ตอนที่ 10 หวั่นไหว... BY Ging..
เชื่อเค้าเลย คนอะไรใช้ห้องสมุดไม่เป็น ....
ไอ้กันย์จะอยู่รอดจนจบปีสี่ไหมเนี่ยถ้าไม่มีเพื่อนๆ ของมันช่วย ผมอุตส่าห์ใจดี สอนนั่นนี่ให้ ไอ้นี่ก็ไม่สำนึกเลย ยังอุตส่าห์เนรคุณผมด้วยการทำเอาหัวใจผมหล่นตุ้บ!!
ไม่เคยคิดเลย!! ว่ามันจะกล้า!! ถึงจะชอบหยอดบ้าง แกล้งเหมือนจะกอด แต่ก็รู้แหละว่ามันแค่แกล้งเล่นเฉยๆ
ก็มันชอบผู้หญิงใช่ไหมล่ะ? ก็มันมีแฟนเป็นผู้หญิงใช่ไหมล่ะ?
แล้ว...มันจะมาจูบหน้าผากผมเพื่อ... นี่น่ะมันไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนเค้าเล่นๆ กันแล้ว เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย
ไม่ได้รังเกียจอะไรนักหรอกนะ แต่...ไม่ชอบอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ
ทีเล่นทีจริงแบบนี้ อยากรู้..ว่ามันคิดยังไง
แล้วมันจะเอายังไงกับผม?? กับผู้หญิงอีกสองคน??
ดีนะที่ไม่โสดไม่งั้นเป็นเรื่องแน่...
อุตส่าห์คุยกับมันต่อเหมือนไม่มีอะไร เหมือนจะปกติ... พยายามควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นกิ๊งคนเดิม แต่แล้ว...
“ขอโทษนะกิ๊ง ถ้ากูทำให้มึงโกรธ ถ้าสิ่งที่กูทำมันแย่มากนัก ถ้ามึงรังเกียจ..กูสัญญาว่าจะไม่ทำอีก” นึกว่ามันจะโง่ไม่รู้ว่าผมโกรธ...
“กูไม่ได้รังเกียจหรืออะไรหรอกนะ แต่กูไม่ชอบให้มึงทำแบบนี้ ครั้งนี้กูยกโทษให้ คราวหน้าอย่ามีอีก”
“ถ้าไม่รังเกียจ แล้วทำไมต้องโกรธ แค่เพื่อนๆ เล่นกันเท่านั้นเอง เวลาครึ้มๆ กูหอมแก้มไอ้ศรออกบ่อย” เหรอ ... ก็แค่บังเอิญ กูไม่ใช่ศรเพื่อนมึง... และเพราะกูชอบมึงอยู่ ...
“อย่าคิดแค่ว่าผู้ชายด้วยกันเลยเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ได้ กับคนอื่นกูไม่รู้ แต่กับกู...กูถือ กูไม่ชอบเป็นของเล่นของใคร ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรก็อย่าทำให้กูคิด ระวัง...งานจะเข้าไม่รู้ตัว” ข่มอารมณ์บอกมันไป เพื่อให้สำนึก แต่แล้ว...
“ทำไม...กูทำให้มึง...หวั่นไหวเหรอ” เจอคำนี้ ปรี๊ดแตกเลยกู...
“แล้วตอนนี้มึงคิดว่ากูหวั่นไหวไหมล่ะ?”
“เอ่อ....”
“แล้วตอนนี้มึงนึกอยากหวั่นไหมดูบ้างไหม?”
“ทำไม มึงคิดจะทำเหรอ?” มึงยังมีหน้ามาขำ!!
“เสน่ห์ในตัวเองน่ะใครๆ ก็มีกันย์ ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่หว่านเสน่ห์เป็น ถ้ามึงไม่เข้าใจ แล้วกูจะสอนให้ว่า แบบไหนที่เรียกว่าหวั่นไหว”
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับกิ๊ง ... กูอยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะทนได้สักกี่น้ำ!!
แม่ง.....อยู่กับไอ้กันย์โคตรเหนื่อยเลย เหนื่อยตัว ต้องบริการดูแลแม่งทุกอย่างอย่างกับเด็ก เหนื่อยสมอง ต้องมาหาวิธีแก้สถานการณ์เวลาเจอมุขเสี่ยว วิธีแก้แค้นที่ทำๆไป กูเสียเปรียบฝ่ายเดียวเห็นๆ เหนื่อยใจด้วยเต้นอะไรแรงนักวะเนี่ย... โอ๊ย..... ประสาทกินหัวกิ๊ง
เพิ่งจะบอกอยู่แป๊บๆ ว่าไม่ให้เล่นๆ แต่สมองปลาทอง อย่างไอ้กันย์ไม่เคยจดเคยจำอะไรเลย ยังยิงมุขยังกับบ้านมันผลิตมุขใช้เอง เจอแต่ละมุขนี่กูเครียดเลย จะต่อยังไงดีวะ คิดอะไรไม่ออก กูเอายิ้มข่มแม่งเลย อย่างน้อยกูยิ้มแบบนี้ให้ใครมันก็ใจอ่อนทุกรายแหละ
แต่...ไอ้กันย์ นี่มึงมีภูมิต้านทานยิ้มของกูเหรอ ยิ่งยิ้มมึงยิ่งเล่นมุข ... หัวกูที่คิดแต่เรื่องวิชาการต้องหันมาคิดมุขไปกับมึงด้วย ทำกูไร้สาระเพิ่มขึ้นทุกทีแล้ว...
เอาล่ะ แผนแรก พูดเพราะ ... เลิกพูดมึงกู มาพูด กิ๊งกับกันย์ ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวไหมเพราะมันไม่ถาม แต่มันก็แทนตัวว่ากันย์ กิ๊งตามผมอยู่นะ
เวลานึกอะไรไม่ออก ให้ยิ้มข่ม ทำเสียงหวานๆ ทำตาหวานๆ เข้าไว้
ถ้าคิดออกให้ต่อมุขเล่นไปด้วย
แต่... ทำไมมุขที่มันเล่นมาทำเอาผมอึ้ง แบบไปไม่เป็นเยอะจังวะ!!
ใบ้กินไปหลายรอบ แต่ก็ยังทำให้มันหวั่นไหวไม่ได้สักที
โอ๊ยยยย ไม่ได้ๆ กิ๊งห้ามยอมแพ้ต้องทำให้มันสำนึกให้ได้...
ใช้มาหลายแผนไม่รู้ว่าได้ผลบ้างไหม อุตส่าห์มาพิมพ์งาน ทำไมมานั่งคุยเอ็มกับมันจนงานที่จะทำพิมพ์ได้แค่สามหน้า!! แล้วผมอุตส่าห์อุทิศเวลาคุยกับมันนี่ทำไมไม่ตอบเลยเนี่ย...
เซ็ง... เซพงานแล้วเอาแฟลชไดรฟ์ไปให้มันเซฟงานแล้วชวนกลับดีกว่า
มันจะพาผมไปเอาบีเอ็ม แต่ระหว่างทางนี่มันเบรกหลายรอบจนแอบรำคาญ ผมเลยบ่นไปนิดหน่อย เจอคำตอบของมันนี่ทำเอาอึ้งเลย... แล้วไง? ... อยู่สองต่อสองแล้วจะกล้าทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ??
แผนสอง...ถ้าแค่คำพูดไม่สามารถทำให้มันหวั่นไหว คงต้องใช้การกระทำแล้วแหละ...
พอพ้นซอยที่มีคนเยอะๆ ผมก็เลยเลื่อนมือไปกอดมัน แอบแต๊ะอั๋งด้วยการลูบท้องมันนิดๆ ด้วย เหมือนจะได้ผลตรงที่ทำให้มันทำเสียงสั่นได้นิดหน่อย
แต่ท้องมันนะ..ซิกแพ็กเหรอ? เอ่อ... ไม่อยากจินตนาการตอนถอดเสื้อเลยให้ตาย หุ่นมันต้องเซ็กที่แน่ๆเลย ว้าก...... อีกิ๊ง!! มึงอยากทำให้มันหวั่นไหวไม่ใช่จะมาหวั่นไหวเอง ...
ชิ! บ้าจริง ห้ามไม่ให้กูลูบท้องมึงแล้วมึงล่ะ? ลูบมือกูเพื่อ?
กูอยากจะบ้า แล้วแบบนี้ใครกันแน่วะที่หวั่นไหวกว่ากัน
แม่ง... กูขาดทุนเห็นๆ แต่...ทำไมกูมีความสุขจังวะ!!
เอารถมาเก็บที่บ้านกันย์เรียบร้อยแล้ว กันย์ก็พาผมนั่งบีเอ็มออกไปข้างนอกอีกรอบเพื่อไปซื้อเสบียงแล้วก็เหล้ามาเตรียมไว้ มันพาผมไปที่ตลาด แล้วก็เดินซื้อของมากินซึ่งมันก็เย็นแล้ว ผมก็หิวๆ แล้วก็เลยซื้อข้าวซื้อขนมมากินด้วย กะว่ายังไงๆ ก็อยู่กินเหล้ากับมันไม่ได้หรอกครับ ไม่ได้จริงๆ ... เดี๋ยวงานจะงอก
ซื้อของที่ตลาดเสร็จก็เอาไปไว้ที่รถ มันติดเครื่องเปิดแอร์ไว้ให้ผมนั่งรอแล้วหายไปครู่ใหญ่ๆ ก็กลับมาพร้อมถึงขนมสองถุง
“อ่ะ เผื่อจะหิว ถุงนี้เผือก ถุงนี้มัน” ผมก้มลงไปดูเป็นมันกับเผือกปิ้งลูกกลมๆ ไม่ได้คิดอะไรก็ดึงถุงมันมาถือ แล้วก็ลองชิม อร่อยดีแฮะ หวานๆ กันย์ดึงอีกถุงกลับไปกิน ครู่นึงก็เอ่ยเสียงแบบอยากรู้อยากเห็นกลับมา
“จริงเหรอวะกิ๊ง” อะไรจริงวะ อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมา ผมหันมองหน้ามันขมวดคิ้ว ส่วนมันก็ทำเสียงหื่นๆ กลับมา
“จริงเหรอ... เรื่องที่มึง เอามัน!” อึ้งไปสิบวินาที ก็นึกขึ้นได้ว่า ผมเลือกเอาถุงมันปิ้งมากินแทนที่จะเลือกเผือก แม่งงงงงงงงงงงงงง กล้าเล่นมุขนี้กับกู!!
ถ้าปกติผมจะตอบไปว่า ... ไม่ต้องมาเจือก เพราะถึงกูเอามัน! แต่กูก็ไม่เอามึง!
ในสถานการณ์นี้ที่กำลังจะแก้แค้น กวนตีนไม่ได้!!
ผมเลยหันไปยิ้มใส่ตามัน...
“ถึงบอกก็คงไม่เชื่อ เรื่องแบบนี้น่ะ ถ้าไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็คงไม่รู้หรอก!”
เห็นใบหน้าตอนอึ้ง เหมือนจะกลืนน้ำลายนิดๆ แล้ว...... สะใจกิ๊งชิบหาย!
มันเงียบไปแป๊บนึงก่อนจะเอ่ยกลับมาด้วยเสียงเซ็กซี่
“พูดซะ กูอยากลองพิสูจน์เลยให้ตาย!”
เฮ้ย!! ........ หมายความว่าไงวะ!!!!
ผ่านสถานการณ์ล่อแหลมนั่นมาได้ ผมกับกันย์ก็ไปต่อกันที่ 7-11 เจ้าเก่าซื้อสุราเมรัย ขนมนมเนยของกินเล่นเพิ่มเติม แล้วก็กลับไปที่บ้านกันย์ต่อ ผมพยายามจะร้องขอให้มันไปส่งผมที่หอซะทีแต่มันบอกว่าจะออกไปข้างนอกตอนห้าโมงครึ่งแต่ไม่แน่ใจว่าจะไปนานไหม เดี๋ยวเพื่อนมันจะมาตอนหกโมง กลัวจะไม่มีคนอยู่เปิดบ้านให้เพื่อน ขอร้องผมมาอยู่บ้านมันก่อน กลับมาจากทำธุระแล้วค่อยไปส่ง ผมก็เลยทำอะไรไม่ได้ต้องมาจ๋องอยู่บ้านมันนั่งอยู่ที่โซฟานุ่มๆในบ้าน กันย์บริการซะดิบดี เปิดทีวีแล้วเอารีโมตมาวางให้
พอผมบ่นว่าหิว มันก็ไปเอาจานมาให้ ผมก็เทข้าวนั่งกินสบายใจ ส่วนมันไม่ได้กินด้วย นั่งดูทีวีสลับกับมองดูผมกินข้าวจนอิ่ม ยังไม่หมด... กินข้าวแล้วก็ตามด้วยของหวาน ผมหันไปคุ้ยถุงขนม หยิบปาร์ตี้ขึ้นมากิน จะให้กินคนเดียวก็จะหาว่าไร้น้ำใจแต่ไม่ส่งถุงให้หรอก ผมจงใจหยิบขนมขึ้นมา ป้อนให้ถึงปาก
“เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ ปาร์ตี้สักชิ้นไหม” กันย์ส่งยิ้มแบบดีใจมาให้พร้อมยื่นมือขึ้นมาจับมือผมแล้วกินขนมด้วยดวงตาที่หวานกว่าปาร์ตี้ ริมฝีปากของมันที่งับปาร์ตี้ก็ดันงับปลายนิ้วผมเข้าไปด้วยนิดนึงทำให้เหมือนจูบที่ปลายนิ้ว ผมรีบดึงมือกลับ มันยังไม่ยอมปล่อยทันทีแต่ค่อยๆ คลายปลายนิ้วออกอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าที่อยู่ใกล้ สายตาพราวระยับเล่นเอาผมใจเต้นตึกตักทั้งที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ผมหันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง ระงับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างเต็มที่
กูบ้าไปแล้ว..... กูพยายามยั่วมันอยู่ แต่....
ไม่ได้ กิ๊งจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ยังไงๆ กูต้องชนะมึงให้ได้!!
“กิ๊งชอบกินแต่ของหวานเนอะ ไอติม ปาร์ตี้ ชอบอะไรอีกไหม” มันถามมาทำให้ผมปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้มันใหม่
“ชอบกินของหวาน อะไรที่หวานๆ ก็ชอบหมดแหละ จะว่าไปแล้วก็มีของหวานอย่างนึงเหมือนกันที่ชอบแล้วก็อยากจะลองแต่ยังไม่มีโอกาส” คอยดูแล้วกันว่าใคร...จะหวั่นไหวได้มากกว่ากัน...
“อะไรเหรอ?” มันถามมาเหมือนอยากรู้อยากเห็น
ผมทำตาพราวๆ เหยียดริมฝีปากออกนิดๆ ไม่ตอบ กำมือหลวมๆ แตะที่ข้างแก้มของมัน ไล้ปลายนิ้วโป้งกับริมฝีปากของมันเบาๆ มองหน้าที่ชะงักค้างไปแล้วด้วยความสะใจเล็กๆ
มันเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ให้นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ดวงตาที่แสดงถึงความหวั่นไหว ทำให้รู้สึกดีใจอย่างที่สุด มึงบอกกูทีว่ามึงหวั่นไหวแล้ว...
“กิ๊งคิดว่าปากกันย์หวานเหรอ... แต่กันย์ว่า ของกิ๊งน่าจะหวานมากกว่านะ” มันตอบกลับมา ยกมืออีกข้างขึ้นมาเชยคางของผมขึ้น ไล้นิ้วไปตามริมฝีปากของผมเบาๆ เช่นเดียวกับที่ผมทำ หัวใจเต้นโครมครามแต่..ก็ยังทำเป็นใจกล้า
“อยากรู้ไหมล่ะ ว่าของใครจะหวานกว่ากัน” ผมท้าทาย...
เอาสิ ถ้ามึงกล้าทำ! กูก็จะเบนหน้าหนี...
กูจะผลักอกมึงออก...
กูจะขัดขืน และยิ้มสะใจที่ทำให้มึงหวั่นไหวได้...
ความคิดช่างชั่วร้าย...
แต่...เมื่อใบหน้าคมคายของมันก้มลงมา สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดไม่มีข้อไหนเลยที่เกิดขึ้น
ผมเพียงแค่หลับตาพริ้มรอคอยจุมพิตของมันแต่โดยดี จนริมฝีปากของมันกดลงมาบดเคล้า นุ่มนวล อ่อนหวาน ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเรียกร้องมากแค่ไหนก็ตอบสนองกลับไปมากเท่านั้น
พลาดแล้ว กิ๊งเอ๊ย............
ทั้งๆ ที่ใจเต้นแรงขนาดนั้นแท้ๆ
ทั้งๆ ที่รู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางชนะได้เลยแท้ๆ
ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้นออกไป
ทำไมมึงถึงยอมให้มันทำแบบนั้น...
.......อยากจะทำให้มันหวั่นไหว.... แต่กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง....
ตรงไหนที่เรียกว่าขัดขืน ... แล้วใครกันแน่ที่หวั่นไหว? .... ไม่ใช่มึงหรอกเหรอ....
..........................................................
ขอ ตอบเม้นท์อีกทีพรุ่งนี้นะคะ แบบว่า แต่งเสร็จสดๆ เลยอยากลงมากๆ เลย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดกับตอนนี้