บทที่ 14
เวลอร์มองคนเก่งกดเขาไว้กับเตียง แรงแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก แต่พอเห็นใบหน้าเนียนงอง้ำ ดวงตาสวยยังชุ่มไปด้วยน้ำตาจึงจำใจยอม
"หยุดร้องได้แล้วฟาร์" เสียงทุ้มเอ่ยเบา แต่พอจะเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้ฟาเรสกลับปัดมือออก
"ไม่ได้ร้อง" เสียงหวานย้อนอย่างดื้อดึง
"ครับๆ ไม่ได้ร้อง" แต่ไหลอาบแก้มเลย...รู้สึกทั้งขำทั้งสงสาร
"ไปไหน ฮึก...มา"
"ไปกับโอซี่..." ริมฝีปากหนาหยักยิ้ม เห็นแบบนี้ก็อยากแกล้ง
ฟาเรสปาดน้ำตาออก เขารู้ว่าอีกคนจงใจยียวน จากที่น้อยใจตอนนี้เริ่มรู้สึกโมโหนิดๆ กำเสื้ออีกคนแน่นพลางจ้องหน้านิ่ง ร่างสูงรับรู้เลยว่าอีกคนไม่มีอารมณ์เล่นด้วยในตอนนี้
"มีคนที่มีพลังในการควบคุมมิติอยู่ เพื่อนเก่าฉันที่ชื่อริคัทโตมีพลังนั้น หมอนั่นจัดตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นที่ชื่อว่าฟอสโก ฉันอยากรู้ว่ากลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรและมีจุดประสงค์อะไรกันแน่" เวลอร์รีบยันกายขึ้นนั่ง เอ่ยตอบพลางคว้ากอดเอวบางไว้เมื่อเจ้าตัวทำท่าจะผละออก "ฉันอยากรู้ว่าตลอดหลายปีมานี่ พวกมันใช้ไวด์โซลทำอะไร มีเครือข่ายไหนคอยสนับสนุน มีความต้องการ มีเป้าหมายแบบไหน และใครได้ประโยชน์ แต่เพราะฉันโดนผนึกมานาน เอสทีเรียดตอนนี้คือที่ที่ฉันไม่รู้จักเลยต้องให้โอซี่ช่วย"
"นายบอกหมดเลยเหรอ โอซี่เชื่อใจได้ใช่ไหม"
"ฉันรู้ว่าหมอนั่นเป็นใครมาจากไหน โอซี่น่ะไม่ธรรมดา มีคนช่วยอะไรก็คงง่ายขึ้น" โอซี่แท้จริงแล้วเป็นลูกชายเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเวลอร์ ถึงว่าตอนที่ประลองกันพลังของหมอนั่นดูคุ้นนัก
"พวกที่เคยทำร้ายนายในเมือง ฉันไปตามสืบดูว่าพวกนั้นเป็นใครมาจากไหน จึงรู้ว่าพวกนั้นทำงานที่สกายเลาท์ เลยลองเข้าไปที่นั่นดู เนียนๆ เป็นลูกค้าเข้าไปน่ะ"
"แล้วได้อะไรมาบ้าง"
"เจ้าของก็แค่ให้เงินสนับสนุนพวกฟอสโกแลกกับการช่วยเหลือในการจัดประมูลของในตลาดมืดน่ะ ซึ่งของส่วนใหญ่เป็นของมีค่า บางอย่างก็ผิดกฎหมาย เลยจำเป็นต้องใช้พวกไวด์โซลในการกำจัดเสี้ยนหนามและคุ้มกันตัวเอง ซึ่งนั่นคงต้องปล่อยให้ทางเอเบรียนเป็นคนจัดการไป" คนฟังพยักหน้าเข้าใจ แต่ยังคงทำหน้าสงสัยในบางสิ่ง "มีอะไรอีก หืม"
"กลิ่น...กลิ่นน้ำหอมบนตัวนาย" ฟาเรสถามพลางหลบสายตาอีกคนที่จ้องมา กลิ่นน้ำหอมที่น่าจะเป็นของผู้หญิงมันทำให้เขาหงุดหงิด ถึงอีกคนจะอธิบายมาแบบนั้นก็เถอะ แต่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
“หึงเหรอ"
"เปล่านะ แค่รู้สึกไม่ชอบ" ท่าทีอึกอักกับพวงแก้มที่ซับสีเลือดทำเอาเวลอร์ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี แบบนี้เรียกหึงชัดๆ
"ฉันไม่ได้ทำอะไรหรอก ถึงที่นั่นจะเป็นที่อย่างว่าก็เถอะแต่แค่ไปนั่งดื่มจริงๆ" เสียงทุ้มอธิบายพลางเกลี่ยแก้มใสเบาๆ “ฟาร์น่ารักขนาดนี้ คงมองคนอื่นไม่ได้แล้ว"
"หล่อต่างหากละ" คนโดนชมรีบแย้ง "เชื่อได้เหรอ แล้วคืนก่อนละ จะบอกว่าออกไปสืบเรื่องพวกฟอสโกหรือไง"
"อืม ใช่"
"แล้วทำไมไม่บอกฉันละ"
"ก็บางทีมันก็อันตราย ฉันไม่อยากพาฟาร์ไปเสี่ยง ถ้าบอกต้องตามไปแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ"
"หึ ฉันคงไม่สำคัญพอที่จะรู้อะไรจากนายสินะเว" ดวงตาสีครามมองมาอย่างตัดพ้อ ทีกับโอซี่บอกได้ ทีกับเขาละ
"สำคัญสิ ฟาร์สำคัญที่สุด" ร่างบางนิ่งไปครู่ใหญ่ราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ คิ้วสวยขมวดหากัน แววตาดูหงุดหงิดคาใจ ในเมื่อตัดสินใจจะคุยคงต้องคุยให้ครบทุกเรื่องสินะ
"เว สถานะของฉันสำหรับนายตอนนี้คืออะไร" ฟาเรสตัดสินใจถามออกไปตามตรงเพราะต้องการความชัดเจน
"สำหรับฉัน ฟาร์คือ..." ดวงตาสีอำพันมองมาอย่างแน่วแน่ "คนที่ฉันรัก" ฉ่า...ใบหน้าเห่อร้อนและแดงซ่าน หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกจากอก รู้สึกมือไม้มันเกะกะจนต้องยกขึ้นมาปิดหน้าซ่อนความอาย
"ฟาร์" เวลอร์ยิ้มขำกับท่าทางของคนบนตักที่ตอนนี้เขินจนไปไม่เป็น "ฟาร์ครับ" เสียงทุ้มเย้าแหย่พลางดึงมือบางที่ปิดหน้าออก ฟาเรสก้มหน้างุดจนคางติดอกแต่ไม่อาจซ่อนใบหน้าที่แดงจัดลามถึงหูได้ จนต้องก้มลงฟัดแก้มแดงๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว
"งื้อ...พอแล้วเว" มือเล็กพยายามดันหน้าคนตัวโตออกห่าง รวบรวมความกล้าจ้องร่างสูงที่ยิ้มกว้างมาให้จนหน้าที่ร้อนอยู่แล้วร้อนยิ่งขึ้นจนแทบไหม้ "เว"
"ครับ ว่าไงครับ"
"คนที่รักกัน เขาไม่มีเรื่องปิดบังกันหรอกนะ" ฟาเรสบอก
"งั้นต่อจากนี้มีอะไรฉันจะบอกฟาร์ เพราะเราเป็นคนรักกัน ตกลงไหมครับ" ใบหน้าคมยิ้มทะเล้น แถมขโมยจุ๊บปากอิ่มไปที
"เอ่อ เฮ้ย ฉัน...ยังไม่ได้บอกเลย" ร่างบางตาโตปฏิเสธพัลวัน ขี้ตู่ชะมัด พอคิดย้อนถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ความรู้สึกที่ฟาเรสมีต่อเวลอร์นั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะให้พูดออกไปเลยก็อายชะมัด
"ตกลง" เสียงหวานแผ่วเบาราวกับกระซิบ แต่ก็ดังพอให้คนฟังยิ้มกว้างดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น รับรู้ถึงหัวใจดวงน้อยๆ ที่กำลังเต้นแรงของอีกคน...น่ารักเกินไปแล้ว
ฟาเรสซุกหน้าเข้ากับอกกว้างเพราะไม่กล้าสู้หน้า ขอเวลาตั้งหลักตั้งสติก่อน แต่เวลอร์ดันไม่ให้โอกาสนี่สิ ไหล่บางถูกรั้งออก เจ้าตัวเงยหน้ามองอย่างงุนงงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากสวยถูกฉกชิมอย่างรวดเร็ว สัมผัสร้อนเคล้าคลึงริมฝีปากนุ่มแผ่วเบา ขบเม้มริมฝีปากบนและล่าง หลอกล่อให้คนที่ตั้งตัวไม่ถูกสติกระเจิงไปไกล
"อืม..." เสียงครางผะแผ่วในลำคอ เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนหวานที่เริ่มจะเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาร่างบางอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ
"หวาน" เวลอร์ผละจูบเพื่อให้อีกคนได้โกยอากาศหายใจ ก่อนจะจุ๊บเบาๆ ซ้ำๆ แล้วประกบจูบต่ออย่างหิวกระหาย แต่ก่อนตอนที่โดนผนึกไว้ นึกสงสัยเหลือเกินว่าริมฝีปากตรงหน้าจะนิ่มแค่ไหนนะ และตอนนี้เขาได้หาคำตอบให้กับตัวเองเรียบร้อยแล้วว่า ไม่ใช่แค่นิ่ม แต่หวานล้ำจนติดใจ จูบกี่ทีก็ไม่เบื่อ
"อ๊ะ!!..." ฟาเรสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ถูกจับพลิกลงนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่คนตัวโตจะตามมาคร่อมทับมอบจูบร้อนแรงเสียจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน เสียงหวานครางอื้อในลำคอ
"แฮก!!! เว ใจเย็น" คนด้านบนผละออก จมูกโด่งซุกไซร้สูดกลิ่นหอมอ่อนตรงซอกคอแล้วเลยมาเป่าลมร้อนใส่ใบหูให้ขนลุกซู่
“ดะ เดี๋ยว…เบา โอ๊ย” คนใต้ร่างห้ามเสียงสั่นเมื่อมือกร้านสัมผัสไปทั่วร่าง ฉีกทึ้งเสื้อยืดที่ใส่นอนจนขาดติดมือ ริมฝีปากร้อนลากเลียกดจูบทั่วลำคอ เลื่อนลงมากัดที่ลาดไหล่ตามแรงอารมณ์จนจมเขี้ยว คนตัวเล็กร้องลั่นดึงสติที่กำลังจะหลุดของร่างสูงให้กลับมา
“เจ็บไหม ขอโทษ" เวลอร์ถามเสียงอ่อน พลางจูบซ้ำที่รอยกัด ลูบผมนุ่มเบาๆ ปลอบคนที่กำลังตระหนก เป็นแบบนี้ทุกทีที่ได้สัมผัสตัวอีกฝ่าย ผิวเนื้อนุ่ม กลิ่นกายที่เขาชอบ มันทำให้เขาอยากกัด อยากฟัด อยากขย้ำให้หนำใจ จนรู้สึกว่าตัวเองชักโรคจิตเกินไปแล้ว
"ทำไม" ฟาเรสดึงแขนอีกคนเอาไว้เมื่อร่างสูงทำท่าจะลุกหนี แววตาสีครามจ้องมองอย่างเจ็บปวด เป็นอีกครั้งที่ถูกทิ้งไว้แบบนี้ บางครั้งก็เหมือนต้องการในตัวเขา บางครั้งกลับทิ้งราวกับรังเกียจ ไหนบอกว่ารักกันไง แต่ทำไมต้องผลักไสกัน "อย่าทำแบบนี้ อย่าทำเหมือนไม่ต้องการฉันแบบนี้"
"ไม่ใช่แบบนั้น ฟาร์ ไม่ใช่" เวลอร์ร้อนรนเพราะอีกคนทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ "ก็แค่กลัว ไม่อยากทำร้าย ฟาร์ก็รู้ ฉันไม่ใช่มนุษย์ มันคุมตัวเองไม่ได้ ครั้งที่แล้วฉันเผลอทำร้ายนายไปขนาดนั้น ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก" เสียงทุ้มอธิบายพลางนั่งลงที่เดิม ก้มหน้านิ่งอย่างรู้สึกผิด เรียกรอยยิ้มน้อยๆ จากคนตัวเล็กเพราะไม่เคยเห็นเจ้าตัวทำหน้าหงอยแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าต้องรักษาระยะกันอยู่อย่างนี้ก็คงรู้สึกแย่พอกัน
"นี่เว" ฟาเรสเอามือทั้งสองแนบแก้มของร่างสูงให้สบตา ริมฝีปากสวยยิ้มเขินกับสิ่งที่กำลังจะพูด "ให้โอกาสแก้ตัว สนใจไหม" ร่างสูงนิ่งคิดพลางมองคนพูดที่ตอนนี้อายไปเรียบร้อย
"พูดเองนะ"
"อื้อ..." ลำแขนแกร่งคว้าเอาคนน่ารักพูดจาโดนใจมาให้รางวัลด้วยจูบร้อนแรง ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปตวัดเกี่ยวกับลิ้นในโพรงปากนิ่ม ลิ้มรสหวานอย่างดูดดื่ม เวลอร์นำฟาเรสตาม เสียงครางเครือของทั้งสองประสานกันไปกับเสียงชื้นแฉะของน้ำลาย เร้าอารมณ์ให้อุณหภูมิในกายเพิ่มสูงขึ้น
ร่างสูงดันคนในอ้อมกอดให้นอนราบกับเตียงนุ่มก่อนกำจัดเสื้อผ้าของเจ้าตัวออกให้พ้นทาง ทอดมองเรือนร่างขาวเนียนและสัมผัสมัน ช่างนุ่มนิ่มลื่นมือไปเสียทุกส่วน ร่างสูงพรมจูบไปทั่วหน้าก่อนมาจบที่ริมฝีปากสวยที่บวมเจ่อ หยอกเย้าให้อีกคนขาดอากาศหายใจเล่นแล้วละลงมายังลำคอขาว กดจูบ ขบเม้มทิ้งรอยไว้ไล่มาจนถึงแผ่นอกแบนที่กระเพื่อมขึ้นลงจากการหอบหายใจ พร้อมทั้งพยายามเตือนตัวเองไว้ไม่ให้รุนแรง
"อ๊ะ...ซี้ด" จี้สร้อยถูกปัดให้พ้นทางก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะก้มลงดูดดุนจุกเล็กข้างหนึ่งแรงๆ จนแทบหลุดติดปาก ส่วนอีกข้างไม่น้อยหน้าถูกนิ้วแข็งบดขยี้ "อิ๊...เว มัน ฮือ" ร่างบางบิดเร่าด้วยความเสียว แอ่นอกรับสัมผัสอย่างลืมตัว ฟาเรสดึงหมอนมาปิดซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความอาย มันต่างจากครั้งก่อนเพราะตอนนี้สติครบถ้วน ทำให้รู้สึกเขินจนแทบจะตายลงตรงนี้
"อย่าปิดสิ อยากเห็นหน้า" เวลอร์ผละออกจากยอดอกหลังจากเล่นจนพอใจ ออกแรงดึงหมอนที่ปิดหน้าคนใต้ร่างออก ฟาเรสมองมาแบบตื่นๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดแทน
"โป๊ขนาดนี้ มันน่าอายนี่" เสียงหวานละล่ำละลักบอก บิดไปบิดมาจนเวลอร์ยิ้มขำกับท่าทีน่าดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูของร่างบาง ชายหนุ่มผละออกมายืนที่ปลายเตียง แก้ผ้าตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับไปนั่งคุกเข่าตรงหว่างขาของคนขี้อายพลางโน้มหน้าลงไปใกล้ เป่าลมหายใจร้อนใส่หลังมือที่กำลังบดบังใบหน้าที่แดงจัด
"ฟาร์ครับ เอามือออกเร็ว อยากเห็นหน้านะครับนะ" เสียงทุ้มนุ่มหลอกล่อ พยายามแงะมือบางออก ขืนไว้แต่ก็สู้แรงไม่ไหวจนมือถูกคนตัวใหญ่รวบกดไว้ทั้งสองข้าง
"เว!!!" ฟาเรสร้องเสียงดังเมื่อได้เห็นเรือนกายแข็งแกร่งของคนด้านบนนั้นเต็มตา ถึงจะกระดากแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะไล่สายตาไปตามร่างอีกฝ่ายแบบทึ่งๆ ในความสมบูรณ์แบบของมัน ผิวกายที่ไม่ขาวไม่คล้ำดูสุขภาพดี แผ่นอกกว้าง หน้าท้องที่ขึ้นกล้ามเป็นลอนสวย จนถึงตรงนั้นที่กำลังขึ้นลำจนต้องหลับตาแน่นเพราะช็อกกับขนาดของมัน...เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย…
"โป๊เหมือนกันแล้ว ฉันยังไม่อายเลย"
"ก็นายมันหน้าด้าน อื้อ อย่าจับ อา ตรง...นะ นั้น" ฟาเรสหลุดครางเมื่อมือกร้านจับเอาน้องชายเป็นตัวประกันรูดรั้งเบาบ้างหนักบ้างจนเสียวเกร็งไปทั่วท้องน้อย ใบหน้าคมโน้มลงมาแลกลิ้นอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างก็ระรานไปทั่ว ร่างบางสั่นสะท้านในยามที่ถูกปรนเปรอ รู้สึกเกร็งในทุกครั้งที่ถูกริมฝีปากร้อนๆ สัมผัส ลิ้นร้อนลากเลียลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบก่อนละเลงสะดือจนอีกคนดิ้นพล่านด้วยความเสียว กดจูบฝากรอยไปทั่วหน้าท้อง ไล้ต่ำลงมาจนถึงไรขนอ่อนสีจางตรงท้องน้อย มือเรียวขย้ำผ้าปูที่นอนแน่นเพราะโดนปลุกเร้าไม่หยุด
"เว!!! ซี้ด เสียว อ้า" เสียงหวานครางลั่นเมื่อลิ้นร้อนโจมตีส่วนกลางกาย ตวัดเลียตรงส่วนปลายที่เริ่มฉ่ำแล้วครอบครองทั้งลำ หน้าขาถูกกดลงแนบฟูกนุ่ม ไม่อาจหลบหนีจากโพรงปากร้อนที่กำลังปรนเปรอเล่นเอาสติกระเจิง ได้แต่ครางหายใจหายคอแทบไม่ทัน ฟาเรสน้อยโดนรังแกด้วยจังหวะรูดรั้งที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร้องไห้ออกมาเต็มปากของอีกคนที่กลืนมันลงคออย่างไม่รังเกียจ เวลอร์ยกยิ้มร้ายแล้วลากเลียน้ำคาวจนเกลี้ยงก่อนจะวกขึ้นมาจูบคนใต้ร่างจนพอใจแล้วผละออกไปคว้าเอาโลชั่นหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมาเป็นตัวช่วย ไม่คิดว่าจะได้ทำแบบนี้เลยไม่ได้เตรียมตัว
“เอาจริงแล้วนะครับ” เวลอร์บอกเสียงพร่า ดึงมือบางขึ้นมาจูบหลังมืออย่างรักใคร่ พยายามใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป คนน่ารักอุตส่าห์ให้โอกาสแก้ตัว จะปล่อยให้สัญชาตญาณนำใจคงไม่ได้ เขาจะทำมันให้ดีและน่าประทับใจ ดวงตาสีครามฉ่ำน้ำช้อนมองอย่างออดอ้อน ริมฝีปากแดงช้ำยิ้มยั่วแล้วพยักหน้ารับ
แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านกระทบเรือนกายขาวที่บัดนี้เรื่อสีจากความปรารถนาที่ถูกปลุก ผิวเนียนเกาะพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ เทวดาตัวน้อยในวันวานบัดนี้เติบโตและงดงามจนไม่อาจละสายตา อยากจะทิ้งทุกอย่าง ช่างหัวพวกฟอสโก ช่างหัวพวกไวด์โซล เขาอยากพาฟาเรสหนีไปให้ไกล ไปในที่ที่มีแค่พวกเขาสองคน
“เว” คนตัวเล็กเอ่ยเรียกเสียงสั่น สัมผัสจากฝ่ามือร้อนพานให้ภายในกายร้อนตาม ตาคมดุจนักล่าจ้องมองมาอย่างหิวกระหาย กระตุ้นให้ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและหวาดหวั่น เรียวขาถูกจับแยกกว้างแล้วรับรู้ถึงสัมผัสเย็นชื้นตรงส่วนล่างก่อนจะสะดุ้งจากนิ้วที่ค่อยๆ สอดเข้ามา
“อ๊ะ…” ฟาเรสครางแผ่วในยามที่สิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่าง มันค่อนข้างเจ็บจนเกร็งไปทั้งตัว กลีบเนื้ออุ่นนุ่มตอดรัดนิ้วเรียวแน่นจนยากจะขยับ
“ไม่เกร็งนะ เจ็บไหม เจ็บจนทนไม่ไหวให้รีบบอกฉันนะ” ใบหน้าคมก้มจูบซับหยาดเหงื่อที่ไหลซึมทั่วกรอบหน้าเนียน ค่อยๆ กดนิ้วเข้าไปลึกขึ้นแล้วหมุนคว้านไปตามผนังนุ่ม เมื่อคุ้นชินความรู้สึกซาบซ่านเริ่มกระจายไปทั่วร่างจนเรียกเสียงครางหวานจากร่างบาง
“ฮ่ะ อ้าาา” นิ้วที่สองถูกเพิ่มเข้าไปช้าๆ จนช่องทางหวานเริ่มเข้าที่เข้าทางจึงสอดเพิ่มเข้าไปเป็นนิ้วที่สาม มันตึงแน่นไปหมด อึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง นอกจากความเสียวซ่านยังมีความเจ็บตามมาให้น้ำตาคลอ นิ้วเรียวขยับช้าๆ ดึงเข้าดึงออกสลับกับหมุนวนจนสัมผัสกับจุดกระสันในช่องทางนุ่ม เล่นเอาคนตัวเล็กกระตุกเกร็งไปทั้งร่างด้วยความเสียว
“เว…อ๊ะ มัน ซี้ด” คนข้างใต้เริ่มครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อความไม่คุ้นชินแปรเปลี่ยนเป็นรัญจวนในอารมณ์ มือหนึ่งปรนเปรอให้ร่างบาง ส่วนอีกมือเวลอร์ใช้มันขยับรูดตัวตนที่แข็งขืนจากภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้า ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำกัดปากบ้าง เผยอครางบ้าง ดวงตาฉ่ำหวานช้อนมองมาดูเว้าวอน มันยั่วเสียจนอยากจะกระแทกเข้าใส่เสียตอนนี้แต่กลัวอีกคนจะบอบช้ำ
"รอไม่ไหวแล้ว" เวลอร์บอกเสียงแหบพร่า ริมฝีปากสวยยิ้มหวานก่อนจะวาดแขนคล้องคอร่างหนาลงมาจูบอย่างดูดดื่ม
"แล้วใครบอกให้รอเล่า ไอ้บ้า" ความเขินอายจำต้องโยนทิ้งไปในเมื่อความต้องการมีมากกว่า ทิ้งท้ายด้วยประโยคน่ามันเขี้ยวชวนให้จัดหนักๆ
"ปากดีนะเรา" ใบหน้าคมยิ้มร้ายพลางดึงขาเรียวขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง บีบโลชั่นใส่แก่นกายที่แข็งราวกับหินจากอารมณ์ที่คั่งค้าง ชโลมจนทั่วแล้วยกตัวเอาท่อนเนื้อร้อนถูไถช่องทางสีหวานจนคนใต้ร่างสั่นสะท้าน ความอยากที่เจือมาด้วยความกลัวในตัวตนของมัน
"ฮึก เว ...อะ" เสียงหวานสะอื้นแผ่ว เมื่อท่อนเนื้อร้อนกดเข้ามาในร่างเพียงแค่ส่วนหัวก็เจ็บหน่วงจนน้ำตาซึม ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้ว แต่เอาเข้าจริงมันก็เกินจะรับไหวอยู่ดี
"ฟาร์...อย่าเกร็งนะครับ หายใจเข้าลึกๆ" ริมฝีปากสวยผ่อนลมหายใจช้าๆ เวลอร์พรมจูบไปทั่วใบหน้าเนียนแล้วมอบจูบอ่อนหวานหลอกล่อให้คนใต้ร่างได้ผ่อนคลาย แรงบีบรัดตัวตนเบาลงเอวหนาจึงดึงดันแก่นกายเข้าช้าๆ ผนังร้อนตอดถี่คับแน่นจนร่างสูงต้องซี้ดปากอย่างเสียวซ่าน มือบางเกาะไหล่เขาแน่นพลางรั้งกายเข้าหา คิ้วเรียวขมวดมุ่นกัดริมฝีปากจนแดงช้ำอย่างทรมาน น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มจนร่างของทั้งสองแนบชิดกันในที่สุด
"ดีมาก คนเก่ง" เวลอร์จูบซับน้ำตาให้ร่างบางพลางลูบหัวเบาๆ
"อือออ...เว ระ...ฮะ รอก่อน มัน อึดอัด" ใบหน้าสวยเหยเกกับความรู้สึกมากมายที่ตีรวนจากเบื้องล่าง ทั้งเจ็บทั้งแสบ ท่อนเนื้อร้อนที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในทำเขาอึดอัด ความรู้สึกซาบซ่านจะแผ่ลามไปทั่วสรรพางค์กาย ฟาเรสพยักหน้าพลางยิ้มฝืนให้คนตัวโต
"อ๊ะ อาห์ เว ฮือ" คนตัวเล็กครางเสียงขาดๆ ในยามที่ท่อนเอ็นร้อนถูกดึงจนเกือบหลุดแล้วกดเข้ามาจนมิด บดวนหนักหน่วงให้อีกคนบิดเร่าด้วยความรัญจวน ทำแบบนี้อยู่สักพักก่อนจะดำเนินบทรักเนิบช้า แต่ทุกจังหวะเน้นหนักจนคนตัวเล็กโยกคลอนไปตามแรง แรงตอดรัดจากผนังนุ่มที่อุ่นร้อนทำให้เขาต้องคำรามต่ำอย่างข่มใจ พยายามสะกดตัวตนอีกด้านที่เริ่มเข้าครอบงำ ประคองสติไม่ให้เป็นไปตามสัญชาตญาณแม้จะสวนทางกับความต้องการมากเพียงใด
ฟาเรสปรือตามองใบหน้าคมที่พร่างพรมไปด้วยหยาดเหงื่อจนหยดลงมาบนตัวเขา คิ้วเข้มขมวดมุ่นขบกราม ดูอดกลั้นเต็มทน จึงรู้ว่าอีกคนกำลังฝืนตัวตนมากแค่ไหน
"เว...ฮึก..." มือบางทั้งสองยกขึ้นทาบแก้มคนบนร่างให้มองสบตา เวลอร์เลิกคิ้วน้อยๆ มองตอบมาโดยที่ช่วงล่างยังคงจังหวะเนิบนาบต่อไป "ทำที่อยากทำ ฮึก เถอะ อ๊ะห์ ฮะ ฉัน ไม่เป็นไร" สิ้นเสียงหวานที่เหมือนคำอนุญาต ตัวตนอีกด้านจึงไม่ถูกหยุดยั้งอีกต่อไป
เสียงกระแทกหนักของจังหวะรักที่รุนแรงขึ้นตามอารมณ์ดิบเถื่อนจากภายใน ส่วนร้อนสอดใส่รุนแรงโดยมีสองมือกดรั้งเอวบางเข้ารับในทุกจังหวะจนอะไรๆ มันเข้าลึกกระแทกจุดกระสันของร่างรัวๆ ฟาเรสสะบัดหน้าครางลั่นด้วยความเสียวซ่าน จิกข่วนไปตามแผ่นไหล่กว้างด้วยแรงอารมณ์
"อาาาา โคตรแน่นเลย"
"ฮึก เบา โอ๊ย ซี้ด เว อะ อ้าาาาห์ เบา มันลึก" เสียงหวานกรีดร้องอย่างทรมานเมื่อร่างสูงใส่ไม่ยั้งจนหัวหมุน เสียงครางและกลิ่นกายทำเอาเวลอร์หน้ามืดตามัว กลืนกินร่างกายนี้อย่างบ้าคลั่ง มัวเมาจนแทบจะควบคุมจิตใจไม่ได้ เสียงคำรามต่ำของอสูรร้ายฟังดูสุขสมถูกใจ รู้อย่างเดียวในตอนนี้คืออยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของคนใต้ร่างให้เป็นของเขาคนเดียว
สองเสียงครางประสานกันจนดังลั่นห้อง บัดนี้อุณหภูมิภายในร้อนระอุจากบทรักร้อนแรง รสจูบเร่าร้อนถูกส่งมอบให้กันไม่ได้ขาด แลกลิ้นกันพัลวันแบบไม่มีใครยอมใครทั้งที่ส่วนล่างยังสอดประสานรัวแรงไม่มีตก ในยามที่มือกร้านบีบเคล้นไปทั่วร่างพร้อมกับริมฝีปากร้อนที่ลากเลียขบกัด แม้เจ็บแสบแต่ก็รู้สึกดี หรือเขาจะเสพติดความรุนแรงไปเสียแล้ว
"อ๊าาาห์ เว เร็ว ใกล้ ฮ้าาา ละ แล้ว" ฟาเรสเรียกร้องอย่างลืมอายยามที่อารมณ์ถูกฉุดจนเกือบปลายทาง ส่งเสียงครางหวานไม่ขาดปากเมื่อคนบนร่างกระหน่ำใส่ไม่ยั้ง จนร่างบางกระตุกเกร็งปล่อยออกมา
ปฏิกิริยาของร่างบางในยามถึงจุดสุดยอดบีบรัดตัวตนของเวลอร์แน่น เร่งรัดให้ร่างสูงต้องรีบตามไปด้วยการกระแทกหนักๆ หลายครั้งแล้วปลดปล่อยทุกความต้องการฉีดอัดเข้าไป ทำเอาฟาเรสอุ่นวาบจากภายใน น้ำคาวไหลล้นออกมาอาบไปทั่วง่ามขาที่สั่นระริก ร่างสูงทิ้งตัวลงมากกกอดเขาไว้โดยที่ส่วนล่างยังเชื่อมกัน
"รักฟาร์นะ" เสียงทุ้มกระซิบบอก กดจูบเบาๆ ที่หน้าผากมน ฟาเรสยิ้มรับอย่างเหนื่อยอ่อนพลางหลับตารับรสจูบอ่อนโยนที่อีกคนมอบให้อย่างเต็มใจ ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาก็คิดเหมือนกัน
"เว พักก่อน ขอ อาาาา พักแป๊บ" ฟาเรสบอกเสียงสั่นเมื่อสิ่งที่ยังคาอยู่ในร่างเริ่มผงาดอีกครั้ง
"อยากพักก็อย่าตอดกันสิที่รัก" เวลอร์บอกเสียงพร่าจับร่างบางพลิกคว่ำหน้า ทำให้ท่อนเนื้อครูดกับผนังร้อนภายในทำเอาฟาเรสร้องลั่นเพราะทั้งแสบทั้งเสียวในคราวเดียวกัน
"อ๊าห์ เว...ฮืออออ เดี๋ยว อ๊ะ" ฟาเรสหมดสิทธิ์จะห้ามปรามเมื่อสะโพกกลมกลึงโดนจับยึดในยามที่แก่นกายกระแทกเข้ามาในร่างจนความรู้สึกเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วกาย การร่วมรักที่ปราศจากฤทธิ์ยาทำให้รับรู้ทุกความรู้สึกทุกสัมผัสได้ดีเยี่ยม มันเต็มตื้นไปทั้งใจ ฟาเรสแทบสำลักความสุขสมที่เวลอร์มอบให้ แม้จะรุนแรงไปนิดแต่เขาก็ยินดี เมื่อทุกสิ่งดำเนินไปด้วยความต้องการและเต็มใจของเขาเอง
……………………………………………...
ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำ ปราสาทสีขาวตั้งตระหง่านภายใต้แสงจันทร์ ภายในวังเวงช่างน่ากลัวผิดกับรูปลักษณ์ที่งดงามของมัน บนหอคอยทิศตะวันตก ร่างโปร่งยืนพิงขอบระเบียงพลางเหม่อมองไปข้างหน้า ใบหน้างดงามกับนัยน์ตาสีครามว่างเปล่าทำให้ดูมีเสน่ห์แต่น่าเกรงขามอยู่ในที
“คืนนี้อากาศหนาวจัด ท่านไม่ควรยืนอยู่ตรงนั้นนานเดี๋ยวจะป่วยเอา” เสียงเตือนจากองครักษ์คนสนิทดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างกายกำยำเดินเข้ามาหาพร้อมคลุมไหล่บางด้วยผ้าขนสัตว์ผืนหนา
“มีคืนใดบ้างที่อินเวียโนไม่หนาวเย็น”
“แต่ร่างกายท่านไม่เหมือนแต่ก่อน”
“ฉันรู้” ผู้ฟังถอนหายใจ ระยะหลังมานี้ร่างกายที่แม้มีอายุยืนยาวหากแต่เริ่มถดถอยจนรู้สึกได้ เขารู้สาเหตุดี
“เด็กนั่นออกจากอานิมาแล้ว กำลังจะเดินทางไปเรดิเอนซี่ เป็นโอกาสดีหากเราจะส่งคนไปจัดการ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ว่าแล้วก็หันไปสบตาผู้ใต้บัญชาที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลัง “เด็กนั่นมีสายเลือดเดียวกับฉัน จับมาเป็นๆ แต่ตอนนี้ปล่อยไว้ก่อน ให้พลังของเด็กนั่นพัฒนาอย่างเต็มที่ เลือดนั่นจะช่วยฟื้นพลังฉันให้กลับมาดังเดิม”
“ขอรับนายท่าน” ร่างแกร่งรับคำก่อนทำท่าจะผละจากไปหากแต่โดนมือเรียวคว้าไว้จึงยังไม่ขยับ
“บอกเองไม่ใช่หรือว่าคืนนี้อากาศหนาวเย็น แล้วจะทิ้งให้นอนคนเดียว ใจร้ายเหลือเกิน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยตัดพ้อ ดวงตาสีครามช้อนมองร่างกำยำตรงหน้าอย่างเชิญชวน
องครักษ์หนุ่มยิ้มบางก่อนจะจูบหน้าผากมนนั้นอย่างเอาใจ ดวงตาสีอำพันสวยทอประกายอบอุ่นก่อนจะช้อนอุ้มร่างโปร่งขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ไปยังเตียงหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลาง มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้เห็นมุมนี้ของผู้เป็นนาย หลายคนอาจสวามิภักดิ์ต่อชายคนนี้เพราะพลังอำนาจ แต่เขานั้นรับใช้ติดตามด้วยหัวใจ
“ต่อให้ฉันกลายเป็นปีศาจร้าย ก็จะไม่ทิ้งไปไหนใช่ไหม” ร่างโปร่งว่าพลางซุกหน้าเข้าหาไออุ่นของร่างใหญ่
“วันนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
..................
ขอโทษที่หายไปนาน ใกล้งานหนังสือแล้วช่วงนี้หน้านามากจ้า ชีวิตกรรมกรหน้าคอมช่างสุดแสนทรมาน
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ