ผมคือ...นางเอก#ปฐมทัศน์(ส่วนหนึ่งของ #แถลงรัก) สุดปลายทางของ...หัวใจแชะ...
แชะ แชะ แชะ...แสงแฟลชวูบวาบ จับภาพเหล่านักแสดงนำในเรื่อง ที่ตบเท้าเข้าร่วมชมภาพยนตร์ที่ตนแสดง ในรอบปฐมทัศน์อย่างครบครัน กฤตเมธในชุดสูทเนื้อดีสีดำสนิททั้งตัว ขับความหล่อคมให้เด่นชัด ควงคู่มาพร้อมสดายุที่อยู่ในชุดสูทลำลองพับแขนขึ้นมาครึ่งหนึ่งตามแบบแฟชั่นสมัยนิยม ถึงจะเป็นสูทลำลอง แต่ก็หล่อเนี๊ยบสมกับงานเปิดตัวหนัง ตามมาด้วยพอร์ชและรุจน์ ในชุดสูทดูดีตามสมัยนิยมเช่นกัน ตบท้ายด้วยแตงกวา นักแสดงสาวน้อยคนเดียวในหมู่กระทาชายหล่อล่ำ หล่อนมาในชุดราตรีสีหวาน เหมาะกับงานเปิดตัว รวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆคับคั่ง ทุกคนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ให้หน้ากล้องอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มการค้าที่เรียกเสียงกรี๊ดปรอทแตกได้ทุกครั้ง
เนื่องด้วยเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม การโปรโมทจึงไม่ได้เข้มข้น เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่อย่างน้อยค่ายที่ทำก็เป็นค่ายดังในสังกัดของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์โดยตรง ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ในการดูแลเรื่องสุดท้าย ก่อนการจากไปของท่านประธาน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงค่อนข้างเป็นที่จับตามองพอสมควร
ดังนั้นในงานเปิดตัว “สุดปลายทางของ...หัวใจ” ที่มีนักแสดงนำคือ กฤตเมธและสดายุนั้น ในรอบปฐมทัศน์นี้ได้จัดฉายที่โรงหนังยักษ์ใหญ่ เพื่อเป็นรอบเปิดตัวและเป็นรอบการกุศล เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่ง มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่เกิดจากมารดาผู้ติดเชื้อ H.I.V ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้แฟนคลับสามารถพบปะใกล้ชิดกับดาราที่ตนชื่นชอบ แน่นอนว่าสองหนุ่มจากบ้านล่าฝัน มีแฟนคลับตามมาเชียร์ล้นหลาม
พร้อมกันนี้ยังมีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะเป็นงานเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการแล้ว ในรอบปฐมทัศน์นี้ ยังได้เชิญแฟนๆและผู้ชมภาพยนตร์ที่สนใจร่วมชมภาพยนตร์รอบแรก ก่อนใครพร้อมสัมผัสที่แสนใกล้ชิดแบบ ถึงเนื้อถึงตัวสุดๆ โดยที่สามารถ ร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับนักแสดงที่จะมาทักทายผู้ชมถึงในโรงภาพยนตร์ชั้นเฟิร์สคลาส ถึงตั๋วแต่ละที่นั่งจะแพงหูฉี่ แต่สำหรับแฟนคลับขั้นเทพ แน่นอนว่ายอมจ่ายไม่อั้น
แต่แน่นอนว่า ทุกคนที่เหมือนเข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ กลับเป็นไปได้ยากที่เหล่านักข่าวสายเหยี่ยวจะเข้าหา โดยเฉพาะรอบกายของนักแสดงนำอย่าง กฤตเมธ และสดายุ ที่มีการ์ดมือดีที่สุริยาวดีจัดไว้ คอยประกบติดอยู่ไม่ห่าง เพราะได้ออกประกาศไปแล้วว่าจะมีการเปิดแถลงข่าว และทุกคำถามจะทำการตอบให้ในที่แถลงข่าวเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น ในวันนี้หากมีนักข่าวหรือสื่อมวลชนสำนักไหน ออกตัวแรง อยากสัมภาษณ์นอกเหนือจากเรื่องของภาพยนตร์แล้วล่ะก็ จะถูกการ์ดกันตัวออกไปจากการสัมภาษณ์ทั้งหมด
ดังนั้นในวันนี้กฤตเมธและสดายุจึงยังพอมีพื้นที่หายใจอยู่บ้าง
วันนี้สดายุยังคงยิ้มได้ เพราะข้างกายนั้นมีแต่คนที่คอยหวังดีด้วยไม่เหมือนครั้งเก่าก่อน ที่ต้องเดียวดาย ข้างกายมีเพียงพี่บลูม่าผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างของเขาไว้เพียงลำพัง ทว่าวันนี้ บลูม่าคนดียังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น พร้อมทั้งเหล่าเพื่อนผู้ให้ความรักใคร่เอ็นดูในตัวเขาอีกหลายชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักแสดง หรือแม้แต่ทีมงานที่คอยให้กำลังใจไม่ขาด
และที่สำคัญ ข้างใจนี้ยังมี กฤตเมธ ที่คอยยืนป้องภัยอยู่เบื้องหน้า และจับมือกันไว้ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปไหนอยู่เสมอ
วันนี้สดายุจึงยังยิ้มได้อย่างเต็มที่ และมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไร ตราบใดที่ยังมีคนเหล่านี้อยู่รอบกาย เขาก็จะไม่เดียวดายอีกต่อไป
ยิ้มไว้สดายุ...ยิ้มเพื่อคนที่รักทุกๆคน.
.
.
.
.
ในที่สุด ภาพยนตร์เรื่อง‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ก็ได้ฤกษ์ฉายรอบปฐมทัศน์ หนังเกย์อิงกระแส ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างท่วมท้น ทั้งเพราะหนังเรื่องนี้กำกับด้วยผู้กำกับมากฝีมือแล้ว ผู้จัดของเรื่องยังเป็นถึงผู้มีชื่อเสียงมากในวงการด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเหล่านักแสดงนำ ที่มีข่าวฉาวรอให้ขุดคุ้ยไม่ขาด
แต่การสัมภาษณ์ที่แท้จริงยังไม่ใช่ตอนนี้ หลังภาพยนตร์ฉายไปได้สักระยะก่อนต่างหาก ถึงจะถูกเรียกออกสื่อสัมภาษณ์กันอย่างจริงจัง
ในระหว่างรอเวลา โรงหนังระดับวีไอพี ที่จะเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติให้เข้าสู่ด้านใน ในเวลาทุ่มตรง เหล่าทีมงานนักแสดง ทีมผู้จัด ทีมผู้เกี่ยวข้องในสาขาต่างๆ และผู้ชมอีกส่วนหนึ่งที่ได้ตั๋วชมรอบพิเศษ มาแบบพิเศษๆ ก็ได้ทำการร่วมทานอาหารแบบค็อกเทล ร่วมถ่ายรูป พูดคุยกันระหว่างดาราและแฟนคลับ ทั้งยังเป็นช่วงให้สัมภาษณ์แบบขำๆกับเหล่าข่าวบันเทิงเก็บตก
และแน่นอน วันนี้เป็นวันที่พี่อ๊อดหน้าบานที่สุด เพราะคนรักที่อุตส่าห์อ้อนแทบเป็นแทบตาย ในที่สุดก็ยอมตกลงเคลียร์คิวอื่น เพื่อมาร่วมงานฉายหนังรอบปฐมทัศน์ในวันนี้ด้วย วันนี้หนุ่มใหญ่อย่างอ๊อด ที่ปกติผมเซอร์ฟูฟ่อง หนวดเครารกครึ้ม ก็เปลี่ยนมาดใหม่ เป็นหนุ่มใหญ่หน้าเกลี้ยง ผมหวีเรียงเส้นรวบตึง ราวกับคุณชายหลุดมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น ทำมาทั้งหมดนี้ ก็เพียงเพื่อจะได้เดินควงเข้างานคู่กับหนุ่มใหญ่หน้าใสกิ๊งอีกคนได้อย่างไม่มีขัดเขิน ตามที่ถูกออกคำสั่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนไว้ต้องแต่แรกนั่นเอง
"หืม...พี่อ๊อด หล่อมากเลยค่ะ อย่างกับคนละคนกับตาลุงที่เห็นอยู่ทุกวันแน่ะ" แตงกวาพูดขึ้นกลางวงนักแสดงนำ ทันทีที่สายตาชำเลืองไปเจอ ผู้กำกับขาโหด ที่ยืนยิ้มร่าควงตากล้องมือพระกาฬให้สัมภาษณ์อยู่ตรงซุ้มนักข่าว
"ไม่ยักรู้ ว่าลุงหมีนั่นหน้าตาจะเหมือนมนุษย์ปกติอย่างคนทั่วไปด้วย เนอะแตงกวา" รุจน์รีบสมทบกับเพื่อนสาว ซึ่งแตงกวาก็รีบพยักหน้ารับยิกๆ เม้าท์แตกเม้าท์แตนกันอยู่สองคน โดยมีพอร์ช สดายุ และกฤตเมธยืนขำอยู่ใกล้ๆ
เหล่านักแสดงนำ ได้ที่นั่งวีไอพีติดกัน เลยมาชุมนุมยืนรอกันเป็นกระจุก สี่หนุ่มหนึ่งสาว ที่ดูจะเจิดจรัสที่สุดในงานคืนนี้
คุยกันได้สารพัด ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของกฤตเมธและสดายุ ที่ถูกหลีกเลี่ยงการพูดถึงอย่างชัดเจน ซึ่งในจุดนี้ สดายุนึกขอบคุณน้องๆที่น่ารักทั้งสามคนเป็นที่สุด
การคุยออกรสชาติ จนคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลองสายตา
รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ที่แอบมายืนยิ้มแผล่ ซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของสดายุตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนกฤตเมธต้องกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเตือนว่า
'อย่าเล่นกับของคนอื่นให้มันออกหน้าออกตานัก' นั่นแหละถึงจะยอมถอยมาอยู่ข้างกฤตเมธแทน พร้อมตีเนียนเข้าไปอยู่ในวงสนทนาราวกับสนิทกับอีกสามคนที่เหลือมานาน
การมาของดนัย ทำให้สดายุรีบหันไปสอดส่องสายตาหาอีกคนที่เขาให้บัตรเชิญเป็นการส่วนตัวไว้
"หาไม่เจอหรอก ผมให้เขาปลอมตัวมา" คงเพราะเห็นสายตาของสดายุที่สอดส่ายหาใครบางคน ไปกระทบกับสายตาของดนัยเข้า ชายหนุ่มที่รู้ๆกันจึงก้มกระซิบบางอย่างที่รู้กันอยู่เพียงสองคนให้สดายุได้ฟัง
"ไอ้หนุ่มเซอร์ แว่นดำผมยาวตรงสิบนาฬิกา" คือพิกัดของบดินทร์ที่ดนัยหมายถึง
แค่เห็นเข้า สดายุก็ถึงกับอมยิ้ม
'จำแทบไม่ได้จริงด้วย' (วิก) ผมยาวปรกไหล่ ใส่หมวกแก็ป สวมแว่นตากรอบดำหนาใหญ่แบบไม่มีเลนส์ แถมใส่มาส์กปิดหน้า อีกนิดเดียว ถ้าเปลียนแว่นนั่นเป็นแว่นตาดำล่ะก็ เขาคงคิดว่าเป็นโจร หรือผู้ก่อการร้ายไม่ผิดแน่ แต่ก็เข้าใจบดินทร์แหละนะ เพราะสถานะของชายหนุ่มนั้น คือดาราราชาข่าวฉาวที่หายสาบสูญ หากจู่ๆโผล่พรวดพราดมาในงานที่ถือว่าเป็นดงนักข่าวโดยไม่พรางตัวอะไรเลยแบบนั้น คงได้ถูกรุมทึ้งแทบตายแน่ๆ
แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
"พามาจนได้นะ" กฤตเมธเปรยขึ้นเบาๆกับดนัย สายตาออกแนวเคืองเล็กๆ ส่งตรงถึงน้องชายตัวแสบ ไม่ติดว่ากำลังรักษาภาพพจน์ล่ก็ กฤตเมธคงออกปากไล่ให้ดนัยเอาคนคนนั้นกลับไปเสียเดี๋ยวนี้
ช่วยไม่ได้ที่กฤตเมธจะไม่ชอบบดินทร์ เพราะนอกเหนือจากเรื่องเลวร้ายที่บดินทร์เคยทำไว้กับสดายุ ขนาดที่ว่าต่อให้สดายุยอมยกโทษให้ แต่เขาอภัยให้ไม่ได้แล้วนั้น ตอนนี้สำหรับกฤตเมธแล้ว บดินทร์ขวางหูขวางตายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะอะไรนะหรือ...
ก็เพราะ สดายุของเขา ดันเริ่มรู้สึกดี (เกินไป) กับไอ้ตัวร้ายนั่นขึ้นมาแล้วน่ะสิ!! ถึงขนาดแอบเอาตั๋วพิเศษฝากไปให้ เพื่อจะได้มาร่วมงานด้วยกันนี่ บอกตรงๆเลย ว่ากฤตเมธยิ่งเหม็นหน้าบดินทร์ขึ้นมาอีกโข!
ว่าแล้วก็หันไปค้อนน้องรักอีกครั้ง พร้อมคาดคั้นทางสายตากลายๆว่า
'ฮึ่ย! เมื่อไหร่ แกจะเผด็จศึกไอ้มารหัวใจนั่นไปให้พ้นๆตาฉันเสียที!!' ก่อนจะหันกลับมาทำสีหน้าราวเทพบุตรเช่นเดิม
ดนัยเองก็ได้แต่เหงื่อแตกซึมหลังเบาๆ เฮ้อ...ด้านมืดของพี่ชายเขานี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน พี่เมธของเขาที่แสนดีไปเสียทุกอย่าง พอเป็นเรื่องของสดายุขึ้นมาเท่านั้นแหละ หึงโหดขึ้นมาเชียว ทั้งๆที่เมื่อก่อน พี่ชายเขาคนนี้ออกจากไม่แคร์ใครแท้ๆ ขายรอยยิ้มเทพ ขายมารยาทพระเอกเนื้อทอง แต่โคตรจองหอง ใครจะไปนึกว่าจะมาตกม้าตายกับผู้ชายด้วยกันอย่างสดายุได้ คนเรานี่เปลี่ยนได้เพราะรักจริงๆ...
ดนัยยิ้มกริ่ม...
'แต่ก็ดีแล้วล่ะที่คนที่พี่เมธของเขาเลือก คือสดายุ' เหมาะสมกันโคตร...
ทุ่มตรงตามเวลา ในที่สุดประตูโรงหนังระดับวีไอพี ก็พร้อมเปิดรับแขกผู้มีเกียรติ ให้เข้าสู่ความยิ่งใหญ่ของโรงหนังราคาแพงลิบ สมกับการเปิดตัวหนังนอกกระแส แต่แบ็คใหญ่ ป๋าดัน สปอนเซอร์เพียบ ซ้ำยังกระพือกระแสทำบุญ เป็นหนังเพื่อการกุศลเสียอีกด้วย
เพียงไม่นาน เมื่อผู้คนต่างได้นั่งประจำที่ หลังดูตัวอย่างหนังเรื่องต่างที่กำลังจะทยอยเข้าฉาย และยืนทำความเคารพแล้ว เพียงอึดใจต่อมา จอภาพก็ขยายใหญ่ขึ้น ก่อนที่โฆษณาสุดท้ายจะปรากฏ นั่นคือโฆษณารณรงค์ให้ปิดโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหน้าจอก็มืดไปอีกครั้ง คราวนี้ภาพของโลโก้ของบริษัทผู้จัดยักษ์ใหญ่ก็ฉายชัดเด่นหราอยู่ที่กลางจอ พร้อมเพลงประกอบชวนจดจำ ก่อนจอจะมืดไปอีกครั้ง พร้อมเสียงคนคุยโทรศัพท์เสียงแรกดังขึ้น
‘อะไรนะ พี่จะให้ผมรับงานถ่ายแบบอีกงั้นเหรอ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ค่อยสะดวก ผมไม่ไหวหรอกนะครับ’ เสียงแหบหวานของชายคนหนึ่ง กำลังคุยง่วนอยู่กับเสียงแหลมสูงที่ดังมาจากปลายสายโทรศัพท์
‘แค่สองอาทิตย์เองนะภู่ เป็นงานที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่หนักมากหรอก และที่สำคัญนะ งานนี้จะไปถ่ายทำกันถึงเกาะมัลดีฟแน่ะ เธอก็เหมือนได้ไปพักผ่อนนั่นแหละ ไม่ดีเหรอ?’ชายคนที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มนั้นกำลังเปลือยท่อนบน เผยผิวขาวน่ากัด แม้เห็นเพียงด้านหลังยังให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ชายคนนั้นอยู่อริยาบทสบายๆ โดยการใช้ศีรษะหนีบมือมือไว้กับไหล่กว้าง พลางควานหาเสื้อยืดตัวโปรดใส่ หลังอาบน้ำเสร็จ คุยไปพลาง พยายามใส่เสื้อไปพลาง อย่างเป็นธรรมชาติ
‘ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมอยากพักอยู่บ้านมากกว่าอีก’ คำพูดแสดงความลำบากใจ พร้อมกับคนที่หันหลังคุยอยู่ตลอดเวลา ได้หันมาให้กล้องจับภาพที่ใบหน้าได้เสียที
หล่อตรึงตา...
ภาพของสดายุที่ยังใส่เสื้อคาไว้ที่ไหล่อย่างขาดๆเกิน หันหน้ามาเผชิญกับหน้ากล้อง โดยมีห้องสีขาวปลอดเป็นแบคกราวด์ช่วยส่งเสริมให้คนที่ขาวอยู่แล้ว ดูสะอาดตาขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับผู้ชายหุ่นน่ากิน ที่มีซิคแพคเป็นลอนน้อยๆน่าบดขยี้
ภาพนั้นของสดายุ ในวันที่ยังหุ่นเฟิร์มสมชาย ไม่ผอมแห้งหยองกรอดอย่างปัจจุบัน ในวันนั้น สดายุยังคงมีเสน่ห์ความเป็นชายอย่างเหลือร้าย ขนาดที่ว่ากฤตเมธที่นั่งดูอยู่ข้างๆกับตัวจริง ยังรู้สึกอยากผิวปากแซวออกไปเสียที
‘งั้นเหรอครับ...ถ้าเขารู้ว่านายแบบเป็นผมเขาคงจะขอถอนตัวแน่’ ใบหน้าฉาบความสลดเศร้า ฉายชัดออกมาทางแววตา ดูเจ็บปวด ทั้งๆที่ตัวละครในเรื่องยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
แค่ฉากแรกก็บีบอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้แล้ว ยากที่จะทำใจไม่ให้ยอมรับความสามารถอันโดดเด่นของสดายุ พรสวรรค์อันเหลือเชื่อนี้ ช่างเหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาประหนึ่งเทวดาปั้นแต่งนี้เสียเหลือเกิน
หล่อจนคนดูถึงกับลืมไปเลย ว่าเคยเป็นดาราตกอับมาก่อน
หนังดำเนินตามท้องเรื่องของมันไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงฉากแรกที่ได้พบกัน ของตัวเอกทั้งคู่ พระนางที่เป็นชายทั้งแท่ง การปรากฏตัวของกฤตเมธในบทนคินทร์ก็ใช่ย่อย ตากล้องหนุ่มร่างใหญ่ใบหน้าคมดุ มาดเซอร์มีไรหนวดเขียวครึ้ม กระชากใจแม่ยกที่แอบนั่งกรี๊ดอยู่ด้านหลังได้เป็นโขยง
ลำนำรักหักเหลี่ยมโหดระหว่างอดีตเพื่อนสนิท ดำเนินมาจนถึงจุดแตกหักของเรื่อง หรือก็คือฉากเลิฟซีนสำคัญ ที่สดายุหวาดหวั่นกับมันที่สุด เขายังไม่เคยเห็นภาพจริงที่ตัดต่อออกมาแล้ว จึงไม่อาจวางใจได้เลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน
นั่งลุ้นได้เพียงแค่อึดใจ ไม่ต้องใช้เวลนาน ฉากที่น่ากลัวนั่นก็มาถึง
เสียงผู้ชายสองคนทะเลาะกันดังลั่น ภาพของกฤตเมธในบทนคินทร์คว้าคอกระชากทั้งร่างของสดายุในคราบของภุมราจนปลิวติดตามมือดูรุนแรง นคินทร์กำลังโกรธเกรี้ยว ส่วนภุมราก็กำลังอยู่ในอารมณ์ที่เลวร้ายถึงขีดสุด เสียงแหบหวานร้องห้ามโวยวาย ดวงตาฉายแววสิ้นหวังอย่างน่าเวทนา ความรู้สึกหดหู่ปกคลุมชัดเจนไปทั้งโรงหนัง น่าสงสารจับใจ
‘แคว่ก!!’ เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีถูกฉีกขาด กล้องถ่ายเพียงด้านหลังของร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธที่กำลังกดร่างสดายุติดเตียง ภาพฉายตัดไปมาระหว่าง ภาพมุมกว้างที่เห็นการกระทำย่ามใจของร่างใหญ่ชัดเจน กับภาพซูมหน้าใกล้ ที่ถ่ายให้เห็นว่า กฤตเมธในเรื่องนั้นกำลัง แนบริมฝีปากเข้ากับซอกคอขาวของสดายุอย่างจาบจ้วง จงใจให้ดูรุนแรง และกักขฬะ ดวงตาของสดายุเบิกกว้าง ร้องขอความเมตตาอย่างสุดกำลัง
คำพูดว่าร้ายเหยียดหยันถูกพ่นออกมาไม่ขาด แสดงให้เห็นถึงความชิงชังและการใช้กำลังข่มเหงอย่างแจ่มแจ้ง ร่างกายที่ยังคงสมส่วนของสดายุดิ้นพล่าน ต่อสู้กับคนที่บึกบึนกว่าอย่างกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ได้แค่นั้น ความที่ตัวบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดิ้นรนเท่าไหร่ ก็เหมือนไม่มีวันหลุด
เสียงแหบเครือตะเบ็งห้าม สองมือยังคงผลักใส ทั้งทุบทั้งชกไปที่ร่างหนาเสียงหมัดกระทบเนื้อดังปั่กๆ แน่นหนัก ถึงตรงนี้สดายุที่นั่งดูตัวเองโดนย่ำยี่อยู่แบบแผ่นหนังก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนนั้น เขากับกฤตเมธยังเกลียดกันแทบไม่เผาผี ฉากนี้ดูเหมือนจะสมจริงมาก โดยเฉพาะตรงบทที่ต้องออกแรงกดให้เขาเจ็บจนแทบแหลกคามือ คิดแล้วก็อดเคืองกฤตเมธที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ได้ จนต้องแอบหันไปค้อนใส่เบาๆ
"อย่า!!" เสียงตะโกนห้ามดังชัดมาจากลำโพงโรงหนัง เรียกสติของสดายุให้หันกลับไปจดจ่อกับฉากหนังตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้เขาในบทภุมราถูกกฤตเมธโถมร่างคร่อมไว้ และกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างลงบนเตียงใหญ่ ราวกับถูกพันธนาการ ท่อนบนถูกกดทับ แต่ท่อนล่างยังคงดิ้นรนเตะถีบ ภาพมุมกว้างถ่ายตอนที่สดายุพยายามกระทุ้งเข้าซี่โครงของกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย จำได้ว่านั่นเขากำลังนอกบท แต่บังเอิญมันแมทช์กับเนื้อเรื่องและดูสมจริงสมจัง พี่อ๊อดเลยไม่ตัดทิ้ง เพียงไม่นานจากนั้น ภาพก็ซูมเข้าไป ขณะที่เขาถูกกฤตเมธทาบทับ ถูกบดจูบจนริมฝีปากเจ่อบวม ภาพการซุกไซร้หยาบโลนที่ไม่ต้องใช้มุมกล้อง
ฉากตอนที่ภุมราถูกนคินทร์ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างนั้น ถูกฉายออกมารวดเดียวจบ ไม่ได้ถ่ายออกมาให้เห็นถึงขั้นตอน เหมือนตอนถ่ายทำ แต่ตัดออกมาเพียงเศษเสี้ยว ให้เห็นถึงความโหดร้ายของนคินทร์ และความน่าสงสารของภุมราเท่านั้น
ฉากข่มขืนเต็มพิกัดเริ่มต้นขึ้น เมื่อกล้องฉายภาพด้านข้างเพียงครึ่งตัวของตัวเอก ที่ผู้กระทำจับขาของผู้ถูกกระทำแยกกว้าง แต่ในภาพฉายให้เห็นเพียงแค่การจับตรงเข่าแยกออกจากกัน ไม่ได้ฉายให้เห็นมากกว่านั้นจนกลายเป็นภาพอาณาจาร
จากนั้นก็ไม่มีเสียงของตัวละครอีก เพราะตัดเป็นเสียงเพลงประกอบแสนเศร้าสร้อย แทนหัวใจที่แหลกสลายของภุมราในเรื่องแทน ภาพทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีศิลปะ มากกกว่าเป็นฉากร่วมรักที่สักแต่ให้ขยับตามธรรมชาติ ตั้งแต่เริ่มจนจบถูกฉายเป็นภาพเคลื่อนไหวยาวต่อเนื่อง
บางจุดที่เน้นอารมณ์เจ็บเจียนตายของภุมรานั้นก็จะใช้เป็นฉากสโลโมชั่นซูมไปที่ดวงตาที่เบิกกว้างของสดายุที่กำลังมีน้ำตานองเจิ่ง ให้ความรู้สึกราวกับจะแหลกสลายให้ได้เสียตอนนี้ ส่วนจุดไหนที่ต้องการเน้นความดุดันของทางด้านนคินทร์ ภาพก็จะฉายเป็นปกติไปที่หน้าของกฤตเมธที่กำลังแสยะยิ้มหยันจ้องลงมาที่สดายุราวกับจะทำลายทิ้งให้ป่นปี้
ฉากขืนใจอันโหดร้ายเจ็บปวดนี้ ไม่ได้ยาวนานเหมือนดังที่คิด เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเพลงประกอบ ทุกอย่างก็จบลง
ภาพสุดท้ายของฉากคือภาพสโลโมชั่นซูมไปที่ด้านข้างของสดายุ ที่ถูกร่างของกฤตเมธที่ถูกทำให้เบลอกว่ายังขยับเชื่องช้าทาบทับอยู่ ใบหน้าขาวซีด ดวงตาเบิกกว้างเลื่อนลอย ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่หน้าตรงของสดายุอีกครั้ง ขณะค่อยๆหลับตาลงแล้วปล่อยน้ำตาให้กลิ้งลงข้างแก้มเปรอะเปื้อนอย่างช้าๆ พร้อมกับเพลงท่อนสุดท้ายที่จบลงอย่างเศร้าสร้อย
จากนั้นภาพก็มืดลงครู่หนึ่ง เพื่อข้ามไปยังฉากต่อไป
ถึงตรงนี้สดายุถึงกับถอนหายใจพรู ดูจะไม่เลวร้ายนักสำหรับฉากเลิฟซีนรุนแรงที่เขากังวล เพราะตอนถ่ายทำเล่นจัดท่ากันเสียเต็มที่ เลยออกจะหวั่นใจเล็กๆว่าภาพที่ออกมาจะดูลามกอาณาจารจนเกินรับไหว เห็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกทึ่งทั้งพี่อ๊อดและทีมงานไม่ได้ ที่สามารถตัดต่อฉากแบบนี้ออกมาให้ดูแล้วรู้สึกไปกับบทบาทของตัวละครมากกว่าจะคิดไปในแง่ของเรื่องเพศ และที่น่ายกย่องที่สุดคงเป็นคุณกมล ตากล้องขวัญใจผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่างพี่อ๊อด ต้องขอยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาเลยว่า พี่แกเป็นตากล้องขั้นเทพจริงๆ ที่สามารถถ่ายฉากบนเตียงออกมาให้ดูงดงาม และกระชากอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้
หลังจากฉากผาดโผนที่สดายุตั้งใจลุ้นอย่างแน่วแน่ผ่านพ้นไป เขาก็พอมีสมาธิกับเนื้อเรื่องในส่วนต่อมามากขึ้น ช่วงตั้งแต่กลางเรื่องที่เริ่มมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉากกุ๊กกิ๊กที่ดูแล้วรู้สึกจั๊กจี้ไม่หยอก อินไปกับเนื้อหาของเรื่องบ้าง หลุดไปคิดถึงตอนที่ถ่ายทำฉากนั้นๆบ้าง นั่งวิเคราะห์การแสดงของตัวเองไปบ้างว่ายังขาดตกบกพร่องไปตรงไหน ทั้งยังแอบยิ้มไปกับพัฒนาการทางการแสดงที่ดีขึ้นในทุกๆฉากของพอร์ชกับรุจน์ด้วย
ในส่วนของกฤตเมธนั้น สดายุไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่แสดงเก่งจนเป็นของตาย น่ามองตรงไหนกัน ^^
มาถึงฉากไคลแม็กซ์กลางเรื่อง คือเลิฟซีนครั้งที่สองของพระนาย และฉากล้มในห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นฉากเปิดดราม่า ในเลิฟซีนเปิดตัวที่ผ่านมาสดายุลุ้นภาพที่จะออกมาจนค่อนข้างเครียด แต่พอมาถึงตรงนี้ เขากลับออกอาการใจเต้นเสียมากกว่า ตามที่เห็นนั้น ภาพไม่ได้ออกมาหวือหวาเหมือนในฉากแรก แต่ออกไปทางละมุนกลมกล่อม ดูแล้วไม่ได้เกิดอารมณ์ปลุกเร้า แต่เป็นแนวให้ใจเต้นเสียมากกว่า...สำหรับคนที่ชอบแนวนี้แหละนะ เพราะถ้าไม่ใช่แนว ก็อาจมีขนลุกเล็กๆเพราะความจั๊กเดียมในหัวใจได้ แม้ตอนจบของฉากนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากมายเลยก็ตาม