ตอนที่ ๑๔
----60%----
มาวินรับพนักงานเสิร์ฟมาหนึ่งคน เป็นเด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยที่มาจากต่างจังหวัดและต้องการหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน เขานับถือในความขยันของเด็กคนนี้ ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง ยอมหาเงินด้วยความสุจริต ไม่เหมือนกับเขาที่ต้องการเพียงแค่ความสุขสบาย ชายหนุ่มอนุญาตให้ใช้ตึกข้างบนเป็นที่พักได้ก่อน เพราะตึกมีสามชั้น อย่างไรเสียมาวินก็นอนที่บ้านอยู่ดี
ด้วยเพราะมีลูกค้าหน้าเก่าของอาแปะเยอะเป็นทุนเดิมอยู่ ร้านของมาวินดูคึกคักกว่าเก่าเพราะการปรับแต่งเปลี่ยนสไตล์ของตึกใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ผสมผสานกับสวนที่เขาจัด ทำให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นได้ด้วย มาวินดูสนุกกับงาน พูดคุยกับลูกค้ามากหน้าหลายตา แต่เมื่อร้านปิดทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม
“ค่าจ้างวันนี้ของนาย เจ้าบอล” มาวินยื่นเงินให้
“ขอบคุณครับพี่ พี่ไม่ต้องให้เต็มวันก็ได้ ผมทำแค่พาร์ทไทม์นะวันนี้” เด็กหนุ่มทำหน้าลำบากใจขณะก้มลงมองเงินในมือตนเอง มาวินจึงยิ้มหันไปแจง
“วันนี้ลูกค้าตอนหัวค่ำเยอะเป็นพิเศษ ฉันเห็นนายวิ่งวุ่นไม่ได้หยุด ก็เลยให้ทิปค่าเวียนหัว ขอให้ขยันแบบนี้ทุกวันนะ”
“แต่ว่า...”
“รับไปเถอะน่าไอ้หนุ่ม” อาแปะออกความเห็น มาวินหันไปยกยิ้มให้อาแปะ ทั้งสามอยู่ด้วยกันราวกับสมาชิกครอบครัวไปแล้ว การช่วยเหลือของแทนคุณจะทำให้บอลสำนึกในบุญคุณ แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจไม่ตีตนเสมอผู้มีพระคุณ
“เก็บร้านเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่ที่บ้านนะ”
มาวินพยักหน้ารับขณะยังจดบัญชีของร้านอยู่ พลันเสียงรถจอดด้านนอกได้เรียกให้ทุกคนหันไปมอง มาวินรู้สึกคุ้นอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน ชายหนุ่มถึงบางอ้อเมื่อเจ้าของของมันเปิดประตู มองเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ช่วงหนึ่งอย่างนึกสงสัย
“ร้านปิดแล้วครับคุณ” บอลเดินไปพูดกับอีกฝ่าย
“อ้อ ขอโทษที ผมคงมาดึกไป”
“คุณกาย”
มาวินยกยิ้มเมื่อเห็นแขกผู้มาใหม่รับมุก เจ้าตัวหันมาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นมาวินนั่งอยู่อีกฝั่งของร้าน ที่จริงมาวินบังเอิญเจอกับการุญช่วงไปหาซื้อวัตถุดิบเข้าร้านเมื่อสองสามวันก่อน จึงมีโอกาสบอกว่าเขาเปิดร้านอยู่ที่นี่ การุญคงเพิ่งนึกออกจึงลองแวะมาเยี่ยมเยียนหรือทานอาหารที่ร้านของเขา หากทว่าบังเอิญร้านปิดก่อนเสียนี่ ร่างสูงอันภูมิฐานของผู้มาใหม่ดิ่งเข้าหามาวินอย่างไม่รอช้า
“ผมเพิ่งจะแยกย้ายกับเพื่อนร่วมงานได้ เรามีปาร์ตี้กันที่ผับแถวนี้พอดี”
มาวินพยักหน้าเข้าใจ “ผมดีใจที่คุณยังนึกถึงนะเนี่ย”
“เมื่อกี้ผมเห็นป้ายที่คุณเขียนว่ารับทำข้าวกล่องด้วย บริษัทของผมก็ชอบสั่งข้าวกล่องมากินเหมือนกัน รบกวนขอเบอร์ติดต่อหน่อยได้ไหม ถ้ามีโอกาสพิเศษอะไรผมจะนึกถึงร้านคุณก่อนเป็นอันดับแรกเลย” การุญยกโทรศัพท์ขึ้นรอท่า มาวินรีบหยิบนามบัตรให้อย่างเร็วรี่ เมื่อเห็นหนทางจะขายของได้มาพร้อมกับคุณผู้ชายรูปหล่อตรงหน้า
“แล้วมีบริการไปส่งถึงที่ไหมครับ” การุญถาม
“อ้อ ถ้าบอลอยู่ก็คงจะได้ไปนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมโทรหานะครับ เอ่อ ผมหมายถึงโทรสั่งข้าวกล่อง แล้วจะมารับเองที่นี่ดีกว่าน่ะ” เด็กหนุ่มที่ยืนฟังอยู่นานยกแขนขึ้นกอดอก มุ่นคิ้ว มองพี่ชายผู้เป็นเจ้าของร้านกับชายหน้าแปลกใกล้ ๆ อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
นี่มันหาเหตุผลจีบพี่ชายใจดีของเขาได้อย่างแนบเนียนเกินไป ไอ้คนรวยเจ้าเล่ห์
มาวินสนุกสนานกับการทำงานทุกวัน รายได้เพิ่มขึ้นเพราะข้าวกล่องของการุญที่มักแวะมารับไปครั้งละยี่สิบถึงสามสิบกล่องทุกวัน ทั้งสองพบหน้า พูดคุยทักทาย บางครั้งการุญก็เลือกทานมื้อเที่ยงที่ร้านก่อนนำข้าวกล่องกลับไปด้วย ทั้งคู่มีโอกาสพูดคุย ถามไถ่กันมากขึ้น หากทว่ามาวินก็ยังไม่ทันได้เปิดใจให้ใคร เพราะในสมองของเขายังเต็มตื้นไปด้วยรสสัมผัสอันอ่อนโยนของแทนคุณ
หากแม้นอีกฝ่ายไม่นึกถึงเขาก็ตาม
วันนี้วันหยุด เพราะบอลไม่ได้ไปเรียนและสามารถอยู่เต็มวันได้แล้ว มาวินจึงเลือกที่จะไปที่ที่หนึ่งเพื่อให้ตัวเองทราบถึงเหตุผลอะไรต่าง ๆ นานาที่เคยคิดหาคำตอบ ชายหนุ่มก้าวเท้าลงจากแท็กซี่หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว แหงนมองรั้วเหล็กสูงใหญ่ของบ้านพักอันหรูหราหลังหนึ่งอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตนเองนัก แต่แน่ใจแล้วว่ามิได้มาผิดที่อย่างแน่นอน
ที่นี่เป็นบ้านของแทนคุณ
เดินดิ่งเข้าไปขอพบแทนคุณกับยามที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างประตูบานเล็ก ชายหนุ่มไม่รู้จะบอกว่าตนเองเกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายดี นอกจากความกล้าบ้าบิ่นที่คิดจะมาพบกับคนรักแล้ว มาวินไม่ได้ตระเตรียมอะไรมาเพื่อสู้รบกับใคร โดยเฉพาะคุณนายแม่มด มารดาของแทนคุณ
แต่เพียงแค่พูดคุยกับยามก็ยังไม่สามารถเข้าไปในบ้านพักได้ เป็นใครก็ไม่อยากให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้านอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ มันไม่มีเหตุผลที่ควรจะให้เข้าไป
เสียงรถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดรอให้ยามเปิดรั้ว มาวินหันไปมองภายในรถคันนั้นด้วยใคร่จะทราบว่าเป็นใครซึ่งอยู่ภายใน พบเพียงแสงของดวงอาทิตย์สาดเข้าดวงตา ยามรีบเปิดประตูรั้วให้ตามหน้าที่ ยืนรอให้รถเคลื่อนเข้าไป มาวินจึงได้ทีหันไปสอบถาม “นั่นใครอยู่ในรถน่ะ”
“คุณแทนกับแฟนเขา ออกไปต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาถึงบ้าน จะคุยกับเขาไหมฉันจะไปถามให้”
มาวินนิ่งอึ้ง ความร้อนของแดดทำให้เหงื่อเขาซึมหรือเพราะสิ่งที่เพิ่งจะได้ทราบก็ไม่แน่ใจ ภายในหูของเขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ว่างเปล่า งุนงงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “แต่ถ้าเขารู้จักนายจริงก็ต้องเปิดกระจกมาพูดด้วยสักหน่อยแล้วนี่ กุเรื่องอะไรขึ้นมาหรือเปล่า หรือจะมายืมเงิน ดูท่าน่าจะใช่นะ”
ยามคนนี้พูดเรื่องอะไร เขาไม่เข้าใจ
“เฮ้ย จะไปไหน!”
มาวินระรัวฝีเท้าตามรถคันนั้นเข้าไปในบ้าน ไม่สนเสียงร้องของยามด้านหลัง ไปถึง เขาเห็นคนทั้งคู่กำลังลงออกมาจากรถพอดี อาจารย์ฝ่ายปกครองผู้ที่เคยบอกว่ารักกับเขา และแฟนสาวของเขาที่ดูอย่างไรก็สวยไม่ว่าจะเห็นเพียงแค่ด้านหลัง มาวินหยุดอยู่ระหว่างทั้งคู่ หวังว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง เมื่อนัยน์ตาคมซึ่งเคยสบตากับเขาด้วยความรักหันมาเจอะพอดี
แทนคุณไม่ได้มีทีท่าจะร้อนรนอยากจะอธิบายกับเขาแต่อย่างใด ราวกับยอมรับกลาย ๆ ว่าสิ่งที่เห็นคือความจริง ท่ามกลางเสียงหอบหายใจของมาวิน ทุกอย่างเงียบกริบ แววตาของอีกฝ่ายไม่หลงเหลือคราบแทนคุณผู้อ่อนโยนกับเขาสักนิด
“แทน ไม่จริงใช่ไหม บอกฉันหน่อยว่านายกำลังทำอะไร...” ชายหนุ่มกล่าวผ่านเสียงหอบ
“พูดเรื่องอะไร”
ใจมาวินลอยเคว้ง น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นของชายตรงหน้าไม่มีอีกแล้ว หลงเหลือเพียงความเย็นยะเยือกในระยะนี้ที่สัมผัสได้ ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวที่ยังยืนอยู่ข้างแทนคุณ ความเจ็บจุก ความน้อยใจแล่นเข้าสู่สมองจนแยกแยะความรู้สึกไม่ได้
“ทำไมนายถึงหายไป ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง”
“คุณเป็นใคร สำคัญยังไง ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย” อีกฝ่ายย้อน
“แทนคะ เกลร้อนแล้วนะคะ” หญิงสาวหนึ่งเดียวกล่าวขึ้น มาวินใจหาย แต่สิ่งที่แทนคุณย้อนกลับมาก็ถูกของเขา มาวินเป็นใคร มีความสำคัญกับแทนคุณขนาดไหนที่จะเรียกร้องให้ทำอย่างนั้น ที่จริงชายหนุ่มไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวของแทนคุณตั้งแต่แรก
“ยามปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาที่บ้านได้ยังไง มาเอาเขาออกไป”
“นายเป็นบ้าอะไร จู่ ๆ ก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว ต้องการอะไรกันแน่ถึงทำแบบนี้”
คนฟังนิ่ง จ้องตามาวินเขม็ง “ไม่ได้ต้องการอะไร ที่ผมหายไปมันก็ตอบได้แล้วนี่ ยังจะอยากรู้อะไรอีกงั้นหรือ” ได้ยินสิ่งที่แทนคุณพูด มาวินหน้าชาดิก นึกถึงประโยคที่ตนเคยบอกแทนคุณเมื่อก่อนซ้ำ ๆ ว่าให้อีกฝ่ายจากเขาไปเมื่อไรก็ได้ เพียงเท่านี้ มาวินก็พูดอะไรไม่ออก ยามเห็นสีหน้าและแววตาของคนกล่าว ให้ตายซี
“ยาม พาตัวเขาออกไป...”
“ไม่ต้อง ผมจะออกไปเอง”
อีกฝ่ายจ้องตามาวินหลังได้ยิน ก่อนจะผละไปเสียเฉย ๆ จูงแขนของคนรักเดินจากไปพร้อมกับความสงบเงียบกัดกินใจคนยืนอยู่ตรงนี้ ให้คิดได้ถึงความจริงอันถ่องแท้
การที่แทนคุณหายไปก็เป็นคำตอบแล้วนี่ว่าหมอนี่ไม่ได้เลือกเขา คำว่ารักก็แค่ลมปาก ลมปากของคนที่ยังสับสนในตัวเอง ยังไม่รู้แน่ว่าชีวิตต้องการอะไร สิ่งที่แย่กว่าความจริงที่แทนคุณเป็นนั้น คือมาวินเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างสุดหัวใจ
เขาเชื่อ จนน้ำตาของเขาไม่สามารถหยุดไหลได้สักวินาที
หลังจากที่หายไปเนิ่นนาน ไม่บอกกล่าวถึงเหตุผล นี่เป็นการพบกันและพูดคุยน้อยประโยคที่สุด แต่มาวินจะจดจำไปจนวันตาย ชายหนุ่มลากขาเดินเข้าไปในบ้านพักของตนเองด้วยความเหนื่อยอ่อน ลบภาพใบหน้าไร้ความรู้สึกนั้นออกจากโสตประสาทกี่ครั้งก็ยังไม่หาย ค่ำแล้ว เขาควรนอนพักและเริ่มงานใหม่ในวันพรุ่งนี้อย่างขะมักขะเม้นเพื่อตัวเอง เลิกคิดเสีย เลิกคิดถึงผู้ชายสารเลวคนนั้น
จริงหรือ แทนคุณเลวแบบนั้นจริงหรือ หลอกให้เขารักด้วยวิธีอย่างนั้นจริงหรือ
เขาอยากฟังแทนคุณอธิบายอะไรมากกว่านี้
มาวินไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างมันดูแนบเนียนราวกับแทนคุณที่มาวินเจอในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น มีอยู่จริง ชายหนุ่มยกมือลูบใบหน้าร้อนผ่าวของตนเอง ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้าน จมไปกับความเศร้าที่กัดกินไปทั้งความรู้สึกยามนี้
แสงของรถยนตต์คันหนึ่งแล่นข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน มาวินไม่ได้เปิดไฟบ้านพักเพราะเพิ่งมาถึง ชายหนุ่มเมียงมองรถคันนั้นจนจอดสนิท ก่อนเผยให้ทราบว่าเป็นใครที่เปิดประตูออกมา ไม่ทันได้ตัดสินใจ ร่างกายของมาวินเป็นไปเองอย่างอัตโนมัติ พุ่งไปหาชายคนนั้นด้วยความดีใจที่ได้พบ
“แทน นายมาหาฉันจริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันที”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครือไหว ยังแนบกอดกับชายเบื้องหน้าแน่นราวกับกลัวว่าทุกอย่างจะหายไป แต่เพียงไม่นานที่ใจลิงโลด มันหลุดลงไปกองกับพื้นเมื่อมือของมาวินถูกแกะออก ถูกดันให้ถอยห่างไปยืนในระยะสบมองหน้ากันชัดแจ้งขึ้นในความสลัวของบ้าน แทนคนยังดูไร้เยื่อใย ไม่ได้มีแววปีติยินดีที่ได้พบกับเขา
“ผมมาที่นี่ ไม่ได้จะมาพลอดรักอะไรกับคุณ แค่จะมาเตือนว่าอย่าไปที่บ้านอีก มันน่ารำคาญ”
“อะไรนะ”
มาวินไม่อยากเชื่อ ชายหนุ่มเก็บกลั้นอารมณ์ตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเติบใหญ่ หลังได้เห็นชัดแล้วว่าชายตรงหน้าคือแทนคุณที่พบกันช่วงแรก เพียงแค่ไม่ได้สวมหน้ากากคนดีอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเอง นี่กระมังคือแทนคุณตัวจริง ทั้งหมดที่เคยเห็นคือสิ่งที่หมอนี่โกหก
“อาการผมหายแล้ว สามารถเริ่มต้นกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ”
คนตรงหน้าแจงเสียงเรียบ
“ผู้หญิงคนนั้น...”
“เธอเป็นแฟนผม เราคบกันก่อนที่ผมจะได้เจอคุณ ตอนนี้กำลังจะหมั้นกัน”
“งั้นก็หมายความว่า ที่ผ่านมา นายก็พูดดีกับฉันเพราะยังไม่มีทางไปซีนะ นายไม่ได้ คิดจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดตอนที่อยู่กับฉัน นายแค่อยากให้ฉันรู้สึกดีที่ได้ฟัง...”
มาวินนึกขันกับสภาพน่าสมเพชของตัวเองอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อหวนนึกถึงภาพความดีใจที่รู้สึกเมื่อก่อน ก่อนจะเงยขึ้นมองชายตรงหน้าที่พยักหน้ารับในความเงียบ
“รู้ไหมแทน แต่มันดันแย่สำหรับฉันมาก ตรงที่ฉันยังก้มหน้าก้มตาเชื่อ ทั้งที่นายไม่ได้เป็นเกย์ เรานับครั้งที่นอนด้วยกันได้ และนายไม่เคยคิดเชื่อมั่นที่จะพูดคุยอะไรกับฉันอย่างจริงจังเลย...”
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทั้งหมดก็ได้ ผมไม่คิดว่าคนที่เป็นแมงดาอย่างคุณจะหวั่นไหวชอบใครง่าย ๆ ที่คุณหวั่นไหวเพราะเงินในกระเป๋าของผม ไม่ใช่ตัวตนที่ดีของผม ถ้าคุณอยากได้เงินอีกก็เรียกร้องมาซะให้พอ แล้วออกไปจากชีวิตผมกับเกล อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเธอหรือคนที่บ้านอีก”
มาวินเงยมองหน้าคนกล่าวอย่างไม่เชื่อหู
“ฉันรับมาพอแล้วละ” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“เงินสามล้านนั่น คงมากพอที่จะใช้เล่น ๆ ไปอีกหลายวัน ผมจะทำยังไงให้คุณไม่กลับไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเราอีก อยากได้เท่าไรบอกมา” แทนคุณทำท่าล้วงกระเป๋าจะหยิบอะไรสักอย่างมาให้
มาวินรีบส่ายหน้า ถอยหลังออกห่างไม่ยอมรับ หลังเห็นแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ประเสริฐเลิศเลออย่างที่ตั้งตารอคอย หากเพราะอะไรไม่ทราบ เหตุใดเขาเอาแต่วนเวียนนึกถึงรอยยิ้มละไมอบอุ่นของอีกฝ่าย
มันพอแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดยามอยู่ร่วมกันของทั้งคู่คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับมาวิน หากแทนคุณจะเกลียดและมองเขาในแง่นั้น มาวินก็ห้ามความคิดไม่ได้ ดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายแทนคุณให้ตกที่นั่งลำบาก ทะเลาะกับมารดา นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่จะหายไปจากชีวิตของชายตรงหน้าอย่างแยบยล
“บ้าจริง สุดท้ายแผนก็แตกจนได้ว่ะ หึ!”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มแม้ภายในกำลังร้องไห้ มองชายเบื้องหน้าซึ่งมองรอยยิ้มของเขาด้วยความไม่เข้าใจ “สุดท้ายนายก็ไม่ใช่ไอ้โง่สำหรับฉันอีกต่อไปแล้วซีนะ ว้า กะจะทำให้รู้ว่ารักเสียหน่อย นายรู้ทันแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วซีเนี่ย”
คนตรงหน้ายังนิ่ง หากกำหมัดและกัดฟันกรอดมองเขาในความมืด “คิดไว้แล้ว ผมมองคุณไม่ผิดจริง ๆ คุณมันพวกหิวเงิน!”
“หึ...” มาวินเช็ดตาที่ไหลของตัวเอง หลุดหัวเราะขำท่าทีของอีกฝ่ายอย่างเยาะเย้ย
“ใช่ โคตรหิวเลยแหละ แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจทำเป็นคนใจดีกับไอ้โรคจิตอย่างนายแล้ว มันน่าเบื่อ ต้องใส่หน้ากากแสดงว่าเป็นคนดีทุกวันมันก็เหนื่อยนะ ถึงจะรู้สึกเสียดายตัวเงินตัวทองอย่างนายบ้างก็เถอะ นายอยู่กับฉันไม่กี่เดือนก็เหมือนฉันอยู่กับคนอื่นเป็นปีสองปี ได้มาเยอะแยะเชียว...”
คนกล่าวยกหลังมือถูหน้า เงยขึ้นมาคลี่ยิ้มอีกครั้ง
“จะไปก็ไปเถอะ ฉันหาคนที่โง่และดีกว่านายได้แล้วแหละ แน่ใจได้เลยว่าจะไม่ไปให้นายเห็นอีกแล้ว” มาวินยังยิ้ม ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกลาทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา มองแทนคุณซึ่งยังขมวดคิ้วมุ่นขณะกำมือแน่น แต่ไม่ได้มุ่งเข้ามาทำร้าย ราวกับกำลังผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองพยักหน้ารับ
“ผมก็คิดว่าคุณไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้ตกใจอะไรมากนักหรอก...”
สิ้นคำ มาวินไม่ได้ตอบกลับอะไรไปในคราแรก นอกจากเดินเข้าไปในรั้วบ้านอย่างเงียบเชียบ “นายเองก็ตีบทแตกดีนี่ เล่นเอาเสียฉันฟินเลย ถ้าไม่บอกกันวันนี้ฉันก็เชื่อว่านายรักฉันมาตลอด น่าขำจริงเชียว” คนกล่าวแค่นยิ้ม
“ก็ทำท่าไปอย่างนั้นเอง คุณพูดถูกทุกอย่างว่าผมก็แค่หลงของเล่นที่มีอยู่แค่ชิ้นเดียว พอผมรู้ว่าตัวเองสามารถหยิบของเล่นอันอื่นที่มันดีกว่า สะอาดกว่าได้ ทำไมผมจะต้องงมงายเล่นอันเก่าอยู่อีก...”
“ออกไป ฉันเข้าใจหมดแล้วแหละ ไม่ต้องอธิบาย...”
มาวินกลืนน้ำลาย หันไปปิดล็อกรั้วให้แน่นหนา ภายในความมืดมิดของท้องฟ้ามีแสงดวงดาวน้อยนิดที่สว่างไสวสู้แสงสีนีออนได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอยู่คนเดียว เมื่อความเงียบดำเนินผ่านอย่างเชื่องช้าหลังจากเขาตัดสินใจพูดคำนั้น ไล่แทนคุณ
เสียงฝีเท้าของแทนคุณกระแทกเดินออกไปตามอารมณ์ ชายหนุ่มไม่สน ปล่อยให้รถยนต์ของแทนคุณเคลื่อนผ่านไปโดยไม่เอ่ยลา แม้จะมองหน้าของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ทำ ครั้นมันหายไปจนลับสายตา มาวินทรุดกายนั่งลงกับพื้นตรงหน้าอย่างอ่อนแรง ไม่มีเหลือพละกำลัง ความอวดดีอวดเก่งปลิวหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะ
ทำได้เพียงก้มลองกอดตนเอง ร้องไห้ไม่ลืมหูลืมตาอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
----------------------------------------------