~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339  (อ่าน 2023893 ครั้ง)

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6090 เมื่อ07-05-2012 14:24:39 »

เจ้ครับ 10 หน้าเม้นต์แล้วเน้อ  กึดเติงอ้ายเค๊กแล้วเน้อ

ออฟไลน์ www.maxdevil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6091 เมื่อ07-05-2012 14:48:22 »

เข้ามารอด้วยคน

ออฟไลน์ Appman

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6092 เมื่อ07-05-2012 16:06:57 »

รอมาหลายวัน ยังไม่ได้อ่านตอนต่อไปเลยอะ  T T 

ออฟไลน์ Ok_fine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6093 เมื่อ07-05-2012 18:12:37 »

เง้ออออออออ~~~ นับวันรอ รอแล้วรอเล่า  :sad4: เค้าเข้ามาเช็คดูทุกวันทุกวันเลยนะอาเจ๊ ~ :z3:

ไม่รู้ล่ะ ถ้าเจ๊ยังไม่ลงนะ !!! .... เค้าก็จะรอเจ๊ต่อไป  :m15:

ออฟไลน์ skysky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6094 เมื่อ07-05-2012 18:26:08 »

รอ รอ รอ  :sad4: อยากอ่านตอนต่อไป  :z3:

ออฟไลน์ Zarunghaja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6095 เมื่อ07-05-2012 20:00:33 »

~ เบบี้ เบบี้ เบบี้ โอ้ววว~ :m9:

:oni3: >> o11 >>  :m5:

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6096 เมื่อ08-05-2012 07:09:54 »

เข้ามาดูทุกวันเลยยย รออยู่นะคะ  :sad4:


ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6097 เมื่อ08-05-2012 07:27:27 »

รอคิว-เค้กนะค๊ะ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6098 เมื่อ08-05-2012 07:33:25 »

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังไม่มาอีกเหรอ

ออฟไลน์ iyng1338

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6099 เมื่อ08-05-2012 08:08:48 »

 o9 o9 o9 o9 o9 o9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
« ตอบ #6099 เมื่อ: 08-05-2012 08:08:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6100 เมื่อ08-05-2012 08:13:33 »

 :z3: :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 08:32:45 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6101 เมื่อ08-05-2012 08:17:29 »


แจ้งข่าว !!!!!!!!!!!!!!!!!!

***รายละเอียดเพิ่มเติมที่http://baby.thai-forum.net/t497-topic



เบบี้
5 พ.ค 59



~50~



วันศุกร์  ณ  ร้านคิวปิด เบเกอรี่เฮ้าส์..
“เชิญครับ” พี่เซ็นยิ้มบอก  ผมพยักหน้าและเลื่อนถาดที่มีแก้วกาแฟวางอยู่บนนั้นขึ้น  เพื่อจะทำออกไปเสิร์ฟให้ลูกค้า
“อ่าว สวัสดีครับพี่กัส” ผมทัก  วันนี้ผมมีเวรทำงานตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงตอนเย็น  ซึ่งวันนี้พี่กัสไม่มีเวรต้องมาทำงานแต่วันนี้พี่คิวไม่มาทำงานเลยตั้งแต่เช้า  ทำให้พี่ฟ้าต้องโทรให้พี่กัสมาช่วยงานในช่วงหลังจากนี้ต่อไป
ตั้งแต่วันนั้นผ่านมาได้สองสามวันแล้ว  ผมรู้สึกดีกว่าเดิมนิดหน่อย  อาจจะไม่คิดมากอย่างเดิมเพราะรู้สึกเหมือนได้ปลดอะไรบางอย่างออกไปได้บ้าง  แต่ก็ไม่ถึงกับว่าสบายใจไปซะหมดกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา  ผมยังมีทั้งความสุขบวกความเศร้าหลงเหลือเป็นความทรงจำ  แน่นอน..ไม่มีใครปลดได้ทุกสิ่งในเวลาเพียงแค่แป๊บเดียวหรอก
“พี่ไปเสิร์ฟให้แล้วกัน เค้กเอานี่เข้าไปให้พี่เซ็นนะ” พี่กัสยิ้มและยื่นออเดอร์มาให้ผม
“ครับ” ผมรับมา
“ฮอท บลูเมาน์เท่น ช็อกโกแลต กับฮอท คาปูชิโน บลูเมาน์เท่นครับพี่เซ็น” ผมอ่าน
“ขอบคุณครับ” พี่เซ็นยิ้มกว้าง
“เดี๋ยวเค้กช่วยตามอาฟ้าให้พี่หน่อยนะ บอกให้เข้ามาหาในครัวหน่อยนะครับ”
“ได้ครับ” ผมพยักหน้าและเดินออกมาตามพี่ฟ้าให้พี่เซ็น  หลังจากนั้นผมทำงานต่อ  โดยส่วนมากจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟอาหารแทน  ซึ่งพี่ซีที่ว่างอยู่จะรับหน้าที่เข้าออกครัวให้  ทำให้เราทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นและงานราบรื่นดีจนปิดร้าน
“เค้ก..เสร็จรึยังครับ” พี่เซ็นโผล่หน้าเข้ามาในห้องพักพนักงาน  ตอนนี้พวกเราเลิกงานและปิดร้านเรียบร้อยแล้ว  พี่ฟ้ามีต้องออกไปทำธุระตั้งแต่ห้าโมงเย็น  พี่เซ็นจึงรับอาสาบอกพี่ฟ้าว่าจะไปส่งผมที่บ้านแทน
“เค้กกลับกับพี่หื่นนี่เหรอ” พี่กัสถามขึ้น
“ครับ” ผมพยักหน้า
“ระวังตัวด้วยนะ” พี่กัสเข้ามากอดแขนผมในทันทีด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“หึ..จะไปด้วยกันไหมล่ะ” พี่เซ็นยิ้มเจ้าเล่ห์  ยืนมองพี่กัสด้วยท่าทางกวนอยู่ที่ปากประตูห้อง
“ใครจะอยากไปกับคุณ” พี่กัสเบะปาก
“เนอะพี่หมีเนอะ” พี่กัสละจากแขนผมไปกอดแขนพี่หมีแทน  พี่หมีไม่ตอบ  เพียงแต่ยืนอมยิ้มอย่างเคย
“ไปนะพี่” พี่ซีบอก
“อืม..อย่าเถลไถลล่ะ” พี่เซ็นบอกน้องสาวตนเอง
“แหม กล้าพูด” พี่ซีสะบัดหน้าและเดินหนีออกจากห้องไป
“เชิญครับที่รัก” พี่เซ็นผายมือให้ผม
“ไปนะครับพี่กัส พี่หมี” ผมยกมือไหว้
“ดูแลตัวเองดีๆนะเค้ก” พี่กัสทำหน้าอาลัยอาวรณ์ไม่เลิกเหมือนต้องการกวนกลับให้พี่เซ็น
“ปากดีจริงๆนะ” พี่เซ็นกัดฟันพูด
“ดูแลเด็กมึงด้วยไอ้หมี..ไม่งั้น เดี๋ยวกูจะเอาไปสั่งสอนเอง” พี่เซ็นแสยะยิ้มและเดินตามผมออกมา 
“พี่เซ็นจะไปแหย่พี่กัสทำไมล่ะครับ” ผมว่าปราม
“หึ..” พี่เซ็นหัวเราะและอยู่ๆพี่เซ็นก็เอื้อมแขนเข้ามากอดเอวผมไป  ผมสะดุ้ง  จะสะบัดออกแต่พี่เซ็นกลับกอดผมแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“เอวเล็กกว่าที่คิดไว้แฮะ”
“พี่เซ็นฮะ” ผมขึ้นเสียงปรามพี่แก
“ค้าบ..ขอค่าน้ำมันรถไง แค่นี้เอง..ไม่สึกหรอหรอกน่า” พี่เซ็นอมยิ้ม  หัวเราะคิกคักอย่างสบายใจ
“ก็เพราะพี่เป็นอย่างนี้ไงครับ พี่กัสถึงว่าเอาเรื่อย” ผมบ่น
“เค้กนี่น่ารักจัง พี่มองไม่ผิดจริงๆน้า” พี่เซ็นเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆเลย
“เค้กไม่ใช่สำหรับพี่หรอกครับ” ผมย้อนและยิ้มให้
“งั้นสำหรับใคร..” พี่เซ็นเลิกคิ้ว
“ไอ้คิว” พี่เซ็นพูด  ผมชะงัก
“หึ โทษที..ขึ้นรถเถอะครับ” พี่เซ็นบอกและเดินไปเปิดประตูรถให้ผมด้วย  ระหว่างทางเราค่อนข้างจะเงียบ  หรือเพราะผมเงียบมั้งครับ  พี่เซ็นจึงไม่ค่อยได้ชวนคุยเท่าไหร่
“คิดอะไรอยู่ครับ” ผมสะดุ้ง  หันกลับไปมองพี่เซ็น
“เปล่าครับ” ผมยิ้มแหย
“สายตา สื่อคำพูดนะ..ว่าไหม” พี่เซ็นอมยิ้มอย่างรู้ทัน
“อะนะ” ผมหัวเราะเบาๆ 
“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ไปทานข้าวเย็นกับพี่ก่อน”
“ครับ..พี่เซ็นไปทานกับเพื่อนเถอะครับ ไปกับเค้ก..ไม่สนุกหรอก” ผมบอก  พี่เซ็นเพียงแต่ยิ้มและนำมือมาลูบหัวผมเบาๆ  ผมก้มหน้าลงไปตามแรงมือใหญ่ๆนี่
“เป็นไอ้คิวนี่ก็ดีจังน้า” พี่เซ็นถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ
“มีแต่คนคิดถึงเรื่องมันกันให้วุ่นหัวใจไปหมด น่าอิจฉาแฮะ แต่พี่ไม่เคยเข้าใจ..ผู้ชายอย่างไอ้คิว มีดีตรงไหนกัน รุมรักมันกันอยู่ได้” พี่เซ็นพูดบ่นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ  ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจแต่ผมกลับรู้สึกเขินจนไม่กล้ามองหน้าพี่เซ็น  ผมเดาว่าพี่เซ็นคงรู้เรื่องทุกอย่างและพี่เซ็นก็คงอ่านผมออกนานแล้วเช่นกัน
“ไม่ปฏิเสธซะด้วย จริงเหรอครับเนี้ย” พี่เซ็นอุทาน  อยู่ๆพี่เซ็นกลับหักรถเข้าข้างทาง
“หยุดรถทำไมล่ะครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“ขอพี่ฟังชัดๆหน่อยได้ไหมครับ ว่าเค้ก..ชอบไอ้คิวมันจริงๆน่ะ” พี่เซ็นหันมาจ้องผมเขม็งด้วยสีหน้าจริงจังกว่าทุกที  ใจผมเต้นแรงและเริ่มทำตัวไม่ถูก
“คิวมันไม่ได้บอกพี่เรื่องนี้หรอกนะ มันไม่บอกใคร..และไม่มีใครกล้าที่จะถาม แต่พี่แค่อยากจะมั่นใจในสายตาของตัวเอง ก็เท่านั้น” ผมเงียบ
“ฮะ” ผมพยักหน้าตอบเท่านั้น  เป็นคำตอบเดียวที่แสดงให้พี่เซ็นทราบไปเลยว่า..ผมยอมรับทั้งหมด  พี่เซ็นเงียบและหันหน้ากลับไปนั่งตัวตรงอย่างเดิม
“จริงสินะ” พี่เซ็นพูดพึมพำ  น้ำเสียงไม่ได้แปลกใจเหมือนอย่างตอนแรก  เราเงียบไปครู่หนึ่ง
“จะเป็นอย่างนี้ก็คงไม่แปลก ใช่แล้ว..” ผมได้แต่นั่งฟัง  น้ำเสียงของพี่เซ็นปราศจากการล้อเล่นอย่างสิ้นเชิง
“แต่รู้อะไรไหมครับ..” พี่เซ็นพูดขึ้น  ผมเงยหน้าขึ้นมอง  พี่เซ็นไม่ได้หันมามองหน้าผมแต่อย่างใด  สถานการณ์ในตอนนี้ผมลุ้นไปหมดเพราะแต่ละคำพูดมันค่อนข้างสำคัญสำหรับผม..
“ถ้าให้ดี..อย่าคิดแทนไอ้คิว” พี่เซ็นหันหน้ากลับมายิ้มให้
“ถ้าเค้กจะต้องมานั่งทำหน้าเศร้า และต้องคอยฝืนยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้..หยุดคิดถึงมันเถอะครับ”
“พี่เซ็น คือเค้ก..ไม่เข้าใจครับ” ผมพูดอย่างตะกุกตะกัก
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไงดี แต่..ถ้าเรื่องไหน ที่คิวมันตัดสินใจทำ นั่นหมายถึงมันคิดดีแล้วนะครับ”
“คิวเป็นคนปากหนัก มันไม่พูด มันไม่จำเป็นต้องปรึกษาใคร..เพราะมันตามทันความรู้สึกของตัวเอง แต่ถ้ามันจะต้องทำอะไรที่ขัดแย้งในตัวเอง เหตุผลนั้นก็คงยากสำหรับมันมาก”
“ในตอนนี้ มันคงได้ข้อที่ยากอยู่..พี่คิดว่าอย่างนั้น” พี่เซ็นอมยิ้มให้
“ไอ้คิวน่ะ มันรู้ตัวทุกการกระทำของตัวเอง..หึ เป็นฝ่ายรุกเกมตลอด น่าอิจฉาดีใช่ไหมล่ะคนอย่างมันน่ะ” พี่เซ็นพูดแกมขำ  แต่เป็นคำพูดที่ผมฟังแล้วรู้สึกจุกอกไปหมด  ผมอยากถามออกไปว่า “พี่คิวไม่ได้อยากแต่งงานเหรอฮะ” แต่ผมไม่กล้าพอ  ผมไม่กล้าพอที่จะสามารถหลงตัวเองได้
“ไม่ว่ายังไง พี่คิดว่าเค้ก..คงจะกลายเป็นคนสำคัญในชีวิตมันคนหนึ่งไปแล้วแน่ๆ ไม่ว่าเค้กจะอยู่ในฐานะไหนก็ตาม ได้โปรด อย่าทำหน้าแบบนี้เลยนะครับ..มันเองก็คงจะไม่สบายใจ” พี่เซ็นก้มลงหอมหน้าผากผมเบาๆ  น้ำตาที่คลออยู่นั้นหยดลงที่ฝ่ามือในทันที  เมื่อรู้สึกตัวอีกทีพี่เซ็นก็ขับรถออกมาแล้ว  หลังจากนั้นผมไม่ได้พูดอะไรอีกเลย  พี่เซ็นด้วยเช่นกัน  เราเงียบมาตลอดทางจนถึงบ้าน..



= = = = = = = =


วันเสาร์  ณ  ร้านคิวปิด เบเกอรี่เฮ้าส์..
“เห็นว่าพี่คิวบอกยกเลิกงานแต่งน่ะ!” ผมตกใจ  หยุดนิ่งทุกการกระทำเมื่อได้ยินเสียงพี่ซีพูดอย่างนั้น  ตอนนี้ผมอยู่ในห้องแต่งตัวของพนักงาน..แต่พี่ซีคงจะไม่ทราบ
“ชู่~” เสียงหนึ่งปราม
“เมื่อวานน่ะเหรอครับ” พี่กัสถามเสียงหลงทีเดียว
“ใช่..ถอนหมั้น และยกเลิกงานแต่งกะทันหันเลยล่ะ” พี่ซีเล่าเสียงดัง  ผมยืนนิ่ง  หัวใจเต้นแรงและกำลังรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตขึ้นมา  ผมนี่มันแย่ชะมัดที่กลับดีใจที่คนอื่นเขาเลิกกัน
“จริงเหรอฮะเนี้ย!” พี่กัสร้อง
“อื้อ..พี่ก็ไม่รู้ยังไงนะ ขนาดพี่เซ็นก็เพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกัน”
“เมื่อวานตอนดึกพี่แอบได้ยินพี่เซ็นคุยโทรศัพท์ ก็เมื่อวานใช่ป่ะพี่คิวกับพี่ฝันต้องไปลองชุดแต่งงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว..แต่ไม่รู้ว่ายังไง ทุกคนมารู้ข่าวอีกทีก็ตอนกลางคืนว่าพี่คิวขอถอนหมั้นแล้วยกเลิกงานแต่งงานอ่ะ น่าจะบอกเลิกที่ร้านลองชุดด้วยนะ” พี่ซีเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าลงเรื่อยๆ
“แรงอ่ะ..น่าสงสารพี่ฝันจัง” พี่กัสพูด
“ก็วันนี้พี่คิวไม่มาทำงานใช่ป่ะล่ะ ก็เล่นหายตัวไปตั้งแต่ที่ร้านลองชุดแต่งงานนั่นแหละ..หายไปเลย ยังไม่กลับบ้านเลยเหอะ โหย..บ้านใหญ่เกือบแตกแน่ะ วงการสะเทือน!” พี่ซีเล่า
“เพราะอะไรถึงยกเลิกอ่ะครับ” พี่กัสถาม
“แหม จะรู้ไหมล่ะ..รู้ได้แค่นี้ก็ดีนักหนาละ ขนาดเมื่อเช้าตื่นมานะ..พี่เซ็น คุณพ่อกับคุณแม่พี่อ่ะ นั่งทานอาหารเช้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ะ พี่จะเอ่ยปากถามขึ้นกลางโต๊ะอาหารรึก็ใช่เรื่อง” พี่ซีพูดแกมบ่น
“แล้วไม่มีใครรู้เลยเหรอครับว่าหายไปไหนอ่ะ” พี่กัสถาม  ผมยืนฟังอย่างตั้งใจเพราะอยากรู้ทั้งหมด
“ไม่อ่ะ ก็น่าจะมีแต่พี่เซ็นกับอาฟ้านะ..คุยกันเรียบร้อยแล้ว แต่พี่คิวไม่ได้บอกว่าอยู่ไหน แต่พวกพี่เค้าก็คงเข้าใจกันแหละ พี่คิวก็เป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว..ถ้าพี่เค้าอยากกลับมาเมื่อไหร่ ก็คงจะกลับมาเองอย่างทุกทีอ่ะ” พี่ซีบอก
“พี่คิวนี่ แปลกคนจังเลยนะครับ” พี่กัสบ่น
“เข้าใจยากจริงๆ” พี่ซีเสริมอีก
“เข้าถึงยากอีกด้วย ให้มาเป็นแฟนกัส..กัสไม่เอาด้วยคนหรอกฮะ ไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดอะไรอยู่”
“แหม อย่างกัสนี่ไม่พี่หมีก็พี่ชายพี่สินะ” พี่ซีแซว
“เปล่าสักหน่อยฮะ” พี่กัสร้องเสียงหลง  กลายเป็นว่าตอนนี้ผมไม่สามารถออกจากห้องนี้ไปได้ ถ้าผมออกไปตอนนี้ทั้งผมและคนข้างนอกคงจะทำตัวไม่ถูกเป็นแน่
“แต่จากที่เห็น ก็มีคนเอาอยู่คนนึงล่ะนะ..หึ” พี่ซีพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“เค้กอะนะ” พี่กัสพูดขึ้น
“อ่ะแฮ่ม” ผมสะดุ้ง  ผมคิดว่าเสียงกระแอมน่าจะเป็นเสียงของพี่รุจที่อยู่ด้านนอกด้วย  มีเพียงพี่รุจคนเดียวที่ทราบว่าผมอยู่ในห้องแต่งตัวนี้
“......................” ด้านนอกเงียบไปสนิท  ผมยืนนิ่งกำลังคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อดี  แต่ข้างนอกเงียบไปนานเกือบสิบนาที  ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเปิดประตูห้องออกไป
“เหอะๆๆ” ทั้งพี่ซีและพี่กัสหัวเราะแหยๆให้ผม  ผมยิ้มตอบให้
“ได้ยินหมดแล้วสินะ” พี่ซีพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“ฮะ” ผมพยักหน้าตอบ
“ผมส่งสัญญาณแล้วนะ” พี่รุจบอก
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่าว่าเค้กอยู่ข้างในน่ะ หมดกัน..หน้าแตกเลยฉัน” พี่ซีว่าพี่รุจหน้างอ
“ก็พี่เล่นไม่ฟังเลยนี่ครับ ผมชู่ปากให้แล้วนะ” พี่รุจย้อน
“เค้กอ่า..พี่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาชื่อเค้กมาร่วมวงสนทนานะ แล้วก็..ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องพี่คิวด้วย” พี่กัสรีบเดินเข้ามาคลอเคลียผมในทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เค้กก็ไม่ได้คิดอะไร”
“จริงนะ จริงน้า..” พี่กัสซุกไซร้ผมไม่เลิก
“จริงสิครับ” ผมหัวเราะ
“ใจดีจัง งี้แหละถึงเข้ากับพี่คิวได้อ่ะเนอะ!” พี่กัสยิ้มกว้าง  ผมหุบยิ้มลง
“แฮ่..เค้าขอโทษ” พี่กัสหุบยิ้มและเข้ามากอดผมอย่างแรงอย่างกลัวว่าผมจะโกรธ
“ทำงานกันดีกว่านะครับ สวัสดีครับพี่รุจ” ผมยกมือไหว้พี่รุจที่กำลังจะออกเวรเพื่อส่งต่อให้กับพี่ซีได้ทำหน้าที่แทน
“อืม..เจอกัน” พี่รุจพยักหน้ายิ้มๆ  ผมเดินออกมาโดยมีพี่กัสกอดแขนมาด้วยตลอดทางพร้อมกับพร่ำพูดตลอดว่า “ไม่โกรธเค้าน้า”  สุดท้ายแล้วก็น่ารักจนโกรธไม่ลงจริงๆนั่นแหละครับ



= = = = = = = =


“เดี๋ยวเค้กรดน้ำต้นไม้เองครับ พี่หมีเข้าไปดูแลข้างในเถอะ” ผมตะโกนบอกพี่หมีที่กำลังวุ่นอยู่
“โอเค ฝากด้วยนะ” พี่หมีบอกและเดินเข้าร้านไป  ตอนนี้ใกล้เวลาปิดร้านเต็มที  ลูกค้าในร้านไม่มีแล้ว  ผมต้องรดน้ำต้นไม้ก่อน  มันเป็นหน้าที่ของผม  ส่วนคนอื่นๆกำลังจัดการหน้าที่ของตนเองไป
“หึ..ฉันนี่บังเอิญเจอนายบ่อยจริงนะ” ผมสะดุ้ง  หันกลับไปมอง  พี่ฝันยืนอยู่ตรงหน้า  เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบผมไม่ทันได้สังเกต
“อ่..ส สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้และรีบเดินไปปิดก๊อกน้ำ
“พี่ฟ้าอยู่ข้างในร้านน่ะครับ” ผมบอก
“ไม่ล่ะ” อีกฝันพูดส่งๆ
“คิว..ยังไม่มาเลยสินะ” เธอพูด  เป็นคำพูดเชิงคาดเดาหรือสอบถามรึก็ไม่ทราบ
“ครับ” ผมพยักหน้าตอบ
“งั้นสิ หึ..ไอ้เฮงซวยนั่นน่ะ บ้าดีชะมัด” พี่ฝันหัวเราะ  ผมได้แต่มองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ
“บางที คิวก็มีมุมเฮงซวย..นายว่าอย่างนั้นไหมล่ะ” พี่ฝันแสยะยิ้มด้วยสีหน้ากวนๆ
“คงงั้น เอ่อ..มั้งครับ” ผมยิ้มแหยเพราะไม่เข้าใจอารมณ์ของพี่ฝัน  และคำว่า “เฮงซวย” ที่หลุดออกมาจากปากของเธอ  ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับใบหน้าสวยๆของเธอเสียเท่าไหร่นัก
“.......................” เราเงียบลง  ผมมองไปที่มือของพี่ฝัน  อยู่ๆพี่เขาก็ยื่นกล่องกล่องหนึ่งมาให้ตรงหน้าผม 
“อะ อะไรเหรอครับ” ผมถามอย่างตะกุกตะกักและพยายามไม่คิดไปเอง
“ช่วยรับไว้หน่อย นำมันไปคืนเจ้าของให้ที” พี่ฝันพูด  ผมได้แต่เพียงมองและยังไม่ได้รับมันมา 
“รับไปสิ” เธอขึ้นเสียงนิดหน่อย
“ค..ครับ” ผมพยักหน้าและรับกล่องมาถือไว้  ผมจ้องกล่องแหวนกำมะหยี่สีเทาดูมีราคาที่อยู่ในมือของตัวเอง
“จะกลับมาวันไหน ก็คืนให้วันนั้น..” พี่ฝันยิ้มแต่หน้าเธอกลับเศร้า
“แต่ไม่เป็นไร ถ้าจะไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร หรือถ้าคืนแล้วไม่รับ..ก็ไม่เป็นไรอีกนั่นแหละ” เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“ฉัน ไม่ต้องรีบ อีกต่อไปแล้ว” พี่ฝันก้มหน้าลง  ผมได้แต่เงียบ  จะพูดออกไปว่า “เสียใจด้วยนะครับ” หรือ “จะคืนให้ถึงมือเลยครับ” หรืออะไรก็แล้วแต่  มันฟังดูไม่เหมาะไม่ควรไปซะหมด
“ฉันคงไม่อยู่ไทยสักพัก ถ้าคิวอยากรู้..ก็ฝากบอกคิวด้วยแล้วกัน”
“ขอบคุณ” พี่ฝันพูดและเดินไป  ผมยืนมองผู้หญิงสวยสง่าและดูสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้าคนนี้  ผมเชื่อว่าเธอคงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ผู้ชายหลายๆคนหมายปองเป็นแน่แท้  ผมก้มลงมองดูของในมือของตัวเองอีกครั้ง 
~หึ..ไอ้เชฟบ้านั่น~
“เธอน่ะ” ผมชะงัก  เงยหน้าขึ้นมองตามเสียง  อยู่ๆพี่ฝันก็หยุดเดิน  เธอหันหน้ากลับมา
“เธอน่ะ ก็รักคิวมากเหมือนกันสินะ” พี่ฝันพูด  หน้าของเธอนิ่ง  มีเพียงรอยยิ้มเศร้าน้อยๆปรากฏให้ผมเห็น
“......................” เรายืนมองหน้ากัน  ผมไม่รู้ว่าพี่ฝันกำลังคิดอะไรแต่ผมกำลังอึ้ง  ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกไปจากผม
“แย่หน่อยนะ ไปรักคนแบบนั้นเข้าน่ะ” พี่ฝันพูดปนหัวเราะ
“ถึงตาของนายแล้วล่ะ”
“ขอให้โชคดีก็แล้วกัน” พี่ฝันเบะปากก่อนจะเดินจากไป  ผมยืนอยู่ที่เดิมอยู่นานก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน  ชั่วครู่เมื่อกี้ผมคิดดีแล้วว่าผมไม่เอาไปคืนให้พี่คิวด้วยตนเองคงจะดีกว่า  เพราะมันดูจะขัดกันไปเสียทุกอย่าง  ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่พร้อมที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่คิวด้วยนะครับ


ก๊อก  ๆ  ๆ


“เชิญครับ” พี่ฟ้าบอก  ผมเปิดประตูเดินเข้าไป
“ว่าไงครับ เก็บของเสร็จแล้วเหรอ” พี่ฟ้ายิ้ม  วางโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงบนโต๊ะ
“เปล่าครับ คือ..” ผมพูดเสียงเบา  เดินเข้าไปใกล้และนำกล่องแหวนวางลงบนโต๊ะทำงานของพี่ฟ้า
“พี่ฝัน..เค้านำมาฝากคืนให้พี่คิวเมื่อกี้น่ะครับ ของสำคัญ เค้กเลยอยากเอามาให้ก่อน” ผมบอก  พี่ฟ้าจ้องมองไปที่กล่องนั่น
“นั่นสินะ..สำคัญจะตาย” พี่ฟ้ายิ้มกว้างพร้อมกับหยิบกล่องแหวนนั่นขึ้นมาและเปิดออก  ผมมองตาม
“วงนี้น่ะ..ซื้อบ้านดีๆได้หลังนึงเลยนะ เอาไปขายแล้วเราบินไปเที่ยวรอบโลกกันไหมเค้ก” พี่ฟ้าเบิกตาโพรงพร้อมกับยังทำท่าทีเล่นทีจริงไม่เลิก
“พี่ฟ้าครับ” ผมยิ้มอย่างอ่อนใจกับนิสัยของพี่เขา
“อืม ไปกันสองคน โอเคอยู่นะ..ไม่เหงาด้วย ราคาวงนี้น่าจะพอเที่ยวทั่วยุโรป อยู่แบบหรูได้สักสองสามเดือนเลยล่ะ” พี่ฟ้าพูดอย่างออกรสเหมือนไม่ได้ฟังที่ผมปรามเอาซะเลย
“งั้นก็คงต้องให้เจ้าของเอาไปขายก่อนแล้วล่ะครับ” ผมแซวกลับบ้าง
“ไอ้หยา นั่นสินะ” พี่ฟ้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  ผมยิ้มให้กับท่าทางของพี่แก
“อ่านะ..ยิ้มแล้วน่ารักกว่าเยอะเลยรู้ไหมครับ” พี่ฟ้าเข้ามาลูบหัวผมและปิดฝากล่องลง
“ฝันให้เค้กเอาไปคืนเองไม่ใช่เหรอครับ เอาไปคืนเองเถอะครับ” พี่ฟ้ายื่นกล่องกลับมาให้ผม
“ไม่ดีกว่าครับ เค้กไม่สะดวก” ผมตอบปัด
“คนฝากฝากของไปให้ใคร เราก็ควรเอาไปให้กับเจ้าตัวนะครับ..ไม่ควรฝากต่ออีกที มันเสียมารยาทน่ะ” พี่ฟ้าว่า
“อ่ะ” ผมก้มหน้าลงเพราะเถียงไม่ออกและไม่รู้ว่าที่พี่ฟ้าพูดนั้น  พูดจริงหรือพูดเล่นกัน
“หึ..เถอะครับ” พี่ฟ้าจับมือผมไปและวางกล่องไว้บนมือของผม  ผมจึงต้องกำมันกลับมาอย่างช่วยไม่ได้
“แต่เค้กจะมาทำงานอีกทีก็วันจันทร์นะครับ ถ้าเผื่อพรุ่งนี้พี่คิวมาทำงานล่ะฮะ” ผมบอก  คิดอีกมุมผมก็กลัวว่าพี่เขาจะหาว่าผมอยากเก็บแหวนนี่ไว้  เอาไปขายหรือหลายหลายเหตุผล  แหวนราคาแพงนี่ไม่เหมาะที่จะอยู่กับผมนานเกินไป
“พี่ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะกลับมาวันไหนน่ะ” พี่ฟ้าพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“เค้กมาทำงานวันไหน ก็เอามาวันนั้นแหละครับ..เราไม่ผิดนิ ถ้าเราจะเก็บไว้กับตัวนานๆ ก็เจ้าตัวมันไม่มาให้เราคืนเอง”
“ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วพี่คิว เค้า..”
“ตายไปแล้วมั้งครับ หึหึ” พี่ฟ้าพูดแกมหัวเราะ
“โอเค..ไปจัดการเก็บของเถอะครับ เราจะได้กลับบ้านกัน” พี่ฟ้าลูบหัวผมเบาๆ
“ฮะ” ผมตอบและเดินออกมาจากห้องพร้อมกล่องแหวนที่ต้องรักษาเยี่ยงชีวิตไปอย่างไม่รู้อนาคตว่าจะได้คืนให้เจ้าของเมื่อไหร่ 
“กี่แสนก็ไม่รู้เนอะ เฮ้อ”
“รึเป็นล้าน..” ผมบ่นกับตัวเองและก็ต้องเบิกตาโตด้วยความสงสัย  มือของผมเริ่มมีอาการสั่นนิดๆ  ถ้าเกิดผมทำหายขึ้นมา  เราจะมีปัญญาซื้อใช้คืนไหมเนี้ย “เที่ยวได้ทั่วยุโรป” “ซื้อบ้านดีๆได้สักหลัง” บ้านดีๆสักหลัง  บ้านดีๆสักหลัง  บ้านเราก็ดีนะ  ถึงจะไม่ใหญ่โตอะไรและถึงจะเทียบไม่ได้เลยกับบ้านราคาเป็นร้อยล้านอย่างบ้านของพี่ฟ้า o_O ง..งั้น  บ้านเรากับแหวนวงนี้  ส..สามล้านกว่า  ไม่นะ..ไอ้แหวนบ้า!!




= = = = = = = =
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2016 15:40:11 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6102 เมื่อ08-05-2012 08:20:31 »

ผมเก็บรักษาแหวนวงนี้ไว้อย่างดี  นำมันติดตัวไปทุกที่  แม้กระทั่งไปเรียนผมก็นำมันพกติดตัวไปด้วย  ผมไม่กล้าเก็บไว้ที่บ้าน  คิดไปต่างๆนาๆว่าถ้าโจรขึ้นบ้านบ้างล่ะนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด  เวลาที่ผมอยู่บ้านผมจะนำมันเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย  ได้สติอีกทีจึงรู้ตัวว่า “บ้าป่ะเนี้ย” แต่ผมไม่สบายใจจริงๆถ้าจะต้องเก็บไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย  ถ้าเกิดมันเป็นอะไรไป  ผมจะทำยังไงล่ะครับ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา  ผมไปทำงานปกติและนำแหวนไปด้วย  แต่พี่คิวไม่ได้มาทำงานอย่างที่ผมคาดเดาเอาไว้  เวลาตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์จึงช่างดูยาวนานสำหรับผม  เพราะผมแทบไม่เป็นตาทำอะไร  ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังอยู่กับแหวนวงนี้  ถ้าผมบอกเรื่องนี้กับแม่  แม่จะต้องซักถามต่างๆนาๆแน่ว่าทำไมหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น  ผมจึงปิดเรื่องนี้ไม่บอกใครเลยแม้สักคนเดียว 

~ตอนนี้..พี่คิวจะเป็นยังไงบ้างนะ~

วันศุกร์  ณ  ร้านคิวปิด เบเกอรี่เฮ้าส์..
“เอ่อ พี่ออฟครับ”
“หื้ม” พี่ออฟหันหน้ามา
“วันนี้พี่คิวมาทำงานรึเปล่าครับ” ผมถาม
“มานะ..มาตั้งแต่เช้าเลย” พี่ออฟตอบ
“มานานแล้วเหรอครับ วันอังคารก็มาเหรอ” ผมถามด้วยความอยากรู้  หัวใจของผมพองโตด้วยความตื่นเต้นและดีใจ  ความรู้สึกบ้าบอแบบนี้เริ่มกลับมาทำให้ผมว้าวุ่นใจอีกครั้ง
“มาตั้งแต่วันพุธเช้าน่ะ”
“งั้นเหรอครับ” ผมพยักหน้า
“แต่งตัวเสร็จก็ไปทำงานได้แล้ว” พี่ออฟยิ้มและเดินออกจากห้องไป  ผมหยิบกล่องแหวนออกมา  เพ่งไปที่มันและคิดถึงเรื่องของเย็นนี้  ผมตัดสินใจว่าจะเอาไว้คืนหลังเลิกงานน่าจะเหมาะที่สุด  ถ้าผมนำมันเข้าไปคืนในครัวตอนนี้คงจะไม่ควร  อีกอย่างถ้าให้แหวนไปตอนนี้  ตอนเย็นผมคงทำหน้าไม่ถูกแน่ถ้าจะต้องบอกทั้งพี่ฟ้าและพี่คิวว่าจะขอเดินทางกลับบ้านเอง  เฮ้อ..อึดอัดจัง (~v~)
“โอเค..ครบนะครับ พี่มีข่าวดีจะมาบอก คุยเสร็จ..ก็แยกย้ายกันกลับบ้านได้เลยนะ” พี่ฟ้ายิ้ม  ตอนนี้เลิกงานแล้ว  พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่ห้องพักของพนักงาน  ทุกคนนั่งอยู่ประจำที่เก้าอี้ของตนเอง  พี่คิวนั่งอยู่หัวโต๊ะใกล้กับพี่ฟ้า  ตอนนี้ผมได้เห็นพี่คิวอย่างเต็มตาอีกครั้งจากที่ไม่ได้พบกันมานาน  แต่ผมไม่กล้าหันไปจ้องพี่เขามากนัก  จึงได้แต่โฟกัสไปที่พี่ฟ้าคนเดียว
“อาทิตย์หน้า ร้านเราจะปิดสี่วัน..” พี่ฟ้ายิ้มบอก
“เย้~” เสียงของพี่กัสและพี่ซีร้องอย่างดีใจ  ที่จริงวันนี้พี่กัสไม่มีเวรทำงาน  แต่กลับมาขลุกอยู่ที่ร้านตั้งแต่บ่ายได้แล้วเพราะเห็นบอกว่าไม่มีอะไรทำ
“เหมือนทุกๆปี หยุดไปเที่ยว” พี่ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เย้~~” พี่ซีและพี่กัสส่งเสียงอย่างดีใจไม่เลิก  ผมได้เพียงแต่นั่งยิ้ม  ผมกลับไม่รู้สึกว่าตื่นเต้นด้วยเลยสักนิดเดียว
“เหมือนเดิมอีกว่า” พี่ฟ้าพูดขึ้น
“พี่ฟ้าจ่ายค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด!” พี่ซีกับพี่กัสประสานเสียงพร้อมกัน  ทำให้คนทั้งห้องหัวเราะ  รวมถึงพี่คิวก็ยิ้มออกมาด้วย  “ยิ้ม”..ได้แล้วสินะ
“เราจะหยุดตั้งแต่วันพฤหัสหน้า ออกเดินทางวันพฤหัส..ปีนี้เราจะไปหัวหินกัน กลับวันอาทิตย์ รวมตัวกันที่ร้านตั้งแต่หกโมงเช้า ออกเดินทางเจ็ดโมงครึ่ง..นี่ครับ จดหมายจากทางร้าน เอาไปให้ผู้ปกครองที่เคารพรักดูกันด้วยล่ะ” พี่ฟ้าแจกกระดาษให้
ผมรับมาอย่างเงียบๆ  บอกปัดไม่ได้ว่าผม “อยากไป” แต่ผมก็ไม่ได้อยากไปหมดหัวใจซะทีเดียว  อีกครึ่งหนึ่งผมรู้สึกไม่อยากไปเช่นเดียวกัน  ผมแค่รู้สึกว่าผมทำตัวไม่ถูก
“แล้วพี่รุจล่ะฮะ ไปด้วยไหม” พี่กัสถามถึงคนที่ไม่ได้นั่งประชุมอยู่ในตอนนี้ด้วยกัน
“ไปจ้า..พี่คุยกับรุจแล้ว” พี่ฟ้าตอบ  ทำให้ผมยิ่งไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธขึ้นกลางวงไปกันใหญ่
“โอเค..รับทราบกันทุกคนนะ กลับบ้านได้ครับ ขอบคุณมากเลย” พี่ฟ้ายิ้ม
“ขอบคุณค้าบ” ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน   ผมลุกขึ้นเดินเข้าห้องเพื่อไปหยิบเป้ของตัวเองที่เก็บของเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว  พอเดินออกมาพบว่าพี่ฟ้ากับพี่คิวออกจากห้องนี้ไปแล้ว  ก็ดีเหมือนกัน..ผมคงไม่กล้าคืนแหวนให้โต้งๆในห้องนี้หรอก


ก๊อก  ๆ  ๆ


“ครับ” พี่ฟ้าตอบ
“เฮ้อ..” ผมถอนหายใจก่อน  พยายามทำตัวเองให้เป็นปกติก่อนที่จะเปิดประตูห้องและเดินเข้าไป
“.......................” ทั้งพี่ฟ้าและพี่คิวเงียบเมื่อเห็นว่าเป็นผม  พี่คิวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของพี่ฟ้าหันมามอง  เหมือนทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ก่อนหน้า  พอผมเข้ามาจึงหยุดการสนทนาลงในทันที
“ขอโทษครับ เอ่อ..เค้ก” มือซ้ายของผมกำเข้าหากันแน่น  เมื่อรู้สึกว่าตัวเองใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  มือของผมสั่นจนผมรู้สึกได้  ผมพยายามเรียกสติของตัวเองให้กลับมา  ก่อนที่จะรีบวางแหวนลงบนโต๊ะของพี่ฟ้า  ผมวางมันในมุมที่ใกล้ตัวพี่คิวมากที่สุด  ผมไม่กล้าให้เองกับมือ  ความรู้สึกกดดันที่มีมันทำให้มือของผมสั่นไปหมด  คำที่เขาว่ากันว่า “ความรักนั้นต้องใช้เวลา” บางทีนั่นคงเป็นเรื่องจริง  แม้ขนาดผมจะควบคุมตัวเองให้หยุดรักเสียที  ก็ยังไม่สามารถสั่งหยุดได้ในทันทีอย่างปากว่า
“พี่ฝัน ฝากให้เค้กเอามาคืนน่ะครับ..มาคืนให้ ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วครับ” ผมพูดและไม่ได้สบตาใครทั้งนั้น  ทั้งพี่ฟ้าและพี่คิวเงียบ  พี่คิวยืนมองกล่องแหวนนั่นและไม่ได้เอื้อมมาหยิบไป  พี่คิวเพียงยืนมองและนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ แล้วก็..พี่ฟ้าครับ” ผมเรียก
“ครับ” พี่ฟ้ายิ้มให้  ละสายตาจากที่มองหลานตัวเองมามองหน้าผมแทน
“เค้ก คงไปเที่ยวด้วยไม่ได้..ขอโทษด้วยนะครับ” ผมผงกหัวให้ 
“อ่ะ อ่าว..ทำไมงั้นล่ะ เรื่องคุณแม่เหรอครับ เดี๋ยวพี่โทรไปขอท่านให้ก็ได้นะครับ” พี่ฟ้าหุบยิ้มลง
“เค้กไม่สะดวกน่ะครับ..มีเรียนด้วย” ผมหลบสายตาที่ดูผิดหวังมากของพี่ฟ้า
“เค้ก ขอตัวก่อนนะครับ” ผมผงกหัวให้อีกเล็กน้อย
“แล้ว..ไม่กลับด้วยกันเหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่ฟ้ารีบพูด
“ไม่เป็นไรครับ..เค้ก ต้องไปบ้านเพื่อนต่อน่ะครับ..ไปนะครับ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้และรีบเดินออกมาเลย  ถ้าผมยังยืนอยู่พี่ฟ้าจะต้องรั้งผมไว้เป็นแน่  อีกอย่าง..ที่ต้องโกหกไปว่าต้องไปบ้านเพื่อนต่อแบบนั้นมัน  น่าอายชะมัด  สมเพชตัวเองจริง..
“ไปนะครับ” ผมยกมือไหว้ทุกคนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน
“อ่าว..กลับเองเหรอ” พี่หมีทัก
“ฮะ บายฮะ” ผมบอกและรีบวิ่งออกมาไม่ทันให้พวกพี่ได้ท้วงถามอะไร
“เฮ้อ..บ้าเอ๊ย” ผมสบถกับตัวเอง  เหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว  เหมือนเราเป็นบ้าเป็นบอ  ห่วงนู่นห่วงนี่อยู่เพียงคนเดียว..
ระหว่างทาง  ผมรีบเร่งเท้าจนตัวเองแทบจะวิ่งเพื่อให้ไปถึงหน้าปากซอยให้เร็วที่สุด  ถ้าผมยังคงเดินอย่างเชื่องช้าอยู่  พวกพี่ๆที่กำลังจะกลับบ้านขับรถออกมาคงได้เจอผมแน่  ผมคงจะทำตัวไม่ถูก  มันหลายๆสาเหตุประดังประเดไปหมด  ถ้าผมพ้นจากหน้าปากซอยและข้ามถนนไปรอขึ้นรถเมล์อีกฝั่งได้แล้ว  วันนี้ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกวัน..


ตื๊ด  ๆ   ๆ  ๆ


สายเข้า __ = พี่คิวปิด -*- สุดโหด =
ผมเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง  สายโทรเข้าเป็นบุคคลที่ไม่ได้คุยกันมานานหลายอาทิตย์  ที่แทบไม่ได้สบตากันเลยด้วยซ้ำ  ผมชั่งใจไม่กดรับจนอีกฝ่ายตัดสายไปในที่สุด  ใจผมแป้วขึ้นมาในทันที  และกำลังคิดลบไปต่างๆนาๆว่าพี่เขาคงมีเรื่องสำคัญที่จะคุยมากกว่าที่จะอยากคุยกับเราเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า  ผมกลัวที่จะรับสายจริงๆ..


ตื๊ด  ๆ   ๆ   ๆ


“ค..ครับ” ผมกดรับในที่สุด  ผมอยากได้ยินเสียง  ไม่ว่าอย่างไร..ผมก็อยากรับสาย
“นายตั้งใจไม่รับสายฉันรึไง” อีกฝ่ายพูดเสียงเข้ม  น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจผมเล็กน้อย
“ป เปล่าครับ..เค้ก เพิ่งเห็นน่ะ” ผมตอบตะกุกตะกัก  เสียงที่ไม่ได้ยินมานานทำให้ผมกลับมาใจเต้นแรงอีกครั้ง
“......................” อีกฝ่ายเงียบไป  ผมกดโทรศัพท์เพื่อให้ได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังมากขึ้นกว่านี้  เพราะมีเสียงรบกวนจากการรถรอบข้างเต็มไปหมด
“หยุดเดินเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายสั่งเสียงแข็ง  ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  ในใจกลับนึก “หยุดตั้งนานแล้วเหอะ”
“โกหกทำไม” พี่คิวพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนต่อว่า 
“อะไรครับ” ผมถามกลับไปอย่างนั้นทั้งทั้งที่จริงรู้ดีแก่ใจว่าพี่คิวหมายถึงเรื่องอะไร
“อยู่ไหนน่ะ” พี่คิวถาม
“กำลังจะขึ้นรถเมล์แล้วครับ” ผมตอบ
“โกหก” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากอีกฝ่าย  ใช่..ผมกำลังโกหกอีกแล้ว
“ก็เห็นๆอยู่ว่ายังอยู่บนสะพานลอย นายนี่วิ่งเร็วเหมือนกันนะ” อีกฝ่ายพูด  ผมตกใจ  รีบหันกลับไปมองรอบตัวของตัวเอง  บนสะพานลอยไม่พบใครนอกจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา  ผมมองลงไปข้างล่างก็พบว่าพี่คิวยืนอยู่ตรงฟุตปาธด้านฝั่งปากซอยของร้านเรา
“.......................” ต่างฝ่ายต่างเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง  เรายืนสบตากันอยู่อย่างนี้แม้แทบจะมองไม่เห็นหน้าของกันและกัน  เพราะรอบข้างเรานั้นมืดหมด  มีเพียงแสงไฟนีออนจากข้างถนนที่อยู่ห่างๆกับแสงไฟบนสะพานลอยเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง
“เหมือนฉันจะรู้ว่านายรักฉัน” พี่คิวพูดน้ำเสียงเรียบด้วยหน้าตาเฉย
“ก็..ก็แน่สิ ก็เค้กเป็นฝ่ายบอกพี่เองนี่” ผมกระแทกเสียง  พอนึกขึ้นได้กลับรู้สึกเขินขึ้นมาจนลืมตัวไปว่าก่อนหน้านี้ยังเสียใจอยู่เลย
“หึ นั่นสินะ” พี่คิวแสยะหัวเราะ  ผมหันข้างไม่หันไปมองพี่คิวที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม  พี่เขาไม่ยอมขยับไปไหน  ยังคงเงยหน้ามองมาที่ผมอยู่อย่างนี้
“มีอะไรรึเปล่าครับ เดี๋ยวรถเมล์หมด” ผมพูดเสียงเบา  ใจจริงไม่ได้อยากพูดแบบนี้ออกไปหรอก  แต่มันก็ต้องพูดอย่างอดไม่ได้  พี่คิวเงียบไปสักพัก
“ลงมาหาหน่อย” อีกฝ่ายพูด  น้ำเสียงอ่อนโยนจนเกือบทำผมหลุดไปอีกโลกหนึ่ง
“ไม่ฮะ” ผมตอบทันที  ผมว่ามันเป็นการตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจตัวเองเอาเสียเลย  เป็นการตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเหมือนจะทำตามอย่างนั้น
“จะเล่นตัวรึไง”
“ถ้าพี่มีอะไร พี่ก็ขึ้นมาเองสิ..เค้กไม่ลงหรอก ขึ้นๆลงๆ..เหนื่อย” ผมตอบไปอย่างเขินๆ  รู้สึกยับยั้งตัวเองไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น  ผมกำลังเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว
“..แหวนนั่นแพงนะ ฉันเห็นว่าเพชรมันมีตำหนิ” พี่คิวพูด
“ไม่จริง! เค้กดูแลอย่างดี” ผมเถียงทันที
“หึ..” พี่คิวแสยะหัวเราะอีกครั้ง  น้ำเสียงนั่นทำให้ผมทราบว่าผมกำลังโดนแกล้งอีกแล้ว
“........................” พี่คิวเงียบไปนาน  ทำให้ผมต้องหันกลับไปมองและก็ต้องหันกลับมาเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ไม่ได้หายไปไหน  ต่างฝ่ายต่างเงียบ  ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปแม้สักคำเดียว  และแน่นอนว่าผมไม่กล้ากดตัดสายด้วย 
“เหมือน..” อีกฝ่ายพูด  เสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบตัวทำให้ผมได้ยินไม่ถนัดนัก  ผมกดโทรศัพท์ให้แนบหูตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม  ถ้าผมนำโทรศัพท์เข้าไปในหูแล้วมันจะได้ยินเสียงชัดขึ้นผมก็คงจะทำไปแล้ว  เพราะผมอยากได้ยินทุกคำพูดจากพี่เขา  ไม่ว่าพี่คิวจะพูดอะไรก็ตาม  ไปทางลบหรือบวกก็ตาม  ผมพร้อมและยินดีจะรับฟังทั้งหมด
“เหมือนฉัน จะติดใจตักนายน่ะ..” ผมชะงัก  คำพูดที่ได้ยินผมอาจจะหูฝาดไปเอง  ใช่..คงจะเป็นอย่างนั้น  ผมคิดว่าผมคงกำลังหูฝาดไปแต่หัวใจของผมกลับเต้นแรง  เต้นแรงและถี่มากจนน่ากลัว
“ถ้าไม่หันหน้ามา ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกนะ..นายคิดจะหนีฉันไปอีกคนรึไง” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงว่าเสียงนั้นอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น  ผมหันหน้ากลับไปและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าพี่คิวยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง
“พี่ต่างหากที่หนีไป” ผมพยายามบังคับให้ปากตัวเองไม่สั่นระหว่างที่พูด
“ฉันไม่เคยหนี” พี่คิวย้อนตอบ
“ฉัน..ไม่เคยหนี อะไรทั้งนั้น” พี่เขาย้ำพูดอีกครั้งเหมือนต้องการบอกว่าตัวเองนั้นไม่ใช่ฝ่ายที่ผิด  เรายืนมองหน้ากันอยู่ครู่  คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเองคงสงสัย  นั่นก็คงไม่แปลก
“เปลืองค่าโทรศัพท์” อีกฝ่ายพูดหน้าตายอย่างเคยและกดตัดสายโทรศัพท์ไป  ผมนำโทรศัพท์ออกจากหู  และกำมันไว้ในมือแน่น
“นายยังรักฉันอยู่ใช่ไหม” พี่คิวพูดขึ้นโต้งๆด้วยสีหน้าจริงจังที่สามารถทำให้หัวใจของผมแทบล่องลอย
“ม..ไม่รู้ฮะ” ผมปัดไปด้วยรู้สึกอายและทำตัวไม่ถูก  ทั้งๆที่พี่คิวก็รู้อยู่แก่ใจแต่กลับถามเพียงเพื่อแกล้งผมอีกแล้วสินะครับ 
“ถ้าฉันบอกว่าฉัน..รักนายล่ะ นายจะว่ายังไง”
“นั่น นั่นก็ไม่รู้ฮะ” ผมตอบ  ปากผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้  น้ำตาที่คลออยู่ทำให้รู้ตัวว่าตัวเองอาการหนักมากเกินไปแล้ว  ผมเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว  ผมเพิ่งได้เรียนรู้ว่าอาการของคนที่ช็อกไปชั่วขณะนั้นเป็นอย่างไร  มันเหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นผ่านไปเพียบวูบหนึ่ง  วูบหนึ่งที่ไม่รู้สติของตนเอง
พี่คิวยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้า  รอยยิ้มที่แตกต่างจากทุกครั้ง  ไม่มีรอยยิ้มกวนๆอย่างที่ผมได้เคยเห็นบ่อยครั้งก่อนหน้านี้  รอยยิ้มในครั้งนี้ช่างดูอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความเศร้าที่ผมสัมผัสได้
“ถ้าพี่จะมาพูดล้อเล่น เค้ก..เค้กไม่ตลกด้วยนะ!” ผมพยายามขึ้นเสียงเพื่อต่อว่าอีกฝ่าย  แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น  น้ำเสียงที่พยายามกระแทกเพื่อต่อว่าแบบนั้นกลับทำให้น้ำตาที่คลออยู่หยดลงอาบแก้มของผมแทน
“รักก็พูดว่ารักสิ ไม่งั้นฉันจะถือว่าไม่นะ” พี่คิวว่า
“รัก..รักฮะ! ฮึก” ผมรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นว่าพี่คิวทำท่าจะเดินจากไป  คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหยุดชะงัก  ผมก้มหน้าและได้แต่เอามือปิดหน้าปิดตาตัวเอง  ทั้งเขิน  ทั้งอาย..อีกทั้งทำตัวไม่ถูกอีกต่างหาก  ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็นคนอย่างนี้กันนะ  ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมได้มากขนาดนี้กัน
“ถ้าเค้กรักพี่ แล้วพี่จะทำยังไงต่อ..เค้ก เค้กกลัวไปหมดแล้วนะ” ผมพูดพร่ำไม่หยุด
“หึ..” ผมได้ยินเพียงเสียงหัวเราะอย่างพอใจจากอีกฝ่าย  และรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่มีให้  พี่คิวเข้ามากอดผมก่อน  เขาเป็นฝ่ายเข้ามากอดผม  นี่เป็นอ้อมกอดแรกของเราทั้งสองคนที่ความปรารถนานั้นเอ่อล้นออกมา  น้ำตาที่ไหลมากกว่าเดิมอย่างไม่เชื่อตัวเอง  เพียงเพราะแค่อ้อมกอดจากคนๆนี้จะทำให้ผมเป็นได้มากถึงขนาดนี้เชียวหรือ  นี่หรือ..การได้รับความรัก  จากคนที่รัก
ผมไม่รู้ว่ารอบข้างตอนนี้เป็นอย่างไร  มีใครกำลังยืนมองเราสองคนอยู่รึเปล่า  เสียงแซงแซ่ทำให้ผมได้ยินอะไรไม่ถนัด  หรือเพราะหูผมอื้อกันแน่  น้ำตาที่ทำให้ตาของผมพร่ามัวทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ถนัดนัก  และแน่นอนว่าผมไม่คิดที่จะเงยหน้ามองหน้าอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน  ผมจะยืนรับรู้อ้อมกอดอยู่อย่างนี้จนผมแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้นั้นคือความจริงอย่างไม่ได้ฝันไป..

Welcome To the Land Of Love
   ณ  ที่สะพานลอยแห่งนั้นเหมือนโลกหยุดไปชั่วครู่  ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองด้วยความแปลกใจ  กระทั่งเข้าใจไปต่างๆนาๆในสถานการณ์ของทั้งคู่ว่าเกิดอะไรขึ้น  บางคนคิดว่า “ง้อกันเหรอ” บางคนคิดว่า “เอ่อ คู่เกย์” บางความคิดนั้น “อายแทนว่ะ” แต่บางคนกลับคิดว่า “น่ารักดีนะ” หรือแม้แต่คิดว่า “บอกรักกันสินะ”  กระทั่งบางคนคิดและทำให้ได้ยิ้มกับความคิดนั้นว่า “ผู้ชายกับผู้ชายนี่ แต่ดีแล้ว..เพราะอย่างน้อยคุณก็รักกัน”  สิ่งต่างๆรอบตัวกำลังหมุนไป  ไม่เพียงแต่เด็กหนุ่มและชายหนุ่มคนนี้  เวลาของพวกเขายังคงหมุนไปเรื่อยๆ  สัมผัสของพวกเขากำลังหมุนไปด้วยเช่นกัน  หมุนเพื่อรับรู้ความรู้สึกของกันและกันมากขึ้นกว่าเดิม  สัมผัสที่รับรู้ได้ว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงกันและกันมากขึ้น..และมากขึ้นอีก
“คนอย่างเค้ก ได้..อย่างนั้นเหรอฮะ” เด็กหนุ่มถามทั้งน้ำตา  ความไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเหมาะสมต่ออีกฝ่ายพอหรือเปล่านั้นทำให้เขาฉุดคิดมาได้ชั่วขณะ  เด็กหนุ่มไม่คิดจะถามถึงเรื่องที่ผ่านมาอีก  เขาคิดว่าเหตุผลเหล่านั้นไม่สำคัญสำหรับเวลา ณ ตอนนี้อีกต่อไปแล้ว..
“ถ้านายแทนตัวเองว่าคนอย่างนาย ฉันก็คงต้องแทนตัวเองว่า..คนอย่างฉันด้วยเหมือนกัน” ฝ่ายที่กอดเด็กหนุ่มอยู่พูดอย่างไม่สบายใจเช่นกัน  เขาทั้งสองต่างฝ่ายต่างรู้จุดด้อยของตัวเองอยู่เต็มอก
“ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างแต่แฝงไปด้วยความกลัว  กลัวว่าอีกฝ่ายจะผิดหวังในตัวของเขา
“เค้กรู้ตั้งนานแล้วล่ะฮะ” เด็กหนุ่มตอบกวนแกล้งกลับไปอย่างนั้น  เพื่อแก้อาการเขินของตัวเอง  ทั้งๆที่เขาเองก็รู้อยู่เต็มอกเช่นกันว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่สูงเกินที่เขาจะคู่ควรมากเพียงไร
“หึ..” เสียงแสยะหัวเราะจากอีกฝ่ายดูจะพอใจกับคำพูดของเด็กหนุ่มเสียมากกว่า  เขาทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นเหมือนลืมไปว่ารอบตัวเขานั้นไม่ได้มีเพียงแค่เขาแค่สองคน 
ความรักเริ่มก่อตัวขึ้นจากสถานที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจากเค้กและความอบอุ่นของคนภายในร้าน ณ วันนี้  ณ  ขณะนี้  จะมีคู่รักอีกกี่คู่ที่กำลังบอกรักกัน  มีอีกกี่คู่ที่กำลังบอกเลิกกัน  มีอีกกี่คู่ที่กำลังเข้าใจผิดกัน  อนาคตเพียงหมุนไปตามกาลเวลาเท่านั้น  แต่หัวใจของคุณนั้นหยุดอยู่ที่ใคร  เพียงคุณเท่านั้นที่จะสามารถรู้เสียงเรียกร้องจากใจของตัวเองได้มากที่สุด  ดังเช่นเด็กหนุ่มสองคนนี้..ดังเช่นหัวใจอันบริสุทธิ์ของเขา  เขาเพียงตอบสนองความบริสุทธิ์ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจของพวกเขา  และเท่านั้นคือความเพียงพอที่พวกเขาต้องการ..


= = = = = = = =

เมื่อหลายปีก่อน  ก่อนที่ผมจะได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นรักแรกของผม  แม่ของผมเคยบอกผมไว้ว่า  คู่ครองนั้นควรเลือกบุคคลที่มีปัญญาเสมอกัน  ผมจำสีหน้าในตอนนั้นของแม่ได้ดี  หน้าของแม่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปมองกรอบรูปของพ่อที่วางอยู่บนหัวเตียงของแม่ “คนที่มีปัญญาเสมอกัน จะมีพื้นฐานทางด้านจิตใจที่เสมอเหมือนกัน..ถึงแม่กับพ่อของลูกน่ะจะมีบางเรื่องที่ระดับความคิดเห็นไม่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว พ่อของลูกน่ะเป็นคนดีมากเลยนะจ๊ะ..สักวัน หนูก็จะรู้เอง มันคงจะเป็นไปตามความรู้สึก..คู่ครองที่มีปัญญาเสมอกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความชอบที่เหมือนกันเท่านั้น แต่จะต้องรู้ว่าสิ่งใดดีหรือสิ่งใดไม่ดีเท่าเทียมกัน..รู้จักการเสียสละและการให้เสมอกันอย่างไม่มีข้อสงสัย ถ้าสักวันหนูได้เจอคนแบบนั้น..จงรักษาเค้าไว้ให้ดีนะจ๊ะ” แม่พูดด้วยสีหน้าอ่อนโยนเหมือนกับภาพวาดในการ์ตูนที่ผมชอบดู  และเมื่อผมได้เจอผู้หญิงคนนั้น  ทุกอย่างเป็นไปตามที่แม่บอกอย่างไม่ต้องสงสัย  ผมรักเธอและเธอรักผม 
บ่อยครั้งที่ผมพูดกับผู้หญิงที่ผมรัก “You are my love. Love what you love”  ผมคิดว่า  ผมคงจะพูดต่อไปจนชั่วชีวิตของผมอย่างเต็มใจและรู้สึกแบบนั้นจากใจจริง  เพราะนั่นเป็นประโยคที่เธอชอบฟังและเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะสามารถบอกเธอได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีต่อเธอ
น่าแปลกอยู่ไม่น้อย  ผมคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่โชคดีเอามากๆ  ถ้าในตอนนี้ผมจะมองคนไม่ผิด  ผมหวังว่าเด็กผู้ชายคนนี้  คนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกับที่เคยได้รู้สึกกับปราย  จะมีปัญญาเสมอผมอย่างที่แม่เคยบอกเอาไว้  ไม่เพียงแต่ความชอบที่คล้ายกันจนน่าตกใจแต่ความคิดความอ่านของเด็กคนนี้ทำให้ความขลาดของผมที่มีนั้นสูญไปด้วยเช่นกัน  ปัญญาเสมอกันที่แม่หมายถึงนั้นเด็กคนนี้คงมีเกิดกว่าที่ผมคาดเอาไว้เสียอีก  ผมยังรักปรายเสมอและคงจะไม่เปลี่ยนแปลง..แต่ถ้าในตอนนี้ผมจะขออนุญาตที่จะพูดบอกเธอว่า  “I too can love, and I will love again”  ผมหวังเพียงว่าปรายจะเข้าใจผม  ผมไม่มีทางที่จะลืมเธอได้  ความรู้สึกผิดที่มีมาตลอด  การที่ผมนั้นไม่สามารถรักษาคนรักของผมไว้ได้อย่างที่แม่เคยเตือนผม  ผมได้แต่เฝ้าขอโทษเธอทุกๆวันที่ผมได้สูญเสียเธอไป  และผมหวังเพียงรอยยิ้มจากเธอที่จะอวยพรให้  เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของผม  ถ้าเธอจะเข้าใจผมมากที่สุด  ถ้าเธอจะให้อภัยผมอย่างที่อาบอก  ผมหวังว่าเธอจะรักคนรักใหม่ของผมในตอนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน..
ณ  ทะเลเบื้องหน้าที่ผมนอนมองมาหลายต่อหลายวัน  ทำให้จิตใจของผมสงบมากขึ้น  กระทั่งผมรู้ใจของตัวผมเองมานานมากแล้ว  ในการตัดสินใจของผมในครั้งนี้  ทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้  ในหัวผมกลับนึกถึงบทกวีของ Robert Frost บทหนึ่ง  น่าแปลกใจตัวเองอย่างน่าประหลาด  ผมไม่ได้นึกถึงบทกวีรักของ Robert Burns หรือ R.Herrick หรือแม้กระทั่งนักกวีชื่อดังระดับโลกอย่าง W.Shakespeare อย่างเคย  บทกวีที่ท่านได้ประพันธ์ไว้ว่า “Love looks not with the eyes but with the mind; And therefore is winged Cupid painted blind.” ซึ่งเป็นบทกวีที่ผมมักจะนึกถึงก่อนเสมอเมื่อไหร่ที่ผมได้เห็นความสวยงามในจิตใจของเพื่อนมนุษย์  บทประพันธ์นี้อาจจะใช้ได้กับผมในตอนนี้หรืออาจจะไม่ก็ตามแต่  นั่นคงแล้วแต่ใครจะรู้สึก  สำหรับผมแล้วบทประพันธ์ที่ว่าคงจะยังไม่ตรงกับความรู้สึกของผมในตอนนี้เสียเท่าไหร่นัก  ผมคิดว่าเพราะไม่ใช่ความรักอย่างที่เคยได้รัก  รักอย่างไร้ซึ่งเหตุผลใดๆและสามารถรักได้อย่างเปิดเผยอย่างที่ผมเคยมีให้ต่อปรายนั้น..ครั้งนี้นั้นไม่ใช่  ในเวลานี้ผมต้องตัดสินใจเด็ดขาดที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า  ถ้าผมตัดสินใจนั่นหมายถึงผมต้องเดินตรงไปและกล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมจะต้องเจอในอนาคตและไม่หันหลังมากล่าวโทษต่อการตัดสินใจของผมเองอีกด้วย  การตัดสินใจของผมในครั้งนี้ผลจะเป็นอย่างไรคงต้องปล่อยให้มันเป็นไป  ผมคิดว่าผมคิดดีและใช้เวลาคิดมานานพอสมควรแล้ว
ขอบคุณ Robert Frost บางที  ผมจะเชื่อคุณสักครั้ง..


TWO roads diverged in a yellow wood,   
And sorry I could not travel both   
And be one traveler, long I stood   
And looked down one as far as I could   
To where it bent in the undergrowth;          
 
Then took the other, as just as fair,   
And having perhaps the better claim,   
Because it was grassy and wanted wear;   
Though as for that the passing there   
Had worn them really about the same,          
 
And both that morning equally lay   
In leaves no step had trodden black.   
Oh, I kept the first for another day!   
Yet knowing how way leads on to way,   
I doubted if I should ever come back.          
 
I shall be telling this with a sigh   
Somewhere ages and ages hence:   
Two roads diverged in a wood, and I
I took the one less traveled by,   
And that has made all the difference.       

   


.................End of Lover..1...............


หมายเหตุ :


1.   ในบทกวีของ Robert Frost (The Road Not Taken) เบบี้ไม่เลือกบทกวีที่แปลเป็นไทยแล้วมานำเสนอเพราะ..หนึ่งโดยลักษณะของตัวละคร และ..สองเพราะการแปลงเป็นภาษาไทยนั้นอาจจะไม่สวยงามได้เท่ากับการที่นักประพันธ์ต้นแบบได้ประพันธ์ไว้  บทกวีนี้มีความหมายในตัวของมันที่มีคำภาษาอังกฤษที่ต้องตีความหมายมากมายโดยบางคำต้องใช้ความรู้สึกซาบซึ้งและเข้าใจแตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล
..แต่ก็มีนักแปลบางท่านได้ทำการแปลบทกวีนี้ไว้บ้างแล้วโดยมีบล็อกต่างๆได้เขียนถึง เช่น THE ROAD NOT TAKEN : ทางที่ไม่ได้เลือก -- moonfleet หรือ ปราย พันแสง : The Road Not Taken ขอบคุณผู้เขียนบล็อกทั้งสองคนด้วยนะคะ ^^ ถ้าคนอ่านคนใดอยากเข้าใจในความหมายของบทกวีนี้มากขึ้นกว่าเดิมสามารถไปตามอ่านทั้งสองบล็อกเพิ่มเติมได้ค่ะ  ซึ่งบทกวีนั้นสะท้อนได้หลายแนวทางของชีวิตคน  คำแต่ละคำในบทกวีนั้นต้องแปลอังกฤษเป็นอังกฤษอีกที  ดังนั้นจึงค่อนข้างยากที่จะสื่อบทกวีออกมาเป็นภาษาไทยนะคะ

2.   สุดท้ายจนถึงตอนจบแล้ว..คิวก็ยังไม่เผยความรู้สึกนึกคิดของตนเองออกไปทั้งหมด  แต่ในเบื้องหลังของคิวอีกมากมาย  สาเหตุต่างๆว่าทำไมคิวถึงเป็นแบบที่ผ่านมาและเกิดอะไรขึ้นกับคิวบ้าง..บลา บลา บลา  เบบี้ยังจะไม่ขอเล่าในตอนต่อไป(ยังไม่ขอเล่าในมุมของคิวอย่างที่หลายคนขอกันเข้ามา)  ตอนที่จะนำเสนอต่อไปคือคู่ของ “ฟ้า” ซึ่งอาจจะมีบางเรื่องราวของคิวที่เชื่อมต่อกันอยู่ด้วยนะคะ..คงต้องติดตามอ่านกันต่อไป  ส่วนความรู้สึกนึกคิดของคิวทั้งหมดที่คนอ่านหลายคนเรียกร้องกันนั้น  คงต้องนำเสนอหลังจากคู่ที่ 3 ผ่านพ้นไปแล้ว..ซึ่งมันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่แน่นอน =O=




ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกกำลังใจที่ติดตามมาตลอด  พบกันตอนต่อไปในตอนของ “ฟ้า” บ้างแต่อาจจะไม่ยาวเท่าคู่หลักอย่างคิวและเค้ก 
ขอบคุณค่ะ
เบบี้..


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 08:42:04 โดย เบบี้ »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่49..[01/พ.ค/55 @ 09:15] P.194
«ตอบ #6103 เมื่อ08-05-2012 08:32:58 »

 :z13: :z13:

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6104 เมื่อ08-05-2012 08:33:41 »


ชอบมากเลยค่ะตอนที่พี่คิวบอกเหมือนฉันจะติดใจตักนาย :o8:   น่ารักมากค่ะ มารอตอนของพี่ฟ้านะค่ะ





 :กอด1:ขอบคุณพี่บี้มากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 09:21:48 โดย Tiamo_jamsai »

ออฟไลน์ 0nePiece

  • ++..ชีวิตไร้รัก..++
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6105 เมื่อ08-05-2012 08:34:50 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6106 เมื่อ08-05-2012 08:47:53 »

ในที่สุดก็.... รอมาซะนานเลย

edit
นายคิวยังคงเป็นผู้ชายที่เข้าใจได้ยากอยู่เหมือนเดิม
เคยได้ยินมาว่าผู้ชายลึกลับน่ะมีสเน่ห์ น่าค้นหา น่าติดตาม
แต่พอมาเจอนายคิวเข้าไป เอิ่ม...อยากจะบอกว่าผู้ชายคนนี้เข้าใจได้โคดยากเลย
ต่อให้เจาะลึกถึงระดับ DNA ก็ยังไม่แน่ว่าจะรู้ได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเค้ามั้ย
การกระทำหลายๆ อย่างของเค้าไม่มีเหตุผลใดในจักรวาลนี้รองรับได้เลย
หรือว่าต้องกลับไปลงเรียนวิชาปรัชญาใหม่ เพราะมี"ทฤษฎีนายคิว"เพิ่มขึ้นมาอีก

ถึงนายคิวกับนู๋เค้กจะรักกันแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่ายังคงสงสารนู๋เค้กต่อไป
เพราะการจะคบกับนายคิวให้รอดนั้น ท่าทางว่านู๋เค้กจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูง
แค่คิวรักเค้ก เค้กรักคิว มันคงยังไม่ใช่จุดจบของชีวิตรักคู่นี้ได้หรอก

หวังว่าพาร์ทของคู่อื่นๆ คงจะมีรายการเกาะติดชีวิตรักของสองคนนี้แทรกเข้ามาบ้างนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 09:50:26 โดย kasarus »

ออฟไลน์ Number1_90

  • 넘버원~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6107 เมื่อ08-05-2012 08:55:25 »

ในที่สุดๆๆๆ ก็รักกันเเล้ว  :mc4:

ลุ้นหัวใจจะวายตาย

รอตอนต่อไปนะคะ +1 ให้ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Ja-Jah Suwanun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6108 เมื่อ08-05-2012 08:58:36 »

 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ kisskiss

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6109 เมื่อ08-05-2012 08:59:51 »

บี้จ๋า ขอฉากหวานๆ เค้กคิว ต่ออีกสักนิสสสนึงหน่อย ให้ชุ่มชื่นหัวใจ
คือว่ามันโศกมาหลายตอนกว่าจะ happy ending
อยากเห็นพี่คิวออดอ้อนมั้งง ปากหนั้กกกหนัก ผู้ชายคนนี้  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
« ตอบ #6109 เมื่อ: 08-05-2012 08:59:51 »





ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6110 เมื่อ08-05-2012 09:02:47 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่านค่ะ รอคู่ต่อไปนะคะ  :impress3:

ออฟไลน์ iyng1338

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6111 เมื่อ08-05-2012 09:05:44 »

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

ออฟไลน์ ryokijung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6112 เมื่อ08-05-2012 09:05:59 »

ไหงรุสึกว่าเหมือนจาจบแล้วอ่าาา

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6113 เมื่อ08-05-2012 09:06:14 »

                                  เห้อออออออออออออออ เหนื่อยลุ้นเหนื่อยใจไปหมดแล้ว  สมใจซะทีนะ

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6114 เมื่อ08-05-2012 09:08:58 »

เคยคิดไว้เล่นๆว่าเรื่องมันจะต้องมาบรึ้มมมแฮปปี้เอนด์ เคลียร์แล้วในตอนสุดท้ายตอนเดียวแน่ๆ เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย T T
รู้สึกอยากอ่านเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะค่ะ
พี่คิวกรุณาทำอะไรเพื่อรับผิดชอบชดเชยความหดหู่หลายตอนก่อนหน้านี้ของดิฉันด้วยสิ แค่กอดแค่นี้ไม่พอเฟร้ยพี่
นี่ขนาดตอนสุดท้ายก็ยังคงคอปเซ็ปเดิม(ซึ่งก็ดี) หมั่นไส้พี่คิว จะบอกรักน้องทั้งที ยังจะแกล้งอีก
อย่างไรก็แฮปปี้กันถ้วนหน้าแล้ว รออ่านตอนของพี่ฟ้าค่ะ ขอบคุณเบบี้มากนะคะ
:pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 09:17:32 โดย RoseBullet »

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6115 เมื่อ08-05-2012 09:09:24 »

สมหวังแล้วนะเค้ก พี่คิวน้อยไปนะแสดงออก แต่ก็นะคนอย่างพี่คิว

CaSsiCBY

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6116 เมื่อ08-05-2012 09:13:13 »


อารมดี สมหวังกันซักที

ออฟไลน์ Amheihei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6117 เมื่อ08-05-2012 09:14:41 »

โอ้! ยาวสะใจ เบบี้ สมกับการรอคอย  :กอด1:

vae_victis

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6118 เมื่อ08-05-2012 09:15:31 »

อ่านแล้วใจมันพองเหมือนตัวเองเป็นเค้ก

นั่งอมยิ้มเหมือนอิบ้าเลยค่ะ

ขอบคุณน้องบี้มากๆเลยแต่งได้ิอารมณ์มาก

พี่เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่50..[08/พ.ค/55 @ 08:30] P.204
«ตอบ #6119 เมื่อ08-05-2012 09:16:36 »

โอ้มายก้อดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
จบแล้วอ่ะ จบแล้วจริงๆอ่ะ
เหมือนมันยังไม่พอเลย เบบี้ :z3:
อยากได้ตอนพิเศษ สวีทวี้ดวิ้ววว ของคิวกะเค้ก
ได้มั้ย ได้มั้ย ได้โปรดเถอะนะคะ o18
บวก1สำหรับตอนจบที่เรายังไม่อยากให้จบ
ไม่เคยพอกับเรื่องนี้เลยจริงๆ o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด