ฉุดพิเศษ
ข้อมือสีขาวเนียนประดับด้วยเชือกถักยุ่ยๆกำลังตวัดปลายปากกาอย่างรีบเร่ง ลายมือที่ปรากฏบนกระดาษจึงแทบอ่านไม่ออกแม้แต่เจ้าตัว
"ผมโน้ตไว้ให้แล้วนะ"
พูดพลางส่งกระดาษขนาดเอสี่ให้เลขาหน้าหมวยที่ยื่นมือมารับด้วยเหงื่อแตกซิก
"มีอะไรอีกมั้ย?"
ตาคมดุเอ่ยถาม เพราะอยากกลับบ้านเต็มแก่
"บริษัทเซฟตี้เซฟแจ้งมาว่าเปลี่ยนยามกะดึกให้ตามที่ขอแล้วค่ะ"
"ก็ดี คนเก่าน่ะแอบหลับตลอด"
"แหม ลุงแกแก่แล้วนี่คะ"
สาวหมวยหยอกเล่น อาจเป็นเพราะทำงานร่วมกันมานาน จึงรู้ว่าอันไหนควรพูดเล่น อันไหนควรพูดจริงจัง
"ผมอยากได้ยาม ไม่ได้อยากเปิดสถานสงเคราะห์"
"ค่าคุณเปา ไม่มีอะไรแล้ว งั้นมิ้งขอตัวนะคะ"
"อื้ม...ผมจะกลับบ้านแล้วแหละ"
ชายหนุ่มวัย27ปี ลุกขึ้นจากเก้าอี้ผู้จัดการบริษัท
เป็นผู้บริหารที่ถูกไล่มานั่งตำแหน่งผู้จัดการเพราะพ่อแม่ยังไม่ไว้ใจ
อั่งเปาไม่เสียใจหรือน้อยใจเป็นเด็กๆหรอก ถ้าไว้ใจสิแปลก เพราะลูกนอกคอกอย่างเขาไม่เคยอยู่ในสายตามาตั้งนานแล้ว
พ่อแม่ผิดหวังในตัวเขา...เขารู้
เวลากว่าสิบปีไม่ช่วยพิสูจน์อะไร....
เคยเรียนต่างประเทศ...
เคยแต่งงาน...
เคยมีชีวิตที่พวกท่านวางไว้ให้...
กระทั่ง...พวกท่านเจอไดอารี่ของอั่งเปา
"คุณพิพัฒน์ครับ ตอนนี้ถนนใหญ่มีรถชนกัน ออกทางข้างหลังดีกว่าครับ"
ยามกะบ่ายแจ้นมาบอก
ยามคนนี้ขยันขันแข็ง นิสัยดี และสนิทกับทุกคนในบริษัท ทำหน้าที่ได้ดีกว่าอั่งเปาเสียอีก
"เย็นแล้วยังไม่กลับอีกพงศ์"
"รอบอกคุณพิพัฒน์น่ะครับ"
พงศ์เกาหัวเขินๆ
เจ้านายผู้เอ็นดูลูกน้องแสนซื่อตบไหล่มันเบาๆพร้อมรอยยิ้มหวาน
"กลับบ้านได้แล้ว"
"ครับ!"
เสียงตอบฉะฉานทำให้อั่งเปาหัวเราะ
กว่าร่างโปร่งจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองทุ่ม เขาเลี่ยงรถชน แต่ดันมาเจอน้ำท่วมในซอยทางลัด รถไม่ขยับกว่าสองชั่วโมง แต่เขาก็ไม่โกรธพงศ์หรอก ใครจะรู้ว่าท่อน้ำมันจะมาแตกวันนี้
อั่งเปาพยายามคิดในแง่ดี ถ้าเรามาถึงบ้านไว เราก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี
"คุณอั่งเปา...ส้มมันรอแน่ะค่ะ"
"อย่าเรียกอั่งเปาได้มั้ยป้า"
ปากชมพูดบึนเล็กน้อยด้วยความขัดใจ บอกป้าไปกี่ทีๆ ก็ยังเรียกเขาเหมือนเด็ก
ยิ่งนึกถึงตอนเป็นเด็ก...มันก็ยิ่ง..เหนื่อย
อั่งเปาเปิดประตูห้องออกก็เจอกับเจ้าส้ม แมวสีส้มที่พบเห็นกันได้ทั่วไป เขาเจอมันที่ลานจอดรถบริษัท ตอนนั้นพี่น้องมันอดตายหมดแล้ว เหลือเพียงสิ่งมหัศจรรย์ที่อั่งเปาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เขาเก็บมันมาเลี้ยงไว้แก้เหงา
อั่งเปายังคงอาศัยอยู่ในบ้านไม้สีขาวทรงขนมปัง ซึ่งเคยเป็นเรือนหอเมื่อสองปีก่อน
เพียงแค่ตอนนี้เขาอยู่กับแมวหนึ่งตัว อ่างปลาสองอ่าง กับป้ากิ่งที่ทำงานไปเช้า เย็นกลับ
เขาไม่เคยคิดถึงภรรยาเก่าเลย
เธอคนนั้นเป็นภาพจำสีจางๆ เท่านั้น
อย่างว่าแหละ แต่งกันแค่สองเดือน จะไปจำอะไรได้
"วันนี้เป็นเด็กดีมั้ย"
เจ้าส้มตอบโดยการกระโดดขึ้นตัก คลอเคลียเจ้านาย
"กัดสร้อยคออีกแล้วเหรอ"
อั่งเปาพูดถึงสร้อยคอเชือกถัก แบบเดียวกับที่ข้อมือของเขา
"คงไม่ชอบล่ะสิ"
พูดกับแมว หากตาเหม่อมองออกไปไกล....
ถ้าเป็นคนนั้น...จะชอบมันไหมนะ
ถ้าเป็นเขา ....
อั่งเปาในตอนนี้ก็เหมือนคนบ้า
โดยเฉพาะเวลาเหงา เขาจะคิดถึงความสุขช่วงสั้นๆเหมือนฝันนั้น
เขาไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่เขามีความสุข...ทำไมคนอื่นไม่ยินดีด้วยล่ะ
เอาแต่พาไปบำบัด พาไปสะกดจิตบ้าบอคอแตก
ในตอนนั้นเขาปกติมากกว่าตอนนี้อีก!
ร่างโปร่งเอนตัวนอน น้ำตาไหลตามแรงโน้มถ่วงตกลงสู่เตียงสีขาว
อยากมีความสุข....
อยากเจออีกสักครั้ง...
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อั่งเป่าร้องไห้
ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องที่ทำให้ฉุกคิด
มันเหมือนกับว่า ...ความทรงจำนั้นฝังลึก หยั่งรากลงหัวใจ หากถอนออกเขาคงตาย
ยิ่งเขาโตและพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ต้องเผชิญปัญหามากมาย ต้องถูกกดดันจากพ่อแม่ ก็ยิ่งทำให้อั่งเปาอ่อนแอลงแทนที่จะเข้มแข็งขึ้น
สติพร่าเลือน...
ชายหนุ่มแสนเศร้าลุกขึ้นนั่ง ถกแขนเสื้อขึ้นสูงถึงศอก แล้วหยิบเอามีดพกอันเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า
มองแผลบนต้นแขนหลายรอยทั้งเก่าใหม่
ยิ้มให้มัน
แล้วบรรจงกรีดแผลใหม่ลงไป
ไม่เจ็บเลย แค่แสบๆคันๆ พอให้รู้ว่ายังมีตัวตน
ทุกๆครั้งที่อั่งเปากรีดแขนตัวเอง เขาก็จะสร้างจินตภาพขึ้นมา
"อั่งเปา!! ทำอะไร?!"
"พี่บอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอีก"
"พี่รักเธอ"
'รักเหรอ....?'
'รักไม่มีจริง....'
'ไม่มีใครรักเราเลย ทุกคนหวังผลประโยชน์จากเราทั้งนั้น'
"แต่พี่ไม่ใช่ พี่อยากให้เปามีความสุข พี่จะพาเราไปเที่ยว เราจะอยู่ด้วยกัน"
'เมื่อไหร่....'
"รอพี่นะ"
.....เหมียว
อั่งเปาสะดุ้งโหยง มีดร่วงลงพื้น
เจ้าส้มกำลังเลียแผลใหม่อย่างไร้เดียงสา
"ส้ม...รักพี่มั้ย?"
...เหมียววว...
"พี่ก็รักส้มนะ"
พอได้รอยแผลสวยดังใจแล้ว อั่งเปาก็หยิบเอาไดอารี่หน้าปกสีเหลืองอ่อนออกมาเขียนยุกยิกด้วยรอยยิ้ม
เขาแตะแขนที่มีเลือดติดอยู่ลงไปกับหน้ากระดาษ แล้ววาดรูปตกแต่ง
"อย่าให้ใครมาแอบอ่านนะ..."
เขาบ่นพึมพำ
.
.
ชีวิตประจำวันของอั่งเปาหรือนายพิพัฒน์ก็มีเท่านี้
อยู่ที่ทำงานเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ ลูกน้องรักใคร่
อยู่ที่บ้านกลายเป็นคนเก็บกด ไร้ความสุข
อั่งเปาไม่รู้สาเหตุหรอก เขาไม่เคยคิดถึงมัน
ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้หน้าที่การงานตกต่ำลง จึงปล่อยให้เป็นอย่างนี้อยู่เป็นปีๆ
ตั้งแต่เลิกกับภรรยา แล้วโดนพ่อแม่ด่าตัดบัวไม่เหลือใย
วันนั้นเขารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่สุด
............
วันต่อมาอั่งเปาเข้าทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาที่ยามกะดึกออกพอดีเลยอดเห็นหน้า นิสัยของเขาตอนอยู่ข้างนอกนั้นค่อนข้างเข้าหาคนอื่นง่าย อาจเป็นเพราะการดูแลโรงงานด้วย ยิ่งซื้อใจลูกน้องได้มาก งานที่ออกมาก็ยิ่งดี
"ยามกะดึกกลับแล้วเหรอลุงตุ้ม"
"ครับ..."
ลุงตุ้มหลบตา
"มีอะไร"
"ผมว่า...คนนี้ไม่น่าไว้ใจเลยครับ ยังหนุ่มก็จริง แต่แอบได้ยินมาว่าเคยติดคุก..."
"แล้วบริษัทคุณจ้างมาได้ไง"
โดยส่วนตัวอั่งเปาก็ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่ในฐานะของการมีอาชีพเป็นผู้รักษาความปลอดภัย...มันก็ควรใสสะอาดตั้งแต่ภายในสิ
"เห็นว่าติดแป้บๆครับ แต่ผมไม่รู้ ได้ยินมาแค่นี้เลยมาบอกครับ คุณเปาจะได้ไปคุยกับเซฟตี้เซฟถ้าไม่ชอบ"
"อืม ขอบใจนะ"
คุณผู้จัดการยิ้มหวานให้ พาเอายามวัยกลางคนเก็บอารมณ์ปลาบปลื้มไว้ไม่อยู่
อั่งเปาทำงานค่อนข้างละเอียด เขาดูทั้งเอกสารและตรวจโรงงานเอง เรียกง่ายๆว่าทำทุกอย่างนั่นแหละ
วันนี้เขาพาหุ้นส่วนคนญี่ปุ่นดูวิธีการผลิตถังแก๊ส มีเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนให้ แต่คนงานก็ต้องเอามาเชื่อมเอง ภายในโรงงานจึงคนข้างมีแต่พวกสมบุกสมบัน เอะอะมะเทิ่งกันเต็มไปหมด
คุณผู้จัดการพูดน้ำไหลไฟดับ เขาชอบการทำงานมาก มันช่วยให้ลืมเรื่องแย่ๆได้ แต่พอหันมองหุ้นส่วนก็ปรากฏนัยน์ตาหวานฉ่ำ
"มีอะไรสงสัยเหรอครับ? หรือผมพูดผิด?"
"ไม่หรอกครับ ภาษาอังกฤษคุณเก่งมาก"
"ขอบคุณครับ"
"คุณพิพัตโตะ....เย็นนี้ไปหาอะไรกินกันมั้ย"
อั่งเปานิ่งคิด....การสานสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่ดี อีกอย่าง..คุณโมริอิก็ชวนหลายครั้งแล้ว
เขาจึงพยักหน้าตอบ
"คุณโมริอิอยากกินอะไรล่ะครับ"
"อาหารไทย แต่ไม่เผ็ดน้า"
"ถ้ามาไทยแล้วไม่กินแบบเผ็ดๆก็เหมือนมาไม่ถึงสิ"
ร่างโปร่งหยอก
"อ้ะ...ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ"
พอคิดถึงฤทธิ์เดชของอาหารเผ็ดแล้วก็เกิดมวนท้องขึ้นมา หุ้นส่วนหนุ่มได้จังหวะกับที่เดินผ่านห้องน้ำพอดี อั่งเปาจึงเดินตามไปล้างมือด้วย
เขายืนรอได้เพียงสามวิ ก็มือไม้อยู่ไม่สุก หยิบมือถือมากดนั่นนี่ฆ่าเวลา
"ขอโทษที่ให้รอครับ"
คุณโมริอิโค้งแทบจะจรดพื้น เป็นกิริยาน่ารักจนอั่งเปาต้องโค้งตอบ
.................
อั่งเปาไม่ว่าอะไรถ้าคุณหุ้นส่วนจะจีบ เขาให้จีบได้อย่างอิสระ แต่หัวใจเล่า ไม่เคยเปิดรับใครง่ายๆมานานมากแล้ว
เรื่องวัยเด็ก....คือสิ่งที่หล่อหลอมตัวเรามากที่สุด เขายอมรับ
คนจะดีจะร้าย ก็มีสาเหตุหลักมาจากวัยนี้ทั้งนั้น
ไม่รู้ว่าจากโอตาคุถังแก๊สกลายมาเป็นพวกคนแก่ย้อนวัยกันตั้งแต่เมื่อไหร่
อั่งเปาหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นรูปเด็กฟันเกชูแขนเป็นอุลตร้าแมน
"คุณหัวเราะตลอดเลย"
"ไม่ดีเหรอครับ?"
ตาดุเหมือนแมวหรี่ลงจากความไม่มั่นใจ
"สำหรับผมแล้ว น่ารักดีครับ"
"สิ่งที่เห็น เรื่องจริงอาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้"
พูดพลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
หนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยพิจารณาคนตรงหน้า
น่าค้นหา...
คนประเภทนี้กำแพงสูง แต่ถ้าหากโค่นมันได้...เขาก็จะมีเพียงเรา ..เราเท่านั้น
"ไม่มีใครเป็นคน'ปกติ'หรอกครับ ทุกคนต่างพิเศษ"
โมริอิพูดเสียงนุ่ม
"แล้วถ้ามันเป็นความพิเศษในด้านลบล่ะ?"
ลูกพระอาทิตย์ ก็เหมือนแสงตะวันอันเฉิดฉาย ปีศาจสีดำเคลื่อนตัวถอยห่างหนีเข้ามุมห้อง
กอดเข่าร้องไห้กระซิก
พึมพำว่าไม่อยากไป
อั่งเปาฝืนยิ้ม หัวใจเต้นตุบไม่เป็นจังหวะ
"ผมพร้อมดูแล"
.
.
ควรจะเปิดใจไหมนะ.....
..............
"แม่ง"
ร่างโปร่งทุบพวงมาลัยรถด้วยความโมโห
ขณะกำลังจอดรถเติมน้ำมัน เขาก็เลยจะโทรหาเลขา แต่ปรากฏว่าดันลืมมือถือไว้ในห้องน้ำที่บริษัท
"โอเคไหมครับ"
โมริอิเอ่ยถาม เพิ่งเห็นคนน่ารักแอบโหด
"ผมลืมมือถือไว้ที่บริษัท คงต้องกลับไปเอา"
"งั้นผมไปด้วยสิ มันดึกแล้ว"
"เอางั้นเหรอครับ"
ทั้งๆที่เลิกงานแล้วแท้ๆ
เป็นความผิดเขาเอง ที่ดันลืมมือถือไว้ในห้องน้ำ ซึ่งป่านนี้ไม่รู้ว่าหายไปหรือยัง เบอร์ทุกเบอร์ของลูกค้าอยู่ในนั้น แล้วคืนนี้เขาต้องรอสายจากทางนั้นด้วย
จะโทรมาทำไมดึกดื่นวะ
อั่งเปาจอดรถหน้าประตูออฟฟิศ บอกให้หนุ่มญี่ปุ่นรอในรถ แล้ววิ่งออกมา
เขาเจอยามกะดึกที่รอมานาน แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีเวลาคุยด้วย ยามผิวเข้มไว้หนวดจึงยืนยิ้มเก้อ ปากเหมือนจะพูดบางอย่างแต่ไม่ยอมพูด เขาไม่มีเวลามารอฟังหรอกนะ
ร่างโปร่งตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ พอเห็นไฟในนั้นเปิดสว่างก็เอะใจ ปกติยามจะไปเข้าห้องน้ำอีกที่ ความบ้าบิ่นที่จู่ๆก็พลุ่งพล่านสั่งให้คุณผู้จัดการรีบวิ่งไปดูทันที
"อ้ะ!"
เขาอุทานเสียงหลง มีไอ้บ้าที่ไหนมายืนแก้ผ้าก็ไม่รู้!
เขายกมือปิดตา
ตะโกนเรียกยามให้ช่วย
"ผมใส่กางเกงแล้ว ลืมตาเถอะ ผมเป็นเพื่อนไอ้เหน่ง"
น้ำเสียงโทนทุ้มอ่อนโยน ดูไม่เหมือนโจรผู้ร้ายเอ่ยขึ้น
อั่งเปากลั้นใจเปิดตา....
หน้านี้มัน....
"คุณพิพัฒน์! โทษทีครับนี่เพื่อนผมเอง"
"เพื่อน..."
"ครับ! คือมันโดนรถเหยียบน้ำเน่าใส่ ผมเลยให้มาล้างตัว ขอโทษจริงๆครับ!"
ยามกะดึกยกมือไหว้แทบจรดหน้าผาก แต่อั่งเปาหาได้สนใจกิริยานั้น
เขากำลังสนใจคนข้างหน้าที่มีรอยสักวงกลมเล็กๆใกล้ไหปลาร้า
ผอมไปนะ....เขาพูดกับตัวเอง
ร่างโปร่งก้าวไปหาอย่างช้าๆ ดวงตาไม่กระพริบ
นี่เป็นฝันหรือเปล่า....
ยืนห่างกันเพียงคืบ
แต่ก็ยังสูงกว่าอยู่ดี
ตาอั่งเปา อยู่ในระดับเดียวกับรอยสักตลกๆ
นิ้วขาวถูกยกขึ้นมาจิ้มลงไปตรงนั้น
"นี่ใช่ตาของงูหรือเปล่า"
หลังสิ้นคำถาม
หน้าอกคนถูกถามก็ยกสูง
"ใช่"
อั่งเปาสะอึก
สายตาเลื่อนขึ้นข้างบน
ทำไมเขาจะจำไม่ได้...ดวงหน้าแบบนี้ สายตาแบบนี้ จมูกสวย ไรหนวดเขียวที่เคยซุกไซ้
"เธอ..."
เพียงแค่นั้น...อั่งเปาก็ปล่อยโฮ รวบกอดคนในฝันที่กลายเป็นจริง
เมินเฉยต่อสีหน้าตกตะลึงของยาม
เมินว่าไอ้ท็อปแสนเลวจะกอดตอบไหม
เขาขอแค่...ได้กอด
ขอแค่ได้รู้ว่า...มันยังอยู่
"พิพัตโตะซัง...อ..อ่ะ!"
โธ่เอ๋ย...หัวใจ....
..............................
สงสัยจะสอบ เลยเผลอแต่งเรื่องเบลอๆขึ้นมา
อยากให้ผู้อ่านสนุกกับการจินตนาการ ปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง แต่ถ้าสงสัยจุดไหน เรายินดีตอบนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ