#มนุษย์โอ่ง
1
ผมอยู่ในโอ่ง ที่ขนาดกว้างพอให้ผมเข้าขดตัวอยู่ข้างใน ในนี้ไม่มีใครมารบกวนทำให้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ดำดิ่งอยู่กับความมืดในโอ่งอย่างเพลิดเพลิน โลกในโอ่งใหญ่พอสำหรับตัวผมแล้ว และไม่คิดต้องการจะให้ใครมาอยู่ร่วมกับผมอีก
บางครั้งโอ่งก็ต้องกลิ้ง แม้ว่าใจจริงผมอยากจะตั้งโอ่งไว้ในมุมห้องที่ไม่มีใครเดินผ่าน ซุกตัวอยู่ในโอ่งเงียบๆ คนเดียวไปวันๆ แต่ผมจำเป็นต้องกลิ้งโอ่งไปที่อื่นบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อตัวผมเอง
ผมกลิ้งโอ่งไปซื้อกับข้าวเพื่อนั่งกินในโอ่ง กลิ้งโอ่งไปซื้อน้ำหวานๆ ดับกระหายและคลายร้อนในบางครั้ง กลิ้งโอ่งไปซื้อขนมเพื่อให้ในยามทำงาน จะได้มีอะไรขบเคี้ยวในปากเพลินๆ
มีบางครั้งที่ผมกลิ้งโอ่งไปยังพื้นที่ที่มีคนชุกชุม อย่างเช่นร้านกาแฟ สถานที่ยอดฮิตในการรวมตัวของสมัยนี้ เพื่อไปฟังเสียงมนุษย์คนอื่นๆ บ้าง
และวันนี้ก็เป็นโชคร้ายของผมที่ตำแหน่งของโอ่งดันไปอยู่ใกล้กับมนุษย์เสียงแหลมพูดมากคนหนึ่ง...
ผมต้องการเสียงมนุษย์ก็จริง แต่ไม่ได้ต้องการได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำเช่นนี้ บางครั้งผมก็แค่ต้องการได้ยินเสียงผู้คนคุยกันคลอๆ เป็นฉากหลัง เพื่อเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานก็เท่านั้น แต่เสียงของหล่อนดังทะลุเข้ามาในโอ่งของผม แม้พยายามมุดตัวหนีไปก้นโอ่งก็ยังได้ยินเสียงหล่อนอยู่ จนผมทนไม่ไหว ต้องกลิ้งโอ่งจากร้านกาแฟไปเพื่อนำมันไปตั้งเงียบๆ ที่มุมห้องนอนของตัวเองอย่างเคย
2
มนุษย์โอ่งไม่นิยมพูดคุยกับใคร เพราะหลงใหลในความเงียบมากกว่า
ในโอ่งเงียบเหมือนอยู่ในห้วงอวกาศ ที่แตกต่างเห็นจะมีแค่เรื่องอากาศหายใจ ในโอ่งไม่ได้กลายเป็นสุญญากาศ และแน่นอน ผมย่อมได้ยินเสียง
เสียงของผู้ชายสองคนด้านหลังที่คุยกัน แม้จะเบา แต่ก็ดังพอที่จะทะลุโอ่งของผมได้
ผมคงไม่ได้สนใจถ้าหากว่าหัวข้อการสนทนาข้างนอกโอ่งนั่นหมายถึงตัวผม และเขาก็ยังเดินตามหลังผมอยู่ติดๆ อยู่อย่างนี้
เมื่อความอดทนของผมถึงขีดสุด ผมจึงหันไปมองหน้าเขา เพื่อบอกให้รู้ว่าโอ่งผมไม่ได้เป็นสุญญากาศ และผมได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันชัดเต็มสองรูหู
พวกเขาทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมหันไปหา
ผมกลิ้งโอ่งจากไป ก่อนได้ยินเสียงสุดท้ายตามมา
“ชิบหาย เขาไม่ได้ใส่หูฟังว่ะ”
3
มนุษย์โอ่งมักจำหน้าผู้คนไม่ค่อยได้ เพราะเอาแต่อยู่ในโอ่ง ในโลกมืดๆ ที่สุขสบายของตัวเอง การโฟกัสโลกภายนอกเป็นเรื่องไร้สาระ จนกระทั่งเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งมาเคาะโอ่งผมเพื่อทักทาย และผมคิดว่าผมไม่รู้จักเขา
“ที่เคยเจอตอนนั้นจำได้ไหม”
แน่นอนว่าไม่
“...ที่แอบพูดถึงนายตอนเดินอยู่ข้างหลังอ่ะ”
มนุษย์โอ่งจำหน้าใครไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะความจำสั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่เคยเสียมารยาทใส่ผมครั้งก่อน
ผมพยักหน้าตอบเขาและชักสีหน้าไม่พอใจ
“คือขอโทษที่แอบนินทานะ...”
ไม่น่าเรียกว่าแอบนะ แต่เรียกว่านินทาลับหลังได้มั้ย ก็ตอนนั้นเขาอยู่ข้างหลังผมนี่
“คิดว่าคุณน่ารักดี”
“...”
“อยากรู้จัก”
4
โอ่งของผมเต็มแล้ว และไม่คิดว่าจะมีใครอยากอยู่ในโอ่งด้วยกันอีก เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ได้ตอบอะไรผู้ชายคนนั้นกลับไป ทำเพียงแค่มุดตัวไปก้นโอ่งให้มากกว่าเดิม แต่หมอนั่นก็ยังพยายามชะโงกเข้ามาในโอ่งผม ไม่ก็มาโผล่ข้างๆ โอ่งให้ผมเห็นหน้าอย่างน่ารำคาญ ไม่รู้ว่าเขาตามผมเจอในแต่ละที่ได้ยังไง
ผมอยากให้โอ่งของผมโปร่งใสเหมือนผ้าคลุมล่องหน กลิ้งไปที่ไหนก็ได้และไม่มีใครเห็น
แต่ในความเป็นจริงไม่มีผ้าคลุมล่องหนของแฮรี่พอตเตอร์ และโอ่งก็ได้แต่กลิ้งหนีไปเรื่อยๆ
5
“อยู่แต่ในนั้นไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่”
“ข้างนอกสวยนะ”
“อยู่ในนี้ก็สบายดี”
บทสนทนาโต้ตอบของผมกับผู้ชายคนนั้นเริ่มขึ้น และผมมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขามากขึ้นทุกวันเมื่อเขาตามเจอผมทุกครั้งที่กลิ้งหนี
ผมพอใจกับโอ่งใบเล็กๆ นี้แล้ว พอใจที่ได้คุดคู้อยู่ในห้วงอวกาศ และพอใจที่ได้มองโลกผ่านปากโอ่งตามแต่ที่ผมอยากจะมอง
โลกไม่ต้องกว้างใหญ่ก็ได้
ในเมื่อจะเล็กจะใหญ่ก็ไม่ต่าง ผมก็อยู่แต่ในโอ่งของผมอยู่ดี
6
มนุษย์โอ่งมีมนุษย์หนึ่งคนคอยเดินเคียงข้าง จากที่เมื่อก่อนเอาแต่กลิ้งไปไหนมาไหนคนเดียว
แรกๆ ก็รำคาญ แต่เพราะเขาเว้นระยะให้โอ่งของผมกลิ้งไปได้ตามใจชอบ และไม่มาชนเส้นทางของผม ไม่ได้รบกวนความเป็นอยู่ในโอ่งของผมมากมาย เขาเพียงเข้ามาอยู่ข้างๆ ยืนข้างโอ่งของผมจากโลกภายนอก มองลงมาในโอ่งที่บรรจุตัวผมจนเต็ม และนานๆ ทีก็มีบทสนทนาส่งมาให้ผมไม่กลายเป็นใบ้
เพราะฉะนั้นมนุษย์โอ่งจึงยอมให้มีมนุษย์คนนึงคอยติดสอยห้อยตามอย่างช่วยไม่ได้
7
มนุษย์โอ่งมีวิถีชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ แต่เขาคอยหาอะไรแปลกใหม่ข้างนอกโอ่งมาให้ผมได้เห็น ได้ชิม ได้สัมผัสอยู่บ่อยๆ อาหารแปลกๆ จากโลกภายนอกถูกส่งเข้ามาไม่ขาดสาย ไม่พอ เขายังแนะนำสิ่งอื่นๆ มากมายที่โลกในโอ่งไม่มีทางได้เห็น
พร้อมกับคำถาม
“อยากออกมามั้ย”
“...”
8
ผมไม่อยากออกจากโอ่ง แต่กลับกัน ผมอยากให้เขามาอยู่ร่วมโอ่งใบเดียวกับผม โอ่งที่เต็มไปด้วยตัวผมนั่นแหละ แต่มันแคบเกินกว่าที่ใครหรืออะไรจะสามารถเข้ามาแทรกผ่านอยู่ได้
ผมไม่อยากออกจากโอ่ง แต่เพราะข้างนอกโอ่งมีเขาอยู่
แต่เพราะข้างนอกมีเขาอยู่ นั่นแปลว่าข้างนอกมีคนอยู่มากมาย
และพวกเขาจะทำให้ผมกลับไปอยู่ในโอ่งอีกครั้ง
“ออกไปก็ต้องกลับเข้ามาอยู่ในนี้อยู่ดี”
ผมตอบเขา เป็นครั้งแรกที่ตอบคำถามนั้นหลังจากที่เขาหมั่นถามถึงเรื่องนี้แทบทุกครั้งที่เจอกัน
“...”
“อยู่ในนี้ก็สบายดีแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ผมบอกอีกครั้ง ขลาดเขลาเกินกว่าจะออกจากโลกอันสงบสุขของผม และไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องยัดตัวเพื่อมาอยู่ในโอ่งของผมอย่างอึดอัด
“ลองออกมาก่อนก็ได้ ไม่ชอบก็ค่อยกลับเข้าไป ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ดีหรอก”
“รู้ได้ยังไง”
“เคยลองแล้ว...”
“แล้วมันแย่ตรงไหน”
“คนก่อนหน้านี้ที่บอกให้ออกมา ทำลายโลกของผม”
9
นี่ไม่ใช่โอ่งใบแรกที่ผมสร้างขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยชวนให้ผมออกไปนอกโอ่งเหมือนกัน ความตื่นเต้นและไร้เดียงสาทำให้ผมยอมจับมือเขา ถอดตัวเองออกจากโอ่งแสนรัก
เพื่อให้เขาใช้สองมือของเขาทำลายโอ่งของผมจนแหลกละเอียด
โลกภายนอกเป็นอย่างไรผมไม่มีทางรับรู้ได้อีก เมื่อโลกของผมถูกทำลายจนป่นปี้
แล้วนักทำลายโอ่งก็จากไป หลังจากที่ได้บดละเอียดโลกของผมจนยับเยินสาแก่ใจ ทอดทิ้งให้ผมยืนมองเศษซากโลกของตัวเองด้วยความเจ็บปวด
กว่าจะบรรจงสร้างโอ่งใบใหม่ได้เสร็จก็เสียน้ำตาที่ใช้เป็นกาวเชื่อมเศษชิ้นส่วนไปมากมาย
ระยะเวลาเป็นกาวอีกตัวที่คอยประสานรอยร้าวให้โอ่งของผมแข็งแกร่งขึ้น นานเข้ารอยร้าวเมื่อคราวนั้นก็เริ่มเชื่อมต่อกัน แม้ไม่แนบสนิทแต่ก็แน่นหนาพอที่จะไม่ให้มันแตกง่ายๆ อีก หลงเหลือให้เป็นร่องรอยคอยตอกย้ำถึงความทรมานเมื่อครานั้น
10
“ถ้าบอกว่าจะไม่ทำมันพัง จะเชื่อไหม”
“ไม่เชื่อ”
“ว่าแล้ว”
“...”
ผมมุดตัวซุกลงไปในก้นโอ่งมากกว่าเดิม อยากขอบคุณที่เขายอมมาเสียเวลากับมนุษย์โอ่งอึมครึมน่าเบื่อและไม่มีใครสนใจอย่างผม
“อย่าเหนื่อยเลย ผมอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว คุณอยู่ข้างนอกก็ดีแล้ว” ผมบอกเขา หลังจากที่ลอบเห็นใบหน้าของเขาเจื่อนลง เมื่อการชักนำให้ผมออกจากโอ่งไม่สำเร็จ แม้จะมีสีหน้าเศร้า ทว่าเขายังคงเอ่ยปฏิเสธคำพูดของผม
“ไม่หรอก”
“หมายถึง...ข้างนอกไม่ดีเหรอ”
“เปล่า...มันจะดีขึ้นถ้าคุณมาอยู่ด้วย”
11
คำหวานไม่มีผลต่อมนุษย์โอ่ง...ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากคนที่มนุษย์โอ่งสนใจ
ผมคงต้องยอมรับว่าตัวเองสนใจเขา มนุษย์โลกภายนอกคนนั้น แต่เพราะแกลนกลัวว่าความรู้สึกมันจะเลยเถิดไปสู่คำว่าชอบ และน่ากลัวกว่าเดิมหากคำว่าชอบจะทำให้ผมยอมออกจากโอ่ง
แม้คำเชิญชวนเขาจะน่าสนใจเหมือนน้ำหวานล่อแมลง แต่ผมก็ต้องกลั้นใจไม่ปล่อยตัวให้ไหลกับไปกลิ่นหอมเย้ายวน
คอยย้ำกับตัวเองว่าผมไม่ใช่แมลง ผมเป็นมนุษย์โอ่ง
12
ผมเสียใจที่โอ่งขยายใหญ่ไม่ได้ มันพอดีกับตัวผมและไม่มีทางใหญ่มากไปกว่านี้ ทำให้ผมพาเขามาอยู่ในโอ่งด้วยไม่ได้ มันคงจะดีถ้าเขาอยู่แต่ในโลกของผม กลิ้งไปไหนมาไหนด้วยกัน มีกันและกันอยู่แค่ในนี้ตลอดไป
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโอ่งของผมไม่ใหญ่พอ
และเขาก็คงไม่ได้ต้องการมาอึดอัดอยู่ในโอ่งของผม
13
“หายกลัวเมื่อไหร่ก็ออกมานะ” เมื่อคำเชิญชวนไม่เป็นผลต่อมนุษย์โอ่ง เขาจึงเปลี่ยนจากคำชักชวนเป็นการรอคอยแทน
“รอตรงนั้นไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่หรอก มีความสุขดี”
“เดี๋ยวก็เบื่อ”
“ทำไมล่ะ”
“ข้างนอกมีอะไรน่าสนใจกว่าผมเยอะ”
“รู้อย่างนั้นก็ออกมาอยู่ด้วยกันสิ”
“...”
“ยังไม่ออกก็ได้ ผมไม่รีบ แต่ขออยู่ข้างๆ แบบนี้ก่อนนะ”
“...”
14
และเขาก็ทำตามคำพูด คอยอยู่ข้างๆ โอ่งผม เล่าเรื่องราวจากโลกภายนอกให้ฟัง ผมได้ยินและได้เห็นเขาจากปากโอ่งเท่านั้น ถึงอย่างนั้นกลับไม่อาจสัมผัส โอ่งของผมไม่กว้างพอให้ผมยื่นมือออกไปแตะตัวเขาได้
นับวันผมก็ยิ่งอยากจะเห็นตัวตนของเขาให้มากกว่านี้ ให้มากกว่าแค่ที่ภาพของปากโอ่งฉาย
อยากเห็นทั้งตัว ทั้งหมดของเขา อยากเห็นโลกที่เขาอยู่ อยากสัมผัส อยากอยู่ข้างๆ แสดงความเป็นเจ้าของเหมือนใครต่อใคร
หรือว่าถึงวันที่ต้องกบฏต่อโอ่งแล้ว?
15
“สัญญานะ ว่าจะไม่ทำลายมัน”
“สัญญา”
ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา ค้นหาอะไรบางอย่างภายในนั้น ความกลัวในใจมีอยู่มากมายก็จริง แต่เสียงหัวใจกลับร้องดังจนกลบความกลัว
นี่อาจจะเป็นการกระทำที่โง่ที่สุดอีกครั้งก็ได้
“ถ้าออกไป แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันจะไม่พัง” ผมลังเล เอ่ยถามเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ผมจะช่วยปกป้องมัน ดีมั้ย”
“...”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังไม่พร้อม ยังไม่ต้องออกมาก็ได้ ผมรอได้เสมอ”
เป็นผมที่ส่ายหน้า เขารอมานานแล้ว ระยะเวลาที่เขาอยู่ข้างๆ โอ่งผมทำหน้าที่เป็นกาวช่วยเชื่อมต่อรอยร้าวเมื่อคราวก่อนจนแทบไม่เหลือร่องรอยภายนอกอีก
“งั้นรอแป๊บนึง จะออกไปแล้ว...”
ใบหน้าตกใจของเขาส่งกลับมาเป็นคำตอบ
ผมจ้องเขากลับไป ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้หลุดออกจากโอ่ง ทว่าขนาดโอ่งพอดีกับตัวผมจนต้องลำบากนิดหน่อยในการขยับตัวออก
จนกระทั่งมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาในโอ่ง
เจ้าของมือยกยิ้ม ผมเอื้อมมือตัวเองไปคว้ามือเขาไว้ และเมื่อเขาออกแรงเพียงนิด ผมก็หลุดออกจากโอ่งอย่างง่ายดาย...
16
“ยังระแวงอยู่เหรอ”
“นิดหน่อย...”
“กลัวผมจะทำมันแตกเหรอ”
“ก็...ไม่เชิงหรอก”
“เอามันไปซ่อนก็ได้นะ ถ้ากลัวว่ามันจะพัง”
ผมส่ายหน้า กาวของเขาช่วยเชื่อมต่อรอยร้าวให้โอ่งผมมีประสิทธิภาพมากพอที่นอกจากเชื่อมประสานแล้ว ยังทำให้โอ่งของผมแข็งแรงทนทานมากกว่าเดิมอีกด้วย ระยะเวลาที่เขาคอยอยู่ข้างมนุษย์โอ่งมากพอที่จะทำให้ผมเชื่อใจว่าเขาจะไม่ทำมันพัง เพียงแต่ผมอยู่ในโอ่งนานเกินไป จิตใจที่เพิ่งออกมาจากโอ่ง จากโลกมืดๆ ในห้วงอวกาศของผมนั้นจึงเปราะบาง
“ไม่เป็นไร ผมจะพกมันไปด้วย”
เพราะถ้ามีใครมากระทบมันแรงๆ เข้า ผมจะได้กระโดดหลบเข้าโอ่งอีกครั้ง
เช่นนั้นผมจึงระวังไม่ให้ตัวเองไปชนกับอะไรเข้า คราวนี้ไม่ได้กลัวว่าโอ่งของผมจะพัง แต่กลัวว่าเขาจะต้องรอให้ผมออกจากโอ่งอีกครั้ง
ถึงอย่างนั้น ผมก็เชื่อว่าในวันหนึ่งผมจะสามารถวางโอ่งของผมลงได้ในที่ไหนสักแห่ง
และเชื่อในความอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือจากเขา
“อยู่กับคุณ โลกของผมจะปลอดภัย”
◎◎◎
เรื่องนี้เกิดขึ้นแค่เพราะตื่นขึ้นมาแล้วอยากเข้าไปอยู่ในโอ่งเฉยๆ ค่ะ 5555
จริงๆ ก็ไม่ได้มีโอ่งอะไรหรอกเนอะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ