SP# My Drunkard Lover [Sky x Toey]
บรรยากาศอึกทึกท่ามกลางความมืดสลัวที่มีแสงสีวูบวาบชวนให้ลายตา ชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมกันอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์และกับแกล้ม บ้างก็ตะโกนคุยกันเสียงดัง บ้างก็โยกตัวไปตามเสียงเพลง ส่วนคนตัวเล็กที่มักจะสงบนิ่งเสมอในกลุ่มเพื่อนตอนนี้กำลังกระดกเครื่องดื่มรสขมลิ้นลงคออย่างสบายอารมณ์
“เต้ย! หมดแก้วอีกแล้วหรอ?”
“ทำไมหรอ?”
“เต้ยคอแข็งกว่าที่เราคิดมาก เพราะปกติเราไม่ค่อยเห็นเต้ยออกมากินเหล้ากับเพื่อนน่ะ”
ใบปอเอ่ยขึ้น เธอได้แต่ทึ่งกับท่าทีไม่รู้สึกรู้สาของชายร่างเล็กพลางชงเหล้าแก้วใหม่ให้
“ใบปอชงอ่อนไปป่าว แบบนี้นะไอ้เต้ยกินให้ตายมันก็ไม่เมาหรอก”
“ไม่นะน้ำ เราก็ชงปกตินะ”
“ทำไมวะไอ้น้ำ? มึงอยากเห็นกูเมาหรือไง? กูบอกเลยว่ามึงทำไม่สำเร็จหรอก”
เต้ยเอ่ยขึ้นพลางยิ้มขำเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยออกมาดื่มสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูงมากนัก แต่ชายหนุ่มคุ้นเคยกับการใช้เหล้าประกอบอาหารเป็นอย่างดี ที่บ้านของเขานอกจากเหล้าจีนสำหรับทำอาหารแล้วยังใช้ไวน์แดงและบรั่นดีในหลายๆ เมนูอีกด้วย นานๆ ทีนึกครึ้มนำเอาออกมานั่งดื่มกับพวกพ่อครัวที่บ้านก็เคยมาแล้ว
“งั้นวันนี้กูจะล้มมึงให้ได้ไอ้เต้ย!”
น้ำเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย วันนี้เขาจะต้องได้เห็นสภาพเพื่อนของเขาตอนเมาปลิ้นให้ได้ ชายหนุ่มหน้าตาคมคายหายตัวไปทางบาร์เทนเดอร์อย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในมือ
“อ่ะ! มึงแดกอันนี้ก่อนเลย!”
สีหน้าเจ้าเล่ห์ถูกฉายไปทางคนตัวเล็ก เต้ยได้แต่มุ่ยหน้าขึ้นพลางตอบโต้กลับไป
“กูบอกไปตอนไหนวะ...ว่ากูจะเล่นกับมึงอ่ะ?”
“อ้าว! ได้ไงวะ กูสั่งมาแล้วมึงก็ต้องกินดิ...เอางี้ถ้ามึงยอมกินนะ กูจะยอมเป็นขี้ข้ามึงเดือนนึงเต็มๆ เลยอ่ะ!”
“คุ้มหรอวะ?”
“เราว่าคุ้มนะเต้ย ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่กินเหล้าแล้วก็จะได้จิกหัวใช้น้ำยังไงก็ได้ตั้งเดือนนึง เป็นเรา เราก็ทำ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นสนับสนุน หากเต้ยคอแข็งจริงแค่การดื่มเหล้าที่เพื่อนจัดให้ไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าไม่ได้ยากเกินความสามารถ คนตัวเล็กรับแก้วใสที่ใส่เครื่องดื่มสีเหลืองทองไว้จนเต็มจากนั้นจึงยกขึ้นจิบเบาๆ
“อันนี้อะไรวะ? กระทิงแดงหรอ?”
“มึงอย่าจิบดิวะ มึงต้องกระดกหมดแก้ว!”
“เพื่อไรวะมึง?”
“กูท้ามึงอยู่นะเว้ย!”
“ปัญญาอ่อนชิบหาย...”
ถึงคนตัวเล็กจะเอ่ยเช่นนั้นแต่ก็ทำตามแต่โดยดี เขากระดกแก้วดื่มแบบรวดเดียวหมด ความซ่าผสมรสหวานอมขม ทำเอาเต้ยร้อนวูบขึ้นเล็กน้อย ส่วนชายหญิงที่จ้องอยู่ก็ตั้งใจมองท่าทีของคนตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียง
“วอดก้าผสมกระทิงแดงหรอวะ?”
“เออ! เป็นไง?”
“ก็ดีนะ ร้อนๆดี”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบโดยที่รู้สึกว่าใบหน้าของเขาร้อนขึ้นอย่างชัดเจน เหล้าแรงๆ ยิ่งดื่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเมาไวเท่านั้น ทว่าเต้ยยังคงคุมสติได้อยู่สบายๆ
“งั้นตาเราบ้าง!”
หญิงสาวเริ่มเล่นกับเขาบ้าง ตอนนี้ใบปอเดินหายไปทางบาร์เทนเดอร์อีกคนหนึ่งแล้ว เธอกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสีข้นเข้มผสมนมในมือ
“อ่ะเต้ย กิน!”
เต้ยรับแก้วขึ้นมาพลางดมกลิ่นเล็กน้อย กลิ่นของเหล้ากับกาแฟและครีมตีผสมกันหอมหวานน่าลิ้มลอง คราวนี้ชายหนุ่มไม่อิดออดยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว
“อันนี้อร่อยดี เรียกว่าอะไรหรอใบปอ?”
“ไวท์รัซเซียนน่ะ เต้ยชอบป่ะ?”
“ชอบ! เราไม่เคยกินเหล้าที่เหมือนขนมแบบนี้มาก่อนเลย”
“มึงชอบใช่ป่ะ? งั้นมึงหรอเดี๋ยว...”
ชายหนุ่มหล่อเหลาคมคายหายตัวไปอีกรอบ คราวนี้เขาชวนหญิงสาวให้เดินไปด้วยกัน จากนั้นทั้งคู่จึงเดินกลับมาพร้อมกับแก้วเหล้าคนละแก้วในมือ
“มึงๆแดกอันนี้ก่อนกูจุดไฟมา!”
น้ำเสียบหลอดลงในแก้วที่ของเหลวภายในแยกตัวออกเป็นชั้นๆ ที่ชั้นบนสุดมีเปลวไฟสีน้ำเงินติดอยู่ ร่างเล็กรีบดูดเครื่องดื่มสีสวยจนหมดในรวดเดียว รสชาติหอมหวานของกาแฟ ครีมนม และรสส้มอบอวลอยู่ในปาก ทว่าตอนนี้ในท้องของชายหนุ่มกลับร้อนวูบขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
“มึงเอาอะไรมาให้กูแดกวะไอ้น้ำ?”
“ของกูอ่ะนะ บีห้าสิบสอง (B – 52) อ่ะมึง”
ในขณะที่ร่างเล็กเอ่ยถาม ตอนนี้เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาที่เคยสดใสของเขากำลังแดงก่ำฉ่ำเยิ้มขึ้น สติเริ่มควบคุมได้ยากเมื่อเพื่อนของเขาประเคนเครื่องดื่มตัวแรงให้เขากินแบบไม่หยุดพัก
“เต้ยๆ กินอันนี้ด้วย!”
ใบปอเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆหย่อนแก้วช็อตที่ใส่เครื่องดื่มสีขาวนวลลงในแก้วใบใหญ่ที่บรรจุเครื่องดื่มสีดำ สีทั้งสองผสานกันออกมาเป็นเหมือนนมข้นเจือสีน้ำตาลเข้ม เมื่อคนตัวเล็กยกขึ้นดื่มก็ได้สัมผัสกับรสชาติหอมมันทว่าขมลิ้มจนต้องหลับตาปี๋
“อึก...อันนี้อะไรอีกวะเนี่ย?”
“อันนี้คือ ไอริชคาร์บอมบ์น่ะเต้ย”
ตอนนี้สติของคนตัวเล็กเลือนรางเต็มที ก่อนที่เขาจะมาพบจุดจบเช่นนี้เขาก็ได้ดื่มไปหลายแก้วแล้ว ทว่าเต้ยก็ไม่ยอมจำนนให้กับฤทธิ์ของสุรา เขาฝืนตัวขึ้นยืนจากนั้นจึงเอ่ยกับเพื่อนๆเสียงดังลั่น
“กูจะกลับบ้าน!”
“เฮ้ย! มึงจะหนีแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!”
“เรื่องของกู! กูจะกลับแล้ว!”
“เฮ้ยอย่าพึ่งกลับดิวะ! ถ้ามึงกลับกูก็ต้องกลับด้วย ลืมไปแล้วหรอวะว่าคืนนี้กูต้องไปค้างห้องมึงอ่ะ?”
“มึงก็กลับห้องมึงไปดิวะ...”
“กลับได้ไงวะ? ป่านนี้แล้วหอกูปิด กูเข้าไม่ได้!”
ใช่แล้ว...เต้ยนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาและเพื่อนๆที่คณะมาดื่มฉลองจบการศึกษาด้วยกัน และน้ำเพื่อนชั่วของเขาก็มาขอค้างคืนที่ห้องด้วย ทำให้ “สกาย” ต้องถูกอัปเปหิกลับไปนอนที่บ้านเสียอย่างนั้น
“กูไปล่ะ...อึก...”
“เหี้ย...มึงเมาแล้วนี่หว่า...”
“กู...ไม่ได้เมา!”
พูดจบเต้ยก็เดินโซเซออกจากประตูไป เขาไม่รอช้าโบกมือเรียกแท็กซี่ที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่ ส่วนน้ำก็รีบวิ่งตามออกมาติดๆ
“เดี๋ยวไอ้เต้ยมึงรอกูด้วย! ...ใบปอเราฝากเคลียร์ตรงนี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราโอนเงินให้!”
“จ้า! เดี๋ยวเราไลน์ไปบอกนะ”
ตอนนี้เต้ยได้คลานเข้าไปนอนที่เบาะหลังพลางบอกจุดหมายที่เขาต้องการจะไปเสร็จสรรพ ส่วนน้ำไม่รอช้าเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว ทว่าเส้นทางที่รถโดยสารกำลังนำพาพวกเขาไปกลับไม่ใช่เส้นทางเดิมที่คุ้นเคย
“ไอ้เต้ย! มึงบอกให้คุณแท็กซี่เค้าพามึงไปไหนวะเนี่ย?”
น้ำชะโงกตัวมาเอ่ยถามคนที่กำลังเมาแอ๋นอนกลิ้งอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนเต้ยที่ยังพอคุมสติได้อยู่นั้นก็เอ่ยตอบขึ้นมา
“ไปบ้านไอ้สกาย...”
รถยนต์สีเขียวเหลืองหยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง น้ำจ่ายค่าโดยสารให้แก่คนขับจากนั้นจึงพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของเต้ยลงมาจากรถ เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาชายหนุ่มเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป ตอนนี้คนตัวเล็กกำลังรัวนิ้วกดกริ่งหน้าบ้านอย่างไม่เกรงใจ
“ไอ้เต้ย! ดึกป่านนี้แล้วมึงจะกดกริ่งทำไมวะ?! เดี๋ยวเค้าก็แห่กันออกมาหมดบ้านหรอก”
เป็นไปอย่างที่คิด เจ้าของบ้านคนแรกที่ปรากฏตัวคือหญิงสาวร่างผอมบาง กำลังเดินงัวเงียมาที่ประตูรั้ว เมื่อเธอเห็นคนตรงหน้าก็ทักขึ้น
“น้องเต้ยนี่...มาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้?”
“เอ่อ...สวัสดีครับผมน้ำเป็นเพื่อนเต้ยกับสกายนะครับ พอดีไอ้เต้ยมันเมาน่ะครับพี่ ผมต้องขอโทษจริงๆที่มารบกวน แล้ว...สกายล่ะครับ?”
น้ำเอ่ยขึ้นถามสมายด้วยท่าทางเกรงใจ เพียงครู่เดียวคนที่ถูกถามถึงก็ปรากฏตัวออกมา
“ใครมาหรอพี่สมาย?”
ร่างสูงเดินงัวเงียมาอีกคน เมื่อเขาเห็นสภาพของคนที่ยืนอยู่นอกประตูรั้วก็ถึงกับตาสว่าง ชายร่างเล็กยืนโซเซตัวแดงก่ำ ผมนุ่มก็ยุ่งเหยิงขึ้น ไหนจะดวงตาที่ลืมแบบปรือๆนั่นอีก
“ไอ้เต้ยมันเรียกรถให้มาส่งที่นี่ว่ะสกาย กูก็งงมันเหมือนกันว่าทำไมมันไม่ยอมกลับห้อง”
หญิงสาวได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจทุกอย่าง เธอเอ่ยขึ้นกับน้องชายพลางยิ้มกริ่มไปด้วย
“หืม...เข้าใจล่ะ งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ สกายดูแลเพื่อนไปแล้วกัน”
“โทษทีนะพี่...เลยต้องตื่นไปด้วย”
“ไม่เป็นไร แค่...หลังจากนี้อย่าเสียงดังก็พอ...”
สมายหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินจากไป สกายดูเขินๆเมื่อถูกคนเป็นพี่หยอกเย้า ส่วนน้ำไม่ได้สนใจในบทสนทนาเมื่อครู่เท่าไรนัก ชายหนุ่มเปิดไขประตูบ้านให้ผู้มาเยือนทั้งสองเข้ามา คนตัวเล็กไม่รอช้าโผตัวเข้าซบชายคนรักอย่างมีความสุข
“สกาย...กูมาหามึงแล้ว...อึก”
“ไหวมั้ยวะมึงไอ้เต้ย? สกายเดี๋ยวกูพาไอ้เต้ยกลับห้องมันก็ได้นะ เกรงใจมึง”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ให้พี่เต้ยเค้านอนบ้านผมก็ได้”
“อ้าวแล้วกูล่ะ?”
น้ำเอ่ยขึ้นถาม ซึ่งคนที่กำลังยืนมึนอยู่นั้นไม่รอช้าที่จะล้วงกุญแจห้องในกระเป๋ากางเกงพลางส่งให้เพื่อนของเขา
“มึงกลับห้องกูไป...อึก...ส่วนกูจะนอนที่นี่!”
“เฮ้ย! อะไรของมึงวะไอ้เต้ย มึงให้กูกลับไปนอนห้องมึง ส่วนตัวมึงจะมานอนค้างบ้านคนอื่นเนี่ยนะ? มึงนี่ท่าจะเมาหนักแล้วว่ะ!”
“กูบอกว่ากูไม่ได้เมา! แล้วสกายก็ไม่ได้เป็นคนอื่น! แต่กูกับมัน...”
สกายหน้าตาตื่นรีบยกมือขึ้นปิดปากของคนตัวเล็กก่อนจะพูดมากไปกว่านี้
“ไม่เป็นไรครับพี่น้ำ ผมสบายมาก พี่น้ำกลับห้องพี่เต้ยไปเถอะครับเดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง”
“เอางั้นหรอวะ? อืม...ก็ได้ งั้นกูไปก่อนนะ...ฝากไอ้เต้ยมันด้วยแล้วกัน”
“ครับพี่ กลับดีๆนะครับ”
สกายพยุงร่างของคนตัวเล็กที่ทิ้งน้ำหนักลงมาเต็มที่ขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล เขาเปิดประตูห้องออกจากนั้นจึงทิ้งร่างของคนตัวเล็กลงบนเตียงนุ่ม เต้ยได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งพลางนอนกลิ้งตัวไปมาบนที่นอนจนผ้าปูยับยุ่งไปหมด
“พี่เต้ยรอแป๊ปนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”
สกายผละตัวออกจากห้องไป ส่วนเต้ยผุดตัวลุกขึ้นนั่งพลางขยับตัวไปทางหัวเตียง เขารื้อค้นข้าวของที่อยู่บริเวณนั้นอย่างไม่เกรงใจ ราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง
“มือถือกูไปไหนวะ...อึก”
แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือก็อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเต้ยนั่นแหละ แต่ด้วยความมึนเมาจึงทำให้เขาหลงๆลืมๆ ในขณะที่เปิดตู้นู้นเปิดลิ้นชักนี้ เขาก็ได้ไปพบกับของชิ้นหนึ่งเข้า ที่คาดผมรูปหูกระต่ายสีขาวปุกปุยดูน่ารักถูกเก็บไว้ตรงหัวเตียงเป็นอย่างดี
“อ๋อ...กูเคยใส่ของแบบนี้มาก่อน...กูจำได้...”
เต้ยหยิบหูกระต่ายขึ้นมาถือไว้ เขาตั้งอกตั้งใจพิจารณาสิ่งของที่อยู่ในมือจากนั้นจึงนั่งหัวเราะไม่หยุด ในขณะนั้นเองสกายที่เดินถือขวดน้ำขึ้นมาก็ได้แต่ตกใจตาค้างกับภาพตรงหน้า
‘หูกระต่ายอันนั้น! ซวยแล้ว...’
ที่คาดผมหูกระต่ายอันนี้สกายตั้งใจซื้อมาเพียงแค่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสได้เห็นคนตัวเล็กสวมมันให้ดูอีกครั้ง แต่เขาก็ได้แต่หวัง สกายไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยขอให้เต้ยลองสวม เพราะเขารู้ดีว่ายังไงคนรักของเขาก็ไม่มีวันยอมทำแน่ๆ
มือเรียวรีบวางขวดน้ำลง จากนั้นจึงคลานขึ้นเตียงไปหวังจะนำสิ่งของที่อยู่ในมือของคนตัวเล็กออก ทว่าเต้ยกลับสวมหูกระต่ายนั้นลงบนศีรษะอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มกว้างน่ามันเขี้ยว
“สะ...กาย...น้องต่ายมาแล้ว...อึก”
คนตัวเล็กที่ยิ้มกว้างอยู่นั้นลุกขึ้นคร่อมลงบนตักของร่างสูง สองแขนโอบขึ้นคล้องคอคนรักของเขาพลางจ้องมองดวงตาเรียวไม่วางตา
“สกายรักน้องต่ายมั้ย...?”
ราวกับถูกกระตุ้นให้รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของคนรัก ความน่ารักที่แทบจะทนไม่ไหว หัวใจเต้นแรงเหมือนในอกจะระเบิด
“ทำไมไม่ตอบอะไรเลยล่ะ? น้องต่ายรักสกายมากเลยน้า...”
เต้ยทำหน้าบูดบึ้งขึ้น น้ำเสียงก็เง้างอด ถ้าเต้ยไม่เมาชาตินี้สกายก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้แน่ๆ เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพคนที่กำลังนั่งอยู่บนตัก ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กก็ซุกซนพยายามเอามือปัดป่ายโทรศัพท์ที่กีดขวางคนเบื้องหน้าออกก่อนจะกดจมูกลงตรงซอกคอขาวของคนรัก ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ความรู้สึกต้องการเข้าควบคุมเขาไปทั้งร่างกายและจิตใจ
‘ไม่ไหวแล้วโว้ย!’
ริมฝีปากแดงอิ่มเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากบางตรงหน้าทีละน้อย ทว่าคนตัวเล็กกลับรีบยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของคนที่เขานั่งคร่อมอยู่ เต้ยยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง
“มึงจะทำอะไรน้องต่ายวะ? ห๊า?”
ดวงตาฉ่ำแดงมองสบลงกับดวงตาเรียวอย่างเอาเรื่อง เขาผลักคนรักล้มลงจากนั้นจึงคร่อมตัวขึ้นพลางใช้ริมฝีปากบางฉกเข้าขโมยจูบอย่างรวดเร็ว เร่าร้อน รุนแรง ลิ้นอุ่นควานเกี่ยวกระหวัดให้คนที่ถูกจับกดหอบหายใจสั่นเทิ้ม ริมฝีปากบางดูดเม้มอย่างกระหาย คนตัวเล็กถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยก่อนเลียแตะสัมผัสริมฝีปากแดงเบาๆ จากนั้นจึงบดริมฝีปากลงไปอีกครั้งไม่ให้อีกฝ่ายได้หยุดพักหายใจ
ร่างสูงจูบตอบริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือเรียวยึดคอเสื้อของคนที่คร่อมอยู่ให้ตัวโน้มลงแนบแน่นใกล้ชิดยิ่งขึ้น คนทั้งสองหายใจกระเส่าหอบกระหาย ริมฝีปากบางเคลื่อนมาจูบลงที่ลำคอระหง เลื่อนเรื่อยมาที่แผ่นอกกว้าง พลางปลดกระดุมชุดนอนผ้าเนื้อดีมือไม้สั่น จากนั้นก็...
“คร่อก...”
เสียงกรนเบาๆดังขึ้น คนที่อารมณ์พลุ่งพล่านอยู่เมื่อครู่หลับไปเสียดื้อๆ อย่างนั้น ปล่อยให้คนโดนรุกอารมณ์ค้างอย่างไม่น่าให้อภัย สกายจับเต้ยลงนอนหนุนหมอนพลางห่มผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเสียอารมณ์
แสงแดดแรงส่องลอดผ้าม่านสีอ่อนเข้ามากระทบใบหน้าใสที่กำลังหลับอยู่ คนที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มขยับตัวน้อยๆ ในหัวของเขาตอนนี้หนักอึ้งไปหมด เต้ยลืมตาขึ้นช้าๆ มือก็ควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา
‘บ่ายโมงแล้วหรอวะ...’
เขาผุดตัวขึ้นนั่งจากนั้นก็มองไปรอบๆ มันคือห้องนอนที่เขาคุ้นเคยทว่ากลับเป็นห้องของคนอื่นซึ่งเจ้าของห้องหายไปไหนก็ไม่รู้ เต้ยจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ลางๆ อย่างน้อยเขาก็จำได้ว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร
“พี่เต้ยตื่นแล้วหรอ? หิวมั้ย?”
คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องมาเอ่ยถามขึ้น พลางส่งขวดน้ำพร้อมยาแก้เมาให้กับคนที่กำลังนั่งเบลออยู่
“เป็นยังไงบ้างพี่ ปวดหัวมากมั้ย?”
“ไม่แย่เท่าไหร่ แค่หนักๆอึนๆนิดหน่อย”
“โห! แฟนผมคอแข็งไม่เบานะเนี่ย”
เต้ยได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะหึขึ้นมา จากนั้นจึงเอ่ยถามคนตรงหน้า
“เมื่อคืนกูทำอะไรไปบ้างวะ? กูจำไม่ค่อยได้ จำได้แค่ว่ากูเรียกแท็กซี่มาบ้านมึงแล้วไอ้น้ำก็ตามมาด้วย แล้วมันหายไปไหนอะไรยังไงวะ?”
“อ๋อ...เมื่อคืนพี่บอกว่าจะค้างบ้านผมส่วนพี่น้ำก็ให้ไปนอนที่ห้องพี่ แล้วก็ให้กุญแจไปด้วย”
คนตัวเล็กผงกหัวสองสามทีเป็นอันว่ารับรู้ เขาพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วทว่ากลับเซล้มลงกลับไปนั่งที่เดิม
“พี่เต้ยค่อยๆลุก ไหวมั้ยเนี่ย...”
“เออกูว่ากูแย่กว่าที่คิดว่ะ...หึๆ”
คนตัวเล็กหัวเราะตัวเองอย่างสมเพช ส่วนสกายได้แต่ตัดพ้อขึ้นน้อยๆ
“แย่ดิพี่...ทำเอาผมแย่ไปด้วย...”
“กู...ทำอะไรมึงวะ?”
ดวงตาอ่อนล้าเบิกโตขึ้นเมื่อได้ฟังดังนั้น เพราะสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้อย่างชัดเจนคือตอนที่เขาคลานลงจากรถมายืนอยู่หน้าบ้านของสกาย
“ทำ...เยอะเลย...”
สกายแสร้งทำเป็นเอ่ยขึ้นอย่างเหนียมอาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนยื่นให้คนตรงหน้าดู
“ดู!”
ภาพของเต้ยฉีกยิ้มร่าใบหน้าแดงก่ำ บนศีรษะกำลังสวมที่คาดผมหูกระต่ายปรากฏแก่สายตา คิ้วเรียวขมวดขึ้นก่อนจะโวยวาย
“ไอ้สกาย! มึงฉวยโอกาสตอนกูเมาเอามาให้กูใส่หรอวะ? แล้วยังจะเสือกถ่ายรูปไว้อีก ลบแม่ง!”
“เฮ้ยๆๆ ลบเลิบอะไร เอาคืนมาเลย!”
สกายรีบแย่งโทรศัพท์คืนมาจากคนที่กำลังเกรี้ยวกราด เขาคงยอมไม่ได้หากเขาจะต้องสูญเสียภาพอันมีค่าภาพนี้ไป
“แล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนเอาหูกระต่ายมาใส่ให้พี่ด้วย พี่หยิบมาใส่เอง”
ตอนนี้แก้มใสๆกำลังแดงจัดด้วยความอาย คนตัวเล็กไม่รอช้ารีบยื่นมือไปหมายจะแย่งคว้าโทรศัพท์มาทว่าสกายก็ไม่ยอมรีบดึงมือออกพลางหลบอย่างว่องไว
“แถมเมื่อคืนนะพี่ก็ถามผมใหญ่เลยด้วยว่ารักพี่มั้ย?”
“ไอ้สกายมึงพอ!”
สกายยืดแขนที่ถือภาพหลักฐานจนสุดทำให้คนตัวเล็กเอื้อมไม่ถึง จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นหนีออกจากเตียง เต้ยก็รีบลุกตามพลางไล่คว้าโทรศัพท์ ทว่าขาที่ไร้เรี่ยวแรงกลับไม่ยอมตาม เขาทรุดล้มลงที่พื้นอย่างรวดเร็ว
“นั่นไง! ไม่ไหวแต่ก็ยังฝืน”
สกายรีบเก็บโทรศัพท์ไปให้พ้นมือเต้ย จากนั้นจึงเข้าประคองคนที่นั่งพับอยู่บนพื้นขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง เขาหัวเราะยิ้มยียวนก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พี่เต้ยรู้มั้ย? ถ้าเราออกกำลังกายตอนเมาค้างเนี่ย...แอลกอฮอล์จะถูกขับออกทางเหงื่อด้วยนะ”
“อะไรวะ?”
“ก็...”
ร่างสูงขยับขึ้นคร่อมคนตรงหน้าทีละน้อย ริมฝีปากอิ่มยิ้มเหยียดขึ้นพลางส่งสายตาเชิญชวนให้คนตัวเล็ก ทว่าคนที่ถูกคร่อมอยู่กลับนิ่วหน้าขึ้นพลางบ่นเสียงอ่อน
“มึงจะบ้าหรอ...จะฆ่ากูหรือไง...?”
สกายยิ้มขึ้นพลางหัวเราะน้อยๆ เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน ดวงตาเรียวมองสบลึกเข้าไป จากนั้นจึงกระซิบขึ้นอย่างแผ่วเบา
“อืม...ผมจะเอาพี่ให้ตายแล้วส่งขึ้นสวรรค์ไปเลย...ดีมั้ย?”
“ไอ้…!”
เต้ยอยากจะด่าออกไปแต่ก็พูดไม่ออก แค่นี้เขาก็เขินจนจะตายอยู่แล้ว ส่วนสกายเห็นท่าทางอึกอักเลิ่กลั่กของคนรักก็ขำขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ล้อเล่นน่า! ผมไม่ใจร้ายกับคนป่วยหรอกน่ะ”
เขาผละตัวออกจากคนตัวเล็กก่อนจะมองสบตาดวงตาสดใสนั่นพร้อมยิ้มละไมส่งไป
“ที่พี่ถามผมเมื่อคืน...ผมยังไม่ได้ตอบพี่เลย”
“กูถามอะไรมึงวะ?”
“ผมรักพี่เต้ยนะ”
หัวใจไม่รักดีสั่นแรงราวกับจะออกมาวิ่งเล่นข้างนอก สกายเป็นคนที่ทำให้เต้ยเขินได้วันละเป็นสิบเป็นร้อยรอบ ใบหน้าใสร้อนวูบแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง เขาทำหน้าไม่ถูก อยากจะยิ้มแก้มแทบแตกทว่ากลับฝืนทำหน้านิ่งไว้จนดูตลกสิ้นดี
“พี่เต้ยอยากจะยิ้มก็ยิ้มออกมาดิ จะฝืนทำไมเนี่ย?”
สกายเอ่ยขึ้นพลางขำท่าทางของคนตรงหน้า ส่วนเต้ยตอนนี้ก็ได้แต่ก้มหน้างุดจากนั้นจึงเหลือบตามองคนรักเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้นเสียงค่อย
“จริงๆแล้ว...มึงไม่ต้องใจดีกับกูมากก็ได้นะเว้ย...”
เต้ยหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยต่อ
“มึง...อยากจะทำอะไร...ก็ทำ...”
แค่คำพูดเพียงประโยคเดียวทำเอาคนฟังสติแทบแตกกระเจิดกระเจิง ความรู้สึกอยากกระหายเข้าคุกคามชายหนุ่มอีกครั้ง ทว่าเขากลับพยายามทำทีเป็นนิ่งสงบข่มตนเองไว้
“พี่อนุญาตแล้วนะ...”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นหยั่งเชิง ส่วนคนกำลังเขินก็ได้แต่ผงกหัวน้อยๆ สกายโถมตัวเข้าหาเต้ย เขาส่งริมฝีปากอิ่มที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มจุมพิตลงบนริมฝีปากบางอย่างละเมียดละไม คนตัวเล็กเม้มจูบตอบเบาๆก่อนจะพูดขึ้น
“กู...รักมึงนะเว้ย”
คำบอกรักอันแสนอ่อนหวานทำให้คนฟังได้แต่ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองมองสบกันหวานซึ้งจากนั้นจึงหลับลงช้าๆ ริมฝีปากแตะสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา คนทั้งคู่แลกเปลี่ยนรสจูบกันอย่างอบอุ่นหอมหวาน เนิ่นนาน...
“กรุ่นไปด้วยความรักล้นใจ”
++++++++++++++++
สกายกับเต้ยมาแล้วค่า!!! ตอนนี้จะทำให้เห็นเลยนะคะว่าหลังจากที่สองคนนี้เป็นแฟนกันแล้วจะเป็นคู่รักแบบไหน ดูเหมือนว่าเต้ยเองจะถูกสกายละลายพฤติกรรมจนเป็นคนที่ละเอียดอ่อนขึ้นและแข็งทื่อน้อยลง ส่วนสกายเองก็น่าสงสารเหมือนเคย เพราะโดนเต้ยปั่นซะขนาดนั้นแต่ดันหลับคาอกเป็นเด็กน้อยซะอย่างนั้น ^^"
ก่อนจะจากกันไปเราขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายของเรามาตลอดอีกครั้งนะคะ หวังว่าตอนพิเศษทั้งสองตอนจะทำให้ทุกคนสนุกได้ไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่เรื่องถัดไปซึ่งเราจะเริ่มลงเร็วๆนี้ ยังไงก็ขอฝากติดตามด้วยค่ะ