ตอนที่ 04
มันมาจากข้างหลัง
“... พีท เชี่ยพีท ตื่นดิวะ สัดพีท! มึงนอนหรือมึงตายเนี่ย” เสียงเรียกที่ดังแว่วอยู่ข้างหูทำให้ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปข้างตัวเห็นเต้ยืนเท้าเอวอยู่ข้างเตียงอย่างหัวเสีย
เมื่อวานยังมีไข้อยู่เลยแท้ๆ ตื่นมาก็หายแล้ว แข็งแรงจริงๆ
“มึงลุกขึ้นมานี่หน่อย” แม้จะงงๆที่อยู่ๆก็เรียกไปหาแต่ก็ลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
สลึมสลือเดินเข้าไปใกล้ๆเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายดูจะไม่พอใจที่ผมทำอะไรช้าก่อนจะก้าวเข้ามาหาแทนเหมือนพบกันครึ่งทาง
“มึง กัดฟันแปป”
ห๊ะ! ทำไมล่ะ
ผัวะ!
ยังไม่ทันได้คิดอะไรหมัดหนักๆก็ชกลงมาข้างแก้มเต็มแรงถึงกับล้มลงพื้น ความเจ็บแล่นพล่านไปทั้งใบหน้ารับรู้ถึงรสสนิมในปากเพราะกระพุ้งแก้มกระทบฟันแตกจนได้เลือด
เล่นไม่ออมแรงเลยสินะเนี่ย โอย...
“มึงจะนอนเล่นอีกนานป่ะ ลุกขึ้นมา!” เห... ยังไม่จบเหรอ
“เจ็บนะครับ นี่ยังไม่หายโกรธเหรอ ชกไปซะเต็มที่เลยเนี่ย”
“ถ้าอยากให้หายโกรธอย่างที่มึงว่าก็ลุกขึ้นมาเร็ว!”
จะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้อีกฝ่ายซัดลงไปนอนดิ้นอีกรอบแต่คนละข้าง ยังไม่พอขึ้นคร่อมแล้วชกเอาๆจนพอใจก่อนจะลุกขึ้นแตะเข้าช่วงท้องผมเต็มแรงให้จุกจนตัวงอ
“อย่ามายุ่งกับกูอีกไม่งั้นกูจะเล่นให้น่วมกว่านี้อีก” ชี้หน้าแล้วก็เดินออกจากห้องนอนผมไป
เล่นจริง! เจ็บจริง!
หน้าชาไปทั้งแถบแทบไม่มีความรู้สึก ท้องราวกับโดนอะไรหนักๆเข้าทุบอยู่ตลอดเวลาพอขยับแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้งสติสุดท้ายเหมือนจะเห็นเต้เดินเข้าห้องมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล
ผมบอกแล้วเขามันพวกชอบใจอ่อน
ยกเว้นตอนซ้อมผมเมื่อครู่ คุณว่าต้องโดนขนาดไหนผู้ชายตัวโตๆถึงจะสลบได้กัน!
เดินออกจากห้องของมันมาก็เริ่มกังวล ผมเคยท้าตีท้าต่อยกับโรงเรียนอื่นมาบ้างเลยไม่ต้องถามว่าหมัดหนักไหมแถมเมื่อกี้ยังใส่ไม่ยั้งโดยไม่ออมแรงเลยสักนิด
ถ้าเป็นคุณจะให้ทำยังไง?
ทนสู้หน้าไม่ได้แล้วหนีไปเหรอ... นั่นมันไม่ใช่ลักษณะนิสัยของผม
ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจ... ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็อาจจะ
กระทืบให้ตายเพื่อให้หายแค้นที่อยู่ดีๆก็โดนผู้ชายด้วยกันสอยตูด... นั่นถึงจะเป็นผม
ที่ทำไปยังถือว่าปรานีเมื่อคิดว่ามันไม่ยอมทิ้งผมไว้ข้างถนน อีกอย่างถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนผมจะเป็นคนเริ่มก่อนแต่มันก็สานต่อไกลเกินไปหน่อย
เอ่อ... ไม่สิ มันสานต่อไกลเกินไปแบบสุดๆ
ลงมาถึงชั้นล่างด้วยเสื้อผ้าของมันที่หยิบมาจากในตู้ที่ถึงจะตัวใหญ่ไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเอาเสื้อผ้าผมไปไว้ที่ไหนเพราะหายังไงก็ไม่เจอ
เดินไปขอยืมกล่องปฐมพยาบาลข้างล่างคอนโดแล้วกลับขึ้นไปข้างบน ประตูห้องเปิดด้วยคีย์การ์ดที่หยิบติดมือมาเพราะจริงๆแล้วก็ตั้งใจลงไปขอของขึ้นมาข้างบนอยู่แล้วพอดียังไม่อยากเป็นฆาตกรตั้งแต่ยังเด็ก เปิดเข้าไปในห้องก็เจอเข้ากับห้องส่วนหน้าที่พอเปิดออกจากห้องนอนเมื่อครู่ต้องตกใจกับขนาดที่ว่าห้องนอนกว้างแล้วโซนนี้ยังกว้างกว่าอีก หอผมเท่าห้องน้ำในห้องมันอ่ะ ...โลกนี้ช่างไม่ยุติธรมม
เห็นมันนอนสลบอยู่ที่เดิมก็ปล่อยมันนอนอยู่แบบนั้นแหละ อย่ามาว่าผมใจร้ายเชียว... ถึงแม้ผมจะแข็งแรงก็จริงแต่การแบกผู้ชายตัวโตแบบนั้นไปบนเตียงก็ถือว่าหนักหนาก็เลยได้แต่จัดท่าให้นอนดีๆแล้วลากหมอนกับผ้าห่มมาให้ ก่อนจะจัดการทำแผลที่ทำให้หน้าบวกฉึ่งนั้นเบาๆ
ดวงตาขี้เล่นตอนนี้ปิดสนิทข้างหนึ่งบวมหน่อยๆเพราะผมซัดไปตรงคิ้วจนแตก แก้มบวมจนขึ้นสีม่วงปากแตกจนหาเค้าเดิมไม่ค่อยเจอจากใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาดูสุภาพกลายเป็นปลาบู่ไปแล้ว ทำแผลไปก็แอบขำไป
เปิดดูตรงท้องซิกแพคนูนขึ้นเป็นลูกแต่ไม่มีรอยช้ำให้เห็น ก็พอจะเข้าใจเพราะกล้ามเนื้อแข็งแน่นขนาดนั้นแต่ก็คงจุกมากพอดูอยู่เหมือนกัน แต่แปลกอยู่อย่างเวลาหมอนี่ใส่เสื้อผ้าครบแบบนี้ดูตัวพอๆกับผมเลยแบบไม่หนามากกำลังพอดีแต่พอไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วดูตัวใหญ่กว่าผมชัดเจน....
อย่าไปคิดถึงมัน มันก็แค่ความอัปยศครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น
เอาเป็นว่าตอนนี้ลาก่อน ขออย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย
เก็บกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์บนโต๊ะที่ดูยังไงก็ของผมลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะชิ่งออกประตูไป ไข้หายแล้วแต่ข้างหลังยังปวดหนึบอยู่เลย เจ็บแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายลืมๆมันไปเดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอไอ้น้องตัวดี ไหนว่าจะมาเมื่อคืนวานแต่นี่อะไรมาเช้าของอีกวันเลยนะ” เสียงดังขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป
“เฮ้ย!พี่เติ้ล กลับมาเมื่อไหร่วะ” พูดไปก็เข้าไปกอดพี่ชายก่อนจะตบหลังกันเบาๆ
อย่ามองแบบนั้น เราไม่ได้รักกันปานจะกลืนกินขนาดต้องถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดเวลาแต่พี่ชายคนนี้ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่การทักทายแบบนั้นจึงเป็นปกติเมื่อไม่ได้เจอกันนาน
ครอบครัวผมมีสมาชิกด้วยกันห้าคน พ่อเป็นตำรวจยศเล็กๆกินเงินเดือนธรรมดา เอ่อ... ผมคิดว่างั้นนะ ไม่เคยถามอ่ะ ส่วนแม่เปิดร้ายขนมขายอยู่แถวๆใจกลางเมืองซึ่งผมไม่ค่อยได้ไป มีพี่น้องอีกสองคน คนแรกก็ที่ทุกคนเพิ่งรู้จักไป พี่เติ้ลผู้ซึ่งบินไปมาหลายประเทศเพราะเป็นเลขาประธานบริษัทแห่งหนึ่งที่เปิดกิจการหลายที่ และคนสุดท้ายคือน้องสาวที่อายุห่างกันหนึ่งปีชื่อตาลซึ่งอีกเดี๋ยวคงได้รู้จัก
“ที่คอน่ะปิดๆไว้มั่ง ไปฟัดกับสาวที่ไหนมาล่ะ ดูแล้วร้อนแรงเกินไปหน่อยมั้ย”
ผมไม่ได้ปิดรอยที่คอไว้หรอกครับ หน้าอย่างผมคงไม่มีใครคิดว่าโดนผู้ชายที่ไหนเอามาหรอกยกเว้นไอ้หมอนั่นที่มันทำจริง โอะ! ไม่น่าคิดถึงมันเลยให้ตาย
“หึหึ อิจฉาผมเหรอไง”
“เออ แม่ง! ไม่มีบ้างให้มันรู้ไป” พี่ผมเป็นคนเรียบร้อย หน้าตาไม่ดูร้ายแบบผมแต่ออกไปทางแม่ที่ดูนุ่มนวลกว่าแต่ก็หล่อเหลาในระดับหนึ่ง ผู้หญิงก็ติดตรึมแต่มันเรื่องมากไงเลยไม่มีใครสักที หรือไม่ก็มันนั่นแหละที่ไม่กล้าเข้าหา
“แล้วนี่มาไงเนี่ยไหนบอกว่ากลับสิ้นเดือนไง เหลืออีกเป็นอาทิตย์”
“ก็เจ้านายจะมาหาน้องน่ะสิ เห็นว่าเอาของมาให้ ตอนไปสั่งทำนะพี่ยังงงอยู่เลยว่าทำไมมัน...”
“พี่เติ้ล! มาไม่เรียกอ่ะ” ตาลวิ่งลงมาจากบนบ้านแล้วกระโดดเข้ากอดเอวพี่คนโตทันที
ตาล แต่ไม่ได้หวานเหมือนชื่อ น้องสาวคนนี้ดูภายนอกเหมือนคนน่ารักเรียบร้อยแต่โดนนิสัยแล้วห้าวๆลุยๆไปไหนไปกัน กำลังเรียนมัธยมศึกษาปีที่ห้าโรงเรียนเอกชนเหตุผลเพราะชุดสวย ผมไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้หญิงเท่าไหร่ทั้งๆที่ผมคิดว่าอยู่โรงเรียนรัฐบาลที่ความคุมมาตรฐานการศึกษาแล้วน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ
“จะสายแล้วเรายังไม่ไปโรงเรียนอีกหรือไง” พี่เติ้ลถามน้องสาว
“วันนี้พ่อจะไปส่ง พอว่าจะขออยู่หอเหมือนพี่เต้ก็ไม่ให้ ลำเอียงๆ”
“ลำเอียงอะไรยัยตัวดี ของพี่เขาโรงเรียนมันไกลบ้านส่วนของเราน่ะแค่นี้เอง” พ่อเดินลงบันไดมาพูดขึ้น
“สวัสดีครับพ่อ” พี่เติ้ลยกมือไหว้ตามด้วยผม
“ดีพ่อ”
“เออ แม่งลูกกูมีสัมมาคารวะ เอาไว้คุยกันตอนเย็น เติ้ลยังไม่กลับไปทำงานใช่ไหม”
“ครับพ่อ หยุดศุกร์ถึงอาทิตย์ก่อนจะบินไปญี่ปุ่นต่อครับ”
คุยกันอีกนิดหน่อยแล้วตาลก็ลากพ่อออกจากบ้านทันที ไม่วายหันมาทำหน้าสงสัยใส่ผมนิดหน่อยแล้วก็ไม่พูดอะไรเดินดึงแขนพ่อไปที่รถ
“คุยกันตอนเย็นนะพี่เต้ ตาลมีอะไรจะถาม” เอ้า อยู่ตรงหน้าไม่พูดพอห่างออกไปกลับตะโกนบอก
“เออ”
“พี่ไปนอนก่อนนะลงเครื่องมาก็ดิ่งมาที่นี่เลย” พี่เติ้ลบอกแล้วก็ก้าวฉับๆขึ้นห้องไปทันที
หลังจากยืนอยู่ในบ้านอย่างไม่มีอะไรทำก็เดินไปเปิดทีวีดูแก้เซ็งก่อนจะต้มมาม่าไว้กินเพราะสายมากแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เมื่อวานก็ข้าวต้มถ้วยเดียวที่กินไปไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของที่ว่างในกระเพาะเลยด้วยซ้ำ
วะ คิดถึงเรื่องเมื่อวานอีกแล้ว ลบๆๆ
ติ๊ดๆ!
เสียงข้อความดังขึ้น ครั้งแรกก็ไม่ได้สนใจนึกว่าข้อความโฆษณาทั่วไปที่ทางระบบส่งมาให้เสียเงินฟรี แต่พอสักพักก็เด้งขึ้นมาอีกสี่ห้าข้อความก็เลยสงสัยแล้วคว้ามาดู
-คิดถึงจังครับ อยากได้ยินเสียงแต่ตอนนี้ผมคุยไม่สะดวก-
อ้อ... นึกว่าอะไรที่แท้ก็ไอ้ปลาบู่เมื่อเช้า คุยไม่สะดวกนี่คือเพราะหมัดผมสินะ ก็สมควร
-ขอบคุณสำหรับการทำแผลนะครับ-
ไม่ปล่อยให้ตายอยู่แบบนั้นก็บุญหัวแล้วเหอะ
-ผมมีของอยากจะให้ด้วยแหละ-
ถามกูไหมว่าต้องการหรือเปล่า...
-อย่าลืมสัญญาเรานะครับ-
กูทำเป็นลืมไปแล้วด้วยเหตุผลว่ากูเมา เค๊!
-ไว้เจอกันนะครับที่รัก จุฟ <3-
จุฟพ่อง!
กูไม่เจอกับมึงด้วยหรอก ช่วงนี้กูจะไม่ออกจากบ้าน กูรักครอบครัว กูจะช่วยแม่ทำขนมในครัว จะกวาดบ้านถูบ้านซักผ้า เวลาว่างก็จะนั่งอ่านหนังสือ
แต่บ้านมึงไม่รู้จักไลน์ไงวะ เบอร์กูก็แอบเอาไปแล้วแบบนี้ ข้อความมันเสียตังหลายบาทนะไอ้คนรวย
นึกถึงมันแล้วปวดหัวจริงๆ สุดท้ายก็เลยส่งข้อความไปบ้าง
-สัด!-
นึกหน้าตอนมันอ่านออกเลยให้ตาย
ก๊อกๆ
“พี่เต้อยู่ป่าว”
“มีอะไร เมื่อเช้าเห็นว่าจะคุยด้วยนี่”
“ขอเข้าไปได้ป่ะ” พูดแบบนั้นจะให้ปฏิเสธน้องก็ใช่ที่ก็เลยเบี่ยงตัวให้เป็นสัญญาณให้เข้ามาได้ เจ้าตัวก็ไม่ได้มีความเกรงใจอะไรเลยกระโดดลงเตียงผมแล้วกลิ้งทันที
“ทำไมเตียงพี่ใหญ่กว่าของตาลอีกอ่า”
“ถ้าแกสูงเกินร้อยหกสิบได้เมื่อไหร่พ่อก็คงซื้อเปลี่ยนใหม่ให้นะพี่ว่า” ผมพูดจบน้องก็สะบัดหน้าหนีทันที มันสูงร้อยห้าสิบแปดมาตั้งแต่มัธยมปีที่สามแล้วครับ เห็นกินนมตลอดแต่ก็ไม่เห็นโตขึ้นสักที
“เชอะ! เออ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรแถวผับที่แยกใกล้โรงเรียนตาลอ่ะ”
“ก็ไปกินเลี้ยงไง โรงเรียนปิดกันเยอะพวกแม่งก็อายุถึงเกณฑ์กันเกือบหมดที่แถวโรงเรียนพี่แทบไม่มีที่ว่างก็เลยออกไปไกลแบบนั้น” ไอ้ผับที่ต้องทำให้ผมเสียเชิงชายไปนั่นแหละ คิดแล้วยังแค้นไม่หาย จริงๆผมควรเล่นมันให้หนักชนิดที่ว่าไปหยอดน้ำเข้าต้มที่โรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปตอนนี้มันคงหยอดน้ำเข้าต้มอยู่ห้องตัวเอง
เชี่ย! คิดถึงมันอีกแล้ว
“แล้วพี่รู้จักนายแบบคนนั้นด้วยเหรอ”
“นายแบบ? ใครวะ” เหมือนผมจะไม่รู้จักคนแบบนั้นมาก่อนนะไม่รู้ไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน
“ก็คืนที่พี่ไปกินเลี้ยงเขาเป็นคนพากลับไม่ใช่เหรอไงยัยพิ้งเป็นคนมาบอกตาลอ่ะ มันว่าเห็นพี่ขึ้นรถเขาไป” ตาลถามแล้วมันมามองหน้าผมตาเป็นประกาย
แต่เดี๋ยวนะ! คนที่ผมไปด้วยตอนนั้นคือไอ้พีทนี่นา
“ไอ้นายแบบของแกมันชื่อว่าอะไร” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“พี่เขาชื่อพีท อยู่โรงเรียวเดียวกับตาลแต่ไม่ค่อยได้มาเรียนหรอก”
ชัดเจนละครับ! ซวย! ซวย! ซวย! ดันมีคนเห็นอีก ไอ้บ้านั่นคงไม่เอาไปป่าวประกาศต่อหรอกนะ เอาไงดีวะยิ่งคิดยิ่งกลัว แต่ถ้ามันเป็นนายแบบจริงก็คงไม่ทำแบบนั้นเดี๋ยวเสียภาพพจน์มันเข้า
“เพื่อนแกตาฝาดชัวร์”
“อ่าว งั้นนี่ไม่ใช่พี่เหรอ” พูดจบก็กดโทรศัพท์มาโชว์ให้ผมดู
เป็นภาพที่พีทมันเอาแขนผมคล้องคอมันแล้วช่วยพยุงผมที่ดูจะหลับเป็นตายเข้าไปในรถ เห็นหน้าชัดเจนทั้งสองคนพอจะปฏิเสธอีกครั้งก็สุดที่จะลำบากใจ
“ไม่ต้องมามองพี่แบบนั้น ถ้ารู้จักแล้วทำไมวะ”
“จริงเหรอๆ พี่ขอลายเซ็นเขาให้หน่อยสิ นะๆ” ไม่พูดเปล่าจับมือผมไปเขย่าอีกต่างหาก
“รู้จักผ่านๆน่าไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย”
“ไม่สนิทแล้วเขาจะพาพี่ขึ้นรถทำไม” ตาลถามพร้อมกับคิ้วขมวดก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง
“มันเป็นคนดีมั้ง” พูดไปส่งๆแต่น้องสาวกลับตอบรับเสียอย่างนั้น
“นั่นสิ พี่เขาเป็นคนดีจะตาย ถึงไม่ค่อยได้เห็นแต่พวกรุ่นพี่เขาก็บอกกันมาว่าพี่เขาใจดีมากเลย นิสัยก็ดี หน้าตาก็ดีแถมบ้านรวยอีกต่างหาก เพอเฟคแมนชัดๆ นี่แหละผู้ชายในฝันล่ะ” พูดแล้วกุมมือไว้ตรงกลางอกมองออกไปนอกหน้าต่าง
ชักเพ้อใหญ่แล้วน้องสาวผม
อยากจะบอกจริงๆว่ามันไม่ได้ดีอย่างที่ได้ยินหรอก แต่พูดไปจะกลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายผิดเองมากกว่าเพราะผมดูเลวร้ายนิดๆในสายตาน้องสาวน่ะนะ มันเคยว่าผมเจ้าชู้ เกเร เรียนไม่เอาไหน นี่แค่บางข้อ สรุปว่าเงียบไว้ดีกว่า
“ไปนอนได้แล้วไปดึกแล้ว”
“พึ่งจะสี่ทุ่มเองนะ อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ดังนั้นตาลนอนดึกได้หรอก”
“แล้วสรุปว่าจะนั่งเล่นห้องพี่หรือยังไง”
“เดี๋ยวก็กลับห้องแล้วน่าไล่จังเลย” พูดจบก็เปิดโทรศัพท์ตัวเองเลื่อนไปมาอีกครั้งแล้วหันมาให้ผมดู
รูปผู้หญิงคนหนึ่ง อื้อหือ สวยครับ ผมดำยาวตาโตแถวหน้าเรียวสวยยิ้มทีตาพร่าเลยครับ มองได้ซักพักก็ยังไม่เข้าใจว่าน้องมันจะสื่ออะไร
“สวยเปล่าๆ นี่เพื่อนตาลเองคนที่ถ่ายรูปพี่มาให้อ่ะ”
“แล้วไง เอามาให้ดูทำไม”
“บู่ว พี่นี่บางทีก็บื้อจริงๆ เขาเห็นพี่วันนั้นไงแล้วชอบพี่อ่ะ ชื่อพิ้ง ถึงจะบอกว่าเพื่อนก็เถอะแต่ก็เพื่อนของเพื่อนอีกที สนใจเปล่าๆ ไว้จะติดต่อให้ถ้าพี่สน” ยื่นมือถือมาใกล้ๆอีกทีจนเกือบชนหน้าผมเลยผลักออก
“ไหงมาชอบพี่ โรงเรียนนั้นลูกคุณหนูทั้งนั้น ถ้าไปชอบไอ้พีทมันก็ว่าไปอย่าง”
“ไม่รู้หรือไงบางทีผู้หญิงก็ชอบเถื่อนๆแบบพี่อ่ะ”
“พี่หล่อไง พี่เข้าใจละ”
“แหวะ หลงตัวเอง” ถูกน้องสาวแขวะเข้าให้ก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะครับ
“ช่วงนี้ยังไม่อยากจีบใครว่ะ ไม่อยากออกจากบ้าน ถ้าคบกันก็ต้องเทียวไปเทียวมาอีก ไม่เอาๆ”
“ฮึ! ก็ตามใจ ทีหลังอยากติดต่ออย่ามาง้อก็แล้วกัน” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกจากห้อง ก่อนปิดประตูก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก ช่างเป็นน้องสาวที่น่าตีจริงๆ
สองอาทิตย์ผ่านไปที่เอาแต่อยู่เงียบๆ โทรศัพท์มีข้อความเข้ามาอยู่ตลอดเวลาและจะเป็นใครไปไม่ได้น้องจากไอ้คนเดิมที่ทำเหมือนรู้ว่าผมรำคาญเลยเอาแต่ส่งข้อความกวนประสาทเข้ามาแบบนั้น
เอาเข้าจริงๆถ้าจะให้ไปคบกับผู้ชายนี่คงทำตัวไม่ถูก ปกติผมมองพวกมันเป็นเพื่อนตลอดไม่ว่าจะเพศที่สามหรือเปล่าก็ตามถ้าบัตรประชาชนขึ้นว่านาย ถึงจะมาแบบตัวเล็กน่ารักหรือสวยๆ แม้แต่แปลงเพศมาแล้วสวยยิ่งกว่าผู้หญิงผมก็คงคบไม่ลงอ่ะ พอนึกไปว่าเป็นแฟนกันต้องทำอะไรบ้างนี่ขนลุกขนพองสยองเกล้ากันเลยทีเดียว
ถามว่ารังเกียจไหม... ก็เปล่าหรอก
แต่ยังไงผมก็ว่าผู้หญิงดีกว่าอยู่ดีนั่นแหละ ชีวิตนี้ก็มีเข้ามาเยอะแต่ยังไม่ถูกใจ ฟันทิ้งบ้างคบเล่นบ้างก็ว่ากันไป จะให้มาจริงจังตอนอายุเท่านี้เหรอไม่มีทาง
จะว่าผมเลวก็โอเคนะ เพราะผมเป็นแบบนั้นจริงๆ
เออ... แล้วผมหลบมันทำไมตั้งนานวะ ไม่ได้กลัวอะไรมันสักหน่อย เจอก็ต่อยกันไปก็จบ กูท่าจะบ้า สงสัยสมองจะรวนไปนิดหน่อยช่วงนี้ โดนสอยตูดนี่กูเสียศูนย์เลยเหรอวะเนี่ย
บ่นตัวเองสักพักเสียงโครมๆจากบนบ้านทำให้ต้องหันไปมอง น้องสาวคนเดียววิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาแถมยังยิ้มประจบแบบที่เคยทำเมื่ออยากให้ผมทำอะไรให้
“พี่เต้จ๋า”
“มีไรว่ามาไม่ต้องทำอ้อน” ผมพูดดักทางเจ้าตัวเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนมาให้
“อยากได้ต่างหูใหม่อ่ะ”
“อย่างเดียว?”
“ก็เสื้อด้วย กระโปรงก็อยากได้ รองเท้าด้วยก็ดีนะ กระเป๋าตาลก็เก่าแล้ว แล้วก็...”
“พอ! ไปที่ไหนบอกมา” ต้องหยุดไว้ครับไม่งั้นร่ายออกมาอีกยาวแน่ๆ
“จริงอ่ะ! ทุกทีชวนไปไม่เห็นไปเลย”
“อยากทำตัวเป็นพี่ที่ดีไปช่วยน้องสาวถือของบ้างอะไรบ้างไม่ได้หรือไง” ถามแล้วยักคิ้วให้ ตาลก็มองมาอย่างสงสัย
“เอาความจริง”
“ช่วงนี้ว่างว่ะไม่มีไรทำ”
“กูคิดผิดสัดๆอ่ะที่มาด้วยเนี่ย”
ข้าวของเต็มมือจนแทบถือไม่หมด น้องสาวผมเข้าร้านนั้นหยิบชิ้นร้านโน่นอีกชิ้นไปเรื่อยๆและเกรงว่าจะเป็นแบบนี้ไปจนหมดทั้งห้าง ถ้าสมมติว่าผมจะเทรวมๆกันไว้ในถุงเดียวจะได้หรือเปล่าเนี่ย ของก็ชิ้นนิดเดียวแต่ถุงบรมโคตรใหญ่
“พี่ก็บอกว่าว่างนี่ ช่วยน้องแค่นี้เองน่า”
“เออน่ะ ขอเอาไปเก็บที่รถรอบนึงได้ป่ะ เยอะว่ะ”
“ค่าๆ ตาลอยู่ร้านโน้นรอนะ” น้องตัวดีพูดจบก็วิ่งฉิวไปที่ร้านที่ชี้ทันที อยากจะว่าให้อยู่หรอกครับแต่ผมก็รักน้องผมนะ ตามใจจนเคยตัวแล้วล่ะนั่น
ผมกลับมาที่รถด้วยของแทบล้นมือแบบนั้น คนมองผ่านไปมาก็เห็นแอบหัวเราะกันไปตามทาง เอาเลยครับเอาเลย ระดับนี้คือแบบว่าด้านเกินเยียวยาแล้วแหละ ถูกทำโทษหน้าชั้น หน้าเสาธงก็เคย ชกต่อยมีเรื่องกันกลางโรงเรียนไม่ก็ที่สาธารณะข้างนอกก็มี ประกวดวงดนตรี เดือนโรงเรียน พิธีกรเฉพาะกิจ เจอมาหมดแล้วครับทั้งดีไม่ดี แค่นี้ถือว่าเล็กน้อย
เก็บของใส่หลังรถแล้วรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ พอจะเดินกลับเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังเข็นรถที่ขวางอยู่ออกจากช่องทางรถของตัวเองและด้วยที่เป็นคนดีมีน้ำใจเลยเดินไปช่วยเสียหน่อย
เธอหันมามองหน้าผมงงๆก่อนจะยิ้มหวานให้ จะยิ้มกว้างตอบกลับไปก็ไม่ใช่วิสัยเลยทำหน้าตายให้แล้วพยักหน้า เท่ห์ครับผมรับรอง เมื่อก่อนก็ทำเพราะเห็นว่าเท่ห์ดีนี่แหละแต่ติดจนเป็นนิสัยมาจริงๆ คนอื่นที่เคยเจอก็ว่าผมหยิ่งบ้างละ มนุษยสัมพันธ์แย่บ้างล่ะ ตามสบายเลยครับ ผมไม่แคร์พวกที่ไม่เข้ามาทำความรู้จักตัวจริงของผมหรอก อยู่กับเพื่อนก็เฮฮาตามประสาแล้วผมเชื่อว่าผมพอจะพูดเก่งอยู่แต่เพียงเลือกคนคุยด้วยก็เท่านั้น
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ยิ้มให้น้อยๆแล้วก็เดินออกมาเลย
เคยเห็นกันหรือเปล่าคนทำดีเอาหน้า ...บอกเลยผมกำลังทำอยู่
‘หึหึ’
นึกจะหัวเราะในใจแต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นในหัว
อย่านึกถึงๆ เดี๋ยวมันโผล่มาจะซวยเอา...
ปัดความคิดของตัวเองทิ้งก่อนจะเดินตามหาน้องสาวที่ตอนนี้ยืนรอหน้าร้านด้วยสีหน้ายุ่งๆ แลดูจะงานเข้าอีกแล้วครับ นี่ผมไปนานขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน
“พี่ช้ามากเลย”
“ช่วยคนนิดหน่อยน่ะ” พอตอบไปแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
“เป็นแบบนี้ตลอดเลยพี่น่ะ ห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วจะเป็นคนดีเกินไปแล้ว หัดทำนิสัยให้ดูเลวเหมือนหน้าตาบ้างก็ได้นะ” นี่มันชมหรือด่าผมวะครับชักสับสน
“แล้วนี่จะซื้ออะไรอีกหรือเปล่า”
“ซื้อ! แต่ตอนนี้หิวอ่ะ เที่ยงแล้วด้วย พี่เลี้ยงข้าวหน่อยสิ” ตลอดครับ เงินค่าขนมผมหมดเพราะเลี้ยงน้องทุกที ผมบอกแล้วว่าตามใจมันจนเคยตัวไปแล้วล่ะ
“เออๆ ไปๆ”
จบลงที่ร้านปิ้งๆย่างๆอะไรสักอย่างที่ดูไม่ต่างจากร้านหมูกระทะไฮโซ คนก็กินกันจนแน่นเอี๊ยด ไม่เข้าใจจริงๆทั้งๆที่หมูกระทะข้างนอกถูกกว่า อิ่มกว่า แล้วก็แซบกว่าเป็นไหนๆทำไมถึงไม่ไปกัน
“พี่ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนะ ตาลรู้ว่าคิดอะไรอยู่ อย่ามาทำงกไปหน่อยเลย ของแพงก็คุณภาพดีกว่าไง”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ จะกินก็กิน”
รอนานพอสมควรกว่าอาหารอันโอชะจะส่งมาถึง กว่าจะปิ้งย่างให้สุกเครื่องเคียงนี่แทบหมดเพราะกินรองท้องเข้าไปก่อนเนื่องจากความหิว ตาลก็ค่อยๆกินเหลือเกิน จะละเมียดละไมอะไรนักหนากะอีแค่ยัดใส่ปากเคี้ยวกลืนให้อิ่มท้อง หรือผมเองที่ขาดมารยามบนโต๊ะอาหารวะ
“ยังไม่อิ่มใช่ไหมเราน่ะ งั้นพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา”
“อื้อๆ” ตอบรับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เธอจ้องเนื้อย่างอยู่แบบนั้นเหมือนกับถ้าจ้องนานๆมันจะสุกไวขึ้นอย่างนั้นล่ะ
ไกล!
ห้องน้ำกับร้านอาหารอยู่ไกลกันคนละฝาก กว่าจะเดินอ้อมไปอีกด้านทำเอารู้สึกปวดท้องน้อยหน่อยๆเพราะอดกลั้นไว้สักพักแล้ว รีบเดินเข้าห้องน้ำไปไปก่อนจะจับจองโถปัสสวะที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที
ห้องน้ำไม่มีคนเลยทำให้ไม่ต้องระวังในการเก็บอาการเร่งรีบที่แสดงออกไปมากนัก แกะเข็มขัดปลดกระดุมแล้วก็รูดซิบลง จะให้รูดซิบลงแล้วควักออกมาเลยมันก็ยากอยู่เพราะของผมก็ไม่ใช่น้อย
ถึงจะไม่เท่าของมันก็เถอะ
เชี่ย!
นึกถึงมันอีกแล้ว...
ปลดอาวุธของตัวเองออกมาสู่โลกภายนอกยังไม่ทันได้ปลดปล่อยของเสียในตัวก็ต้องสะดุ้งโหยงกับการขบกัดที่ใบหู หันหน้าไปมองถึงกับเหวอเมื่อเห็นหน้าคนที่บังอาจมาทำอุกอาจแบบนี้ในที่สาธารณะแถมยังในห้องน้ำที่คนเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้อีก
แขนแข็งแรงสวมกอดจากข้างหลังไว้แน่น ท่ายืนของผมก็ไม่เหมาะจะขัดขืนเอาเสียเลยแถมน้องชายก็อยากปล่อยของเต็มที่ ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้
“ทำไมมึงชอบเข้ามาทางข้างหลังจังวะ เชี่ยพีท!”
“หึหึ”
ผมเคยบอกหรือยังว่าเกลียดเสียงหัวเราะของมันจริงๆ
tbc
--------------------
มาลง 23.37น. เอาแต่ดูวอลเลย์บอลแข่งก็เลยแต่งเสร็จช้า
ดึกๆจะมีใครรออ่านไหมหนอ หรือใครจะแอบมาอ่านตอนเช้า หุหุ
พีทจะเริ่มเข้าหาแล้วนะจ๊ะ ปั่นต่อ ดึกๆแรงฮึดสูง