอเปิดห้องมาเท่านั้นแหล่ะครับ อารมณ์ขุ่นมัวกลับดีขึ้นทันตา ห้องของผมถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ทุกอย่างเหมือนห้องเดิมแทบทุกกระเบียดนิ้ว โซฟาตัวใหญ่นั่งนอนสบายตัวใหม่สีคล้ายเดิม ผ้าม่านลายสมอเรือเอย ผ้าปูที่นอนใหม่หอมฟุ้งสีน้ำเงินลายทางเอย พิเศษกว่าเดิมหน่อยคือผนังฝั่งนึงของห้องกว้างนี้ มีชั้นกระจกมาติดเรียงรายเอาไว้ จนพื้นที่จัดวางโมเดลเหลือเยอะมาก โมเดลสตาร์วอร์ที่ขนมาวางได้แค่ครึ่งเดียวของพื้นที่เอง แถมย่าหยายังให้คนจัดไฟส่องโชว์จนเท่ไปหมด ผมยิ้มแก้มแทบปริ รีบถอดเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ อาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยมาชื่นชมอีกที
ระหว่างอาบน้ำผมได้ยินเสียงกุกกักในห้องเลยตะโกนเรียกออกไป
“เฮียนุ้ก!!” เงียบไม่มีเสียงตอบ สงสัยกลับบ้าน
“ย่าหยาเหรอครับ” ยังเงียบอยู่ ผมคงหูแว่วไปเอง อาบน้ำเสร็จก็เดินใส่ชุดคลุมหัวเปียกซ่กออกมา...กำลังจะเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าชุดนอน...
“แบร่!!!!!!!”
“เฮ้ยยย!!!!! ไอ้เชี่ยยยย!!!!!” ไอ้เหี้ยเฮียแม่งโผล่พรวดออกมาจากตู้เสื้อผ้าตอนผมเปิด ผมตกใจถอยหลังสะดุดพรมก้นจ้ำเบ้าลงพื้น เสื้อคลุมอาบน้ำข้างบนแบะออกแหวกเห็นหน้าอก ส่วนข้างล่างยังดีเห็นแค่ต้นขา ไม่โป๊ไปถึงไหนต่อไหนเพราะเอามือคว้าจับปิดไว้ทัน
“เล่นเชี่ยไรวะเฮีย!!!! ตกใจหมด!!!!” ผมนั่งโวยอยู่กับพื้น ไอ้ตัวดีหัวเราะลั่นห้อง แล้วกระโจนโถมมาทับบนตัวผม เอาแขนคร่อมกักไว้ไม่ให้ลุกหนี ผมต้องเอาสองมือยันหน้าอกมันไว้
“งอนอะไรบอกมา?” ผมหันหน้าหนี จะบอกอะไรดี กูก็ไม่รู้นี่หว่าว่างอนอะไร
“ไม่บอกช่ายมะ” ไอ้เฮียทำหน้าเจ้าเล่ห์ และเกินคาดคิดทัน มันพุ่งหน้าตัวเองลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมตะลึงจนตาค้าง เล่นแบบนี้เกินไปแล้วครับ!!
“เฮียนุ้ก!! ไอ้บ้าเอ้ย!!! เล่นงี้ได้ไงวะ!!” ผมเสียงดังลั่นห้อง มือก็พยายามผลักแม่งให้ลงไปจากตัว มันขืนตัวหนักจนนอนทับผม หน้าจ้องอยู่ห่างกันไม่เกินห้านิ้ว
“จะบอกม่ายบอกกกก” เห้ยยย....อีกฟอดนึงแล้วครับ คราวนี้อีกข้าง ผมจ้องหน้ามันนิ่ง รู้ตัวเลยว่าหน้าแดงแน่ แก้มร้อนไปหมด
“ยังไม่บอกอีกเหรอ?” เฮียนุ้กก้มมาอีกรอบแล้วครับ ผมยันหน้ามันไว้สุดแรง หลับตาปี๋เบือนหน้าหนี
“พอแล้วๆๆๆๆ ก็นึกว่าเย็นจะไปหาออยล์ที่บ้าน เลยไม่ได้บอกว่าให้รอโว้ย! ไม่ได้งอนอะไรเลย” ผมพูดอ้างไปก่อน
“หวงกูเหรอ?” มันยิ้มกรุ้มกริ่ม ถามเสียงกระซิบวาบหวิว
“ปะ...เปล่าเว้ยยย” หรือใช่นะ? บอกไม่ถูก
“แน่ใจ” มันก้มจุ้บหน้าผากผมอีกที แดงไปหมดหน้าแล้ว
“เฮีย...ผมไม่ใช่น้องออยล์เมียเฮียนะ เลิกเล่นเหอะ” ผมผลักดันมันออกอีก
“กูไม่ได้......เล่น”
“นิวลูกมา....อุ้ย....ย่าหยาไม่เห็นอะไรจ้ะ” ขุ่นพระ....ย่าหยาเปิดประตูผัวะเข้ามาแบบเคาะแล้วเปิดเลย ผมต้องหัดล็อกห้องอย่างจริงจังแล้วครับ
“เอ่อ...ย่าหยามาตามไปกินข้าวเหรอครับ” ผมผลักเฮียนุ้กลงไปจากตัว คราวนี้มันยอมลงโดยดี ไม่มีท่าทางเขินใครแม้แต่น้อย
“จ่ะ....จ้า เล่นอะไรกันอยู่จ้ะ เหมือนแฟนกันเลย” ย่าหยายืนยิ้ม
“โอ้ยยย....ไปครับ เดี๋ยวนิวแต่งตัวแล้วตามไปกินข้าว” ผมกระวีกระวาดลุกหายไปเข้าห้องน้ำ มองในกระจกบานใหญ่ หน้าขาวใสกลายเป็นสีแดง ร้อนไปหมดทั้งตัว
...........................
ค่ำนั้นบนโต๊ะอาหาร ย่าหยาโทรไปตามพี่นายมากินข้าวด้วย เห็นว่าอ่านหนังสือสอบจนโทรมอย่างกับผีดิบ พวกม.6 นี่ทุ่มทุนกันจริงๆ หรือว่าเป็นเฉพาะพี่ชายผมคนเดียว? เริ่มอ่านอะไรตอนนี้เลย? พอผมเห็นหน้าพี่นายก็สงสาร หน้าสุดหล่อโทรมไปเยอะเลยครับ หนวดเฟิ้มเหมือนลืมโกน แถมใต้ตาคล้ำโหลราวอดนอนมาเป็นแรมเดือน แต่เขาก็หล่อแบบโทรมๆ ของเขาอ่ะนะ สาวคงติดตรึม
“กินเยอะหน่อยนะนาย บำรุงหน่อยลูก อย่าเครียดมาก ย่าหยาส่งเรียนเอกชนได้ถ้าสอบไม่ติดน่ะ ถึงสอบติดแต่แลกกับหลานช็อกคาหนังสือไม่เอานะ” ย่าหยาตักกับข้าวใส่จานพี่นาย ซึ่งรายนั้นรีบกินอย่างเร็ว น่ากลัวจะติดคอ
“สมัยนี้มันสอบเยอะมากเลยน่ะครับ ผมงงไปหมด กลัวอ่านไม่ทัน” พี่นายดูงงจริง ก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างเลื่อนลอย
“เอ่อะ...พี่นายยยยยย” ผมตัดสินใจทำเสียงอ้อนระหว่างกินของหวาน วันนี้มีสลิ่มคนละถ้วยตรงหน้า ส่วนย่าหยานั้นงดของหวานเพราะรักษาสุขภาพ
“อะไรเหรอ?” เสียงเหี่ยวมากเหมือนจะหลับ
“อ่ะ...ดูนี่” พี่นายรับกระดาษรายชื่อ ที่หัวกระดาษเขียนไว้ว่า “พระเอกลิตเติ้ลเมอร์เมด” พอเห็นเท่านั้นก็ส่ายหน้าท่าเดียว แล้วส่งกระดาษให้เฮียนุ้กต่อ ผมใจหายนะเนี่ยความหวังเดียวของผมโคตรไร้เยื่อใย
“โห...พี่นายอ่าา คิดหน่อยดิ” ผมยังตื๊อต่อ
“ไอ้นิว มองหน้าพี่มีงด้วย ถ้าต้องไปซ้อมละครบ้าบอไรอีก ก็เตรียมโลงได้เลย” เฮียนุ้กขัดมา
“แล้วเฮียอ่ะ เล่นให้หน่อยดิ” ผมหาเป้าหมายต่อไป
“หึ...ไม่เอา จะบ้าเหรอ” ไอ้เฮียร่อนแผ่นกระดาษคืนมาตกตรงหน้าผม ผมหน้าละห้อย อีกสองคนหันมองหน้ากันลุกหนีไปคนละทาง
...........................
“น่านะ พี่นายนะ อดทนหน่อย สอบเสร็จค่อยซ้อมตอนปิดเทอมก็ได้ เล่นตั้งเทอมหน้า” ผมเดินง้อฝ่ายพี่นายมาตามทางเดินสนามหญ้า จนเกือบถึงบ้านพ่อ
“นิวเอ้ย!” พี่นายหันกลับมาจับไหล่ผมสองข้างให้หยุดเดิน คงจะรำคาญเต็มกลืน
“น่านะ” ผมอ้อนอีก ปั้นหน้าให้ดูเหมือนจะร้องไห้ เบะปาก ทำตาแดง
“ไอ้นาวมั้ยล่ะ?” พี่นายบุ้ยปากไปทางไอ้นาวที่คุยโทรศัพท์เดินออกมาพอดี
“อย่า....ยุ่ง...กับ...กู” มันเอามือปิดโทรศัพท์แล้วพูดกับผมชัดถ้อยชัดคำ
“เลวเอ้ย!” ผมขมุบขมิบปากด่ามัน
“ไอ้นิว แกก็รู้ว่าปกติพี่ช่วยแกทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ต้องขอเอาตัวรอดก่อนว่ะ ที่สำคัญปิดเทอมพี่ว่าจะไปลงเรียนปรับพื้นฐานนิดหน่อย เล่นไม่ได้แน่” ขอให้สอบไม่ติด ฮึ่ย!!!
“โห่...เฮียนุ้กแม่งก็เล่นตัว พูดยากจังวะ!” ผมบ่น
“ไอ้ระมั้ยล่ะ แต่มันก็เหมือนพี่นี่แหล่ะ ป่านนี้ตายละมั้ง” ผมใจเต้นขึ้นเมื่อได้ยินชื่อนี้ แต่ส่ายหัวไม่เอา
“งั้นบอกอาจารย์หาคนใหม่นะ แค่นี้ จะกลับไปงีบแล้วตื่นอ่านหนังสือต่อ” พูดจบตบไหล่ผมสองที แล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไปเลย เวรกรรมอะไรบอกที!!
............................
เดินคอตกเข้าบ้านย่าหยา ขึ้นมาบนห้องก็เจออีกเวรกรรมนึงครับ คุณเฮียนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนเตียงผม น้ำท่าไม่อาบบ้านช่องไม่กลับ
“ไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง!” ลืมแล้วมั้งว่าตัวเองมีบ้านอยู่
“จะนอนนี่” เฮียนุ้กพูดตายังจ้องทีวี
“ไม่ได้แล้ว ชุดนักเรียนหมดตู้แล่ว!” ไม่ช่วยอะไรก็ไสหัวไปซะ!!!
“เหรอ หรือจะยอมเป็นพระเอกดีน๊า” ผมไสตัวไปนั่งข้างเตียง เอาหน้าเกยที่นอนกระพริบตาปริบๆ ทันที
“ไม่ดีก่า กลับบ้านละ” มันทำท่าจะลุกขึ้น ผมรีบกดไหล่ไว้ให้นอนต่อ
“โห่ เฮียอ่ะ น่านะ” ผมประสานมือท่าขอพรพระเจ้า
“ขอร้องก่อน” มันเหลือบตามองหน้าผมที่นั่งข้างเตียง
“เพลงไรดีอ่ะ?”
“กลับล่ะน่ะ” มันขยับตัวจะลุก
“อ่ะ...ได้โปรด...พลีส เฮียนุ้กสุดหล่อ” เยินยอเข้าไว้ใช้ได้เสมอ
“หล่อมากมั้ยล่ะ” ยังไม่สุดสินะ
“หล่อมากกกกกกกกกกกก” ผมลากเสียงยาวประชด
“เหรอ....ขนาดไหนล่ะ” เอาอีกเหรอ ผมจนมุมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“ที่สุดในโลกอ่ะ” เต็มที่ไปเลยเพ่!
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ในสี่จตุรเทพใครหล่อที่สุดกันนะ?” อึ่กก....ไอ้นี่บ้ายอขนาดนี้เลยเหรอวะ แสดงว่ารู้สินะว่ามีสาวมอบตำแหน่งนี้ให้ตัวเอง แหมมมม...
“เฮียไง....เฮียนุ้กของนิว” หวานสุดแล้ว
“อืมมมมม....งั้นเหรอ” มันทำกวนเกินไปละ
“พอใจยังอ่ะ ยอมเล่นได้ยังอ่ะ?”
“ยังนะ หอมหน่อยมั้ย?” อะไรนะ?!!! เฮียนุ้กยื่นแก้มมาให้
“ห๊ะ?!” ผมถอยหน้าออกมา
“กลับละ” ขู่สำทับอีกดอก
“ดะ....เดี๋ยวๆ” ผมถอนหายใจเฮือก
“เร็วดิ จะใจอ่อนละเนี่ย” ไม่พูดเปล่า เอียงแก้มใสๆ มาหาหน้าผมใกล้กว่าเดิม จนได้กลิ่นน้ำหอมปนเหงื่อจาง
“ฟอดดดดด” ผมกลั้นใจหอมแก้มมันไปหนึ่งฟอด ไอ้พี่คนนี้กวนขึ้นทุกวันแล้วล่ะ ใจผมเต้นผิดปกติอีกแล้ว ท่องไว้ ‘มันแกล้งๆๆ’
“อีกข้างด้ว.....” เฮียมันพูดไม่จบหรอกครับ ผมผลักหน้ามันหงายไปเลย
“ช่างแม่ง กวนอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวไปบอกอาจารย์ว่าไม่ทำแล้วก็ได้วะ!!!” โมโหแล้วนะ รอบตัวมีแต่คนบ้า
“กลับแล้วนะ” เรื่องของมึง! แต่ไม่ได้พูดออกไปนะครับ ผมเดินเข้าห้องน้ำ ไม่สนใจมันแล้ว
กลับออกมาอีกทีเฮียนุ้กก็อันตรธานออกไปจากห้องแล้ว ผมถอนหายใจอีกที ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการเล่นแบบนี้นิดหน่อย ไม่ใช่รังเกียจหรืออะไร ผมชอบผู้ชายนะครับ เฮียนุ้กมันก็ผู้ชาย มาแกล้งแบบนี้ผมใจหวั่นไหวไปหมด ถึงแม้จะเป็นพี่น้องสนิทกันมาแต่เด็กก็เถอะ แฟนมันก็มีอยู่ทนโท่ ยืนคิดฟุ้งซ่านอยู่หน้ากระจกมองออกไปทะเลหลังบ้านสักพัก ก็มีเสียงข้อความไลน์เข้ามามือถือผม ผมเดินไปกดอ่าน…
Snooker : ซ้อมเมื่อไหร่อ่ะ?
Navy : จะกวนตีนไรอีก?
Snooker : พระเอกจะได้เคลียร์คิว 555
Navy : จริงอ่ะ!!! หลอกป่ะเนี่ย?
Snooker : เออ อย่าพูดมาก
Navy : ซ้อมตอนปิดเทอม โอ้ยย...รับปากละน่ะ โคตรหล่ออ่ะ
Snooker : เออน่ะ แต่.....
Navy : WTF
Snooker : sent you sticker (สติ๊กเกอร์หัวเราะ)
Navy : อะไรอีกอ่ะ?
Snooker : ถ้ากูเล่น มึงต้องให้ตามที่กูขอ 1 อย่าง
Navy : What?
Snooker : เออน่ะ ไม่ยากหรอก ไว้ค่อยบอก
Navy : (สติ๊กเกอร์โอเค)
แค่นั้นเป็นอันสบายใจของผม หมดปัญหาไปเปลาะนึงแล้ว.....มันจะขออะไรละเนี่ย....
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะครับ
CHAPTER 0 : ปล่อยไก่หน้าแหกตัวเบ้อเร่อ เอาตอนที่ยังไม่ได้แก้มาลงซะงั้น น้องนิวยังชื่อเรืออยู่เลย
CHAPTER นี้ : ไม่ใส่กฏแล้ว ฮ่าๆๆ ยอมรับว่าสกิลเรื่องเทคโนโลยี = 0
รับฟังทุกความเห็น + ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้เลย + จะแก้ให้ทันที
กราบหนึ่ง! กราบสอง! กราบสาม!
NAVANAVI