จับผิดน้องชายข้างบ้าน
แสงแดดร้อนแรงยามบ่ายสาดส่องไปทั่วพื้นที่ธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ภายนอกอาคารแสงจากดวงอาทิตย์อาจจะร้อนจนแสบผิวแต่ไม่สามารถทะลุกระจกกรองแสงคุณภาพดีของห้องทำงานบนชั้นที่ 36 แห่งนี้ได้
ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งขมวดคิ้วจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เขม็ง จนเลขาสาวที่เข้ามาเสิร์ฟของว่างยามบ่ายคิดไปต่างๆนานา
เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้ทำงานตรงไหนผิด ไม่ได้ลืมนัดลูกค้าคนสำคัญ ไม่ได้ลืมส่งสรุปประชุมเมื่อเช้า รวมทั้งตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อนที่จะส่งให้ท่านรองประธานเรียบร้อย นึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้ท่านรองประธานต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น
“คุณเพชรคะ ของว่างค่ะ” เลขาสาวส่งเสียงเรียกเจ้านาย
“วันนี้ผมยังไม่หิว เอาไปเก็บไว้ก่อนนะครับ” ท่านรองตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตามามองเธอเลยแม้แต่น้อย มือขวาเลื่อนเมาส์ไม่หยุด ส่วนมือซ้ายก็เท้าคางอย่างใช้ความคิด
“คุณเพชรมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณไปทำงานต่อเถอะ ถ้ามีเดี๋ยวผมจะเรียกนะครับ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวเดินออกจากห้องไปทำงานต่อ ในหัวยังคงคิดวุ่นวายไม่หยุดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เจ้านายของเธอทำหน้าเครียดแบบที่น้อยครั้งจะได้เห็น
ครั้งล่าสุดที่รองประธานทำหน้าเครียดขนาดนี้น่าจะเป็นตอนที่มีหุ้นส่วนคนหนึ่งแอบทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยใช้ชื่อบริษัทบังหน้า
...เธอไม่อยากคิดต่อแล้วว่าคราวนี้เป็นเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านรองประธานเครียด
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานชั้น 36 ท่านรองบริษัทที่หลายคนนับถือไม่ได้เปิดไฟล์งานอย่างที่เลขาคิด คอมพิวเตอร์ประจำตัวถูกเปิดเว็บเบราว์เซอร์โหมดไม่ระบุตัวตนเพื่อไม่ให้เหลือเก็บในประวัติการใช้งาน
ใช่แล้ว ท่านรองประธานที่ผู้คนนับถือว่าเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกำลังเลื่อนดูแอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่ลงรูป 18+ ด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
เพชรรัตน์ยอมรับว่าเขาใช้งานทวิตเตอร์ในการส่องรูปของพวกแอคเค่อเพื่อระบายด้านมืดในจิตใจ ทว่านับตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนที่เพื่อนรักศีลเสมอกันส่งวาร์ปเด็กคนหนึ่งมาให้ จิตใจเขาก็เริ่มว้าวุ่น
ไม่ใช่เพราะเด็กมันน่ารัก ไม่ใช่เพราะก้นสวยๆ ผิวขาวๆ หรือเอวบางๆนั่น
...เขายอมรับก็ได้ว่าเด็กคนล่าสุดตรงสเปคเขาหมดทุกอย่าง
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่ายิ่งเขาส่องไปเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ถึงแม้เจ้าของแอคเคาท์จะไม่เคยลงรูปแบบเห็นทั้งใบหน้ามาก่อน แต่ทั้งวิธีการแต่งตัว สถานที่ที่ไปเที่ยวและช่วงอายุ ทั้งหมดนั่นทำให้เขานึกถึงน้องชายข้างบ้าน ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าน้องชายข้างบ้านในความทรงจำของเขาไม่มีทางทำแบบนี้
น้องชายข้างบ้านในความทรงจำของเพชรเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยรุ่นธรรมดา ติดเกมบ้าง เกเรบ้างแต่ก็ไม่ได้เสียการเรียน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นเจ้าของแอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่เขียนไบโอว่า
“รับแท้ ชอบของใหญ่ ยาว อวบ | ไม่คุย ไม่นัด ทำตัวน่ารำคาญขอบล็อค”แต่ยิ่งส่องเพชรก็ยิ่งคิดถึงน้องชายข้างบ้าน คนเรามันจะมีเสื้อแบบเดียวกัน ไปเที่ยวประเทศเดียวกัน หรือมีอาหารที่ชอบเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยหรอวะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย มีแต่จุดที่น่าสงสัยเต็มไปหมดจนหลังจากเคลียร์งานเสร็จเพชรรัตน์ต้องเปิดทวิตเตอร์ส่องแอคเคาท์นี้อีกครั้ง เปิดแอคทวิตเตอร์ 18+ กลางห้องทำงานนี่แหละ
กดรีเฟรชครั้งหนึ่งเห็นว่ามีทวีตอันใหม่ก็รีบเลื่อนไปดูทันที
....
ถามจริง
ใช่หรอวะ...
เพชรอ้าปากค้าง พูดไม่ออก ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด ใช่หรอวะ จริงหรอวะ อยู่เต็มหัวไปหมด
ชายหนุ่มกดออกจากเว็บ เปิดไฟล์งานที่เคยอ่านไปแล้วขึ้นมาอ่านอีกรอบ อ่านเสร็จก็โทรออกไปของานจากเลขาเพิ่มอีก
ฟ้ามืดแล้วแต่ไฟชั้น 36 บนอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ยังคงติดอยู่ รองประธานบริษัทยังคงอ่านเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่เอกสารเหล่านั้นไม่ได้เร่งด่วนอะไร ตั้งแต่เริ่มทำงานมานี่อาจจะเป็นวันแรกเลยด้วยซ้ำที่เขาไม่อยากกลับบ้าน
...พูดให้เจาะจงก็คือไม่อยากเจอเด็กข้างบ้าน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเรียกสายตาเขาขึ้นมาจากกองเอกสาร “เข้ามาครับ”
“คุณเพชรมีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เลขาของเขาเปิดเข้ามาหลังจากได้รับอนุญาต ถามคำถามเดิมที่เคยถามเมื่อสิบนาทีที่แล้ว
“ไม่มีครับ ผมบอกแล้วไงว่ากลับก่อนได้เลย”
“แต่ว่า...” ระเบียบเรื่องการเลิกงานของบริษัทเป็นเรื่องที่เพชรรัตน์อยากจะแก้ไขมาตลอด ยิ่งข้อที่บอกว่าเลขาห้ามกลับก่อนเจ้านายสำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ คนเป็นเลขาถ้าถึงเวลาเลิกงานแล้วก็สมควรได้กลับบ้านแบบพนักงานทั่วไปนั่นแหละ
“เดี๋ยวผมอ่านเอกสารนี้จบก็กลับแล้วครับ ไปเก็บของรอก่อนก็ได้ครับ” ทันทีที่เขาบอกว่าจะกลับหญิงสาวก็แสดงท่าทีดีใจอย่างเก็บไม่อยู่ เพชรรัตน์เซ็นต์เอกสารฉบับสุดท้ายของวัน ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเดินออกจากห้องทำงาน
“มืดขนาดนี้แล้วกลับยังไงครับ” เขาถามเลขาด้วยความเป็นห่วง รู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องอยู่จนฟ้ามืดทั้งที่ไม่มีงานเร่งด่วนอะไรเลย
“แฟนมารับค่ะ รออยู่ข้างล่างแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมตามไปขอโทษที่ทำให้เขารอดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเพชร คุณเพชรกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว”
“ก็ได้ครับ ยังไงฝากขอโทษแฟนคุณด้วยนะครับ”
“รับทราบค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่า” เลขาสาวเอ่ยลาเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง ส่วนเพชรต้องลงไปเอารถที่ชั้นใต้ดิน
เพชรรัตน์เคยคิดว่ากลับบ้านดึกขนาดนี้คงไม่ได้เจอหน้าเด็กข้างบ้านหรอก แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเลี้ยวเข้าหมู่บ้านเขาจะเห็นแผ่นหลังคุ้นตาเดินอยู่ข้างถนน ชายหนุ่มถอนหายใจ ถึงจะยังไม่อยากเจอหน้าแต่ใครจะไปใจร้ายปล่อยให้เดินคนเดียวได้ลงคอ
ชะลอรถจอดข้างเด็กชาย อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใครถึงได้ยกมือไหว้เมื่อเขาลดกระจกลง การกระทำที่แสนปกติของเด็กหนุ่มกลับดูผิดปกติในสายตาของเพชรไปซะอย่างนั้น
ไหว้สวยขนาดนี้ เป็นเด็กดีขนาดนี้ ใช่จริงหรอวะ
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ขอบคุณครับพี่” น้องยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถมา เพชรเกือบจะฟันธงไปแล้วว่าคงไม่ใช่น้องหรอก เด็กดีขนาดนี้จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันวะ แต่พอเหลือบมองหน้าแข้งขาวไร้ขนก็เหมือนโดนกระชากกลับไปจุดเดิมอีกครั้ง
ขาเด็กสมัยนี้มันเล็กแค่นี้เลยหรอวะ หรือเดี๋ยวนี้ร่างกายมนุษย์มันวิวัฒนาการไม่ต้องมีขนหน้าแข้งกันแล้ววะ
“วันนี้เลิกงานดึกจังเลยนะครับ” เสียงน้องเรียกเขาให้กลับมาโลกแห่งความจริง
แต่แม่ง.... เสียงน้องเหมือนกับเสียงคนในคลิปเลย“พอดีวันนี้งานเยอะ แล้วทำไมเราเข้าบ้านดึกจังเลยล่ะ”
“ไปทำงานบ้านเพื่อนมาครับ ก็เลยกลับดึก”
“ทำไมไม่ให้ที่บ้านไปรับล่ะ ต่อให้เราเป็นผู้ชายแต่กลับบ้านดึกคนเดียวมันอันตรายนะ”
“พ่อกับแม่ออกไปงานที่ต่างจังหวัดครับ เลยเหลือมีนอยู่บ้านคนเดียว”
“อ่อหรอ แล้วกินข้าวมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
คุยกันได้ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของน้อง มีนไหว้ขอบคุณอีกครั้งก่อนจะลงรถไป
น้องเป็นเด็กดีขนาดนี้ มึงว่าน้องจะทำแบบนั้นเหรอวะไอ้เพชร เหลวไหลน่าแต่ตอนที่น้องทำกุญแจบ้านตกแล้วก้มลงไปเก็บจนเห็นก้นกลมๆนี่มัน....
ประเด็นนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอยู่มาก ขอตีกลับเข้าที่ประชุมอีกรอบ
เช้าวันเสาร์อันเป็นวันหยุดของนายเพชรรัตน์ไม่สดใสเหมือนเดิม เกือบสัปดาห์แล้วที่เรื่องน่าสงสัยเรื่องเดิมยังคงถูกยกขึ้นมาถกเถียงในหัวทุกครั้งที่มีเวลาว่าง และวันนี้นายเพชรรัตน์ตั้งใจว่าจะจบเรื่องนี้ให้ได้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนโรคจิตที่ส่องทวิต 18+ ทุกวัน
อาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเรียบร้อยก็เดินไปกดกริ่งบ้านข้างๆ เด็กน้อยเจ้าของบ้านเดินออกมาด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นที่สั้นจนคนอายุมากกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง
บ้าน่า... ปกติจะตาย ชุดแบบนี้มันใส่สบาย ใครๆเขาก็ใส่กัน“พี่เพชรมาแต่เช้าเลย มีอะไรครับ”
“มีนยังเล่นเกมอยู่ไหมอะ” เด็กชายแม้จะยังไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าตอบ
“เล่นครับ แต่ก็ไม่บ่อยแล้ว”
“พอดีเพื่อพี่ส่งตัวทดลองของเกมใหม่มันมาให้อะ แต่พี่เกินวัยจะเล่นแล้วเลยมาถามเราว่าสนใจไหม”
“เกมอะไรหรอครับ”
“เกม Dream time เรารู้จักไหม มันยังไม่ได้วางขายเป็นทางการ”
“โห เกมนี้ดังมากเลยนะพี่ แค่ปล่อยเนื้อเรื่องออกมาก็เป็นกระแสไปพักนึงเลย เล่นครับเล่นๆ” เด็กชายตาวาว สายตาแสดงออกเต็มที่ว่าอยากจะเล่นเกมขนาดไหน
เนี่ย น้องมันก็เด็กม.ปลายทั่วไปนั่นแหล่ะ“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้นะ”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่มีนต้องคอมเมนท์อะไรให้ไหมครับ”
“ถ้าได้ก็ดีนะ จะได้เอาไปปรับปรุงเกมให้ดีก่อนวางขายจริง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เพชรรีบไหมครับ พอดีว่าเครื่องมีนเสีย ตอนนี้ส่งร้านซ่อมอยู่อาจจะได้สัปดาห์หน้าเลย” ดวงตากลมที่เคยสดใสเริ่มหมองลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเครื่องเล่นเกมของตัวเองเสียอยู่
“เอาเครื่องของพี่ไปเล่นไหมละ พี่เคยมีอยู่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวรอเครื่องซ่อมเสร็จแล้วค่อยเล่นก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องยกเครื่องไปไหนด้วย มันแพงกลัวทำตกแล้วมีนไม่มีเงินใช้คืน” มีนคิดมากจนเพชรชักจะหมันเขี้ยว เลยเผลอขยี้หัวเด็กมันไปทีนึง
ทำไมเป็นเด็กดีได้ขนาดนี้นะ
“คิดมากน่า งั้นไปเล่นบ้านพี่ก็ได้ ไม่ต้องยกเครื่องไปไหน เราว่างหรือเปล่า มีการบ้านไหม”
“ไม่มีครับ มีนทำเสร็จแล้ว”
“อืม งั้นไปบอกพ่อแม่ให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่ไปต่อเครื่องรอ”
“ครับ เดี๋ยวตามไปนะครับ”
เพชรต่อเครื่องเล่นเข้ากับทีวีพอดีกับที่น้องมาถึง แถมยังเอาแตงโมมาฝากกันอีกด้วย เขาเปิดเกมให้น้องชายข้างบ้านเล่นก่อนจะเอาแตงโมไปเก็บไว้ในตู้เย็น ขากลับไม่ลืมจะหยิบน้ำกับขนมไปฝากแขกของบ้าน
“มีน เราเล่นทวิตเตอร์ปะ” เพชรชวนน้องคุยเมื่อเห็นว่าอยู่ในฉากที่ไม่ต้องใช้สมาธิมาก
“ไม่ได้เล่นครับ ทำไมหรอครับ” เด็กชายตอบแต่ยังไม่ละสายตาไปจากหน้าจอเกม
“พี่ถามเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก พอดีพี่เจอคนนึงเหมือนมีนเลย”
“เหมือนขนาดที่พี่ต้องมาถามมีนเลยหรอครับ” น้องกดหยุดเกมแล้วหันหน้ามาคุยกับเพชรอย่างจริงจัง แต่มือยังกำจอยสติ๊กไม่ปล่อย
“ก็เหมือนนะ แต่คงไม่ใช่หรอก ก็มีนไม่ได้เล่นทวิตนี่”
“มีนอยากรู้จัง ขอดูได้ไหมครับ” คราวนี้มีนวางจอยสติ๊กลงแล้ว ขยับมานั่งข้างๆเพชรอีกด้วย
“จริงๆมันก็ไม่ดีหรอก แต่ถ้าเราอยากดูพี่ให้ดูก็ได้” เพชรมองหน้าน้องชายข้างบ้านที่แววตาดูไม่ใสซื่อเหมือนเคย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดทวิตเตอร์ เข้าแอคเคาท์ที่ส่องบ่อยที่สุดในช่วงนี้แล้วยื่นให้น้อง
มีนรับโทรศัพท์จากเขาไปเงียบๆ น้องไม่ได้พูดอะไร แต่เพชรเห็นน้องทำตาโตแวบนึงหลังจากก้มมองหน้าจอ
“ทำไมพี่เพชรคิดว่าเป็นมีนล่ะครับ ไม่เห็นเหมือนเลย เอาอะไรให้มีนดูก็ไม่รู้” น้องยื่นโทรศัพท์คืนเขาพร้อมท่าทีเขินอาย เพชรอยากจะทำใจเชื่อ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเชื่อไม่ลงจริงๆ
“มีนเลื่อนดูรูปที่ลงเมื่อสามวันก่อนสิ” เพชรรัตน์ยื่นโทรศัพท์ไปให้น้องอีกครั้ง น้องอึกอักแต่ก็ยอมรับไปแล้วเลื่อนไปดูรูปที่เขาบอก
“ไหนมีนลองบอกพี่สิครับ ว่ามันไม่ใช่รูปที่มีนถ่ายตอนแวะไปหาพี่ที่เมกา” เพชรจ้องหน้าน้องนิ่ง
อันที่จริงเขาควรจะสรุปได้นานแล้วว่าคนในทวิตเตอร์ก็คือคนเดียวกันกับน้องชายข้างบ้านของเขา เพราะทั้งโลเคชั่นและเสื้อผ้าของคนในรูปทั้งสองคนที่ปิดหน้าเอาไว้ เหมือนกับเมื่อเดือนที่แล้วที่เขาไปเที่ยวอเมริกากับเพื่อนและบังเอิญเจอน้องระหว่างทางไม่มีผิด ต่อให้คิดว่ามันจะบังเอิญยังไงก็เชื่อไม่ลงตั้งแต่วันที่เห็นภาพนี้แล้ว เพียงแค่หาเหตุผลที่น้องทำแบบนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง
“ถ้าพี่รู้อยู่แล้วจะถามมีนทำไม” น้องเงยหน้าจ้องเขาตาเขม็ง
ไม่มีอีกแล้วเด็กน้อยใสซื่อ
ไม่มีอีกแล้วเด็กน้อยที่เขินอายกับภาพวาบหวิบ
...ก็นั่นน่ะสิ ใครจะเขินภาพโป๊ของตัวเองที่ถ่ายเองกับมือกัน“พี่แค่ถามให้แน่ใจ ตอนแรกพี่ไม่เชื่อเพราะไม่คิดว่าเราจะทำแบบนี้”
“มีนก็บอกไปในนั้นแล้วไงว่าทุกคนก็ต้องมีด้านมืดกันทั้งนั้น แล้วที่พี่หามีนเจอได้ก็หมายความว่าพี่เพชรก็ไม่ต่างจากมีนหรอก” คำพูดน้องทำเพชรชะงักไปชั่วครู่ ก็จริงแบบที่น้องบอกถ้าเขาไม่อยู่ในวงการแบบนี้ก็คงหาน้องไม่เจอหรอก
“พี่ไม่ได้จะว่าอะไรเราหรอก แค่อยากเตือนให้ระวัง ขนาดพี่ยังรู้ได้คนอื่นก็อาจจะรู้ได้เหมือนกัน ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี” เรื่องนี้เพชรคิดมาหลายวันแล้ว ถ้าสมมติคนที่เขาสงสัยคือน้องชายข้างบ้านจริงๆเขาจะทำยังไง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าจะเตือนให้น้องระวังตัวให้มากขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะไปฟ้องพ่อแม่น้องหรือบอกให้น้องเลิกอะไรแบบนั้นเลยสักนิด
“อือ ครับ” น้องเหมือนจะแปลกใจที่เพชรไม่ได้ดุหรือว่าอะไร ขานรับโดยดีแต่ก็ยังจ้องหน้าเขาไม่เลิก
“พี่จะไม่บอกพ่อกับแม่ใช่ไหม”
“ไม่บอกหรอก แต่เราจะทำอะไรก็ระวังหน่อย ถ้าพวกคุณน้าเขารู้เขาอาจจะเสียใจนะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับที่ไม่บอกพ่อกับแม่” น้องยกมือไหว้ เพชรอดถอนหายใจไม่ได้ ขนาดรู้จากปากก็ยังยากจะเชื่ออยู่เลย
“อืม เล่นเกมต่อเถอะพี่ไม่กวนแล้ว”
มีนหันหน้าไปเล่นเกมต่อ แต่ปากก็ยังพูดพึมพำไม่หยุด “แต่จริงๆมีนก็ระวังแล้วนะ พี่นั่นแหละรู้ได้ยังไง”
“ก็แปลว่ายังระวังตัวไม่ดีพอไง หลังจากนี้ต้องระวังให้มากกว่านี้” ถึงจะรู้ว่าน้องพูดกับตัวเองแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบ ก็มันบังเอิญได้ยินนี่
“งั้นคราวหน้าพี่เพชรระวังให้มีนได้ไหม”
“หืม? หมายความว่าไงครับ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นะ มีนเห็นนะว่าพี่ฟอลอยู่ แถมเปิดแจ้งเตือนด้วย” น้องวางจอยสติ๊กลงอีกครั้งเพชรถึงได้รู้ว่าน้องไม่ได้กลับไปเล่นเกมต่อ แต่กลับไปปิดเกมต่างหาก
“ไม่เล่นเกมแล้วหรอเรา” เพชรพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“มีนอยากเล่นเกมอื่นมากกว่าครับ” เด็กน้อยเดินมาหาเพชร ทิ้งตัวลงนั่งบนตักหันหน้าเข้าหาเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เกมอะไรครับ” เพชรเริ่มเข้าใจความหมายการกระทำของน้อง น้องชายข้างบ้านของเขากลายเป็นแอคเค่อที่มีคนฟอลหลักหมื่นคนนั้นไปซะแล้ว
“ถ้าพี่ฟอลมีนอยู่พี่ก็ต้องรู้สิว่ามีนชอบเล่นเกมอะไรที่สุด” แขนเล็กยกขึ้นมาคล้องคอ ส่วนสะโพกก็บดลงมาไม่หยุดจนเพชรน้อยตื่นตัว
“มีนที่พี่เคยรู้จักกับมีนคนนี้คนไหนคือตัวจริงกันแน่ หืม?” เขากระซิบถามข้างใบหูขาว กัดเบาๆเป็นการลงโทษเด็กน้อย
“พี่เพชรต้องพิสูจน์เองแล้ว” เสื้อยืดตัวโคร่งของน้องหลุดลอยออกไปด้วยฝีมือเจ้าของบ้าน มือหนาบีบเค้นยอดอกสีสวยจนเจ้าของร่างครางกระเส่า ฝั่งคนอายุน้อยกว่าไม่ยอมแพ้ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกคนออกหมดในที่สุด
“อือออ พี่ อะ... พี่เพชร บะ...เบาหน่อย อ้าาาาาาาาา”
“อืมมม ไม่ใช่ว่าชอบแรงๆหรอครับ หืมมมม”
“อ๊างงงง.... ขอ... อืออออ ขอถ่ายคลิป อะ... ได้ไหม...”
“ครับ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ ซี้ดดด... อย่ารัดแน่นสิคนเก่ง”
“รู้ใช่ไหม.... อ่าาาาา... ว่าต้องถ่าย อะ.... แบบไหน”
“ครับ พี่ดูหมดทุกคลิปแล้วครับ”
----------------------------------------------------------------------
ใจจริงอยากเขียนน้องให้มันเแซ่บกว่านี้ แต่ไม่ได้แต่งนิยายมานานแล้วต้องเคาะสนิมกันยาวเลย
แต่งเรื่องนี้เพราะน้องคนหนึ่งที่เพิ่งเจอในทวิตเมื่อวาน มันอดไม่ได้จริงๆ 555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ