[เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 100 % │ 30 ก.ย 60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 100 % │ 30 ก.ย 60  (อ่าน 1766 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 18:26:15 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 50 % │ 24 ก.ย 60
«ตอบ #1 เมื่อ24-09-2017 18:31:27 »

ว่ากันว่า.. พวกนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในห้องวิจัยนั้นมักจะเป็นเนิร์ดหรือไม่ก็พวกสติเฟื่องไปเลย วันๆ หลบกันคนละมุมในห้องวิจัยและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองวิจัยอยู่

จะว่าอย่างนั้นมันก็ใช่..

แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งน่ะนะ
 

"...อือ"

เสียงครางที่พยายามจะกลั้นดังแผ่วเบาภายในล็อกเกอร์สำหรับเก็บของขนาดใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สมบัติส่วนตัวของทีม 'SWALLOW' หรือเรียกสั้นๆ ว่าพวกนกนางแอ่น ตู้ล็อกเกอร์ตู้นี้เป็นของมิกกี้ หัวหน้าทีมวิจัยเรื่องวัคซีคที่สามารถทำให้มนุษย์สามารถก้าวข้ามความตายได้

มันอาจจะฟังดูเป็นไปไม่ได้แต่สิ่งที่ทีมนกนางแอ่นต้องทำนั้นคือการทำให้มันเป็นจริงเท่านั้น ด้วยทุนมหาศาลจากองค์การนาซ่าและเหล่าองค์กรต่างๆ ที่เข้าร่วมเพื่อหวังเพียงว่าจะได้รับยาเหล่านั้นด้วย พวกเขาล้วนทั้งหมดล้วนคาดหวังต่อทีมนกนางแอ่นมากเพราะเป็นทีมที่รวบรวมหัวกะทิของนักวิทยาศาตร์ที่เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ เอาไว้ โดยเฉพาะหัวหน้าทีมซึ่งเป็นหนุ่มเอเชียเพียงคนเดียวในทีมนี้ ถึงแม้ค่านิยมเรื่องการรักชาติจะรุนแรงในสายเลือดชนอเมริกัน แต่ด้วยความสามารถที่เก่งทุกด้านของมิกกี้จึงถูกยอมรับเป็นหัวหน้าทีมได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ

หากแต่คนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของหัวข้อวิจัยนี่กลับกำลังจะตายเอาเสียได้

"อา… วอนซ์" 

มิกกี้ขมวดคิ้วแน่นเมื่อถูกกัดแรงๆ เข้าที่ไหล่เหมือนกับว่าหมั่นเขี้ยวนักหนาหรือไม่ก็เห็นเขาเป็นชิ้นเนื้อสเต็กระดับมีเดียมแรร์ที่เจ้าหมีขั้วโลกตัวนี้มักจะสั่งมากินบ่อยๆ ซึ่งถ้าเอาตามความคิดเขาแล้ว พวกอาหารเม็ดคงจะเหมาะสำหรับหมีนิสัยหมาๆ ตัวนี้ซะมากกว่า

"เฮ้ ไม่เอาน่า" หนุ่มร่างใหญ่ผมสีขาวบาดตาสูงทะลุสองร้อยกว่าวางคางลงบนบ่าหัวหน้าทีมร่างเล็กที่เพียงแค่สองแขนรวบเอวแล้วกอดแน่นๆ ก็สามารถทำให้ร่างเล็กๆ นี้หักเป็นสองท่อนได้ในพริบตา วอนซ์หรี่ตาสีเทาทรงสเน่ห์ของตัวเองลงแล้วงับๆ เบาที่หูของเจ้าหนูมิกกี้ขี้บ่น "ฉันรู้ว่านายชอบมัน"

"วอนซ์!!" หัวหน้าทีมสบถเมื่อถูกกระทุ้งบางอย่างเข้าในตัว ทำเอาใบหน้าที่มักจะติดจะดุอยู่เป็นนิจเปลี่ยนสีหน้าแทบจะทันที 

"ชู่ว" วอนซ์หัวเราะหึในลำคอบดร่างในร่างของหัวหน้าทีม "..เดี๋ยวจะมีคนได้ยินนะ"

"มันก็ความผิดหมีบัดซบอย่างนาย ไอ้หมีหน้าโง่! เอาไอ้เวรนี้ออกจากตัวฉันสักที" 

วอนซ์ที่โดนหนูน้อยแว้งกัดแสร้งเจ็บปวด เอาหน้าซบลงบ่าแคบและตัดพ้อ "มิกกี้น้อย.. อยากให้ฉันเอามันออกจริงๆ เหรอ ดูนายก็ค่อนข้างชอบมันมากนะ" 

"--หุบปาก!!"

หัวหน้าทีมคำรามกรอดอย่างกราดเกรี้ยว ทำให้วอนซ์ต้องยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี ช่วยไม่ได้ไม่มีใครอยากมีปัญหากับหัวหน้างานของตัวเองทั้งนั้นโดยเฉพาะหัวหน้าที่สามารถออกคำสั่งบ้าๆ อะไรก็ได้กับลูกน้องโดยมีคนให้ท้ายที่เป็นถึงคนตำแหน่งใหญ่ๆ สักคนในประเทศที่ต่อคิวรอรับวัคซีนที่พวกเขาทุ่มชีวิตให้กับมัน

"...มิกกี้" วอนซ์กอดแผ่นหลังเล็กแน่นลอดมองช่องเล็กๆ สำหรับระบายอากาศของล็อกเกอร์ ความมืดสลัวภายในล็อกเกอร์ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด

"มีอะไร?"

เจ้าของชื่อถามเสียงอ่อนลงและกัดฟันแน่นเมื่อถูกกระแทกเข้ามาจนยืนแทบไม่อยู่

"วันนี้แมรี่มาขอเบอร์ฉันล่ะ" 

มิกกี้หัวเราะเหอะ "แล้ว?" 

"นายไม่คิดจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเราเหรอ ฉันไม่สนุกหรอกนะ เวลาที่นายยิ้มเย็นแล้วจัดแจงนัดให้สาวๆ พวกนั้นเอาตัวฉันไปปาร์ตี้ด้วยเหมือนหมากระเป๋าของพวกเธอ"

มือเล็กที่เท้าอยู่กับประตูล็อกเกอร์กำแน่น แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่วอนซ์สามารถมองเห็นได้ หมีคิดมากจึงได้แต่คิดเองเออเองอย่างตัดพ้อ 

"ไม่"

ใบหน้าที่มีเค้าเอเชียยิ้มเหยียด "ถ้านายเบื่อก็เลิกยุ่งกับฉัน มันก็แค่นั้น"

ถ้าหากเปรียบมิกกี้เป็นเบอร์นึงเรื่องการทำงานวิจัยแล้ว สำหรับวอนซ์ก็คงจะเบอร์นึงเรื่องหน้าตาและความฮอตของเจ้าตัว ถึงแม้จะไม่มีใครจัดประกวดชายงามหรือโหวตพนักงานที่เป็นที่ต้องการที่สุดของศูนย์วิจัย แต่ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าวอนซ์ถือเป็นของดีประจำศูนย์วิจัยที่ยังครองโสดและชอบแจกยิ้มโง่ๆ เรี่ยราด

"..ฉันชอบนาย"

วอนซ์กอดร่างเล็กๆ แน่น เขาไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดว่าภายในหัวอันชาญฉลาดของเจ้าหนูน้อยมิกกี้เมาส์ตัวนี้มันซุกซ่อนหรือปิดบังอะไรไว้บ้าง แต่เรื่องของเรื่องก็คือเขาชอบหนูตัวนี้แต่เจ้าหนูนี้กลับไม่ยอมรับเขาสักที

แปลก ทั้งๆ ที่มีอีกฝ่ายอยู่ในมือแต่วอนซ์กลับไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ครอบครองมิกกี้จริงๆ สักครั้ง

"...รีบๆ ทำให้มันจบเถอะ ฉันจะกลับบ้าน"

มิกกี้ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

"ทำไมล่ะ" 

วอนซ์ลูบผมสีดำที่รวบไว้หลวมๆ อย่างทะนุถนอม ถึงแม้มันจะกระด้างไปบ้างเพราะความไม่เอาใจใส่ของเจ้าของแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังนุ่มมืออยู่ดี

"...นายควรจะหาแฟนผู้หญิงสักคน จะได้เลิกตั้งคำถามนี้กับฉัน"

คำตอบที่ตอบกลับมาอย่างเย็นเยียบสร้างความเจ็บปวดเหลือร้ายใหักับวอนซ์ 

ทั้งๆ ที่รู้ว่าต่อให้ถามไปกี่ครั้งก็ได้คำตอบกลับมาแบบเดิมอยู่ดี แต่วอนซ์ก็ยังจะดึงดันถามมันต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังว่ามิกกี้ตัวนี้จะใจอ่อนลงบ้าง

"..ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันรักนาย" วอนซ์ซบหน้าลงบนแผ่นหลังเล็กอย่างเหนื่อยอ่อน เชื่อเขาเถอะ เรื่องของมิกกี้ทำให้เขาเหนื่อยใจมากกว่าอดนอนหนึ่งอาทิตย์อีก

"…"

มิกกี้ไม่ได้ตอบทำเพียงแค่หลับตา

"..นายไม่เข้าใจหรอก วอนซ์"

เจ้าหมีตัวนี้ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว.. เรื่องง่ายๆ โง่ๆ อย่างการหาแฟนผู้หญิงสักคนทำไมถึงไม่ยอมทำสักที จะมามัวจมปลักกับคนอย่างเขาทำไม

"...กฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติของชาลส์ ดาร์วิน"

มิกกี้ขมวดคิ้วงุนงง

"สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร็งจะอยู่รอด" 

"บอกว่าไว้ก่อนถ้านายลืม ฉันสอบชีวะได้เต็มทุกครั้งที่สอบ"

วอนซ์หัวเราะเสียงแผ่ว

"นายกำลังจะทำให้ฉันเป็นสัตว์ประเภทหลังไง มิกกี้ อ่อนแอและตายไปในที่สุด"

"ขอโทษที่ขัดอารมณ์นะ แต่พันธุกรรมของนายไม่มีโอกาสได้ส่งต่ออยู่แล้วตั้งแต่คิดจะคบกับฉัน"

"งั้นฉันก็เป็นพวกเลือกคู่ผสมพันธุ์ล่ะมั้ง"

มิกกี้กลอกตาหน่ายๆ เริ่มรำคาญเพราะดูท่าเจ้าหมีโง่จะพล่ามมาเกินไปแล้ว ร่างโปร่งจึงตัดสินใจผลักร่างใหญ่ที่รุกล้ำตัวเองออก ถึงแม้อารมณ์อะไรจะค้างๆ อยู่แต่ก็ช่างมันเถอะ วันนี้เขาเหนื่อยพอแล้ว ของแค่นี้จัดการกันเองก็น่าจะได้ เพราะโตๆ กันแล้ว 
ซึ่งวอนซ์ก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี สายตาจับจ้องคนที่ตัวเองหลงใหลมาตลอดด้วยสายตานิ่งงัน

ไม่ว่าเซ็กส์ของพวกเขาจะเกิดขึ้นครั้งไหนมันจะจบลงแบบนี้เกือบจะทุกครั้ง เริ่มต้นมาด้วยความร้อนแร้งและจบลงด้วยความเจ็บปวด มิกกี้พยายามปฏิเสธเขาทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เขาก็ดูออกว่ามิกกี้ก็สนใจในตัวเขาเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยอมรับความสัมพันธ์นี้สักที ทั้งๆ ที่ในศูนย์วิจัยก็ใช่ว่าจะไม่มีคู่รักเพศเดียวกัน หรือถ้ามีก็เพิ่มคู่พวกเขาอีกคู่จะเป็นอะไรไป

เอาเข้าจริงเหตุผลที่เขายอมมาทำงานวิจัยในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้นี้ก็เพราะคนตรงหน้าด้วยซ้ำ ถ้ามิกกี้ไม่ใช่หัวหน้าโปรเจ็คอย่างหวังเลยว่าจะเห็นหัวเขาในที่แบบนี้

มิกกี้ไม่เคยรู้ตัวสักนิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีสเน่ห์มากแค่ไหน ถึงจะเป็นคนเอเชียแต่ก็มีสเน่ห์ที่สามารถทำให้คนอื่นหลงใหลได้ง่ายๆ ใบหน้าเรียวที่สวมแว่นกรอบบางนั่นดูเร้าใจเป็นบ้า

"หัวหน้าาาาาา!!!"

"..!!!"

ทั้งมิกกี้และวอนซ์สะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย วอนซ์รีบคว้ามิกกี้เข้าหาตัวเองและปิดปากอีกฝ่ายด้วยสัญชาตญาณ 

"..หัวหน้ามิกกี้! ฮัลโหลล ไม่อยู่เหรอคร้าบบ" ทอมซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยนกนางแอ่นป้องปากตะโกนเรียกหัวหน้าสุดเลิฟของตัวเอง ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นงองุ้ม "ไม่อยู่เหรอเนี่ย! แย่จัง" แต่เพียงหนึ่งวินาทีต่อมาก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งเป็นดวงตาพราวระยับและวิ่งแถ่ดๆ มายังล็อกเกอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในของลึกลับที่สุดประจำศูนย์วิจัย

"หัวหน้าา ผมขอโทษน้า ที่แอบเปิดโดยพลการ" ทอมงึมงำกับตัวเองด้วยสีหน้าชื่นมื่น "แต่ถ้าผมรู้ได้ว่าในตู้ล็อกเกอร์บิ๊กเบิ้มใหญ่ยักษ์ของหัวหน้ามีอะไร ผมจะได้เงินล่ะ! แล้วทุกคนก็จะสรรเสริญว่าผมเป็นนักสืบอันดับหนึ่งของศูนย์วิจัยไงล่ะ ฮ่าๆ"

มิกกี้กลอกตาหน่ายๆ และหมายหัวทอมไว้ในใจ จบงานนี้เขาต้องสวดให้ฟังสักบทแล้ว ไม่เข้าใจว่าโตถึงขนาดอายุยี่สิบยี่สอง ทำไมยังซุกซนซะเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าว่าทำไมมิสเตอร์ต้นที่เป็นแฟนของทอมถึงทนได้

แกร๊ง!!

"ล็อก!!" ทอมทำสีหน้าเซ็งจับจิต

ผิดกับเจ้าของล็อกเกอร์ที่หัวเราะสะใจอยู่ในใจ แน่นอนว่าเขาไม่มีวันปล่อยให้เรื่องที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ ล็อกเกอร์สุดลึกลับของเขาจึงออกแบบโดยมีตัวล็อกทั้งภายนอกและภายใน 

"อย่าหวังเลย ไอ้หนู" มิกกี้แสยะยิ้มแม้จะถูกปิดด้วยฝ่ามือของวอนซ์ มองสีหน้างอแงของคนในการปกครองของตัวเอง 

"แต่ว่าผมมีอาวุธลับล่ะ!" ทอมหัวเราะคิกคักแล้วคว้าชะแลงออกมาด้วยท่าที่พราวด์ทูพรีเซนต์มากๆ ซึ่งถ้ามีคนสักคนในทีมอยู่ตรงนั้นด้วยคงไม่วายบรรยายสรรพคุณยาวเหยียดของชะแลงตัวนี้ แต่เพราะอยู่คนเดียวทอมเลยตั้งหน้าตั้งตางัดอย่างตั้งอกตั้งใจแทน

แกร๊ง!!

"แน่ใจเหรอว่า มันจะไม่เป็นไรจริงๆ " หมีขาวประจำศูนย์วิจัยกระซิบถามอย่างกังวล ถึงเขาจะมั่นใจในตัวมิกกี้มากก็เถอะแต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความผิดพลาดหลายๆ ครั้งมันก็เกิดจากความมั่นใจในตัวเองเกินไปนั่นแหละ

"ไม่มีทาง" มิกกี้ไหวไหล่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ในช่องกระเป๋าของวอนซ์

แกร๊ง!!

"ทำไมมันงัดยากจัง หัวหน้าซ่อนอะไรไว้เนี่ย! ถ้าเป็นไดมอนด์ ผมจะขโมยไปขายนะ"

มิกกี้เหลือบมองทอมด้วยหางตาแล้วกดโทรศัพท์ยิกๆ ไปสองสามครั้งก่อนที่จะเก็บเข้าช่องกระเป๋าเสื้อกาวน์ตัวเองและล้วงกระเป๋ารออย่างสบายใจ ใช่.. พวกเขาเพิ่งทำเรื่องอย่างว่าในสภาพเสื้อกาวน์ของพวกนักวิจัยนั่นแหละ

วอนซ์มองตามอย่างไม่เข้าใจนัก ทั้งๆ มีคนมากมายยกย่องว่าเขาหัวดีพอๆ กับมิกกี้แต่เขากลับเดาไม่ออกสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ถ้าให้เดาก็คงเป็นแผนการสักแผนในร้อยแผนที่ใช้รับมือกับพวกที่เข้ามาขัดจังหวะ

//ประกาศ! ทอม ทีมSAWLLOW รีบมาที่ศูนย์ประชุมด่วน ประกาศอีกครั้ง ทอม ทีม SWALLOW รีบมาที่ศูนย์ประชุมด่วน ท่านผู้อำนวยการรออยู่//

"ห้ะ!!" ทอมสะดุ้งสุดตัวซึ่งถ้ามีหูคงไม่วายตั้งชันอย่างตื่นตระหนก "ตอนตีหนึ่งเนี่ยนะ! อะไรเนี่ยยยย ปกตินี่เป็นเวลาพักผ่อนนะ ทำไมถึงได้โหดร้ายต่อนักวิจัยจัง คอยดูนะ ถ้าผมทนไม่ไหว ผมจะไปฟ้องกรมแรงงานเลยคอยดู!" แต่ถึงจะบ่นยังไงก็ยังคงรีบก้าวไวๆ ออกจากห้องไปอยู่ดีเพราะคำสั่งของผู้อำนวยการนั้นถือเป็นสิทธิ์ขาด

พอแน่ใจแน่ๆ ว่าทอมออกไปแล้ว มิกกี้ก็จัดการตัวเองให้กลับไปอยู่ในคราบหัวหน้าสุดเนี๊ยบ ตลกดี ที่เมื่อกี้ทำเขาตกใจจนความอยากหายไปจนหมด แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะเขาขี้เกียจจัดการกับมันเหมือนกัน 

"มิกกี้"

"จัดการตัวเองซะ เราไม่ได้ว่างกันมากขนาดนั้น"

เจ้าของชื่อทำเพียงแค่เหลือบมองและปลดล็อกล็อกเกอร์ด้วยการสแกนลายนิ้วมือก่อนที่จะผลักออกไปข้างนอก
วอนซ์คอตกซึมๆ ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี

"ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ มิกกี้"

"ขอโทษด้วยที่มันเปล่าประโยชน์" มิกกี้ตอกกลับเสียงแข็งและมองหมีขาวอย่างไม่เป็นมิตร "บอกไว้ก่อนว่ามันจะไม่มีครั้งหน้าอีก ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน"

มิกกี้ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบคำถามก็ปิดล็อกเกอร์เดินกลับไปประจำตำแหน่งตัวเองทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของศูนย์วิจัยนี้ก็คือไม่มีกล้องวงจรปิดในห้องวิจัยของทีม SWALLOW มิกกี้จึงไม่เคยกังวลสักครั้งว่าตัวเองจะถูกจับได้เพราะทุกอย่างได้ถูกวางแผนการรับมือไว้ทั้งหมดแล้ว 

หรือต่อให้มันเกิดผิดแผนขึ้นมา..

เขาก็จะไม่ใช่คนที่ผิดหรือคนที่ต้องยอบรับผิดอย่างแน่นอน


มิกกี้หลุดหาวหวอดออกมาครั้งนึงแล้วเดินเข้าไปในไพร์เวทโซนหรือที่พวกนกนางแอ่นเรียกกับเองว่าเนส (รังนก) โดยใช้การแสกนลายนิ้วมือที่จำกัดคนในทีมSWALLOW เท่านั้น

มันเป็นห้องที่ถูกสร้างเพื่อใช้ในการสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุดและปลอดภัยมากที่สุดพอๆ กับห้องนอนประธานธิบดี ผนังถูกสร้างจากโลหะผสมพิเศษที่สามารถรองรับแรงสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้หลายริกเตอร์ กระจกใสนิรภัยตลอดแนวผนังมุมหนึ่งของห้องมีไว้สำหรับการสอดส่องเวลาที่ขี้เกียจเข้ามาด้านใน แต่ส่วนใหญ่แล้วหัวหน้าทีมอย่างมิกกี้มักจะเข้ามาดูด้วยตัวเองทุกครั้งที่มีโอกาส

ณ ตอนนี้ภายในห้องนั้นเป็นตอนกลางคืน มีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟสลัวๆ ที่ถูกจำลองเป็พระจันทร์ในเวลากลางคืน ความจริงแล้วมันไม่มีความจำเป็นอะไรด้วยซ้ำที่จะมาทำห้องทดลองเลียนแบบธรรมชาติ แต่มิกกี้ดึงดันที่จะสร้างออกมันมาในรูปแบบนี้ทุกคนจึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นเพราะคิดว่ามันน่าจะมีผลต่อการทดลอง

ซึ่งมันก็ถูกต้องแค่ส่วนเดียวเท่านั้น

"ว่าไง เต้าหู้" มิกกี้นั่งยองๆ เอ่ยเสียงกระซิบเรียกกระต่ายตัวสีชมพูซึ่งกำลังนั่งแทะแครอทอย่างกระตือรือร้น ผิดกับกระต่ายสีขาวตัวอื่นๆ ที่นอนซุกกันเป็นกลุ่มหลับไปแล้ว

เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองมิกกี้กระดิกหูเหมือนไม่แน่ใจนักว่ามีใครเรียกตัวเอง

"มานี่เร็ว เต้าหู้" 

"..!" เต้าหู้ปล่อยแครอทออกจากปากแล้ววิ่งเร็วๆ เข้าหาต้นเสียงทันที มันเอาหน้าถูไถกับมือของหัวหน้าทีมหน่วยวิจัยอย่างออดอ้อนเพราะมันชอบคนๆ นี้มากที่สุดแล้ว!

มิกกี้แกล้งเอามือออกและผลที่ได้คือเต้าหู้ร้องงี้ดๆ มองซ้ายมองขวากระโดดไปมาพยายามหามือที่หายไป

"...โทษทีนะ"

มิกกี้กล่าวขอโทษแล้วอุ้มเต้าหู้ขึ้นมากอดและลูบหัวเบาๆ

สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือการทดลองต่างๆ ที่ใช้สัตว์ทดลองนั้นต้องแลกกับการฆ่าสัตว์นั้นหลังเสร็จการทดลองเพื่อป้องกันการที่มันออกไปทำลายระบบนิเวศน์ ซึ่งเต้าหู้ก็เป็นเพียงหนึ่งในสัตว์หลายร้อยตัวที่เขาเพิ่งฆ่าไป ถึงคนอื่นจะเป็นคนฆ่าก็เถอะแต่คนที่สั่งกระต่ายขาวมาทดลองยาก็คือเขาเอง

สาเหตุที่เต้าหู้เป็นสีชมพูนั้นเพราะเขาลองเอายีนที่แสดงผลสีชมพูของโลมามาลองใส่ในกระต่ายดูเพื่อทดลองอะไรนิดหน่อยและผลที่ได้คือได้สีชมพูออกมาก็จริงแต่มันตาบอดสนิท

มิกกี้หยิบแครอทใกล้ๆ มาป้อนมันต่อ ช่วงเวลาที่เต้าหู้สามารถกินอาหารได้เต็มที่ก็มีแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น ตอนเช้าจะถูกกระต่ายตัวอื่นๆ ที่เตรียมมาโดนทดลองแย่งอาหาร ซึ่งเขาก็แยกเต้าหู้ไปอยู่ตัวเดียวก็ทำไม่ลงเหมือนกัน ลำพังแค่ตาบอดก็มากเกินพอแล้วขืนไปอยู่ตัวเดียวคงได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ รอวันตาย

"งี้ดด"

เต้าหู้เอาขาเล็กๆ ของมันปัดแครอทออกแล้วทิ้งหัวของมันลงบนอกของมิกกี้

มิกกี้หัวเราะเบาๆ วางเต้าหู้ใกล้ๆ กับกระต่ายตัวอื่นๆ แล้วลุกขึ้นไปดูอีกห้องผ่านกระจกนิรภัยใสที่กั้นไว้ สายตากวาดไปมาก่อนที่จะจบลงที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งมีกระต่ายกลุ่มหนึ่งตายโดยมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งห้าของร่างกาย

"...เฮ้อ"

ผิดพลาดอีกแล้วสินะ.. 

มิกกี้หลับตาถอนหายใจเศร้าๆ

เขาเคยเป็นคนรักสัตว์มาก่อน ตอนเด็กๆ มดสักตัวยังลังเลที่จะฆ่าด้วยซ้ำ พอมียุงบินมาเกาะแขนก็เต็มใจให้มันดูดเลือดอีก แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า เขาที่เกิดมาในตระกูลหมอก็ถูกผลักเข้ามาในวงการวิทยาศาสตร์และบังเอิญอีกที่เขาสามารถทำมันได้ดีเอามากๆ 

ความลังเลที่จะฆ่าสัตว์ก็กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยเปล่าหรือไม่มีผู้เสียสละ แม้แต่การโคลนนิ่งของแกะดอลลี่ยังสูญเสียแม่แกะกับเซลล์เอ็มบริโอไปหลายร้อยตัวเพื่อที่จะได้แกะดอลลี่อีกตัวที่หน้าตาเหมือนแม่แบบเป็นพิมพ์เดียวกัน
สิ่งที่เขาพอจะทำได้เพื่อสัตว์พวกนี้ก็มีแค่ให้อาหารดีๆ สภาพแวดล้อมดีๆ ไม่ใช่ห้องทดลองสีขาวสะอาดแสบตาที่รอกลายเป็นลานประหารให้พวกมัน เขาอยากให้พวกมันมีความสุขสักช่วงเล็กๆ ก่อนที่จะกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณที่เกิดจากความผิดพลาดจากนักวิทยาสตร์อย่างพวกเขา

เอาเข้าจริงสิ่งที่พวกเขามันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายกย่องโดยสักนิด คิดดูสิเราฆ่าสัตว์ไปเกือบพันตัวหลายสายพันธุ์เพื่อที่จะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เพียงเผ่าพันธุ์เดียวก็คือมนุษย์ หากจะแย้งว่าเราทำเพื่อช่วยเหลือมนุษย์อีกหลายล้านคน นั่นมันก็ถูก แต่สัตว์พวกนี้มันคงไม่เต็มใจแน่ๆ ถ้ามันรู้ว่าตัวเองต้องกลายเป็นก้อนเนื้อไร้วิญญาณเหมือนยาล้มเหลว หรือต่อให้มันมีชีวิตรอดมันก็ไม่มีโอกาสได้ออกไปใช้ชีวิตในธรรมชาติอยู่ดี

นักวิทยาศาสตร์อย่างพวกเขามันโหดร้ายและคนที่โหดร้ายที่สุดมันก็คือเขา

"..เหอะ หัวหน้า" มิกกี้หัวเราะเหยียดหยามตัวเอง เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ซะมากกว่า เชื่อเถอะว่าถ้าเขาบอกให้เอาหมามาทดลองเป็นพันตัว ผู้อำนวยการก็จะยอมให้เขาทำถึงแม้จะรู้ว่าโอกาสที่หมาจะตายทั้งหมดจะเยอะมากก็ตาม นี่ถ้าเกิดเขาไม่ใช่หัวหน้าหน่วยวิจัยคงไม่วายโดนกฎหมายคุ้มครองเล่นงานจนติดคุกเป็นสิบปีเลยมั้ง

ทำไม? เขาถึงยอมอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ

ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความเมตตาอะไรทั้งนั้น ที่เขายอมทนอยู่ตรงนี้มันก็แค่เหตุผลง่ายๆ

แต่เป็น 'คำขอ' สั้นๆ ในยามเมามายของใครบางคนเท่านั้น
 


"..หัวหน้า!"

"หืม..?"

มิกกี้กระพริบตาถี่ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วฉับเมื่อพบว่าตรงหน้าตัวเองนั้นมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด ไม่สิ.. ครบทั้งทีมนกนางแอ่นเลยมากกว่า

"มาหลับในนี้อีกแล้วเหรอมิกกี้? ให้ตายสิ นายจะเอารางวัลเนิร์ดดีเด่นประจำปีอีกรางวัลรึไง" คำเหน็บแนมสำเหนียงอเมริกันแปร่งๆ เป็นของเลออน ชาวรัซเซียวัยกลางคนที่เสพติดการดื่มวอดก้าเป็นชีวิตจิตใจและมีงานอดิเรกสนุกๆ อย่างการมอมเหล้าหัวหน้ามิกกี้ให้เมาเละและเปิดเพลงให้อีกฝ่ายเต้นจนลืมโลก แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เลออนอยากทำแต่มันไม่สำเร็จถึงขั้นลุกขึ้นมาเต้นสักที แค่โดนเหล้าไปสามสี่แก้วมิกกี้ก็เมาแอ๋สลบไปแล้ว

"หัวหน้าา 2113 อยู่หนาย" ทอมพูดพลางชะเง้อหาอย่างแนบเนียน ไม่มีเค้าคนเพิ่งกระทำความผิดเมื่อคืนแม้แต่นิด

"...นายไม่กลับบ้านงั้นเหรอ"

เพราะวอนซ์ถามด้วยสีหน้ามึนตึง มิกกี้จึงเลิกคิ้วแล้วหันไปมองนาฬิกาแขวนผนังซึ่งก็เป็นเวลาสิบโมง เวลาเข้างานของที่นี้พอดี
ดูเหมือนว่าจะเผลอหลับไปสินะ...

มิกกี้ถอนหายใจเหนื่อยๆ ยกมือนวดขมับตัวเอง เขาชักจะทำงานหนักเกินไปแล้วสินะ ถึงได้มาเผลอหลับทีนี้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาดูเต้าหู้ให้เสร็จก่อนค่อยกลับบ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็มานอนรวมกับฝูงกระต่ายราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งในฝูงซะอย่างนั้น

"งี้ด!"

"อ้ะ 2113!!" ทอมพูดอย่างตื่นเต้นเมื่ออยู่ๆ 2113 โผล่ออกมาจากในเสื้อกาวน์ของหัวหน้า 

“งี้ด..” 2113 ที่ว่าก็คือเต้าหู้ของมิกกี้นั่นเอง แน่นอนว่ามิกกี้ไม่เคยบอกใครเรื่องชื่อของ 2113 เพราะอีกไม่นานมันก็คงถูกกำจัดไปเหมือนกระต่ายตัวอื่นๆ เนื่องจากศูนย์วิจัยนี้ไม่เลี้ยงกระต่ายให้อายุมากกว่าสองปีเพื่อป้องกันการคลาดเคลื่อนของผลการทดลอง 

มิกกิ้อุ้มเต้าหู้ไปให้ทอมเล่นส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นยืนจัดชุดนิดหน่อยให้พอดูได้ “วันนี้เหมือนเดิม ทอมจับคู่กับวอนซ์ พวกนายลองใช้ยาชุดใหม่กับพวก B207 ส่วนเลออนกับกีลจัดการเคลียร์พวกA207 ด้วย พวกมันตายหมดแล้ว ไปศึกษาว่ามันผิดพลาดตรงไหน”

“รับทราบครับหัวหน้า!!” ทอมตะเบ๊ะรับคำสั่ง “หัวหน้าตอนเที่ยงอย่าลืมกินชีสเค้กที่ผมซื้อมาฝากในตู้เย็นด้วยน้า มันอร่อยมาก!”

มิกกี้แสร้งพยักหน้าส่งๆ รอให้ทอมเดินผ่านตัวเองก็จับคอเสื้อและดึงเข้าหาตัว “ทอม”

ทอมยิ้มแหย “จะเอาอีกชิ้นเหรอครับ”

“เมื่อวานนายทำอะไรล็อกเกอร์ฉันใช่ไหม” มิกกี้ฉีกยิ้มหวานและหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้”

ทอมตาโตและอดสะพรึงไม่ได้กับเซนส์อันแม่นยำของหัวหน้า  “ไม่ๆๆ ผมจะไปกล้ายุ่งกับของลับสุดยอดของหัวหน้าได้ไง ถึงผมจะอยากได้ฉายาโฮมส์ประจำศูนย์วิจัยก็เถอะ ไหนจะรางวัลอีก ผมไม่อยากได้จริงๆ น้า! เชื่อผมสิ”

“อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน” มิกกี้ยังคงยิ้มหวานไม่ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อจนทอมหน้าซีดเผือดงอแงยอมรับแต่โดยดี ในศูนย์วิจัยนี้ไม่มีใครสามารถต่อกรกับหัวหน้าได้สักคน

“ก็ได้ๆ ผมยอมรับก็ได้” ทอมยกสองมือขึ้นเชิงยอมแพ้และพูดด้วยสีหน้าสลด “หัวหน้ารู้ไงอ่ะ ซ่อนกล้องไว้เหรอ”

“รู้แล้วกัน” มิกกี้ใช้ฝ่ามือทุบหัวทอมเชิงเอ็ด “อย่าให้มีครั้งหน้าอีก”

“ครับ” ทอมงึมงำตอบซึมๆ ความฝันที่วาดไว้พังถล่มภายในพริบตา นักสืบเชอร์ล็อก ทอมเอย เบอร์เกอร์สูตรพิเศษเอย หายไปหมดแล้ว โฮ

“อ้อ พวกนายก็ไปทำงานกันได้แล้ว” มิกกี้โบกมือไล่ “ฉันจะไปหาอะไรกินนิดหน่อย” แน่สิ เมื่อวานนอกจากจะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้วยังไปทำเรื่องอย่างว่าอีก เขาไม่สลบตายคาห้องก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าลืมสิว่าเขาไม่ใช่หมีขาวร่างใหญ่โตและเนื้อตัวอุดมไปด้วยพลังงานนะ เขาเป็นแค่ชนเอเชียตัวบางผมดำตาดำเกลียดหน้าหนาวก็เท่านั้น

“รับทราบครับ หัวหน้า” เลออนยิ้มและยีหัวมิกกี้อย่างเอ็นดู “กินเยอะๆ เข้าล่ะ มิกกี้ นายผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว”

“อืม”

มิกกี้พยักหน้าส่งๆ อย่างขอไปทีแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองเสียพลังงานสักนิด 

ขณะเดียวกับวอนซ์ก็แสร้งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ๆ ทั้งที่อยากจะดึงอีกฝ่ายมากอดใจแทบขาด

ช่วยไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนเป็นความลับสุดยอดยิ่งกว่าล็อกเกอร์ของหัวหน้าทีมนกนางแอ่นซะอีก มีเพียงช่วงเวลาที่อยู่กันสองต่อสองเท่านั้นมิกกี้ถึงจะยอมปริปากพูดคุยกับวอนซ์หรือทำอะไรมากกว่านั้น ซึ่งก็เวลาส่วนใหญ่ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนที่บรรดาคนในศูนย์วิจัยเริ่มบางตาลง บางส่วนอยู่ต่อแต่บางส่วนก็กลับไปนอนที่บ้านเพื่อรักษาอาการโฮมซิกเพราะใช้เวลากับงานวิจัยมากเกินไป

ไม่รู้ทำไมความสัมพันธ์พื้นฐานง่ายๆ อย่างความรัก ระหว่างมิกกี้กับเขาถึงเกิดขึ้นได้ยากซะเหลือเกิน


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 50 % │ 24 ก.ย 60
«ตอบ #2 เมื่อ24-09-2017 18:32:33 »

วอนซ์ซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยใจ

ทั้งๆ ที่ตอนยังเรียนอยู่มหาลัยทุกอย่างกำลังไปด้วยสวยแท้ๆ เขากับมิกกี้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันเยอะมาก เราไปเดทกันบ่อยครั้ง ทั้งดูหนัง เล่นน้ำตก หรือแม้แต่ไปเที่ยวเม็กซิโกเมืองคาวบอยด้วยกัน ตอนนั้นมิกกี้น่ารักมาก ถึงจะไม่ค่อยยิ้มก็เถอะแต่การกระทำบางอย่างกลับน่าเอ็นดูสุดๆ คงไม่มีใครเชื่อแน่ว่าหัวหน้าที่สมองปราดเปรื่องที่สุดกลับไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ หลายๆ อย่าง

มันทำให้เขารู้สึกดีที่มีแค่ตัวเองที่ได้รู้จักมิกกี้ในมุมนี้คนเดียว แต่แล้วพอมีนาซ่ามาทาบทามตัวพวกเขาไปทำงาน มิกกี้ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่อยากทำเท่าไหร่แต่พอผ่านไปสักพักก็ตกลงทำและหนีไปทำคนเดียวซะอย่างงั้น ทำให้เขาต้องตามไปสมัครงานเพื่อที่จะเกาะติดกับมิกกี้ แต่แปลกนะ ที่พอมิกกี้กลายเป็นหัวหน้าใหญ่แล้วทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม

เขาไม่เคยได้คำตอบสักครั้งจากคำถามที่ถามไป

มีเพียงความเงียบงันกับสีหน้าเฉยชาไม่ยี่หระราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองเท่านั้นที่ตอบรับกลับมา

"ทอม อย่าบอกนะว่านายไปงัดล็อกเกอร์ของหัวหน้า ด้วยชะแลงโง่ๆ นั่น" กีลถามเสียงขุ่น

"แง ก็ฉันอยากได้ฉายาโฮมส์ ทอมนี่นา" ทอมผวาหนีไปหลบหลังลีออนยื่นหน้าออกมาคุยกับกีล หนุ่มเยอรมันหน้าโหดที่รักกฎระเบียบยิ่งชีพ "อีกอย่างฉันก็แงะไม่สำเร็จสักหน่อย นายอย่าโกรธเลยน้า"

กีลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "นายควรจะเคารพความเป็นส่วนตัวของหัวหน้าเหมือนที่หัวหน้าให้เกียรติิิิ์พวกเรา"

"...อือ ฉันไม่อยากได้แล้วก็ได้" ถ้าสามารถใช้ไม้บรรทัดวัดใบหน้าของทอมได้ตอนนี้คงหดเหลือไม่ถึงนิ้วและทำท่าจะร้องไห้ "ฮือ ฉันฟ้องมิสเตอร์ต้นแน่! ถ้านายต่อยฉัน" 

กีลกลอกตาหน่ายๆ แล้วไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายเพียงแค่ไม่ชอบเท่านั้น ทุกคนควรเคารพกฎเกณฑ์ที่ดำรงอยู่ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยให้มันเป็นเพียงตัวอักษรลอยๆ ไร้ค่า

พอการโต้วาทีจบลงทุกคนก็ย้ายย้ายกับไปทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด แม้แต่ทอมที่ติดเล่นมาตลอดก็สวมอุปกรณ์ป้องกันรัดกุมและเข้าไปอีกห้องที่ใช้ชื่อว่าดีพซี (ทะเลลึก) ตั้งอกตั้งใจฉีดวัคซีนที่หัวหน้าเพิ่งสกัดมาใส่กระต่ายที่ถูกฉีดด้วยเชื้อโรคร้าย

ซึ่งตอนนี้มันก็ป่วยและใกล้ตายเต็มทน ประสาทรับรู้ด้านความเจ็บปวดของพวกมันชาด้านจนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดเมื่อโดนแทงเข็มเข้าไปที่หลังของมันด้วยซ้ำ

เมื่อฉีดครบทุกตัว ทอมก็จัดการคีย์ข้อมูลลงระบบตรงหน้าจอมุมห้องว่าฉีดยาเรียบร้อยแล้วหรือแค่รอดูผลเท่านั้น

"นายว่าครั้งนี้มันจะรอดไหม?" ทอมถามขณะที่ลูบหัวกระต่ายตัวหนึ่งเบาๆ ดวงตาของมันปูดโปนแดงก่ำและมีขี้ตาสีเขียวเต็มไปหมด ขนร่วงจนตัวแทบโกร๋น มันมองเพดานสายตาเลื่อนลอยส่งเสียงฟี้ๆ เหมือนหายใจไม่ออกฟังดูน่าสงสาร

"ไม่รู้สิ" วอนซ์พ่นลมหายใจเหนื่อยๆ "นายก็รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันเป็นไปได้ยากขนาดไหน"

"เฮ้ๆ ไม่เอาน่า" ทอมหัวเราะ "อย่างน้อยเราก็ควรเชื่อในตัวหัวหน้านะ เชื่อฉันเถอะ ว่าเขาจะกลายเป็นคนในประวัติศาสตร์เหมือนอย่างไอน์สไตน์ อย่าลืมสิ ว่าเขาเป็นคนแรกที่สามารถทำกระต่ายสีชมพูได้นะ"

"..งั้นฉันก็ภาวนาให้พวกมันรอดแล้วกัน"

มิกกี้เปลี่ยนไปเพราะมาทำวิจัยเรื่องนี้ ถ้ามันสำเร็จเขาอาจจะได้มิกกี้คนเดิมกลับมาก็ได้

แต่เขาก็ทำได้เพียงภาวนา 

ไม่มีใครรู้หรอกว่าหัวหน้าทีมนกนางแอ่นคิดอะไรอยู่
 
 

สองอาทิตย์ผ่านไปและผลลัพธ์ที่ได้คือกระต่ายทุกชุดตายหมด นับโดยรวมก็ประมาณหนึ่งร้อยกว่าตัวเพราะมิกกี้แบ่งชุดการทดลองเป็นชุดละสิบตัวเพื่อความแม่นยำและการลดความคลาดเคลื่อน

"ตายหมดอีกแล้วเหรอ?"

คำถามเสียงนุ่มนวลจากผู้สนับสนุนหลักที่แฝงไปด้วยความเย็นชา พวกเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากก็จริงในการสกัดยาที่ดูเป็นไปไม่ได้นั้นออกมา แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเม็ดเงินที่พวกเขาสูญเสียไปก็ไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน

มิกกี้ซึ่งยืนหน้าสุดของทีมยืนหลังเหยียดตรงสีหน้าสุขุม เผชิญหน้ากับเหล่าสปอนเซอร์ที่นั่งเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้มีเงินและอำนาจโดยแต่ละคนนั้นมีจุดหมายเดียวกันก็คือยาวิเศษที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้นั่น

"ครับ พวกมันตายหมดตามอาการของโรค" มิกกี้กดรีโมทเพื่อแสดงสไลด์พาวเวอร์พอยต์ที่เขาทำมาเพื่ออธิบายให้สปอนเซอร์เหล่านี้ฟังโดยเฉพาะ ตอนนี้บนจอปรากฎภาพกระต่ายที่ตายด้วยอาการของโรคก่อนที่มิกกี้จะเปลี่ยนเป็นอีกสไลด์ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวของแบคทีเรียตัวนึงที่กำลังเคลื่อนตัวไปกินเชื้อไวรัสที่ลอยอยู่ใกล้ๆ "วัคซีนตัวนี้ผมสกัดจากแบคทีเรียชนิดพิเศษที่สามารถกินเชื้อโรคเพื่อเป็นอาหารได้แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลว" 

เมื่อเห็นสีหน้าของสปอนเซอร์เริ่มเป็นไปทางในลบ มิกกี้ก็ยิ้มนิดๆ และเปลี่ยนภาพเป็นอีกภาพซึ่งแสดงให้เห็นถึงวัคซีนตัวใหม่ล่าสุดที่เขาพัฒนาอยู่ มันเป็นโปรเจ็คลับที่เขาลองทำดูเมื่อสามวันก่อนซึ่งเขาก็โชคดีที่มันเวิร์ค 

"แต่เมื่อสี่ห้าวันก่อน ผมได้ลองทดลองกับแบคทีเรียตัวใหม่" มิกกี้ยิ้มอย่างมั่นใจส่งผลให้ทั้งคนในทีมนกนางแอ่นและคนอื่นๆ ในห้องโถงต่างพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจเพราะไม่บ่อยนักที่มิกกี้จะทำท่าทางมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้

มิกกี้ล้วงหยิบหลอดทดลองแก้วพิเศษออกจากเสื้อกาวน์และเขย่าน้ำสีเหลืองข้างในเบาๆ จนเกิดวงคลื่น

"ด้วยวัคซีนตัวนี้ ผมมั่นใจว่ามันจะสามารถทำให้ความฝันของพวกคุณเป็นจริงได้อย่างแน่นอน"
เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วแน่นอนว่ามิกกี้ไม่ปล่อยให้มันหมดไปก่อนจึงเปลี่ยนไปอีกสไลด์เพื่อพูดต่อ

"ผมลองทดลองกับพวกกระต่ายที่ติดโรคพิษสุนัขบ้าขั้นสุดท้าย แน่อนปกติมันจะตายเพราะตอนนี้โลกของเราไม่มียารักษา"
บนจอภาพปรากฎคลิปกระต่ายคลุ้มคลั่งจากอาการพิษสุนัขบ้า

"แต่พอผมลองฉีดยาวัคซีคตัวนี้ อาการของกระต่ายพวกนี้ก็ค่อยๆ ทุเลาลง"

มิกกี้กดเลื่อนไปอีกสไลด์ซึ่งเป็นภาพเปรียบเทียบระหว่างกระต่ายที่ติดเชื้อและกระต่ายที่ได้รับยารักษาแล้ว

"โปรเจ็คนี้เป็นโปรเจ็คที่ผมลองทำสุ่มๆ ดูคนเดียวเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมากเท่าไหร่" มิกกี้หันไปโค้งตัวให้ลูกทีมตัวเองเชิงขอโทษจากใจ "โอกาสสำเร็จมันน้อยมาก ผมเลยไม่อยากรบกวนเวลาของลูกทีม แค่โปรเจ็คหลักที่ผมให้พวกเขาทำ พวกเขาก็ทำมากเกินกว่างานไปมากแล้ว ผมสั่งเขาทำสามชั่วโมงพวกเขาจะทำสิบชั่วโมง พวกเขาทุ่มเทกับงานนี้มากจนผมไม่อยากรบกวนเวลาพวกเขา กับโปรเจ็คที่เปอร์เซ็นสำเร็จน้อยแบบนี้"

หัวหน้าทีมนกนางแอ่นหัวเราะนิดๆ "แต่เรื่องโง่ๆ มันก็เกิดขึ้น ไอ้นี่มันดันสำเร็จซะอย่างงั้น ผมบอกไว้ก่อนว่าวัคซีนตัวนี้สำเร็จได้ไม่ใช่เพราะตัวผมคนเดียวแต่เป็นเพราะทีม SWALLOW ทุกคน ทีมที่พวกคุณเชื่อมั่นจนในที่สุดสิ่งที่พวกคุณฝันถึงก็สำเร็จได้ครับ!"

ทุกคนในพื้นที่ต่างตื่นตระหนกจริงจังเพราะไม่คาดคิดว่างานที่ควรจะประกาศความล้มเหลวกับการเป็นงานที่ประกาศถึงความสำเร็จของทีมนกนางแอ่นที่สามารถเอาชนะความตายมนุษย์ไปได้อีกขั้น

"อย่าเพิ่งดีใจครับ" มิกกี้หัวเราะ "นี่มันก็แค่เริ่มต้นของสัญญาณที่ดีเท่านั้น ผมต้องทดลองให้แน่ใจก่อนว่ามันปลอดภัยสำหรับมนุษย์แน่ๆ แล้ว ผมจะส่งถึงมือทุกคนอย่างแน่นอน"

 
 

สุนทรพจน์จบไปแล้วแต่งานเลี้ยงยังไม่จบ ภายในห้องทีมวิจัยทีมนกนางแอ่นถูกปรับแต่งเป็นธีมปาร์ตี้ชั่วคราว ทุกคนสวมหมวกปาร์ตี้ที่ยืมมาจากฝ่ายบุคคล เปิดเพลงตื๊ดลั่นห้อง แสงสีไฟจากโทรศัพท์ และมีบาร์เทนเดอร์เป็นเลออนที่ขนวอดก้ามาแทบทั้งบ้าน

และแน่นอนคนที่โดนมอมก็ต้องเป็นคนเดิม

"...พอแล้ว เลออน" มิกกี้งึมงำพูดหน้าแดงก่ำสภาพยับเยิน นัยน์ตาหวานฉ่ำจนเลนส์แว่นปิดบังสเน่ห์ไม่อยู่ ความจริงแล้วมิกกี้ก็ไม่พอใจนักที่ต้องมาโดนมอมเหล้าหลังสุนทรพจน์เสร็จแต่ก็เกรงใจทุกคนที่เอาแต่พูดฉลองเพื่อเขา ทั้งๆ ที่เขากังวลแทบตายที่ทุกคนจนโกรธเรื่องแอบไปทำโปรเจ็คคนเดียว แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วล่ะ

ทอมที่กำลังเมาได้ที่ตอนนี้ผันตัวเป็นดีใจเปิดเพลงตื้ดของประเทศไทย ที่หัวหน้าฟังออกและน่าจะชอบ "เต้นเลยๆๆ หัวหน้า เต้น เต้น เต้น" 

กีลที่ปกติมักจะทำหน้าเครียดเสมอตอนนี้ยังโยกหัวตามเพลงพร้อมๆ กับจิบไวน์สัญชาติเยอรมันที่เตรียมมาจากบ้าน

"..ฉันเต้นไม่เป็นหรอก ทอม" มิกกี้หัวเราะและยิ้มจนตาหยี "นายเปิดเพลงอะไรฉันก็ไม่เต้นทั้งนั้น ไอ้เด็กโง่"

"เต้นสิ หัวหน้าา" ทอมขมวดคิ้วโวยวาย "วันนี้วันดีน้า"

"ดีก็จริง แต่มันยังไม่สำเร็จสักหน่อย" มิกกี้กล่าวยิ้มๆ แล้วเหลือบไปมองคนที่ทำตัวผิดปกติตั้งแต่ก่อนงานเริ่ม ขานั้นเอาแต่นั่งนิ่งๆ มองวอดก้าโดยไม่จิบสักอึก

"โห่ววว แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ!" ทอมหน้ามุ่ย "แต่ไม่เป็นไร ถ้าหัวหน้าไม่เต้นผมชวนเลออนเต้น ก็ได้! มาเต้นกัน"

เลออนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากเต้นกับพวกชิวาว่าขี้เมา"

คำพูดของเลออนคล้ายเหยียบหางทอม ทอมฮึดฮัดวิ่งไปหาวอนซ์ "เต้นกัน วอนซ์! ฉันกับนายต้องโชว์สเต็ปเต้นให้พวกไก่อ่อนดูสักหน่อยแล้ว"

มิกกี้ขำออกเสียงขณะเดียวกันก็มองคนรักเก่าตัวเองลุ้นๆ หากแต่เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา มิกกี้ก็สะดุ้งเฮือก

"...ไม่ล่ะ ฉันมึนหัวนิดหน่อย"

เมื่อกี้เขาเห็นดวงตาของวอนซ์เป็นสีแดงก่ำ

"โห่ มีแต่พวกไม่ใจอ่ะ ถ้ามิสเตอร์ต้นอยู่นะ ฉันจะโชว์สเต็ปลีลาศแบบปรจารย์ให้พวกนายดูแน่ๆ" 

เสียงรอบตัวคล้ายกับเงียบลงไปชั่วขณะ

มิกกี้ขยี้ตัวเองซ้ำอีกครั้งมองวอนซ์ใหม่พบว่าอีกฝ่ายฟุบหลับไปแล้ว

คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง..

"หัวหน้าาาา! เต้นกับผมหน่อยย"

มิกกี้กลอกตาหน่ายๆ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือเด็กเวรเนี่ยแหละ
 
 


งานเลี้ยงจบลงที่ประมาณตีสามและคนที่ยังมีสติอยู่เจือจางคือหัวหน้าหน่วย มิกกี้จัดการโทรตามคนรู้จักของแต่ละคนในทีมมาลากลูกทีมอยู่ในสภาพเมาแอ๋กลับบ้าน

เหลือไว้เพียงคนหนึ่งที่ยังคงนั่งฟุบอยู่ที่เดิมอย่างผิดวิสัย ปกติแล้ววอนซ์ค่อนข้างจะเป็นคอเหล้าพอๆ กับเลออน หมีขาวกับหมีสัญชาติรัซเซียที่สามารถเป็นมิตรที่ดีต่อกันด้วยวอดกก้าเสมอ

มิกกี้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายและจัดการสำรวจร่างคร่าวๆ สัญชาตญาณบางอย่างในตัวเขากำลังบอกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร 

มือที่วอนซ์เคยบอกว่าแค่กำแรงๆ ก็สามารถแหลกละเอียด ค่อยๆ สัมผัสไปทั่วตัวเพื่อสำรวจ มิกกี้จดจ้องผมสีขาวที่ถูกบังคับให้ย้อมให้สักพักและมองไปทางอื่นต่อ ทุกอย่างยังคงดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจนมิกกี้เริ่มคลายความหวาดระแวงลง จนมาจบที่บริเวณข้อมือ

มิกกี้กลืนน้ำลายเอือกมองมันใกล้ๆ พบว่ามันเป็นรอยกัดเล็กๆ คุ้นตา

"เวรเอ๊ย!!" 

ร่างโปร่งสบถดังลั่นอย่างกราดเกรี้ยว 

"ทำไมไม่บอกกันวะ!!"

คนเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเขาทำโปรเจ็คลับก็คือวอนซ์และเป็นคนที่เข้ามาช่วยเขาจัดการพวกกระต่ายด้วย

และไอ้รอยบนข้อมือวอนซ์ก็คือรอยฟันกระต่ายที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าระยะสุดท้ายนั่นแหละ!!

"โง่ ฮึก ไอ้โง่เอ้ย!!"

มิกกี้สะอื้นเพราะเชื้อของพิษสุนัขบ้าของกระต่ายพวกนี้เป็นเชื้อแบบพิเศษที่ทีมนกนางแอ่นพัฒนาขึ้นให้ออกอาการไวเป็นพิเศษซึ่งไอ้ยารักษาที่พวกเขาทำกันมันก็มีอยู่หรอก แต่เขาไม่รู้ไงว่าไอ้โง่นี้มันรับโดนกัดมานานแค่ไหนแล้ว

"...มิกกี้"

วอนซ์ค่อยๆ รู้สึกตัวแล้วยิ้มเมื่อเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า "ปิดไฟให้หน่อยสิ.."

50 %

-----

เป็นเรื่องสั้นแนวที่ยังไม่เคยเขียนค่ะ หวังว่าจะชอบกันนะคะ  :กอด1:

 ปล. :sad2: เป็นครึ่งเรื่องที่เหนื่อยมากกก ไม่ได้เขียนติดต่อหลายชั่วโมงกันมานานมาก  :hao5:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 50 % │ 24 ก.ย 60
«ตอบ #3 เมื่อ24-09-2017 22:08:49 »

แนวไซไฟ??? น่าติดตาม  o13 o13 o13

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
----- 50 % left

มิกกี้คำรามเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาล 

อาการเริ่มขั้นต้นเริ่มออกแล้ว!! 

สมองเล็กๆ ในหัวทำงานอย่างหนัก มิกกี้กัดปากจนเลือดออกอย่างเคร่งเครียด ครุ่นคิดถึงผลลัพธ์ทั้งหมดที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งทุกอย่างก็จบลงที่บัดซบ ไม่มีทางไหนดีทั้งนั้น

ต่อให้เรียกคนมาช่วยก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะสถานวิจัยนี้ตั้งอยู่บนเขาที่อุดมสมบูรณ์ลูกหนึ่งและคนที่มักจะรับหน้าที่เป็นหมอกลายๆ ให้เจ้าพวกนี้ก็คือเขาอีกนั่นแหละ

แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีวิธีซะทีเดียว..

นัยน์ตาที่มักจะเด็ดเดี่ยวอยู่เสมอของหัวหน้าหน่วยนกนางแอ่นสั่นพร่า

อันตราย

ไม่มีใครรู้เลยว่าถ้าเขาฉีดยาทดลองนี่กับวอนซ์จะเกิดอะไรขึ้น ถึงเขาจะมั่นใจมากก็เถอะว่ามันจะเวิร์คเพราะเปอร์เซ็นสำเร็จมันสูงมาก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องผ่านการทดลองซ้ำๆ จนมั่นใจได้แล้วว่ามันปลอดภัยสำหรับมนุษย์ ซึ่งตอนนี้เขาก็ลองกับกระต่ายไปไม่กี่ตัวเท่านั้น

ใช้เวลาพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหยิบเข็มฉีดยาที่ยังไม่ผ่านการใช้ใดๆ บนโต๊ะและสูบยาที่ตัวเองเพิ่งนำเสนอไปจนเต็มหลอด

"...มิกกี้ ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันนักนะ" วอนซ์หัวเราะเสียงแผ่ว ลูบแผลบนข้อมือที่ปวดแสบปวดร้อนอย่างประหลาด แม้แต่ร่างเล็กๆ ตรงหน้าที่วอนซ์รู้ดีว่าเป็นใคร ก็ยังมองเห็นไม่ชัดจนอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้และสูดกลิ่นหอมๆ บริเวณซอกคอ

...กลิ่นบลูเบอร์รี่อ่อนๆ... ที่เขาซื้อให้

"มิกกี้" วอนซ์หลุดยิ้ม "น่ารัก"

พูดไม่ทันจบก็ต้องหลุดเสียงโอ๊ยเพราะถูกเข็มแทงเข้าที่ข้อมือ วอนซ์อยากจะโวยวายแต่เพราะรู้ว่าใครเป็นคนฉีดเลยโวยวายไม่ออกยอมนั่งนิ่งๆ แต่โดยดี 

"..เฮ้ มิกกี้ นายอยู่ตรงนี้ไหม"

วอนซ์ยกมือข้างที่ว่างขยี้ตาตัวเองที่พร่ามัวจนมองอะไรไม่เห็น ทั้งๆ ที่ลืมตาอยู่แต่กลับเห็นทุกอย่างสว่างจ้าไปหมด 

"อยู่"

"อะไรนะ?" วอนซ์งึมงำหันซ้ายหันขวา เขาได้ยินเสียงมิกกี้ตอบก็จริงแต่กลับฟังไม่รู้เรื่องเสียอย่างงงั้น มันดังอู้อี้ๆ เหมือนพูดในลำคอ

"..อยู่" คนตอบยกมือปิดหน้าตัวเอง รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ "นายโดนกัดนานแค่ไหนแล้ว"

"...ฮัลโหล? มิกกี้ เมื่อกี้นายพูดอะไรรึเปล่า"

มิกกี้ถอนหายใจยาวๆ ออกมา

ไม่มีเหตุผลที่จะถามแล้ว อาการอื่นๆ เริ่มออกรุนแรงขึ้นจนสภาพร่างกายของเจ้าหมีโง่นี้สูญเสียประสาทสัมผัสขั้นพื้นฐานและอีกไม่นานก็คงจะเป็นทั้งหมดให้กับเชื้อไวรัสเรบีส์ 

"...ฮื่อ"

วอนซ์ครางหนักๆ เมื่ออยู่ๆ ร่างกายกลับร้อนไปหมด เลือดในกายเหมือนจะลุกเป็นไฟ กล้ามเนื้อทั้งตัวบิดเกลียวจนต้องล้มลงไปทุรนทุรายบนพื้น 

"มิกกี้ มิกกี้"

วอนซ์ครวญครางทั้งน้ำตาแม้ว่าสมองจะว่างเปล่าไปหมดแต่จิตใต้สำนึกก็ยังคงทำงานได้ดี 

"...บัดซบ"

หัวหน้าหน่วยนกนางแอ่นสะอื้น

ถ้ายานี่ไม่ได้ผล สิ่งเดียวที่รอวอนซ์อยู่ก็คือความตายเท่านั้น! 

"..ฉันจะไม่ปล่อยให้นายตายโง่ๆ แบบนี้แน่!"

มิกกี้กลืนก้อนสะอื้นแล้ววิ่งเข้าไปในห้องไพร์เวทโซนและมองหากระต่ายที่ตัวเองเพิ่งทดลองไป ก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างเมื่อภาพบ้าๆ กำลังเกิดขึ้น

ฝูงกระต่ายที่เขาฉีดยาตัวนั้นไปกำลังกัดกินเพื่อนตัวเองของพวกมันอย่างหิวกระหาย ซากศพกระต่ายที่รอการทดลองเกลื่อนห้อง และสิ่งที่พวกกระต่ายพวกนี้กำลังทำคือรุมทึ้งกินก็คือ 2113 ที่ส่งเสียงวี้ดๆ อย่างน่าสงสาร

"ฟัค!!!"

มิกกี้คำรามสติแตก ความตั้งใจที่จะมาเอายาเพิ่มหายแทบจะทันที

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เขาสร้างฝูงซอมบี้ขึ้นมาแล้ว!

มือขาวหยิบปืนพกที่ซ่อนไว้หลังต้นไม้จำลองโดยไม่ต้องคิด บรรจุกระสุนลงรังเพลิงและไล่ยิงหัวกระต่ายทุกตัวไม่เว้นซากศพบนพื้น

กฎเหล็กที่เขาสร้างขึ้นคือถ้าเกิดผลการทดลองออกมาอันตรายต่อสภาพแวดล้อมภายนอก สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่ต้องทำคือการกำจัดพวกมันโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ 

เขาไม่อยากจะคิดภาพถ้าเชื้อบ้าอะไรสักอย่างในตัวกระต่ายพวกนี้มันเกิดกลายพันธุ์แล้วสามารถติดต่อในคนขึ้นมาได้จะทำยังไง โลกทั้งโลกคงจะประฌามนักวิทยาศาตร์อย่างเขาแทนที่จะสรรเสริญ 

ทั้งห้องตกลงในความเงียบเมื่อเสียงปืนนัดสุดท้ายจบลงที่ 2113

กลิ่นความเลือดตลบอบอวล เศษเนื้อสมองไหลเจิ่งนองบนพื้น

นักวิทยาศาตร์ในคราบฆาตกรกระต่ายเก็บปืนเข้ากระเป๋าและรีบออกไปดูอาการของวอนซ์อย่างเร่งรีบ ไม่มีเวลามาอาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปเท่าไหร่ อีกไม่นานไม่เกินบ่ายของพรุ่งนี้จะมีสักคนในทีมเข้ามาในห้องและรู้ว่าการทดลองของเขาผิดพลาด คงจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ทั้งๆ ที่เพิ่งนำเสนอด้วยความมั่นใจถึงขั้นนั้นแต่สุดท้ายกลับเป็นงานที่ล้มเหลวและผิดพลาดที่สุดเท่าที่เคยทำมา

มิกกี้กลืนน้ำลายเอือกเมื่อเห็นสภาพของวอนซ์ตอนนี้

จากคนที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเหมือนกับกลายเป็นคนละคน ผิวสีขาวคล้ำและเส้นเลือดเขียวขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดจนน่ากลัว โดยเฉพาะดวงตาที่เบิกโพลงกลายเป็นสีแดงก่ำ

นี่คือการทดลองล่าสุดของเขา..

และมันก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง

มิกกี้เงยหน้ามองนาฬิกาแล้วหัวเราะเสียงแผ่ว

เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเขาดีใจกับความสำเร็จจอมปลอมของตัวเองแต่พอหลายชั่วโมงหลังก็ถูกกระชากกลับมาบนโลกความจริงที่ว่ามันเป็นผิดพลาดเอามากๆ

เขาตัดสินใจพลาด..

มิกกี้เข่าอ่อนทรุดตัวบนพื้นแล้วทุบพื้นอย่างเกรี้ยวกราดจนข้อมือฟกช้ำแต่ก็ไม่คิดจะหยุด นึกโกรธตัวเองที่ยอมให้อีกฝ่ายมาช่วยงานวิจัยลับด้วยใจอ่อนแล้วผลเป็นไงล่ะ บัดซบ เขาทำวอนซ์ตาย! และอีกไม่นานวอนซ์ก์จะถูกทำลายสติสัมปะชัญญะกลายเป็นซอมบี้อย่างกระต่ายพวกนั้น

และสิ่งที่เขาต้องทำ..

คิดถึงตรงนี้มิกกี้ก็สะบัดหัวแรงๆ เพราะทำใจที่จะทำมันไม่ได้

เขาไม่มีวันยิง วอนซ์ ไม่มีวัน แม้แต่จะยอมให้คนอื่นยิงแทนตัวเอง เขาก็ไม่ยอม

นัยน์ตาที่สั่นเทาอย่างอ่อนแอจึงค่อยๆ กลับมาเด็ดเดี่ยว

มิกกี้ลุกขึ้นยืนและก้าวยาวๆ ไปเปิดตู้ล็อกเกอร์ตัวเอง หยิบกุญแจมือ หน้ากากกันแก็สพิษ และอุปกรณ์ที่พอจะเป็นประโยชน์ยัดใส่กระเป๋าก่อนที่จะกลับมาหาวอนซ์อีกครั้ง

"..ขอโทษนะ"

มิกกี้พร่ำพูดขณะที่พันธนการข้อมือของวอนซ์ด้วยกุญแจมือเหล็กและใช้ผ้ายางยืดพันทับบริเวณปากของวอนซ์ซ้ำๆ จนมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่น่ากัดมันขาดก็สวมหน้ากากกันแก็สพิษที่มีวิธีการใส่ที่ยุ่งยากทับ

โชคดีที่อาการวอนซ์ตอนนี้อยู่ในการอาการสงบ ทำให้มิกกี้สามารถจัดการอีกฝ่ายในขั้นเบื้องต้นได้อย่างง่ายดายและปิดท้ายด้วยเสื้อกันหนาวสีดำตัวโคร่งทับเพื่อปกปิดทั้งหมด

มิกกี้เดินไปหยิบกระดาษบนโต๊ะตัวเอง เขียนสรุปผลการทดลองทั้งหมดคร่าวๆ และแปะไว้บนบอร์ดการห้องด้วยสก็อตเทปสีดำที่เขามักจะใช้เวลาที่การทดลองล้มเหลว 

"...ฮื่อ"

"…"

มิกกี้ตบหน้าตัวเองครั้งหนึ่งเพื่อเรียกสติจนแก้มเป็นรอยแดง ร่างเล็กเดินไปเข้าไปประคองร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองเท่าตัวออกทางประตูลับของห้องวิจัยที่มีเพียงสองคนที่รู้ หนึ่งคือเขาและสองก็คือผู้อำนวยการ มันมีขึ้นเพื่อใช้ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
กว่าจะประคองวอนซ์มาที่รถได้เล่นเอาหัวหน้าหน่วยที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากวิจัยเกือบตาย มิกกี้หอบหายใจหนักและหยิบมีดจากใต้เบาะออกมากรีดหลังมือตัวเองเพื่อนำชิปติดตามตัวออกก่อนที่จะหันไปกรีดให้คนที่เบาะหลังบ้าง

แววตาของมิกกี้วูบไหวเมื่ออีกฝ่ายส่งเสียงฮื่อๆ เหมือนไม่พอใจเมื่อถูกกรีดที่แขน

เพียงไม่นานชิปติดตามตัวสองชิ้นก็วางอยู่บนมือของหัวหน้าหน่วยนกนางแอ่น  มิกกี้เดินลงจากรถแล้วผิวปากยาวๆ นกพิราบสีข่าวหม่นกับหนูป่าตัวเล็กก็โผกายออกจากป่ามาหามิกกี้

มือเล็กผูกชิบเล็กๆ ไว้บนขาของนกพิราบและที่คอของหนูป่า

"...ทาวน์" 

มิกกี้ออกคำสั่งช้าๆ ชัดๆ และได้ผล สัตว์ทั้งสองต่างพากันวิ่งตามทิศของเมืองโดยต่างทิศกัน ของนกพิราบเป็นอีกเมืองนึงที่อยู่ไกลจากที่นี้เอามากๆ ส่วนเจ้าหนูป่านั้นเป็นเมืองใกล้ๆ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น

พวกมันนั้นต่างเป็นสัตว์ที่ถูกมิกกี้ตัดต่อพันธุกรรมลับๆ จนมีระดับไอคิวที่มากพอๆ กับปลาโลมา และพวกมันก็ถูกฝึกจากมิกกี้มานานหลายปีจนสามารถจดจำคำสั่งได้เหมือนกับสุนัข

มิกกี้ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวและถอนหายใจยาวๆ ออกมา

เขาหวังว่าการตัดสินใจครั้งที่สองของเขาจะไม่ผิดพลาดเหมือนครั้งแรก
 


"โฮ่ วันนี้กลับไปนอนบ้านเหรอครับ" 

ผู้รักษาความปลอดภัยบริเวณประตูเอ่ยปากทักหัวหน้าทีมนกนางแอ่นที่นานๆ ครั้งจะออกจากศูนย์วิจัย มองรถสีดำเข้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มนิดๆ 

"ครับ" มิกกี้ยิ้มจางๆ ให้และรับบัตรของตัวเองกลับคืนมา "ผมขอตัวก่อนนะครับ"

"พักผ่อนเยอะๆ นะครับ ไหนๆ ก็กลับบ้านทั้งที"

"..ครับ"

มิกกี้พูดตัดบทแล้วขับรถออกมาด้วยท่าทีสุขุม ไม่มีชนักอะไรติดหลังทั้งนั้น เมื่อทิ้งห่างออกจากศูนย์วิจัยได้ก็เหลือบมองร่างใหญ่ที่เริ่มส่งเสียงฮื่อๆ น่ารำคาญจากด้านหลัง

"..อย่าพูดมากน่า วอนซ์"

มิกกี้หยุดรถที่ข้างทางและหลับตา

เขาพาวอนซ์หนีออกมาสำเร็จแล้ว   
 
 

"เฮ้ วอนซ์ วันนี้ฉันโดนชมมาด้วยล่ะ" 

มิกกี้พูดทันทีที่เดินเข้ามาในห้องของตัวเองซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวราคาถูกอยู่แถบชนบทที่มีป่าและหมีอยู่ชุกชุม ก่อนที่จะสบถใส่วอนซ์ที่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่

"อะไรกัน อย่าคิดว่านายพูดไม่ได้แล้ว จะทำหน้ายังไงก็ได้นะ" 

มิกกี้โวยวายเสียงดังลั่นและหัวเราะหนักๆ ออกมา

"ไม่คิดเลยว่าฉันต้องไปเป็นพวกพยาบาล เชื่อไหม พวกหมอที่นั่นมันกดค่าแรงคนเอเชียยังกับอะไร"

หลังจากวันนั้นมา มิกกี้ก็เปลี่ยนบุคลิกทรงผมและไว้หนวด พยายามทิ้งอัตลักษณ์เก่าของตัวเองเพราะตอนนี้เขากำลังถูกตาม 'ล่า' จากคนในศูนย์วิจัยอยู่ มีข่าวและภาพของเขาว่อนตามอินเตอร์เนตและโทรทัศน์ไปหมด แม้แต่วิทยุก็ยังพูดถึงซ้ำๆ เป็นอาทิตย์คล้ายกับเขาเป็นดารา

แต่ก็ต้องเสียใจด้วยที่เขาพอจะมีเส้นสายในการสร้างเอกสารเกี่ยวกับตัวตนใหม่เขาได้อย่างแนบเนียน ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างรู้จักเขาในชื่ออื่นและสัญชาติอเมริกัน ไม่ใช่ไทยอย่างที่ควรเป็น ซึ่งยิ่งกับแถบชนบทที่ผู้คนใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฟาร์มยิ่งไม่ค่อยมีใครสนใจคนอย่างเขานัก 

มิกกี้ฮัมเพลงในลำคอส่งยิ้มให้วอนซ์ที่ถูกพันธนาการร่างกายติดกับเก้าอี้ 

ภายในกระดาษแผ่นนั้นนอกจากจะสรุปผลการทดลองแล้วเขายังเล่าถึงความผิดพลาดของวอนซ์ด้วย ถึงจะรู้ว่ามันจะทำให้เขาถูกตามล่า แต่เขาก็จะเขียนมันอยู่ดี สาเหตุง่ายๆ ก็คือเขารู้ที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นมันผิดกฎ อย่างน้อยการยอมรับไปตรงๆ ก็พอจะทำให้รู้สึกดีในตัวเองบ้าง

ซึ่งถ้าคนพวกนั้นตามตัวเขาจนเจอ เขาก็อาจจะยอมแพ้ง่ายๆ หรือไม่ก็สู้จนหลงชนฝา

ช่วยไม่ได้หลวมตัวมาขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็มีแค่นี้แหละ 

แต่ทุกอย่างมันไม่สำคัญหรอกในเมื่อวอนซ์กำลังจะกลับมาเป็นปกติแล้ว! ถึงแม้จะยังพูดไม่ได้แต่อาการก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แผลตามตัวที่เคยมีเริ่มสมานหลังจากที่เขาตรากตรำทำแผลเป็นอาทิตย์ 

"...ฮื่อ"

"อะไรกัน นายหิวแล้วงั้นเหรอ" มิกกี้ขมวดคิ้วฉับ "ฉันเพิ่งได้พักเองนะ แต่เอาเถอะๆ เพื่อนาย ฉันทำได้"

จากคนที่พูดน้อยมิกกี้กลายเป็นคนพูดมากเพราะอีกฝ่ายตอบกลับตัวเองไม่ได้ ทิฐิทั้งหมดทั้งมวลครั้นสมัยเป็นนักวิจัยหายไปหมดแล้ว มิกกี้กลับมายอมรับความสัมพันธ์คนรักที่เคยโยนมันทิ้งด้วยสาเหตุง่ายๆ เพราะวอนซ์ถูกฝั่งครอบครัวกีดกันเมื่อรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขาและตั้งแง่กับมิกกี้ขั้นรุนแรง สุดท้ายมิกกี้ก็ทนแรงกดดันไม่ไหวจนขอเลิกฝ่ายเดียวแต่ก็ไม่สำเร็จสักทีเพราะคนบางคนเอาแต่ดึงดันอยู่อย่างงั้น

"..ฮื่อ!!"

"โอเคๆ หิวอะไรขนาดนั้น" มิกกี้ถอนหายใจแล้วหยิบชิ้นเนื้อชิ้นสุดท้ายที่แช่ไว้ในตู้เย็นออกมาป้อนวอนซ์อย่างใจเย็น ไม่ถึงนาทีชิ้นเนื้อก็หมดลงแต่วอนซ์ก็ยังคงไม่อิ่มเหมือนเดิม

"..ฮื่อ"

มิกกี้หน้าบูดเมื่อถูกมองด้วยสายตาอ้อนๆ เหมือนหมีขออาหาร

"...เฮ้อ ทำไมนายถึงได้กินจุขนาดนี้นะ"

ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างระอาใจ เดินไปเปลี่ยนชุดเป็นสีดำรัดกุมและหยิบกระสอบใหญ่พร้อมมีดทำครัวที่ถูกลับจนสามารถตัดกระดูกได้ง่ายๆ

"เดี๋ยวฉันกลับมานะ ทนหิวหน่อย"

กล่าวจบก็กดล็อกกลอนประตูจนมั่นใจว่าแน่นหนาก็ออกจากบ้านด้วยรถเก๋งเก่าๆ ไม่มีทะเบียนที่เพิ่งซื้อมาจากพวกขายของเถื่อน
มิกกี้ขับไปเรื่อยๆ ท่ามกลามท้องฟ้าที่มืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวจากข้างทาง นัยน์ตาสีดำสอดส่ายไปมาเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ 

"...บิงโก"

มิกกี้เลียริมฝีปากอย่างพอใจเมื่อเห็นร่างของคนเมานอนกองอยู่บนพื้นโดยข้างๆ กันนั้นมีหมาพันธุ์ใหญ่นอนร้องงี้ดๆ เรียกเจ้าของเหมือนอยากกลับบ้าน

"รอหน่อยน่ะ วอนซ์"

ริมฝีปากบางยิ้มเย็น

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
"..วอนซ์ ฉันกลับมาแล้ว!" มิกกี้ยิ้มร่าขณะที่แบกกระสอบใหญ่ไว้บนหลัง ตลอดสองปีมานี้นั้นช่วยขัดเกลาให้เขาล่าเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนเชี่ยวชาญมากเลยทีเดียว ตอนนี้เขาสามารถออกล่าแค่ครั้งเดียว วอนซ์ก็มีอาหารกินเกือบเดือนแล้ว

"...ฮื่อ"

"อะไรกัน เมื่อวานนายยังพูดได้อยู่เลยนะ" มิกกี้บ่นงึมงำและโยนกระสอบลงบนพื้น เศษกระดูกและเนื้อกระเด็นออกมาจนวอนซ์นั่งไม่ติดเก้าอี้ส่งเสียงฮื่อๆๆ อย่างหิวโหย

"..หิวอะไรเบอร์นั้น ถ้าอยู่ไทยนะ นายคงถูกเรียกว่าปอปอ่ะ ฮ่าๆ"

มิกกี้ส่ายหัวยิ้มๆ และจัดแจงหยิบชิ้นเนื้อออกมาเตรียมจะป้อนวอนซ์อย่างที่เคยทำจนชิน

ปัง !!!!

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องถูกกระแทกเปิดข้างมาและต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่บุกเข้ามาอย่างอุกอาจ

"...หยุดอยู่ตรงนั้น! แล้วชูมือขึ้นสูงๆ" ทหารหน่วยซีลอาวุธครบมือคำรามลั่น

มิกกี้แค่นยิ้มให้ร่างคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งหลาย 

จะใครล่ะ.. ถ้าไม่ใช่คนในทีมนกนางแอ่น

"...ใช้เวลานานไปหน่อยนะ"

ทอมเป็นคนแรกที่ได้สติมองรอบๆ ห้องอย่างไม่เชื่อสายตา

"หัวหน้า... คุณทำอะไรลงไป"

พูดไม่ทันจบก็ต้องเผลอสะอื้น

สิ่งที่กองอยู่บนพื้นนั้นไม่ใช่เนื้อสัตว์หากแต่เป็น 'ซากศพ' ของมนุษย์จำนวนมากวางระเกะระกะเต็มห้อง มีตั้งแต่กะโหลกศีรษะของมนุษย์ไปจนถึงศพใหม่ๆ ที่เพิ่งถูกฆ่า

ยิ่งเป็นการยืนยันแน่ชัดว่าใครเป็นฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังในตอนนี้

มิกกี้หัวเราะ "ฉันก็แค่หาอาหารให้วอนซ์เท่านั้นเอง วอนซ์ยังไม่ตาย ยังปกติดีและกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเริ่มพูดได้แล้ว อีกไม่นานเขาจะกลับไปเป็นหมีขาวเบอร์หนึ่งในทีม"

"...อย่าบอกนะว่าไอ้ที่อยู่ตรงเก้าอี้นั้นคือวอนซ์" กีลที่เยือกเย็นอยู่เสมอถึงกับเสียงสั่น 

อดีตหัวหน้าหน่วยนกนางแอ่นขมวดคิ้ว "ก็ใช่ไง นายไม่เห็นรึไงว่าหน้าตาเขาสดชื่นขนาดไหน"

"สายตานายแย่แล้ว มิกกี้" เลออนพูดเสียงพร่า "ยอมรับซะเถอะว่าเขาตายแล้ว" รู้สึกเศร้าจนแทบจะร้องไห้ออกมา ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับ แม้แต่หัวหน้าที่เขาเคารพ เขาก็สูญเสียไปแล้ว

"พูดบ้าๆ " มิกกี้กลอกตา "ฉันบอกว่าเขาดีขึ้นก็ต้องดีขึ้นสิ"

"ฮื่ออออ!!!"

มิกกี้ฉีกยิ้มกว้าง "นี่ไง! เขาพูดแล้ว วอนซ์บอกว่าพวกนายไสหัวไปไกลๆ ซะ ก่อนที่จะถูกหมีอย่างเขาไล่กัด"

"พระเจ้า.."

แม้แต่ทหารหน่วยซีลที่หัวใจแข็งแกร่งดังหินผายังอดครวญไม่ได้ มือที่ถือปืนถึงแม้จะยังนิ่งแต่หัวใจในอกกับสั่นเทา เอาเข้าจริงมันสั่นเทาตั้งแต่เห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในห้องนี้แล้ว

ปลายกระบอกปืนจึงถูกเล็งไปที่หัวของวอนซ์และมิกกี้ในเวลาเดียวกัน

มิกกี้กลอกตาไปมาสำรวจแขกที่มาเยี่ยมเยียนกันเต็มห้อง "ถ้าให้ฉันเดา อีกชั่วโมงนึงตำรวจะกรูเข้ามาในห้อง"

"หัวหน้า วอนซ์ตายไปแล้ว คุณยอมรับเถอะ" ทอมสะอื้นรู้สึกเสียใจที่เห็นหัวหน้าที่เคารพรักกลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก "ไม่มีใครโกรธคุณหรอกเรื่องการทดลองที่ผิดพลาด แต่คุณไม่ควรหนีออกมาและทำให้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้น"

"..เฮ้อ" มิกกี้ถอนหายใจแล้วฉวยหยิบปืนจากเอวออกมาเล็งหัวทอมด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว "ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!"

ปัง!!!

มือที่ถือปืนค่อยๆ ตกลง ทอมเบิกตากว้างเมื่อเห็นหัวหน้าตัวเองถูกระเบิดสมองในพริบตา 
 


เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่สูญสิ้นสติไปตลอดกาล

มิกกี้ยิ้มบางมองวอนซ์อีกครั้งด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้

ไม่ว่าครั้งนี้หรือครั้งไหนๆ

การตัดสินใจของเขาก็ไม่เคยเวิรค์เลยสักครั้ง

--------------

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จบแล้วเหรอคะ
น่าเศร้าตรงที่ต้องจากกันด้วยความไม่เข้าใจนี่ละ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ห๊ะ!!!!!   :sad3: :sad3: :sad3:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เศร้าเลย

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
จบเศร้ามาก มิกกี้มาถึงจุดนี้ได้ยังไง.... :o12:
วอนซ์ตายแล้วๆนั่นใคร โอ๊ย กลัวล้าวววววววว  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 100 % │ 30 ก.ย 60
« ตอบ #9 เมื่อ: 30-09-2017 21:47:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 100 % │ 30 ก.ย 60
«ตอบ #10 เมื่อ03-10-2017 19:49:01 »

สงสารมิกกี้อ่ะ เศร้าจังแบบนี้

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [เรื่องสั้น] Mickey's selection │ 100 % │ 30 ก.ย 60
«ตอบ #11 เมื่อ09-10-2017 03:37:32 »

จบแบบนี้เลยเหรอคะ  :a5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด