---------- ต่อจากบทส่งท้าย ----------
“หมอว่าไงบ้างอะพี่แช่ม”
“ก็บอกว่าคุณเฉลิมแข็งแรง สมบูรณ์น่ารัก คนรักคนหลงเพราะเจ้าของก็เป็นคนน่ารัก”
“หอมว่าหมอเขาบอกแค่คุณเฉลิมแข็งแรงนั่นแหละ ส่วนที่เหลือพี่เพิ่มเอาเอง”
“หมอพูดแบบนี้จริงๆ ”
“ไม่เชื่อหรอก” ผมส่ายหัวให้คนที่ขับรถอยู่อย่างเอือมๆ เก่งจริงเชียวล่ะเรื่องอวยตัวเองเนี่ย
ตอนนี้เรากำลังไปที่ร้านจันทร์เจ้าครับ เกือบ 3 ทุ่มแล้วด้วยซึ่งตอนแรกนัดกันไว้ 2 ทุ่ม แน่นอนว่าผมกับพี่แช่มน่าจะสายที่สุดแล้วครับ คือแฟนผมเขามัวแต่ลีลามากความไง กลับจากพาคุณเฉลิมไปหาหมอก็มานอนกลิ้งไปมา สักพักเปิดแอปฯ คาราโอเกะร้องเพลงไปอีกยี่สิบเพลง กว่าจะอาบน้ำ กว่าจะแต่งตัว คือน่าหมั่นไส้มาก ผมอยากอัญเชิญพี่ขันมากระทืบเขาที่ห้องจริงๆ แต่เชื่อเถอะ ถ้าถึงร้านปุ๊บเนี่ย พี่ขันจะเป็นคนแรกเลยที่ด่าพี่แช่ม
ดีไม่ดีอาจจะมีตบด้วย
รถซูซูกิ สวีฟสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหลังร้านจันทร์เจ้า ผมหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินลงมาจากรถ ร่างสูงเดินตามลงมาพร้อมกับลากผมเข้าไปในร้าน สัมผัสได้ถึงสายตาทิ่มแทงที่มองมาด้วยครับ หนักสุดก็คือสายตาจากอดีตเฮดว้ากของเมื่อปีก่อนนั่นเอง การเปิดตี้วันนี้คือครบองค์ประชุมมาก วันรวมญาติชัดๆ เอาจริงๆ เฉพาะชาวแก๊งค์วิศวะฯ นี่ก็เต็มร้านแล้วนะ เด็กคณะอื่นคือหาร้านอื่นนั่งกินกันเถอะ
โคตรเหมาร้านเลยวันนี้
“มาช้านะไอ้หน้าสัส นัดไว้กี่โมงแล้วมึงมากี่โมงห้ะ”
นั่นไง....ผมบอกแล้วว่าพี่ขันจะด่าพี่แช่มเป็นคนแรก
“เออทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”
“นัดไม่เคยเป็นนัด”
“เห็นคำพูดพวกกูเป็นแค่ลมปากกเหรอ”
“เออ กูนี่มันคนแย่จริงๆ ” พี่แช่มหยิบแก้วเบียร์จากไอ้หมีก่อนจะซดจนหมด “พอใจพวกมึงแล้วนะไอ้เวร”
“เบียร์ของหมีนะ”
“กูกินไปแล้ว ทำไม เอาจากปากกูไหมล่ะ”
“ไอ้แช่ม”
“พี่แช่ม” ผมหยิกเอวเขาสุดแรง มันใช่เรื่องที่จะพูดแบบนี้ไหมเนี่ยะ ลำพังผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พี่ขันนี่ดิ ถ้าเขากระทืบพี่ขึ้นมาใครจะห้ามได้วะ
พูดอะไรไม่คิดเลย
“พี่ล้อเล่นน่ะจ่ะ” ร่างสูงยิ้มแฉ่งให้ผมก่อนจะเดินไปนั่งข้างพี่เฌอ “เด็กมึงอะ”
“เด็กไหนไม่รู้เรื่อง”
“อย่าให้กูพูดชื่อนะ” พี่แช่มจ้องหน้าเพื่อนรักเหมือนจับผิด
ผมพอได้ยินมาบ้างเรื่องพี่เฌอแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรนัก ให้พี่แช่มเขาใส่ใจไปคนเดียวก็พอ แฟนผมน่ะชอบมาบ่นว่าพี่เฌอไม่ค่อยไปโน่นนี่นั่นด้วยเพราะติดเด็ก เอาจริงๆ พี่เฌอจะติดใครมันก็เรื่องของเขาไหมวะ อีกอย่างมันเป็นปกติอยู่แล้ว พี่เฌอเป็นบุคคลที่เวลามีแฟน จะทุ่มเทเวลาให้แฟนมากกว่าเพื่อนอะ เรื่องนี้เขารู้กันทั้งมหา’ลัยแล้วมั้ง จะว่าไปก็มีพักหลังนี่แหละที่เขาไม่มีแฟน
แฟนคนล่าสุดก็เป็นเด็กคณะแพทย์ฯ
พี่แช่มมาเล่าให้ฟังว่าน้องเด็กแพทย์ฯ คนนั้นสวยมาก น่ารัก คบกับพี่เฌอได้นานที่สุดคือเดือนกว่าๆ ก่อนที่จะบอกเลิกพี่เฌอ หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีแฟนใหม่เลยจนถึงตอนนี้ แต่เหมือนพี่แช่มจะไปรู้มาว่าตอนนี้พี่เฌอก็กำลังมีซัมติงกับเด็กแพทย์ฯ อีกคน ซึ่งที่พีคๆ เลยก็คือเด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย เป็นเดือนคณะเมื่อปีก่อน ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร นึกหน้าก็ไม่ออก อาจจะเพราะผมไม่ได้สนใจล่ะมั้ง
เรื่องของคนอื่นอะ จะอยากรู้ไปทำไมวะ
“อะพี่หอม” ไอ้หมีส่งแก้วเบียร์มาให้ “ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ เรื่องพี่แช่ม”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปและกลับมาเป็นเหมือนเดิมไง”
“ก็จริง กูยังนึกถึงตอนที่คุยกับมึงเรื่องเขาได้เลย ตอนที่ไม่รู้อะไรแม่งโคตรแย่ แต่มันก็คงดีแล้วแหละที่เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”
“หมีก็ยินดีกับพี่ด้วยละกัน ดีใจอะ จะไม่มีใครมางอแงกับหมีอีกแล้ว”
“ขอบใจมึงด้วยละกัน” ผมชนแก้วกับไอ้หมีก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซด จะว่าไปถ้าช่วงที่ผ่านมาไม่มีไอ้หมีให้คอยปรึกษาโน่นนี่ ระหว่างผมกับพี่แช่มน่าจะบัดซบกว่านี้เยอะ
“หมีเห็นพวกพี่มีความสุข หมีก็ดีใจ”
“คุยไรกัน พอละ” พี่ขันรั้งแฟนเด็กเข้าไปใกล้เหมือนหวง ขนาดนี้ก็ให้มันนั่งบนตักเลยก็ได้มั้ง
“น้องหอมกินนี่”
“อะไรอะ” ผมมองในช้อนที่เขาตักมาจ่อปาก “ปลาหมึกเหรอ”
“ใช่ ยำปลาหมึก อร่อยมาก” หลังจากที่เขาบอกแบบนั้น ผมก็กินยำปลาหมึกที่เขาป้อน อื้อออ... อ... เผ็ดชิบหาย มีแค่ข้าวก้องเท่านั้นแหละที่กินได้
พี่แช่มกับข้าวก้องนี่เวลากินข้าวควรนั่งกินด้วยกันอะ ถูกปากแน่ๆ ล่ะกินรสเผ็ดจัดเหมือนกันขนาดนี้ ผมถ่ายรูปยำปลาหมึกเจ้ากรรมลงทวิตเตอร์ พริกเยอะขนาดนี้ก็ไม่แปลกใจหรอกทำไมเผ็ด คือเชื่อป้ะว่ากับแกล้มที่วางอยู่บนโต๊ะคือมีแค่ยำปลาหมึกกับไก่ทอด นอกนั้นคือเหล้ากับเบียร์ล้วนๆ โซจูเป็นสิบขวดอะเฉพาะบนโต๊ะนะ ในถังน้ำแข็งไม่เกี่ยว คือกินวันนี้ตื่นอีกทีสามวันข้างหน้า
วันนี้ต้องมีคนลงพุ่มหญ้าหลังร้านบ้างแหละ
“อะพี่แช่ม” ไอ้หมีส่งแก้วโซจูที่มีเยลลี่หมีสามอันข้างในมาให้ “นี่หมีเสียสละหมีสีแดงให้พี่แช่มเลยนะ เพราะงั้นต้องกินให้หมด”
“ไม่น่าไว้ใจ” จริงแบบที่พี่แช่มพูดครับ อะไรก็ตามที่ถูกส่งให้ในวงเหล้า ถ้าเราไม่ได้กับตาตอนที่ชงหรือรินลงแก้วเนี่ยะ อันตราย
เราอาจจะหลับกลางอากาศ
นี่น้องเองไง กินๆ ไปเถอะน่า ถ้าพี่เมาเดี๋ยวพี่หอมก็แบกกลับ”
“มึงนี่มัน” พี่แช่มยกแก้วโซจูซดฮวบเดียวจนหมดพร้อมกับเยลลี่หมีที่อยู่ในนั้น เอาจริงๆ แค่แก้วเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอก อย่างคนขี้เมาเนี่ยะ ถ้าจะสติหลุดก็ต้องกินเยอะกว่านี้ แค่นี้ยังน้อย
“น้องหอมเอาอะไรดี”
“เบียร์ดีกว่า”
“นี่จ่ะ” มือเรียวส่งแก้วเบียร์มาให้ “อย่ากินเยอะนะเดี๋ยวเมา”
“พี่บอกตัวเองเถอะ” ผมหยิกแขนเขาอย่างมันเขี้ยวก่อนจะมองไอ้หมีที่เดินขึ้นไปบนเวทีด้านหน้า คงร้องเพลงเหมือนอย่างทุกทีแหละมั้ง
ผมนั่งจิบเบียร์พลางยัดไก่ทอดเข้าปากไปพลางๆ ทำไมเหมือนฟีลนั่งร้านเหล้าแบบนี้หายไปนานเลยวะ พอย้อนไปนึกถึงเรื่องงานที่ทำก็สมควรอยู่แหละ เมื่อก่อนช่วงปี 1 ปี 2 อะ มากินเหล้าบ่อยนะ ทุกอาทิตย์เลย แต่จะไปร้านนั่งชิวมากกว่า พวกพี่แช่มจะติดร้านจันทร์เจ้า ก็คงเพราะว่าพี่ฉายเขาเป็นน้องเจ้าของร้านด้วยแหละ กลุ่มเขาแม่งไม่เคยเสียค่าเหล้าค่าเบียร์ราคาเต็มสักครั้งหรอก
พี่เจ้าขาดทุนยับอะบอกเลย
“น้องหอม....เดี๋ยวพี่มานะ”
“ไปไหนอะ”
“ไอ้เฌอให้ไปเอาของเป็นเพื่อนอะ”
ผมพยักหน้ารับคำ “อื้ม รีบไปรีบมานะ”
“จ่ะ” พี่แช่มจุ๊บหัวผมทีนึงก่อนจะเดินออกไปพร้อมพี่เฌอ คือเดินออกไปเฉยๆ ก็ได้ไหม ไม่เห็นต้องจุ๊บหัวผมให้ตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้เลย
เหมือนกำลังจะโดนแซว
“กูไม่อิจฉาหรอกนะครับเพื่อน” สยามบอกก่อนจะจุ๊บหัวสมปองโชว์บ้าง
"เบียร์หวานเฉยเลยอะ” คำนี้มาจากข้าวก้อง แหมๆ ๆ ๆ ทีมึงกับผัวเด็กนั่งจะเกยกันแบบนั้นกูยังไม่แซวเลย
“พอเลยนะพวกมึงอะ” ผมทำหน้าเหี้ยมใส่ก่อนจะหันไปสนใจเพลงที่ไอ้หมีร้อง โคตรเพราะเลย จะว่าไปผมไม่เคยได้ยินพี่แช่มร้องเพลงเลยสักครั้ง
เขาจะร้องเพลงเพราะแบบนี้ไหมวะ
ปกติได้ยินแต่เสียงโวยวายไง เอาจริงๆ ถ้าพี่แช่มร้องเพลงเพราะ มันก็น่าจะทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นกว่าที่เป็น คนก็น่าจะชอบเขามากขึ้น พอมีคนชอบเขาเยอะๆ ผมก็จะหึงจนหน้ามืด แม่งต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
ครืดดดด....ครืดดดดผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล”
(ออกมาหาพี่หลังร้านหน่อยสิ)
“โอเค” ผมวางแก้วเบียร์ก่อนจะเดินออกไปทางหลังร้าน เห็นพี่แช่มยืนพิงรออยู่ข้างรถ “เรียกหอมออกมาทำไม”
“หลังรถ”
“หลังรถทำไมอะ”
“ไปดูดิ” พอเขาบอกแบบนั้นผมก็เดินมาเปิดหลังรถดู
ตึกตัก
ผมกวาดสายตามองตุ๊กตานกฮูกที่อัดแน่นอยู่ในนั้น รอบๆ มีไฟดวงเล็กๆ ตกแต่ง ตรงกลางมีช่อดอกไม้สีฟ้าวางอยู่ ร่างสูงหยิบมันออกมาก่อนจะส่งให้ เขาโน้มลงมาจูบบนหน้าผากผมเบาๆ รอยยิ้มของคนตรงหน้าปรากฏขึ้นซึ่งผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย
ทำอะไรแบบนี้ก็เป็นแฮะ
“อะไรเนี่ย”
“วันนี้เป็นวันครบรอบเดือนที่ 6 ของเราไง เราเป็นแฟนกันมาครึ่งปีแล้วนะ”
“หอมนึกว่าพี่ลืมแล้ว เห็นเดือนก่อนไม่มีอะไรแบบนี้”
“ก็รอให้ครบครึ่งปีไง” เจ้าตัวยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “ชอบไหม”
ผมพยักหน้ารับ “ชอบมากเลย ขอบคุณนะ ว่าแต่นี่มันดอกอะไรอะ”
“มันคือดอกไฮเดรนเยีย มันมีความหมายถึงความเย็นชา แต่อีกนัยนึงมันก็ใช้แทนการขอบคุณ.....พี่ขอบคุณน้องหอมนะ ที่อยู่กับพี่มาจนถึงตอนนี้ คอยอดทนแม้ว่าพี่จะงี่เง่ามากแค่ไหนก็ตาม” พี่แช่มรั้งผมเข้าไปกอดไว้
“พี่แม่งโคตรโชคดีเลยที่มีน้องหอม อยู่เป็นความโชคดีของพี่ไปทุกวันเลยนะ”“หอมจะไปไหนได้ล่ะ” ผมผละกอดจากเขาก่อนจะหยิบกล่องจี้ในกระเป๋าส่งให้ “อันนี้ของที่หอมเตรียมมาให้พี่”
“มันคือ....จี้ใบโคลเวอร์สี่แฉก”
“มันคือใบโคลเวอร์สี่แฉกที่พี่เคยให้หอมไว้ตอนที่เราเจอกันไง หอมเก็บมันไว้ตลอดจนถึงตอนนี้เลยนะ” ผมจับสร้อยที่คล้องเกียร์ของพี่แช่มออกมาก่อนจะติดจี้เพิ่มเข้าไปให้ “ทีนี้เราก็จะมีเหมือนกันแล้ว”
“พี่นึกว่าน้องหอมจะทิ้งมันไปแล้วซะอีก”
“ไม่ทิ้งหรอก เนี่ยะ ของที่ให้ไปก็เก็บเอาไว้ดีดีนะ”
“พี่จะเก็บเอาไว้ให้ดีที่สุดเลย” พี่แช่มยกจี้ขึ้นจูบเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”
ผมยิ้มหวานให้เขาพลางยกมือขึ้นไปกุมแก้มเจ้าตัวเอาไว้ จากวันแรกที่เจอกันมันเกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะเลย แต่ดีตรงที่ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าอนาคตที่แน่นอนมันเป็นยังไง แต่รู้ใจตัวเองนะว่าคงจะไม่ไปไหนจากคนตรงหน้า ผมรักเขา อดทนและทำหลายๆ อย่างเพื่อให้เขายิ้มได้เหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้ ผมอยากให้เขามีความสุขมากๆ ไม่อยากให้เขาเสียใจและเปลี่ยนไปเป็นใครที่ผมไม่รู้จักอีก
พี่แช่มควรเป็นคนที่ยิ้มเก่งแบบนี้แหละ
ก่อนหน้านี้ที่ความสัมพันธ์ของเราสั่นคลอนด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ผมไม่สามารถรับรู้มันได้และตัวพี่แช่มเองก็พูดถึงไม่ได้เหมือนกัน มันเป็นช่วงที่แย่มาก ในหัวผมคิดมาตลอดว่าตั้งแต่รู้จักกันมา คำที่เขาพูด การกระทำต่างๆ ของเขา มันจริงจังรึเปล่า เขาทำเหมือนเขารักผมแต่ระหว่างเรามันไม่มีชื่อเรียก ผมรอสถานะนี้มา 2 ปี ตอนแรกรออย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าปลายทางมันจะจบลงยังไง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ
บางทีการรอคอยของผม มันอาจจะดีแล้วแหละ
รอให้พี่แช่มเอาชนะในสิ่งที่เขากลัว
รอเพื่อเรียนรู้ในอะไรหลายๆ อย่าง
รอเพื่อให้รู้ว่าผมคิดผิด.....ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จริงจัง
คนตรงหน้าพิสูจน์แล้วครับว่าระหว่างเรามันเป็นยังไง
“พี่เชื่อไหมว่าช่วงที่เรารู้ว่าใจเราตรงกัน แต่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่มีชื่อเรียก หอมรู้สึกยังไง”
“น้องหอมเสียใจ....พี่รู้ มันผิดที่พี่ เวลาที่ผ่านไปก่อนหน้านั้น พี่ก็คงต้องปล่อยให้มันผ่าน เวลาที่พี่มีคือหลังจากนี้เพราะงั้นพี่จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้น้องหอมต้องเสียใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา”
“ขอบคุณนะ....ตัวหอมเองก็จะพยายามเหมือนกัน”
“ทีนี้ก็รู้แล้วนะ”
“รู้ว่าอะไร”
“ก็....” มือเรียวหยิบโทรศัพท์มากดอะไรยุกยิกๆ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือนของทวิตเตอร์ที่พี่แช่มแท็กมา ข้อความที่ปรากฏนั้นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกไป “หอมต้องตอบไหม”
“ต้องตอบสิ”
“ได้....”
Charit @Charitpedd
ผมน่ะจริงจัง....ไม่ได้แค่ขำๆ
@KhH22_luc.
.
Kh. @KhH22_luc
กำลังตอบกลับถึง @Charitpedd
งั้นจริงจังกับผมตลอดไปเลยนะครับ.
.
Charit @Charitpedd
กำลังตอบกลับถึง @KhH22_luc
เรื่องนั้น.... “แน่นอนอยู่แล้วครับ”
ริมฝีปากบางกดจูบลงมาแผ่วเบา ความอบอุ่นนี้ที่ผมชอบและทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส ไม่เคยคิดเลยว่าความรักจะทำให้เรามีความสุขมากขนาดนี้....จนกระทั่งมาเจอเขานี่แหละ
ผมจะดูแลความสุขนี้ไปนานๆ เลย
“....รักนะ”
“รักเหมือนกันครับ” ---------- END ----------
สวัสดีปีใหม่ค่ะบี๋ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงและร่่ำรวยมากๆ นะคะ
ชาลมาส่งนิยายบทส่งท้ายของจริงจังหรือแค่ขำๆ แล้วนะ
ชาลดีใจที่นิยายเรื่องนี้จบลงได้นะคะ ใช้เวลาานานเลย ปีกว่า เป็นเรื่องที่ 4 ของโปรเจกต์เลิฟไรท์ซึ่งชาลรู้สึกว่าตัวเองเก่งเหมือนกันที่เขียนนิยายมาจนจบถึงเรื่องนี้แล้ว
เหมือนกับทุกกครั้งนะ ชาลหวังว่านิยายเรื่องนี้จะให้อะไรกับบี๋ไม่มากก็น้อยนะ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ