เรือนหลังใหญ่ยังคงเป็นสถานที่ที่ทำให้สมปองประหม่าได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเข้ามาพบกับพ่อและแม่ของพศวัต ทั้งสองคนนั่งอยู่ทีโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก ตรงหน้ามีชุดน้ำชาวางอยู่ดูเป็นเช้าวันหยุดสบายๆของสองสามีภรรยา
“พ่อครับ..แม่ครับ..” พศวัตเอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงมือสมปองที่เดินตามมาสมทบทีหลังเดินเข้าไปด้านใน
“ตายแล้ว...นี่ใครเลือกเสื้อให้ตาแมกซ์ใส่เนี่ย...” เสียงคุณหญิงจิตราเอ่ยทักก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฮ่ะๆ สีสันใช้ได้เลยนะ”
“ก็จะใครล่ะครับ เจ้าน้อยคนโปรดของแม่นั่นล่ะ” พศวัตว่าพลางหันไปมองหน้าของสมปอง ทั้งสองคนนั่งลงกับพื้นตรงหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสอง สมปองนั่งพับเพียบเรียบร้อยรู้สึกประหม่าจนตัวเกร็งเหมือนทุกครั้ง
“แต่พ่อว่ามันก็เข้าท่าดีออก นานๆเห็นแมกซ์ใส่เสื้อลายเสียบ้างก็เปลี่ยนบรรยากาศ เลือกเก่งนี่น้อย”
“ขอบคุณครับคุณท่าน...”
“เอ้อ...จนป่านนี้ยังจะเรียกคุณท่านอะไรอีก เรียกพ่อซิ่...”ชายสูงวัยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสมปองต้องหันไปมองหน้าของพศวัตเลิกลัก ซึ่งพศวัตก็พยักหน้าน้อยๆ
“ครับ คุณทะ...เอ่อ คุณพ่อ” ได้ยินแบบนั้นชายสูงวัยก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ เอ้อ แบบนั้นล่ะ หัดเรียกบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน” เด็กหนุ่มมองหน้าพ่อและแม่ของพศวัตด้วยความรู้สึกประทับใจในความใจกว้างของสามีภรรยาคู่นี้ที่ไม่เพียงแต่ยอมรับและทำความเข้าใจในตัวลูกชายทั้งสองคนแล้วยังเมตตาเอ็นดูกตัญญูและตัวเขาไม่ต่างกัน
“แล้วนี่เจ้ามินกับแมนมันหายไปไหนครับเนี่ยยังไม่เห็นมา” พศวัตว่าพลางดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป่าจะโทรตามตัวน้องชายทั้งสอง
“ไม่ต้องโทรหรอก โน่น ตาเล็กวิ่งไปเปิดประตูแล้ว” คุณหญิงจิตราชะเง้อมองออกไปด้านนอกเห็นรถสีขาวของรามินทร์จอดจ่ออยู่ที่หน้าประตู สมปองเองก็ชะเง้อมองตามไปด้วย
“รถคุณมินทร์ไม่เห็นโดนปะแป้งเลยแฮะ...”
“ไอ้แมนมันเป็นคนขับใครจะกล้าเอาน้ำมาสาดเอาแป้งมาลงวะ...” พศวัตว่าพลางลุกเดินไปหาน้องชายทั้งสองคนที่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะเห็นร่างเล็กของรามินทร์เดินนำเข้ามาใบหน้าขาวยังคงดูดีเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยเห็น
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ “น้องชายคนเล็กของบ้านกล่าวพลางเดินเข่าเข้าไปกอดเอวผู้เป็นแม่ ท่าทางออดอ้อนแบบนั้นทำให้สมปองอดที่จะยิ้มไม่ได้ ในใจรู้สึกอบอุ่นหากแต่เปลี่ยวเหงาในคราวเดียวกัน
“คุณพ่อคุณแม่ สวัสดีครับ...” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของกตัญญูร่างสูงใหญ่สวมเสื้อโปโลสีเขียวเข้มกับกางเกงยีนส์ดูสบายๆเมื่อเทียบกับเวลาที่ใส่ชุดเชฟทำงานอยู่ในห้องครัว สองมือคงอยากจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองดีๆแต่ก็หอบเอากล่องพลาสติกใส่อาหารมาเต็มสองแขน จึงได้แต่ยิ้มเขินๆ ก่อนจะขอตัวไปที่ห้องครัวหลังบ้านก่อน
“น้อยเลือกเสื้อให้พี่แมกซ์ใส่เหรอ ... เข้าใจเลือกนะ ลายพร้อยเชียว”
“ครับ...เข้ากับบรรยากาศไหมครับ” เด็กหนุ่มยิ้ม
“ผมซื้อมาฝากคุณมินทร์กับเฮียแมนด้วยนะครับ”
“จริงเหรอ...ดีๆ พี่กับพี่แมนว่าจะไปเที่ยวทะเลกันพอดี ใส่ไปทะเลก็ดีเหมือนกันนะ ขอบใจนะน้อย” รามินทร์ยิ้มให้พลางยกมือขึ้นตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ
“เอ้า...มากันครบแล้วใช่ไหม ไปสรงน้ำพระกันดีกว่า ปีใหม่ไทยทั้งที...ตาเล็กกับแม่ใหญ่เขาจัดที่จัดทางไว้ให้ที่อีกห้องแน่ะ” พ่อของพศวัตลุกขึ้นมือหนึ่งยื่นให้คุณหญิงจิตราพยุงตัวเองลุกขึ้น ทั้งสองเดินประคองกันไปยังห้องอีกห้องทีพวกตาเล็กนมใหญ่และเด็กๆในบ้านช่วยกันจัดไว้ให้ พระประธานในบ้านเป็นพระพุทธรูปทองเหลืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา วางเรียงลงมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในบ้านนับถือคือเจ้าแม่กวนอิม ก่อนจะเป็นพระที่บรรจุกระดูกของบรรพบุรุษ เจ้าบ้านทั้งสองจุดธูปเทียนไหว้พระ ก่อนจะตักน้ำที่ปรุงกลิ่นหอมด้วยน้ำอบไทยลอยกลีบดอกไม้หอมชื่นใจจากขันใบใหญ่มาสรงน้ำพระ
++++++++++++++++++
“เอาล่ะ...สรงน้ำพระพุทธรูปแล้วมาสรงน้ำพระในบ้านกันบ้างดีกว่า...พ่อกับแม่นั่งเลยครับ... “
พศวัตเชิญทั้งสองคนนั่ง ก่อนจับมือเล็กของสมปองที่ถือพวงมาลัยพวงสวยเอาไว้สองพวงให้เดินมาสรงน้ำพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษพร้อมกัน ก่อนทั้งสองจะคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนส่งพวงมาลัยให้ก่อนจะกราบลงที่เท้า มือใหญ่ของพศวัตมือมือเล็กของสมปองช่วยประคองขันขึ้น
“พ่อครับ แม่ครับ เนื่องในโอกาสปีใหม่ไทย...ผมกับน้อยมาขอขมา และ มาขอพรจากพ่อกับแม่ หากปีที่ผ่านมาพวกผมทำให้พ่อกับแม่หนักใจ ขุ่นเขือง หรือล่วงเกินพ่อกับแม่ไม่ว่าจะทั้งด้วยกาย วาจา ใจ พวกผมขอให้พ่อกับแม่อโหสิกรรมให้พวกผมด้วยนะครับ และปีใหม่นี้ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข ไปตลอดทั้งปีนะครับ” พศวัตหันมาสบตาของสมปอง ก่อนทั้งสองจะช่วยกันรดน้ำหอมกลิ่นน้ำอบไทยลงบนมือของผู้เป็นพ่อและแม่
“พ่อกับแม่เอง ก็ขอให้พวกเรามีความสุข คิดจะทำอะไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จสมดังใจหวัง อยู่ด้วยกันก็ช่วยกันดูแลกันนะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ย
“ลืมอะไรหรือเปล่าคะคุณ...ต้องขอให้น้อยเรียนเก่งๆ เรียนจบมาช่วยตาแมกซ์ทำงานไวๆด้วยนะ” คุณหญิงจิตราว่าพลางใช้มือที่เปียกน้ำหอมลูบผมของเด็กหนุ่มที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ครับ คุณ...เอ่อ...คุณแม่” สมปองรู้สึกตื้นตันในอก น้ำเสียงและสัมผัสที่ได้รับอบอุ่น อ่อนโยน เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาผู้สูงวัยทั้งสองด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอหน่วย “ขอบพระคุณครับ” เสียงของสมปองสั่นเครือเมื่อก้มลงกราบแทบเท้าของทั้งคู่อีกครั้ง
“แม่...พูดจนน้อยร้องไห้เลย...” รามินทร์เอ่ยแซว เรียกรอยยิ้มจากสมปองที่ได้แต่ยกมือปาดน้ำตาแห่งความตื้นตันใจออกเบาๆ
รามินทร์และกตัญญูเป็นคู่ต่อมาที่จะรดน้ำดำหัวพ่อและแม่ในวันสงกรานต์ สมปองขยับถอยมานั่งด้านหลังเฝ้ามองแผ่นหลังของคนทั้งคู่ ร่างใหญ่โตของกตัญญูกับแผ่นหลังแบบบางของรามินทร์ ดูเหมาะสมกันดีในขณะที่เมื่อทั้งคู่มองตาและส่งรอยยิ้มให้แก่กัน เมือส่งพวงมาลัยที่เตรียมมาให้ทั้งพ่อและแม่นั้นชวนให้ยิ้มออกมาได้ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่เหมือนกำลังทุกข์ทรมานกับเรื่องบางเรื่องมามากจนในที่สุดก็ผ่านพ้นมันไปได้ และหลังจากนี้ก็คงจะก้าวเดินต่อไปด้วยกัน ในใจของสมปองเอง...ก็หวังให้เขากับพศวัตได้ก้าวเดินเคียงข้างกันไปแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเช่นกัน
++++++++++++++++++
ใกล้เที่ยงระหว่างที่รอให้ธูปที่จุดไหว้พระหมดทั้งครอบครัวเดินไปยังห้องอาหาร
“เอาล่ะ...น้อย...ไหนล่ะเซอร์ไพรซ์อีกอย่างของเราน่ะ” หันกลับมามองหน้าของสมปอง เด็กหนุ่มยิ้มเมื่อมองเลยไปด้านหลังเห็นนมใหญ่และสาวใช้ในบ้านอีกสองคนช่วยกันถือถาดที่มีถ้วยลายครามชุดใหญ่เดินมา ร่างเล็กผายมือไปพลางยิ้ม
“นั่นไงครับ เซอร์ไพรซ์ “ ทุกคนหันไปมอง ก่อนจะได้ยินเสียงคุณหญิงจิตราอุทานออกมาน้อยๆ
“ตายแล้วนมใหญ่ วันนี้ทำอะไรให้กินจ้ะเนี่ย จัดมาเสียชุดใหญ่เขียว”
“ข้าวแช่เจ้าค่ะคุณหญิง แต่อิฉันไม่ได้จัดหรอกนะเจ้าคะ น้อย...เอ้ย ...คุณน้อยเขาจัดมาให้ต่างหาก” ว่าพลางนมใหญ่ก็หัวเราะเสียงจนอกและถาดที่ถืออยู่ในมือกระเพื่อมชวนให้เอาสมปองรู้สึกหวาดเสียวกลัวทั้งข้าวแช่ทั้งถ้วยลายครามที่ดูราคาแพงพวกนั้นจะตกแตก ทั้งๆที่ตอนแรกก็บอกให้ใช้ถ้วยชามธรรมดาก็ได้แต่นมใหญ่บอกว่า วันสงกรานต์ทั้งทีจัดให้เข้าบรรยากาศท่าจะดี จึงได้แต่นึกในใจว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่รู้สึกคล้อยตามกับบรรยากาศของเทศกาลอะไรง่ายๆ
“ข้าวแช่?....น้อย นี่นอกจากตำน้ำพริกเก่งแล้วยังทำของพวกนี้เป็นด้วยเหรอลูก “ คุณหญิงจิตราหันไปตามคนต้นคิด เด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ
“ผมเป็นแค่ลูกมือน่ะครับ ส่วนใหญ่เป็นฝีมือเชฟหมีที่ร้านมากกว่า เห็นว่าเป็นวันสงกรานต์อากาศร้อนๆให้ทุกคนได้ทานอะไรเย็นๆชื่นใจก็น่าจะดี” คำตอบของสมปองทำให้เจ้าบ้านทั้งสองและพศวัตแปลกใจอยู่ไม่น้อย มือแกร่งของพศวัตยกขึ้นขยี้ผมของสมปองที่ยังติดกลิ่นน้ำอบไทยอยู่เบาๆ
“เข้าใจคิดนะเรา...แล้วมินกับแมนนี่แกไม่แปลกใจอะไรเลยเรอะ”
“ไม่หรอกครับ...เจ้าหมีมันเล่าให้ฟังทุกขั้นตอน... พี่แมกซ์คงไม่ทันสังเกตว่าวันนี้ผมเตรียมแต่ของหวานมา"”กตัญญูยิ้ม ส่งสายตามองให้รามินทร์ช่วยพูดต่อ
“ไหนๆก็อากาศร้อน พี่แมนเลยจัดของหวานมาชุดใหญ่ มีรวมมิตรน้ำแข็งใสใส่ขนุน มีเต้าฮวยฟรุตสลัด กับ เชอร์เบธมะนาว... ทำเผื่อทุกๆคนเลยนะครับ” รามินทร์ยิ้มเสียจนตาหยี
“โห...นี่แข่งกันทำคะแนน เอาใจพ่อกับแม่หรือไงเนี่ย” พศวัตอดไม่ได้ที่จะแซวทั้งคนรักของตัวเองกับคนรักของน้อยชาย
“สองคนนี้นะ ทำกับข้าวเก่ง ทำขนมก็อร่อย นี่เอาใจพ่อกับแม่แล้วก็อย่าลืมพาพ่อกับแม่ไปเช็คสุขภาพด้วยล่ะ กลัวน้ำตาลในเลือดจะขึ้นเสียก่อน” ผู้เป็นพ่อแซวบ้างเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ไม่น้อย
++++++++++++++++++
ช่วงเวลาของครอบครัวเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สองสามีภรรยาเองก็มีความสุขเมื่อมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นในครอบครัว แม้เป็นครอบครัวที่ไม่เหมือนใครแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าบางสิ่งได้ขาดหายไป มีแต่รอยยิ้มที่เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับลูกชายทั้งสองที่ในที่สุดก็ค้นพบว่าความสุขของตนเองนั้นคืออะไร และพร้อมที่ก้าวเดินไปพร้อมๆกับความสุขนั้นของตน
บ่ายคล้อยทั้งสี่คนกราบลาพ่อแม่และออกมาจากบ้าน รามินทร์กับกตัญญูได้เสื้อตัวใหม่สำหรับไปใส่เที่ยวทะเลในช่วงสงกรานต์ตามแผนที่วางกันไว้ ส่วนพศวัตกับสมปองก็ขับรถกลับไปยังคอนโด
“แผนเยอะจริงนะเรา...พี่จะจัดการยังไงกับเราดีนะ น้อย” พศวัตแหย่คนรักที่ทำตัวเป็นจอมวางแผนมาตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา
“ผมไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีเสียหน่อย แค่อยากให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลเท่านั้น คุณแมกซ์จะจัดการอะไรผมอีกเหรอครับ” เด็กหนุ่มต่อปากต่อคำริมฝีปากบางเหยียดเป็นรอยยิ้มน้อยๆเชิงท้าทาย
“..........ไม่รู้ กลับไปถึงห้องก่อนค่อยว่ากัน เอ้ย จะสาดอะไรนักหนาเนี่ยพอแล้วรถแพงนะเว้ย..”
++++++++++++++++++
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด น้อย ขอกาแฟพี่กินสักแก้วเถอะ” พศวัตเอ่ยปากขออะไรมาช่วยดึงสติเขาจากอากาศร้อนและความปวดที่แล่นร้าวไปตามหัวจากความเครียดเรื่องรถของตัวเองที่โดนสาดน้ำ
“กาแฟเย็นเหรอครับ...เอ...มีนมหรือเปล่านะ...” เห็นท่าทางของพศวัตก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ให้ฝืนธรรมชาติของตัวเองด้วยการตื่นเช้าขนาดนั้นแถมยังต้องไปเจอกับอากาศร้อนๆข้างนอกแบบนั้นอีก เป็นใครก็คงแทบจะเป็นลม
ร่างเล็กวางของลงกับโต๊ะก่อนเดินเข้าห้องครัวไปชงกาแฟเย็นมาให้อีกฝ่าย พศวัตติดกาแฟที่เขาชงมาขนาดยอมซื้อเครื่องทำกาแฟขนาดเล็กติดตั้งไว้ในครัวเพื่อที่เวลาอยากจะดื่มกาแฟจะได้มีกาแฟรสชาตเดียวกับที่ร้านไว้ดื่ม...ถึงแม้บางครั้งที่เมล็ดกาแฟหมดแล้วสมปองใช้เพียงกาแฟสำเร็จรูปธรรมดาก็ยังอุตส่าห์เอ่ยปากชมอยู่ทุกครั้งจนบางครั้งสมปองก็อดคิดไม่ได้ว่า คำว่าที่เคยได้ยินว่า “ติดคนชงกาแฟ” นั้นท่าจะจริงอยู่ไม่น้อย
“น้อย....น้อย....ได้หรือยังพี่ปวดหัวจะแย่แล้วนะ...”เสียงโอดครวญดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้สมปองต้องรีบนำกาแฟเย็นรสชาตเข้มข้นไปเสริฟให้กับชายหนุ่มร่างสูงที่บัดนี้นอนเหยียดกายยาวอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
“คุณแมกซ์ฮะ...เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับเนี่ย แทนที่จะกินกาแฟผมว่าคุณแมกซ์กินยาแก้ปวดแล้วนอนจะดีกว่าไหมฮะ” เด็กหนุ่มวางแก้วลงที่โต๊ะกลางก่อนจะยกมือขึ้นแตะหน้าผากของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษนะฮะ...เอ ก็ไม่มีไข้... สงสัยตื่นเช้าไปแน่เลย” เด็กหนุ่มว่าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาคงจะทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยมากเป็นแน่
“ขอโทษนะครับ ผมไม่น่ารบเร้าให้คุณแมกซ์ตื่นแต่เช้าเลย”
“ตื่นมาทำบุญ เหนื่อยก็อิ่มใจหรอกน่า...คิดมากไปได้ ว่าแต่ลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ ป้อนหน่อยสิ กาแฟน่ะ” พศวัตยิ้ม สายตาเหลือบไปยังแก้วกาแฟที่วางอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
“นอนกินเดี๋ยวได้กลายเป็นงูเข้าสักวัน” สมปองแอบบ่นกับท่าทีของอีกฝ่ายเบาๆ ไข้หรือก็ไม่มี ถึงจะดูก็รู้ว่าเหนื่อยแต่มองอีกมุมก็ดูรู้ว่าแกล้งกันอีกเหมือนเคย เด็กหนุ่มหยิบแก้วกาแฟมาส่งให้อีกฝ่าย ขยับหลอดพลาสติกให้ตรงปากคนที่บ่นว่าลุกไม่ไหว
“งูก็งูตัวเขื่องก็แล้วกันน่า” พศวัตหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องทำหน้าขัดใจเหมือนขัดใจกับหลอดพลาสติกที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“เป็นอะไรครับ ถ้าไม่ชอบหลอด จะให้ผมไปหยิบที่กรอกน้ำมากรอกให้ไหมครับ” เด็กหนุ่มเริ่มประชดประชันกลับพลางยิ้มจนเห็นฟันขาว
“ถ้าจะกรอกล่ะก็เอาปากตัวเองมากรอกให้พี่ดีกว่า...” พศวัตว่ายกมือขึ้นเล็กน้อย ใช้ปลายนิ้วไล้ผ่านเบาๆที่ริมฝีปากของสมปอง สายตา น้ำเสียง และสัมผัสแผ่วผ่านจากปลายนิ้วนั้นทำให้ใจของสมปองสั่นไหว ร่างเล็กถอยออกห่างจากพศวัตทันที
“คุณแมกซ์...แกล้งผมอีกแล้ว..ไม่เอาด้วยหรอก”
“อ้าว... นี่คิดว่าพี่แกล้งอย่างนั้นเหรอ เอาจริงนะเนี่ย โอ้ย....ปวดหัวจังเลย ไม่มีแรงจะลุกแล้ว กาแฟก็ยังไม่ได้กิน...โอ้ย....” พศวัตร้องโอดครวญ แต่ดวงตาคมนั้นกลับเป็นประกายด้วยแผนการบางอย่างซึ่งสมปองเองก็รู้แก่ใจดี
“คุณแมกซ์ พูดจริงเหรอครับ” อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้า
“น้ำลายนะครับ...น่าแขยงออก” ดวงตากลมโตของสมปองดูลังเลอยู่ใช่น้อย นี่อีกฝ่ายคิดจะให้เขาอมกาแฟแล้วป้อนให้จริงๆหรือ เด็กหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายไปเอาความคิดแปลกๆแบบนี้มาจากไหนกัน
“นะครับ...คนดี...พี่เหนื่อยจังเลย....ขออ้อนเมียหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ”
“คะ...คุณแมกซ์อ่ะ เรียกผมแบบนี้อีกแล้ว” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ
พศวัตไม่พูดอะไรตอบ จับมือของเด็กหนุ่มไปแตะที่ริมฝีปาก สัมผัสที่ปลายนิ้วนั้นร้อนระอุไม่ต่างจากคนที่เป็นไข้ หัวใจของสมปองเหมือนถูกดูดดึงด้วยดวงตาคมที่มองมา เด็กหนุ่มยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นจิบหากแต่ยังไม่ได้กลืนลงไป ร่างเล็กขยับเข้าไปใกล้สองมือผอมประคองใบหน้าคมของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนบรรจงแตะริมฝีปากแนบลงไปกับริมฝีปากของอีกฝ่ายค่อยปล่อยผ่านให้รสของกาแฟที่แม้ปริมาณมีเพียงน้อยนิดแต่ยังรับรู้ได้ถึงความหอมมันนั้นไหลผ่านไปสู่ริมฝีปากอุ่นร้อนของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มค่อยถอนริมฝีปากออกเมื่อทำตามคำขอของอีกฝ่ายเสร็จสิ้น...อย่างน้อยเขาก็คิดว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับชะงักงันเมื่อมือแกร่งของพศวัตยังดึงรั้งท้ายทอยของเด็กหนุ่มเอาไว้ส่งเรียวลิ้นร้อนเข้าเกี่ยวกระหวัดยั่วเย้าจนร่างของสมปองที่นั่งคุกเช่าอยู่ที่ข้างโซฟาอ่อนแรง ไหล่บางสั่นระริกด้วยความร้อนที่แผ่นซ่านไปทั่วร่างสองขาแทบจะหมดแรงทรงตัว เด็กหนุ่มขืนตัวเองออกอย่างน้อยเพียงเพื่อให้มีช่องว่างพอให้ได้พักหายใจ สมปองทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้นริมฝีปากแดงก่ำช่ำเยิ้มด้วยสัมผัสร้อน ดวงตากลมโตนั้นเป็นประกายคล้ายคนกำลังมึนเมา หากรสชาตที่ได้ลิ้มรสหาใช่เหล้าแต่เป็นรักและความปรารถนาที่อีกฝ่ายส่งมอบมาให้ สีหน้าและปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มยังดูยั่วยวนในแบบเด็กๆที่เหมือนเพิ่งเคยได้รับสัมผัสเช่นนี้เป็นครั้งแรก
“............” พศวัตนิ่งเงียบเมือหันไปมองใบหน้านั้นของเด็กหนุ่ม ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง สองแขนแกร่งโอบรัดร่างบางเข้ามาหาตัว ง่ายดายโดยแทบไม่ต้องออกแรงร่างของสมปองนั้นแทบจะอ่อนระทวยอยู่ในวงแขนของเขา
“ขอโทษนะ พี่แกล้งเราเกินไป” แม้เหมือนจะอื้ออึงแต่สองหูของสมปองได้ยินเสียงพึมพำจากคนที่กำลังฝังจมูกอยู่บนเรือนผมของตัวเอง
“คุณแมกซ์...ก็..ก็...แกล้ง..ผมตลอดอยู่แล้ว”เด็กหนุ่มหอบหายใจเบาๆ ในหัวคิดอะไรไม่ออกเขายังได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวของอีกฝ่าย
“โธ่เอ้ย...แล้วพี่แกล้งเพราะอะไรล่ะเจ้าตัวดี” พศวัตหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ สองมือประคองใบหน้าเล็กของสมปองเอาไว้ ดวงตากลมโตของสมปองสบตากับดวงตาคมของพศวัตเห็นประกายตาบางอย่างที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดว่าอะไร
“ผมคิดว่าผมรู้ครับ...แต่ถ้าคุณแมกซ์จะบอกให้ผมได้ยิน ผมคงดีใจยิ่งกว่าได้ขึ้นสวรรค์แน่เลย”
พศวัตอมยิ้มมันเป็นรอยยิ้มแบบที่นานๆครั้งสมปองจะได้เห็น ความเคอะเขิน ความดีใจ ความภูมิใจ ดูเหมือนมีหลากหลายความรู้สึกที่ปะปนอยู่ในสีหน้านั้น
“ทำเอาไปไม่เป็นเลยวุ้ย...เริ่มที่เรื่องไหนก่อนดีนะ...พี่ขอบใจน้อยมากนะกับสิ่งที่น้อยทำให้พ่อกับแม่ของพี่ในวันนี้ พ่อกับแม่ ตัวพี่ แล้วก็พวกมินกับแมนเองก็ดีใจที่เราได้เป็นครอบครัวเดียวกัน...มันอาจจะไม่เหมือนใคร แต่พี่รู้ดีว่าถ้ามีเราอยู่ด้วยแล้ว...พี่ก็ไม่รู้สึกว่าต้องการอะไรอีกแล้ว...และ...ที่สำคัญที่สุด พี่รักน้อยมากนะ น้อยจำไว้ให้ดีล่ะ”
“ครับ...” เด็กหนุ่มรับคำด้วยเสียงสั่นเครือที่ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอหน่วย ร่างเล็กขยับตัวขึ้นหลับตาพริ้มขณะจูบริมฝีปากของคนรักแผ่วเบาหากแต่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานที่ส่งมอบให้จากทุกอณูของดวงใจ
“ผมเองก็รักคุณแมกซ์ครับ...ขอแค่มีคุณแมกซ์อยู่ตรงนี้ ไอ้น้อยคนนี้ก็ไม่ขออะไรอีกแล้วครับ”
เด็กหนุ่มกระซิบแผ่วเบาเมื่อถอนริมฝีปากออกก่อนจะต้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสองแขนแกร่งของพศวัตตวัดรัดรอบกายพลางยกตัวของเขาขึ้นสองในขณะที่ยืนขึ้นแบบไม่ให้ตั้งตัว ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มตวัดขาเกี่ยวรอบเอวของคนรักร่างใหญ่เอาไว้ทันที
“เหวอ! คุณแมกซ์เล่นอะไรฮะ!”
“ขอโทษ....แต่พี่ว่า...พี่ทนไม่ไหวแล้วน้อย เราเข้าห้องกันเถอะ...ยิ่งเราพูดแบบนี้ทำแบบนี้มันยิ่งน่า...นักรู้ตัวใช่ไหม” ไม่พูดเปล่าสองมือแกร่งขยำสะโพกของเด็กหนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนาจนสมปองต้องอุทานออกมาอีกระรอก พศวัตใช้ปลายจมูกโด่งซุกไซ้กับผิวเนื้อที่โผล่พ้นคอเสื้อสงกรานต์ที่สมปองใส่
“พี่นึกอยากทึ้งเสื้อเราออกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว....” ไม่พูดเปล่าร่างสูงเดินพาร่างเล็กของสมปองตรงเข้าไปที่ห้องนอนทั้งๆที่ยังอุ้มสมปองอยู่อย่างนั้น
“คุณแมกซ์อ่ะ แกล้งผมอีกแล้ว!!!” สมปองร้องออกมาก่อนที่ประตูห้องนอนจะปิดลง
###fin###
talk : จบแล้วล่ะค่ะ สำหรับภาคพิเศษ หวังว่ากลับมาอ่านกันแล้วคงจะมีความสุข ยิ้มแก้มปริ ไปกับเจ้าน้อยและครอบครัวสุขสันต์นะคะ เอาล่ะค่ะ จบพาร์ทเจ้าน้อยแต่เพียงเท่านี้..ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วเนอะ? ที่จริงตัวละครเอกในซีรี่ส์นี้ก็มีตั้ง 10 คนเลยนะคะ จะว่าไปก็เยอะ มีหลายปม หลายอย่างที่ยังอยากเขียนอยู่ หากว่าเวลาและโอกาสอำนวยก็คงจะได้เจอกับภาคพิเศษของซีรี่ส์นี้กันอีกค่ะ และจนกว่าจะถึงวันนั้น ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับซีรี่ส์นี้นะคะ
kuruma
17/08/12