Ton’s Part
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับข้อความคอมเม้นคอมเม้นกับจำนวนไลค์ที่โชว์หลาบนหนาจอ เพราะไม่ได้ปิดการใช้สัญญาณไวไฟเมื่อคืน จำนวนคอมเม้นและยอดไลค์ไม่ได้น่าตกใจอะไรมากมายเมื่อเทียบกับข้อความของใครบางคน
‘ขอคิดค่าถ่ายจักรยานครับ 555+ #ล้อเล่น’
ดูเหมือนว่าเป็นคอมเม้นเล่นสนุกของคนที่เล่นโซเชี่ยลทั่วไป แถมยังโชคดีที่เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรที่ไปถ่ายของของคนอื่นโดยพละกาล และไม่ใช่ตกใจเพราะว่าเจ้าของจักรยานมาพบเจอคนที่แอบถ่ายอย่างผม แต่ที่ผมตกใจนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เช้าแบบนี้ นั้นก็เพราะชื่อผู้ใช่ที่มาคอมเม้น
‘ @__xxxx ’
บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร ตกใจด้วย ดีใจด้วย ตื่นเต้นด้วยละคนกันไป จนไม่เป็นอันทำอะไรเลื่อนดูแต่คอมเม้นเนี่ยแหละ ผมควรตอบเขากลับไหมนะ
“เป็นอะไร นั่งยิ้มน้อนยิ้มใหญ่” เพื่อนรูมเมทถามด้วยหน้าสงสัย
“…..” แต่ผมยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือต่อโดยไม่สนใจ
“ถามแล้วไม่ตอบอีก ไปดีกว่า”
เพื่อนร่วมห้องพูดโดยไม่สนใจเข้าห้องอาบน้ำไป ปล่อยให้เหลือเพียงแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้องนอนที่คิดอยู่ว่าจะตอบอะไรกลับไปหาเขาดี
‘ขอโทษที่ถ่ายโดยไม่ได้ขอนะครับ คือผมเห็นว่าจักรยานสวยดี แสงตอนนั้นก็ดีด้วย เลยอยากจะถ่ายมาเป็นที่ระลึก ถ้าพี่จะคิดค่าถ่ายผมก็ยินดีนะครับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ @__xxxx’
ผมรัวแป้นพิมพ์ลงบนหน้าจอด้วยความว่องไวเท่าทีตัวเองจะคิดได้ จนได้ข้อความที่ยาวยืดปรากฏบนจอ ผมเขียนตามที่ผมคิดจากสมอง แต่พอลองกลับมาอ่านทวนข้อความซ้ำอีกครั้งหนึ่ง กลับรู้สึกแปลกๆเปล่งๆอย่างบอกไม่ถูก จนต้องลบทิ้งทั้งปืด ก็เลยคิดว่าเค้าก็บอกว่าแค่ล้อเล่นคงไม่ต้องตอบหรอกมั้ง
แต่เขาเป็นเจ้าของจักรยาน แถมเป็นคนที่ผมติดตามในโลกโซเชี่ยลมาสักพักจนเริ่มชอบภาพของเขา ก็เป็นโอกาสที่ดีนะที่จะได้ตอบเขาบ้าง ปกติก็ไม่เคยไปคอมเม้นในรูปเขาเลยเนี่ยนะสิ ชนเข้าผ่านทางนี้ไปเลยดีไหม
‘ผมชอบภาพของพี่เอ็กซ์มากเลยครับ พี่ถ่ายสวยมาก ผมชอบจริงๆนะครับ ผมอยากถ่ายให้ได้แบบพี่บ้าง ผมไม่คิดเลยครับว่าพี่เอ็กซ์จะมาคอมเม้นรูปของผม ผมดีใจมากเลยครับ ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องจักรยานที่แอบถ่าย ผมชอบภาพของพี่จริงๆนะครับ @__xxxx’
ผมพิมพ์เพราะอยากชื่นชมเขาเลยเขียนจากก้นบึ้งหัวใจจนหมดเปลือก แต่ก็เหมือนภาพวนซ้ำสอง เพราะพอกลับมาอ่านอีกทีกลับกลายเป็นว่า เหมือนเด็กน้อยแอบชอบรุ่นพี่มานาน แล้วมาสารภาพรักให้รุ่นพี่ได้รับรู้ผ่านแอพพิเคชั่น เหมือนคนที่อายที่จะบอกความจริงจนไม่กล้าบอกซึ่งๆหน้า คิดแล้วก็เขินจนต้องลบข้อความในช่องสี่เหลี่ยมให้หมดอีกครั้ง
เมื่อคิดไม่ได้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ผมรีบเข้าไปหาอาจารย์กรูผู้รอบรู้ทุกเรื่องในโลก นั้นคือ Google นั้นเอง ไม่รอช้ารีบใส่คำค้นหาในช่องข้อความทันที
‘ตอบข้อความในอินสตาแกรม’
รอโหลดเพียงครู่เดียวก็มีผมรับแสดงออกมามากกว่า 229,000 รายการ แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่ต้องการ สงสัยข้อความอาจจะกว้างเกินไป จะต้องค้นหาให้ลึกลงไปอีก
‘ตอบข้อความของรุ่นพี่อย่างไรในอินสตาแกรม’
จากตอนแรกคิดว่าจะเจอคำตอบที่ตรงตามต้องการสักรายการหนึ่ง แต่กลับไม่มีสิ่งที่อยากได้ หนำซ้ำรายการค้นหายังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า สงสัยไม่ต้องตงต้องตอบกันแล้ว
“ทำไมทำหน้าเครียด”
เพื่อนร่วมห้องที่เสร็จกิจธุระในห้องน้ำภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ออกมาด้วยสภาพด้วยสภาพกึ่งเปลือย ด้านล่างมีเพียงผ้าสีขาวเหน็บไว้อย่างหลวม อีกผืนพาดอยู่บนบ่า ปลายด้านหนึ่งถูกมือขวาใช้สัมผัสกับเส้นผมเพื่อเช็ดหยดน้ำที่ลู่กับเส้นผม พร้อมหน้าตาที่บอกว่าสงสัยอย่างรุนแรง และต้องการคำตอบบัดเดี๋ยวนี้
“ไม่รู้จะตอบอะไรดี”
ผมตอบแล้วทิ้งหน้าลงกับหมอนวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาใกล้หัวเตียงของผมและฉวยเอาโทรศัพท์ของผมไปถือในมือเอง
“จะตอบใครว่ะ”
“พี่ที่ชื่อเอ็กซ์”
“ที่ดูไอจีพี่เขาเมื่อวานอ่ะนะ”
“ใช่ๆ”
คนเป็นเพื่อนนั่งเลื่อนไปเลื่อนมาสักพัก และพิมพ์อะไรบางอย่าง ผมที่มองอยู่ชะเง้อหน้าไปมองในจอ ตั้งใจจะเช็คเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้พิมพ์อะไรแปลกๆลงไป แต่ผมช้าไปเพราะยังไม่ทันได้ดูข้อความก็ถูกส่งออกไปเสียแล้ว
‘5555 @__xxxx’
เป็นคำตอบที่ไรสาระบ้าบอคอแตกมาก ผมที่เห็นก็รีบกระโดดสปิงตัวดะจะงับหัวไอ้คนที่พิมพ์ข้อความส่งไปโดยไม่ถามความเห็นผมสักคำ แต่มันดันหลบได้ แถมวิ่งหนีไปทั่วห้องจนผมและมันเริ่มเหนื่อยจนหอบ ผมเลยหยุดและทิ้งตัวลงกับที่นอนพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความที่เพิ่งถูกส่งไปอีกที
ตอบแบบนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว
ผมคิดในหัวก่อนจะลุกขึ้นและไม่หันกลับมาสนใจข้อความนั้นอีก แต่ความคิดอีกอย่างนึงก็แวบเข้ามาในหัวว่า...เขาจะตอบกลับมาอีกไหมนะ
X’s Part
ช่วงสิบโมงของวันนี้ผมมีนัดเพื่อมาทำงานให้กับคุณลุงโชคชัย หรือคนที่เป็นผู้ว่าจ้างของผมนั้นเอง อันที่จริงนัดคือสิบนาฬิกาสามสิบนาที แต่เพื่อป้องกันการมาไม่ตรงเวลา ผมจึงรีบออกจากบ้านและมาถึงนัดหมายก่อนเวลา
สถานที่พูดคุยคือร้านกาแฟเล็กๆในซอยที่เล็กไม่แพ้กัน กว่าจะหาเจอใช้เวลาเดินหาอยู่ไม่น้อย แต่ต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆที่ได้มาเจอ เพราะบรรยากาศในร้านเงียบสงบ น่านั่ง เหมาะสำหรับพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือแบบสบายๆ และที่สำคัญคือถ่ายรูปได้สวยมาก องค์ประกอบในร้านดูเยอะไปนิด แต่ติทส์อย่างลงตัว
ผมซึ่งชื่อชอบร้านแบบนี้ที่หายากนักในกรุงเทพมหานครฯ ก็ต้องถือโอกาสเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ไม่ลืมเซลฟี่ให้ติดใบหน้า เป็นการสร้างแลนด์มาร์คว่าเคยมาที่นี่จริง
ในร้านผู้คนค่อนข้างน้อย มีเพียงผมที่นี่งอยู่โซนมุมร้าน และอีกคนที่นั่งอยู่ถัดจากผมไปอีกสามโต๊ะ ด้านที่กว้างที่สุดของร้านมีชั้นหนังสือเป็นผนัง และหนังสือเป็นร้อยเป็นพันเล่มอยู่บนชั้น สภาพหนังสือค่อนข้างยับเยินพอสมควรตามเวลา แต่ที่สภาพดีอยู่ก็ยังคงมี
ระหว่างรอคุณลุงโชคชัย ผมสั่งมอคค่าที่ผมชอบเป็นที่สุดของบรรดากาแฟทั้งหลาย บางทีอาจจะเรียกว่าชอบไม่ได้ แต่ต้องเรียกว่าหลงใหลมากกว่า เพราะความลงตัวของรสชาติระหว่างกาแฟกับช็อคโกแลตมันช่างละมุนละไมเมื่อสัมผัสกับปลายลิ้น
เรียกว่าหลงใหลแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าชอบมาก ผมเคยลองไปเรียนเป็นบาริสต้าจากผู้เชี่ยวชาญฝีมือดีจากฝรั่งเศส เสียเงินไปเกือบครึ่งหมื่น แต่สิ่งที่ได้คือกาแฟไหม้ในรอบแรก จนครบหกเดือนรอบสุดท้ายของผมกาแฟก็ยังคงไหม้เหมือนเดิม จนคนสอนถึงกับเพลีย นั้นคือเหตุผมว่าทำไมผมไม่เป็นบาริสต้า
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระดิ่งติดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของผมให้หันไปทางผู้มาเยือนคนใหม่ นั้นคือผู้ชายวัยชราซึ่งมีผมขาวหงอกเป็นสิ่งบ่งบอก หน้าตาของเขายิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นคุณปู่ใจดี เขามองซ้ายมองขวาผมจึงโบกมือให้คุณลุงโชคชัยรู้
“สวัสดีครับ” ผมพูดทักทายพร้อมยกมือไหว้
“ไหว้พระเถอะ” ลุงตอบผม
คุณลุงโชคชัยใส่เสื้อลายสก็อตสีส้มไซต์ใหญ่พอดีกับขนาดตัวอวบตามวัย กางเกงยีนส์สีเข้มที่ดูก็รู้เลยว่าเพิ่งซื้อใหม่ได้ไม่นาน
“มาก่อนเวลาเยอะเหมือนกันนะ เด็กสมัยนี้นี่รีบกันจริง” ลุงฑุดเหมือนบ่นกับตัวเอง ส่วนผมก็ทำได้แค่ยิ้มเล็กน้อย
“ผมเป็นนักศึกษา....”
ผมยังไม่ทันแนะนำตัวเสร็จคุณลงโลคชัยก็ขัดขึ้นมาก่อน
“ทำตัวสบายๆเถอะ ลุงติดตามเธอมานานแล้ว เรามาพูดเรื่องงานเลยดีกว่านะ”
ลุงพูดด้วยท่าทีสบายไม่ตึงเครียดเหมือนการคุยงาน นี่ผมโชคดีชะมัด ได้งานค่าจ่ายสูง แถมคนจ้างยังใจดีอีก ดีมันวันเพอร์เฟคดีของผมใช่หรือเปล่า
“คือวันนี้ลุงอยากให้เธอถ่ายวีดีโอให้ลุงหน่อย ตามที่ได้คุยกับอาจารย์”
“ครับ ว่าแต่คุณลุงจะให้ไปถ่ายลูกสาว แต่ทำไมถึงนัดมาคุยกันที่นี่ล่ะครับ”
ผมถามข้อข้องใจของผม เพราะตามที่พูดคุยกับอาจารย์ งานที่ผมต้องทำคือถ่ายรูปลูกสาวของคุณลุงสมชายตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งคุณลุงจะพาไปเอง แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ผมกับคุณลุงเท่านั้น ยังไม่เห็นลูกสาวของเขาเลย จนผมเริ่มไม่แน่ใจว่าผมมาถูกงานแน่หรือเปล่า
“อ๋อ ลูกลุงเรียนเต้นบัลเล่ต์อยู่ อีกสักพักเราจะไปหากัน โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก”
ผมทำท่าเข้าใจก่อนจะหาเรื่องพูดคุยกับคุณลุงแก คุณลุงเป็นคนน่ารัก เข้าใจโลก ชีวิตของลุงผ่านโลกมาเยอะมาก จากครอบครัวที่ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งกันก้อนเกลือกินตั้งแต่ยังเด็ก ชีวิตเติบโตมาโดยการเป็นเด็กวัด มีโอกาสเล่าเรียนหนังสืองูๆปลาๆ จนอายุสิบห้าปีเสาหลักของบ้านก็เสียชีวิตลง ลุงก็ออกเลยต้องออกจากต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพมหานครฯ
มาแค่วันแรกก็ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินไปทั้งกระเป๋า เหลือติดตัวแค่บาทสองบาท ลุงแกคิดจะปลดชีวิตตัวเอง แต่โชคยังมีอยู่ เพราะมีเสี่ยใจบุญมาเจอลุงแกร้องไห้ร้องห่มก็เกิดสงสาร ลุงถึงได้มีงานทำในอู่ซ่อมรถ ชีวิตอยู่ดีมีสุข
จนอายุยี่สิบห้า ลุงโชคชัยพบรักกับสาวโรงงานเย็บผ้า หลังจากนั้นก็ออกมาสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีครอบครัว ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกและคนเดียวขึ้น แต่โชคดีกลับมีโชคร้าย พวกเขาให้กำเนิดน้องพลอยมาลืมตาดูโลก ในวัยที่คุณลุงนั้นอายุสี่สิบเข้าไปแล้ว...ซึ่งช้าเกินไป
เด็กน้อยป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ และเลวร้ายยิ่งกว่า แม่ของเด็กน้อยจากไปตั้งแต่น้องพลอยยังจำความไม่ได้ ด้วยโรคร้ายนี้เองน้องพลอยจะอยู่ได้อีกไม่ถึงสามเดือน แต่ด้วยความเป็นพ่อของลุงโชคชัย เขาอยากจะอยู่กับลูกให้นานที่สุด ถึงแม้ด้วยวัยอาจจะอยู่ได้อีกไม่กี่สิบปี เขาก็คงจากโลกนี้ไปไม่ต่างกัน แต่เขาก็อยากเก็บความทรงจำของครอบครัวเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย
นี่สินะ เรื่องจริงยิ่งกว่าในละคร แค่นั่งฟังยังทำให้บ่อน้ำตาเอ่อ แต่ต้องกลั้นเอาไว้
เมื่อถึงเวลาใกล้เลิกเรียนบัลเล่ต์ของน้องพลอย คุณลุงก็พาเดินมาที่โรงเรียนสอนเต้นไม่ไกลไม่ใกล้จากร้านกาแฟนัก
“คุณพ่อ!!!”
เสียงใสของเด็กน้อยผมเปียในชุดสีชมพู วิ่งออกมาจากเก้าอี้แล้วกระโดดกอดขอลุงโชคชัยอย่างเต็มรัก ลูกสาวยิ้มจนตาหยีมาให้กับพ่อ ดูเผินๆแล้วน้องพลอยดูเหมือนเด็กปกติทั่วไป ร่าเริงสดใสตามวัย
เราทั้งสามคนเดินทางโดยรถไฟฟ้าไปยังสวนสาธารณะ โรงเรียน พิพิธภัณฑ์ และที่สุดท้ายคือบ้าน บ้านชั้นเดียวหลังเล็กเหมาะสำหรับคนสองสามคน ในบ้านถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ มีห้องรับแขกที่มีของเล่นกระจายทั่วห้อง ผนังบ้านเต็มไปด้วยภาพวาดจากสีไม้ ลายเส้นแบบเด็กๆทำให้ดูกลมกลืนไปอีกแบบ
ภาพส่วนใหญ่คาดว่าคนจะเป็นจินตนาการของน้องพลอย มีทั้งเจ้าหญิง ปราสาท รถม้า เสื้อผ้า บางรูปก็เป็นสัตว์โลกน่ารัก น้องพลอยดูมีพรสวรรค์ด้านนี้มากเลยทีเดียว
แต่ผมชอบภาพที่อยู่ตรงกลางที่สุด ภาพที่มีผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กน้อย พร้อมบ้านหลังใหญ่ ผมมองภาพนี้แล้วรู้สึกหน่วงได้หัวใจขึ้นมา น่าเสียดายที่ทุกอย่างคงไม่เป็นเป็นไปตามที่เธอฝัน
“วันนี้ลุงขอบใจมากนะ เดี๋ยวลุงโอนเงินเข้าบัญชีให้วันพรุ่งนี้”
ลุงโชคชัยบอกขอบคุณ แถมยังหยิบถุงขนมห่อเล็กส่งมาด้านหน้า ผมรับเอาไว้แล้วกล่าวขอบคุณ
“พี่ชายจะกลับแล้วหรือคะ” เด็กน้อยผมเปียวิ่งออกมาพร้อมยิงคำถามใส่
ผมย่อตัวลงไปนั่งยองๆ ให้ใบหน้าของผมและน้องพลอยอยู่ในระดับเดียวกัน เธอเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ น่าเสียดายที่อยู่ในโลกนี้เพียงไม่นาน
“ครับ มีความสุขมากๆนะน้องพลอย ผมลานะครับคุณลุง” ผมพูดพลางลูบหัวน้องพลอยด้วยความเอ็นดู แล้วบอกลาลุงโชคชัย
นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว เริ่มเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย กลับบ้านไปนอนเลยดีไหมนะ
พลั๊ก!
“โอ๊ะ!”
ผมร้องด้วยความตกใจ เพราะระหว่างเดินบนฟุตบาทที่มีผู้คนเดินกันให้แน่น ก็ถูกใครสักคนชนเข้า ผมเลยเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่ทันได้สังเกตคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง กล้องตัวใหญ่ที่ถูกคล้องคออยู่จึงกระแทกเข้าที่หน้าท้องของผู้เคราะห์ร้ายเต็มๆ ตายล่ะ กล้องไม่ใช่ถูกๆ ตัวนี้เก็บตั้งเป็นปีเลยนะกว่าจะได้มา
“โอ๊ย!”
เสียงของคนที่เดินอยู่ริมสุดของทางโดนกล้องตัวใหญ่อัดไปร้องขึ้น ผมเลิกสนใจกล้องตัวโปรด แล้วรีบถามอาการตามมารยาท
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“พะ พี่เอ็กซ์” คนตรงหน้าตอบผมเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“อะไรนะครับ?” ผมถามซ้ำอีกครั้ง
“อะ เอ่อ อ๋อ ผมเจ็บท้อง ใช่ ผมเจ็บท้อง” เค้ารีบตอบออกมา ทำให้ผมยิ่งหน้าสลดเข้าไปใหญ่ ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องขอโทษเขาก่อน
“จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเลี้ยงกาแฟคุณเป็นการขอโทษ” ผมเสนอขึ้นมา
“จะดีหรือครับ”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ...”
“ตกลงครับ”
คนตอบพูดออกมา ผมพยักหน้าเข้าใจและเลือกร้านที่ไกลที่สุด คู่กรณีดูอายุไม่น่าหายจากผมมากเสียเท่าไหร่ น่าจะพอๆกันเลยด้วยซ้ำ ก็คงจะเป็นโชคดีอีกล่ะมั้ง ที่เจอคนคุยง่าย ถ้าโดนมนุษย์ป้าอะไรทำนองนี้คงต้องถึงตำรวจแทนมาดื่มกาแฟเป็นแน่ แค่คิดก็สยอง
เย้ๆ พี่เอ็กซ์ น้องต้น เจอกันแล้ว เจอกันนิดดียวด้วย5555+
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วเน้อออออออออ