# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 6
หรือว่า...กำลังหวั่นไหว?
“ว่ายังไงนะครับ?”
“ก็บอกจะไปส่งไง”
“แต่...ผมว่าผมกลับเองดีกว่า ลานะครับ” เอยไม่รอช้ารีบลุกขึ้นโดยไม่ฟังทำของกวินแม้แต่น้อย แต่ไม่ทันจะก้าว ร่างสูงกลับคว้าต้นแขนของเอยไว้ทันท่วงที
“บอกว่าจะไปส่ง” กวินเสียงดุขึ้น ไม่มองหน้าก็รู้ได้ว่ากำลังโกรธ
“คือ..ผมเกรงใจ ไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“แต่ชั้นจะไปส่ง และเธอก็ห้ามปฏิเสธด้วย”
และแล้วก็ไม่อาจทัดทานคำสั่งของกวินได้ เอยจึงได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถบอกเส้นทางกลับบ้านของตัวเองให้กวินแทน รถยุโรปคันหรูคงจะหลายล้านบาท เพิ่งเคยได้นั่งครั้งแรกในชีวิต เบาะนุ่มเครื่องยนต์นิ่ง รู้สึกตัวเองเหมือนอยู่ในฝันอย่างบอกไม่ถูก เสียงเพลงสากลเปิดคลอเบาๆ น้ำหอมของกวินอบอวลไปทั้งรถ รู้สึกหายใจหายคอไม่ถูกเลยทีเดียว
“นั่งรถเมล์มากี่สาย?” จู่ๆกวินก็ถามขึ้น
“สะ....สายเดียวครับ แต่หลายป้ายหน่อย”
“ไกลขนาดนี้ทำไมไม่หาห้องพักใกล้ๆบริษัท?”
“ผมสะดวกแบบนี้ครับ” ทั้งรถจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง กวินขับมาส่งถึงหน้าบ้าน เสียงหมาในซอยก็พากันเห่าขรม คงเพราะไม่คุ้นกับรถคันนี้
“ขอบคุณครับท่านประธาน” เอยบอก ก่อนที่จะปลดที่คาดเข็มขัดนิรภัยออก แต่อย่างไรก็ดึงไม่ออกเสียที
เอยพยามยามดึงให้ออกโดยที่ไม่กล้าออกแรง เพราะกลัวข้าวของในรถของกวินจะพัง จู่ๆมือของกวินก็เอื้อมมาทางเอย พร้อมกับๆที่ร่างสูงโน้มตัวลงมาปลดที่คาดออกให้ เอยแทบจะหยุดหายใจเมื่อกวินเข้ามาใกล้ตนเสียขนาดนั้น
“แรงเท่ามด”
กวินปลดออกสำเร็จในเวลาไม่กี่วินาที เอยรู้ได้ว่าตอนนี้หน้าตัวเองต้องแดงมากเพราะรู้สึกร้อนไปหมด รีบก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนจะลงจากรถ โดยที่ไม่เหลียวมองกลับไปเลย เพราะหากหันไปเพียงนิด กวินอาจะเห็นหน้าของเอยที่มันแดงจนแทบจะเป็นไข้
“เอ๊ะ...เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?” เสียงรถขับจากไปแล้ว เอยถึงจะนึกประโยคของกวินที่พูดขึ้นมาได้
แรงเท่ามด...
สัปดาห์นี้โรงเรียนมีกิจกรรมเกี่ยวกับสุนทรภู่ ชั้น ม.ปลายแต่ละชั้นต้องทำกิจกรรม คือการแสดงตามบทประพันธ์เรื่องใดเรื่องหนึ่งของท่านสุนทรภู่ แน่นอนว่ารุ่นพี่ใหญ่สุดต้องแสดงบทประพันธ์ที่ฟอร์มใหญ่ทุ่มทุนสร้างกว่าเหล่ารุ่นน้อง วันนี้เหล่า ม.หกทุกคนจึงต้องเข้าประชุมหลังเลิกเรียนเพื่อเตรียมการแสดงรวมถึงการคัดเลือกนักแสดงด้วย
“เผด็จการว่ะ ถามกูสักคำมั้ยเนี่ยะว่าอยากแสดงมั้ย?”
ไทป์บ่นอุบ หลังจากมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ม.หกจะแสดงบทประพันธ์เรื่องกากีและมีการโหวตเลือกตัวนักแสดงเอาไว้โดยที่ไม่ถามความสมัครใจของผู้ถูกเลือก คนแรกคือไทป์ที่ได้รับโหวตให้แสดงเป็นพญาครุฑเวนไตย ผู้ที่ลักพาตัวนางกากีไปยังวิมานฉิมพลี
“เรื่องนี้เปลืองนักแสดงชายมากอะ ดูสิ ผู้ชายตั้งห้าคนแย่งผู้หญิงคนเดียวคือนางกากี” ดาวพูดพลางอ่านแผ่นพับเรื่องย่อของนางกากี ตอนนี้มีการประกาศผลโหวตอยู่ หลังจากไทป์แล้ว ก็ถึงคิวพระเอกของเรื่องจริงๆคือคนธรรพ์นาฏกุเวร ซึ่งแน่นอนผลโหวตที่ได้คือ...
“ไม่เล่น” กวินบอกเสียงแข็ง หน้าตาก็บ่งบอกว่าไม่อยากจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ แม้ผลคะแนนโหวตล้นหลามเลือกกวินให้แสดงบทพระเอกของเรื่องนี้ก็ตาม
“โทษนะกวิน แต่นายต้องให้ความร่วมมือ ก็เห็นอยู่ว่าชั้นเลือกตามผลโหวต” ประธานนักเรียนเป็นคนประกาศผลโหวต
“แล้วถ้าไม่ร่วมมือ?” กวินถามกลับ นี่เป็นครั้งแรกที่เอยเห็นสีหน้าที่ท้าทาย แตกต่างจากที่ผ่านมาที่มีแต่ความนิ่งขรึม
“ไม่อย่างนั้นวิชาภาษาไทยนายจะติดศูนย์ อาจารย์บอกกับฉันมาอย่างนั้น” ประธานงัดไม้แข็ง ดูเหมือนกวินจะต้องทำตามอย่างไม่มีข้อกังขา
“ตกลงมั้ย?” ประธานถามย้ำ กวินตีหน้าเฉยเหมือนเดิม ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งนั้น ประธานเลยถือว่ากวินยอมรับบทนี้แล้ว
“ถือว่าตกลง กวินรับบทเป็นคนธรรพ์นาฏกุเวร ไทป์เป็นพญาครุฑเวนไตย ต่อไปจะเป็นผลโหวตของนางกากี ท้าวพรหมทัต วานิช หัวหน้าโจร และท้าวทศวงษ์”
ผลโหวตเลือกเฉพาะตัวละครหลัก บทประพัทธ์เรื่องกากีนี้ เพราะมีตัวละครไม่เยอะเกินความจำเป็น ไม่มีเรื่องราวซับซ้อนไม่หลายรุ่นและเดินเรื่องได้ไว ส่วนพวกตัวละครยิบย่อย รองประธานจะเป็นคนวางตัวแสดงเอง
ในที่สุดนักแสดงทั้งหมดก็ไปยืนเด่นเป็นสง่าหน้ากระดานห้องประชุม เสียงกรี๊ดโห่ฮิ้วดังลั่นห้อง ไทป์ทำหน้าเซ็งๆ ส่วนกวินนั้นหน้านิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย พ่วงด้วยนางกากีที่ได้รับผลโหวตอันดับหนึ่งคือดาวโรงเรียนชื่อชมพู จากนั้นจึงเริ่มวางแผนเริ่มซ้อมการแสดง ในระยะเวลาเพียงหกวัน และพวกที่เหลือต้องช่วยเตรียมชุด เตรียมฉาก และอำนวยการแสดงทุกอย่าง ดาวเองที่แม้จะเป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ก็ต้องช่วยเตรียมชุดและเครื่องประดับให้กับนักแสดง ส่วนตัวเอย ไม่พ้นงานเตรียมฉากอุปกรณ์ที่ใช้แสดง
“เหนื่อย!” ดาวบ่นมาสองวันแล้ว มือก็ยังติดขนนกทำปีกให้พญาครุฑเวนไตยไปด้วย ส่วนเอยนั่งทำต้นไม้ประกอบฉาก ทุนการแสดงทั้งหมดเป็นกองทุนรวมของชั้น ม.หก ที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย ฉากจึงอลังการตามทุน
“เดี๋ยวพอทำปีกเสร็จก็ต้องไปเตรียมสร้อยสังวาลย์ อีก โอ๊ยๆ จะไม่ไหวแล้วนะ” ดาวยังไม่หยุดบ่น ในมือเองก็ยังไม่หยุดทำเช่นกัน
“เอาน่าดาว ใกล้เสร็จแล้ว” เอยพูดให้กำลังใจ ด้านตัวเองทำต้นไม้ใกล้จะเสร็จแล้ว
“ไทป์สบายเลยอะ ดูสิไม่เห็นต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง มือหงิกมืองอเหมือนพวกเราเลยอะเอย” ดาวว่าพลางหันมองไปยังไทป์ ที่ตอนนี้กำลังซ้อมการแสดง ด้วยสีหน้าที่เบื่อปนเหนื่อย
“ไทป์ก็เหนื่อยในแบบของเค้าน่ะดาว” เอยว่า ตอนนี้ทำต้นไม้เสร็จแล้ว จะหันไปช่วยเพื่อนอีกกลุ่มที่กำลังต่อแพด้วยลังกระดาษ เพื่อใช้ให้ท้าวพรหมทัตลอยนางกากี ตอนที่รู้ว่านางกากีได้เสียกับพญาครุฑและคนธรรพ์แล้ว
“ว่าแต่ดูกวินสิเอย หน้าหงิกเชียว” ดาวสะกิดเอยให้หันดูกวิน ที่ตอนนี้กำลังซ้อมบทที่อาจจะเรียกเสียงฮือฮาคือบทร่วมรักกับนางกากี
ตามบทแล้ว คนธรรพ์นาฏกุเวรแปลงกายมาเป็นตัวไรเกาะปีกพญาครุฑมายังวิมานฉิมพลี และฉากที่กำลังจะซ้อมนี้ คือฉากร่วมรักระหว่างคนธรรพ์นาฏกุเวรกับนางกากี เรียกว่าประธานนักเรียนที่เป็นผู้กำกับนั้น กำลังกุมขมับกับความดื้อรั้นของกวิน ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการแสดง
“กวิน ชั้นบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าฉากนี้กอดนางเอกหลวมๆ เอาท่าสวยๆเหมือนในรูปนี้” ประธานชี้รูปวาดแบบจิตกรรม ภาพของฉากนี้
“มาทำเองมั้ย?” กวินย้อนใส่ ประธานแทบจะอยากจะขว้างรูปในมือใส่หน้ากวิน อีกทั้งนางเอกของเรื่องดูจะรู้สึกอาย คล้ายกวินไม่อยากแตะต้องตัวเธอเสียเท่าไหร่นัก
“กวิน นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้านายไม่ยอมทำตามที่ชั้นบอก นายได้ตกวิชาภาษาไทยพร้อมกับคะแนนกิจกรรมหายเรียบแน่ จะลองมั้ย? ชั้นโทรหา ผอ. ตอนนี้ยังได้เลยนะ” ประธานนักเรียนคนนี้เป็นหลานชาย ผอ. โรงเรียนนี้นี่เอง ปกติเท่าที่เอยได้ยินมา ประธานไม่เคยแอบอ้างชื่อลุงของตัวเองมาข่มใคร ครั้งนี้คงเหลืออดจริงๆ
“ก็ได้” กวินกัดฟันกรอด ดูท่าจะห่วงการเรียนตัวเองมาก เลยจำยอม กวินมองรูปในมือของประธานแค่แว่บเดียว ก่อนที่จะดึงนางเอกให้นอนลงบนแท่นนอนแล้วกอดหลวมๆจากด้านหลัง ทุกคนแถวนั้นทั้งโห่ทั้งกรี๊ดพร้อมๆกัน นางเอกของเรื่องหรือชมพู หน้าแดงปลั่งอย่างเขินอาย
“ว้าย เขินแทนเลยเหอะ” ดาว พูดไปพลางกุมแก้มตัวเอง เอยเองก็ยังอดเขินแทนมาได้ รู้สึกใจเต้นตึกตักหากโดนใครสวมกอดแบบนั้น
“เอย หน้าแดงทำไมเนี่ยะ? เอ๊ะ...หรืออยากโดนกอดกับเค้าบ้าง” ดาวได้ทีแซว
“หน้าแดงที่ไหน ตาฝาดแล้วดาว” เอยส่ายหน้าพัลวัน ก่อนที่จะลงมือทำงานของตัวเองให้เสร็จ
ในที่สุด วันแสดงก็มาถึง นักแสดงทุกคนดูดีด้วยเครื่องประดับและชุดที่ประดิษฐ์จากเพื่อนร่วมรุ่น ฉากทั้งหมดพร้อมแสดง ใครที่ต้องประจำฉากต่างก็พากันเตรียมตัวเพื่อการแสดง เอยที่หมดหน้าที่ในการเตรียมฉาก ถูกลากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไทป์ที่กำลังแต่งตัวอยู่
“ร้อนแม่งอะเอย เอาน้ำให้กูกินหน่อย” ไทป์ว่าพลางยื่นมือมาขอน้ำดื่มจากเอย ตอนนี้ในห้องแต่งตัวหลังเวทีดูวุ่นวาย เพราะนางเอกของเรื่องยังแต่งหน้าแต่งตัวไม่เสร็จ ทุกคนถึงวิ่งไปรุมทึ้งกันอยู่ ทิ้งนักแสดงชายคนอื่นๆดูแลตัวเองกันไป
กวินนั่งไม่ห่างจากไทป์ เพราะบทของทั้งสองต้องเจอกันหลายฉาก มากกว่าคนอื่นๆ ทั้งฉากเล่นสกาในวัง ทั้งฉากที่วิมานฉิมพลี ทั้งสองจึงต้องอยู่ใกล้กันเพื่อนจะเรียกตัวง่าย
“ร้อนอะไรไทป์ เสื้อก็ไม่ใส่” ชุดของไทป์ใส่แค่โจงกระเบนกับเครื่องประดับ เปลือยอก เอยไม่เห็นว่าจะร้อนตรงไหน
“มันร้อนข้างล่างไงเอย มึงมาลองใส่มั้ย?” ไทป์ว่าขำๆ
ไม่ใช่แค่ไทป์คนเดียวที่ใส่ชุดแบบนั้น กวินเองก็ด้วย เอยก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง แม้ว่าหุ่นของไทป์ก็ดูมีกล้าม อีกทั้งยังขาว แต่หุ่นของกวินนั้นออกจะรูปทรงสามเหลี่ยม บ่ากว้างแต่เอวคอดลงมากว่าของไทป์ หุ่นไม่ต่างจากนักกีฬาว่ายน้ำ เอยคิดๆอยู่ในใจ..
“สงสัยชอบว่ายน้ำแน่เลย” เอยเหลือบมองก่อนที่จะหันกลับมาที่ไทป์ เพราะดูเหมือนไทป์เองก็จะสงสัยว่าเอยมองอะไรอยู่หลายรอบแล้ว
“มองหาอะไรวะเอย กูเห็นสองสามรอบแล้ว”
“หืม..ก็...มองว่าชุดต่างกันยังไง” เอยว่า รู้สึกตัวเองจะลื่นยังกับปลาไหลเกินไปแล้ว
“กูคิดว่ามองไอ้คนข้างๆ อย่าคิดเชียวนะมึง มองกูดีกว่าเยอะ” ไทป์ตบอกตัวเองป๊าบใหญ่ เอยได้แต่หัวเราะ โดยที่มีสายตาของกวินตวัดมามอง สายตาคมกริบที่เอยหันไปสบก็พาลสะดุ้งเอา
“พร้อมรึยัง จะแสดงแล้ว” เสียงประธานตะโกนบอก เอยจึงใช้โอกาสนี้ปลีกตัวออกมา แม้ว่าสายตาของกวินจะไม่มองมาที่ตัวเองแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆไม่หาย
การแสดงเริ่มขึ้น คนที่ไม่มีอะไรทำอย่างเอยและดาว จึงพากันไปจับจองที่นั่งที่อยู่หลังสุด เพราะนั่งกันตามลำดับชั้น การแสดงที่เรียกเสียงกรี๊ดจากน้องๆผู้หญิงได้ และเสียงฮือฮาจากผู้ชายเมื่อตอนที่นางเอกปรากฏตัว ทั้งหมดแสดงได้ดีสมกับที่ประธานเคี่ยวเข็ญภายในเวลาที่จำกัด แม้ว่าไทป์ที่ทำท่าจะเบื่อๆก็ยังรู้สึกว่ามีสีสันเมื่อน้องๆเรียกชื่อพี่ไทป์ รวมถึงกวินที่พอจะมีสีหน้าร่วมเวลาแสดงหรือพูดบทอยู่บ้าง วันนี้ทุกคนดูจะพอใจการแสดงของชั้น ม.หกมากเลยทีเดียว
“จบซะที” เอยมาหลังเวทีเพื่อช่วยไทป์ถอดเครื่องแต่งตัว โดยที่กวินถอดเองโดยไม่ต้องให้ใครช่วย แม้สายตาของใครหลายๆเอาแต่มองเหมือนอยากเข้าไปช่วย แต่คงไม่กล้าพอ
“เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำก่อน รออยู่ตรงนี้นะเอย” ไทป์ถือเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ เพราะห้องสำหรับเปลี่ยนชุดที่มีอยู่ห้องเดียวตอนนี้ มีชมพูใช้อยู่
“อืมๆ” เอยได้แต่รับคำ ตอนนี้ใครหลายๆคนต่างเก็บของกันจนหมดแล้ว ทยอยหายไปทีละคนสองคนจะในที่สุด..ก็เหลือแค่เอยที่นั่งรอไทป์ กับกวินที่กำลังถอดเครื่องแต่งตัวที่ไม่เสร็จซะที
“ถอดยากฉิบ” เสียงบ่นเบาๆที่เอยได้ยิน แม้ว่าสายตาไม่ได้มองไปทางนั้นก็คิดได้ว่ากวินคงลำบากอยู่แน่ๆ
“หะ...ให้ช่วย..มั้ย?” ในที่สุดเอยก็ทนไม่ไหว เอ่ยปากถาม พร้อมกับหันหน้าไปดูเพราะรู้สึกได้ว่ากวินคงลำบาก
“.....” ไม่มีเสียงตอบรับทั้งนั้น แต่มือทั้งหมดหยุดชะงักในการพยายามถอดเครื่องแต่งตัว นั้นก็คงเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะให้ช่วยเหลือ
เอยพอรู้แล้วว่าที่กวินถอดไม่ได้เพราะสร้อยสังวาลติดกับที่ครอบหัว แล้วเอยเองก็ไม่ได้สูงพอที่จะถอดออกมาได้ กวินจึงนั่งลงให้เอยถอดให้ เอยออกจะมือสั่นนิดๆเมื่อจับสร้อยสังวาลย์ที่ติดอยู่ มือนั้นค่อยๆดึงออกจากการพันกันกับอะไรก็ไม่รู้บนที่ครอบหัว และยังมีอีกเส้นที่ยังพาดอยู่อีกข้าง เอยจึงดึงสร้อยสังวาลย์อีกเส้นถอดขึ้นมาทางหัวให้กวิน เป็นอันเสร็จ
“เสร็จ...แล้ว” เอยทำท่าจะหันหลังแต่กวินขัดขึ้นมาก่อน
“ยังมีที่ครอบนี่อีก” กวินว่า เอยจึงจำยอมดึงที่ครอบหัวนั้นออกให้อีกอัน แต่ดูเหมือนจะครอบแน่นไปสักหน่อย เอยพยายามออกแรงดึงสองสามครั้งยังไม่ออก
“เอ่อ...เจ็บมั้ย? คือ...มันไม่ออก” เอยละล่ำละลักพูด เพิ่งนึกได้ว่าการออกแรงเมื่อครู่นี้แรงพอสมควร
“แรงเท่ามด” กวินว่า ก่อนที่จะกวินจะดึงออกเองแทน
“โทษที...” เอยได้แต่ขอโทษ แม้จะช่วยแต่ก็ยังไม่ได้เรื่อง
“ไม่เป็นไร...” กวินว่าแบบนั้น ก่อนที่จะลุกออกไป แต่ก่อนจะพ้นประตู ก็หันกลับมา
“ขอบใจ” สั้นๆ เท่านั้นจริงๆ แต่เอยรู้สึกหน้าร้อนวาบ มือไม้เริ่มวางไม่ถูกที
“อืม” พยักหน้ารับ กวินจึงเดินหายออกไป ไม่ถึงนาทีเท่านั้นไทป์ก็มา
“เอย...เฮ้ยเอย มึงเป็นไรวะ?”
“ปะ...เปล่า กลับกันเถอะไทป์” เอยชวน
“เออๆ กลับเหอะ กูเหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว”
เอยกลับบ้านด้วยความรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แม้จะได้คุยกับกวินสั้นๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่ากวินยอมคุยกับตัวเอง ไม่ได้ทำท่าทีเย็นชาเหมือนที่คนอื่นๆโดน รู้สึกว่าแค่สิ่งเล็กๆก็ทำให้หัวใจฟูพองได้ เพราะอะไรกัน...เพราะรู้สึกว่าอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีกันได้หรืออย่างไร?...